เมื่อเห็นเทียนหลิงเอ๋อร์เดินมาหาเขา เทียนฉางเฉิงก็ประเมินสถานการณ์ออกและรีบตะโกนใส่หานซานเฉียน "อาจารย์ ผมแก่ขนาดนี้แล้ว คุณยังทนเห็นผมถูกทรมานได้อีกงั้นเหรอ?"หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ ตาเฒ่าคนนี้ยังคงดูเป็นเด็กเหมือนเดิม เป็นถึงผู้นำตระกูลเทียน แต่กลับไม่มีความสง่างามของผู้อาวุโสเลย และยิ่งไม่มีความเด็ดขาดแบบผู้นำตระกูลแถวหน้าด้วยซ้ำ“ต้องอย่างนี้สิ เจออาจารย์แล้วจะไม่ทำความเคารพได้ยังไง” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเทียนหงฮุยที่อยู่ด้านข้างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แม้ว่าฉากนี้จะดูเหมือนเป็นเรื่องตลก และคนที่เห็นอาจเข้าใจผิดคิดว่าหานซานเฉียนไม่เคารพ แต่ใช่ว่าคนทั่วไปจะได้รับการปฏิบัติแบบนี้ได้ ครั้งหนึ่งเทียนหงฮุยเคยดูถูกหานซานเฉียน และไม่คิดว่าเขาจะพัฒนาได้มากในหยุนเฉิง แต่ตอนนี้ แม้แต่เขาก็รู้สึกโชคดีมากที่ครอบครัวมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับหานซานเฉียนคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ อีกคนเป็นพี่น้อง ความสัมพันธ์ทั้งสองนี้เท่านั้นที่สามารถรับประกันสถานของตระกูลเทียนในหยุนเฉิงได้“อาจารย์ ได้ยินมาว่าคราวนี้คุณไปในที่ที่ไกลมาก ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ” เทียนฉางเฉิงถามหานซานเฉียน ข่าวภายนอกคื
หานซานเฉียนและเทียนฉางเฉิงเล่นเกมหมากรุกด้วยกัน และจบลงโดยการที่เทียนฉางเฉิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป หลังจากที่หานซานเฉียนออกจากคฤหาสน์ตระกูลเทียนแล้ว เทียนฉางเฉิงก็เรียกเทียนหงฮุยมาที่ห้องทำงานของเขา“พ่อครับ มีอะไรจะสั่งผมงั้นเหรอครับ?” เทียนหงฮุยถามเทียนฉางเฉิงส่ายหัวและพูดว่า "นายคิดยังไงกับสิ่งที่หานซานเฉียนพูดก่อนหน้านี้"“เขาบอกว่าแค่ล้อเล่นไม่ใช่เหรอครับ การกอบกู้โลกคือสิ่งที่ฮีโร่ในภาพยนตร์ทำ แต่นี่คือชีวิตจริงนะครับ ไม่ใช่ภาพยนตร์” เทียนหงฮุยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดูจากท่าทีของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้แต่สำหรับคนทั่วไปย่อมไม่มีทางเชื่อคำพูดของหานซานเฉียนเป็นธรรมดา คำว่ากอบกู้โลกมันหนักมากแค่ไหน แล้วใครจะทำเรื่องแบบนี้ได้บ้าง? อีกอย่างมันไม่ก็ไม่ได้มีสงครามโลกเกิดขึ้น แล้วทำไมโลกจึงต้องได้รับการกอบกู้ด้วยล่ะ?“นายคิดว่าเขาล้อเล่น แต่นายก็คิดว่า หรือว่าเขาแค่ซ่อนความจริงด้วยเรื่องล้อเล่น” เทียนฉางเฉิงกล่าวอย่างเคร่งขรึมเทียนหงฮุยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ หานซานเฉียนแค่พูดเล่น ๆ แต่เทียนฉางเฉิงกลับคิดจริงจัง เขาโอเวอร์มากเกินไปแล้วแม้ว่าเทียนหงฮุยจะรู้ว่าเทียนฉางเฉ
ฉี๋อีหยุนคุ้นเคยกับการถูกปฏิเสธแบบนี้ คราวนี้ปฏิกิริยาของเธอแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อเช็ดน้ำตาบนแก้มออกแล้ว สีหน้าของฉี๋อีหยุนก็ค่อย ๆ หนักแน่นขึ้น และถามหานซานเฉียน "ถ้าหยิงเซี่ยยินยอมล่ะ?"หานซานเฉียนตกใจมาก ซูหยิงเซี่ยจะยินยอมกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไงแม้ว่าครั้งหนึ่งซูหยิงเซี่ยจะเคยพูดติดตลกเกี่ยวกับการหาประเทศที่สามารถมีภรรยาได้หลายคน แต่ในมุมมองของหานซานเฉียน นี่เป็นเพียงกับดักของเธอเท่านั้น และหานซานเฉียนก็ไม่ได้ตกหลุมพลางผู้หญิงจะเต็มใจแบ่งปันสามีให้กับผู้หญิงอื่นได้อย่างไร?หากเปลี่ยนมุมมอง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หานซานเฉียนจะแบ่งปันซูหยิงเซี่ยให้กับผู้ชายคนอื่นแต่จู่ ๆ ฉี๋อีหยุนก็พูดคำดังกล่าว ซึ่งมันบ่งบอกว่าเธอมีแผนการอะไรบางอย่าง“คุณจะทำอะไร” หานซานเฉียนมองฉี๋อีหยุนอย่างระมัดระวัง เขาไม่อยากให้เธอสร้างปัญหาฉี๋อีหยุนส่ายหัวแล้วพูดว่า "อย่ากลัวเลย ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไร"“ฉี๋อีหยุน ผมขอเตือนว่าอย่าคิดสร้างปัญหา” หานซานเฉียนพูดอย่างจริงจังฉี๋อีหยุนรู้สึกเจ็บปวดใจ เธอมอบความรู้สึกทั้งหมดให้กับหานซานเฉียน แต่หานซานเฉียนไม่มีความรู้สึกต่อเธอ
เมื่อกลับมาที่คฤหาสน์ ทุกคนอยู่ที่นั่น และสีหน้าของพวกเขาก็ดูเป็นกังวลอย่างมากหานซานเฉียนบอกทุกคนก่อนออกไปข้างนอกว่า ห้ามรบกวนซูหยิงเซี่ยได้ ซึ่งทำให้พวกเขากังวลอย่างมาก บวกกับไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในห้อง ซึ่งทำให้พวกเขากังวลมากยิ่งขึ้นซูกั๋วเย่าเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นเดินไปหาหานซานเฉียนแล้วถามว่า "ซานเฉียน หยิงเซี่ยเป็นยังไงบ้าง นายเข้าไปดูหน่อยได้ไหม?"“พ่อครับ ไม่ต้องกังวล ผมรับประกันว่าเธอจะไม่เป็นอะไร” หานซานเฉียนกล่าวแม้ว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น แต่ซูกั๋วเย่าก็ยังไม่สบายใจ เพราะซูหยิงเซี่ยเป็นลูกสาวคนเดียวของเขา และเป็นพันธะเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในชีวิตของซูกั๋วเย่า เขาไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอแน่นอนว่าซูกั๋วเย่าเองก็รู้ว่าหานซานเฉียนให้ความสำคัญกับซูหยิงเซี่ยมากแค่ไหน ดังนั้นเมื่อหานซานเฉียนพูดแบบนั้น เขาก็ทำได้แต่รออย่างเงียบ ๆ และไม่ได้ถามอะไรอีก“ลูกเข้าไปดูเธอหน่อยไหม?” ซือจิงลองพูดกับหานซานเฉียน แม้ว่าเธอจะเป็นแม่ของหานซานเฉียน แต่เธอก็ไม่กล้าสั่งให้เขาทำอะไร เพราะซือจิงรู้ดีว่าเธอไม่มีคุณสมบัตินี้“รออีกหน่อยก็แล้วกันครับ” หานซานเฉียนพูด ส่วนรออะไรนั้นเขาเองก็
คนอื่น ๆ มองหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มและไม่พูดอะไร ซูหยิงเซี่ยหายดีแล้ว และความกังวลของพวกเขาก็บรรเทาลง สำหรับสิ่งที่ทั้งคู่จะทำต่อไป ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถควบคุมได้"ฉันเองก็ควรจะไปนอน ตอนนี้ฉันแก่เกินกว่าจะนอนดึกได้แล้ว" หานเทียนหยางเป็นคนแรกที่กลับเข้าห้องเหยียนจุนกล่าวต่อว่า "รีบพักผ่อนล่ะ ผมเองก็จะนอนแล้วเหมือนกัน"หลังจากนั้นซือจิง ซูกั๋วเย่า เหอถิง และเจียงหยิงหยิงก็กลับไปที่ห้องของพวกเขาด้วยเช่นกันซูหยิงเซี่ยและหานซานเฉียนเป็นเพียงสองคนที่เหลืออยู่ในห้องนั่งเล่นเมื่อไม่มีคนนอก อารมณ์เขินอายของซูหยิงเซี่ยก็ค่อย ๆ ลดลง“เราจะไปโรงแรมกันจริง ๆ เหรอ?” ซูหยิงเซี่ยก้มหน้าลงแล้วถามหานซานเฉียน“แน่นอน ที่บ้านคนเยอะมันไม่สะดวก” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้มซูหยิงเซี่ยไม่เห็นด้วย แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ เห็นได้ชัดว่าเธอตามใจหานซานเฉียนพวกเขาทั้งสองออกจากโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงในตอนกลางดึก และม่อหยางก็มีประสิทธิภาพมากเช่นกัน เขาจัดหาโรงแรมที่ดีที่สุดในหยุนเฉิงได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่หนานกงป๋อหลิงได้รับข่าว เขาก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เป็นเวลานาน เขาได้พูดคุยกั
แพทย์เหล่านี้รู้ดีว่าวิธีการของหนานกงป๋อหลิงเป็นอย่างไร เพราะที่พวกเขามาหยุนเฉิงก็เป็นเพราะการบังคับของหนานกงป๋อหลิง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่าถ้าหนานกงป๋อหลิงพูดแบบนั้น เขาก็สามารถทำได้อย่างที่พูดแน่นอนภัยคุกคามและการข่มขู่เหล่านี้ทำให้หลายคนล้มเลิกความคิดที่จะอยู่ต่อ หลายคนเริ่มจากไปทีละคน แต่สุดท้ายก็มีเพียงไม่กี่คนที่ดูเหมือนจะไม่สนใจชีวิตของสมาชิกในครอบครัวด้วยซ้ำ“ในเมื่อนายยืนกรานรนหาที่ตาย ก็อย่ามาโทษฉัน” เมื่อมองไปที่คนที่เหลือ หนานกงป๋อหลิงก็หยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาหลายคนรีบเดินไปที่หนานกงป๋อหลิง“คุณหนานกง เราต้องการพบหมอมหัศจรรย์ หวังว่าคุณจะให้โอกาส”“ใช่ครับ เราแค่อยากพบหมอมหัศจรรย์คนนี้ เราไม่มีเจตนาอื่นใดจริง ๆ ครับ”“คุณหนานกง เขาน่าจะเป็นอัจฉริยะด้านการแพทย์ เราอยากจะแลกเปลี่ยนคำพูดกับเขาสักหน่อยก็เท่านั้น”อัจฉริยะด้านการแพทย์?หนานกงป๋อหลิงยิ้มเบา ๆ หานซานเฉียนไม่ได้อยู่ในสาขาการแพทย์ แต่ความสามารถของเขาเหนือกว่าสาขาการแพทย์ เทียนฉีเป็นวังศิลปะการต่อสู้ที่สูงที่สุดและซ่อนความลับที่ใหญ่ที่สุดของโลกเอาไว้ เท่าที่หนานกงป๋อหลิงดู ในอนาคตหานซานเฉียนมี
ทุกช่วงเวลาที่ใช้กับซูหยิงเซี่ยนั้นคุ้มค่าแก่การจดจำสำหรับหานซานเฉียน เขาจะลืมสิ่งสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร“จำได้สิครับ คุณร้องไห้เหมือนแมวเลย” หานซานเฉียนกล่าวซูหยิงเซี่ยมุ่ยหน้าและพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ "เป็นเพราะคุณนั่นแหละ เซอร์ไพรส์จนเกือบกลายเป็นความตกใจไปแล้ว"หานซานเฉียนยิ้มทันใดนั้นผู้จัดการร้านก็เดินเข้ามาครั้งสุดท้ายที่เจอกับหานซานเฉียน เขายังเป็นคนไร้ประโยชน์ของหยุนเฉิงอยู่เลย แต่วันนี้หานซานเฉียนกลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในหยุนเฉิงแล้ว และผู้จัดการก็ให้ความเคารพ และไม่กล้าล่าช้าเลยสักนิดเดียว“คุณหาน เราเตรียมโต๊ะไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้วครับ เชิญตามผมมาได้เลย” ผู้จัดการก้มตัวลงก่อนจะพูดขึ้นตำแหน่งถัดจากหน้าต่างมีทิวทัศน์ที่ดีที่สุด มันสามารถมองเห็นวิวกลางคืนของหยุนเฉิงได้แบบพาโนรามา และแทบจะมองเห็นทั้งเมือง นี่คือจุดชมวิวที่ดีที่สุดโดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่สามารถจองโต๊ะนี้ได้จะต้องเป็นคนสำคัญในหยุนเฉิง อย่างเช่นวันนี้มีคนจองโต๊ะนี้ไว้ และเขาก็เป็นคนสำคัญในหยุนเฉิงด้วย แต่เมื่อหานซานเฉียนโทรมาที่ภัตตาคาร พวกเขาก็ยกเลิกการจองทั้งหมดทันที เพื่อเตรียมที่ว่างไว้ให้หานซานเฉียนแล
เกือบสามทุ่ม หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยก็กลับมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขา หานเนี่ยนยังอยู่ในช่วงกินและนอน เธอใช้เวลาเกือบทั้งวันในการนอนหลับหานซานเฉียนและภรรยาพาหานเนี่ยนกลับไปที่ห้องของพวกเขา และมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กที่กำลังหลับลึก ทั้งสองก็ยิ้มอย่างหลงใหลสมาชิกครอบครัวทั้งสามคนอยู่ด้วยกันอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้วหานซานเฉียนอุ้มหานเนี่ยนไว้ในอ้อมแขนทั้งคืน และไม่อยากปล่อยมือ แม้ว่าทั้งคืนเขาจะนอนหลับไม่สนิท เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็ไม่รู้สึกเพลียเลยสักนิด ในตอนเช้าหานซานเฉียนก็ถูกหานเทียนหยางเรียกไปที่สวนหลังบ้าน ตอนนี้อาการของซูหยิงเซี่ยหายดีแล้ว และสิ่งต่าง ๆ ในหยุนเฉิงก็สิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นหานเทียนหยางจึงอยากถามหานซานเฉียนว่าเขาจะจากไปเมื่อไหร่"วันนี้ครับ" เมื่อถูกหานเทียนหยางถาม หานซานเฉียนก็รีบตอบ ที่จริงแล้วเขายังไม่อยากจากไป แต่อี้เหล่าบอกว่าความผันผวนในโลกใบที่สองนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และเวลาก็ไม่รอใคร หานซานเฉียนจึงไม่กล้าที่ล่าช้า“รีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ?” หานเทียนหยางถามพลางขมวดคิ้ว“ยังมีหลายเรื่องที่ผมต้องจัดการ ชักช้าไม่ได้ครับ” ห