บทที่ 9 ฉันไม่อยากแต่งงาน

เหมยเหมยลุกขึ้นยืนตรงหน้าโม่ฉีเฉินอีกครั้ง และปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา:

“ขออภัย ฉันเกรงว่าจะตกลงตามข้อเสนอของคุณไม่ได้”

โม่ฉีเฉินไม่ละสายตาและไม่สนใจคำตอบของเธอ “ก่อนหน้ามีผู้ชายคนหนึ่งถูกยัดเข้ามาอยู่ในห้องนี้ คุณกำลังตกอยู่ในปัญหา” เขากล่าวเสริม

“ไม่รบกวนประธานโม่ให้ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันจัดการเองแล้ว” เหมยเหมยยืนกรานที่จะปฏิเสธ

โม่ฉีเฉินหรี่ตาลง ด้วยสมองอันชาญฉลาดของผู้หญิงคนนี้ เธอคงเดาได้แล้วว่าชายหนุ่มในคืนนั้นคือเขา หรือนี่เธอไม่อยากแต่งงานกับเขาขนาดนั้นเลยเหรอ?

เสียงของโม่ฉีเฉินเริ่มน่ากลัว: “แต่ผมจะยัดเพิ่มเข้ามาอีกคนเมื่อไรก็ได้”

ดวงตาของเหมยเหมยเข้มขึ้น: “คุณกำลังขู่ฉันเหรอคะ?”

“ผมไม่อยากขู่คุณหรอก”

โม่ฉีเฉินสงบลงและพูดว่า “ขอแค่คุณเห็นด้วย โม่ซื่อกรุ๊ปจะให้การสนับสนุนทุกอย่างที่คุณต้องการ คุณอยากฟื้นฟูเหมยซื่อกรุ๊ปไม่ใช่เหรอ? แล้วผมก็ยัง...รักษาเท้าของคุณได้ด้วย”

เหมยเหมยรู้สึกเกลียดน้ำเสียงเรียบง่ายที่แต่ไปด้วยแผนการของเขาเล็กน้อย แต่...ทุกคำที่เขาพูดนั้นโดนจุดอ่อนของเธออย่างจัง

เธอเหลือบมองเท้าซ้ายที่บาดเจ็บและอ่อนแอของเธอ หากเธอไม่รักษาอาการบาดเจ็บที่เท้าให้เร็วที่สุด เธอจะคว้าโอกาสที่จะหายดีได้ยังไง แล้วจะใช้อะไรต่อสู้กับคู่รักหมาเน่านั่นด้วย?

แล้วยังมีคณะกรรมการบริหารของเหมยซื่อกรุ๊ปที่ตกไปอยู่ใต้อำนาจของอาสามอีก ต่อให้เธออยากจะจัดการ แต่ก็ต้องเริ่มจากแผนระยะยาว แต่ความเป็นจริงจะให้เวลาเธอมากขนาดนั้นหรือ?

เธอหายใจเข้าแล้วถามว่า “คุณจะรักษามันยังไง ใช้เวลานานเท่าไหร่?”

“ไปที่ที่อยู่นี้แล้วแพทย์จะทำการฝังเข็มให้คุณ คุณจะเดินได้อย่างอิสระภายในสามวัน” โม่ฉีเฉินโยนนามบัตรลงบนโต๊ะ

สามวัน?

ขนตายาวของเหมยเหมยกะพริบเล็กน้อย

อาการบาดเจ็บที่เท้าของเธอยืดเยื้อมานานถึงสองปี ขนาดแพทย์ที่รักษามาหลายเคสยังไม่สามารถรับประกันเวลาการฟื้นตัวของเธอได้เลย แต่เขาบอกว่าเธอจะหายภายในสามวัน?

นี่มันเรื่องล้อเล่นชัด ๆ !

แต่สีหน้าของชายหนุ่มกลับมุ่งมั่นมากเสียจนเธอต้องตั้งความหวัง “ถ้ามีหมอที่เก่งขนาดนั้นทำไมคุณถึงไม่รักษาตัวเองก่อนคะ?”

“จะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของคุณ!”

คนที่กล้าพูดแบบนี้กับเขาครั้งก่อนยังไม่เกิดเลย คิดไม่ถึงว่าจะมีคนไม่รักชีวิตอีกคนมาโผล่ที่นี่!

ความโกรธปรากฏขึ้นในดวงตาของโม่ฉีเฉิน จากนั้นเขาก็หมุนวีลแชร์เป็นสัญญาณให้คนที่อยู่ข้างหลังเขาเข็นเขาออกไป:

“ผู้หญิงของตระกูลโม่จะไม่มีวันเป็นคนพิการ! ในสามวัน ถ้าอาการบาดเจ็บที่เท้าของคุณดีขึ้น จะมีคนมารับคุณไปแต่งงาน!” น้ำเสียงของเขาดูจริงจังและเคร่งขรึม แม้จะเป็นเพียงด้านหลังของเขาแต่กลับมีพลังพอจะข่มขู่

โม่ฉีเฉินออกจากห้องของเหมยเหมย ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ก่อนที่น้ำเสียงฉุนเฉียวไม่พอใจดังมาจากอีกด้านหนึ่ง: “อารอง นี่อาวางแผนจะแต่งงานกับเหมยเหมยจริงๆ เหรอครับ”

โม่ฉีเฉินหรี่ตาลงและพูดด้วยเสียงจริงจัง “ข่าวนายไปไวเหลือเกินนะ”

คนที่ปลายสายอีกด้านยังคงกังวล: “อาอย่าลืมสิครับว่าแผนล้างแค้นที่อาวางไว้ก่อนกลับจีนคืออะไร!”

“ไม่รีบ”

ลูกกระเดือกของโม่ฉีเฉินสั่นเล็กน้อยและเสียงของเขาก็แหบแห้ง: “เพราะคราวนี้ อาคิดว่าจะเปลี่ยนวิธีเล่นให้สนุกกว่านี้หน่อย”

*

โม่ฉีเฉินออกไปแล้ว เหมยเหมยนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอน จับนามบัตรไว้แน่น และนึกถึงสายตาที่มุ่งมั่นของโม่ฉีเฉินตอนที่เขาพูดเมื่อครู่นี้... เธอควรจะเชื่อเขามั้ย?

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงของถูเจียเออร์ก็ดังขึ้น: “เมื่อกี้ หลีรั่วเชี่ยนขึ้นไปชั้นบนแล้ว เขากับเหมยเสี่ยวตี๋กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเข้าไปในห้องนอน”

ทางด้านถูเจียเออร์ เธอได้สั่งให้คนไปจัดการเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเหมยเหมยก็ได้ยินเสียงหอบหายใจของคู่รักผีเน่าแบบเดียวกับที่เธอได้ยินในท้ายรถวันนั้น

เหมยเหมยขมวดคิ้วและพูดว่า “ได้แล้วละ”

ถูเจียเออร์ตอบสนองและตัดแหล่งกำเนิดเสียงจากอุปกรณ์ดักฟังพกพาของหลีรั่วเชี่ยน:

“คนของฉันเอาโถกำยานเจ้าปัญหาไปที่ห้องของเหมยเสี่ยวตี๋แล้วละ แล้วเราก็เพิ่มยาเข้าไปอีกนิดหน่อย จะได้แน่ใจว่าแผนของเราคืนนี้จะไม่มีผิดผลาด! ว่าแต่จมูกเธอเนี่ย ถึงจะไม่ใช่หม่าแต่ก็เกิดมาเพื่อเป็นทายาทตระกูลน้ำหอมตัวจริงเลย” ถูเจียเออร์ชื่นชม

ในตอนนั้น พ่อตระกูลเหมยขยายอุตสาหกรรมการแพทย์เป็นวงกว้างและเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เขาได้นำทีมเทคนิคทำการพัฒนาน้ำหอมเพื่อขยายเส้นทางการธุรกิจของเหม่ยซื่อกรุ๊ป เหมยเหมยเหมยเกิดมาพร้อมกับความไวต่อกลิ่นหอม เธออยากช่วยแผนกวิจัยและพัฒนาน้ำหอม แต่พ่อของเธอไม่เคยอนุญาต ดังนั้นจึงไม่มีใครในบริษัทรู้ว่าเธอมีพรสวรรค์ด้านนี้

บางทีพ่อของเธอแค่อยากให้เธอเป็นลูกคุณหนูที่ไร้ความกังวล แต่ผลลัพธ์คืออะไรละ?

เธอช่วยหลีรั่วเชี่ยนพิชิตเป้าหมาย แต่เธอเกือบถูกหลอกจนเสียทั้งตัวเสียทั้งเงิน?

ดวงตาของเธอแสบขึ้นมาเล็กน้อย และรีบเตือนตัวเองให้สงบสติอารมณ์และพูดว่า: “คืนนี้พวกเขาคงจะหลับสนิท ให้คนของเธอถอนตัวก่อนเถอะ แล้วค่อยรอข่าวพรุ่งนี้เช้า”

**

เช้าวันรุ่งขึ้น

ก่อนที่เหมยเหมยจะตื่น เธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”

เคาะรีบขนาดนี้ กลัวว่าเธอไปสายแล้วจะเสียแผนหรือไงนะ? เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นก่อนจะจัดทรงผมของตัวเอง เธออยากจะดูเสียจริงว่าใครกันที่จะเข้ามาตกหลุมพรางเป็นคนแรก ——

“แอ๊ด”

ประตูถูกเปิดออก

ที่ยืนอยู่ด้านหน้าคือเหมยเหลียนตงผู้เป็นอาสามและเฉินอวี้ฟังอาสะใภ้สาม ซึ่งก็คือพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเหมยเสี่ยวตี๋ ข้างหลังพวกเขายังมีพ่อกับแม่ตระกูลหลีกับสมาชิกอาวุโสหลายคนในคณะกรรมการบริหารของเหมยซื่อกรุ๊ป ช่างครึกครื้นเสียจริง!

ดูเหมือนว่าเหมยเสี่ยวตี๋และหลีรั่วเชี่ยนไม่เพียงแต่อยากให้พ่อแม่ตระกูลหลีเห็นการภาพฉากการนอกใจในคืนก่อนงานหมั้นของเธอ และยกเลิกการหมั้นหมายของเธอกับหลีรั่วเชี่ยน... แต่ยังอยากระงับตำแหน่งของเธอในคณะกรรมการบริหารของเหมยซื่อกรุ๊ปด้วยสินะ...