สีหน้าของหานเทียนหยางและเหยียนจุนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เมื่อดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง และอ้าปากค้าง จนหานซานเฉียนสามารถมองเห็นต่อมทอนซิลของทั้งสองได้อย่างชัดเจน “ถ้าต้องให้ผมเลื่อนระดับอีก เกรงว่าคงจะเหลือแต่ตำแหน่งของอี้เหล่าแล้วล่ะครับ” หานซานเฉียนกล่าวต่อลมหายใจของหานเทียนหยางหนักขึ้นมาก และหน้าอกของเขาก็กระเพื่อมอย่างรุนแรงหานซานเฉียนเพิ่งจะไปเทียนฉีแค่หนึ่งเดือน เขาก็สามารถท้ายทายบททดสอบสำเร็จทั้งสี่ระดับ เทียน ตี้ เชวียน ฮวง มันช่างเหลือเชื่อจริง ๆ สำหรับหานเทียนหยาง“ซานเฉียน นาย...นายไม่ได้ล้อพวกเราเล่นใช่ไหม” เหยียนจุนถามเสียงสั่น เทียนฉีคือวังสูงสุดของนักรบ แม้ว่าเหยียนจุนจะไม่เคยไปที่นั่น แต่เขาก็รู้ว่ามีปรมาจารย์มากมายอยู่ที่นั่น ในความเห็นของเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่หานซานเฉียนจะสามารถเลื่อนระดับสำเร็จภายในครั้งเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กนี่จะเก่งขนาดที่เลื่อนไปถึงระดับเทียน“ไม่แน่นอนครับ ตอนนี้ผมเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทียนแล้วจริง ๆ” หานซานเฉียนกล่าวหานเทียนหยางเดินไปหาหานซานเฉียน และยื่นมือที่สั่นเทาของเขาออกไปคว้าแขนของหานซานเฉียนแล้วพูดว่า "ซานเฉียน นาย..
เมื่อเห็นฟางจ้านมองไปรอบ ๆ หานซานเฉียนก็รู้ว่าเขาต้องการถามอะไร แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นเพราะเขาไม่ได้อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในถ้ำราชาปีศาจทำไมงูสีขาวตัวน้อยถึงได้เอาชนะสัตว์ร้ายตัวอื่นได้ นี่ยังคงเป็นข้อสงสัยที่ใหญ่ที่สุดในใจของหานซานเฉียน และทำไมมันถึงแสดงความใกล้ชิดกับเขาขนาดนี้ นี่ก็เป็นสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจ“ซานเฉียน คุณออกมาจากถ้ำราชาปีศาจได้ยังไง?” หลังจากทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ฟางจ้านก็ถามขึ้นเสียงเบา “สู้ไปวิ่งไป แล้วก็หนีออกมาได้” หานซานเฉียนกล่าว“สู้?” ฟางจ้านมองหานซานเฉียนด้วยความตกใจแม้ว่าหานซานเฉียนจะมีพลังมาก แต่สัตว์ร้ายเหล่านั้นก็มีพลังมากกว่า เขาจะรอดจากการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายได้อย่างไร“คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม สัตว์ร้ายเหล่านั้นมีพลังมากจนแม้แต่อี้เหล่าและเหอชิงเฟิงก็ไม่สามารถเอาชนะได้ คุณสู้พวกมันยังไง?” ฟางจ้านถาม“สู้ด้วยมือสิ จะให้สู้ด้วยอะไร” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มประโยคนี้ดูเหมือนตอบไปที ฟางจ้านไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่ออย่างแน่นอน แต่เนื่องจากหานซานเฉียนไม่อยากพูด เขาจึงไม่ถามอะไรอีก แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาส
เกี่ยวกับการไปโลกใบที่สองหานซานเฉียนมีทัศนคติที่หนักแน่นมาก อี้เหล่าไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้จริง ๆ แม้ว่าอี้เหล่าปากจะพูดว่าไม่เห็นด้วย แต่ในใจเขาก็จำต้องยอมรับเรื่องนี้ และอี้เหล่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ บางทีการที่หานซานเฉียนไปอาจมีประโยชน์มากกว่าเขาหลังจากคุยกับฟางจ้านเสร็จแล้ว หานซานเฉียนก็กลับเข้าไปในคฤหาสน์“ซานเฉียน หยิงเซี่ยเป็นยังไงบ้าง ลูกมีวิธีรักษาเธอจริง ๆ เหรอ?” ซือจิงถามหานซานเฉียนอย่างเป็นกังวล แม้ว่าในอดีตเธอจะทำหน้าที่ในฐานะแม่ได้ไม่ดี แต่ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่อยากทำดีกับหานซานเฉียนเพื่อชดเชยเรื่องในอดีตเท่านั้น แต่เธอยังถือว่าซูหยิงเซี่ยเป็นลูกสาวของเธอเองแล้วด้วยซือจิงรู้ดีว่าหานซานเฉียนให้ความสำคัญกับซูหยิงเซี่ยมากแค่ไหน ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับซูหยิงเซี่ยไม่ได้เด็ดขาดหานซานเฉียนไม่แน่ใจว่าไข่มุกจะส่งผลต่อซูหยิงเซี่ยอย่างไร ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถบอกได้ว่าสามารถรักษาเธอได้ไหม“แม่ครับ ไม่ต้องกังวลมากเกินไป ช่วงนี้อย่าเพิ่งรบกวนเธอ ร่างกายของเธอต้องค่อย ๆ ดูดซับยาที่ผมให้” หานซานเฉียนกล่าวหานซานเฉียนไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อซู
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เทียนหลิงเอ๋อร์ก็ตกอยู่ในความคิด เพราะเธอไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องเป็นผู้สืบทอดตระกูลต่อ ในความเห็นของเธอ ในอนาคตธุรกิจของตระกูลเทียนอาจตกอยู่ในมือของลูกพี่ลูกน้องของเธอ“พี่คะ ปู่ของฉันจะคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์ถาม“หากส่งต่อความพยายามตลอดชีวิตของเขาให้กับคนนอก เธอคิดว่าเขาจะเต็มใจไหมล่ะ?” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเทียนหลิงเอ๋อร์รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นสมเหตุสมผล จึงพยักหน้าและพูดว่า "พี่คะ ถ้าปู่คิดอย่างนั้นจริง ๆ ฉันก็จะไม่ทำให้คุณปู่ผิดหวังค่ะ"“ในเมื่อเธอมีความคิดแบบนี้ ฉันจะพาเธอไปพบใครบางคน” หานซานเฉียนกล่าว“พี่คะ ฉันอยากจะแนะนำบางคนให้พี่รู้จักพอดีเลย เขาอยู่ตรงประตูโครงการคฤหาสน์ค่ะ” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าว“สาวน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มาที่นี่เพียงเพราะเป็นห่วงพี่สาว แต่ยังมีจุดประสงค์อื่นด้วยสินะ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเทียนหลิงเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมต่อหน้าหานซานเฉียน และเธอก็ไม่มีความคิดที่จำทำแบบนั้นด้วย เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา "แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือเป็นเป็นห่วงพี่สาวของฉัน สำหรับคน ๆ นี้ พี่จะไปเจอไหมก็ไม่สำคัญ
ในเวลานี้จิตใจของเฉินอี้นั้นบอบบางมาก เดิมทีเขาคิดว่าความตื่นเต้นของตัวเองนั้นน่าอายมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหานซานเฉียน การกระทำของเขานั้นไม่มีอะไรเลยตอนนี้ถังหลงถือเป็นบุคคลสำคัญที่รู้จักกันดีในหยุนเฉิง เขาคือคนที่ตระกูลชั้นหนึ่งจำนวนนับไม่ถ้วนต้องการเป็นผูกมิตรด้วย แต่ท่าทีของเขาเมื่อเผชิญหน้ากับหานซานเฉียนก็ไม่ได้นิ่งไปมากกว่าเขาเลย และเขาเองก็ตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นคำเช่นกัน เมื่อคิดแบบนี้ การกระทำของเขานั้นก็ไม่มีอะไรเลยในขณะนี้เฉินอี้อดไม่ได้ที่จะอิจฉาหานซานเฉียน ที่มาถึงระดับนี้ได้ แค่อออกหน้านิดหน่อยก็ทำให้คนอย่างถังหลงตื่นตระหนกได้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตัวเองถึงจะได้ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดเช่นนี้บ้าง“คุณหาน คุณมีอะไรจะสั่งผมหรือเปล่าครับ?” ถังหลงถามหานซานเฉียนหานซานเฉียนไม่มีอะไรจะสั่งพิเศษ เขาแค่อยากมาดูบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวก็เท่านั้น เพราะนี่คือทรัพย์สินของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป แต่เมื่อเขามอบหมายมันให้กับถังหลง เขาก็ไม่อยากเห็นถังหลงก่อความวุ่นวายใด ๆยิ่งไปกว่านั้น บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวเริ่มต้นขึ้นเพราะซูหยิงเซ
เมื่อเห็นเทียนหลิงเอ๋อร์เดินมาหาเขา เทียนฉางเฉิงก็ประเมินสถานการณ์ออกและรีบตะโกนใส่หานซานเฉียน "อาจารย์ ผมแก่ขนาดนี้แล้ว คุณยังทนเห็นผมถูกทรมานได้อีกงั้นเหรอ?"หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ ตาเฒ่าคนนี้ยังคงดูเป็นเด็กเหมือนเดิม เป็นถึงผู้นำตระกูลเทียน แต่กลับไม่มีความสง่างามของผู้อาวุโสเลย และยิ่งไม่มีความเด็ดขาดแบบผู้นำตระกูลแถวหน้าด้วยซ้ำ“ต้องอย่างนี้สิ เจออาจารย์แล้วจะไม่ทำความเคารพได้ยังไง” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเทียนหงฮุยที่อยู่ด้านข้างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แม้ว่าฉากนี้จะดูเหมือนเป็นเรื่องตลก และคนที่เห็นอาจเข้าใจผิดคิดว่าหานซานเฉียนไม่เคารพ แต่ใช่ว่าคนทั่วไปจะได้รับการปฏิบัติแบบนี้ได้ ครั้งหนึ่งเทียนหงฮุยเคยดูถูกหานซานเฉียน และไม่คิดว่าเขาจะพัฒนาได้มากในหยุนเฉิง แต่ตอนนี้ แม้แต่เขาก็รู้สึกโชคดีมากที่ครอบครัวมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับหานซานเฉียนคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ อีกคนเป็นพี่น้อง ความสัมพันธ์ทั้งสองนี้เท่านั้นที่สามารถรับประกันสถานของตระกูลเทียนในหยุนเฉิงได้“อาจารย์ ได้ยินมาว่าคราวนี้คุณไปในที่ที่ไกลมาก ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ” เทียนฉางเฉิงถามหานซานเฉียน ข่าวภายนอกคื
หานซานเฉียนและเทียนฉางเฉิงเล่นเกมหมากรุกด้วยกัน และจบลงโดยการที่เทียนฉางเฉิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป หลังจากที่หานซานเฉียนออกจากคฤหาสน์ตระกูลเทียนแล้ว เทียนฉางเฉิงก็เรียกเทียนหงฮุยมาที่ห้องทำงานของเขา“พ่อครับ มีอะไรจะสั่งผมงั้นเหรอครับ?” เทียนหงฮุยถามเทียนฉางเฉิงส่ายหัวและพูดว่า "นายคิดยังไงกับสิ่งที่หานซานเฉียนพูดก่อนหน้านี้"“เขาบอกว่าแค่ล้อเล่นไม่ใช่เหรอครับ การกอบกู้โลกคือสิ่งที่ฮีโร่ในภาพยนตร์ทำ แต่นี่คือชีวิตจริงนะครับ ไม่ใช่ภาพยนตร์” เทียนหงฮุยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดูจากท่าทีของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้แต่สำหรับคนทั่วไปย่อมไม่มีทางเชื่อคำพูดของหานซานเฉียนเป็นธรรมดา คำว่ากอบกู้โลกมันหนักมากแค่ไหน แล้วใครจะทำเรื่องแบบนี้ได้บ้าง? อีกอย่างมันไม่ก็ไม่ได้มีสงครามโลกเกิดขึ้น แล้วทำไมโลกจึงต้องได้รับการกอบกู้ด้วยล่ะ?“นายคิดว่าเขาล้อเล่น แต่นายก็คิดว่า หรือว่าเขาแค่ซ่อนความจริงด้วยเรื่องล้อเล่น” เทียนฉางเฉิงกล่าวอย่างเคร่งขรึมเทียนหงฮุยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ หานซานเฉียนแค่พูดเล่น ๆ แต่เทียนฉางเฉิงกลับคิดจริงจัง เขาโอเวอร์มากเกินไปแล้วแม้ว่าเทียนหงฮุยจะรู้ว่าเทียนฉางเฉ
ฉี๋อีหยุนคุ้นเคยกับการถูกปฏิเสธแบบนี้ คราวนี้ปฏิกิริยาของเธอแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อเช็ดน้ำตาบนแก้มออกแล้ว สีหน้าของฉี๋อีหยุนก็ค่อย ๆ หนักแน่นขึ้น และถามหานซานเฉียน "ถ้าหยิงเซี่ยยินยอมล่ะ?"หานซานเฉียนตกใจมาก ซูหยิงเซี่ยจะยินยอมกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไงแม้ว่าครั้งหนึ่งซูหยิงเซี่ยจะเคยพูดติดตลกเกี่ยวกับการหาประเทศที่สามารถมีภรรยาได้หลายคน แต่ในมุมมองของหานซานเฉียน นี่เป็นเพียงกับดักของเธอเท่านั้น และหานซานเฉียนก็ไม่ได้ตกหลุมพลางผู้หญิงจะเต็มใจแบ่งปันสามีให้กับผู้หญิงอื่นได้อย่างไร?หากเปลี่ยนมุมมอง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หานซานเฉียนจะแบ่งปันซูหยิงเซี่ยให้กับผู้ชายคนอื่นแต่จู่ ๆ ฉี๋อีหยุนก็พูดคำดังกล่าว ซึ่งมันบ่งบอกว่าเธอมีแผนการอะไรบางอย่าง“คุณจะทำอะไร” หานซานเฉียนมองฉี๋อีหยุนอย่างระมัดระวัง เขาไม่อยากให้เธอสร้างปัญหาฉี๋อีหยุนส่ายหัวแล้วพูดว่า "อย่ากลัวเลย ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไร"“ฉี๋อีหยุน ผมขอเตือนว่าอย่าคิดสร้างปัญหา” หานซานเฉียนพูดอย่างจริงจังฉี๋อีหยุนรู้สึกเจ็บปวดใจ เธอมอบความรู้สึกทั้งหมดให้กับหานซานเฉียน แต่หานซานเฉียนไม่มีความรู้สึกต่อเธอ