แปดปีต่อมา...
"สงบดั่งสายน้ำ แข็งแกร่งดั่งภูผา เมตตาดั่งท้องนภา คุณธรรมยิ่งใหญ่เหนือทั้งปวง"
เสียงท่องปณิธานของสำนักเมฆาล่องลอยดังขึ้นจากเหล่าดรุณและดรุณีน้อยรุ่นที่แปดของสำนักศึกษาแห่งนี้
"เสี่ยวโยวเจ้าว่าศิษย์พี่ห้ากำลังเข้าฌานหรือหลับกันแน่"
เสียงกระซิบดังขึ้นเบา ๆ หลังจากศิษย์รุ่นเยาว์ท่องกฎของสำนักศึกษาจบไปสามรอบแล้ว ทว่าศิษย์พี่ที่ทำหน้าที่สอนสั่งพวกเขาในวันนี้กลับนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งไม่ออกคำสั่งอันใดเฉกเช่นทุกวัน
"ข้าว่าศิษย์พี่ห้าต้องหลับแน่ ๆ"
เจ้าของชื่อเสี่ยวโยวตอบกลับพลางป้องปากส่งต่อแผนการที่ผุดขึ้นมาในหัวหมาด ๆ ให้กับเหล่าศิษย์ชั้นเดียวกันส่งต่อจนครบทุกคน
"พร้อมนะ"
ดรุณีน้อยเสี่ยวโยวที่ทั้งแสบ ทั้งแก่นแก้ว ผู้นำจอมวางแผนมองสบตาศิษย์คนอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณชูนิ้วขึ้นทีละนิ้วจนครบสามนิ้วแล้วเอ่ย
"คำนับอาจารย์อาหยวนอวิ๋น"
เสียงเหล่าศิษย์วัยเยาว์จอมแสบดังลั่นจนคนที่แอบงีบหลับสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินว่าผู้ใดมา
"ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไม่ได้หลับนะเจ้าคะ"
"ฮ่า ๆ ศิษย์พี่ห้าถูกพวกเราหลอกแล้ว"
บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันหัวเราะเสียงลั่นเมื่อปลุกคนขี้เซาที่แอบหลับได้สำเร็จ ทว่าเวลาต่อมาเสียงหัวเราะเหล่านั้นพลันหายไปอย่างพร้อมเพียงราวถูกร่ายคาถาให้หยุด
"ใครเป็นคนต้นคิด!"
หลี่ชิงชิงทำเสียงดุกวาดสายตามองบรรดาศิษย์น้องเล็กที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"กล้าอ้างชื่อศิษย์พี่ใหญ่มาแกล้งศิษย์พี่ห้ารึ เจ้าเด็กน้อยพวกนี้!"
คนถูกตำหนิทั้งหลายต่างพากันส่ายหน้าไปมา เสียงเจื้อยแจ้วในคราแรกปิดสนิทพร้อมก้มหน้ามองหน้าตักตัวเองอย่างสำรวม
"เสี่ยวโยว เจ้าเป็นคนต้นคิดแกล้งศิษย์พี่ห้าใช่หรือไม่"
สองมือค้ำเอวพลางลุกขึ้นจ้องมองดรุณีตัวแสบที่สุดในกลุ่ม
"..."
เสี่ยวโยวทำเพียงก้มหน้าหลบสายตาพร้อมส่ายหัวเบา ๆ
"น้องห้าไม่ได้แอบหลับจริงหรือ"
เสียงทุ้มเสนาะหูดังขึ้นทางด้านหลัง หลี่ชิงชิงถึงกับชะงักค้างราวถูกสาปเป็นหินเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าคนที่นางคิดว่าเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์แอบอ้างดันมาเยือนจริง ๆ
"ศิษย์พี่ใหญ่...ใครจะกล้างีบหลับในเวลาเช่นนี้กัน ศิษย์น้องเล็กเหล่านี้แค่หยอกข้าเล่น ใช่ไหม"
หลี่ชิงชิงรีบหันมาขอแนวร่วม นางตาขยิบตาก็แล้ว ข่มขู่อย่างไร้เสียงด้วยการทำหน้ายักษ์ใส่ เหล่าศิษย์รุ่นแปดนี้กลับนิ่งงันเช่นเดิม
หยวนอวิ๋นรู้ทีนจึงแกล้งพูดขึ้น
"จริงหรือ เหตุใดศิษย์พี่ยังเห็นคราบน้ำลายติดอยู่เล่า"
สายตาเชิงหยอกล้อสบมองใบหน้าสวยรูปไข่ พวงแก้มนวลเนียนดั่งมุกราตรี
หลี่ชิงชิงได้ยินดังนั้นจึงรีบยกมือเช็ดปากยกใหญ่ เรียกเสียงฮาให้กับบรรดาศิษย์น้องเล็กลั่นลานสงบใจ
คนเสียหน้ารีบขยับปากแต่ไร้เสียงเป็นคำว่า 'เงียบ' พร้อมทำหน้าดุใส่เหล่าศิษย์น้องเล็ก จากนั้นจึงค่อย ๆ ทำเสียงเล็กเสียงน้อยเกาะแขนออดอ้อนศิษย์พี่ใหญ่ของนางเป็นรายต่อไป
"ศิษย์พี่ใหญ่ เสี่ยวชิงมิได้แอบหลับจริง ๆ นะเจ้าคะ"
พูดแล้วก็ใช้ใบหน้างาม ๆ ถูไถต้นแขนแกร่งของบุรุษสูงแปดฉื่อข้าง ๆ ทันที
"เชื่อเจ้า ศิษย์พี่ใหญ่เชื่อเจ้าแล้ว"
มือหนาเอื้อมขึ้นไปลูบผมนุ่มสวยที่มัดเป็นทรงตั้งหางม้าโดดเด่นกลางศีรษะเสริมความทะมัดทะแทงด้วยความเอ็นดู
"ฮี่ ๆ ศิษย์พี่ใหญ่ใจดีที่สุดเลย จริงไหมพวกเรา"
"ขอรับ / เจ้าค่ะ"
เสียงตอบรับของบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ช่วยยืนยันความจิตใจดีของบุรุษชุดขาวที่สง่างามทั้งรูปลักษณ์และหน้าตา
"ศิษย์พี่มาถึงที่นี่คงมิใช่มาแอบดูข้าสอนสั่งศิษย์น้องเล็กเหล่านี้ใช่หรือไม่"
เพราะนี่ผิดวิสัยของผู้มาเยือน
ปกติหยวนอวิ๋นที่เป็นถึงศิษย์เอกและบุตรบุญธรรมของเจ้าสำนักหยวนจีแถมยังเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของหลี่ชิงชิงต้องอยู่เฝ้าเรือนสินหยวนของเจ้าสำนักจะออกจากที่ตรงนั้นเพียงเดือนละสองหนและยามจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
"ข้ามีข่าวดีมาฝากเจ้า"
"ข่าวดี?"
หลี่ชิงชิงเอียงคอพลางนึกในใจว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่อยู่แต่เรือนสินหยวนจะไปหาข่าวดีอะไรมาฝากนาง ทว่าในหัวนางเกิดนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
"หรือว่าเจ้าสำนัก...!"
หยวนอวิ๋นพยักหน้าพร้อมยกมุมปากยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ย
"ถูกแล้ว เจ้าสำนักออกจากฌานแล้ว"
ในที่สุดวันที่หลี่ชิงชิงรอคอยก็มาถึง
ย้อนกลับไปเมื่อแปดปีก่อนหลังจากที่เจ้าสำนักหยวนจีพานางกลับมายังสำนักเมฆาล่องลอยแห่งนี้ นางก็เลี้ยงดูฟูมฟักหลี่ชิงชิงราวลูกในไส้ ทว่าเพราะพลังอัคคีของหลี่ชิงชิงนับวันยิ่งรุนแรงหนัก ห้าปีให้หลังเจ้าสำนักหยวนจีจึงใช้พลังทั้งหมดปิดผนึกปราณอัคคีในตัวหลี่ชิงชิงไว้ เมื่อสูญเสียพลังปราณไป นางจำเป็นต้องเข้าฌานบำเพ็ญตบะเพื่อรวบรวมพลังใหม่อีกครั้ง
"เช่นนั้นข้าฝากเด็ก ๆ ด้วยนะเจ้าคะ"
ด้วยความคิดถึงและดีใจ หลี่ชิงชิงรีบไปที่ตำหนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจีทันที
"เฮ้อ... โตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวเหมือนเมื่อแปดปีก่อนไม่ต่าง"
รอยยิ้มที่อบอุ่นผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ทุกอย่างถูกใครบางคนแอบมองด้วยจิตใจขุ่นเคืองอยู่อีกฟากลานสงบใจแห่งนี้
"อาจารย์ป้า"ทันทีที่มาถึงที่พำนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจี หลี่ชิงชิงก็รีบเข้ามากอดมาหอมผู้มีพระคุณของนางทันที"นี่ผู้ใดกัน เหตุใดถึงไม่คุ้นหน้า"หยวนจีแกล้งเย้าแหย่หลานรักเล่น ทำเอาคนถูกแกล้งถึงกับอมลมจนแก้มป่องทั้งสองข้าง แต่ก็แค่ประเดี๋ยว แก้มน้อย ๆ นั้นก็ซุกถูบนตักนิ่มของหยวนจีอย่างออดอ้อนเช่นเดิม"ชิงชิงคิดถึงอาจารย์ป้าที่สุดเจ้าค่ะ"มือบางเอื้อมขึ้นมาลูบผมบุตรสาวของศิษย์น้องนางที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยความเอ็นดู"คิดถึงอาจารย์แล้วตั้งใจใฝ่เรียน ฝึกในวิชาหรือไม่"คำถามแรกพุ่งเป้าไปเช่นนี้เลยหรือ แต่ไม่เป็นไร หลี่ชิงชิงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางอยู่แล้ว"ตอนนี้ข้าฝึกชำระจิตที่ถ้ำเหมันต์จนเรียกว่าสนิทกับภูติน้ำแข็งได้แล้ว"คนถูกถามคุยโวโอ้อวดอย่างภูมิใจ"หืม... เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เข้าฌานมิใช่หรือ"คนถูกจับได้ว่าแอบเกเรวิชาไม่เลื่อนขั้นถึงกับยิ้มแห้งหัวเราะแหะ ๆ แก้เขิน"โธ่ ท่านป้าคนสวย ชิงเอ๋อร์หมายถึงว่าตอนนี้มีเพื่อนเป็นภูติน้ำแข็งเพิ่มมาอีกเป็นกองทัพ เยอะกว่าเมื่อก่อนตั้ง..."นัยน์ตาน้ำหมึกกลอกกลิ้งไปมาคล้ายกำลังนับจำนวนในใจ เวลาที่หลี่ชิงชิงจะออดอ
แดนสวรรค์ , หุบเขาวังมังกรฟ้า"เรียนมหาเทพ นายท่านยังไม่ออกจากฌานขอรับ"ภูติหิ่งห้อยอาเล่ย ภูติรับใช้คนสนิทของเทียนหั่วหลงรายงานมหาเทพผู้ครองแดนสวรรค์ที่วันนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าของหุบเขาวังมังกรฟ้าแห่งนี้ให้กระจ่าง"ข้าจะเข้าไปดึงเจ้ามังกรหัวดื้อออกจากฌานให้ท่านเอง"เสียงหงุดหงิดใจของพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวนเอ่ยขึ้นเดิมที่วิสัยของไป๋จินซวนชอบอิสระ เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ พูดจาโผงผาง หากคนไม่สนิทด้วยจะมองว่าเขาก้าวร้าวไม่รู้จักยำเกรงผู้อาวุโสกว่า"เจ้าเสือขาวอันธพาล เอะอะก็จะใช้แต่กำลัง"เสียงสตรีนางหนึ่งเหินเวหาลงมายืนเคียงข้างมหาเทพเทียนวั่งพร้อมกล่าวตำหนิไป๋จินซวน"หงส์เพลิงเช่นเจ้ากล้าตำหนิผู้อาวุโสกว่าเช่นข้ารึ!""ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเจ้าแก่แต่อายุ หากสมองอ่อนกว่าข้ายิ่งนัก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน สตรีนางเดียวที่เป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทพแลบลิ้นปริ้นตาเย้าแหย่คู่กัดอย่างพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวน"พวกเจ้าสำรวมด้วย"เสียงทุ้มมาพร้อมรูปลักษณ์ที่สงบนิ่งและงดงามของเต่าดำเสวียนอวี่ดังปราม"คาราวะมหาเทพเทียนวั่ง"ผู้อาวุโสสุดอย่างเต่าดำรีบค้อมคำนับองค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ทั้งไป๋จินซวนและจูฮวาเหยียนรีบ
"มนุษย์ผู้ใดถึงได้มีอาคมแก่กล้าสามารถปิดผนึกพลังสัตว์เทพอย่างพวกเราได้"เสวียนอวี่กล่าวอย่างสงสัย"ผู้ที่สามารถผนึกพลังเทพได้ต้องเป็นขั้นปรมาจารย์หรือไม่ก็นักพรตที่บำเพ็ญเพียรไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีมนุษย์"ทั้งเต่าดำและมังกรฟ้าต่างคิดเช่นเดียวกับสิ่งที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"ที่เจ้าออกฌานในครั้งนี้เพราะสะสมพลังวิญญาณได้มากแล้วหรือ"มหาเทพเทียนวั่งรับรู้ถึงพลังที่ไหลเวียนในตัวของตนเองเพิ่มพูลขึ้น เช่นนี้แปลว่ามังกรฟ้าคงสั่งสมพลังมาได้มากเช่นกัน"ได้กลับคืนมาประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอถึงห้าในสิบส่วน"เข้าฌานมาครึ่งปี อย่างน้อยพลังใหม่บวกพลังเก่าที่หลงเหลืออยู่ต้องได้กลับคืนมามากกว่าแปดส่วนถึงจะถูก หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการเข้าฌานของเขาเสียเวลาเปล่าแล้ว"หรือเพราะพลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของเจ้าอยู่กับมนุษย์ ทำให้การเพิ่มพลังวิญญาณขัดแย้งกัน"เทียนหั่วหลงก็คิดเช่นเดียวกับที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"แล้วเหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงออกจากฌาน หรือว่าพวกข้ามารบกวน" เสวียนอวี่ถามไถ่บ้าง"มิใช่เพราะเหตุนั้น เมื่อครู่แม้จะแค่ประเดี๋ยวเดียวแต่ข้าก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่หายไป""หมายความเช่นไร"ไม่ใช่แค่มหาเทพ
"ศิษย์จะรีบไปรีบกลับ ท่านเจ้าสำนักโปรดดูแลตนเองด้วย"วันนี้เป็นวันที่หลี่ชิงชิงจะได้ลงเขาครั้งแรกตั้งแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างพากันมายืนส่งนางลงเขาด้วยความเป็นห่วง ยกเว้นคนเดียวที่ใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขยามที่ไม่มีนางอยู่บนเขาเมฆาแห่งนี้"ศิษย์น้องห้า เจ้าต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าได้ใจร้อนโผงผาง พบเจอมิตรจงผูกไมตรี หากพบอันตรายจงเอาตัวรอดให้ได้"หยวนอวิ๋นกล่าวสั่งสอนศิษย์น้องที่เขาทั้งรักและเอ็นดูนางเป็นที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำที่อบอุ่นของเขาทำให้จิตใจของสตรีนางหนึ่งเกิดความมืดขึ้น"ศิษย์น้องสาม เจ้าดูสายตาศิษย์พี่ใหญ่สิ อาลัยอาวรน้องห้ายิ่งนัก"หงยวี่ ศิษย์ลำดับที่สองของสำนักเมฆาล่องลอยพูดเชิงเสี้ยมให้อีกคนที่มีใจให้กับหยวนอวิ๋นเกิดความคับแค้นใจต่อหลี่ชิงชิงสองมือแน่งน้อยกำหมัดแน่นยามที่ได้ฟังคำยุยงนั้นของศิษย์พี่รองนาง"ท่านเจ้าสำนักจะให้น้องห้าลงเขาคนเดียวหรือเจ้าคะ"เยว่ฟางปรับเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วยิ่งนัก ความมาดร้ายในดวงตาเมื่อครู่หายไปแล้ว มีแต่ความใสซื่อปรากฎขึ้นแทนหงยวี่เห็นศิษย์น้องสามตีสองหน้าเก่งเช่นนี้ถึงกับชื่นชมในใจ"ความจริงมีเสี่ยวเซียงไปกับข
"ว้าว! ที่นี่หมู่บ้านตงเหลียงของเจ้าหรือ"หลังออกจากประตูมิติของเจ้าสำนักหยวนจี กว่างเซียงเซียงก็ได้เปิดหูเปิดตากับบรรยากาศของหมู่บ้านนอกเขตเขาเมฆาในรอบหลายสิบปี"แต่ก่อนไม่เห็นสวยงามเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงมองบ้านเกิดตนเองพลางวิเคราะห์ตอนที่นางอยู่จนถึงเก้าขวบ เหตุใดหมู่บ้านไม่ครึกครื้นเช่นตอนนี้ ดูเสาโคมไฟที่สูงตระหง่านตรงนั้นสิ เมื่อก่อนไม่เห็นจะมี แล้วไหนจะต้นไม้ดอกไม้ที่ขึ้นทั้งสองข้างทางเดินเข้าหมู่บ้านอีก ตอนที่นางแปดเก้าขวบยังไม่เห็นจะผลิดอกชูช่อสวยงามเช่นตอนนี้สักนิด"ข้าอยากเห็นข้างในหมู่บ้านเจ้าแล้ว รีบเข้าไปเถอะ"กว่างเซียงเซียงตื่นเต้นกว่าเจ้าของถิ่นเกิดเสียอีก นางทั้งดึงพลางวิ่งนำให้หลี่ชิงชิงที่ดูโอ้เอ้เดินตามให้ไว"ช้าก่อนเซียงเซียง"จู่ ๆ หลี่ชิงชิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติของหมู่บ้านแห่งนี้ถึงแม้นางจะจากไปถึงแปดปีแล้ว แต่หมู่บ้านที่ห่างไกลเมืองหลวงไร้ขุนนางเหลียวแลมาแต่ไหนแต่ไร ไม่น่าเจริญจนสวยงามรวดเร็วถึงเพียงนี้ ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกนางว่าอย่าเข้าไปเด็ดขาด"มีอะไรหรือ"กว่างเซียงเซียงรีบหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวข้ามเขตเสาโคมที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน"ข้ารู้สึก
"เจ้าดูนั่น ของกินเยอะแยะเลย"หลังจากเข้ามาในดินแดนมายาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งกว่างเซียงเซียงและหลี่ชิงชิงยังคงเดินวนเวียนอยู่เพียงตลาดกลางหมู่บ้าน พวกนางวิ่งเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ราวกับหลงลืมว่ามาที่หมู่บ้านนี้เพื่อการใด"ข้าต้องซื้อไก่กลับไปฝากท่านอาสี่ แล้วก็สุราเลิศรสไปฝากท่านพ่อ"หลี่ชิงชิงกำลังถูกวิชามายาควบคุมจิตใจ นางเดินไปยังร้านขายไก่สดเพื่อซื้อไก่ดั่งใจหมาย เสร็จแล้วจึงไปที่ร้านสุราเพื่อซื้อสุราหมักขึ้นชื่อของหมู่บ้านมาไหหนึ่ง"ชิงชิงเจ้ามาดูนี่สิ หอมจัง ข้าอยากกิน"กว่างเซียงเซียงกวักมือเรียก นางยืนอยู่หน้าร้านขายเกี๊ยวน้ำกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลจนท้องน้อย ๆ ส่งเสียงประท้วง"เถ้าแก่ ขอเกี๊ยวน้ำสองชาม"กว่างเซียงเซียงเห็นสหายรักเดินมาจวนจะถึงร้านจึงรีบสั่งเถ้าแก่ตัวอ้วนพุงพุ้ย"มานั่งนี่มาหลี่ชิงชิงสหายรักข้า บ้านเกิดเจ้านี่ช่างงดงามจนข้าไม่อยากกลับเขาเมฆาอีกเลย"แววตากว่างเซียงเซียงไร้ประกายขัดแย้งกับสิ่งที่นางกล่าว หากคนดีใจหรือชมชอบสิ่งที่เป็นอยู่ดวงตานั้นต้องเป็นประกาย เหตุใดสหายตรงหน้าดวงตาถึงได้อับแสงลงเช่นนั้น"เกี๊ยวน้ำของเสี่ยวชิงกับเสี่ยวเซียงมาแล้ว"เสียงเถ้าแก่ร้านเกี๊ยว
หลังจากช่วยหลี่ชิงชิงออกมาจากแดนมายาของฮุ่ยเฟิ่งได้แล้ว เทียนหั่วหลงก็พานางมายังถ้ำแห่งหนึ่งบนเขาเซียนลู่ ถ้ำที่เขาเคยลงมาบำเพ็ญตบะแล้วพบเจอมารดาของนาง"แม่นางผู้นี้เป็นเช่นไรบ้างขอรับ"ภูติหิ่งห้อยจุดแสงสว่างด้วยพลังวิญญาณของมัน พลันถ้ำทั้งถ้ำก็สว่างไสวเผยให้เห็นร่างกายของสตรีที่เพิ่งช่วยเหลือมาเต็มตา'ดั่งคาด ร่างกายนางผู้นี้วิเศษยิ่งนัก'เทียนหั่วหลงสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของหลี่ชิงชิงพบว่าร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตลุกโชนไม่มีบาดแผลเผาไหม้สักนิดเดียว ราวกับว่าพลังวิญญาณของเขายอมรับนางผู้นี้เป็นเจ้าของอีกคน"นายท่าน! อัคคีมรกตท่านลุกโชนอีกแล้ว"แม้แต่ภูติหิ่งห้อยยามเข้าใกล้ปราณนี้ยังต้องถอยห่างเทียนหั่วหลงวางผ่ามือลงบนหน้าผากหลี่ชิงชิงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของที่แท้จริงให้ปราณอัคคีมรกตในตัวนางรับรู้ ไม่นานไฟนั้นก็สงบลง"อาเล่ย เจ้าจงไปหาหญ้าเจ็ดสี หนามเม่นแดง น้ำค้างบริสุทธิ์บนยอดเขามาให้ข้าที""นายท่านจะใช้มันทำการใดขอรับ"ของทั้งสามล้วนเป็นของวิเศษที่หายาก หากแต่ไม่คณามือภูติหิ่งห้อยอาเล่ยผู้นี้"ข้าจะหลอมเป็นยาปลุกพลังปราณในตัวสตรีนางนี้"พลังปราณเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกวิชาต้องมี หากแต่เมื่
"ตอนที่พวกท่านเจอข้าเห็นสตรีอีกนางหรือไม่ หน้าตาสะสวยสวมชุดสีเดียวกับข้าเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงร้อนใจเหลือเกิน หากกว่างเซียงเซียงไม่อยู่ที่นี่คงคิดได้เหตุผลเดียวคือนางยังคงติดอยู่ในเขตแดนของปีศาจฮุ่ยเฟิ่ง"ข้ามิพบผู้ใดนอกจากท่าน ว่าแต่ท่านกำลังตามหาสหายอยู่หรือ"วิสัยของมังกรฟ้าไม่ใช่คนช่างจ้อชวนคุย หากแต่ตอนนี้เขาต้องทำให้สตรีนางนี้เชื่อใจเขาเพื่อที่จะได้ขอพลังวิญญาณในตัวของนางคืน โดยตรง ไม่แน่วิธีนี้อาจจะได้ผลกับทั้งสองฝ่ายโดยไม่ต้องสูญเสียสิ่งใด"หมู่บ้าน! ข้าต้องรีบกลับหมู่บ้านตงเหลียง"หลี่ชิงชิงไม่สนใจคำถามของมังกรฟ้า นางร้อนใจเป็นห่วงกว่างเซียงเซียงจนรีบลุกจากแท่นหินที่นอนอยู่ ทว่าเพราะร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตใช้พลังกายไปหลายส่วนยังไม่ฟื้นดีทำให้เรี่ยวแรงนางยังไม่กลับมา แข้งขาเลยอ่อนแรงมีอาการหน้ามืดจนเกือบล้มตกจากแท่นหิน โชคดีที่เทียนหั่วหลงมือไวคว้านางไว้ได้ทัน"อ้ะ! ขอบคุณคุณชาย"เทียนหั่วหลงช่วยพยุงหลี่ชิงชิงให้กลับมานั่งที่เดิม"แม่นางไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้หมู่บ้านตงเหลียงปลอดภัยดี"สิ่งที่ได้ยินทำให้หลี่ชิงชิงที่อยู่ในอาการมึนหัวเพราะร่างกายอ่อนแรงรีบผินสายตาขึ้นมองเทียนหั่วห
"ตอนที่พวกท่านเจอข้าเห็นสตรีอีกนางหรือไม่ หน้าตาสะสวยสวมชุดสีเดียวกับข้าเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงร้อนใจเหลือเกิน หากกว่างเซียงเซียงไม่อยู่ที่นี่คงคิดได้เหตุผลเดียวคือนางยังคงติดอยู่ในเขตแดนของปีศาจฮุ่ยเฟิ่ง"ข้ามิพบผู้ใดนอกจากท่าน ว่าแต่ท่านกำลังตามหาสหายอยู่หรือ"วิสัยของมังกรฟ้าไม่ใช่คนช่างจ้อชวนคุย หากแต่ตอนนี้เขาต้องทำให้สตรีนางนี้เชื่อใจเขาเพื่อที่จะได้ขอพลังวิญญาณในตัวของนางคืน โดยตรง ไม่แน่วิธีนี้อาจจะได้ผลกับทั้งสองฝ่ายโดยไม่ต้องสูญเสียสิ่งใด"หมู่บ้าน! ข้าต้องรีบกลับหมู่บ้านตงเหลียง"หลี่ชิงชิงไม่สนใจคำถามของมังกรฟ้า นางร้อนใจเป็นห่วงกว่างเซียงเซียงจนรีบลุกจากแท่นหินที่นอนอยู่ ทว่าเพราะร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตใช้พลังกายไปหลายส่วนยังไม่ฟื้นดีทำให้เรี่ยวแรงนางยังไม่กลับมา แข้งขาเลยอ่อนแรงมีอาการหน้ามืดจนเกือบล้มตกจากแท่นหิน โชคดีที่เทียนหั่วหลงมือไวคว้านางไว้ได้ทัน"อ้ะ! ขอบคุณคุณชาย"เทียนหั่วหลงช่วยพยุงหลี่ชิงชิงให้กลับมานั่งที่เดิม"แม่นางไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้หมู่บ้านตงเหลียงปลอดภัยดี"สิ่งที่ได้ยินทำให้หลี่ชิงชิงที่อยู่ในอาการมึนหัวเพราะร่างกายอ่อนแรงรีบผินสายตาขึ้นมองเทียนหั่วห
หลังจากช่วยหลี่ชิงชิงออกมาจากแดนมายาของฮุ่ยเฟิ่งได้แล้ว เทียนหั่วหลงก็พานางมายังถ้ำแห่งหนึ่งบนเขาเซียนลู่ ถ้ำที่เขาเคยลงมาบำเพ็ญตบะแล้วพบเจอมารดาของนาง"แม่นางผู้นี้เป็นเช่นไรบ้างขอรับ"ภูติหิ่งห้อยจุดแสงสว่างด้วยพลังวิญญาณของมัน พลันถ้ำทั้งถ้ำก็สว่างไสวเผยให้เห็นร่างกายของสตรีที่เพิ่งช่วยเหลือมาเต็มตา'ดั่งคาด ร่างกายนางผู้นี้วิเศษยิ่งนัก'เทียนหั่วหลงสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของหลี่ชิงชิงพบว่าร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตลุกโชนไม่มีบาดแผลเผาไหม้สักนิดเดียว ราวกับว่าพลังวิญญาณของเขายอมรับนางผู้นี้เป็นเจ้าของอีกคน"นายท่าน! อัคคีมรกตท่านลุกโชนอีกแล้ว"แม้แต่ภูติหิ่งห้อยยามเข้าใกล้ปราณนี้ยังต้องถอยห่างเทียนหั่วหลงวางผ่ามือลงบนหน้าผากหลี่ชิงชิงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของที่แท้จริงให้ปราณอัคคีมรกตในตัวนางรับรู้ ไม่นานไฟนั้นก็สงบลง"อาเล่ย เจ้าจงไปหาหญ้าเจ็ดสี หนามเม่นแดง น้ำค้างบริสุทธิ์บนยอดเขามาให้ข้าที""นายท่านจะใช้มันทำการใดขอรับ"ของทั้งสามล้วนเป็นของวิเศษที่หายาก หากแต่ไม่คณามือภูติหิ่งห้อยอาเล่ยผู้นี้"ข้าจะหลอมเป็นยาปลุกพลังปราณในตัวสตรีนางนี้"พลังปราณเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกวิชาต้องมี หากแต่เมื่
"เจ้าดูนั่น ของกินเยอะแยะเลย"หลังจากเข้ามาในดินแดนมายาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งกว่างเซียงเซียงและหลี่ชิงชิงยังคงเดินวนเวียนอยู่เพียงตลาดกลางหมู่บ้าน พวกนางวิ่งเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ราวกับหลงลืมว่ามาที่หมู่บ้านนี้เพื่อการใด"ข้าต้องซื้อไก่กลับไปฝากท่านอาสี่ แล้วก็สุราเลิศรสไปฝากท่านพ่อ"หลี่ชิงชิงกำลังถูกวิชามายาควบคุมจิตใจ นางเดินไปยังร้านขายไก่สดเพื่อซื้อไก่ดั่งใจหมาย เสร็จแล้วจึงไปที่ร้านสุราเพื่อซื้อสุราหมักขึ้นชื่อของหมู่บ้านมาไหหนึ่ง"ชิงชิงเจ้ามาดูนี่สิ หอมจัง ข้าอยากกิน"กว่างเซียงเซียงกวักมือเรียก นางยืนอยู่หน้าร้านขายเกี๊ยวน้ำกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลจนท้องน้อย ๆ ส่งเสียงประท้วง"เถ้าแก่ ขอเกี๊ยวน้ำสองชาม"กว่างเซียงเซียงเห็นสหายรักเดินมาจวนจะถึงร้านจึงรีบสั่งเถ้าแก่ตัวอ้วนพุงพุ้ย"มานั่งนี่มาหลี่ชิงชิงสหายรักข้า บ้านเกิดเจ้านี่ช่างงดงามจนข้าไม่อยากกลับเขาเมฆาอีกเลย"แววตากว่างเซียงเซียงไร้ประกายขัดแย้งกับสิ่งที่นางกล่าว หากคนดีใจหรือชมชอบสิ่งที่เป็นอยู่ดวงตานั้นต้องเป็นประกาย เหตุใดสหายตรงหน้าดวงตาถึงได้อับแสงลงเช่นนั้น"เกี๊ยวน้ำของเสี่ยวชิงกับเสี่ยวเซียงมาแล้ว"เสียงเถ้าแก่ร้านเกี๊ยว
"ว้าว! ที่นี่หมู่บ้านตงเหลียงของเจ้าหรือ"หลังออกจากประตูมิติของเจ้าสำนักหยวนจี กว่างเซียงเซียงก็ได้เปิดหูเปิดตากับบรรยากาศของหมู่บ้านนอกเขตเขาเมฆาในรอบหลายสิบปี"แต่ก่อนไม่เห็นสวยงามเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงมองบ้านเกิดตนเองพลางวิเคราะห์ตอนที่นางอยู่จนถึงเก้าขวบ เหตุใดหมู่บ้านไม่ครึกครื้นเช่นตอนนี้ ดูเสาโคมไฟที่สูงตระหง่านตรงนั้นสิ เมื่อก่อนไม่เห็นจะมี แล้วไหนจะต้นไม้ดอกไม้ที่ขึ้นทั้งสองข้างทางเดินเข้าหมู่บ้านอีก ตอนที่นางแปดเก้าขวบยังไม่เห็นจะผลิดอกชูช่อสวยงามเช่นตอนนี้สักนิด"ข้าอยากเห็นข้างในหมู่บ้านเจ้าแล้ว รีบเข้าไปเถอะ"กว่างเซียงเซียงตื่นเต้นกว่าเจ้าของถิ่นเกิดเสียอีก นางทั้งดึงพลางวิ่งนำให้หลี่ชิงชิงที่ดูโอ้เอ้เดินตามให้ไว"ช้าก่อนเซียงเซียง"จู่ ๆ หลี่ชิงชิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติของหมู่บ้านแห่งนี้ถึงแม้นางจะจากไปถึงแปดปีแล้ว แต่หมู่บ้านที่ห่างไกลเมืองหลวงไร้ขุนนางเหลียวแลมาแต่ไหนแต่ไร ไม่น่าเจริญจนสวยงามรวดเร็วถึงเพียงนี้ ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกนางว่าอย่าเข้าไปเด็ดขาด"มีอะไรหรือ"กว่างเซียงเซียงรีบหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวข้ามเขตเสาโคมที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน"ข้ารู้สึก
"ศิษย์จะรีบไปรีบกลับ ท่านเจ้าสำนักโปรดดูแลตนเองด้วย"วันนี้เป็นวันที่หลี่ชิงชิงจะได้ลงเขาครั้งแรกตั้งแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างพากันมายืนส่งนางลงเขาด้วยความเป็นห่วง ยกเว้นคนเดียวที่ใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขยามที่ไม่มีนางอยู่บนเขาเมฆาแห่งนี้"ศิษย์น้องห้า เจ้าต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าได้ใจร้อนโผงผาง พบเจอมิตรจงผูกไมตรี หากพบอันตรายจงเอาตัวรอดให้ได้"หยวนอวิ๋นกล่าวสั่งสอนศิษย์น้องที่เขาทั้งรักและเอ็นดูนางเป็นที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำที่อบอุ่นของเขาทำให้จิตใจของสตรีนางหนึ่งเกิดความมืดขึ้น"ศิษย์น้องสาม เจ้าดูสายตาศิษย์พี่ใหญ่สิ อาลัยอาวรน้องห้ายิ่งนัก"หงยวี่ ศิษย์ลำดับที่สองของสำนักเมฆาล่องลอยพูดเชิงเสี้ยมให้อีกคนที่มีใจให้กับหยวนอวิ๋นเกิดความคับแค้นใจต่อหลี่ชิงชิงสองมือแน่งน้อยกำหมัดแน่นยามที่ได้ฟังคำยุยงนั้นของศิษย์พี่รองนาง"ท่านเจ้าสำนักจะให้น้องห้าลงเขาคนเดียวหรือเจ้าคะ"เยว่ฟางปรับเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วยิ่งนัก ความมาดร้ายในดวงตาเมื่อครู่หายไปแล้ว มีแต่ความใสซื่อปรากฎขึ้นแทนหงยวี่เห็นศิษย์น้องสามตีสองหน้าเก่งเช่นนี้ถึงกับชื่นชมในใจ"ความจริงมีเสี่ยวเซียงไปกับข
"มนุษย์ผู้ใดถึงได้มีอาคมแก่กล้าสามารถปิดผนึกพลังสัตว์เทพอย่างพวกเราได้"เสวียนอวี่กล่าวอย่างสงสัย"ผู้ที่สามารถผนึกพลังเทพได้ต้องเป็นขั้นปรมาจารย์หรือไม่ก็นักพรตที่บำเพ็ญเพียรไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีมนุษย์"ทั้งเต่าดำและมังกรฟ้าต่างคิดเช่นเดียวกับสิ่งที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"ที่เจ้าออกฌานในครั้งนี้เพราะสะสมพลังวิญญาณได้มากแล้วหรือ"มหาเทพเทียนวั่งรับรู้ถึงพลังที่ไหลเวียนในตัวของตนเองเพิ่มพูลขึ้น เช่นนี้แปลว่ามังกรฟ้าคงสั่งสมพลังมาได้มากเช่นกัน"ได้กลับคืนมาประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอถึงห้าในสิบส่วน"เข้าฌานมาครึ่งปี อย่างน้อยพลังใหม่บวกพลังเก่าที่หลงเหลืออยู่ต้องได้กลับคืนมามากกว่าแปดส่วนถึงจะถูก หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการเข้าฌานของเขาเสียเวลาเปล่าแล้ว"หรือเพราะพลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของเจ้าอยู่กับมนุษย์ ทำให้การเพิ่มพลังวิญญาณขัดแย้งกัน"เทียนหั่วหลงก็คิดเช่นเดียวกับที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"แล้วเหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงออกจากฌาน หรือว่าพวกข้ามารบกวน" เสวียนอวี่ถามไถ่บ้าง"มิใช่เพราะเหตุนั้น เมื่อครู่แม้จะแค่ประเดี๋ยวเดียวแต่ข้าก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่หายไป""หมายความเช่นไร"ไม่ใช่แค่มหาเทพ
แดนสวรรค์ , หุบเขาวังมังกรฟ้า"เรียนมหาเทพ นายท่านยังไม่ออกจากฌานขอรับ"ภูติหิ่งห้อยอาเล่ย ภูติรับใช้คนสนิทของเทียนหั่วหลงรายงานมหาเทพผู้ครองแดนสวรรค์ที่วันนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าของหุบเขาวังมังกรฟ้าแห่งนี้ให้กระจ่าง"ข้าจะเข้าไปดึงเจ้ามังกรหัวดื้อออกจากฌานให้ท่านเอง"เสียงหงุดหงิดใจของพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวนเอ่ยขึ้นเดิมที่วิสัยของไป๋จินซวนชอบอิสระ เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ พูดจาโผงผาง หากคนไม่สนิทด้วยจะมองว่าเขาก้าวร้าวไม่รู้จักยำเกรงผู้อาวุโสกว่า"เจ้าเสือขาวอันธพาล เอะอะก็จะใช้แต่กำลัง"เสียงสตรีนางหนึ่งเหินเวหาลงมายืนเคียงข้างมหาเทพเทียนวั่งพร้อมกล่าวตำหนิไป๋จินซวน"หงส์เพลิงเช่นเจ้ากล้าตำหนิผู้อาวุโสกว่าเช่นข้ารึ!""ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเจ้าแก่แต่อายุ หากสมองอ่อนกว่าข้ายิ่งนัก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน สตรีนางเดียวที่เป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทพแลบลิ้นปริ้นตาเย้าแหย่คู่กัดอย่างพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวน"พวกเจ้าสำรวมด้วย"เสียงทุ้มมาพร้อมรูปลักษณ์ที่สงบนิ่งและงดงามของเต่าดำเสวียนอวี่ดังปราม"คาราวะมหาเทพเทียนวั่ง"ผู้อาวุโสสุดอย่างเต่าดำรีบค้อมคำนับองค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ทั้งไป๋จินซวนและจูฮวาเหยียนรีบ
"อาจารย์ป้า"ทันทีที่มาถึงที่พำนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจี หลี่ชิงชิงก็รีบเข้ามากอดมาหอมผู้มีพระคุณของนางทันที"นี่ผู้ใดกัน เหตุใดถึงไม่คุ้นหน้า"หยวนจีแกล้งเย้าแหย่หลานรักเล่น ทำเอาคนถูกแกล้งถึงกับอมลมจนแก้มป่องทั้งสองข้าง แต่ก็แค่ประเดี๋ยว แก้มน้อย ๆ นั้นก็ซุกถูบนตักนิ่มของหยวนจีอย่างออดอ้อนเช่นเดิม"ชิงชิงคิดถึงอาจารย์ป้าที่สุดเจ้าค่ะ"มือบางเอื้อมขึ้นมาลูบผมบุตรสาวของศิษย์น้องนางที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยความเอ็นดู"คิดถึงอาจารย์แล้วตั้งใจใฝ่เรียน ฝึกในวิชาหรือไม่"คำถามแรกพุ่งเป้าไปเช่นนี้เลยหรือ แต่ไม่เป็นไร หลี่ชิงชิงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางอยู่แล้ว"ตอนนี้ข้าฝึกชำระจิตที่ถ้ำเหมันต์จนเรียกว่าสนิทกับภูติน้ำแข็งได้แล้ว"คนถูกถามคุยโวโอ้อวดอย่างภูมิใจ"หืม... เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เข้าฌานมิใช่หรือ"คนถูกจับได้ว่าแอบเกเรวิชาไม่เลื่อนขั้นถึงกับยิ้มแห้งหัวเราะแหะ ๆ แก้เขิน"โธ่ ท่านป้าคนสวย ชิงเอ๋อร์หมายถึงว่าตอนนี้มีเพื่อนเป็นภูติน้ำแข็งเพิ่มมาอีกเป็นกองทัพ เยอะกว่าเมื่อก่อนตั้ง..."นัยน์ตาน้ำหมึกกลอกกลิ้งไปมาคล้ายกำลังนับจำนวนในใจ เวลาที่หลี่ชิงชิงจะออดอ
แปดปีต่อมา..."สงบดั่งสายน้ำ แข็งแกร่งดั่งภูผา เมตตาดั่งท้องนภา คุณธรรมยิ่งใหญ่เหนือทั้งปวง"เสียงท่องปณิธานของสำนักเมฆาล่องลอยดังขึ้นจากเหล่าดรุณและดรุณีน้อยรุ่นที่แปดของสำนักศึกษาแห่งนี้"เสี่ยวโยวเจ้าว่าศิษย์พี่ห้ากำลังเข้าฌานหรือหลับกันแน่"เสียงกระซิบดังขึ้นเบา ๆ หลังจากศิษย์รุ่นเยาว์ท่องกฎของสำนักศึกษาจบไปสามรอบแล้ว ทว่าศิษย์พี่ที่ทำหน้าที่สอนสั่งพวกเขาในวันนี้กลับนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งไม่ออกคำสั่งอันใดเฉกเช่นทุกวัน"ข้าว่าศิษย์พี่ห้าต้องหลับแน่ ๆ"เจ้าของชื่อเสี่ยวโยวตอบกลับพลางป้องปากส่งต่อแผนการที่ผุดขึ้นมาในหัวหมาด ๆ ให้กับเหล่าศิษย์ชั้นเดียวกันส่งต่อจนครบทุกคน"พร้อมนะ"ดรุณีน้อยเสี่ยวโยวที่ทั้งแสบ ทั้งแก่นแก้ว ผู้นำจอมวางแผนมองสบตาศิษย์คนอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณชูนิ้วขึ้นทีละนิ้วจนครบสามนิ้วแล้วเอ่ย"คำนับอาจารย์อาหยวนอวิ๋น"เสียงเหล่าศิษย์วัยเยาว์จอมแสบดังลั่นจนคนที่แอบงีบหลับสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินว่าผู้ใดมา"ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไม่ได้หลับนะเจ้าคะ""ฮ่า ๆ ศิษย์พี่ห้าถูกพวกเราหลอกแล้ว"บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันหัวเราะเสียงลั่นเมื่อปลุกคนขี้เซาที่แอบหลับได้สำเร็จ ทว่าเวลาต่อม