เมื่อกลับมาที่คฤหาสน์ ทุกคนอยู่ที่นั่น และสีหน้าของพวกเขาก็ดูเป็นกังวลอย่างมากหานซานเฉียนบอกทุกคนก่อนออกไปข้างนอกว่า ห้ามรบกวนซูหยิงเซี่ยได้ ซึ่งทำให้พวกเขากังวลอย่างมาก บวกกับไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในห้อง ซึ่งทำให้พวกเขากังวลมากยิ่งขึ้นซูกั๋วเย่าเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นเดินไปหาหานซานเฉียนแล้วถามว่า "ซานเฉียน หยิงเซี่ยเป็นยังไงบ้าง นายเข้าไปดูหน่อยได้ไหม?"“พ่อครับ ไม่ต้องกังวล ผมรับประกันว่าเธอจะไม่เป็นอะไร” หานซานเฉียนกล่าวแม้ว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น แต่ซูกั๋วเย่าก็ยังไม่สบายใจ เพราะซูหยิงเซี่ยเป็นลูกสาวคนเดียวของเขา และเป็นพันธะเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในชีวิตของซูกั๋วเย่า เขาไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอแน่นอนว่าซูกั๋วเย่าเองก็รู้ว่าหานซานเฉียนให้ความสำคัญกับซูหยิงเซี่ยมากแค่ไหน ดังนั้นเมื่อหานซานเฉียนพูดแบบนั้น เขาก็ทำได้แต่รออย่างเงียบ ๆ และไม่ได้ถามอะไรอีก“ลูกเข้าไปดูเธอหน่อยไหม?” ซือจิงลองพูดกับหานซานเฉียน แม้ว่าเธอจะเป็นแม่ของหานซานเฉียน แต่เธอก็ไม่กล้าสั่งให้เขาทำอะไร เพราะซือจิงรู้ดีว่าเธอไม่มีคุณสมบัตินี้“รออีกหน่อยก็แล้วกันครับ” หานซานเฉียนพูด ส่วนรออะไรนั้นเขาเองก็
คนอื่น ๆ มองหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มและไม่พูดอะไร ซูหยิงเซี่ยหายดีแล้ว และความกังวลของพวกเขาก็บรรเทาลง สำหรับสิ่งที่ทั้งคู่จะทำต่อไป ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถควบคุมได้"ฉันเองก็ควรจะไปนอน ตอนนี้ฉันแก่เกินกว่าจะนอนดึกได้แล้ว" หานเทียนหยางเป็นคนแรกที่กลับเข้าห้องเหยียนจุนกล่าวต่อว่า "รีบพักผ่อนล่ะ ผมเองก็จะนอนแล้วเหมือนกัน"หลังจากนั้นซือจิง ซูกั๋วเย่า เหอถิง และเจียงหยิงหยิงก็กลับไปที่ห้องของพวกเขาด้วยเช่นกันซูหยิงเซี่ยและหานซานเฉียนเป็นเพียงสองคนที่เหลืออยู่ในห้องนั่งเล่นเมื่อไม่มีคนนอก อารมณ์เขินอายของซูหยิงเซี่ยก็ค่อย ๆ ลดลง“เราจะไปโรงแรมกันจริง ๆ เหรอ?” ซูหยิงเซี่ยก้มหน้าลงแล้วถามหานซานเฉียน“แน่นอน ที่บ้านคนเยอะมันไม่สะดวก” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้มซูหยิงเซี่ยไม่เห็นด้วย แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ เห็นได้ชัดว่าเธอตามใจหานซานเฉียนพวกเขาทั้งสองออกจากโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงในตอนกลางดึก และม่อหยางก็มีประสิทธิภาพมากเช่นกัน เขาจัดหาโรงแรมที่ดีที่สุดในหยุนเฉิงได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่หนานกงป๋อหลิงได้รับข่าว เขาก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เป็นเวลานาน เขาได้พูดคุยกั
แพทย์เหล่านี้รู้ดีว่าวิธีการของหนานกงป๋อหลิงเป็นอย่างไร เพราะที่พวกเขามาหยุนเฉิงก็เป็นเพราะการบังคับของหนานกงป๋อหลิง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่าถ้าหนานกงป๋อหลิงพูดแบบนั้น เขาก็สามารถทำได้อย่างที่พูดแน่นอนภัยคุกคามและการข่มขู่เหล่านี้ทำให้หลายคนล้มเลิกความคิดที่จะอยู่ต่อ หลายคนเริ่มจากไปทีละคน แต่สุดท้ายก็มีเพียงไม่กี่คนที่ดูเหมือนจะไม่สนใจชีวิตของสมาชิกในครอบครัวด้วยซ้ำ“ในเมื่อนายยืนกรานรนหาที่ตาย ก็อย่ามาโทษฉัน” เมื่อมองไปที่คนที่เหลือ หนานกงป๋อหลิงก็หยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาหลายคนรีบเดินไปที่หนานกงป๋อหลิง“คุณหนานกง เราต้องการพบหมอมหัศจรรย์ หวังว่าคุณจะให้โอกาส”“ใช่ครับ เราแค่อยากพบหมอมหัศจรรย์คนนี้ เราไม่มีเจตนาอื่นใดจริง ๆ ครับ”“คุณหนานกง เขาน่าจะเป็นอัจฉริยะด้านการแพทย์ เราอยากจะแลกเปลี่ยนคำพูดกับเขาสักหน่อยก็เท่านั้น”อัจฉริยะด้านการแพทย์?หนานกงป๋อหลิงยิ้มเบา ๆ หานซานเฉียนไม่ได้อยู่ในสาขาการแพทย์ แต่ความสามารถของเขาเหนือกว่าสาขาการแพทย์ เทียนฉีเป็นวังศิลปะการต่อสู้ที่สูงที่สุดและซ่อนความลับที่ใหญ่ที่สุดของโลกเอาไว้ เท่าที่หนานกงป๋อหลิงดู ในอนาคตหานซานเฉียนมี
ทุกช่วงเวลาที่ใช้กับซูหยิงเซี่ยนั้นคุ้มค่าแก่การจดจำสำหรับหานซานเฉียน เขาจะลืมสิ่งสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร“จำได้สิครับ คุณร้องไห้เหมือนแมวเลย” หานซานเฉียนกล่าวซูหยิงเซี่ยมุ่ยหน้าและพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ "เป็นเพราะคุณนั่นแหละ เซอร์ไพรส์จนเกือบกลายเป็นความตกใจไปแล้ว"หานซานเฉียนยิ้มทันใดนั้นผู้จัดการร้านก็เดินเข้ามาครั้งสุดท้ายที่เจอกับหานซานเฉียน เขายังเป็นคนไร้ประโยชน์ของหยุนเฉิงอยู่เลย แต่วันนี้หานซานเฉียนกลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในหยุนเฉิงแล้ว และผู้จัดการก็ให้ความเคารพ และไม่กล้าล่าช้าเลยสักนิดเดียว“คุณหาน เราเตรียมโต๊ะไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้วครับ เชิญตามผมมาได้เลย” ผู้จัดการก้มตัวลงก่อนจะพูดขึ้นตำแหน่งถัดจากหน้าต่างมีทิวทัศน์ที่ดีที่สุด มันสามารถมองเห็นวิวกลางคืนของหยุนเฉิงได้แบบพาโนรามา และแทบจะมองเห็นทั้งเมือง นี่คือจุดชมวิวที่ดีที่สุดโดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่สามารถจองโต๊ะนี้ได้จะต้องเป็นคนสำคัญในหยุนเฉิง อย่างเช่นวันนี้มีคนจองโต๊ะนี้ไว้ และเขาก็เป็นคนสำคัญในหยุนเฉิงด้วย แต่เมื่อหานซานเฉียนโทรมาที่ภัตตาคาร พวกเขาก็ยกเลิกการจองทั้งหมดทันที เพื่อเตรียมที่ว่างไว้ให้หานซานเฉียนแล
เกือบสามทุ่ม หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยก็กลับมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขา หานเนี่ยนยังอยู่ในช่วงกินและนอน เธอใช้เวลาเกือบทั้งวันในการนอนหลับหานซานเฉียนและภรรยาพาหานเนี่ยนกลับไปที่ห้องของพวกเขา และมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กที่กำลังหลับลึก ทั้งสองก็ยิ้มอย่างหลงใหลสมาชิกครอบครัวทั้งสามคนอยู่ด้วยกันอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้วหานซานเฉียนอุ้มหานเนี่ยนไว้ในอ้อมแขนทั้งคืน และไม่อยากปล่อยมือ แม้ว่าทั้งคืนเขาจะนอนหลับไม่สนิท เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็ไม่รู้สึกเพลียเลยสักนิด ในตอนเช้าหานซานเฉียนก็ถูกหานเทียนหยางเรียกไปที่สวนหลังบ้าน ตอนนี้อาการของซูหยิงเซี่ยหายดีแล้ว และสิ่งต่าง ๆ ในหยุนเฉิงก็สิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นหานเทียนหยางจึงอยากถามหานซานเฉียนว่าเขาจะจากไปเมื่อไหร่"วันนี้ครับ" เมื่อถูกหานเทียนหยางถาม หานซานเฉียนก็รีบตอบ ที่จริงแล้วเขายังไม่อยากจากไป แต่อี้เหล่าบอกว่าความผันผวนในโลกใบที่สองนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และเวลาก็ไม่รอใคร หานซานเฉียนจึงไม่กล้าที่ล่าช้า“รีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ?” หานเทียนหยางถามพลางขมวดคิ้ว“ยังมีหลายเรื่องที่ผมต้องจัดการ ชักช้าไม่ได้ครับ” ห
สองวันต่อมาหานซานเฉียนกลับมาถึงเทียนฉี และทันทีที่เขากลับมา เขาก็ทิ้งระเบิดใส่เทียนฉีทันทีเขาอยากเข้าไปในถ้ำราชาปีศาจอีกครั้งทันทีที่ข่าวนี้เพร่กระจายออกไป มันก็เหมือนกับสายฟ้าฟาดระเบิดไปทั่วเทียนฉีโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่แข็งแกร่งในระดับเทียน พวกเขารู้ดีว่าถ้ำราชาปีศาจนั้นอันตรายแค่ไหน และการสามารถรอดชีวิตออกมาได้นั้นเป็นเพียงโชคเท่านั้น แต่หานซานเฉียนกลับอยากเข้าไปอีกครั้ง ในความเห็นของพวกเขา นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผลมาก พวกเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าหานซานเฉียนจะทำแบบนั้นทำไมแม้แต่อี้เหล่าก็ยังปฏิเสธทันที เมื่อต้องเผชิญกับความพยายามฆ่าตัวตายของหานซานเฉียน“ไม่ได้ ตอนนี้นายเองก็น่าจะรู้ดีว่าถ้ำราชาปีศาจนั้นอันตรายแค่ไหน นายโชคดีที่หนีออกมาได้แล้วหนึ่งครั้ง นายคิดว่าจะโชคดีทุกครั้งอย่างนั้นเหรอ?” อี้เหล่าพูดกับหานซานเฉียนด้วยความโกรธ เขาคิดว่าหานซานเฉียนลำพองตัวมากจนอยากกลับไปที่ถ้ำราชาปีศาจ เพื่อแสวงหาความตายเป็นครั้งที่สอง!“อี้เหล่า อย่าตื่นตระหนกไป ในเมื่อผมอยากกลับไปอีกครั้ง แสดงว่ามั่นใจว่าจะรอดออกมาได้แน่” หานซานเฉียนพูดกับอี้เหล่าด้วยสีหน้าพึงพอใจถ้ำราชาปีศาจนั้นอันตรา
หานซานเฉียนและเจียงหยิงหยิงมาถึงทางเข้าถ้ำราชาปีศาจ คนอื่นไม่เข้าใจว่าทำไมหานซานเฉียนจึงอยากกลับไปที่ถ้ำราชาปีศาจ แต่เจียงหยิงหยิงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีที่ถ้ำราชาปีศาจ งูสีขาวตัวน้อยอยากจะออกมาพร้อมกับหานซานเฉียน แต่เขากังวลว่าหากมันออกมาจากถ้ำมันจะเป็นอันตรายต่อเทียนฉี ดังนั้นเขาจึงใช้กลยุทธ์ถ่วงเวลาเพื่อควบคุมงูสีขาวตัวน้อยตอนนี้หานซานเฉียนกำลังจะไปโลกใบที่สอง และเห็นได้ชัดว่าเขาวางแผนที่จะพางูสีขาวตัวน้อยไปด้วย“พี่ซานเฉียน พี่จะพามันไปด้วยจริง ๆ เหรอคะ? ถึงยังไงมันก็เป็นสัตว์เลือดเย็น ถ้าเกิดว่ามันเป็นอิสระแล้วต่อต้านพี่ขึ้นมาล่ะคะ?” เจียงหยิงหยิงถามหานซานเฉียนอย่างเป็นกังวลไม่ใช่ว่าหานซานเฉียนจะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ แต่เขามีความรู้สึกว่างูขาวตัวน้อยจะไม่ทำร้ายเขา และถ้าเขาพามันไปโลกใบที่สองด้วย แม้ว่างูขาวตัวน้อยจะหักหลังเขา มันก็จะเป็นเพียงภัยคุกคามกับโลกใบที่สองเท่านั้น“ในโลกใบที่สองมีอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้มากเกินไป หากมันเต็มใจที่จะช่วยฉัน ก็จะสามารถลดอันตรายของเราในโลกใบที่สองได้มาก และมันก็คุ้มค่าที่จะลอง” หานซานเฉียนกล่าวแม้ว่าเจียงหยิงหยิงจะเป็นกังวล แต่เธอก็
เมื่อพวกเขามาถึงสถานที่ที่มีผลไม้สีแดง งูสีขาวตัวน้อยก็มองหานซานเฉียนอย่างระมัดระวัง พลางแลบลิ้นออกมาครั้งก่อนที่หานซานเฉียนกินผลไม้สีแดงราวกับเป็นข้าว มันทำให้งูสีขาวตัวน้อยเป็นทุกข์มาก ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมให้หานซานเฉียนทำตามใจชอบได้อีกแล้ว แต่หานซานเฉียนไม่สนใจ เขากำลังจะไปโลกใบที่สองดังนั้นจึงต้องเตรียมพร้อมอย่างดี หากสามารถนำไปด้วยได้ก็ต้องพกติดตัวไปก่อนเขาใช้ฝ่ามือตบหัวงูสีขาวตัวน้อยแล้วพูดว่า "ไปให้พ้น อยากให้ฉันพาไปด้วยแล้วยังมาหวงของพวกนี้อีก"งูสีขาวตัวน้อยถูกตีอย่างแรงจนหัวสั่น เห็นได้ชัดว่ามันเวียนหัวเล็กน้อย เจียงหยิงหยิงที่อยู่ด้านข้างมองมันก่อนจะหัวเราะออกมาดัง ๆ“พี่ซานเฉียน เจ้าตัวเล็กนี่เข้าใจมนุษย์จริง ๆ มันสนุกสนานมากกว่าหมาแมวซะอีก” เจียงหยิงหยิงกล่าวหานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ และพูดกับงูสีขาวตัวน้อยต่อ "ฉันจะพาแกออกไปจากที่นี่ และกลับไปยังที่ที่แกเคยอาศัยอยู่ในตอนแรก ผลไม้เหล่านี้ไม่มีประโยชน์ที่จะทิ้งไว้ที่นี่ ถ้าไม่เอาให้ฉันแล้วจะเอาให้ใคร?”ดวงตาสีแดงของงูขาวตัวน้อยฉายแววด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด และมันก็คาบผลไม้สีแดงด้วยปากส่งให้หานซานเฉียน