เมื่อเห็นฟางจ้านมองไปรอบ ๆ หานซานเฉียนก็รู้ว่าเขาต้องการถามอะไร แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นเพราะเขาไม่ได้อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในถ้ำราชาปีศาจทำไมงูสีขาวตัวน้อยถึงได้เอาชนะสัตว์ร้ายตัวอื่นได้ นี่ยังคงเป็นข้อสงสัยที่ใหญ่ที่สุดในใจของหานซานเฉียน และทำไมมันถึงแสดงความใกล้ชิดกับเขาขนาดนี้ นี่ก็เป็นสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจ“ซานเฉียน คุณออกมาจากถ้ำราชาปีศาจได้ยังไง?” หลังจากทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ฟางจ้านก็ถามขึ้นเสียงเบา “สู้ไปวิ่งไป แล้วก็หนีออกมาได้” หานซานเฉียนกล่าว“สู้?” ฟางจ้านมองหานซานเฉียนด้วยความตกใจแม้ว่าหานซานเฉียนจะมีพลังมาก แต่สัตว์ร้ายเหล่านั้นก็มีพลังมากกว่า เขาจะรอดจากการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายได้อย่างไร“คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม สัตว์ร้ายเหล่านั้นมีพลังมากจนแม้แต่อี้เหล่าและเหอชิงเฟิงก็ไม่สามารถเอาชนะได้ คุณสู้พวกมันยังไง?” ฟางจ้านถาม“สู้ด้วยมือสิ จะให้สู้ด้วยอะไร” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มประโยคนี้ดูเหมือนตอบไปที ฟางจ้านไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่ออย่างแน่นอน แต่เนื่องจากหานซานเฉียนไม่อยากพูด เขาจึงไม่ถามอะไรอีก แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาส
เกี่ยวกับการไปโลกใบที่สองหานซานเฉียนมีทัศนคติที่หนักแน่นมาก อี้เหล่าไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้จริง ๆ แม้ว่าอี้เหล่าปากจะพูดว่าไม่เห็นด้วย แต่ในใจเขาก็จำต้องยอมรับเรื่องนี้ และอี้เหล่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ บางทีการที่หานซานเฉียนไปอาจมีประโยชน์มากกว่าเขาหลังจากคุยกับฟางจ้านเสร็จแล้ว หานซานเฉียนก็กลับเข้าไปในคฤหาสน์“ซานเฉียน หยิงเซี่ยเป็นยังไงบ้าง ลูกมีวิธีรักษาเธอจริง ๆ เหรอ?” ซือจิงถามหานซานเฉียนอย่างเป็นกังวล แม้ว่าในอดีตเธอจะทำหน้าที่ในฐานะแม่ได้ไม่ดี แต่ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่อยากทำดีกับหานซานเฉียนเพื่อชดเชยเรื่องในอดีตเท่านั้น แต่เธอยังถือว่าซูหยิงเซี่ยเป็นลูกสาวของเธอเองแล้วด้วยซือจิงรู้ดีว่าหานซานเฉียนให้ความสำคัญกับซูหยิงเซี่ยมากแค่ไหน ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับซูหยิงเซี่ยไม่ได้เด็ดขาดหานซานเฉียนไม่แน่ใจว่าไข่มุกจะส่งผลต่อซูหยิงเซี่ยอย่างไร ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถบอกได้ว่าสามารถรักษาเธอได้ไหม“แม่ครับ ไม่ต้องกังวลมากเกินไป ช่วงนี้อย่าเพิ่งรบกวนเธอ ร่างกายของเธอต้องค่อย ๆ ดูดซับยาที่ผมให้” หานซานเฉียนกล่าวหานซานเฉียนไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อซู
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เทียนหลิงเอ๋อร์ก็ตกอยู่ในความคิด เพราะเธอไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องเป็นผู้สืบทอดตระกูลต่อ ในความเห็นของเธอ ในอนาคตธุรกิจของตระกูลเทียนอาจตกอยู่ในมือของลูกพี่ลูกน้องของเธอ“พี่คะ ปู่ของฉันจะคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์ถาม“หากส่งต่อความพยายามตลอดชีวิตของเขาให้กับคนนอก เธอคิดว่าเขาจะเต็มใจไหมล่ะ?” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเทียนหลิงเอ๋อร์รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นสมเหตุสมผล จึงพยักหน้าและพูดว่า "พี่คะ ถ้าปู่คิดอย่างนั้นจริง ๆ ฉันก็จะไม่ทำให้คุณปู่ผิดหวังค่ะ"“ในเมื่อเธอมีความคิดแบบนี้ ฉันจะพาเธอไปพบใครบางคน” หานซานเฉียนกล่าว“พี่คะ ฉันอยากจะแนะนำบางคนให้พี่รู้จักพอดีเลย เขาอยู่ตรงประตูโครงการคฤหาสน์ค่ะ” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าว“สาวน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มาที่นี่เพียงเพราะเป็นห่วงพี่สาว แต่ยังมีจุดประสงค์อื่นด้วยสินะ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเทียนหลิงเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมต่อหน้าหานซานเฉียน และเธอก็ไม่มีความคิดที่จำทำแบบนั้นด้วย เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา "แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือเป็นเป็นห่วงพี่สาวของฉัน สำหรับคน ๆ นี้ พี่จะไปเจอไหมก็ไม่สำคัญ
ในเวลานี้จิตใจของเฉินอี้นั้นบอบบางมาก เดิมทีเขาคิดว่าความตื่นเต้นของตัวเองนั้นน่าอายมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหานซานเฉียน การกระทำของเขานั้นไม่มีอะไรเลยตอนนี้ถังหลงถือเป็นบุคคลสำคัญที่รู้จักกันดีในหยุนเฉิง เขาคือคนที่ตระกูลชั้นหนึ่งจำนวนนับไม่ถ้วนต้องการเป็นผูกมิตรด้วย แต่ท่าทีของเขาเมื่อเผชิญหน้ากับหานซานเฉียนก็ไม่ได้นิ่งไปมากกว่าเขาเลย และเขาเองก็ตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นคำเช่นกัน เมื่อคิดแบบนี้ การกระทำของเขานั้นก็ไม่มีอะไรเลยในขณะนี้เฉินอี้อดไม่ได้ที่จะอิจฉาหานซานเฉียน ที่มาถึงระดับนี้ได้ แค่อออกหน้านิดหน่อยก็ทำให้คนอย่างถังหลงตื่นตระหนกได้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตัวเองถึงจะได้ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดเช่นนี้บ้าง“คุณหาน คุณมีอะไรจะสั่งผมหรือเปล่าครับ?” ถังหลงถามหานซานเฉียนหานซานเฉียนไม่มีอะไรจะสั่งพิเศษ เขาแค่อยากมาดูบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวก็เท่านั้น เพราะนี่คือทรัพย์สินของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป แต่เมื่อเขามอบหมายมันให้กับถังหลง เขาก็ไม่อยากเห็นถังหลงก่อความวุ่นวายใด ๆยิ่งไปกว่านั้น บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวเริ่มต้นขึ้นเพราะซูหยิงเซ
เมื่อเห็นเทียนหลิงเอ๋อร์เดินมาหาเขา เทียนฉางเฉิงก็ประเมินสถานการณ์ออกและรีบตะโกนใส่หานซานเฉียน "อาจารย์ ผมแก่ขนาดนี้แล้ว คุณยังทนเห็นผมถูกทรมานได้อีกงั้นเหรอ?"หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ ตาเฒ่าคนนี้ยังคงดูเป็นเด็กเหมือนเดิม เป็นถึงผู้นำตระกูลเทียน แต่กลับไม่มีความสง่างามของผู้อาวุโสเลย และยิ่งไม่มีความเด็ดขาดแบบผู้นำตระกูลแถวหน้าด้วยซ้ำ“ต้องอย่างนี้สิ เจออาจารย์แล้วจะไม่ทำความเคารพได้ยังไง” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเทียนหงฮุยที่อยู่ด้านข้างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แม้ว่าฉากนี้จะดูเหมือนเป็นเรื่องตลก และคนที่เห็นอาจเข้าใจผิดคิดว่าหานซานเฉียนไม่เคารพ แต่ใช่ว่าคนทั่วไปจะได้รับการปฏิบัติแบบนี้ได้ ครั้งหนึ่งเทียนหงฮุยเคยดูถูกหานซานเฉียน และไม่คิดว่าเขาจะพัฒนาได้มากในหยุนเฉิง แต่ตอนนี้ แม้แต่เขาก็รู้สึกโชคดีมากที่ครอบครัวมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับหานซานเฉียนคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ อีกคนเป็นพี่น้อง ความสัมพันธ์ทั้งสองนี้เท่านั้นที่สามารถรับประกันสถานของตระกูลเทียนในหยุนเฉิงได้“อาจารย์ ได้ยินมาว่าคราวนี้คุณไปในที่ที่ไกลมาก ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ” เทียนฉางเฉิงถามหานซานเฉียน ข่าวภายนอกคื
หานซานเฉียนและเทียนฉางเฉิงเล่นเกมหมากรุกด้วยกัน และจบลงโดยการที่เทียนฉางเฉิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป หลังจากที่หานซานเฉียนออกจากคฤหาสน์ตระกูลเทียนแล้ว เทียนฉางเฉิงก็เรียกเทียนหงฮุยมาที่ห้องทำงานของเขา“พ่อครับ มีอะไรจะสั่งผมงั้นเหรอครับ?” เทียนหงฮุยถามเทียนฉางเฉิงส่ายหัวและพูดว่า "นายคิดยังไงกับสิ่งที่หานซานเฉียนพูดก่อนหน้านี้"“เขาบอกว่าแค่ล้อเล่นไม่ใช่เหรอครับ การกอบกู้โลกคือสิ่งที่ฮีโร่ในภาพยนตร์ทำ แต่นี่คือชีวิตจริงนะครับ ไม่ใช่ภาพยนตร์” เทียนหงฮุยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดูจากท่าทีของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้แต่สำหรับคนทั่วไปย่อมไม่มีทางเชื่อคำพูดของหานซานเฉียนเป็นธรรมดา คำว่ากอบกู้โลกมันหนักมากแค่ไหน แล้วใครจะทำเรื่องแบบนี้ได้บ้าง? อีกอย่างมันไม่ก็ไม่ได้มีสงครามโลกเกิดขึ้น แล้วทำไมโลกจึงต้องได้รับการกอบกู้ด้วยล่ะ?“นายคิดว่าเขาล้อเล่น แต่นายก็คิดว่า หรือว่าเขาแค่ซ่อนความจริงด้วยเรื่องล้อเล่น” เทียนฉางเฉิงกล่าวอย่างเคร่งขรึมเทียนหงฮุยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ หานซานเฉียนแค่พูดเล่น ๆ แต่เทียนฉางเฉิงกลับคิดจริงจัง เขาโอเวอร์มากเกินไปแล้วแม้ว่าเทียนหงฮุยจะรู้ว่าเทียนฉางเฉ
ฉี๋อีหยุนคุ้นเคยกับการถูกปฏิเสธแบบนี้ คราวนี้ปฏิกิริยาของเธอแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อเช็ดน้ำตาบนแก้มออกแล้ว สีหน้าของฉี๋อีหยุนก็ค่อย ๆ หนักแน่นขึ้น และถามหานซานเฉียน "ถ้าหยิงเซี่ยยินยอมล่ะ?"หานซานเฉียนตกใจมาก ซูหยิงเซี่ยจะยินยอมกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไงแม้ว่าครั้งหนึ่งซูหยิงเซี่ยจะเคยพูดติดตลกเกี่ยวกับการหาประเทศที่สามารถมีภรรยาได้หลายคน แต่ในมุมมองของหานซานเฉียน นี่เป็นเพียงกับดักของเธอเท่านั้น และหานซานเฉียนก็ไม่ได้ตกหลุมพลางผู้หญิงจะเต็มใจแบ่งปันสามีให้กับผู้หญิงอื่นได้อย่างไร?หากเปลี่ยนมุมมอง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หานซานเฉียนจะแบ่งปันซูหยิงเซี่ยให้กับผู้ชายคนอื่นแต่จู่ ๆ ฉี๋อีหยุนก็พูดคำดังกล่าว ซึ่งมันบ่งบอกว่าเธอมีแผนการอะไรบางอย่าง“คุณจะทำอะไร” หานซานเฉียนมองฉี๋อีหยุนอย่างระมัดระวัง เขาไม่อยากให้เธอสร้างปัญหาฉี๋อีหยุนส่ายหัวแล้วพูดว่า "อย่ากลัวเลย ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไร"“ฉี๋อีหยุน ผมขอเตือนว่าอย่าคิดสร้างปัญหา” หานซานเฉียนพูดอย่างจริงจังฉี๋อีหยุนรู้สึกเจ็บปวดใจ เธอมอบความรู้สึกทั้งหมดให้กับหานซานเฉียน แต่หานซานเฉียนไม่มีความรู้สึกต่อเธอ
เมื่อกลับมาที่คฤหาสน์ ทุกคนอยู่ที่นั่น และสีหน้าของพวกเขาก็ดูเป็นกังวลอย่างมากหานซานเฉียนบอกทุกคนก่อนออกไปข้างนอกว่า ห้ามรบกวนซูหยิงเซี่ยได้ ซึ่งทำให้พวกเขากังวลอย่างมาก บวกกับไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในห้อง ซึ่งทำให้พวกเขากังวลมากยิ่งขึ้นซูกั๋วเย่าเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นเดินไปหาหานซานเฉียนแล้วถามว่า "ซานเฉียน หยิงเซี่ยเป็นยังไงบ้าง นายเข้าไปดูหน่อยได้ไหม?"“พ่อครับ ไม่ต้องกังวล ผมรับประกันว่าเธอจะไม่เป็นอะไร” หานซานเฉียนกล่าวแม้ว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น แต่ซูกั๋วเย่าก็ยังไม่สบายใจ เพราะซูหยิงเซี่ยเป็นลูกสาวคนเดียวของเขา และเป็นพันธะเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในชีวิตของซูกั๋วเย่า เขาไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอแน่นอนว่าซูกั๋วเย่าเองก็รู้ว่าหานซานเฉียนให้ความสำคัญกับซูหยิงเซี่ยมากแค่ไหน ดังนั้นเมื่อหานซานเฉียนพูดแบบนั้น เขาก็ทำได้แต่รออย่างเงียบ ๆ และไม่ได้ถามอะไรอีก“ลูกเข้าไปดูเธอหน่อยไหม?” ซือจิงลองพูดกับหานซานเฉียน แม้ว่าเธอจะเป็นแม่ของหานซานเฉียน แต่เธอก็ไม่กล้าสั่งให้เขาทำอะไร เพราะซือจิงรู้ดีว่าเธอไม่มีคุณสมบัตินี้“รออีกหน่อยก็แล้วกันครับ” หานซานเฉียนพูด ส่วนรออะไรนั้นเขาเองก็
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ