ตั้งแต่จักรวาลถือกำเนิดขึ้น ดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน แดนสวรรค์ชั้นฟ้า โลกมนุษย์ และพิภพปีศาจ สำหรับแดนสวรรค์นั้นเล่ากันว่าเทพบรรพกาลเป็นผู้สร้างขึ้นและมอบหน้าที่ปกครองดินแดนแห่งนี้ให้มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่เหนือเทพเซียนทั้งปวงปกครอง
ทั้งยังแบ่งทิศทั้งสี่ให้มีสัตว์เทพที่สร้างขึ้นจากพลังวิญญาณของมหาเทพกาลเวลานั้น ๆ ปกครอง สัตว์เทพแต่ละตนจะมีอายุตามกาลดับสูญของอายุขัยองค์มหาเทพที่สร้างพวกเขาขึ้นมา เว้นเสียแต่ว่า มหาเทพผู้ปลุกพลังสัตว์เทพขึ้นมาจะปลดปล่อยสัตว์เทพของตนให้เป็นอิสระก่อนหมดอายุขัยหน้าที่ของสัตว์เทพทั้งสี่ยิ่งใหญ่ยิ่งนัก แต่ละตนต้องคอยสร้างเขตอาคมปกคลุมแดนสวรรค์ที่ไม่มีพื้นที่สิ้นสุดเพื่อเป็นเกราะคุ้มภัยอันตรายจากพิภพปีศาจที่เล่าลือกันว่าปกครองโดยจอมมารชั่วร้ายที่ถือกำเนิดมาพร้อมเทพบรรพกาลของสวรรค์
แดนสวรรค์ถูกเปลี่ยนองค์มหาเทพและสัตว์เทพมาแล้วนับไม่ถ้วน กระทั่งครั้งนี้แดนสวรรค์มีองค์มหาเทพนามว่า 'เทียนวั่ง' ปกครองอยู่ สัตว์เทพทั้งสี่ทิศจึงได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครา...
แดนเป่ย(ทิศเหนือ)
ปกครองโดยเต่าดำ เสวียนอวี่ อายุสี่พันปี
แดนหนาน(ทิศใต้)
ปกครองโดยหงส์แดง จูฮวาเหยียน อายุสองพันปี
แดนซี(ทิศตะวันตก)
ปกครองโดยพยัคฆ์ขาว ไป๋จินซวน อายุสองพันห้าร้อยปี
และแดนตง(ทิศตะวันออก)
ปกครองโดยมังกรฟ้า เทียนหั่วหลง อายุสามพันปี
มังกรฟ้าเทียนหั่วหลงถูกปลุกขึ้นจากศิลาศักดิ์สิทธิ์ของเทพบรรพกาล หล่อหลอมกับเลือดและพลังวิญญาณของมหาเทพเทียนวั่งทำให้เขาเกิดมาเป็นสัตว์เทพที่พิเศษกว่าสัตว์เทพตนอื่น ๆ ที่ตื่นขึ้นมามีสองดวงจิตในกายเดียว นั่นคือ...
มังกรฟ้านามว่าเทียนหั่วหลง ส่วนอีกหนึ่งดวงจิตนามว่าเทียนหลงเซ่อ
เทียนหลงเซ่อคือมังกรทมิฬเป็นสัตว์เทพคู่กายของมหาเทพเทียนวั่งที่เกิดจากเลือดในกายของเขาตอนที่ใช้ปลุกมังกรฟ้านั่นเอง
เพราะมีเขตอาคมจากสัตว์เทพทั้งสี่คอยเป็นเกราะคุ้มภัยจากจอมมารและแดนปีศาจ ทั้งแดนสวรรค์จึงสงบสุขมาชั่วกัปชั่วกัลป์
หากแต่วันหนึ่งมังกรฟ้าเทียนหั่วหลงได้ลงมาบำเพ็ญตบะเพื่อเพิ่มพูลพลังวิญญาณที่เขาเซียนลู่บนโลกมนุษย์ และบังเอิญได้พบกับสตรีท้องแก่นางหนึ่งกำลังได้รับบาทเจ็บอยู่ที่ตีนเขา ชะตาของนางและเด็กในท้องคือต้องดับสูญในวันนั้น แต่ด้วยความสงสารเหลือคณา เทียนหั่วหลงเกิดใจอ่อนทำผิดกฎสวรรค์อย่างร้ายแรง เขาแบ่งพลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของตนที่บำเพ็ญมานับสามพันปีเพื่อช่วยหญิงท้องแก่นางนั้นเอาไว้จนนางสามารถให้กำเนิดทารกผู้นั้นได้สำเร็จ
ใครจะรู้การฝืนลิขิตสวรรค์ในครั้งนั้น หนึ่งปี(1 ปีสวรรค์ = 10 ปีโลกมนุษย์) ให้หลังได้นำพาแดนสวรรค์สั่นคลอน เขตอาคมแดนบูรพาที่มังกรฟ้าเทียนหั่วหลงดูแลอยู่เกิดอ่อนแรงเป็นรอยร้าวขึ้น เหล่าทวยเทพเกรงจะนำภัยมายังแดนสวรรค์จึงทูลให้มหาเทพเทียนวั่งลงโทษมังกรฟ้าด้วยการส่งเขาลงมายังโลกมนุษย์เพื่อตามหาพลังวิญญาณที่สูญหายกลับไปซ่อมแซมรอยร้าวของเขตอาคม
เรื่องราวเกี่ยวพันดวงชะตาของสัตว์เทพมังกรฟ้ากับมนุษย์ผู้มีพลังวิญญาณของเทพจึงเริ่มต้นขึ้น
"ปีศาจมาแล้ว""ปีศาจตาแดงมาแล้ว"เสียงโห่ร้องขับไล่ดรุณีน้อยวัยเก้าขวบที่กำลังเดินถือตะกร้าซื้อของในตลาดของหมู่บ้านตงเหลียงมณฑลตี้เจิงดังขึ้นทุกย่างก้าวที่นางเดินผ่าน"เถ้าแก่ ข้าเอาซาลาเปาห้า หมั่นโถวหก""ไม่ขาย ๆ ไปซื้อที่อื่นเลยไป!"เสียงเถ้าแก่ร้านซาลาเปาดังขับไล่ดรุณีน้อยที่ยืนรอของหน้าร้านลั่นขึ้นเหล่าพ่อค้าแม่ค้าร้านอื่น ๆ ต่างพากันมองมาที่นางด้วยสายตาเดียวกันคือรังเกียจ...หวาดกลัว..."เถ้าแก่ขายให้ข้าเถอะ ถ้าวันนี้ข้าซื้อของกินกลับไปที่บ้านไม่ได้ท่านพ่อต้องดุข้าอีกเป็นแน่"ดรุณีน้อยร้องขอความเมตตาด้วยเสียงสั่นเครือ ดวงตาสีสวยราวตะวันทอแสงฉ่ำไปด้วยม่านน้ำตาที่รอเวลาหลั่งไหลอาบแก้มหากยังไม่ได้สิ่งที่นางต้องการ"ที่นี่ไม่มีใครอยากขายของให้ปีศาจเช่นเจ้า ไป ๆ รีบออกไปจากหมู่บ้านเราได้แล้ว"แม่ค้าร้านข้าง ๆ รีบออกปากขับไล่เรียกความฮึกเฮิมให้กับร้านอื่น ๆ เอาเยี่ยงอย่างหยิบจับขว้างปาข้าวของใส่ดรุณีน้อยที่น่าสงสารผู้นี้อย่างไร้เมตตา"โอ้ย! ข้าเจ็บ ข้าไม่ใช่ปีศาจ ข้าไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย"ร่างบอบบางวัยเก้าขวบนั่งคุดคู้กอดตัวเองซบหน้าลงกับหน้าตักเพื่อปกป้องใบหน้าที่แสนจิ้มลิ้มไม่ให้ถูก
เพล้ง!เสียงของตกแตกดังขึ้นภายในกระท่อมหลังหนึ่ง เศษไหสุรากระจายเต็มพื้นไม้ใกล้กับดรุณีวัยเก้าขวบที่นั่งคุกเข่ากับพื้นก้มหน้ามองหน้าขาตนเองด้วยตัวสั่นเทาหลังจากสองอาหลานกลับจากตลาดในหมู่บ้าน หลี่ต้งผู้เป็นใหญ่สุดในกระท่อมหลังนี้เอาแต่ใส่อารมณ์กับหลี่ชิงชิงเพราะก่อนหน้าเขาถูกชาวบ้านระแวกใกล้เคียงบีบคั้นให้ออกจากหมู่บ้านนี้ไปด้วยข่าวลือเรื่องที่ลูกสาวบ้านนี้เป็นปีศาจครั้นคนสร้างเรื่องกลับมาถึงพอดีหลี่ต้งจึงระเบิดอารมณ์ใส่บุตรสาวอย่างไร้การถามไถ่"พี่ใหญ่ ท่านอย่าไปเชื่อข่าวลือพวกนั้นเลย เสี่ยวชิงของเราจะเป็นปีศาจได้เยี่ยงไร"หลี่จงพยายามพูดเตือนสติพี่ชายที่เป็นบิดาแท้ ๆ ของหลี่ชิงชิง หากแต่บัดนี้เขากำลังมองบุตรสาวด้วยดวงตาขวางราวคนตรงหน้าเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว"เจ้าไม่ต้องแก้ตัวแทนนาง ถ้าไม่มีมูลมีหรือคนทั้งตลาดจะเล่าลือกันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังคอยมาขับไล่ครอบครัวเราออกจากหมู่บ้านอีก!"หลี่ต้งกล่าวอย่างฉุนเฉียวพลางมองหน้าบุตรสาวที่เอาแต่ก้มหน้างุดไม่ยอมแก้ตัวสักครึ่งคำ"พี่ใหญ่ ท่านก็เห็นเสี่ยวชิงตั้งแต่ตัวแดงแล้ว เหตุใดถึงไปเชื่อคำคนนอกพวกนั้นเล่า"ลมหายใจหลี่ต้งสะดุดครู่หนึ่งเหมือนฉุกคิ
"เหตุใดตอนนั้นท่านไม่พูดเช่นนี้"หลี่จงยังคงไม่เชื่อสิ่งที่พี่ชายกล่าวหาพี่สะใภ้เขา แต่หากมองความเป็นจริงอย่างใจเป็นกลาง หรือว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุกวันครบรอบการจากไปของพี่สะใภ้ ที่พี่ชายเขาไม่เคยไปเยี่ยมหลุมศพนางเลยเพราะฝังใจเรื่องนี้มาโดยตลอด"ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนที่เชื่อเพียงสิ่งที่ตาเห็น ใจที่เจ้าแอบรักหยวนชิงตั้งแต่ก่อนที่นางจะแต่งกับข้าเลยไม่เชื่อสิ่งที่ข้าเล่า เจ้าโชคดีแล้วที่มิใช่ผู้ถูกนางเลือก มิเช่นนั้นเจ้าจะเจ็บปวดเช่นข้าจนถึงทุกวันนี้"หลี่จงได้แต่นั่งเงียบหลังจากฟังพี่ชายระบายความลับนี้ออกมาจะเป็นดั่งพี่ชายเขากล่าวมาจริงหรือ สตรีจิตใจดีมีเมตตาอย่างหยวนชิงจะสมสู่กับปีศาจ หากเป็นเช่นนั้นจริง หยวนชิงจะใช้เวลาตอนไหนออกไปพบเจอกับปีศาจตนนั้นในเมื่อหลี่ต้งไม่เคยให้นางออกจากเรือนไปที่ใดเลยด้วยซ้ำ"ท่านพ่อ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ ปีศาจที่สังหารท่านแม่คือปีศาจตนใด"หลี่ชิงชิงปาดน้ำตาออกจากแก้มความเสียใจแปรเปลี่ยนให้นางกลายเป็นคนเข้มแข็งและฝังแค้นไว้ในอก"เจ้าถามเพื่อการใด จะแก้แค้นแทนแม่เจ้าหรือ"หลี่ต้งประชดประชันบุตรสาว หากแต่เสียงตอบกลับที่แสนหนักแน่นของดรุณีน้อยตรงหน้าทำเขากลั้วห
"ท่านคือ..."หลี่จงเคยเห็นการแต่งกายเช่นนี้ หากแต่เขากลับไม่รู้ชื่อนักพรตหญิงตรงหน้า"ข้าคือเจ้าสำนักเมฆาล่องลอย หยวนจี""ท่านแซ่หยวนหรือ ไม่ทราบท่านเกี่ยวข้องอันใดกับหยวนชิง"หลี่ต้งได้ยินชื่อแซ่ของนักพรตท่านนี้จากปากนางเองจึงใคร่สงสัย"เจ้ารู้จักหยวนชิง?"เจ้าสำนักหยวนจีทั้งดีใจระคนแปลกใจที่ชาวบ้านผู้นี้เอ่ยนามของพี่น้องร่วมสาบานนาง"นางคือพี่สะใภ้ข้า" หลี่จงเป็นคนตอบคำถามเพราะกลัวพี่ชายจะพลั้งปากพูดอะไรไม่เข้าหูนักพรตหญิงตรงหน้าเข้า"เช่นนั้นเองรึ ข้ากับหยวนชิงเป็นศิษย์จากสำนักเมฆาล่องลอยรุ่นแรก ถูกเจ้าสำนักรุ่นก่อนเก็บมาเลี้ยงจึงใช้แซ่เดียวกัน เปรียบเสมือนพี่น้องร่วมสาบานกัน"เจ้าสำนักเมฆาล่องลอยหยวนจีอธิบายสิ่งที่สกุลหลี่ไม่เคยรู้มาก่อนให้ฟัง"เหตุใดพี่สะใภ้ถึงไม่เคยบอกเรื่องนี้แก่เรา""เรื่องนี้หากเล่าแล้วยาวนัก เมื่อยี่สิบปีก่อน หยวนชิงกับข้าต่างก็ถูกอาจารย์หมายหัวไม่คนใดก็คนหนึ่งจะต้องได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป ทว่าหยวนชิงมีนิสัยเป็นคนรักอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกฎในเกณฑ์ นางไม่อยากถูกจองจำไว้ที่เขาเมฆาที่เงียบสงบนั้น สุดท้ายจึงตัดสินใจหนีลงจากเขาและปกปิดตัวตนจากสำนักเมฆาล่องลอยไม่ใ
แปดปีต่อมา..."สงบดั่งสายน้ำ แข็งแกร่งดั่งภูผา เมตตาดั่งท้องนภา คุณธรรมยิ่งใหญ่เหนือทั้งปวง"เสียงท่องปณิธานของสำนักเมฆาล่องลอยดังขึ้นจากเหล่าดรุณและดรุณีน้อยรุ่นที่แปดของสำนักศึกษาแห่งนี้"เสี่ยวโยวเจ้าว่าศิษย์พี่ห้ากำลังเข้าฌานหรือหลับกันแน่"เสียงกระซิบดังขึ้นเบา ๆ หลังจากศิษย์รุ่นเยาว์ท่องกฎของสำนักศึกษาจบไปสามรอบแล้ว ทว่าศิษย์พี่ที่ทำหน้าที่สอนสั่งพวกเขาในวันนี้กลับนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งไม่ออกคำสั่งอันใดเฉกเช่นทุกวัน"ข้าว่าศิษย์พี่ห้าต้องหลับแน่ ๆ"เจ้าของชื่อเสี่ยวโยวตอบกลับพลางป้องปากส่งต่อแผนการที่ผุดขึ้นมาในหัวหมาด ๆ ให้กับเหล่าศิษย์ชั้นเดียวกันส่งต่อจนครบทุกคน"พร้อมนะ"ดรุณีน้อยเสี่ยวโยวที่ทั้งแสบ ทั้งแก่นแก้ว ผู้นำจอมวางแผนมองสบตาศิษย์คนอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณชูนิ้วขึ้นทีละนิ้วจนครบสามนิ้วแล้วเอ่ย"คำนับอาจารย์อาหยวนอวิ๋น"เสียงเหล่าศิษย์วัยเยาว์จอมแสบดังลั่นจนคนที่แอบงีบหลับสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินว่าผู้ใดมา"ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไม่ได้หลับนะเจ้าคะ""ฮ่า ๆ ศิษย์พี่ห้าถูกพวกเราหลอกแล้ว"บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันหัวเราะเสียงลั่นเมื่อปลุกคนขี้เซาที่แอบหลับได้สำเร็จ ทว่าเวลาต่อม
"อาจารย์ป้า"ทันทีที่มาถึงที่พำนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจี หลี่ชิงชิงก็รีบเข้ามากอดมาหอมผู้มีพระคุณของนางทันที"นี่ผู้ใดกัน เหตุใดถึงไม่คุ้นหน้า"หยวนจีแกล้งเย้าแหย่หลานรักเล่น ทำเอาคนถูกแกล้งถึงกับอมลมจนแก้มป่องทั้งสองข้าง แต่ก็แค่ประเดี๋ยว แก้มน้อย ๆ นั้นก็ซุกถูบนตักนิ่มของหยวนจีอย่างออดอ้อนเช่นเดิม"ชิงชิงคิดถึงอาจารย์ป้าที่สุดเจ้าค่ะ"มือบางเอื้อมขึ้นมาลูบผมบุตรสาวของศิษย์น้องนางที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยความเอ็นดู"คิดถึงอาจารย์แล้วตั้งใจใฝ่เรียน ฝึกในวิชาหรือไม่"คำถามแรกพุ่งเป้าไปเช่นนี้เลยหรือ แต่ไม่เป็นไร หลี่ชิงชิงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางอยู่แล้ว"ตอนนี้ข้าฝึกชำระจิตที่ถ้ำเหมันต์จนเรียกว่าสนิทกับภูติน้ำแข็งได้แล้ว"คนถูกถามคุยโวโอ้อวดอย่างภูมิใจ"หืม... เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เข้าฌานมิใช่หรือ"คนถูกจับได้ว่าแอบเกเรวิชาไม่เลื่อนขั้นถึงกับยิ้มแห้งหัวเราะแหะ ๆ แก้เขิน"โธ่ ท่านป้าคนสวย ชิงเอ๋อร์หมายถึงว่าตอนนี้มีเพื่อนเป็นภูติน้ำแข็งเพิ่มมาอีกเป็นกองทัพ เยอะกว่าเมื่อก่อนตั้ง..."นัยน์ตาน้ำหมึกกลอกกลิ้งไปมาคล้ายกำลังนับจำนวนในใจ เวลาที่หลี่ชิงชิงจะออดอ
แดนสวรรค์ , หุบเขาวังมังกรฟ้า"เรียนมหาเทพ นายท่านยังไม่ออกจากฌานขอรับ"ภูติหิ่งห้อยอาเล่ย ภูติรับใช้คนสนิทของเทียนหั่วหลงรายงานมหาเทพผู้ครองแดนสวรรค์ที่วันนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าของหุบเขาวังมังกรฟ้าแห่งนี้ให้กระจ่าง"ข้าจะเข้าไปดึงเจ้ามังกรหัวดื้อออกจากฌานให้ท่านเอง"เสียงหงุดหงิดใจของพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวนเอ่ยขึ้นเดิมที่วิสัยของไป๋จินซวนชอบอิสระ เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ พูดจาโผงผาง หากคนไม่สนิทด้วยจะมองว่าเขาก้าวร้าวไม่รู้จักยำเกรงผู้อาวุโสกว่า"เจ้าเสือขาวอันธพาล เอะอะก็จะใช้แต่กำลัง"เสียงสตรีนางหนึ่งเหินเวหาลงมายืนเคียงข้างมหาเทพเทียนวั่งพร้อมกล่าวตำหนิไป๋จินซวน"หงส์เพลิงเช่นเจ้ากล้าตำหนิผู้อาวุโสกว่าเช่นข้ารึ!""ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเจ้าแก่แต่อายุ หากสมองอ่อนกว่าข้ายิ่งนัก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน สตรีนางเดียวที่เป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทพแลบลิ้นปริ้นตาเย้าแหย่คู่กัดอย่างพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวน"พวกเจ้าสำรวมด้วย"เสียงทุ้มมาพร้อมรูปลักษณ์ที่สงบนิ่งและงดงามของเต่าดำเสวียนอวี่ดังปราม"คาราวะมหาเทพเทียนวั่ง"ผู้อาวุโสสุดอย่างเต่าดำรีบค้อมคำนับองค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ทั้งไป๋จินซวนและจูฮวาเหยียนรีบ
"มนุษย์ผู้ใดถึงได้มีอาคมแก่กล้าสามารถปิดผนึกพลังสัตว์เทพอย่างพวกเราได้"เสวียนอวี่กล่าวอย่างสงสัย"ผู้ที่สามารถผนึกพลังเทพได้ต้องเป็นขั้นปรมาจารย์หรือไม่ก็นักพรตที่บำเพ็ญเพียรไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีมนุษย์"ทั้งเต่าดำและมังกรฟ้าต่างคิดเช่นเดียวกับสิ่งที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"ที่เจ้าออกฌานในครั้งนี้เพราะสะสมพลังวิญญาณได้มากแล้วหรือ"มหาเทพเทียนวั่งรับรู้ถึงพลังที่ไหลเวียนในตัวของตนเองเพิ่มพูลขึ้น เช่นนี้แปลว่ามังกรฟ้าคงสั่งสมพลังมาได้มากเช่นกัน"ได้กลับคืนมาประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอถึงห้าในสิบส่วน"เข้าฌานมาครึ่งปี อย่างน้อยพลังใหม่บวกพลังเก่าที่หลงเหลืออยู่ต้องได้กลับคืนมามากกว่าแปดส่วนถึงจะถูก หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการเข้าฌานของเขาเสียเวลาเปล่าแล้ว"หรือเพราะพลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของเจ้าอยู่กับมนุษย์ ทำให้การเพิ่มพลังวิญญาณขัดแย้งกัน"เทียนหั่วหลงก็คิดเช่นเดียวกับที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"แล้วเหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงออกจากฌาน หรือว่าพวกข้ามารบกวน" เสวียนอวี่ถามไถ่บ้าง"มิใช่เพราะเหตุนั้น เมื่อครู่แม้จะแค่ประเดี๋ยวเดียวแต่ข้าก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่หายไป""หมายความเช่นไร"ไม่ใช่แค่มหาเทพ
"ตอนที่พวกท่านเจอข้าเห็นสตรีอีกนางหรือไม่ หน้าตาสะสวยสวมชุดสีเดียวกับข้าเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงร้อนใจเหลือเกิน หากกว่างเซียงเซียงไม่อยู่ที่นี่คงคิดได้เหตุผลเดียวคือนางยังคงติดอยู่ในเขตแดนของปีศาจฮุ่ยเฟิ่ง"ข้ามิพบผู้ใดนอกจากท่าน ว่าแต่ท่านกำลังตามหาสหายอยู่หรือ"วิสัยของมังกรฟ้าไม่ใช่คนช่างจ้อชวนคุย หากแต่ตอนนี้เขาต้องทำให้สตรีนางนี้เชื่อใจเขาเพื่อที่จะได้ขอพลังวิญญาณในตัวของนางคืน โดยตรง ไม่แน่วิธีนี้อาจจะได้ผลกับทั้งสองฝ่ายโดยไม่ต้องสูญเสียสิ่งใด"หมู่บ้าน! ข้าต้องรีบกลับหมู่บ้านตงเหลียง"หลี่ชิงชิงไม่สนใจคำถามของมังกรฟ้า นางร้อนใจเป็นห่วงกว่างเซียงเซียงจนรีบลุกจากแท่นหินที่นอนอยู่ ทว่าเพราะร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตใช้พลังกายไปหลายส่วนยังไม่ฟื้นดีทำให้เรี่ยวแรงนางยังไม่กลับมา แข้งขาเลยอ่อนแรงมีอาการหน้ามืดจนเกือบล้มตกจากแท่นหิน โชคดีที่เทียนหั่วหลงมือไวคว้านางไว้ได้ทัน"อ้ะ! ขอบคุณคุณชาย"เทียนหั่วหลงช่วยพยุงหลี่ชิงชิงให้กลับมานั่งที่เดิม"แม่นางไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้หมู่บ้านตงเหลียงปลอดภัยดี"สิ่งที่ได้ยินทำให้หลี่ชิงชิงที่อยู่ในอาการมึนหัวเพราะร่างกายอ่อนแรงรีบผินสายตาขึ้นมองเทียนหั่วห
หลังจากช่วยหลี่ชิงชิงออกมาจากแดนมายาของฮุ่ยเฟิ่งได้แล้ว เทียนหั่วหลงก็พานางมายังถ้ำแห่งหนึ่งบนเขาเซียนลู่ ถ้ำที่เขาเคยลงมาบำเพ็ญตบะแล้วพบเจอมารดาของนาง"แม่นางผู้นี้เป็นเช่นไรบ้างขอรับ"ภูติหิ่งห้อยจุดแสงสว่างด้วยพลังวิญญาณของมัน พลันถ้ำทั้งถ้ำก็สว่างไสวเผยให้เห็นร่างกายของสตรีที่เพิ่งช่วยเหลือมาเต็มตา'ดั่งคาด ร่างกายนางผู้นี้วิเศษยิ่งนัก'เทียนหั่วหลงสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของหลี่ชิงชิงพบว่าร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตลุกโชนไม่มีบาดแผลเผาไหม้สักนิดเดียว ราวกับว่าพลังวิญญาณของเขายอมรับนางผู้นี้เป็นเจ้าของอีกคน"นายท่าน! อัคคีมรกตท่านลุกโชนอีกแล้ว"แม้แต่ภูติหิ่งห้อยยามเข้าใกล้ปราณนี้ยังต้องถอยห่างเทียนหั่วหลงวางผ่ามือลงบนหน้าผากหลี่ชิงชิงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของที่แท้จริงให้ปราณอัคคีมรกตในตัวนางรับรู้ ไม่นานไฟนั้นก็สงบลง"อาเล่ย เจ้าจงไปหาหญ้าเจ็ดสี หนามเม่นแดง น้ำค้างบริสุทธิ์บนยอดเขามาให้ข้าที""นายท่านจะใช้มันทำการใดขอรับ"ของทั้งสามล้วนเป็นของวิเศษที่หายาก หากแต่ไม่คณามือภูติหิ่งห้อยอาเล่ยผู้นี้"ข้าจะหลอมเป็นยาปลุกพลังปราณในตัวสตรีนางนี้"พลังปราณเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกวิชาต้องมี หากแต่เมื่
"เจ้าดูนั่น ของกินเยอะแยะเลย"หลังจากเข้ามาในดินแดนมายาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งกว่างเซียงเซียงและหลี่ชิงชิงยังคงเดินวนเวียนอยู่เพียงตลาดกลางหมู่บ้าน พวกนางวิ่งเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ราวกับหลงลืมว่ามาที่หมู่บ้านนี้เพื่อการใด"ข้าต้องซื้อไก่กลับไปฝากท่านอาสี่ แล้วก็สุราเลิศรสไปฝากท่านพ่อ"หลี่ชิงชิงกำลังถูกวิชามายาควบคุมจิตใจ นางเดินไปยังร้านขายไก่สดเพื่อซื้อไก่ดั่งใจหมาย เสร็จแล้วจึงไปที่ร้านสุราเพื่อซื้อสุราหมักขึ้นชื่อของหมู่บ้านมาไหหนึ่ง"ชิงชิงเจ้ามาดูนี่สิ หอมจัง ข้าอยากกิน"กว่างเซียงเซียงกวักมือเรียก นางยืนอยู่หน้าร้านขายเกี๊ยวน้ำกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลจนท้องน้อย ๆ ส่งเสียงประท้วง"เถ้าแก่ ขอเกี๊ยวน้ำสองชาม"กว่างเซียงเซียงเห็นสหายรักเดินมาจวนจะถึงร้านจึงรีบสั่งเถ้าแก่ตัวอ้วนพุงพุ้ย"มานั่งนี่มาหลี่ชิงชิงสหายรักข้า บ้านเกิดเจ้านี่ช่างงดงามจนข้าไม่อยากกลับเขาเมฆาอีกเลย"แววตากว่างเซียงเซียงไร้ประกายขัดแย้งกับสิ่งที่นางกล่าว หากคนดีใจหรือชมชอบสิ่งที่เป็นอยู่ดวงตานั้นต้องเป็นประกาย เหตุใดสหายตรงหน้าดวงตาถึงได้อับแสงลงเช่นนั้น"เกี๊ยวน้ำของเสี่ยวชิงกับเสี่ยวเซียงมาแล้ว"เสียงเถ้าแก่ร้านเกี๊ยว
"ว้าว! ที่นี่หมู่บ้านตงเหลียงของเจ้าหรือ"หลังออกจากประตูมิติของเจ้าสำนักหยวนจี กว่างเซียงเซียงก็ได้เปิดหูเปิดตากับบรรยากาศของหมู่บ้านนอกเขตเขาเมฆาในรอบหลายสิบปี"แต่ก่อนไม่เห็นสวยงามเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงมองบ้านเกิดตนเองพลางวิเคราะห์ตอนที่นางอยู่จนถึงเก้าขวบ เหตุใดหมู่บ้านไม่ครึกครื้นเช่นตอนนี้ ดูเสาโคมไฟที่สูงตระหง่านตรงนั้นสิ เมื่อก่อนไม่เห็นจะมี แล้วไหนจะต้นไม้ดอกไม้ที่ขึ้นทั้งสองข้างทางเดินเข้าหมู่บ้านอีก ตอนที่นางแปดเก้าขวบยังไม่เห็นจะผลิดอกชูช่อสวยงามเช่นตอนนี้สักนิด"ข้าอยากเห็นข้างในหมู่บ้านเจ้าแล้ว รีบเข้าไปเถอะ"กว่างเซียงเซียงตื่นเต้นกว่าเจ้าของถิ่นเกิดเสียอีก นางทั้งดึงพลางวิ่งนำให้หลี่ชิงชิงที่ดูโอ้เอ้เดินตามให้ไว"ช้าก่อนเซียงเซียง"จู่ ๆ หลี่ชิงชิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติของหมู่บ้านแห่งนี้ถึงแม้นางจะจากไปถึงแปดปีแล้ว แต่หมู่บ้านที่ห่างไกลเมืองหลวงไร้ขุนนางเหลียวแลมาแต่ไหนแต่ไร ไม่น่าเจริญจนสวยงามรวดเร็วถึงเพียงนี้ ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกนางว่าอย่าเข้าไปเด็ดขาด"มีอะไรหรือ"กว่างเซียงเซียงรีบหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวข้ามเขตเสาโคมที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน"ข้ารู้สึก
"ศิษย์จะรีบไปรีบกลับ ท่านเจ้าสำนักโปรดดูแลตนเองด้วย"วันนี้เป็นวันที่หลี่ชิงชิงจะได้ลงเขาครั้งแรกตั้งแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างพากันมายืนส่งนางลงเขาด้วยความเป็นห่วง ยกเว้นคนเดียวที่ใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขยามที่ไม่มีนางอยู่บนเขาเมฆาแห่งนี้"ศิษย์น้องห้า เจ้าต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าได้ใจร้อนโผงผาง พบเจอมิตรจงผูกไมตรี หากพบอันตรายจงเอาตัวรอดให้ได้"หยวนอวิ๋นกล่าวสั่งสอนศิษย์น้องที่เขาทั้งรักและเอ็นดูนางเป็นที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำที่อบอุ่นของเขาทำให้จิตใจของสตรีนางหนึ่งเกิดความมืดขึ้น"ศิษย์น้องสาม เจ้าดูสายตาศิษย์พี่ใหญ่สิ อาลัยอาวรน้องห้ายิ่งนัก"หงยวี่ ศิษย์ลำดับที่สองของสำนักเมฆาล่องลอยพูดเชิงเสี้ยมให้อีกคนที่มีใจให้กับหยวนอวิ๋นเกิดความคับแค้นใจต่อหลี่ชิงชิงสองมือแน่งน้อยกำหมัดแน่นยามที่ได้ฟังคำยุยงนั้นของศิษย์พี่รองนาง"ท่านเจ้าสำนักจะให้น้องห้าลงเขาคนเดียวหรือเจ้าคะ"เยว่ฟางปรับเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วยิ่งนัก ความมาดร้ายในดวงตาเมื่อครู่หายไปแล้ว มีแต่ความใสซื่อปรากฎขึ้นแทนหงยวี่เห็นศิษย์น้องสามตีสองหน้าเก่งเช่นนี้ถึงกับชื่นชมในใจ"ความจริงมีเสี่ยวเซียงไปกับข
"มนุษย์ผู้ใดถึงได้มีอาคมแก่กล้าสามารถปิดผนึกพลังสัตว์เทพอย่างพวกเราได้"เสวียนอวี่กล่าวอย่างสงสัย"ผู้ที่สามารถผนึกพลังเทพได้ต้องเป็นขั้นปรมาจารย์หรือไม่ก็นักพรตที่บำเพ็ญเพียรไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีมนุษย์"ทั้งเต่าดำและมังกรฟ้าต่างคิดเช่นเดียวกับสิ่งที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"ที่เจ้าออกฌานในครั้งนี้เพราะสะสมพลังวิญญาณได้มากแล้วหรือ"มหาเทพเทียนวั่งรับรู้ถึงพลังที่ไหลเวียนในตัวของตนเองเพิ่มพูลขึ้น เช่นนี้แปลว่ามังกรฟ้าคงสั่งสมพลังมาได้มากเช่นกัน"ได้กลับคืนมาประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอถึงห้าในสิบส่วน"เข้าฌานมาครึ่งปี อย่างน้อยพลังใหม่บวกพลังเก่าที่หลงเหลืออยู่ต้องได้กลับคืนมามากกว่าแปดส่วนถึงจะถูก หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการเข้าฌานของเขาเสียเวลาเปล่าแล้ว"หรือเพราะพลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของเจ้าอยู่กับมนุษย์ ทำให้การเพิ่มพลังวิญญาณขัดแย้งกัน"เทียนหั่วหลงก็คิดเช่นเดียวกับที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"แล้วเหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงออกจากฌาน หรือว่าพวกข้ามารบกวน" เสวียนอวี่ถามไถ่บ้าง"มิใช่เพราะเหตุนั้น เมื่อครู่แม้จะแค่ประเดี๋ยวเดียวแต่ข้าก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่หายไป""หมายความเช่นไร"ไม่ใช่แค่มหาเทพ
แดนสวรรค์ , หุบเขาวังมังกรฟ้า"เรียนมหาเทพ นายท่านยังไม่ออกจากฌานขอรับ"ภูติหิ่งห้อยอาเล่ย ภูติรับใช้คนสนิทของเทียนหั่วหลงรายงานมหาเทพผู้ครองแดนสวรรค์ที่วันนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าของหุบเขาวังมังกรฟ้าแห่งนี้ให้กระจ่าง"ข้าจะเข้าไปดึงเจ้ามังกรหัวดื้อออกจากฌานให้ท่านเอง"เสียงหงุดหงิดใจของพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวนเอ่ยขึ้นเดิมที่วิสัยของไป๋จินซวนชอบอิสระ เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ พูดจาโผงผาง หากคนไม่สนิทด้วยจะมองว่าเขาก้าวร้าวไม่รู้จักยำเกรงผู้อาวุโสกว่า"เจ้าเสือขาวอันธพาล เอะอะก็จะใช้แต่กำลัง"เสียงสตรีนางหนึ่งเหินเวหาลงมายืนเคียงข้างมหาเทพเทียนวั่งพร้อมกล่าวตำหนิไป๋จินซวน"หงส์เพลิงเช่นเจ้ากล้าตำหนิผู้อาวุโสกว่าเช่นข้ารึ!""ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเจ้าแก่แต่อายุ หากสมองอ่อนกว่าข้ายิ่งนัก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน สตรีนางเดียวที่เป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทพแลบลิ้นปริ้นตาเย้าแหย่คู่กัดอย่างพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวน"พวกเจ้าสำรวมด้วย"เสียงทุ้มมาพร้อมรูปลักษณ์ที่สงบนิ่งและงดงามของเต่าดำเสวียนอวี่ดังปราม"คาราวะมหาเทพเทียนวั่ง"ผู้อาวุโสสุดอย่างเต่าดำรีบค้อมคำนับองค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ทั้งไป๋จินซวนและจูฮวาเหยียนรีบ
"อาจารย์ป้า"ทันทีที่มาถึงที่พำนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจี หลี่ชิงชิงก็รีบเข้ามากอดมาหอมผู้มีพระคุณของนางทันที"นี่ผู้ใดกัน เหตุใดถึงไม่คุ้นหน้า"หยวนจีแกล้งเย้าแหย่หลานรักเล่น ทำเอาคนถูกแกล้งถึงกับอมลมจนแก้มป่องทั้งสองข้าง แต่ก็แค่ประเดี๋ยว แก้มน้อย ๆ นั้นก็ซุกถูบนตักนิ่มของหยวนจีอย่างออดอ้อนเช่นเดิม"ชิงชิงคิดถึงอาจารย์ป้าที่สุดเจ้าค่ะ"มือบางเอื้อมขึ้นมาลูบผมบุตรสาวของศิษย์น้องนางที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยความเอ็นดู"คิดถึงอาจารย์แล้วตั้งใจใฝ่เรียน ฝึกในวิชาหรือไม่"คำถามแรกพุ่งเป้าไปเช่นนี้เลยหรือ แต่ไม่เป็นไร หลี่ชิงชิงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางอยู่แล้ว"ตอนนี้ข้าฝึกชำระจิตที่ถ้ำเหมันต์จนเรียกว่าสนิทกับภูติน้ำแข็งได้แล้ว"คนถูกถามคุยโวโอ้อวดอย่างภูมิใจ"หืม... เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เข้าฌานมิใช่หรือ"คนถูกจับได้ว่าแอบเกเรวิชาไม่เลื่อนขั้นถึงกับยิ้มแห้งหัวเราะแหะ ๆ แก้เขิน"โธ่ ท่านป้าคนสวย ชิงเอ๋อร์หมายถึงว่าตอนนี้มีเพื่อนเป็นภูติน้ำแข็งเพิ่มมาอีกเป็นกองทัพ เยอะกว่าเมื่อก่อนตั้ง..."นัยน์ตาน้ำหมึกกลอกกลิ้งไปมาคล้ายกำลังนับจำนวนในใจ เวลาที่หลี่ชิงชิงจะออดอ
แปดปีต่อมา..."สงบดั่งสายน้ำ แข็งแกร่งดั่งภูผา เมตตาดั่งท้องนภา คุณธรรมยิ่งใหญ่เหนือทั้งปวง"เสียงท่องปณิธานของสำนักเมฆาล่องลอยดังขึ้นจากเหล่าดรุณและดรุณีน้อยรุ่นที่แปดของสำนักศึกษาแห่งนี้"เสี่ยวโยวเจ้าว่าศิษย์พี่ห้ากำลังเข้าฌานหรือหลับกันแน่"เสียงกระซิบดังขึ้นเบา ๆ หลังจากศิษย์รุ่นเยาว์ท่องกฎของสำนักศึกษาจบไปสามรอบแล้ว ทว่าศิษย์พี่ที่ทำหน้าที่สอนสั่งพวกเขาในวันนี้กลับนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งไม่ออกคำสั่งอันใดเฉกเช่นทุกวัน"ข้าว่าศิษย์พี่ห้าต้องหลับแน่ ๆ"เจ้าของชื่อเสี่ยวโยวตอบกลับพลางป้องปากส่งต่อแผนการที่ผุดขึ้นมาในหัวหมาด ๆ ให้กับเหล่าศิษย์ชั้นเดียวกันส่งต่อจนครบทุกคน"พร้อมนะ"ดรุณีน้อยเสี่ยวโยวที่ทั้งแสบ ทั้งแก่นแก้ว ผู้นำจอมวางแผนมองสบตาศิษย์คนอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณชูนิ้วขึ้นทีละนิ้วจนครบสามนิ้วแล้วเอ่ย"คำนับอาจารย์อาหยวนอวิ๋น"เสียงเหล่าศิษย์วัยเยาว์จอมแสบดังลั่นจนคนที่แอบงีบหลับสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินว่าผู้ใดมา"ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไม่ได้หลับนะเจ้าคะ""ฮ่า ๆ ศิษย์พี่ห้าถูกพวกเราหลอกแล้ว"บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันหัวเราะเสียงลั่นเมื่อปลุกคนขี้เซาที่แอบหลับได้สำเร็จ ทว่าเวลาต่อม