เพล้ง!
เสียงของตกแตกดังขึ้นภายในกระท่อมหลังหนึ่ง เศษไหสุรากระจายเต็มพื้นไม้ใกล้กับดรุณีวัยเก้าขวบที่นั่งคุกเข่ากับพื้นก้มหน้ามองหน้าขาตนเองด้วยตัวสั่นเทา
หลังจากสองอาหลานกลับจากตลาดในหมู่บ้าน หลี่ต้งผู้เป็นใหญ่สุดในกระท่อมหลังนี้เอาแต่ใส่อารมณ์กับหลี่ชิงชิงเพราะก่อนหน้าเขาถูกชาวบ้านระแวกใกล้เคียงบีบคั้นให้ออกจากหมู่บ้านนี้ไปด้วยข่าวลือเรื่องที่ลูกสาวบ้านนี้เป็นปีศาจ
ครั้นคนสร้างเรื่องกลับมาถึงพอดีหลี่ต้งจึงระเบิดอารมณ์ใส่บุตรสาวอย่างไร้การถามไถ่
"พี่ใหญ่ ท่านอย่าไปเชื่อข่าวลือพวกนั้นเลย เสี่ยวชิงของเราจะเป็นปีศาจได้เยี่ยงไร"
หลี่จงพยายามพูดเตือนสติพี่ชายที่เป็นบิดาแท้ ๆ ของหลี่ชิงชิง หากแต่บัดนี้เขากำลังมองบุตรสาวด้วยดวงตาขวางราวคนตรงหน้าเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว
"เจ้าไม่ต้องแก้ตัวแทนนาง ถ้าไม่มีมูลมีหรือคนทั้งตลาดจะเล่าลือกันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังคอยมาขับไล่ครอบครัวเราออกจากหมู่บ้านอีก!"
หลี่ต้งกล่าวอย่างฉุนเฉียวพลางมองหน้าบุตรสาวที่เอาแต่ก้มหน้างุดไม่ยอมแก้ตัวสักครึ่งคำ
"พี่ใหญ่ ท่านก็เห็นเสี่ยวชิงตั้งแต่ตัวแดงแล้ว เหตุใดถึงไปเชื่อคำคนนอกพวกนั้นเล่า"
ลมหายใจหลี่ต้งสะดุดครู่หนึ่งเหมือนฉุกคิดได้ ทว่าพอนึกถึงเรื่องราวเมื่อสิบปีก่อนขึ้นมาความฉุนเฉียวก็แล่นขึ้นสมองอีกระรอก
"แม่เจ้าสมสู่กับปีศาจ เจ้าเป็นเลือดเนื้อของปีศาจตนนั้น!"
ในที่สุดสิ่งที่หลี่ต้งเห็นเมื่อสิบปีก่อนและเก็บงำไว้คนเดียวก็หลุดออกจากปากเขาแล้วในวันนี้
ไม่ทน! เขาจะไม่ทนหลอกตัวเองในสิ่งที่เห็นเมื่อสิบปีก่อนอีกแล้ว
"ท่านพ่อหมายความเช่นไรเจ้าคะ ผู้ใดคือเลือดเนื้อของปีศาจ"
หลี่ชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยความใคร่สงสัยระคนหวาดกลัวในคำตอบที่บิดาจะเอ่ยในเวลาต่อมา
"แม่เจ้าทำให้ข้ากลายเป็นคนหน้าโง่สวมหมวกเขียวอยู่หลายปี(ถูกภรรยานอกใจ) แอบลักลอบออกไปสมสู่กับปีศาจ สมควรแล้วที่สุดท้ายถูกปีศาจนั่นฆ่าตายหลังจากคลอดเจ้าแล้ว!"
สิ่งที่หลี่จงและหลี่ชิงชิงไม่เคยรู้มาก่อนถูกคนเก็บความลับนี้ไว้มาเป็นเวลาสิบปียอมง้างปากบอกเล่าตามสิ่งที่เขาเห็น
"พี่ใหญ่! ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไรถึงได้กล่าวหาพี่สะใภ้เช่นนั้น"
"ข้าพูดความจริง เมื่อสิบปีก่อนเจ้าก็รู้ว่าหยวนชิงนางคลอดลูกที่ใดและตายที่ใด"
สองพี่น้องถกเถียงกันเรื่องเก่าที่หลี่ชิงชิงไม่รู้เพราะนางเพิ่งลืมตาดูโลกใบนี้
"พ...พวกท่านกำลังพูดเรื่องอันใดเจ้าคะ เหตุใดถึงได้บอกว่าท่านแม่ถูกปีศาจฆ่าตาย"
หลี่ชิงชิงไม่สนใจว่านางจะเป็นลูกปีศาจหรือไม่ สิ่งที่นางสนใจคือเรื่องการตายของมารดามากกว่า
"ชิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าไปฟังที่พ่อเจ้าพูดเลย วันนี้พ่อเจ้าคงดื่มมากไปหน่อย"
"ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงบอกว่าท่านแม่ถูกปีศาจสังหารเจ้าคะ ท่านแม่มิได้ป่วยจนสิ้นใจหรอกหรือ"
บัดนี้คำพูดก่อนหน้าของอาสี่นางมิได้เข้าหูหลี่ชิงชิงเลย ดวงตาสวยหม่นหมองลงราวกับมีเมฆหมอกบดบัง พร่ำรอคำตอบที่หวังชโลมจิตใจปวดร้าวนี้
ตั้งแต่เกิดมาหลี่ชิงชิงก็อาภัพมารดาแล้ว แม้แต่ภาพวาดของมารดานางยังไม่เคยเห็น มีเพียงการพรรณนาของหลี่จงที่คอยเล่าให้ฟังว่ามารดามีหน้าตาเช่นไรนางจึงจินตนาการตาม
"ท่านพ่อ ท่านตอบข้าสิ ไหนท่านเล่าให้ข้าฟังตั้งแต่ข้ารู้ความว่าท่านแม่ป่วยจนสิ้นใจไงเจ้าคะ"
เสียงเล็กสั่นสะอื้น ม่านน้ำตาเอ่อนองจนไหลอาบข้างแก้มทั้งสอง
หลี่จงที่เพิ่งได้ยินเรื่องเล่าใหม่ของพี่ชายถึงกับเข่าอ่อนทรุดนั่งข้างหลี่ชิงชิง
"เสี่ยวชิงของอา เจ้าอย่าฟังพ่อเจ้าเลย ปีศาจไม่มีบนโลกนี้ พ่อเจ้าแค่ดื่มมากจนเลอะเลือน..."
"ข้ามีสติทุกอย่าง ตั้งแต่เจ้าเกิดจนถึงตอนนี้ อาการปวดแสบปวดร้อนราวไฟแผดเผายังคงเกิดขึ้นทุกคืนจันทร์เต็มดวงมิใช่หรือ"
สิ่งที่บิดาถามทำเอาหลี่ชิงชิงจุกที่หน้าอก
อาการประหลาดที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ปวดแสบปวดร้อนราวในกายมีไฟแผดเผามักจะเกิดกับตัวนางทุกคืนจันทร์เต็มดวงจริง ๆ
ยิ่งนางโตขึ้น นางยิ่งรับรู้ได้ถึงความร้อนที่แผดเผาในตัวนางทวีคูณตามอายุ
"ท่านบอกว่ามันคือโรคประจำตัวข้ามิใช่หรือเจ้าคะ"
หลี่ชิงชิงถามด้วยเสียงสั่นเครือ ในใจวูบโหวง ในหัวสับสนกับเรื่องเล่าใหม่
"ที่ผ่านมาข้าโกหก! คงเพราะสวรรค์สงสารคนโง่เช่นข้าที่ถูกสวมหมวกเขียวมานาน วันที่เจ้าเกิดข้าจึงเห็นความจริงทุกอย่าง วันนั้นแม่เจ้าตั้งใจหนีไปกับปีศาจตนนั้นที่ตีนเขาเซียนลู่ เดิมที่วิสัยของปีศาจก็จิตใจต่ำช้าอยู่แล้ว มันคงไม่ยอมรับเด็กที่เป็นครึ่งปีศาจครึ่งมนุษย์เช่นเจ้าจึงได้ฆ่าแม่เจ้าปิดปากและกำลังจะฆ่าเจ้าเป็นรายต่อไป เวลานั้นข้ามิได้คำนึงเรื่องถูกแม่เจ้านอกใจ ความเป็นบิดาของข้ากลัวแต่ลูกจะเป็นอันตรายจึงเสี่ยงชีวิตรีบเข้าไปอุ้มเจ้าหนีมา คิดผิดจริง ๆ ครั้งนั้นข้าใจอ่อนเกินไปที่ช่วยสายเลือดปีศาจแถมเลี้ยงลูกปีศาจอย่างเจ้ามาถึงสิบปีเช่นนี้"
หลี่ต้งเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เขาเห็นเมื่อสิบปีก่อนให้ผู้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวทั้งสองคนฟัง
"เหตุใดตอนนั้นท่านไม่พูดเช่นนี้"
"เหตุใดตอนนั้นท่านไม่พูดเช่นนี้"หลี่จงยังคงไม่เชื่อสิ่งที่พี่ชายกล่าวหาพี่สะใภ้เขา แต่หากมองความเป็นจริงอย่างใจเป็นกลาง หรือว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุกวันครบรอบการจากไปของพี่สะใภ้ ที่พี่ชายเขาไม่เคยไปเยี่ยมหลุมศพนางเลยเพราะฝังใจเรื่องนี้มาโดยตลอด"ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนที่เชื่อเพียงสิ่งที่ตาเห็น ใจที่เจ้าแอบรักหยวนชิงตั้งแต่ก่อนที่นางจะแต่งกับข้าเลยไม่เชื่อสิ่งที่ข้าเล่า เจ้าโชคดีแล้วที่มิใช่ผู้ถูกนางเลือก มิเช่นนั้นเจ้าจะเจ็บปวดเช่นข้าจนถึงทุกวันนี้"หลี่จงได้แต่นั่งเงียบหลังจากฟังพี่ชายระบายความลับนี้ออกมาจะเป็นดั่งพี่ชายเขากล่าวมาจริงหรือ สตรีจิตใจดีมีเมตตาอย่างหยวนชิงจะสมสู่กับปีศาจ หากเป็นเช่นนั้นจริง หยวนชิงจะใช้เวลาตอนไหนออกไปพบเจอกับปีศาจตนนั้นในเมื่อหลี่ต้งไม่เคยให้นางออกจากเรือนไปที่ใดเลยด้วยซ้ำ"ท่านพ่อ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ ปีศาจที่สังหารท่านแม่คือปีศาจตนใด"หลี่ชิงชิงปาดน้ำตาออกจากแก้มความเสียใจแปรเปลี่ยนให้นางกลายเป็นคนเข้มแข็งและฝังแค้นไว้ในอก"เจ้าถามเพื่อการใด จะแก้แค้นแทนแม่เจ้าหรือ"หลี่ต้งประชดประชันบุตรสาว หากแต่เสียงตอบกลับที่แสนหนักแน่นของดรุณีน้อยตรงหน้าทำเขากลั้วห
"ท่านคือ..."หลี่จงเคยเห็นการแต่งกายเช่นนี้ หากแต่เขากลับไม่รู้ชื่อนักพรตหญิงตรงหน้า"ข้าคือเจ้าสำนักเมฆาล่องลอย หยวนจี""ท่านแซ่หยวนหรือ ไม่ทราบท่านเกี่ยวข้องอันใดกับหยวนชิง"หลี่ต้งได้ยินชื่อแซ่ของนักพรตท่านนี้จากปากนางเองจึงใคร่สงสัย"เจ้ารู้จักหยวนชิง?"เจ้าสำนักหยวนจีทั้งดีใจระคนแปลกใจที่ชาวบ้านผู้นี้เอ่ยนามของพี่น้องร่วมสาบานนาง"นางคือพี่สะใภ้ข้า" หลี่จงเป็นคนตอบคำถามเพราะกลัวพี่ชายจะพลั้งปากพูดอะไรไม่เข้าหูนักพรตหญิงตรงหน้าเข้า"เช่นนั้นเองรึ ข้ากับหยวนชิงเป็นศิษย์จากสำนักเมฆาล่องลอยรุ่นแรก ถูกเจ้าสำนักรุ่นก่อนเก็บมาเลี้ยงจึงใช้แซ่เดียวกัน เปรียบเสมือนพี่น้องร่วมสาบานกัน"เจ้าสำนักเมฆาล่องลอยหยวนจีอธิบายสิ่งที่สกุลหลี่ไม่เคยรู้มาก่อนให้ฟัง"เหตุใดพี่สะใภ้ถึงไม่เคยบอกเรื่องนี้แก่เรา""เรื่องนี้หากเล่าแล้วยาวนัก เมื่อยี่สิบปีก่อน หยวนชิงกับข้าต่างก็ถูกอาจารย์หมายหัวไม่คนใดก็คนหนึ่งจะต้องได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป ทว่าหยวนชิงมีนิสัยเป็นคนรักอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกฎในเกณฑ์ นางไม่อยากถูกจองจำไว้ที่เขาเมฆาที่เงียบสงบนั้น สุดท้ายจึงตัดสินใจหนีลงจากเขาและปกปิดตัวตนจากสำนักเมฆาล่องลอยไม่ใ
แปดปีต่อมา..."สงบดั่งสายน้ำ แข็งแกร่งดั่งภูผา เมตตาดั่งท้องนภา คุณธรรมยิ่งใหญ่เหนือทั้งปวง"เสียงท่องปณิธานของสำนักเมฆาล่องลอยดังขึ้นจากเหล่าดรุณและดรุณีน้อยรุ่นที่แปดของสำนักศึกษาแห่งนี้"เสี่ยวโยวเจ้าว่าศิษย์พี่ห้ากำลังเข้าฌานหรือหลับกันแน่"เสียงกระซิบดังขึ้นเบา ๆ หลังจากศิษย์รุ่นเยาว์ท่องกฎของสำนักศึกษาจบไปสามรอบแล้ว ทว่าศิษย์พี่ที่ทำหน้าที่สอนสั่งพวกเขาในวันนี้กลับนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งไม่ออกคำสั่งอันใดเฉกเช่นทุกวัน"ข้าว่าศิษย์พี่ห้าต้องหลับแน่ ๆ"เจ้าของชื่อเสี่ยวโยวตอบกลับพลางป้องปากส่งต่อแผนการที่ผุดขึ้นมาในหัวหมาด ๆ ให้กับเหล่าศิษย์ชั้นเดียวกันส่งต่อจนครบทุกคน"พร้อมนะ"ดรุณีน้อยเสี่ยวโยวที่ทั้งแสบ ทั้งแก่นแก้ว ผู้นำจอมวางแผนมองสบตาศิษย์คนอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณชูนิ้วขึ้นทีละนิ้วจนครบสามนิ้วแล้วเอ่ย"คำนับอาจารย์อาหยวนอวิ๋น"เสียงเหล่าศิษย์วัยเยาว์จอมแสบดังลั่นจนคนที่แอบงีบหลับสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินว่าผู้ใดมา"ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไม่ได้หลับนะเจ้าคะ""ฮ่า ๆ ศิษย์พี่ห้าถูกพวกเราหลอกแล้ว"บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันหัวเราะเสียงลั่นเมื่อปลุกคนขี้เซาที่แอบหลับได้สำเร็จ ทว่าเวลาต่อม
"อาจารย์ป้า"ทันทีที่มาถึงที่พำนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจี หลี่ชิงชิงก็รีบเข้ามากอดมาหอมผู้มีพระคุณของนางทันที"นี่ผู้ใดกัน เหตุใดถึงไม่คุ้นหน้า"หยวนจีแกล้งเย้าแหย่หลานรักเล่น ทำเอาคนถูกแกล้งถึงกับอมลมจนแก้มป่องทั้งสองข้าง แต่ก็แค่ประเดี๋ยว แก้มน้อย ๆ นั้นก็ซุกถูบนตักนิ่มของหยวนจีอย่างออดอ้อนเช่นเดิม"ชิงชิงคิดถึงอาจารย์ป้าที่สุดเจ้าค่ะ"มือบางเอื้อมขึ้นมาลูบผมบุตรสาวของศิษย์น้องนางที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยความเอ็นดู"คิดถึงอาจารย์แล้วตั้งใจใฝ่เรียน ฝึกในวิชาหรือไม่"คำถามแรกพุ่งเป้าไปเช่นนี้เลยหรือ แต่ไม่เป็นไร หลี่ชิงชิงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางอยู่แล้ว"ตอนนี้ข้าฝึกชำระจิตที่ถ้ำเหมันต์จนเรียกว่าสนิทกับภูติน้ำแข็งได้แล้ว"คนถูกถามคุยโวโอ้อวดอย่างภูมิใจ"หืม... เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เข้าฌานมิใช่หรือ"คนถูกจับได้ว่าแอบเกเรวิชาไม่เลื่อนขั้นถึงกับยิ้มแห้งหัวเราะแหะ ๆ แก้เขิน"โธ่ ท่านป้าคนสวย ชิงเอ๋อร์หมายถึงว่าตอนนี้มีเพื่อนเป็นภูติน้ำแข็งเพิ่มมาอีกเป็นกองทัพ เยอะกว่าเมื่อก่อนตั้ง..."นัยน์ตาน้ำหมึกกลอกกลิ้งไปมาคล้ายกำลังนับจำนวนในใจ เวลาที่หลี่ชิงชิงจะออดอ
แดนสวรรค์ , หุบเขาวังมังกรฟ้า"เรียนมหาเทพ นายท่านยังไม่ออกจากฌานขอรับ"ภูติหิ่งห้อยอาเล่ย ภูติรับใช้คนสนิทของเทียนหั่วหลงรายงานมหาเทพผู้ครองแดนสวรรค์ที่วันนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าของหุบเขาวังมังกรฟ้าแห่งนี้ให้กระจ่าง"ข้าจะเข้าไปดึงเจ้ามังกรหัวดื้อออกจากฌานให้ท่านเอง"เสียงหงุดหงิดใจของพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวนเอ่ยขึ้นเดิมที่วิสัยของไป๋จินซวนชอบอิสระ เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ พูดจาโผงผาง หากคนไม่สนิทด้วยจะมองว่าเขาก้าวร้าวไม่รู้จักยำเกรงผู้อาวุโสกว่า"เจ้าเสือขาวอันธพาล เอะอะก็จะใช้แต่กำลัง"เสียงสตรีนางหนึ่งเหินเวหาลงมายืนเคียงข้างมหาเทพเทียนวั่งพร้อมกล่าวตำหนิไป๋จินซวน"หงส์เพลิงเช่นเจ้ากล้าตำหนิผู้อาวุโสกว่าเช่นข้ารึ!""ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเจ้าแก่แต่อายุ หากสมองอ่อนกว่าข้ายิ่งนัก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน สตรีนางเดียวที่เป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทพแลบลิ้นปริ้นตาเย้าแหย่คู่กัดอย่างพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวน"พวกเจ้าสำรวมด้วย"เสียงทุ้มมาพร้อมรูปลักษณ์ที่สงบนิ่งและงดงามของเต่าดำเสวียนอวี่ดังปราม"คาราวะมหาเทพเทียนวั่ง"ผู้อาวุโสสุดอย่างเต่าดำรีบค้อมคำนับองค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ทั้งไป๋จินซวนและจูฮวาเหยียนรีบ
"มนุษย์ผู้ใดถึงได้มีอาคมแก่กล้าสามารถปิดผนึกพลังสัตว์เทพอย่างพวกเราได้"เสวียนอวี่กล่าวอย่างสงสัย"ผู้ที่สามารถผนึกพลังเทพได้ต้องเป็นขั้นปรมาจารย์หรือไม่ก็นักพรตที่บำเพ็ญเพียรไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีมนุษย์"ทั้งเต่าดำและมังกรฟ้าต่างคิดเช่นเดียวกับสิ่งที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"ที่เจ้าออกฌานในครั้งนี้เพราะสะสมพลังวิญญาณได้มากแล้วหรือ"มหาเทพเทียนวั่งรับรู้ถึงพลังที่ไหลเวียนในตัวของตนเองเพิ่มพูลขึ้น เช่นนี้แปลว่ามังกรฟ้าคงสั่งสมพลังมาได้มากเช่นกัน"ได้กลับคืนมาประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอถึงห้าในสิบส่วน"เข้าฌานมาครึ่งปี อย่างน้อยพลังใหม่บวกพลังเก่าที่หลงเหลืออยู่ต้องได้กลับคืนมามากกว่าแปดส่วนถึงจะถูก หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการเข้าฌานของเขาเสียเวลาเปล่าแล้ว"หรือเพราะพลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของเจ้าอยู่กับมนุษย์ ทำให้การเพิ่มพลังวิญญาณขัดแย้งกัน"เทียนหั่วหลงก็คิดเช่นเดียวกับที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"แล้วเหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงออกจากฌาน หรือว่าพวกข้ามารบกวน" เสวียนอวี่ถามไถ่บ้าง"มิใช่เพราะเหตุนั้น เมื่อครู่แม้จะแค่ประเดี๋ยวเดียวแต่ข้าก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่หายไป""หมายความเช่นไร"ไม่ใช่แค่มหาเทพ
"ศิษย์จะรีบไปรีบกลับ ท่านเจ้าสำนักโปรดดูแลตนเองด้วย"วันนี้เป็นวันที่หลี่ชิงชิงจะได้ลงเขาครั้งแรกตั้งแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างพากันมายืนส่งนางลงเขาด้วยความเป็นห่วง ยกเว้นคนเดียวที่ใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขยามที่ไม่มีนางอยู่บนเขาเมฆาแห่งนี้"ศิษย์น้องห้า เจ้าต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าได้ใจร้อนโผงผาง พบเจอมิตรจงผูกไมตรี หากพบอันตรายจงเอาตัวรอดให้ได้"หยวนอวิ๋นกล่าวสั่งสอนศิษย์น้องที่เขาทั้งรักและเอ็นดูนางเป็นที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำที่อบอุ่นของเขาทำให้จิตใจของสตรีนางหนึ่งเกิดความมืดขึ้น"ศิษย์น้องสาม เจ้าดูสายตาศิษย์พี่ใหญ่สิ อาลัยอาวรน้องห้ายิ่งนัก"หงยวี่ ศิษย์ลำดับที่สองของสำนักเมฆาล่องลอยพูดเชิงเสี้ยมให้อีกคนที่มีใจให้กับหยวนอวิ๋นเกิดความคับแค้นใจต่อหลี่ชิงชิงสองมือแน่งน้อยกำหมัดแน่นยามที่ได้ฟังคำยุยงนั้นของศิษย์พี่รองนาง"ท่านเจ้าสำนักจะให้น้องห้าลงเขาคนเดียวหรือเจ้าคะ"เยว่ฟางปรับเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วยิ่งนัก ความมาดร้ายในดวงตาเมื่อครู่หายไปแล้ว มีแต่ความใสซื่อปรากฎขึ้นแทนหงยวี่เห็นศิษย์น้องสามตีสองหน้าเก่งเช่นนี้ถึงกับชื่นชมในใจ"ความจริงมีเสี่ยวเซียงไปกับข
"ว้าว! ที่นี่หมู่บ้านตงเหลียงของเจ้าหรือ"หลังออกจากประตูมิติของเจ้าสำนักหยวนจี กว่างเซียงเซียงก็ได้เปิดหูเปิดตากับบรรยากาศของหมู่บ้านนอกเขตเขาเมฆาในรอบหลายสิบปี"แต่ก่อนไม่เห็นสวยงามเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงมองบ้านเกิดตนเองพลางวิเคราะห์ตอนที่นางอยู่จนถึงเก้าขวบ เหตุใดหมู่บ้านไม่ครึกครื้นเช่นตอนนี้ ดูเสาโคมไฟที่สูงตระหง่านตรงนั้นสิ เมื่อก่อนไม่เห็นจะมี แล้วไหนจะต้นไม้ดอกไม้ที่ขึ้นทั้งสองข้างทางเดินเข้าหมู่บ้านอีก ตอนที่นางแปดเก้าขวบยังไม่เห็นจะผลิดอกชูช่อสวยงามเช่นตอนนี้สักนิด"ข้าอยากเห็นข้างในหมู่บ้านเจ้าแล้ว รีบเข้าไปเถอะ"กว่างเซียงเซียงตื่นเต้นกว่าเจ้าของถิ่นเกิดเสียอีก นางทั้งดึงพลางวิ่งนำให้หลี่ชิงชิงที่ดูโอ้เอ้เดินตามให้ไว"ช้าก่อนเซียงเซียง"จู่ ๆ หลี่ชิงชิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติของหมู่บ้านแห่งนี้ถึงแม้นางจะจากไปถึงแปดปีแล้ว แต่หมู่บ้านที่ห่างไกลเมืองหลวงไร้ขุนนางเหลียวแลมาแต่ไหนแต่ไร ไม่น่าเจริญจนสวยงามรวดเร็วถึงเพียงนี้ ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกนางว่าอย่าเข้าไปเด็ดขาด"มีอะไรหรือ"กว่างเซียงเซียงรีบหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวข้ามเขตเสาโคมที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน"ข้ารู้สึก
"ตอนที่พวกท่านเจอข้าเห็นสตรีอีกนางหรือไม่ หน้าตาสะสวยสวมชุดสีเดียวกับข้าเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงร้อนใจเหลือเกิน หากกว่างเซียงเซียงไม่อยู่ที่นี่คงคิดได้เหตุผลเดียวคือนางยังคงติดอยู่ในเขตแดนของปีศาจฮุ่ยเฟิ่ง"ข้ามิพบผู้ใดนอกจากท่าน ว่าแต่ท่านกำลังตามหาสหายอยู่หรือ"วิสัยของมังกรฟ้าไม่ใช่คนช่างจ้อชวนคุย หากแต่ตอนนี้เขาต้องทำให้สตรีนางนี้เชื่อใจเขาเพื่อที่จะได้ขอพลังวิญญาณในตัวของนางคืน โดยตรง ไม่แน่วิธีนี้อาจจะได้ผลกับทั้งสองฝ่ายโดยไม่ต้องสูญเสียสิ่งใด"หมู่บ้าน! ข้าต้องรีบกลับหมู่บ้านตงเหลียง"หลี่ชิงชิงไม่สนใจคำถามของมังกรฟ้า นางร้อนใจเป็นห่วงกว่างเซียงเซียงจนรีบลุกจากแท่นหินที่นอนอยู่ ทว่าเพราะร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตใช้พลังกายไปหลายส่วนยังไม่ฟื้นดีทำให้เรี่ยวแรงนางยังไม่กลับมา แข้งขาเลยอ่อนแรงมีอาการหน้ามืดจนเกือบล้มตกจากแท่นหิน โชคดีที่เทียนหั่วหลงมือไวคว้านางไว้ได้ทัน"อ้ะ! ขอบคุณคุณชาย"เทียนหั่วหลงช่วยพยุงหลี่ชิงชิงให้กลับมานั่งที่เดิม"แม่นางไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้หมู่บ้านตงเหลียงปลอดภัยดี"สิ่งที่ได้ยินทำให้หลี่ชิงชิงที่อยู่ในอาการมึนหัวเพราะร่างกายอ่อนแรงรีบผินสายตาขึ้นมองเทียนหั่วห
หลังจากช่วยหลี่ชิงชิงออกมาจากแดนมายาของฮุ่ยเฟิ่งได้แล้ว เทียนหั่วหลงก็พานางมายังถ้ำแห่งหนึ่งบนเขาเซียนลู่ ถ้ำที่เขาเคยลงมาบำเพ็ญตบะแล้วพบเจอมารดาของนาง"แม่นางผู้นี้เป็นเช่นไรบ้างขอรับ"ภูติหิ่งห้อยจุดแสงสว่างด้วยพลังวิญญาณของมัน พลันถ้ำทั้งถ้ำก็สว่างไสวเผยให้เห็นร่างกายของสตรีที่เพิ่งช่วยเหลือมาเต็มตา'ดั่งคาด ร่างกายนางผู้นี้วิเศษยิ่งนัก'เทียนหั่วหลงสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของหลี่ชิงชิงพบว่าร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตลุกโชนไม่มีบาดแผลเผาไหม้สักนิดเดียว ราวกับว่าพลังวิญญาณของเขายอมรับนางผู้นี้เป็นเจ้าของอีกคน"นายท่าน! อัคคีมรกตท่านลุกโชนอีกแล้ว"แม้แต่ภูติหิ่งห้อยยามเข้าใกล้ปราณนี้ยังต้องถอยห่างเทียนหั่วหลงวางผ่ามือลงบนหน้าผากหลี่ชิงชิงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของที่แท้จริงให้ปราณอัคคีมรกตในตัวนางรับรู้ ไม่นานไฟนั้นก็สงบลง"อาเล่ย เจ้าจงไปหาหญ้าเจ็ดสี หนามเม่นแดง น้ำค้างบริสุทธิ์บนยอดเขามาให้ข้าที""นายท่านจะใช้มันทำการใดขอรับ"ของทั้งสามล้วนเป็นของวิเศษที่หายาก หากแต่ไม่คณามือภูติหิ่งห้อยอาเล่ยผู้นี้"ข้าจะหลอมเป็นยาปลุกพลังปราณในตัวสตรีนางนี้"พลังปราณเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกวิชาต้องมี หากแต่เมื่
"เจ้าดูนั่น ของกินเยอะแยะเลย"หลังจากเข้ามาในดินแดนมายาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งกว่างเซียงเซียงและหลี่ชิงชิงยังคงเดินวนเวียนอยู่เพียงตลาดกลางหมู่บ้าน พวกนางวิ่งเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ราวกับหลงลืมว่ามาที่หมู่บ้านนี้เพื่อการใด"ข้าต้องซื้อไก่กลับไปฝากท่านอาสี่ แล้วก็สุราเลิศรสไปฝากท่านพ่อ"หลี่ชิงชิงกำลังถูกวิชามายาควบคุมจิตใจ นางเดินไปยังร้านขายไก่สดเพื่อซื้อไก่ดั่งใจหมาย เสร็จแล้วจึงไปที่ร้านสุราเพื่อซื้อสุราหมักขึ้นชื่อของหมู่บ้านมาไหหนึ่ง"ชิงชิงเจ้ามาดูนี่สิ หอมจัง ข้าอยากกิน"กว่างเซียงเซียงกวักมือเรียก นางยืนอยู่หน้าร้านขายเกี๊ยวน้ำกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลจนท้องน้อย ๆ ส่งเสียงประท้วง"เถ้าแก่ ขอเกี๊ยวน้ำสองชาม"กว่างเซียงเซียงเห็นสหายรักเดินมาจวนจะถึงร้านจึงรีบสั่งเถ้าแก่ตัวอ้วนพุงพุ้ย"มานั่งนี่มาหลี่ชิงชิงสหายรักข้า บ้านเกิดเจ้านี่ช่างงดงามจนข้าไม่อยากกลับเขาเมฆาอีกเลย"แววตากว่างเซียงเซียงไร้ประกายขัดแย้งกับสิ่งที่นางกล่าว หากคนดีใจหรือชมชอบสิ่งที่เป็นอยู่ดวงตานั้นต้องเป็นประกาย เหตุใดสหายตรงหน้าดวงตาถึงได้อับแสงลงเช่นนั้น"เกี๊ยวน้ำของเสี่ยวชิงกับเสี่ยวเซียงมาแล้ว"เสียงเถ้าแก่ร้านเกี๊ยว
"ว้าว! ที่นี่หมู่บ้านตงเหลียงของเจ้าหรือ"หลังออกจากประตูมิติของเจ้าสำนักหยวนจี กว่างเซียงเซียงก็ได้เปิดหูเปิดตากับบรรยากาศของหมู่บ้านนอกเขตเขาเมฆาในรอบหลายสิบปี"แต่ก่อนไม่เห็นสวยงามเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงมองบ้านเกิดตนเองพลางวิเคราะห์ตอนที่นางอยู่จนถึงเก้าขวบ เหตุใดหมู่บ้านไม่ครึกครื้นเช่นตอนนี้ ดูเสาโคมไฟที่สูงตระหง่านตรงนั้นสิ เมื่อก่อนไม่เห็นจะมี แล้วไหนจะต้นไม้ดอกไม้ที่ขึ้นทั้งสองข้างทางเดินเข้าหมู่บ้านอีก ตอนที่นางแปดเก้าขวบยังไม่เห็นจะผลิดอกชูช่อสวยงามเช่นตอนนี้สักนิด"ข้าอยากเห็นข้างในหมู่บ้านเจ้าแล้ว รีบเข้าไปเถอะ"กว่างเซียงเซียงตื่นเต้นกว่าเจ้าของถิ่นเกิดเสียอีก นางทั้งดึงพลางวิ่งนำให้หลี่ชิงชิงที่ดูโอ้เอ้เดินตามให้ไว"ช้าก่อนเซียงเซียง"จู่ ๆ หลี่ชิงชิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติของหมู่บ้านแห่งนี้ถึงแม้นางจะจากไปถึงแปดปีแล้ว แต่หมู่บ้านที่ห่างไกลเมืองหลวงไร้ขุนนางเหลียวแลมาแต่ไหนแต่ไร ไม่น่าเจริญจนสวยงามรวดเร็วถึงเพียงนี้ ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกนางว่าอย่าเข้าไปเด็ดขาด"มีอะไรหรือ"กว่างเซียงเซียงรีบหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวข้ามเขตเสาโคมที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน"ข้ารู้สึก
"ศิษย์จะรีบไปรีบกลับ ท่านเจ้าสำนักโปรดดูแลตนเองด้วย"วันนี้เป็นวันที่หลี่ชิงชิงจะได้ลงเขาครั้งแรกตั้งแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างพากันมายืนส่งนางลงเขาด้วยความเป็นห่วง ยกเว้นคนเดียวที่ใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขยามที่ไม่มีนางอยู่บนเขาเมฆาแห่งนี้"ศิษย์น้องห้า เจ้าต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าได้ใจร้อนโผงผาง พบเจอมิตรจงผูกไมตรี หากพบอันตรายจงเอาตัวรอดให้ได้"หยวนอวิ๋นกล่าวสั่งสอนศิษย์น้องที่เขาทั้งรักและเอ็นดูนางเป็นที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำที่อบอุ่นของเขาทำให้จิตใจของสตรีนางหนึ่งเกิดความมืดขึ้น"ศิษย์น้องสาม เจ้าดูสายตาศิษย์พี่ใหญ่สิ อาลัยอาวรน้องห้ายิ่งนัก"หงยวี่ ศิษย์ลำดับที่สองของสำนักเมฆาล่องลอยพูดเชิงเสี้ยมให้อีกคนที่มีใจให้กับหยวนอวิ๋นเกิดความคับแค้นใจต่อหลี่ชิงชิงสองมือแน่งน้อยกำหมัดแน่นยามที่ได้ฟังคำยุยงนั้นของศิษย์พี่รองนาง"ท่านเจ้าสำนักจะให้น้องห้าลงเขาคนเดียวหรือเจ้าคะ"เยว่ฟางปรับเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วยิ่งนัก ความมาดร้ายในดวงตาเมื่อครู่หายไปแล้ว มีแต่ความใสซื่อปรากฎขึ้นแทนหงยวี่เห็นศิษย์น้องสามตีสองหน้าเก่งเช่นนี้ถึงกับชื่นชมในใจ"ความจริงมีเสี่ยวเซียงไปกับข
"มนุษย์ผู้ใดถึงได้มีอาคมแก่กล้าสามารถปิดผนึกพลังสัตว์เทพอย่างพวกเราได้"เสวียนอวี่กล่าวอย่างสงสัย"ผู้ที่สามารถผนึกพลังเทพได้ต้องเป็นขั้นปรมาจารย์หรือไม่ก็นักพรตที่บำเพ็ญเพียรไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีมนุษย์"ทั้งเต่าดำและมังกรฟ้าต่างคิดเช่นเดียวกับสิ่งที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"ที่เจ้าออกฌานในครั้งนี้เพราะสะสมพลังวิญญาณได้มากแล้วหรือ"มหาเทพเทียนวั่งรับรู้ถึงพลังที่ไหลเวียนในตัวของตนเองเพิ่มพูลขึ้น เช่นนี้แปลว่ามังกรฟ้าคงสั่งสมพลังมาได้มากเช่นกัน"ได้กลับคืนมาประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอถึงห้าในสิบส่วน"เข้าฌานมาครึ่งปี อย่างน้อยพลังใหม่บวกพลังเก่าที่หลงเหลืออยู่ต้องได้กลับคืนมามากกว่าแปดส่วนถึงจะถูก หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการเข้าฌานของเขาเสียเวลาเปล่าแล้ว"หรือเพราะพลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของเจ้าอยู่กับมนุษย์ ทำให้การเพิ่มพลังวิญญาณขัดแย้งกัน"เทียนหั่วหลงก็คิดเช่นเดียวกับที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"แล้วเหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงออกจากฌาน หรือว่าพวกข้ามารบกวน" เสวียนอวี่ถามไถ่บ้าง"มิใช่เพราะเหตุนั้น เมื่อครู่แม้จะแค่ประเดี๋ยวเดียวแต่ข้าก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่หายไป""หมายความเช่นไร"ไม่ใช่แค่มหาเทพ
แดนสวรรค์ , หุบเขาวังมังกรฟ้า"เรียนมหาเทพ นายท่านยังไม่ออกจากฌานขอรับ"ภูติหิ่งห้อยอาเล่ย ภูติรับใช้คนสนิทของเทียนหั่วหลงรายงานมหาเทพผู้ครองแดนสวรรค์ที่วันนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าของหุบเขาวังมังกรฟ้าแห่งนี้ให้กระจ่าง"ข้าจะเข้าไปดึงเจ้ามังกรหัวดื้อออกจากฌานให้ท่านเอง"เสียงหงุดหงิดใจของพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวนเอ่ยขึ้นเดิมที่วิสัยของไป๋จินซวนชอบอิสระ เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ พูดจาโผงผาง หากคนไม่สนิทด้วยจะมองว่าเขาก้าวร้าวไม่รู้จักยำเกรงผู้อาวุโสกว่า"เจ้าเสือขาวอันธพาล เอะอะก็จะใช้แต่กำลัง"เสียงสตรีนางหนึ่งเหินเวหาลงมายืนเคียงข้างมหาเทพเทียนวั่งพร้อมกล่าวตำหนิไป๋จินซวน"หงส์เพลิงเช่นเจ้ากล้าตำหนิผู้อาวุโสกว่าเช่นข้ารึ!""ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเจ้าแก่แต่อายุ หากสมองอ่อนกว่าข้ายิ่งนัก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน สตรีนางเดียวที่เป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทพแลบลิ้นปริ้นตาเย้าแหย่คู่กัดอย่างพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวน"พวกเจ้าสำรวมด้วย"เสียงทุ้มมาพร้อมรูปลักษณ์ที่สงบนิ่งและงดงามของเต่าดำเสวียนอวี่ดังปราม"คาราวะมหาเทพเทียนวั่ง"ผู้อาวุโสสุดอย่างเต่าดำรีบค้อมคำนับองค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ทั้งไป๋จินซวนและจูฮวาเหยียนรีบ
"อาจารย์ป้า"ทันทีที่มาถึงที่พำนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจี หลี่ชิงชิงก็รีบเข้ามากอดมาหอมผู้มีพระคุณของนางทันที"นี่ผู้ใดกัน เหตุใดถึงไม่คุ้นหน้า"หยวนจีแกล้งเย้าแหย่หลานรักเล่น ทำเอาคนถูกแกล้งถึงกับอมลมจนแก้มป่องทั้งสองข้าง แต่ก็แค่ประเดี๋ยว แก้มน้อย ๆ นั้นก็ซุกถูบนตักนิ่มของหยวนจีอย่างออดอ้อนเช่นเดิม"ชิงชิงคิดถึงอาจารย์ป้าที่สุดเจ้าค่ะ"มือบางเอื้อมขึ้นมาลูบผมบุตรสาวของศิษย์น้องนางที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยความเอ็นดู"คิดถึงอาจารย์แล้วตั้งใจใฝ่เรียน ฝึกในวิชาหรือไม่"คำถามแรกพุ่งเป้าไปเช่นนี้เลยหรือ แต่ไม่เป็นไร หลี่ชิงชิงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางอยู่แล้ว"ตอนนี้ข้าฝึกชำระจิตที่ถ้ำเหมันต์จนเรียกว่าสนิทกับภูติน้ำแข็งได้แล้ว"คนถูกถามคุยโวโอ้อวดอย่างภูมิใจ"หืม... เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เข้าฌานมิใช่หรือ"คนถูกจับได้ว่าแอบเกเรวิชาไม่เลื่อนขั้นถึงกับยิ้มแห้งหัวเราะแหะ ๆ แก้เขิน"โธ่ ท่านป้าคนสวย ชิงเอ๋อร์หมายถึงว่าตอนนี้มีเพื่อนเป็นภูติน้ำแข็งเพิ่มมาอีกเป็นกองทัพ เยอะกว่าเมื่อก่อนตั้ง..."นัยน์ตาน้ำหมึกกลอกกลิ้งไปมาคล้ายกำลังนับจำนวนในใจ เวลาที่หลี่ชิงชิงจะออดอ
แปดปีต่อมา..."สงบดั่งสายน้ำ แข็งแกร่งดั่งภูผา เมตตาดั่งท้องนภา คุณธรรมยิ่งใหญ่เหนือทั้งปวง"เสียงท่องปณิธานของสำนักเมฆาล่องลอยดังขึ้นจากเหล่าดรุณและดรุณีน้อยรุ่นที่แปดของสำนักศึกษาแห่งนี้"เสี่ยวโยวเจ้าว่าศิษย์พี่ห้ากำลังเข้าฌานหรือหลับกันแน่"เสียงกระซิบดังขึ้นเบา ๆ หลังจากศิษย์รุ่นเยาว์ท่องกฎของสำนักศึกษาจบไปสามรอบแล้ว ทว่าศิษย์พี่ที่ทำหน้าที่สอนสั่งพวกเขาในวันนี้กลับนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งไม่ออกคำสั่งอันใดเฉกเช่นทุกวัน"ข้าว่าศิษย์พี่ห้าต้องหลับแน่ ๆ"เจ้าของชื่อเสี่ยวโยวตอบกลับพลางป้องปากส่งต่อแผนการที่ผุดขึ้นมาในหัวหมาด ๆ ให้กับเหล่าศิษย์ชั้นเดียวกันส่งต่อจนครบทุกคน"พร้อมนะ"ดรุณีน้อยเสี่ยวโยวที่ทั้งแสบ ทั้งแก่นแก้ว ผู้นำจอมวางแผนมองสบตาศิษย์คนอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณชูนิ้วขึ้นทีละนิ้วจนครบสามนิ้วแล้วเอ่ย"คำนับอาจารย์อาหยวนอวิ๋น"เสียงเหล่าศิษย์วัยเยาว์จอมแสบดังลั่นจนคนที่แอบงีบหลับสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินว่าผู้ใดมา"ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไม่ได้หลับนะเจ้าคะ""ฮ่า ๆ ศิษย์พี่ห้าถูกพวกเราหลอกแล้ว"บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันหัวเราะเสียงลั่นเมื่อปลุกคนขี้เซาที่แอบหลับได้สำเร็จ ทว่าเวลาต่อม