เฉินหลิงเหยารู้ชัดเจนมากเกี่ยวกับเหตุผลที่หานซานเฉียนต้องเช่าบ้าน เป็นเพราะหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยต้องแสร้งทำเป็นหย่าร้างกัน เขาจึงย้ายออกจากคฤหาสน์ใจกลางภูเขาชั่วคราว แต่การที่เขาบังเอิญอาศัยอยู่ถัดจากหยางเหมิงและกลายเป็นเพื่อนบ้านกันทำให้เฉินหลิงเหยาประหลาดใจเล็กน้อย เพราะหยางเหมิงก็เป็นผู้หญิงที่ไม่เลวคนหนึ่ง ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างหานซานเฉียนกับเธอหรือเปล่าเพื่อคลายข้อสงสัยขอตัวเอง เฉินหลิงเหยาจึงถามขึ้นอย่างตรงประเด็น "ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาหรอกใช่ไหม?"หยางเหมิงโบกมือด้วยความตื่นตระหนกและพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า "คุณเฉิน คุณกำลังคิดอะไรอยู่คะ ระหว่างฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ"เฉินหลิงเหยาขมวดคิ้ว หากไม่มีอะไร ทำไมหยางเหมิงถึงได้ตื่นตระหนกมากขนาดนี้ล่ะ เห็นได้ชัดว่ามีความรู้สึกผิดอยู่ในสายตาของเธอ“ไม่มีอะไรจริง ๆ งั้นเหรอ แต่สายตาของเธอมันบอกว่ามีอะไรบางอย่างนะ” เฉินหลิงเหยายืนขึ้น เดินตรงไปที่หยางเหมิง และมองตรงไปที่เธอหยางเหมิงไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของเฉินหลิงเหยา แม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง แต่ในช่วงเวลานั้น หยางเหมิงก็มีคว
เฉินหลิงเหยาตกใจมากจนแขนขาอ่อนแอ สำหรับเธอ เสียเงินได้ แต่จะสูญเสียความบริสุทธิ์ไม่ได้ และตอนนี้เธอก็ไม่ได้ขาดแคลนเงิน และทุกสิ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเงินก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่“ฉันให้เงินนายได้มากเท่าที่นายต้องการ” เฉินหลิงเหยากล่าว“แต่ฉันไม่สนใจเงิน ถ้าเธอยอมให้ความร่วมมือ เธอก็จะไม่เจ็บตัวมากนัก” หานซานเฉียนกล่าวเฉินหลิงเหยาตกใจมากจนร้องไห้ "พี่ชาย ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันยังไม่ได้แต่งงานเลย"หานซานเฉียนไม่คิดว่าเฉินหลิงเหยาจะหวาดกลัวขนาดนี้ เขารีบถอดหน้ากากและหมวกออก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงปกติ "เฉินหลิงเหยา ผมแค่ล้อเล่น คุณไม่ต้องกลัวขนาดนั้น"เฉินหลิงเหยาตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้เธอมองในกระจกมองหลังและเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เฉินหลิงเหยาก็โกรธขึ้นมาทันที“หานซานเฉียน คุณไม่มีอะไรทำแล้วหรือไง ฉันไม่มีความแค้นอะไรกับคุณ ทำไมต้องแกล้งฉันให้ตกใจกลัวด้วย” เฉินหลิงเหยาพูดด้วยสีหน้าโกรธเคืองหานซานเฉียนมองเจียงหยิงหยิงด้วยความสับสน เจียงหยิงหยิงเองก็แสดงสีหน้าแปลกใจเหมือนกันพูดตามหลัก หากข่าวการเสียชีวิตของหานซานเฉียนแพร่กระจายไปทั่วหยุนเฉิงแล้ว ด้วยคว
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ตัวล็อกประตูคลายเกลียวออก แต่ก็ยังไม่ได้เปิดออกหานซานเฉียนไม่รีบร้อน เขารู้ว่าซูหยิงเซี่ยต้องการการเตรียมตัวด้านจิตใจ เพราะตอนนี้เธอแตกต่างจากเมื่อก่อน“ไม่ต้องกังวล ผมจะรักษาคุณให้ได้” หานซานเฉียนพูดต่อประตูเปิดออกทีละน้อย ซูหยิงเซี่ยก้มศีรษะลงต่ำ และสิ่งที่ดึงดูดสายตาของหานซานเฉียนก็คือผมสีขาว ซึ่งนั่นทำให้หานซานเฉียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจเมื่อเข้าไปในห้อง สิ่งแรกที่หานซานเฉียนทำคือกอดซูหยิงเซี่ยไว้ในอ้อมแขนของเขา อย่างที่เขาพูด ไม่ว่าซูหยิงเซี่ยจะเป็นอย่างไร ความรักที่เขามีต่อเธอจะไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าเธอจะแก่มากก็ตาม หานซานเฉียนก็จะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไปซูหยิงเซี่ยรู้สึกถึงร่างกายที่คุ้นเคยนี้ และอดไม่ได้ที่จะกอดเอวของหานซานเฉียน“ฉันกลัวมากว่ามันจะเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันกลัวว่าจะสูญเสียคุณ ฉันกลัวว่าเนี่ยนเอ๋อร์จะสูญเสียแม่ของเธอไป” ซูหยิงเซี่ยร้องไห้อย่างขมขื่น เมื่ออยู่ต่อหน้าหานซานเฉียน เธอก็ทำเป็นแข็งแกร่งไม่ไหวอีกต่อไปหานซานเฉียนลูบหลังซู่หยิงเซี่ยเบา ๆ แล้วพูดว่า "ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ปล่อยให้เนี่ยนเอ๋อร์สูญเสียแม่ของเธอไป และผมจะช่วยคุณอย่
เมื่อมองไปที่ซูหยิงเซี่ย หัวใจของหานซานเฉียนก็เต้นเร็วขึ้นมากในทันทีเพราะเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และไข่มุกนี้จะนำมาการเปลี่ยนแปลงอะไรมาให้กับซูหยิงเซี่ยความไม่รู้อนาคตนี้กำลังท้าทายขีดจำกัดความกลัวของหานซานเฉียน แม้ว่าเขาจะอยู่ในถ้ำราชาปีศาจ แต่หานซานเฉียนก็ไม่เคยกลัวเลยเพราะซูหยิงเซี่ยมีค่ามากกว่าชีวิตของเขามาช้านานแล้ว เขายอมตายดีกว่าให้ซูหยิงเซี่ยตกอยู่ในอันตราย“ฝู๋เหยา หากคุณมีความสัมพันธ์กับเธอจริง ๆ คุณต้องช่วยปกป้องชีวิตเธอด้วย ผมถึงจะรู้ได้ว่าคุณต้องการทำอะไร” หานซานเฉียนพูดเสียงทุ้มในเวลานี้ เสียงที่ตื่นเต้นของม่อหยางก็ดังมาจากห้องนั่งเล่นหลังจากรู้ว่าหานซานเฉียนกลับมาแล้ว ม่อหยางก็รีบมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขาโดยเร็วที่สุด สำหรับเขา เขาได้เกิดใหม่เพราะหานซานเฉียน และเป็นเพราะหานซานเฉียนเขาถึงสามารถมายืนอยู่ในจุดที่เขาอยู่ทุกวันนี้ได้ก่อนที่หานซานเฉียนจะออกจากหยุนเฉิง เขามอบทุกอย่างให้เขา แต่เขากลับล้มเหลวในการปกป้องซูหยิงเซี่ย ในมุมมองของม่อหยางการที่ซูหยิงเซี่ยป่วยหนักมันเป็นความรับผิดชอบของเขาเมื่อหานซานเฉียนเดินออกมาจากห้อง ม่อหยางก็คุกเข่าลงตรงหน้าเขา“ซา
สีหน้าของหานเทียนหยางและเหยียนจุนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เมื่อดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง และอ้าปากค้าง จนหานซานเฉียนสามารถมองเห็นต่อมทอนซิลของทั้งสองได้อย่างชัดเจน “ถ้าต้องให้ผมเลื่อนระดับอีก เกรงว่าคงจะเหลือแต่ตำแหน่งของอี้เหล่าแล้วล่ะครับ” หานซานเฉียนกล่าวต่อลมหายใจของหานเทียนหยางหนักขึ้นมาก และหน้าอกของเขาก็กระเพื่อมอย่างรุนแรงหานซานเฉียนเพิ่งจะไปเทียนฉีแค่หนึ่งเดือน เขาก็สามารถท้ายทายบททดสอบสำเร็จทั้งสี่ระดับ เทียน ตี้ เชวียน ฮวง มันช่างเหลือเชื่อจริง ๆ สำหรับหานเทียนหยาง“ซานเฉียน นาย...นายไม่ได้ล้อพวกเราเล่นใช่ไหม” เหยียนจุนถามเสียงสั่น เทียนฉีคือวังสูงสุดของนักรบ แม้ว่าเหยียนจุนจะไม่เคยไปที่นั่น แต่เขาก็รู้ว่ามีปรมาจารย์มากมายอยู่ที่นั่น ในความเห็นของเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่หานซานเฉียนจะสามารถเลื่อนระดับสำเร็จภายในครั้งเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กนี่จะเก่งขนาดที่เลื่อนไปถึงระดับเทียน“ไม่แน่นอนครับ ตอนนี้ผมเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทียนแล้วจริง ๆ” หานซานเฉียนกล่าวหานเทียนหยางเดินไปหาหานซานเฉียน และยื่นมือที่สั่นเทาของเขาออกไปคว้าแขนของหานซานเฉียนแล้วพูดว่า "ซานเฉียน นาย..
เมื่อเห็นฟางจ้านมองไปรอบ ๆ หานซานเฉียนก็รู้ว่าเขาต้องการถามอะไร แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นเพราะเขาไม่ได้อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในถ้ำราชาปีศาจทำไมงูสีขาวตัวน้อยถึงได้เอาชนะสัตว์ร้ายตัวอื่นได้ นี่ยังคงเป็นข้อสงสัยที่ใหญ่ที่สุดในใจของหานซานเฉียน และทำไมมันถึงแสดงความใกล้ชิดกับเขาขนาดนี้ นี่ก็เป็นสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจ“ซานเฉียน คุณออกมาจากถ้ำราชาปีศาจได้ยังไง?” หลังจากทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ฟางจ้านก็ถามขึ้นเสียงเบา “สู้ไปวิ่งไป แล้วก็หนีออกมาได้” หานซานเฉียนกล่าว“สู้?” ฟางจ้านมองหานซานเฉียนด้วยความตกใจแม้ว่าหานซานเฉียนจะมีพลังมาก แต่สัตว์ร้ายเหล่านั้นก็มีพลังมากกว่า เขาจะรอดจากการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายได้อย่างไร“คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม สัตว์ร้ายเหล่านั้นมีพลังมากจนแม้แต่อี้เหล่าและเหอชิงเฟิงก็ไม่สามารถเอาชนะได้ คุณสู้พวกมันยังไง?” ฟางจ้านถาม“สู้ด้วยมือสิ จะให้สู้ด้วยอะไร” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มประโยคนี้ดูเหมือนตอบไปที ฟางจ้านไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่ออย่างแน่นอน แต่เนื่องจากหานซานเฉียนไม่อยากพูด เขาจึงไม่ถามอะไรอีก แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาส
เกี่ยวกับการไปโลกใบที่สองหานซานเฉียนมีทัศนคติที่หนักแน่นมาก อี้เหล่าไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้จริง ๆ แม้ว่าอี้เหล่าปากจะพูดว่าไม่เห็นด้วย แต่ในใจเขาก็จำต้องยอมรับเรื่องนี้ และอี้เหล่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ บางทีการที่หานซานเฉียนไปอาจมีประโยชน์มากกว่าเขาหลังจากคุยกับฟางจ้านเสร็จแล้ว หานซานเฉียนก็กลับเข้าไปในคฤหาสน์“ซานเฉียน หยิงเซี่ยเป็นยังไงบ้าง ลูกมีวิธีรักษาเธอจริง ๆ เหรอ?” ซือจิงถามหานซานเฉียนอย่างเป็นกังวล แม้ว่าในอดีตเธอจะทำหน้าที่ในฐานะแม่ได้ไม่ดี แต่ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่อยากทำดีกับหานซานเฉียนเพื่อชดเชยเรื่องในอดีตเท่านั้น แต่เธอยังถือว่าซูหยิงเซี่ยเป็นลูกสาวของเธอเองแล้วด้วยซือจิงรู้ดีว่าหานซานเฉียนให้ความสำคัญกับซูหยิงเซี่ยมากแค่ไหน ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับซูหยิงเซี่ยไม่ได้เด็ดขาดหานซานเฉียนไม่แน่ใจว่าไข่มุกจะส่งผลต่อซูหยิงเซี่ยอย่างไร ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถบอกได้ว่าสามารถรักษาเธอได้ไหม“แม่ครับ ไม่ต้องกังวลมากเกินไป ช่วงนี้อย่าเพิ่งรบกวนเธอ ร่างกายของเธอต้องค่อย ๆ ดูดซับยาที่ผมให้” หานซานเฉียนกล่าวหานซานเฉียนไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อซู
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เทียนหลิงเอ๋อร์ก็ตกอยู่ในความคิด เพราะเธอไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องเป็นผู้สืบทอดตระกูลต่อ ในความเห็นของเธอ ในอนาคตธุรกิจของตระกูลเทียนอาจตกอยู่ในมือของลูกพี่ลูกน้องของเธอ“พี่คะ ปู่ของฉันจะคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์ถาม“หากส่งต่อความพยายามตลอดชีวิตของเขาให้กับคนนอก เธอคิดว่าเขาจะเต็มใจไหมล่ะ?” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเทียนหลิงเอ๋อร์รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นสมเหตุสมผล จึงพยักหน้าและพูดว่า "พี่คะ ถ้าปู่คิดอย่างนั้นจริง ๆ ฉันก็จะไม่ทำให้คุณปู่ผิดหวังค่ะ"“ในเมื่อเธอมีความคิดแบบนี้ ฉันจะพาเธอไปพบใครบางคน” หานซานเฉียนกล่าว“พี่คะ ฉันอยากจะแนะนำบางคนให้พี่รู้จักพอดีเลย เขาอยู่ตรงประตูโครงการคฤหาสน์ค่ะ” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าว“สาวน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มาที่นี่เพียงเพราะเป็นห่วงพี่สาว แต่ยังมีจุดประสงค์อื่นด้วยสินะ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเทียนหลิงเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมต่อหน้าหานซานเฉียน และเธอก็ไม่มีความคิดที่จำทำแบบนั้นด้วย เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา "แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือเป็นเป็นห่วงพี่สาวของฉัน สำหรับคน ๆ นี้ พี่จะไปเจอไหมก็ไม่สำคัญ