ฟังจากความเห็นของผู้คนแล้ว เหมยเหมยคือบุคคลที่สนับสนุนบริษัทของหลีรั่วเชี่ยน แม้ว่าพ่อแม่ตระกูลหลีจะไม่พอใจเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงยิ้มเท่านั้นผู้อาวุโสของคณะกรรมการบริหารเหมยซื่อกรุ๊ปต่างพากันเจรจากับหุ้นส่วนอย่างหน้าชื่นตาบานเหมยเหมยมองดูความสองหน้าของผู้คนอย่างสงบ ก่อนจะเริ่มเผยความเจ้าเล่ห์ในดวงตาของเธอ:“กล้าพนันก็ต้องยอมรับผล ต่อไปเรามาฟังเหมยเสี่ยวตี๋ร้องเพลงกันเถอะ”เสียงอันชัดเจนตัดผ่านเสียงของฝูงชน หลังจากที่เธอเตือนพวกเขา ทุกคนก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีเดิมพันที่ยังไม่เสร็จสิ้นอยู่! เหมยเสี่ยวตี๋เป็นดารา ผู้คนต่างก็ส่งเสียงดังสนุกสนานเพราะอยากได้ฟังสดด้วยหูของตัวเอง“ฉ…ฉัน วันนี้ฉันเสียงแหบนิดหน่อยน่ะ” เหมยเสี่ยวตี๋โบกมือปัดอย่างรวดเร็ว“ดาราดังถึงขนาดออกซิงเกิล แค่ร้องเพลงจะยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“หยุดแก้ตัวได้แล้ว เจ็บคอก็ร้องเพลงได้นี่ กล้าพนันก็แต่ไม่กล้ายอมรับผลเหรอ? หรือจะให้เราสงสัยว่าคุณไม่ได้ร้องเพลงนั้นเอง?”เมื่อถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์หมดหวังเช่นนี้ เหมยเสี่ยวตี๋จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันและขึ้นไปยื่นหน้าไมโครโฟนบนเวทีเสียงดนตรีดังขึ้น เหมย
ชายที่อยู่ในห้องนั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์ เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าออกอาการป่วยเล็กน้อยแต่ยังไม่อาจซ่อนความสง่าและความหล่อเหลาของเขาได้ ความพิการทางร่างกายของเขาซ่อนบุคลิกแข็งแกร่งของเขาไม่ได้เลยสักนิดคิ้วหนาและดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลง นิสัยท่าทางของชายคนนี้เหมือนกับชายหนุ่มในโรงแรมในปารีสคืนนั้นทุกประการเหมือนกว่าโม่เหยียนซะอีก!ในขณะนั้นเอง บอดี้การ์ดคนหนึ่งจากอีกห้องพูดกับเธอว่า: “ประธานโม่ตั้งใจมารอคุณที่นี่ครับ คุณเหมย”ประธานโม่...มีข่าวลือว่าบุคคลที่รับผิดชอบโม่นั้นซื่อกรุ๊ป ไม่ใช่ใครอื่นหอกแต่เป็น โม่ฉีเฉิน นายน้อยคนรองตระกูลโม่ ว่ากันว่าเขามีอารมณ์รุนแรง อาศัยอยู่ต่างประเทศมาหลายปีและไม่เคยกลับเข้ามาในประเทศ และเขาเป็น...คนพิการ...เธอไม่ได้สงสัยว่าทำไมโม่ฉีเฉินถึงปรากฏตัวในห้องของเธอ เพราะถึงยังไงทั่วเมืองไหวเฉิงก็คืออาณาเขตของเขาดูเหมือนจะมีจุดอ่อนที่ไม่อาจแตะต้องอยู่ในดวงตายาวเรียวและเหินห่างคู่นั้น เธออยากหลีกเลี่ยง แต่การหลบดวงตาดำขลับของเขากลับเป็นเรื่องยากโม่ฉีเฉินดูเหมือนชายในความทรงจำของเธอคืนนั้นมากเหมยเหมยควบคุมสีหน้าของเธอ พยายามนึกถึงความทรงจำที่ก
เหมยเหมยลุกขึ้นยืนตรงหน้าโม่ฉีเฉินอีกครั้ง และปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา:“ขออภัย ฉันเกรงว่าจะตกลงตามข้อเสนอของคุณไม่ได้”โม่ฉีเฉินไม่ละสายตาและไม่สนใจคำตอบของเธอ “ก่อนหน้ามีผู้ชายคนหนึ่งถูกยัดเข้ามาอยู่ในห้องนี้ คุณกำลังตกอยู่ในปัญหา” เขากล่าวเสริม“ไม่รบกวนประธานโม่ให้ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันจัดการเองแล้ว” เหมยเหมยยืนกรานที่จะปฏิเสธโม่ฉีเฉินหรี่ตาลง ด้วยสมองอันชาญฉลาดของผู้หญิงคนนี้ เธอคงเดาได้แล้วว่าชายหนุ่มในคืนนั้นคือเขา หรือนี่เธอไม่อยากแต่งงานกับเขาขนาดนั้นเลยเหรอ?เสียงของโม่ฉีเฉินเริ่มน่ากลัว: “แต่ผมจะยัดเพิ่มเข้ามาอีกคนเมื่อไรก็ได้”ดวงตาของเหมยเหมยเข้มขึ้น: “คุณกำลังขู่ฉันเหรอคะ?”“ผมไม่อยากขู่คุณหรอก”โม่ฉีเฉินสงบลงและพูดว่า “ขอแค่คุณเห็นด้วย โม่ซื่อกรุ๊ปจะให้การสนับสนุนทุกอย่างที่คุณต้องการ คุณอยากฟื้นฟูเหมยซื่อกรุ๊ปไม่ใช่เหรอ? แล้วผมก็ยัง...รักษาเท้าของคุณได้ด้วย”เหมยเหมยรู้สึกเกลียดน้ำเสียงเรียบง่ายที่แต่ไปด้วยแผนการของเขาเล็กน้อย แต่...ทุกคำที่เขาพูดนั้นโดนจุดอ่อนของเธออย่างจังเธอเหลือบมองเท้าซ้ายที่บาดเจ็บและอ่อนแอของเธอ หากเธอไม่รักษาอาการบาดเจ็บที่เท้าให้เร็วที่สุ
เหมยเหมยเก็บสายตาอันเฉียบคมของเธอ ก่อนจะแสร้งทำเป็นสงสัยและถามว่า: “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนถึงมาที่นี่ละ?”“ป้าก็มาปลุกหนูยังไงละ! ก็วันนี้เป็นวันหมั้นของหนูกับนายน้อยหลี หนูก็ต้องตื่นแต่เช้ามาแต่งตัวสิจ๊ะ!”เฉินอวี้ฟังผู้เป็นอาสะใภ้สามเบียดตัวผ่านเธอและเป็นคนแรกที่รีบเข้ามา สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง และในที่สุดเธอก็จ้องมองไปที่เตียงขนาดใหญ่ในห้องนอน...ที่นั่นมีเสื้อผ้ากองรวมกันเละเทะกับผ้าห่มที่สุมหัวเอาไว้...“ไอ้หยา ยัยหนูนี่ รีบเก็บของเร็ว ๆ เข้า สไตลิสต์จะมาถึงแล้วอยู่แล้ว” เฉินอวี้ฟังพูดขณะที่เธอเดินไปยังห้องนอนเหมยเหมยติดตามอย่างใกล้ชิด: “หนูทำเองค่ะ!”“ให้ป้าทำให้เถอะ!”เฉินอวี้ฟังจะปล่อยโอกาสเปิดเผยความลับนี้ไปได้ยังไง เธอรุดตัวไปที่เตียงแล้วเอื้อมมือไปยกผ้าห่มบนเตียงโดยไม่ลังเล!ผ้าห่มถูกโยนลงพื้น เมื่อเธอเห็นสถานการณ์บนเตียง เฉินอวี้ฟังก็ตกตะลึง ——เตียงนอนขาวสะอาด ——ไม่มีผู้ชายสักคนเฉินอวี้ฟังหดคอของเธออย่างสงสัย และมองย้อนกลับไปที่เหมยเหลียนตงผู้ที่กำลังสงสัยพอ ๆ กัน เสี่ยวตี๋บอกว่าจะยัดผู้ชายเข้ามาในห้องของเหมยเหมยไม่ใช่เหรอ แล้วผู้ชายล่ะ?“หนูทำความส
“เหอะ!”ผู้ถือหุ้นอาวุโสของเหมยซื่อกรุ๊ปสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป พร้อมทิ้งคำพูดรุนแรงเอาไว้ “ไม่ช้าก็เร็วเราจะเคลียหนี้ของวันนี้!”เหมยเหลียนตงดูหดหู่ใจ พ่อแม่ตระกูลหลีต่างก็ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าอันที่จริง พวกเขารู้อยู่ในใจว่าลูกชายของพวกเขานิสัยเป็นยังไง เมื่อพวกเขาเห็นลูกชายของตัวเองกับเหมยเสี่ยวตี๋พากันหลบขณะที่พวกเขาเข้ามา พวกเขาก็เข้าใจทุกอย่างดีแต่ตัวตนของเหมยเสี่ยวตี๋เป็นใคร? สถานะของหญิงสาวจากตระกูลเล็กที่แตกหน่อออกมาจากตระกูลเหมยจะเทียบกับเหมยเหมยได้ยังไง?ในเวลานี้ พวกเขาต้องปลอบใจเหมยเหมยก่อน...หลีรั่วเชี่ยนเห็นสายตาพ่อแม่ของเขา และก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่ออธิบาย “เหมยเหมย เชื่อผมเถอะ เมื่อคืนเราไม่ได้ทำอะไรกันเลย...”เหมยเหมยผลักมือของหลีรั่วเชี่ยนออกไป และร้องไห้ก่อนจะจากไป แม่ตระกูลหลีรีบคว้าเธอไว้: “เด็กดี ดูสิพิธีหมั้นใกล้เข้ามาแล้ว หนูจะออกไปไม่ได้นะ”“คุณป้า หลีรั่วเชี่ยนทำแบบนี้ลับหลังหนูโดยไม่มีคำอธิบายสักคำ แล้วจะบังคับให้หนูแต่งงานกับเขาเหรอคะ?”ดวงตาของเธอมุ่งมั่น คำถามของเธอทำเอาแม่ตระกูลหลีหมดหนทางฉุดรั้ง เธอหันกลับมาและตะโกนด้วยความโกรธที่
วันรุ่งขึ้นเป็นวันเข้าร่วมงานฉลองมิสกอร์เจียสและการแสดงความสามารถพิเศษเมื่อคืนนี้เหมยเหมยนอนหลับสนิท ทำให้เช้านี้ผิวของเธอสุขภาพดีเป็นพิเศษ ร่างกายก็เต็มไปด้วยพลังเธอแต่งหน้าเล็กน้อยก่อนจะไปทานอาหารเช้ากับแม่“เหมยเหมย แม่โอนหุ้นครึ่งหนึ่งให้ลูกแล้วนะ ต่อไปลูกจะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท” คุณแม่ตระกูลเหมยชะงักไปเล็กน้อย และถามความเห็นจากเหมยเหมย “แต่ว่า หลังจากลูกก้าวเข้าบริษัทแล้ว ลูกวางแผนจะรับผิดชอบด้านไหน”“หนูอยากจะ รับผิดชอบการวิจัยธุรกิจพัฒนาน้ำหอมใหม่ต่อยอดจากจุดที่เราอ่อนแอที่สุดในตอนนี้”เหมยเหมยนำแผนที่เธอวางไว้ในระยะนี้ออกมาเสนอให้แม่ดู “นี่เป็นแผนการเพิ่มประสิทธิภาพในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอมใหม่ที่ที่หนูทำมานานมากแล้วและได้รับการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญแล้ว แม่เห็นว่ายังไงคะ”ผู้เป็นแม่เปิดดูแผนการไปผมา ดวงตาของเธอเป็นประกาย: “แม่เชื่อในตัวลูก ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ของลูก ถ้าแม่จะยกแผนกธุรกิจน้ำหอมให้มันจะต้องฟื้นคืนมาได้แน่”เมื่อได้รับการอนุมัติจากแม่ เหมยเหมยก็รู้สึกมีความสุขออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจหลังจากรับประทานอาหารเสร็จเธอก็สวมชุดเดรสยาวที่เผยให้เห็นรูปร่าง
“อ่อ! เธอคือ เหมยเหมย ลูกสาวคนโตตระกูลเหมยคนที่คู่หมั้นถูกเหมยเสี่ยวตี๋แย่งไปไม่ใช่เหรอ? เธอโง่จริง ๆ หรือแกล้งโง่กันแน่? ถึงยังมาที่นี่เพื่อเหมยเสี่ยวตี๋อีก?”ดาราเล็ก ๆ สองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังพูดกันอย่างสนุกสนาน: “ฉันได้ยินมาว่าตระกูลเหมยตกต่ำมานานแล้ว ครั้งนี้เธออ่อยนายน้อยหลีไม่สำเร็จก็เลยถูกกระตุ้นอารมณ์ไปเยอะ ฉันว่าไม่ได้โง่หรอก แต่บ้าไปแล้วต่างหาก”ผู้คนรอบข้างกำลังเยาะเย้ย ดวงตาของเหมยเหมยมีเพียงแต่ความเย็นชา แต่ไม่รอให้เธอได้เอ่ยปากก็มีคนคนหนึ่งเข้ามาพูดแทนเธอ“พวกเธอพูดแบบนั้นได้ยังไง? เหมยเหมยเป็นพี่สาวของฉันนะ! ถ้าพวกเธอว่าพี่ฉันก็เท่ากับว่าฉันด้วย”เหมยเสี่ยวตี๋ที่ท่าทางอ่อนแอแต่งกายแบบสาวบริสุทธิ์เดินผ่านฝูงชนเข้ามาจับมือของเหมยเหมยแล้วพูดใกล้หูของเธอ “พี่คะ ฉันรู้อยู่แล้วเชียวว่าพี่ไม่มีทางโกรธฉัน เมื่อคืนมันแค่เรื่องเข้าใจผิดจริง ๆ นะคะ ฉันกับพี่เคยไม่ได้...”เหมยเหมยหันไปมองแววตาที่แฝงไปด้วยความเสแสร้งของเหมยเสี่ยวตี๋ และยกริมฝีปากของเธอขึ้นอย่างเยาะเย้ย:“งั้นเหรอ”ดวงตาของเหมยเสี่ยวตี๋สั่นไหว: “แน่สิคะ ที่นี่คนเยอะเกินไป ฉันจะอธิบายให้พี่ฟังอย่างละเอียดตอนฉันก
“อีกพักคุณจะอยู่ในคณะกรรมการมั้ยคะ?” เหมยเหมยถามโม่เหยียนยิ้มและส่ายหัว: “ถึงผมจะไม่อยู่ แต่อารองของผมวันนี้ก็มาด้วยตนเองเลยนะ เขาจะเป็นคนให้บัตรผ่านคุณเอง แบบนั้นจะมีหน้ามากกว่าใช่มั้ยล่ะ?”เหมยเหมยถอยไปครึ่งก้าว เธอไม่ชอบวิธีที่โม่เหยียนพูดสักเท่าไรโม่เหยียนเองก็ไม่มัวพิรี้พิไร “ถ้างั้นผมออกไปก่อนนะ!”โม่เหยียนเป็นนายน้อยคนรองตระกูลโม่ ดังนั้นเมื่อตัดสินใจเลือกผู้สมัคร คำพูดของเขาจึงมีน้ำหนัก! เหมยเหมยโต้ตอบกับโม่เหยียนอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้คนที่อยู่ข้างหลังเธออิจฉา!ทันทีที่โม่เหยียนจากไป เสียงประชดก็ดังขึ้นอีกครั้ง:“คนพิการยังอยากไปงานรวมตัวของคนดังเหรอ? ฉันคิดว่าเธอถูกกระตุ้นจริงๆ จากการนอกใจของคู่หมั้น และสมองของเธอก็ลัดวงจรด้วย!”“ฉันได้ยินมานานแล้วว่าเหมยเหมยผู้นี้ทรยศต่อรูปร่างหน้าตาของเธอบ่อยครั้งเพื่อที่จะเอาชนะเหมยเสี่ยวตี๋ คราวนี้เพื่อตัวเธอเอง ดังนั้นเธอจึงต้องเสี่ยงชีวิตด้วยซ้ำ บางทีเธอกับโม่เหยียน…”“คุณทำได้ โม่เหยียนชอบเธอได้ยังไง!”“ว้าว!”เหมยเหมยไม่สามารถฟังได้อีกต่อไปแล้วหันกลับมาทำกาแฟในมือของเธอหกใส่ชายคนนั้น“อา!”“คุณกำลังทำอะไร! ฉันจะไปแสดงบนเวทีใ