"อาจารย์ป้า"
ทันทีที่มาถึงที่พำนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจี หลี่ชิงชิงก็รีบเข้ามากอดมาหอมผู้มีพระคุณของนางทันที
"นี่ผู้ใดกัน เหตุใดถึงไม่คุ้นหน้า"
หยวนจีแกล้งเย้าแหย่หลานรักเล่น ทำเอาคนถูกแกล้งถึงกับอมลมจนแก้มป่องทั้งสองข้าง แต่ก็แค่ประเดี๋ยว แก้มน้อย ๆ นั้นก็ซุกถูบนตักนิ่มของหยวนจีอย่างออดอ้อนเช่นเดิม
"ชิงชิงคิดถึงอาจารย์ป้าที่สุดเจ้าค่ะ"
มือบางเอื้อมขึ้นมาลูบผมบุตรสาวของศิษย์น้องนางที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยความเอ็นดู
"คิดถึงอาจารย์แล้วตั้งใจใฝ่เรียน ฝึกในวิชาหรือไม่"
คำถามแรกพุ่งเป้าไปเช่นนี้เลยหรือ แต่ไม่เป็นไร หลี่ชิงชิงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางอยู่แล้ว
"ตอนนี้ข้าฝึกชำระจิตที่ถ้ำเหมันต์จนเรียกว่าสนิทกับภูติน้ำแข็งได้แล้ว"
คนถูกถามคุยโวโอ้อวดอย่างภูมิใจ
"หืม... เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เข้าฌานมิใช่หรือ"
คนถูกจับได้ว่าแอบเกเรวิชาไม่เลื่อนขั้นถึงกับยิ้มแห้งหัวเราะแหะ ๆ แก้เขิน
"โธ่ ท่านป้าคนสวย ชิงเอ๋อร์หมายถึงว่าตอนนี้มีเพื่อนเป็นภูติน้ำแข็งเพิ่มมาอีกเป็นกองทัพ เยอะกว่าเมื่อก่อนตั้ง..."
นัยน์ตาน้ำหมึกกลอกกลิ้งไปมาคล้ายกำลังนับจำนวนในใจ เวลาที่หลี่ชิงชิงจะออดอ้อนเพื่อเบี่ยงเบนความผิดมักจะเรียกเจ้าสำนักหยวนจีให้สนิทสนมกว่าทุกครั้ง แต่นางรู้จักกาลเทศะ จะทำจำเพาะเวลาที่อยู่กันลำพังเช่นนี้เท่านั้น
"เอาละ ๆ อาจารย์เชื่อแล้วว่าเจ้าไม่เหลวไหล"
"ท่านอาจารย์ป้าดื่มน้ำก่อนเจ้าค่ะ"
สงสัยจะชวนคุยเพลินไปหน่อยเจ้าสำนักหยวนจีจึงคอแห้งจนส่งเสียงไอออกมา
"ตั้งแต่อาจารย์เก็บตัวเข้าฌาน อาการของเจ้ากำเริบอีกหรือไม่"
แววตาของเจ้าสำนักหยวนจีมีแต่ความเป็นห่วงเป็นใยสตรีตรงหน้า
"ข้ารู้สึกว่ามีไอร้อนแผดเผาในกาย แต่ถ้ำเหมันต์ของอาจารย์ป้ายังยับยั้งได้เจ้าค่ะ"
หรือว่าพลังที่นางผนึกปราณอัคคีไว้จะอ่อนกำลังลง แต่หากให้หยวนจีถ่ายทอดพลังปราณให้อีกตอนนี้เกรงว่าครั้งนี้คงไม่ง่ายเพราะนางฟื้นคืนกำลังได้แค่สองในสิบส่วนเท่านั้น
"ชิงเอ๋อร์ ต่อไปเจ้าต้องเก็บตัวที่ถ้ำเหมันต์เพื่อฝึกสิ่งนี้"
หยวนจีหงายฝ่ามือขึ้น ใช้พลังลงยันต์กลางฝ่ามือปรากฎเป็นคัมภีร์ไผ่ขึ้นมาม้วนหนึ่ง
"นี่คืออะไรหรือเจ้าคะ"
แม้ว่าหลี่ชิงชิงจะมาอยู่ที่สำนักเมฆาล่องลอยได้แปดปีแล้ว ทว่าด้วยความที่ทั้งสำนักให้อิสระแก่นางจนเคยตัวทำให้หลี่ชิงชิงไม่ค่อยสนใจเรื่องเคล็ดวิชาต่าง ๆ ที่บอกว่าทุกคนให้อิสระแก่นางมิใช่เพราะสถานะพิเศษเป็นบุตรสาวของน้องร่วมสาบานของเจ้าสำนักแต่อย่างใด หากเป็นเพราะหลี่ชิงชิงเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่สามารถปลุกพลังปราณในตัวได้ ทุกครั้งที่หลี่ชิงชิงพยายามเค้นพลังปราณออกมานางจะรู้สึกเหมือนธาตุไฟเข้าแทรกทุกครั้ง เจ้าสำนักหยวนจีจึงสั่งห้ามไม่ให้นางฝึกวิชาที่ใช้พลังปราณทุกเคล็ดวิชา ให้ฝึกได้แค่วิชากระบี่ ยิงธนู ขี่ม้า จับทวนที่เป็นวิชาทางกายแทน
"นี่คือคัมภีร์เหมันต์สดับสวรรค์"
"คำภีร์ลับสุดยอดสำหรับเจ้าสำนัก!"
หลี่ชิงชิงเบิกตากว้างอย่างตกใจที่เห็นคัมภีร์ลับที่บรรดาศิษย์ชั้นล่างอย่างนางไม่มีวันจะได้เห็น แถมเคล็ดวิชานี้ยังถูกเก็บไว้กับตัวเจ้าสำนักรุ่นต่อรุ่นเท่านั้น
"อาจารย์ป้าจะให้ข้าฝึกเจ้านี่หรือเจ้าคะ"
หลี่ชิงชิงมองคัมภีร์ตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายหนืดลงคอ หวนนึกถึงตอนที่นางฝึกวิชากระบี่เหินเมฆาครั้งแรกก็เกือบตายเพราะถูกธาตุไฟเข้าแทรกมาแล้วหนหนึ่ง
"เจ้ามิต้องกลัว วิชาที่อาจารย์จะให้ฝึกมิต้องใช้ลมปราณภายใน เพียงแต่ต้องใช้ธาตุที่บริสุทธิ์ล้อมรอบร่างกายและสมาธิตั้งมั่นหล่อรวมให้เกิดจิตบริสุทธิ์ที่แข็งแกร่ง เจ้าจึงจะควบคุมปราณอัคคีในตัวเอาไว้ได้"
ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่การใช้สมาธิตั้งมั่นเป็นเวลานาน ๆ คนชอบอิสระเสรีไม่อยู่นิ่งอย่างหลี่ชิงชิงจะทนได้หรือ
"แต่คัมภีร์นี้ยังมีเคล็ดวิชาอื่นอยู่ด้วย อาจารย์ป้ามิกลัวว่าข้าจะแอบฝึกหรือเจ้าคะ"
นางเพียงแค่พูดหยอกล้อเจ้าสำนักหยวนจีเท่านั้น ส่วนอีกคนแม้จะเลี้ยงดูนางแบบจริง ๆ จัง ๆ มาเพียงแค่สามปี แต่นางก็ดูออกว่าเนื้อแท้จิตใจของหลานสาวผู้นี้เป็นเช่นไร นางไม่มักใหญ่ใฝ่สูงถึงขั้นลักลอบฝึกวิชาอื่นเป็นแน่ แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาหากความลับเรื่องตนเองส่งต่อคัมภีร์ให้ผู้อื่นจึงต้องกันไว้ดีกว่าตามแก้ที่หลัง
"เจ้ามิต้องกลัว อาจารย์ใช้วิชาพลางตาหน้าอื่นไว้หมดแล้ว สิ่งที่เจ้าต้องฝึกมีเพียงเหมันต์สดับสวรรค์ขั้นชำระจิตเท่านั้น"
ว่ากันว่าคัมภีร์เหมันต์สดับสวรรค์คือคำภีร์เวทย์ที่เขียนโดยมหาเทพเบื้องบนแล้วส่งลงมายังโลกมนุษย์เพื่อให้เหล่านักพรตผู้ผดุงคุณธรรมได้ฝึกเอาไว้ปกป้องช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ซึ่งในคัมภีร์นี้มีทั้งหมด 5 ขั้น ได้แก่
ขั้นชำระล้าง ผู้ฝึกจะต้องล้างร่างกายให้สะอาดด้วยการแช่บ่อน้ำค้างพันปีในคืนจันทร์เต็มดวงเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มจึงจะสามารถใช้อาคมชำระล้างความชั่วร้ายที่มองไม่เห็นทั้งปวงได้
ขั้นชำระจิต เป็นการนั่งสมาธิโดยใช้ธาตุทั้งห้า น้ำ ไม้ ไฟ ดิน และทอง เมื่อจิตแน่วแน่ไร้จิตมารจะสามารถใช้อาคมชำระจิตให้กับผู้อื่นได้
ขั้นปัดเป่า เมื่อกายและจิตเชื่อมเป็นหนึ่ง จะสามารถใช้อาคมปัดเป่าความทุกข์ สงบจิตใจและส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้
ขั้นทำลาย เป็นวิชาขั้นสูง ผู้ที่ฝึกมาถึงขั้นนี้ได้จะต้องมีตบะและพลังวิญญาณที่แกร่งกล้าและบริสุทธิ์ไร้มลทินใด ๆ แปดเปื้อน หากฝึกสำเร็จในทางดีจะสามารถขจัดมารปีศาจจนดวงจิตมารดับสลายไม่สามารถก่อเกิดความชั่วร้ายได้อีก แต่หากฝึกด้วยจิตที่ดำมืด จะกลายเป็นปีศาจร้ายเสียเอง
ขั้นนี้จึงน้อยคนนักที่สามารถฝึกสำเร็จได้
และขั้นสุดท้ายในคัมภีร์เหมันต์สดับสวรรค์คือขั้นดับขันธ์ ว่ากันว่าหากมีมนุษย์ผู้ใดฝึกสำเร็จจะสามารถทำลายได้แม้กระทั่งเทพเซียนบนสรวงสวรรค์ แต่น่าเสียดายที่เป็นเพียงแค่ข่าวลือเพราะยังไม่มีผู้ใดบรรลุถึงขั้นนี้ได้เลย แม้กระทั่งหยวนจี เจ้าสำนักคนปัจจุบันที่ฝึกบรรลุเพียงขั้นที่สี่ทำลายเท่านั้น!
"ขั้นชำระจิต ฟังดูเหมือนง่าย ความจริงต้องยากมากใช่หรือไม่เจ้าคะ"
หลี่ชิงชิงตะล่อมถามเผื่อเป็นแนวทางในการหาข้ออ้างไม่อยากฝึก
"หากเจ้ามองว่าง่ายก็มิใช่เรื่องยาก"
หยวนจีอ่านใจหลานสาวออกว่าต้องหาเรื่องออดอ้อนให้นางใจอ่อนเห็นใจไม่ต้องฝึกคัมภีร์นี้เฉกเช่นตอนที่ให้เข้าฌานที่ถ้ำเหมันต์ในคราแรก ๆ
"ข้าไม่ฝึกได้หรือไม่เจ้าคะ แค่เข้าไปหลบอยู่ที่ถ้ำเหมันต์ของอาจารย์เช่นทุกครั้งอาการข้าก็ทุเลาความปวดแสบปวดร้อนได้อยู่"
"เจ้าลืมไปแล้วหรือ ยิ่งเจ้าโตเป็นสาวมากเท่าใด ปราณอัคคีในตัวเจ้ายิ่งมีพลังทรมานเจ้ามากเท่านั้น ลำบากวันนี้เพื่ออนาคตของเจ้าในวันข้างหน้า"
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเชิงตำหนิแต่ก็มีความห่วงใยซ่อนอยู่ไม่น้อย
"ปีศาจตนใดกันนะที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้"
น้ำเสียงหลี่ชิงชิงมีแต่ความเคียดแค้น
ผ่านมาตั้งแปดปีแล้ว สุดท้ายนางก็ยังไม่รู้ว่าปีศาจที่ทำให้นางทรมานเช่นนี้คือตนใด และนางควรแก้แค้นผู้ใดให้มารดา
"เจ้าอย่าได้จองเวรแก่กันเลย คิดเสียว่าคือเคราะห์กรรมของเจ้าที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้"
ลึก ๆ ในใจของหยวนจีไม่เชื่อคำพูดของหลี่ต้งเลยสักนิด นางไม่เชื่อว่าหลี่ชิงชิงจะเป็นลูกของหยวนชิงกับปีศาจแม้ร่างกายนางจะมีพลังของปราณอัคคีก็เถอะ แต่เรื่องทั้งหมดยังสืบไม่กระจ่าง นางจะไม่มีวันปักใจเชื่อเพียงเพราะเรื่องเล่าจากปากคนผู้เดียวเช่นบิดาของหลี่ชิงชิงจนกว่าจะตามหาปีศาจที่เป็นเจ้าของพลังนี้ให้เจอแล้วเค้นคอถามลึกหนาบางตื้นของเรื่องนี้
"แปดปีแล้ว ข้าอยากลงเขาไปเยี่ยมท่านพ่อกับอาสี่จัง"
จากกันเมื่อแปดปีที่แล้ว ทั้งสองก็มิเคยมาเยี่ยมเยือนนางสักหน ทั้ง ๆ ที่มีตราหยกผ่านทางติดตัวแต่กลับไม่มีผู้ใดมาหานางสักคน
หรือว่าทั้งสองจะรังเกียจที่นางเป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจไปแล้วจริง ๆ
เป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยอาสี่หลี่จงก็ไม่คิดเช่นนั้นกับนางแน่
"หากเจ้าอยากลงเขาต้องฝึกวิชานี้ให้สำเร็จแล้วอาจารย์จะให้เจ้าลงไปเยี่ยมสกุลหลี่"
ควรดีใจอยู่หรอก แต่ด้วยความสามารถนางตอนนี้ไม่รู้จะใช้เวลาฝึกกี่วันกี่เดือนกี่ปีกัน
"ท่านป้า... วิชานี้ฝึกยากนัก หากชิงชิงตัดความกังวลและความเคียดแค้นไม่พ้น เหตุใดถึงจะฝึกผ่านกันเล่า"
เสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนให้ดูน่าสงสาร พร้อมทั้งบีบนวดอย่างเอาอกเอาใจ ทำเอาเจ้าสำนักหยวนจีใจอ่อนอีกตามเคย
"พอแล้ว ๆ สามวัน อาจารย์ให้เจ้าลงเขาไปเยี่ยมพวกเขาสามวัน กลับมาเจ้าต้องตั้งใจฝึกวิชานี้ให้สำเร็จ"
"ขอบคุณท่านป้า ข้ารักท่านที่สุดในโลกเลย"
หลี่ชิงชิงรีบโผเข้ากอดหยวนจีทันที นางว่าแล้วอาจารย์ป้าของนางต้องใจดีให้นางเพิ่มกำลังใจกลับมาฝึกวิชาจนได้
"อย่าลืม ห้ามเกินสามวัน เพราะคืนจันทร์เต็มดวงใกล้มาถึงแล้ว"
หลี่ชิงชิงพยักหน้ารับทราบในอ้อมกอดอันอบอุ่นนี้ที่นางโหยหาจากมารดามาโดยตลอด
"ชิงเอ๋อร์จะรีบไปรีบกลับเจ้าค่ะ"
เหตุใดครั้งนี้หยวนจีถึงรู้สึกใจคอไม่ดี แต่เป็นถึงเจ้าสำนักนางจะตระบัดสัตย์ตอนนี้มิได้
แดนสวรรค์ , หุบเขาวังมังกรฟ้า"เรียนมหาเทพ นายท่านยังไม่ออกจากฌานขอรับ"ภูติหิ่งห้อยอาเล่ย ภูติรับใช้คนสนิทของเทียนหั่วหลงรายงานมหาเทพผู้ครองแดนสวรรค์ที่วันนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าของหุบเขาวังมังกรฟ้าแห่งนี้ให้กระจ่าง"ข้าจะเข้าไปดึงเจ้ามังกรหัวดื้อออกจากฌานให้ท่านเอง"เสียงหงุดหงิดใจของพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวนเอ่ยขึ้นเดิมที่วิสัยของไป๋จินซวนชอบอิสระ เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ พูดจาโผงผาง หากคนไม่สนิทด้วยจะมองว่าเขาก้าวร้าวไม่รู้จักยำเกรงผู้อาวุโสกว่า"เจ้าเสือขาวอันธพาล เอะอะก็จะใช้แต่กำลัง"เสียงสตรีนางหนึ่งเหินเวหาลงมายืนเคียงข้างมหาเทพเทียนวั่งพร้อมกล่าวตำหนิไป๋จินซวน"หงส์เพลิงเช่นเจ้ากล้าตำหนิผู้อาวุโสกว่าเช่นข้ารึ!""ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเจ้าแก่แต่อายุ หากสมองอ่อนกว่าข้ายิ่งนัก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน สตรีนางเดียวที่เป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทพแลบลิ้นปริ้นตาเย้าแหย่คู่กัดอย่างพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวน"พวกเจ้าสำรวมด้วย"เสียงทุ้มมาพร้อมรูปลักษณ์ที่สงบนิ่งและงดงามของเต่าดำเสวียนอวี่ดังปราม"คาราวะมหาเทพเทียนวั่ง"ผู้อาวุโสสุดอย่างเต่าดำรีบค้อมคำนับองค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ทั้งไป๋จินซวนและจูฮวาเหยียนรีบ
"มนุษย์ผู้ใดถึงได้มีอาคมแก่กล้าสามารถปิดผนึกพลังสัตว์เทพอย่างพวกเราได้"เสวียนอวี่กล่าวอย่างสงสัย"ผู้ที่สามารถผนึกพลังเทพได้ต้องเป็นขั้นปรมาจารย์หรือไม่ก็นักพรตที่บำเพ็ญเพียรไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีมนุษย์"ทั้งเต่าดำและมังกรฟ้าต่างคิดเช่นเดียวกับสิ่งที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"ที่เจ้าออกฌานในครั้งนี้เพราะสะสมพลังวิญญาณได้มากแล้วหรือ"มหาเทพเทียนวั่งรับรู้ถึงพลังที่ไหลเวียนในตัวของตนเองเพิ่มพูลขึ้น เช่นนี้แปลว่ามังกรฟ้าคงสั่งสมพลังมาได้มากเช่นกัน"ได้กลับคืนมาประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอถึงห้าในสิบส่วน"เข้าฌานมาครึ่งปี อย่างน้อยพลังใหม่บวกพลังเก่าที่หลงเหลืออยู่ต้องได้กลับคืนมามากกว่าแปดส่วนถึงจะถูก หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการเข้าฌานของเขาเสียเวลาเปล่าแล้ว"หรือเพราะพลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของเจ้าอยู่กับมนุษย์ ทำให้การเพิ่มพลังวิญญาณขัดแย้งกัน"เทียนหั่วหลงก็คิดเช่นเดียวกับที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"แล้วเหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงออกจากฌาน หรือว่าพวกข้ามารบกวน" เสวียนอวี่ถามไถ่บ้าง"มิใช่เพราะเหตุนั้น เมื่อครู่แม้จะแค่ประเดี๋ยวเดียวแต่ข้าก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่หายไป""หมายความเช่นไร"ไม่ใช่แค่มหาเทพ
"ศิษย์จะรีบไปรีบกลับ ท่านเจ้าสำนักโปรดดูแลตนเองด้วย"วันนี้เป็นวันที่หลี่ชิงชิงจะได้ลงเขาครั้งแรกตั้งแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างพากันมายืนส่งนางลงเขาด้วยความเป็นห่วง ยกเว้นคนเดียวที่ใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขยามที่ไม่มีนางอยู่บนเขาเมฆาแห่งนี้"ศิษย์น้องห้า เจ้าต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าได้ใจร้อนโผงผาง พบเจอมิตรจงผูกไมตรี หากพบอันตรายจงเอาตัวรอดให้ได้"หยวนอวิ๋นกล่าวสั่งสอนศิษย์น้องที่เขาทั้งรักและเอ็นดูนางเป็นที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำที่อบอุ่นของเขาทำให้จิตใจของสตรีนางหนึ่งเกิดความมืดขึ้น"ศิษย์น้องสาม เจ้าดูสายตาศิษย์พี่ใหญ่สิ อาลัยอาวรน้องห้ายิ่งนัก"หงยวี่ ศิษย์ลำดับที่สองของสำนักเมฆาล่องลอยพูดเชิงเสี้ยมให้อีกคนที่มีใจให้กับหยวนอวิ๋นเกิดความคับแค้นใจต่อหลี่ชิงชิงสองมือแน่งน้อยกำหมัดแน่นยามที่ได้ฟังคำยุยงนั้นของศิษย์พี่รองนาง"ท่านเจ้าสำนักจะให้น้องห้าลงเขาคนเดียวหรือเจ้าคะ"เยว่ฟางปรับเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วยิ่งนัก ความมาดร้ายในดวงตาเมื่อครู่หายไปแล้ว มีแต่ความใสซื่อปรากฎขึ้นแทนหงยวี่เห็นศิษย์น้องสามตีสองหน้าเก่งเช่นนี้ถึงกับชื่นชมในใจ"ความจริงมีเสี่ยวเซียงไปกับข
"ว้าว! ที่นี่หมู่บ้านตงเหลียงของเจ้าหรือ"หลังออกจากประตูมิติของเจ้าสำนักหยวนจี กว่างเซียงเซียงก็ได้เปิดหูเปิดตากับบรรยากาศของหมู่บ้านนอกเขตเขาเมฆาในรอบหลายสิบปี"แต่ก่อนไม่เห็นสวยงามเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงมองบ้านเกิดตนเองพลางวิเคราะห์ตอนที่นางอยู่จนถึงเก้าขวบ เหตุใดหมู่บ้านไม่ครึกครื้นเช่นตอนนี้ ดูเสาโคมไฟที่สูงตระหง่านตรงนั้นสิ เมื่อก่อนไม่เห็นจะมี แล้วไหนจะต้นไม้ดอกไม้ที่ขึ้นทั้งสองข้างทางเดินเข้าหมู่บ้านอีก ตอนที่นางแปดเก้าขวบยังไม่เห็นจะผลิดอกชูช่อสวยงามเช่นตอนนี้สักนิด"ข้าอยากเห็นข้างในหมู่บ้านเจ้าแล้ว รีบเข้าไปเถอะ"กว่างเซียงเซียงตื่นเต้นกว่าเจ้าของถิ่นเกิดเสียอีก นางทั้งดึงพลางวิ่งนำให้หลี่ชิงชิงที่ดูโอ้เอ้เดินตามให้ไว"ช้าก่อนเซียงเซียง"จู่ ๆ หลี่ชิงชิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติของหมู่บ้านแห่งนี้ถึงแม้นางจะจากไปถึงแปดปีแล้ว แต่หมู่บ้านที่ห่างไกลเมืองหลวงไร้ขุนนางเหลียวแลมาแต่ไหนแต่ไร ไม่น่าเจริญจนสวยงามรวดเร็วถึงเพียงนี้ ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกนางว่าอย่าเข้าไปเด็ดขาด"มีอะไรหรือ"กว่างเซียงเซียงรีบหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวข้ามเขตเสาโคมที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน"ข้ารู้สึก
"เจ้าดูนั่น ของกินเยอะแยะเลย"หลังจากเข้ามาในดินแดนมายาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งกว่างเซียงเซียงและหลี่ชิงชิงยังคงเดินวนเวียนอยู่เพียงตลาดกลางหมู่บ้าน พวกนางวิ่งเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ราวกับหลงลืมว่ามาที่หมู่บ้านนี้เพื่อการใด"ข้าต้องซื้อไก่กลับไปฝากท่านอาสี่ แล้วก็สุราเลิศรสไปฝากท่านพ่อ"หลี่ชิงชิงกำลังถูกวิชามายาควบคุมจิตใจ นางเดินไปยังร้านขายไก่สดเพื่อซื้อไก่ดั่งใจหมาย เสร็จแล้วจึงไปที่ร้านสุราเพื่อซื้อสุราหมักขึ้นชื่อของหมู่บ้านมาไหหนึ่ง"ชิงชิงเจ้ามาดูนี่สิ หอมจัง ข้าอยากกิน"กว่างเซียงเซียงกวักมือเรียก นางยืนอยู่หน้าร้านขายเกี๊ยวน้ำกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลจนท้องน้อย ๆ ส่งเสียงประท้วง"เถ้าแก่ ขอเกี๊ยวน้ำสองชาม"กว่างเซียงเซียงเห็นสหายรักเดินมาจวนจะถึงร้านจึงรีบสั่งเถ้าแก่ตัวอ้วนพุงพุ้ย"มานั่งนี่มาหลี่ชิงชิงสหายรักข้า บ้านเกิดเจ้านี่ช่างงดงามจนข้าไม่อยากกลับเขาเมฆาอีกเลย"แววตากว่างเซียงเซียงไร้ประกายขัดแย้งกับสิ่งที่นางกล่าว หากคนดีใจหรือชมชอบสิ่งที่เป็นอยู่ดวงตานั้นต้องเป็นประกาย เหตุใดสหายตรงหน้าดวงตาถึงได้อับแสงลงเช่นนั้น"เกี๊ยวน้ำของเสี่ยวชิงกับเสี่ยวเซียงมาแล้ว"เสียงเถ้าแก่ร้านเกี๊ยว
หลังจากช่วยหลี่ชิงชิงออกมาจากแดนมายาของฮุ่ยเฟิ่งได้แล้ว เทียนหั่วหลงก็พานางมายังถ้ำแห่งหนึ่งบนเขาเซียนลู่ ถ้ำที่เขาเคยลงมาบำเพ็ญตบะแล้วพบเจอมารดาของนาง"แม่นางผู้นี้เป็นเช่นไรบ้างขอรับ"ภูติหิ่งห้อยจุดแสงสว่างด้วยพลังวิญญาณของมัน พลันถ้ำทั้งถ้ำก็สว่างไสวเผยให้เห็นร่างกายของสตรีที่เพิ่งช่วยเหลือมาเต็มตา'ดั่งคาด ร่างกายนางผู้นี้วิเศษยิ่งนัก'เทียนหั่วหลงสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของหลี่ชิงชิงพบว่าร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตลุกโชนไม่มีบาดแผลเผาไหม้สักนิดเดียว ราวกับว่าพลังวิญญาณของเขายอมรับนางผู้นี้เป็นเจ้าของอีกคน"นายท่าน! อัคคีมรกตท่านลุกโชนอีกแล้ว"แม้แต่ภูติหิ่งห้อยยามเข้าใกล้ปราณนี้ยังต้องถอยห่างเทียนหั่วหลงวางผ่ามือลงบนหน้าผากหลี่ชิงชิงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของที่แท้จริงให้ปราณอัคคีมรกตในตัวนางรับรู้ ไม่นานไฟนั้นก็สงบลง"อาเล่ย เจ้าจงไปหาหญ้าเจ็ดสี หนามเม่นแดง น้ำค้างบริสุทธิ์บนยอดเขามาให้ข้าที""นายท่านจะใช้มันทำการใดขอรับ"ของทั้งสามล้วนเป็นของวิเศษที่หายาก หากแต่ไม่คณามือภูติหิ่งห้อยอาเล่ยผู้นี้"ข้าจะหลอมเป็นยาปลุกพลังปราณในตัวสตรีนางนี้"พลังปราณเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกวิชาต้องมี หากแต่เมื่
"ตอนที่พวกท่านเจอข้าเห็นสตรีอีกนางหรือไม่ หน้าตาสะสวยสวมชุดสีเดียวกับข้าเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงร้อนใจเหลือเกิน หากกว่างเซียงเซียงไม่อยู่ที่นี่คงคิดได้เหตุผลเดียวคือนางยังคงติดอยู่ในเขตแดนของปีศาจฮุ่ยเฟิ่ง"ข้ามิพบผู้ใดนอกจากท่าน ว่าแต่ท่านกำลังตามหาสหายอยู่หรือ"วิสัยของมังกรฟ้าไม่ใช่คนช่างจ้อชวนคุย หากแต่ตอนนี้เขาต้องทำให้สตรีนางนี้เชื่อใจเขาเพื่อที่จะได้ขอพลังวิญญาณในตัวของนางคืน โดยตรง ไม่แน่วิธีนี้อาจจะได้ผลกับทั้งสองฝ่ายโดยไม่ต้องสูญเสียสิ่งใด"หมู่บ้าน! ข้าต้องรีบกลับหมู่บ้านตงเหลียง"หลี่ชิงชิงไม่สนใจคำถามของมังกรฟ้า นางร้อนใจเป็นห่วงกว่างเซียงเซียงจนรีบลุกจากแท่นหินที่นอนอยู่ ทว่าเพราะร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตใช้พลังกายไปหลายส่วนยังไม่ฟื้นดีทำให้เรี่ยวแรงนางยังไม่กลับมา แข้งขาเลยอ่อนแรงมีอาการหน้ามืดจนเกือบล้มตกจากแท่นหิน โชคดีที่เทียนหั่วหลงมือไวคว้านางไว้ได้ทัน"อ้ะ! ขอบคุณคุณชาย"เทียนหั่วหลงช่วยพยุงหลี่ชิงชิงให้กลับมานั่งที่เดิม"แม่นางไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้หมู่บ้านตงเหลียงปลอดภัยดี"สิ่งที่ได้ยินทำให้หลี่ชิงชิงที่อยู่ในอาการมึนหัวเพราะร่างกายอ่อนแรงรีบผินสายตาขึ้นมองเทียนหั่วห
: ปราบปีศาจ :----------- ----------- -----------หลังจากวางแผนมาแล้วร่วมหนึ่งก้านธูป ข้อสรุปจึงอยู่ที่หลี่ชิงชิงบุกเข้าไปในแดนมายาของปีศาจกลืนฝันฮุ่ยเฟิ่งเพื่อก่อกวนให้เขาหย่อนการป้องกันแล้วให้พวกของเทียนหั่วหลงช่วยคลายมนตร์สะกดให้กับชาวบ้านและพาออกจากหมู่บ้านแห่งนั้น"เจ้าเก็บไว้"เทียนหั่วหลงยื่นกระดิ่งสลักมังกรให้สตรีตรงหน้า"นี่คืออันใด"นางยกกระดิ่งห้อยพู่สีขาวขึ้นดูพลางเขย่าเบา ๆ ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา"นี่คือกระดิ่งเรียกมังกร""กระดิ่งเรียกมังกร ท่านเคยเห็นมังกรด้วยหรือ"หลี่ชิงชิงตื่นเต้นยิ่งนักเมื่อได้ยินชื่อสัตว์ที่ใคร ๆ ต่างยกย่องว่าเป็นเทพแห่งมหาอำนาจและความร่ำรวย"สตรีนางนี้โง่เง่านัก"เทียนหั่วหลงรีบเบือนหางตามองภูติหิ่งห้อยอาเล่ยที่ยังไม่เลิกแสดงออกว่าไม่ชอบมนุษย์ผู้นี้จนเขาเงียบเสียงแล้วหลบหน้าหนี"เป็นเพียงชื่อเรียกที่ช้าตั้งขึ้นตามลายสลักของมัน"เทียนหั่วหลงบิดเบือนความจริงเพราะไม่อยากให้หลี่ชิงชิงซักไซ้ต่อกระดิ่งเรียกมังกร ทำขึ้นจากการหลอมกระดูกหนึ่งชิ้นจากร่างมังกรให้กลายเป็นกระดิ่ง จากนั้นก็เชื่อมพลังวิญญาณลงไปส่วนหนึ่งไว้ใช้สื่อสารทางและใช้ติดตา
"เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ"หลี่ชิงชิงแอบชำเรืองมองเห็นมังกรฟ้ายิ้มให้ตนอยู่จึงรีบหลบสายตานั้นบ้าจริง! ทำไมนางต้องใจสั่นเช่นนี้ด้วย พวงแก้มก็ร้อนวูบวาบ หัวใจยังมาเต้นแรงจนยากควบคุมอีก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน""เพคะมหาเทพ""แม้เจ้าจะมีความชอบในศึกครั้งนี้ หากแต่ไม่สามารถลบล้างความผิดก่อนหน้าได้""เรียนมหาเทพ หากเป็นเรื่องสับเปลี่ยนตะวันจันทรา เป็นข้าเองที่ไหว้วานหงส์เพลิงให้ทำเช่นนั้น"เทียนหั่วหลงรู้ว่ามหาเทพเทียนวั่งจะกล่าวโทษเรื่องนี้กับหงส์เพลิงจึงรีบบอกความจริง"มังกรฟ้าไหว้วานข้าก็จริง แต่ถ้าข้าไม่ยินดีทำก็ไม่มีผู้ใดบังคับได้ มหาเทพโปรดลงทัณฑ์ข้าในเรื่องนี้เพียงผู้เดียวด้วย""ฮวาเหยียน"จูฮวาเหยียนคลี่ยิ้มให้กับมังกรฟ้าที่ส่งแววตาเสียใจและรู้สึกผิดให้นาง'ข้าเต็มใจทำเพื่อท่าน'จูฮวาเหยียนบอกทางสายตาให้กับมังกรฟ้า และนางเชื่อว่าคนฉลาดเช่นเขาอ่านแววตานั้นของนางออก"เช่นนั้นเจ้าจงไปรับผิดที่ตำหนักห้วงกาลเวลาของเทพรัตติกาลจู๋อวี่เสีย""น้อมรับพระบัญชามหาเทพ""บัดนี้ทั้งสามพิภพสงบสุขแล้ว ข้ามหาเทพเทียนวั่งขอบคุณทุกการเสียสละของทุกคนในศึกครั้งนี้"กล่าวจบมหาเทพเทียนวั่งก็เร้นกายกลับแดนสุ
หมับ!เทียนหั่วหลงเห็นแววตามุ่งมั่นนั่นแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เขารั้งข้อมือนางไว้แน่น"ข้าจะปลอดภัย"หลี่ชิงชิงหันกลับมาส่งแววตาหวานซึ้งมาให้เขา ในประกายนั่นบอกให้มังกรฟ้าเชื่อใจนาง"เจ้าต้องปลอดภัยกลับมา"หลี่ชิงชิงยิ้มกว้างแทนคำตอบนางหันหน้ากลับไปเผชิญกับจอมมารบรรพกาลที่อยู่ในร่างของหงยวี่บรรยากาศรอบตัวหลี่ชิงชิงเปลี่ยนไป นางถูกพลังของธาตุทั้งห้าที่มองไม่เห็นห้อมล้อมเอาไว้แววตามาดมั่นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นไม่ต่างจากเทพสงครามเฉินเสวี่ยทุกย่างก้าวที่หลี่ชิงชิงก้าวเดินเกิดเป็นคลื่นน้ำรองรับน้ำหนักของนาง"จอมมารชั่ว! เจ้าทำลายสำนักเมฆาล่องลอย เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ รวมถึงอาจารย์ป้าของข้า!"ทุกคำของนางช่างหนักหน่วง แววตามุ่งมาดหวังทำลายศัตรูตัวร้ายตรงหน้า"เจ้าลืมผู้ใดอีกหรือไม่"จอมมารบรรพกาลยั่วยุอีกคนให้นึกถึงอดีตที่แสนเจ็บปวดแววตาหลี่ชิงชิงวูบไหวไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาแน่วแน่ดังเดิม"ข้าจะลืมแค้นของท่านแม่ ท่านพ่อ และอาสี่ได้อย่างไร!"วันที่นางรอคอยในที่สุดก็มาถึง หลี่ชิงชิงจะได้ล้างแค้นให้กับครอบครัวที่ล่วงลับเพราะจอมมารตนนี้เสียที"วาจาสามหาวใช้ได้ วิญญาณของแม่เจ้า พ่อเจ้
: เจ้าสาวของมังกรฟ้า :มังกรฟ้าพาหลี่ชิงชิงออกมาจากห้วงจิตของนางได้สำเร็จ"มาได้สักที"มังกรทมิฬฝืนใช้พลังจนเฮือกสุดท้ายจึงเอ่ยประชดเล็กน้อยที่เห็นสหายทำภารกิจลุล่วงหลี่ชิงชิงตื่นจากการควบคุมของจอมมาร นางรีบใช้คัมภีร์เหมันสดับสวรรค์ชำระล้างพร้อมขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่หลงเหลืออยู่ออกจากกายจนหมดสิ้น"พวกเจ้า! พวกเจ้ากล้าขัดขวางแผนการครองใต้หล้าข้า!"เสียงแห่งความเกรี้ยวกราดของจอมมารบรรพกาลดังขึ้น มันใช้พลังทั้งหมดสะบั้นแส้อัสนีกาลของมังกรทมิฬจนขาดกระจายอั่ก!เมื่อเอ็นมังกรถูกทำลาย มังกรทมิฬจึงบาดเจ็บล้มฟุบลงกับพื้นพร้อมกระอักเลือดออกมาก่อนจะหมดสติ ดวงวิญญาณแตกกระจายหายไปกับอากาศ"หลงเซ่อ!"เสียงสัตว์เทพทั้งสี่ประสานกันด้วยความตกใจมังกรฟ้าเทียนหั่วหลงเคียดแค้นยิ่งนักที่ดวงจิตอีกดวงถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตาตน"ข้าจะไม่ยอมให้การเสียสละของมังกรทมิฬสูญเปล่า"มังกรฟ้าได้พลังวิญญาณและอัคคีมรกตกลับมาทั้งหมดแล้ว ตอนนี้มันมีพลังเหนือปีศาจทั้งปวงเฉกเช่นแต่ก่อนเสียงดังเปรี้ยงปร้างพร้อมแสงวาบสว่างไสวปรากฎขึ้นเหนือท้องนภาที่ย้อมไปด้วยสีราวเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผา ไม่นานแส้พิฆาตของอัคคีมรกตก็ฟาดเข้ากั
ภายในห้วงจิตของหลี่ชิงชิงในเวลานี้แตกต่างจากครั้งแรกที่เทียนหั่วหลงเคยเข้ามาพื้นที่เวิ้งว้างแห่งนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยทะเลหมอกสีดำทมึน กลิ่นไอความชั่วร้ายของจอมมารบรรพกาลกำลังกลืนกินทุกอย่างที่เป็นตัวตนของนางจากในห้วงจิตนี้มังกรฟ้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง หากเขามัวแต่เดินสุ่มทิศทางอยู่แบบนี้คงหาเจ้าของห้วงจิตไม่เจอ เวลายิ่งมีจำกัดเขาจึงเปลี่ยนแผนการใหม่"กระดิ่งมังกรสำแดงฤทธิ์!"มังกรฟ้าใช้อาคมเรียกกระดิ่งมังกรที่อยู่บนตัวหลี่ชิงชิง เสียงกระดิ่งดังก้องกังวาลรอบกายยากแก่การเดาทิศทางที่มาของเสียงเทียนหั่วหลงรีบตั้งค่ายกลขจัดไอมารออกไปเพื่อเพิ่มการรับรู้ทิศทางของกระดิ่งมังกรให้ชัดเจนอั่ก!เขาสูญเสียพลังวิญญาณไปมาก การใช้อาคมเวทย์ยิ่งขั้นสูงและฝืนใช้มากเท่าไรยิ่งสะท้อนกลับตัวมังกรฟ้าเองมากเท่านั้นเทียนหั่วหลงกลับมาตั้งสมาธิอีกครั้ง เขาหลับตาลงพร้อมกับกำหนดจิตให้แน่วแน่ นึกถึงเพียงหลี่ชิงชิงจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่นานปรากฎแสงสว่างรำไรส่องอยู่ไม่ไกลจากจุดที่มังกรฟ้ายืนอยู่เทียนหั่วหลงมองเห็นคนที่ตามหากำลังนอนขดตัวอยู่บนพื้นโดยมีแสงสีขาวนั้นคอยปกป้องร่างหลี่ชิงชิงเอาไว้ทำให้จอมมารบรรพการไม่สามารถค
ตู้ม!จอมมารหงุดหงิดใจที่เหล่าเทพชั้นต่ำเอาแต่พร่ำบ่นให้เขารำคาญหูจึงซัดพลังโจมตีเทพที่มาใหม่จนได้รับบาดเจ็บเจียนตาย"เสวียนอวี่ ข้าฝากท่านส่งท่านเทพเหล่านั้นกลับสวรรค์ด้วย"มังกรฟ้าเคลื่อนสายตากลับมาสบมองจอมมารในร่างหลี่ชิงชิงต่อภายในอุ้งมือมังกรฟ้าเกิดเป็นกลุ่มพลังสายหนึ่งขึ้นมา"อัคคีมรกตพิฆาต!"การโจมตีที่หนักหน่วงและแข็งแกร่งของมังกรฟ้าสั่นสะเทือนไปทั้งสามภพ จอมมารปัดป้องได้ทว่าก็ถูกพลังโจมตีนั้นทำให้ได้รับบาดเจ็บประมาณหนึ่งเทียนหั่วหลงเห็นสีหน้าหลี่ชิงชิงเจ็บปวดใจเขาก็ปวดตาม'อดทนอีกนิด ข้าต้องช่วยเจ้าให้ได้'เทียนหั่วหลงกลับมารวบรวมพลังอีกครั้งเพื่อโจมตีจอมมารบรรพกาลการต่อสู้ของมังกรฟ้ากับจอมมารดำเนินไปหลายชั่วยาม ทั้งคู่ผลัดกันจู่โจมผลัดกันปัดป้อง พลังวิญญาณของมังกรฟ้าที่ได้จากหลี่ชิงชิงคืนมาจากครานั้นฟื้นคืนแปดส่วน หากแต่ตอนนี้เขาใช้จัดการจอมมารจนแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงสู้ต่ออั่ก!เทียนหั่วหลงหลบการโจมตีครั้งนี้ไม่ทัน เขาถูกพลังมืดซัดเข้าเต็ม ๆ จนกระอักเลือดเหนียวข้นออกมามังกรทมิฬเห็นท่าไม่ดีหากปล่อยให้มังกรฟ้าสู้ตัวต่อตัวอีกแก่นวิญญาณคงแตกดับเป็นแน่"ข้าฝากทางนี้ด้วย"เท
คราที่หยวนอวิ๋นกำลังจะหมดแรงปรากฎสายอัสนีทมิฬฟาดลงมายังจอมมารบรรพการที่อยู่ในร่างของหลี่ชิงชิงเข้าอย่างจัง"จอมมารน่ารังเกียจ"มังกรทมิฬเทียนหลงเซ่อปรากฎเหนือเวหาด้วยท่วงท่าสง่างาม"คุณชายเทียน"กว่างเซียงเซียงเอ่ยนามผู้ที่เคยช่วยเหลือนางจากปีศาจบุปผา"เจ้ารู้จักเทพผู้นั้น"กว่างเซียงเซียงพยักหน้า หากแต่นางไม่ตอบกลับใด ๆ ในใจรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหลายส่วนตั้งแต่คนผู้นี้ปรากฎกายขึ้น"เจ้ามีกลิ่นไอของข้า"จอมมารบรรพกาลสูดดมกลิ่นของมังกรทมิฬ"เป็นเพียงเศษเสี้ยวที่ถูกตัดทิ้งของเทพผู้สร้างยังกล้าเอาตัวเองมาเทียบเท่ากับข้า"คำพูดเสียดแทงใจของเทียนหลงเซ่อสร้างความเคืองขุ่นให้จอมมารหลายเท่า มันไม่รอเวลารีบใช้อาคมของเหมันต์สดับสวรรค์ขั้นสามซัดไปยังเทียนหลงเซ่อ"น่าขยะแขยง ยึดร่างกายผู้อื่นไม่พอ ยังลอบใช้พลังของนางอีก เจ้าคงไร้พลังจริง ๆ"เทียนหลงเซ่อหลบการโจมตีได้ก็หาเรื่องยั่วโมโหจอมมารทันทีคนถูกดูถูกแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา"มังกรทมิฬหน้าโง่ คิดหรือว่าเจ้าเพียงคนเดียวจะช่วยมนุษย์นางนี้จากข้าได้""ใครว่าคนเดียวกัน!"เสียงดุดันดังขึ้นพร้อมกับเพลิงกัลป์พวยพุ่งโจมตีร่างของหลี่ชิงชิงอย่างไม่ยั้งมือ"ห
: ศึกสัตว์เทพกับจอมมาร :ถ้ำบนเขาเซียนลู่ผ่านมาแล้วสามวันที่หลี่ชิงชิงแยกทางจากมังกรฟ้ากลับเขาเมฆา ผู้เป็นใหญ่เหนือปีศาจทั้งปวงยังคงไม่มีวี่แววจะฟื้นเทียนหลงเซ่อถ่ายทอดพลังอัคคีกาลเพื่อปลุกให้มังกรฟ้าตื่นจากการจำศีลซึ่งเป็นวิธีการรักษาชีวิตของเผ่ามังกรเมื่อแก่นพลังวิญญาณบาดเจ็บสาหัสจนอาจดับสูญ เผ่ามังกรจะเข้าสู่การจำศีลเพื่อรักษาแก่นพลังวิญญาณของตนไม่ให้ดวงจิตแตกดับอั่ก!เมื่อฝืนใช้พลังเกินขีดจำกัดในสภาพที่ฝืนแยกกายหยาบออกมาหลังหมดคืนจันทร์เพ็ญทำให้มังกรทมิฬบาดเจ็บสาหัสถึงแก่นพลังวิญญาณเช่นกัน เทียนหลงเซ่อกระอักเลือดออกมาทำเอาอาเล่ยที่คอยดูแลไม่ห่างตกใจ"ท่านมังกรทมิฬ!"อาเล่ยรีบเข้ามาช่วยพยุงมังกรทมิฬที่ใบหน้าซีดเซียวร่างกายไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาพักผ่อนบนโขดหิน"ท่านไม่เป็นอะไรนะขอรับ"ภูติหิ่งห้อยเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เทียนหลงเซ่อส่ายหน้าเล็กน้อยบอกว่าตนยังไหว"ทำไมนายท่านถึงยังไม่ฟื้นขอรับ"อาเล่ยมองไปยังมังกรฟ้าที่ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว พลังของมังกรทมิฬก็สูสีกับมังกรฟ้าเหตุใดถึงยังไม่สามารถปลุกนายเขาให้ตื่นได้"แก่นวิญญาณของหั่วหลงเสียหายเป็นอย่างมาก ต
หยวนอวิ๋นเห็นถึงความผิดปกติจึงเอื้อมมือไปเขย่าแม่บุญธรรมตนเบา ๆ หากแต่เพียงแค่ปลายนิ้วเขาแตะโดนอาภรณ์สีขาวสะอาดนั้นก็ถูกพลังบางอย่างสะท้อนทำร้าย"ไอมาร!"หยวนอวิ๋นรีบถอยห่างออกมาจากร่างของเจ้าสำนักหยวนจี ไม่นานไอสีดำก็พวยพุ่งเป็นกลุ่มควันลอยออกมาจากร่างของหยวนจีสร้างความแตกตื่นหวาดกลัวให้กับเหล่าศิษย์ทั้งหลาย"ไม่จริง! เป็นแบบนี้ได้เช่นไร"หลี่ชิงชิงมีพลังปราณแท้ตื่นรู้ที่บริสุทธิ์ ไอมารแค่นี้ทำอะไรนางไม่ได้ ร่างงามจึงเดินผ่ากลุ่มไอชั่วร้ายนั้นไปยังร่างของหยวนจีที่นอนสงบนิ่งนางสะบัดมือเพียงครั้งกลุ่มไอชั่วร้ายก็สลายหายไปจากพลังของเหมันต์สดับสวรรค์ขั้นชำระล้าง"อาจารย์ป้า"หลี่ชิงชิงเอื้อมมือไปประคองหยวนจีขึ้นมาพิงไว้ที่ตัวนางเองร่างกายของหยวนจียังอุ่นอยู่ นางเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เมื่อคำนวณดูเวลาแล้วน่าจะเป็นช่วงที่มีปีศาจกลุ่มนั้นปรากฎที่หน้าถ้ำ"ฝีมือใคร!"เสียงเย็นยะเยือกของหลี่ชิงชิงดังขึ้นบัดนี้ดาวของเจ้าสำนักหยวนจีดับมืดล่วงหล่นไปแล้ว"ศ...ศิษย์พี่...สาม"เสียงสั่นกลัวของศิษย์น้องเสี่ยวโยวดังขึ้นตอนที่เยว่ฟางปลิดชีพเจ้าสำนักหยวนจีนางไม่ได้สังเกตเห็นเสี่ยวโยวน้อยที่นอนอยู่ใต
: ตกสู่วิถีมาร :ครึ่งชั่วยามต่อมา...หลี่ชิงชิงนั่งเฝ้าเจ้าสำนักหยวนจีอย่างไม่หลับไม่นอน เมื่อเห็นว่าอาจารย์ป้าของนางชีพจรคงที ลมปราณกลับมาเดินปกติจึงผละออกมานั่งคิดถึงเทียนหั่วหลง นางไม่รู้ว่าป่านนี้มังกรฟ้าผู้นั้นจะฟื้นแล้วหรือยัง"กินอะไรก่อนเถิด"หยวนอวิ๋นที่เดินตรวจตราเขตอาคมปากถ้ำเสร็จจึงเดินกลับมาดูแลศิษย์น้องห้า เขาหยิบแผ่นแป้งทอดติดมือมายื่นให้หลี่ชิงชิง"ข้ายังไม่หิว"แม้หลี่ชิงชิงจะปฏิเสธแต่หยวนอวิ๋นก็มองออกว่าศิษย์น้องผู้นี้คงมีเรื่องในใจให้คิดจนกินอะไรไม่ลงมากกว่าเขาจึงเปลี่ยนวิธีแบฝ่ามือออกเพื่อขออะไรบางอย่าง"ถุงเฉียนคุน""อ้อ นี่เจ้าค่ะ"หลี่ชิงชิงรีบปลดถุงเฉียนคุนส่งคืนให้เจ้าของหยวนอวิ๋นรับมาก่อนจะเทเอาของบางอย่างออกมา"ลูกกวาด"หลี่ชิงชิงเห็นลูกกวาดหลากสีถึงกับดีใจ"อ้าปาก"หยวนอวิ๋นแกะลูกกวาดออกมาหนึ่งเม็ดพร้อมสั่งให้คนตาลุกวาวเมื่อเห็นของชอบอ้าปาก"หวานไหม""อื้อ"หลี่ชิงชิงเคี้ยวลูกกวาดที่ศิษย์พี่ใหญ่ป้อนให้ตุ้ย ๆ ด้วยความอารมณ์ดีหยวนอวิ๋นเห็นศิษย์น้องที่เอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวดมาหลายชั่วยามยิ้มออกเขาก็โล่งใจ เผลอเอื้อมมือไปลูบผมหลี่ชิงชิงด้วยความเอ็นดู"ก่อนหน