“คุณอาอย่าปฏิเสธดีกว่าครับ เพราะผมเพิ่งปะกับว่าที่อาสะใภ้มา แต่ดูอาสะใภ้จะจำคุณอาเป็นผมแทน แล้วยังคิดจะ…”“รีบเล่าเรื่องที่พวกนายเจอกันให้อาฟังซะ เดี๋ยวนี้” โม่ฉีเฉินขัดคำพูดของโม่เหยียนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“แค่ก ๆ”โม่เหยียนไม่กล้ารีรอ และเล่าบทสนทนาเมื่อครู่ให้เขาฟังทั้งหมดแน่นอนว่าเขาพูดแค่ครึ่งหลัง เพราะครึ่งแรกเขาหยอกล้อเธอ ขืนอารองรู้ว่าเขากล้าหยอกผู้หญิงของอารองละก็…คิดไปก็เสียวกระดูกสันหลังวาบ…“ต่อไปนายทำตามที่อาบอก”เสียงเย็นชาที่ปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ไร้อารมณ์จนน่ากลัว**เหมยเหมยออกจากสนามบิน เธอนั่งแท็กซี่แล้วตรงไปโรงพยาบาลแรกเริ่มเดิมทีตระกูลเหมยสร้างตัวจากอุตสาหกรรมการแพทย์ แม้ว่าจะลดลงบ้างแล้วตั้งแต่ที่พ่อของเธอเสียชีวิต แต่ก็ยังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมนี้เธอตรงไปที่โรงพยาบาลที่เธอเชื่อถือมากที่สุดและให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกตรวจดูเท้าของเธอแพทย์บอกว่าอาการบาดเจ็บที่เท้าของเธอไม่ได้ร้ายแรง แต่เพราะการใช้ยาที่ไม่ถูกต้องทำให้อาการบาดเจ็บนั้นรุนแรงขึ้น ขอแค่กลับมาใช้ยาตามปกติและดูแลตัวเอง เธอก็ยังมีหวังจะรักษาหายนัยน์ตาสวยสดของเหมยเหมยเผยความเย็นชา เมื่อ
“ติ๊ง”เสียงของโทรศัพท์ดังขึ้น เหมยเหมยก็เหลือบมองข้อความที่เพื่อนสนิทของเธออย่างถูเจียเออร์ส่งมาจากชั้นบน: “ทุกอย่างเรียบร้อยดี หายห่วงย่ะ”แม้ตระกูลถูจะไม่ได้มีธุรกิจใหญ่โตมโหฬารในเมืองไหวเฉิง แต่ตระกูลชนชั้นสูงต่างก็หวั่นเกรงพวกเขาพอสมควร เพราะตระกูลถูมีนักสืบเอกชนที่ทำงานได้รวดเร็วอยู่นับไม่ถ้วน แผนการในคืนนี้มีถูเจียเออร์เป็นคนช่วย ทำให้เธอวางใจไปได้มากหลังจากวางโทรศัพท์ เดิมทีเหมยเหมยอยากจะนั่งเงียบ ๆ ที่มุมหนึ่งของงานปาร์ตี้ รอคอยการเริ่มต้นดำเนินการตามแผน แต่เสียงรอบตัวเธอกลับมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เธอเสียสมาธิ“เหมยเหมยเป็นคนพิการ ทำไมตระกูลหลีต้องแต่งงานกับเธอด้วย”“ยังเดาไม่ออกอีกเหรอ? ก็ตระกูลหลีอยากมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมการแพทย์ ต้องคิดใช้ประโยชน์จากเธอแน่!”เมื่อได้ยินผู้คนรอบตัวกำลังวิพากษ์วิจารณ์ความตกต่ำของชีวิตเธอ และเห็นสีหน้าเย็นชาของเหมยเหม เหมยเสี่ยวตี๋ก็รู้สึกปิติในใจถึงที่สุด!เธอจงใจให้คนของเธอเข้าไปในวงสาวสังคมเพื่อเป่าหู หวังอยากให้คนพวกนั้นวิจารย์มากยิ่งขึ้น รุนแรงยิ่งขึ้น!เหมยเหมยนั่งฟังอย่างสงบ เธอมีสายตาเย็นชาเป็นครั้งคราว และรับรู้ได้ทันทีว่าผู้ห
เหมยเหมยรู้ดีว่าหากความร่วมมือของตระกูลเหมยกับอีกหลายกลุ่มบริษัทในคืนนี้ล้มเหลว หนี้ทั้งหมดก็จะตกเป็นของเธอแน่นอนล่าสุดพ่อผู้ให้กำเนิดของเหมยเสี่ยวตี๋หรือก็คือ เหมยเหลียนตง อาสามของเธอ ได้ร่วมมือกับคณะกรรมการบริหารบังคับให้แม่ของเธอสละตำแหน่งประธานบริษัทหลายครั้ง ดูเหมือนว่าภาพถ่ายพวกนี้ก็คงเป็นความร่วมมือระหว่างคู่ลูกพ่อเหมยเสี่ยวตี๋เหมือนกันหากพวกเขาทำสำเร็จ เธอคงต้องรู้สึกผิดต่อแม่ที่ยังเอาแต่ทำงานหนักเพื่อเหมยซื่อกรุ๊ปอยู่ที่ต่างประเทศแน่ในตอนนี้เอง ถูเจียเออร์ เพื่อนสนิทของเธอ พรวดพราดเข้ามาภายในห้องจัดเลี้ยง ก่อนจะมายืนหอบข้าง ๆ เธอ: “เหมยเหมย ฉันส่งคนไปควบคุมหลังเวทีแล้ว พอคนของฉันมาถึงแล้วเราจะตัดหน้าจอทันที” เธอพูดอย่างเร่งรีบ“ไม่จำเป็นหรอก”เหมยเหมยเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอจ้องไปที่หน้าจออย่างใจจดใจจ่อ โดยที่แววตาไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงดวงตาของถูเจียเออร์เต็มไปด้วยความกังวล: “เธอแน่ใจเหรอ?”เหมยเหมยพยักหน้าและเปิดโทรศัพท์อย่างใจเย็น ก่อนจะล็อกอินอีเมลของเธออย่างรวดเร็วเพื่อดึงข้อมูลบางส่วนและส่งไปที่ถูเจียเออร์: “ให้คนของเธอเชื่อมต่อพวกนี้เข้ากับหน้าจอ และฉายวนซ้ำรวม
ฟังจากความเห็นของผู้คนแล้ว เหมยเหมยคือบุคคลที่สนับสนุนบริษัทของหลีรั่วเชี่ยน แม้ว่าพ่อแม่ตระกูลหลีจะไม่พอใจเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงยิ้มเท่านั้นผู้อาวุโสของคณะกรรมการบริหารเหมยซื่อกรุ๊ปต่างพากันเจรจากับหุ้นส่วนอย่างหน้าชื่นตาบานเหมยเหมยมองดูความสองหน้าของผู้คนอย่างสงบ ก่อนจะเริ่มเผยความเจ้าเล่ห์ในดวงตาของเธอ:“กล้าพนันก็ต้องยอมรับผล ต่อไปเรามาฟังเหมยเสี่ยวตี๋ร้องเพลงกันเถอะ”เสียงอันชัดเจนตัดผ่านเสียงของฝูงชน หลังจากที่เธอเตือนพวกเขา ทุกคนก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีเดิมพันที่ยังไม่เสร็จสิ้นอยู่! เหมยเสี่ยวตี๋เป็นดารา ผู้คนต่างก็ส่งเสียงดังสนุกสนานเพราะอยากได้ฟังสดด้วยหูของตัวเอง“ฉ…ฉัน วันนี้ฉันเสียงแหบนิดหน่อยน่ะ” เหมยเสี่ยวตี๋โบกมือปัดอย่างรวดเร็ว“ดาราดังถึงขนาดออกซิงเกิล แค่ร้องเพลงจะยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“หยุดแก้ตัวได้แล้ว เจ็บคอก็ร้องเพลงได้นี่ กล้าพนันก็แต่ไม่กล้ายอมรับผลเหรอ? หรือจะให้เราสงสัยว่าคุณไม่ได้ร้องเพลงนั้นเอง?”เมื่อถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์หมดหวังเช่นนี้ เหมยเสี่ยวตี๋จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันและขึ้นไปยื่นหน้าไมโครโฟนบนเวทีเสียงดนตรีดังขึ้น เหมย
ชายที่อยู่ในห้องนั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์ เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าออกอาการป่วยเล็กน้อยแต่ยังไม่อาจซ่อนความสง่าและความหล่อเหลาของเขาได้ ความพิการทางร่างกายของเขาซ่อนบุคลิกแข็งแกร่งของเขาไม่ได้เลยสักนิดคิ้วหนาและดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลง นิสัยท่าทางของชายคนนี้เหมือนกับชายหนุ่มในโรงแรมในปารีสคืนนั้นทุกประการเหมือนกว่าโม่เหยียนซะอีก!ในขณะนั้นเอง บอดี้การ์ดคนหนึ่งจากอีกห้องพูดกับเธอว่า: “ประธานโม่ตั้งใจมารอคุณที่นี่ครับ คุณเหมย”ประธานโม่...มีข่าวลือว่าบุคคลที่รับผิดชอบโม่นั้นซื่อกรุ๊ป ไม่ใช่ใครอื่นหอกแต่เป็น โม่ฉีเฉิน นายน้อยคนรองตระกูลโม่ ว่ากันว่าเขามีอารมณ์รุนแรง อาศัยอยู่ต่างประเทศมาหลายปีและไม่เคยกลับเข้ามาในประเทศ และเขาเป็น...คนพิการ...เธอไม่ได้สงสัยว่าทำไมโม่ฉีเฉินถึงปรากฏตัวในห้องของเธอ เพราะถึงยังไงทั่วเมืองไหวเฉิงก็คืออาณาเขตของเขาดูเหมือนจะมีจุดอ่อนที่ไม่อาจแตะต้องอยู่ในดวงตายาวเรียวและเหินห่างคู่นั้น เธออยากหลีกเลี่ยง แต่การหลบดวงตาดำขลับของเขากลับเป็นเรื่องยากโม่ฉีเฉินดูเหมือนชายในความทรงจำของเธอคืนนั้นมากเหมยเหมยควบคุมสีหน้าของเธอ พยายามนึกถึงความทรงจำที่ก
เหมยเหมยลุกขึ้นยืนตรงหน้าโม่ฉีเฉินอีกครั้ง และปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา:“ขออภัย ฉันเกรงว่าจะตกลงตามข้อเสนอของคุณไม่ได้”โม่ฉีเฉินไม่ละสายตาและไม่สนใจคำตอบของเธอ “ก่อนหน้ามีผู้ชายคนหนึ่งถูกยัดเข้ามาอยู่ในห้องนี้ คุณกำลังตกอยู่ในปัญหา” เขากล่าวเสริม“ไม่รบกวนประธานโม่ให้ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันจัดการเองแล้ว” เหมยเหมยยืนกรานที่จะปฏิเสธโม่ฉีเฉินหรี่ตาลง ด้วยสมองอันชาญฉลาดของผู้หญิงคนนี้ เธอคงเดาได้แล้วว่าชายหนุ่มในคืนนั้นคือเขา หรือนี่เธอไม่อยากแต่งงานกับเขาขนาดนั้นเลยเหรอ?เสียงของโม่ฉีเฉินเริ่มน่ากลัว: “แต่ผมจะยัดเพิ่มเข้ามาอีกคนเมื่อไรก็ได้”ดวงตาของเหมยเหมยเข้มขึ้น: “คุณกำลังขู่ฉันเหรอคะ?”“ผมไม่อยากขู่คุณหรอก”โม่ฉีเฉินสงบลงและพูดว่า “ขอแค่คุณเห็นด้วย โม่ซื่อกรุ๊ปจะให้การสนับสนุนทุกอย่างที่คุณต้องการ คุณอยากฟื้นฟูเหมยซื่อกรุ๊ปไม่ใช่เหรอ? แล้วผมก็ยัง...รักษาเท้าของคุณได้ด้วย”เหมยเหมยรู้สึกเกลียดน้ำเสียงเรียบง่ายที่แต่ไปด้วยแผนการของเขาเล็กน้อย แต่...ทุกคำที่เขาพูดนั้นโดนจุดอ่อนของเธออย่างจังเธอเหลือบมองเท้าซ้ายที่บาดเจ็บและอ่อนแอของเธอ หากเธอไม่รักษาอาการบาดเจ็บที่เท้าให้เร็วที่สุ
เหมยเหมยเก็บสายตาอันเฉียบคมของเธอ ก่อนจะแสร้งทำเป็นสงสัยและถามว่า: “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนถึงมาที่นี่ละ?”“ป้าก็มาปลุกหนูยังไงละ! ก็วันนี้เป็นวันหมั้นของหนูกับนายน้อยหลี หนูก็ต้องตื่นแต่เช้ามาแต่งตัวสิจ๊ะ!”เฉินอวี้ฟังผู้เป็นอาสะใภ้สามเบียดตัวผ่านเธอและเป็นคนแรกที่รีบเข้ามา สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง และในที่สุดเธอก็จ้องมองไปที่เตียงขนาดใหญ่ในห้องนอน...ที่นั่นมีเสื้อผ้ากองรวมกันเละเทะกับผ้าห่มที่สุมหัวเอาไว้...“ไอ้หยา ยัยหนูนี่ รีบเก็บของเร็ว ๆ เข้า สไตลิสต์จะมาถึงแล้วอยู่แล้ว” เฉินอวี้ฟังพูดขณะที่เธอเดินไปยังห้องนอนเหมยเหมยติดตามอย่างใกล้ชิด: “หนูทำเองค่ะ!”“ให้ป้าทำให้เถอะ!”เฉินอวี้ฟังจะปล่อยโอกาสเปิดเผยความลับนี้ไปได้ยังไง เธอรุดตัวไปที่เตียงแล้วเอื้อมมือไปยกผ้าห่มบนเตียงโดยไม่ลังเล!ผ้าห่มถูกโยนลงพื้น เมื่อเธอเห็นสถานการณ์บนเตียง เฉินอวี้ฟังก็ตกตะลึง ——เตียงนอนขาวสะอาด ——ไม่มีผู้ชายสักคนเฉินอวี้ฟังหดคอของเธออย่างสงสัย และมองย้อนกลับไปที่เหมยเหลียนตงผู้ที่กำลังสงสัยพอ ๆ กัน เสี่ยวตี๋บอกว่าจะยัดผู้ชายเข้ามาในห้องของเหมยเหมยไม่ใช่เหรอ แล้วผู้ชายล่ะ?“หนูทำความส
“เหอะ!”ผู้ถือหุ้นอาวุโสของเหมยซื่อกรุ๊ปสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป พร้อมทิ้งคำพูดรุนแรงเอาไว้ “ไม่ช้าก็เร็วเราจะเคลียหนี้ของวันนี้!”เหมยเหลียนตงดูหดหู่ใจ พ่อแม่ตระกูลหลีต่างก็ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าอันที่จริง พวกเขารู้อยู่ในใจว่าลูกชายของพวกเขานิสัยเป็นยังไง เมื่อพวกเขาเห็นลูกชายของตัวเองกับเหมยเสี่ยวตี๋พากันหลบขณะที่พวกเขาเข้ามา พวกเขาก็เข้าใจทุกอย่างดีแต่ตัวตนของเหมยเสี่ยวตี๋เป็นใคร? สถานะของหญิงสาวจากตระกูลเล็กที่แตกหน่อออกมาจากตระกูลเหมยจะเทียบกับเหมยเหมยได้ยังไง?ในเวลานี้ พวกเขาต้องปลอบใจเหมยเหมยก่อน...หลีรั่วเชี่ยนเห็นสายตาพ่อแม่ของเขา และก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่ออธิบาย “เหมยเหมย เชื่อผมเถอะ เมื่อคืนเราไม่ได้ทำอะไรกันเลย...”เหมยเหมยผลักมือของหลีรั่วเชี่ยนออกไป และร้องไห้ก่อนจะจากไป แม่ตระกูลหลีรีบคว้าเธอไว้: “เด็กดี ดูสิพิธีหมั้นใกล้เข้ามาแล้ว หนูจะออกไปไม่ได้นะ”“คุณป้า หลีรั่วเชี่ยนทำแบบนี้ลับหลังหนูโดยไม่มีคำอธิบายสักคำ แล้วจะบังคับให้หนูแต่งงานกับเขาเหรอคะ?”ดวงตาของเธอมุ่งมั่น คำถามของเธอทำเอาแม่ตระกูลหลีหมดหนทางฉุดรั้ง เธอหันกลับมาและตะโกนด้วยความโกรธที่