"ท่านคือ..."
หลี่จงเคยเห็นการแต่งกายเช่นนี้ หากแต่เขากลับไม่รู้ชื่อนักพรตหญิงตรงหน้า
"ข้าคือเจ้าสำนักเมฆาล่องลอย หยวนจี"
"ท่านแซ่หยวนหรือ ไม่ทราบท่านเกี่ยวข้องอันใดกับหยวนชิง"
หลี่ต้งได้ยินชื่อแซ่ของนักพรตท่านนี้จากปากนางเองจึงใคร่สงสัย
"เจ้ารู้จักหยวนชิง?"
เจ้าสำนักหยวนจีทั้งดีใจระคนแปลกใจที่ชาวบ้านผู้นี้เอ่ยนามของพี่น้องร่วมสาบานนาง
"นางคือพี่สะใภ้ข้า" หลี่จงเป็นคนตอบคำถามเพราะกลัวพี่ชายจะพลั้งปากพูดอะไรไม่เข้าหูนักพรตหญิงตรงหน้าเข้า
"เช่นนั้นเองรึ ข้ากับหยวนชิงเป็นศิษย์จากสำนักเมฆาล่องลอยรุ่นแรก ถูกเจ้าสำนักรุ่นก่อนเก็บมาเลี้ยงจึงใช้แซ่เดียวกัน เปรียบเสมือนพี่น้องร่วมสาบานกัน"
เจ้าสำนักเมฆาล่องลอยหยวนจีอธิบายสิ่งที่สกุลหลี่ไม่เคยรู้มาก่อนให้ฟัง
"เหตุใดพี่สะใภ้ถึงไม่เคยบอกเรื่องนี้แก่เรา"
"เรื่องนี้หากเล่าแล้วยาวนัก เมื่อยี่สิบปีก่อน หยวนชิงกับข้าต่างก็ถูกอาจารย์หมายหัวไม่คนใดก็คนหนึ่งจะต้องได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป ทว่าหยวนชิงมีนิสัยเป็นคนรักอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกฎในเกณฑ์ นางไม่อยากถูกจองจำไว้ที่เขาเมฆาที่เงียบสงบนั้น สุดท้ายจึงตัดสินใจหนีลงจากเขาและปกปิดตัวตนจากสำนักเมฆาล่องลอยไม่ให้ผู้ใดตามหาเบาะแสนางพบ"
เจ้าสำนักหยวนจีเล่าความเป็นมาด้วยความสุขุม
"ถึงกระนั้นเมื่อสิบปีก่อน มีอยู่วันหนึ่งนางก็ติดต่อข้ามา บอกว่านางมีชีวิตที่สุขสบาย มีสามีอันเป็นที่รัก และบอกข่าวดีว่านางกำลังจะมีลูก ข้าจึงรีบส่งศิษย์จำนวนหนึ่งออกค้นหานางแต่ก็ไม่พบ จวบจนเดือนก่อนมีข่าวลือว่าหมู่บ้านทางแดนบูรพามีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น คาดเดากันว่าเกี่ยวข้องกับปีศาจข้าจึงลงมาดูด้วยตนเองจนเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่"
เจ้าสำนักหยวนจีมองไปยังหลี่ชิงชิงที่นอนหมดสติอยู่ที่เดิม
"เมื่อครู่เจ้าเรียกหยวนชิงว่าพี่สะใภ้ หรือว่านั่นคือลูกสาวของศิษย์น้องข้า"
จะว่าไปแล้ว หน้าตาดรุณีน้อยนางนั้นก็คล้ายหยวนชิงอยู่หลายส่วน
"ท่านเจ้าสำนักเข้าใจถูกแล้ว นางคือบุตรสาวของพี่สะใภ้ หลี่ชิงชิง"
หลี่จงรีบบอกชาติกำเนิดหลานสาวทันที
เขานึกแล้วตั้งแต่เห็นหยวนชิงในคราแรกก็รู้แล้วว่านางต้องมิใช่คนธรรมดา
สตรีที่ไหนจะออกเดินทางมาที่หมู่บ้านกันดารเช่นนี้ แถมยังดูคล่องแคล่วไม่เกรงกลัวสิ่งใด แข็งแรงยิ่งกว่าบุรุษบางคนเสียอีก
"แล้วตอนนี้หยวนชิงของข้าอยู่ที่ใดกัน"
เจ้าสำนักหยวนจีมองหาพี่น้องร่วมสาบานของนาง
"นางตายแล้ว ถูกปีศาจฆ่าตายตั้งแต่สิบปีก่อน"
หลี่ต้งคับแค้นใจอย่างไร จนตอนนี้เขายังคงคับแค้นใจเรื่องถูกภรรยานอกใจเช่นนั้น น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจึงมีทั้งความเสียใจและเคียดแค้นปะปนอยู่
"ถูกปีศาจฆ่า หยวนชิงวรยุทธ์สูงส่ง ไม่มีทางจะพลาดท่าให้ปีศาจชั้นต่ำจนพบจุดจบเช่นนั้น"
นางและศิษย์น้องฝึกบำเพ็ญเพียรมาด้วยกันตั้งนาน วิชาของหยวนชิงแกร่งกล้ากว่านางด้วยซ้ำจะพลาดท่าให้กับปีศาจใดได้
"เหตุใดพูดความจริงแล้วไม่มีผู้ใดเชื่อ"
หลี่ต้งสมเพชตนเองยิ่งนัก วันนั้นเขาเห็นกับตาตนเองว่ามีมังกร ตัวใหญ่กำลังใช้กรงเล็บแหลมคมเหยียบย้ำลำตัวของฮูหยินเขาอยู่ ส่วนปากใหญ่โตเขี้ยวยาวแหลมคมน่าเสียวไส้อ้ากว้างเตรียมจะกลืนกินเด็กน้อยที่อยู่ในแสงสีขาว หากเขาไม่ใจกล้าบ้าบิ่นเสี่ยงตายเข้าไปช่วยหลี่ชิงชิงออกมาตอนนี้เขาคงไม่ต้องเลี้ยงครึ่งคนครึ่งปีศาจเช่นนี้
"แล้วเจ้าคือ..."
"นี่คือพี่ชายข้า หลี่ต้ง เป็นสามีของพี่สะใภ้"
หลี่จงกลัวว่าหลี่ต้งจะพูดอะไรไม่เข้าหูนักพรตตรงหน้าอีกจึงเป็นฝ่ายออกหน้าแทน
"เหตุใดท่านถึงบอกว่าศิษย์น้องข้าถูกปีศาจสังหาร ท่านเห็นกับตาหรือ แล้วจำได้หรือไม่ว่าเป็นปีศาจอะไร"
แม้น้ำเสียงเจ้าสำนักหยวนจีจะเรียบนิ่ง หากแต่ในใจนางกลับร้อนรนอยากหาความจริงเรื่องนี้ใจแทบขาด
"หากไม่เห็นเหตุใดจะกล้าพูด"
แววตาของหลี่ต้งไม่มีแววของคำโกหกอยู่เลย
"ได้โปรดบอกข้าเถิด ปีศาจที่สังหารศิษย์น้องข้าคือตนใด"
เจ้าสำนักหยวนจีรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ทว่ากลับมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นกลางคัน
"ท่านอาจารย์! เหตุใดร่างกายของนางถึงได้มีปราณอัคคีพวยพุ่งออกมามากมายอีกแล้วเจ้าคะ พวกข้าจะต้านไม่ไหวกันแล้ว"
ยังไม่ทันที่หลี่ต้งจะได้บอกตัวตนปีศาจที่เขาเห็น เสียงศิษย์ที่เดินทางมาพร้อมหยวนจีรีบแทรกขึ้นเมื่อเห็นอาการที่แย่ลงของหลี่ชิงชิง
"แย่แล้ว ภายในกายนางมีปราณอัคคีอยู่จริง ร่างกายมนุษย์ธรรมดาคงต้านไม่ไหว หากรักษาไม่ทันนางอาจถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนร่างแตกสลาย"
หยวนจีเห็นท่าไม่ดีรีบถ่ายทอดพลังเย็นเพื่อยับยั้งความร้อนในร่างกายให้หลี่ชิงชิง
"หากนี่คือเลือดเนื้อของหยวนชิง ข้าจะนำนางกลับสำนักเมฆาล่องลอยเพื่อรักษาตัวต่อ พวกท่านคงไม่ขัดข้อง"
"จะพาไปที่ใดก็เรื่องของท่าน เลือดเนื้อของปีศาจอย่างนางไปไกลเท่าไรได้ยิ่งดี"
"พี่ใหญ่!"
หลี่จงสังเกตเห็นสีหน้าของเจ้าสำนักหยวนจีที่ไม่สบอารมณ์ตอนที่หลี่ต้งพูดจาไม่ให้เกียรติพี่น้องของนางจึงรีบเตือนสติพี่ชาย แต่ดูเหมือนคนถูกเตือนจะไม่ใยดีสนใจท่าทีตอบสนองของเจ้าสำนักหยวนจีเลยสักนิด
"ท่านเจ้าสำนักอย่าฟังพี่ข้าเลย ตอนนี้เขาคงตกใจและเมาค้างจนสติเลอะเลือน หากที่สำนักศึกษาของท่านรักษาอาการของชิงเอ๋อร์ได้พวกข้ามิขัดข้องขอรับ เพียงแต่..."
หลี่จงไม่กล้าเอ่ยต่อเพราะไม่รู้ว่าสมควรขอหรือไม่
"หากพวกท่านต้องการพบนางให้ไปที่ตีนภูเขาเมฆาทางซีหนาน ส่วนนี่คือตราหยกใช้ผ่านเข้าออกเขตอาคมชั้นแรก"
จี้หยกสลักคำว่า 'จี' ถูกยื่นให้หลี่จงเก็บไว้
"ขอบคุณเจ้าสำนักที่ยื่นมือช่วยเหลือ"
"นางเปรียบเสมือนหลานข้าเช่นกัน"
หลี่จงได้ยินเช่นนั้นก็เบาใจหลายส่วน ต่อไปเสี่ยวชิงของเขาจะไม่ต้องทรมานในคืนจันทร์เต็มดวงอีกแล้ว
"เช่นนั้นแล้วพวกข้าขอลา"
"ขอบคุณเจ้าสำนัก เดินทางปลอดภัย"
มีเพียงหลี่จงเท่านั้นที่มองหลี่ชิงชิงด้วยแววตาแห่งความห่วงใย จวบจวนคนของสำนักเมฆาล่องลอยพาตัวนางเหินกระบี่ขึ้นฟ้าไกลลับสุดสายตา
"ขอให้เจ้ามีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม พี่สะใภ้ เสี่ยวชิงได้พบศิษย์พี่ของท่านแล้ว โปรดคุ้มครองพวกนางด้วย"
นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่สกุลหลี่จะได้พบกับหลี่ชิงชิง สิ่งที่หลี่จงขอคงสมหวังในอีกไม่นาน
แปดปีต่อมา..."สงบดั่งสายน้ำ แข็งแกร่งดั่งภูผา เมตตาดั่งท้องนภา คุณธรรมยิ่งใหญ่เหนือทั้งปวง"เสียงท่องปณิธานของสำนักเมฆาล่องลอยดังขึ้นจากเหล่าดรุณและดรุณีน้อยรุ่นที่แปดของสำนักศึกษาแห่งนี้"เสี่ยวโยวเจ้าว่าศิษย์พี่ห้ากำลังเข้าฌานหรือหลับกันแน่"เสียงกระซิบดังขึ้นเบา ๆ หลังจากศิษย์รุ่นเยาว์ท่องกฎของสำนักศึกษาจบไปสามรอบแล้ว ทว่าศิษย์พี่ที่ทำหน้าที่สอนสั่งพวกเขาในวันนี้กลับนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งไม่ออกคำสั่งอันใดเฉกเช่นทุกวัน"ข้าว่าศิษย์พี่ห้าต้องหลับแน่ ๆ"เจ้าของชื่อเสี่ยวโยวตอบกลับพลางป้องปากส่งต่อแผนการที่ผุดขึ้นมาในหัวหมาด ๆ ให้กับเหล่าศิษย์ชั้นเดียวกันส่งต่อจนครบทุกคน"พร้อมนะ"ดรุณีน้อยเสี่ยวโยวที่ทั้งแสบ ทั้งแก่นแก้ว ผู้นำจอมวางแผนมองสบตาศิษย์คนอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณชูนิ้วขึ้นทีละนิ้วจนครบสามนิ้วแล้วเอ่ย"คำนับอาจารย์อาหยวนอวิ๋น"เสียงเหล่าศิษย์วัยเยาว์จอมแสบดังลั่นจนคนที่แอบงีบหลับสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินว่าผู้ใดมา"ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไม่ได้หลับนะเจ้าคะ""ฮ่า ๆ ศิษย์พี่ห้าถูกพวกเราหลอกแล้ว"บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันหัวเราะเสียงลั่นเมื่อปลุกคนขี้เซาที่แอบหลับได้สำเร็จ ทว่าเวลาต่อม
"อาจารย์ป้า"ทันทีที่มาถึงที่พำนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจี หลี่ชิงชิงก็รีบเข้ามากอดมาหอมผู้มีพระคุณของนางทันที"นี่ผู้ใดกัน เหตุใดถึงไม่คุ้นหน้า"หยวนจีแกล้งเย้าแหย่หลานรักเล่น ทำเอาคนถูกแกล้งถึงกับอมลมจนแก้มป่องทั้งสองข้าง แต่ก็แค่ประเดี๋ยว แก้มน้อย ๆ นั้นก็ซุกถูบนตักนิ่มของหยวนจีอย่างออดอ้อนเช่นเดิม"ชิงชิงคิดถึงอาจารย์ป้าที่สุดเจ้าค่ะ"มือบางเอื้อมขึ้นมาลูบผมบุตรสาวของศิษย์น้องนางที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยความเอ็นดู"คิดถึงอาจารย์แล้วตั้งใจใฝ่เรียน ฝึกในวิชาหรือไม่"คำถามแรกพุ่งเป้าไปเช่นนี้เลยหรือ แต่ไม่เป็นไร หลี่ชิงชิงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางอยู่แล้ว"ตอนนี้ข้าฝึกชำระจิตที่ถ้ำเหมันต์จนเรียกว่าสนิทกับภูติน้ำแข็งได้แล้ว"คนถูกถามคุยโวโอ้อวดอย่างภูมิใจ"หืม... เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เข้าฌานมิใช่หรือ"คนถูกจับได้ว่าแอบเกเรวิชาไม่เลื่อนขั้นถึงกับยิ้มแห้งหัวเราะแหะ ๆ แก้เขิน"โธ่ ท่านป้าคนสวย ชิงเอ๋อร์หมายถึงว่าตอนนี้มีเพื่อนเป็นภูติน้ำแข็งเพิ่มมาอีกเป็นกองทัพ เยอะกว่าเมื่อก่อนตั้ง..."นัยน์ตาน้ำหมึกกลอกกลิ้งไปมาคล้ายกำลังนับจำนวนในใจ เวลาที่หลี่ชิงชิงจะออดอ
แดนสวรรค์ , หุบเขาวังมังกรฟ้า"เรียนมหาเทพ นายท่านยังไม่ออกจากฌานขอรับ"ภูติหิ่งห้อยอาเล่ย ภูติรับใช้คนสนิทของเทียนหั่วหลงรายงานมหาเทพผู้ครองแดนสวรรค์ที่วันนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าของหุบเขาวังมังกรฟ้าแห่งนี้ให้กระจ่าง"ข้าจะเข้าไปดึงเจ้ามังกรหัวดื้อออกจากฌานให้ท่านเอง"เสียงหงุดหงิดใจของพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวนเอ่ยขึ้นเดิมที่วิสัยของไป๋จินซวนชอบอิสระ เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ พูดจาโผงผาง หากคนไม่สนิทด้วยจะมองว่าเขาก้าวร้าวไม่รู้จักยำเกรงผู้อาวุโสกว่า"เจ้าเสือขาวอันธพาล เอะอะก็จะใช้แต่กำลัง"เสียงสตรีนางหนึ่งเหินเวหาลงมายืนเคียงข้างมหาเทพเทียนวั่งพร้อมกล่าวตำหนิไป๋จินซวน"หงส์เพลิงเช่นเจ้ากล้าตำหนิผู้อาวุโสกว่าเช่นข้ารึ!""ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเจ้าแก่แต่อายุ หากสมองอ่อนกว่าข้ายิ่งนัก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน สตรีนางเดียวที่เป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทพแลบลิ้นปริ้นตาเย้าแหย่คู่กัดอย่างพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวน"พวกเจ้าสำรวมด้วย"เสียงทุ้มมาพร้อมรูปลักษณ์ที่สงบนิ่งและงดงามของเต่าดำเสวียนอวี่ดังปราม"คาราวะมหาเทพเทียนวั่ง"ผู้อาวุโสสุดอย่างเต่าดำรีบค้อมคำนับองค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ทั้งไป๋จินซวนและจูฮวาเหยียนรีบ
"มนุษย์ผู้ใดถึงได้มีอาคมแก่กล้าสามารถปิดผนึกพลังสัตว์เทพอย่างพวกเราได้"เสวียนอวี่กล่าวอย่างสงสัย"ผู้ที่สามารถผนึกพลังเทพได้ต้องเป็นขั้นปรมาจารย์หรือไม่ก็นักพรตที่บำเพ็ญเพียรไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีมนุษย์"ทั้งเต่าดำและมังกรฟ้าต่างคิดเช่นเดียวกับสิ่งที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"ที่เจ้าออกฌานในครั้งนี้เพราะสะสมพลังวิญญาณได้มากแล้วหรือ"มหาเทพเทียนวั่งรับรู้ถึงพลังที่ไหลเวียนในตัวของตนเองเพิ่มพูลขึ้น เช่นนี้แปลว่ามังกรฟ้าคงสั่งสมพลังมาได้มากเช่นกัน"ได้กลับคืนมาประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอถึงห้าในสิบส่วน"เข้าฌานมาครึ่งปี อย่างน้อยพลังใหม่บวกพลังเก่าที่หลงเหลืออยู่ต้องได้กลับคืนมามากกว่าแปดส่วนถึงจะถูก หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการเข้าฌานของเขาเสียเวลาเปล่าแล้ว"หรือเพราะพลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของเจ้าอยู่กับมนุษย์ ทำให้การเพิ่มพลังวิญญาณขัดแย้งกัน"เทียนหั่วหลงก็คิดเช่นเดียวกับที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"แล้วเหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงออกจากฌาน หรือว่าพวกข้ามารบกวน" เสวียนอวี่ถามไถ่บ้าง"มิใช่เพราะเหตุนั้น เมื่อครู่แม้จะแค่ประเดี๋ยวเดียวแต่ข้าก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่หายไป""หมายความเช่นไร"ไม่ใช่แค่มหาเทพ
"ศิษย์จะรีบไปรีบกลับ ท่านเจ้าสำนักโปรดดูแลตนเองด้วย"วันนี้เป็นวันที่หลี่ชิงชิงจะได้ลงเขาครั้งแรกตั้งแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างพากันมายืนส่งนางลงเขาด้วยความเป็นห่วง ยกเว้นคนเดียวที่ใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขยามที่ไม่มีนางอยู่บนเขาเมฆาแห่งนี้"ศิษย์น้องห้า เจ้าต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าได้ใจร้อนโผงผาง พบเจอมิตรจงผูกไมตรี หากพบอันตรายจงเอาตัวรอดให้ได้"หยวนอวิ๋นกล่าวสั่งสอนศิษย์น้องที่เขาทั้งรักและเอ็นดูนางเป็นที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำที่อบอุ่นของเขาทำให้จิตใจของสตรีนางหนึ่งเกิดความมืดขึ้น"ศิษย์น้องสาม เจ้าดูสายตาศิษย์พี่ใหญ่สิ อาลัยอาวรน้องห้ายิ่งนัก"หงยวี่ ศิษย์ลำดับที่สองของสำนักเมฆาล่องลอยพูดเชิงเสี้ยมให้อีกคนที่มีใจให้กับหยวนอวิ๋นเกิดความคับแค้นใจต่อหลี่ชิงชิงสองมือแน่งน้อยกำหมัดแน่นยามที่ได้ฟังคำยุยงนั้นของศิษย์พี่รองนาง"ท่านเจ้าสำนักจะให้น้องห้าลงเขาคนเดียวหรือเจ้าคะ"เยว่ฟางปรับเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วยิ่งนัก ความมาดร้ายในดวงตาเมื่อครู่หายไปแล้ว มีแต่ความใสซื่อปรากฎขึ้นแทนหงยวี่เห็นศิษย์น้องสามตีสองหน้าเก่งเช่นนี้ถึงกับชื่นชมในใจ"ความจริงมีเสี่ยวเซียงไปกับข
"ว้าว! ที่นี่หมู่บ้านตงเหลียงของเจ้าหรือ"หลังออกจากประตูมิติของเจ้าสำนักหยวนจี กว่างเซียงเซียงก็ได้เปิดหูเปิดตากับบรรยากาศของหมู่บ้านนอกเขตเขาเมฆาในรอบหลายสิบปี"แต่ก่อนไม่เห็นสวยงามเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงมองบ้านเกิดตนเองพลางวิเคราะห์ตอนที่นางอยู่จนถึงเก้าขวบ เหตุใดหมู่บ้านไม่ครึกครื้นเช่นตอนนี้ ดูเสาโคมไฟที่สูงตระหง่านตรงนั้นสิ เมื่อก่อนไม่เห็นจะมี แล้วไหนจะต้นไม้ดอกไม้ที่ขึ้นทั้งสองข้างทางเดินเข้าหมู่บ้านอีก ตอนที่นางแปดเก้าขวบยังไม่เห็นจะผลิดอกชูช่อสวยงามเช่นตอนนี้สักนิด"ข้าอยากเห็นข้างในหมู่บ้านเจ้าแล้ว รีบเข้าไปเถอะ"กว่างเซียงเซียงตื่นเต้นกว่าเจ้าของถิ่นเกิดเสียอีก นางทั้งดึงพลางวิ่งนำให้หลี่ชิงชิงที่ดูโอ้เอ้เดินตามให้ไว"ช้าก่อนเซียงเซียง"จู่ ๆ หลี่ชิงชิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติของหมู่บ้านแห่งนี้ถึงแม้นางจะจากไปถึงแปดปีแล้ว แต่หมู่บ้านที่ห่างไกลเมืองหลวงไร้ขุนนางเหลียวแลมาแต่ไหนแต่ไร ไม่น่าเจริญจนสวยงามรวดเร็วถึงเพียงนี้ ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกนางว่าอย่าเข้าไปเด็ดขาด"มีอะไรหรือ"กว่างเซียงเซียงรีบหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวข้ามเขตเสาโคมที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน"ข้ารู้สึก
"เจ้าดูนั่น ของกินเยอะแยะเลย"หลังจากเข้ามาในดินแดนมายาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งกว่างเซียงเซียงและหลี่ชิงชิงยังคงเดินวนเวียนอยู่เพียงตลาดกลางหมู่บ้าน พวกนางวิ่งเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ราวกับหลงลืมว่ามาที่หมู่บ้านนี้เพื่อการใด"ข้าต้องซื้อไก่กลับไปฝากท่านอาสี่ แล้วก็สุราเลิศรสไปฝากท่านพ่อ"หลี่ชิงชิงกำลังถูกวิชามายาควบคุมจิตใจ นางเดินไปยังร้านขายไก่สดเพื่อซื้อไก่ดั่งใจหมาย เสร็จแล้วจึงไปที่ร้านสุราเพื่อซื้อสุราหมักขึ้นชื่อของหมู่บ้านมาไหหนึ่ง"ชิงชิงเจ้ามาดูนี่สิ หอมจัง ข้าอยากกิน"กว่างเซียงเซียงกวักมือเรียก นางยืนอยู่หน้าร้านขายเกี๊ยวน้ำกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลจนท้องน้อย ๆ ส่งเสียงประท้วง"เถ้าแก่ ขอเกี๊ยวน้ำสองชาม"กว่างเซียงเซียงเห็นสหายรักเดินมาจวนจะถึงร้านจึงรีบสั่งเถ้าแก่ตัวอ้วนพุงพุ้ย"มานั่งนี่มาหลี่ชิงชิงสหายรักข้า บ้านเกิดเจ้านี่ช่างงดงามจนข้าไม่อยากกลับเขาเมฆาอีกเลย"แววตากว่างเซียงเซียงไร้ประกายขัดแย้งกับสิ่งที่นางกล่าว หากคนดีใจหรือชมชอบสิ่งที่เป็นอยู่ดวงตานั้นต้องเป็นประกาย เหตุใดสหายตรงหน้าดวงตาถึงได้อับแสงลงเช่นนั้น"เกี๊ยวน้ำของเสี่ยวชิงกับเสี่ยวเซียงมาแล้ว"เสียงเถ้าแก่ร้านเกี๊ยว
หลังจากช่วยหลี่ชิงชิงออกมาจากแดนมายาของฮุ่ยเฟิ่งได้แล้ว เทียนหั่วหลงก็พานางมายังถ้ำแห่งหนึ่งบนเขาเซียนลู่ ถ้ำที่เขาเคยลงมาบำเพ็ญตบะแล้วพบเจอมารดาของนาง"แม่นางผู้นี้เป็นเช่นไรบ้างขอรับ"ภูติหิ่งห้อยจุดแสงสว่างด้วยพลังวิญญาณของมัน พลันถ้ำทั้งถ้ำก็สว่างไสวเผยให้เห็นร่างกายของสตรีที่เพิ่งช่วยเหลือมาเต็มตา'ดั่งคาด ร่างกายนางผู้นี้วิเศษยิ่งนัก'เทียนหั่วหลงสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของหลี่ชิงชิงพบว่าร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตลุกโชนไม่มีบาดแผลเผาไหม้สักนิดเดียว ราวกับว่าพลังวิญญาณของเขายอมรับนางผู้นี้เป็นเจ้าของอีกคน"นายท่าน! อัคคีมรกตท่านลุกโชนอีกแล้ว"แม้แต่ภูติหิ่งห้อยยามเข้าใกล้ปราณนี้ยังต้องถอยห่างเทียนหั่วหลงวางผ่ามือลงบนหน้าผากหลี่ชิงชิงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของที่แท้จริงให้ปราณอัคคีมรกตในตัวนางรับรู้ ไม่นานไฟนั้นก็สงบลง"อาเล่ย เจ้าจงไปหาหญ้าเจ็ดสี หนามเม่นแดง น้ำค้างบริสุทธิ์บนยอดเขามาให้ข้าที""นายท่านจะใช้มันทำการใดขอรับ"ของทั้งสามล้วนเป็นของวิเศษที่หายาก หากแต่ไม่คณามือภูติหิ่งห้อยอาเล่ยผู้นี้"ข้าจะหลอมเป็นยาปลุกพลังปราณในตัวสตรีนางนี้"พลังปราณเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกวิชาต้องมี หากแต่เมื่
"ตอนที่พวกท่านเจอข้าเห็นสตรีอีกนางหรือไม่ หน้าตาสะสวยสวมชุดสีเดียวกับข้าเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงร้อนใจเหลือเกิน หากกว่างเซียงเซียงไม่อยู่ที่นี่คงคิดได้เหตุผลเดียวคือนางยังคงติดอยู่ในเขตแดนของปีศาจฮุ่ยเฟิ่ง"ข้ามิพบผู้ใดนอกจากท่าน ว่าแต่ท่านกำลังตามหาสหายอยู่หรือ"วิสัยของมังกรฟ้าไม่ใช่คนช่างจ้อชวนคุย หากแต่ตอนนี้เขาต้องทำให้สตรีนางนี้เชื่อใจเขาเพื่อที่จะได้ขอพลังวิญญาณในตัวของนางคืน โดยตรง ไม่แน่วิธีนี้อาจจะได้ผลกับทั้งสองฝ่ายโดยไม่ต้องสูญเสียสิ่งใด"หมู่บ้าน! ข้าต้องรีบกลับหมู่บ้านตงเหลียง"หลี่ชิงชิงไม่สนใจคำถามของมังกรฟ้า นางร้อนใจเป็นห่วงกว่างเซียงเซียงจนรีบลุกจากแท่นหินที่นอนอยู่ ทว่าเพราะร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตใช้พลังกายไปหลายส่วนยังไม่ฟื้นดีทำให้เรี่ยวแรงนางยังไม่กลับมา แข้งขาเลยอ่อนแรงมีอาการหน้ามืดจนเกือบล้มตกจากแท่นหิน โชคดีที่เทียนหั่วหลงมือไวคว้านางไว้ได้ทัน"อ้ะ! ขอบคุณคุณชาย"เทียนหั่วหลงช่วยพยุงหลี่ชิงชิงให้กลับมานั่งที่เดิม"แม่นางไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้หมู่บ้านตงเหลียงปลอดภัยดี"สิ่งที่ได้ยินทำให้หลี่ชิงชิงที่อยู่ในอาการมึนหัวเพราะร่างกายอ่อนแรงรีบผินสายตาขึ้นมองเทียนหั่วห
หลังจากช่วยหลี่ชิงชิงออกมาจากแดนมายาของฮุ่ยเฟิ่งได้แล้ว เทียนหั่วหลงก็พานางมายังถ้ำแห่งหนึ่งบนเขาเซียนลู่ ถ้ำที่เขาเคยลงมาบำเพ็ญตบะแล้วพบเจอมารดาของนาง"แม่นางผู้นี้เป็นเช่นไรบ้างขอรับ"ภูติหิ่งห้อยจุดแสงสว่างด้วยพลังวิญญาณของมัน พลันถ้ำทั้งถ้ำก็สว่างไสวเผยให้เห็นร่างกายของสตรีที่เพิ่งช่วยเหลือมาเต็มตา'ดั่งคาด ร่างกายนางผู้นี้วิเศษยิ่งนัก'เทียนหั่วหลงสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของหลี่ชิงชิงพบว่าร่างกายที่ถูกอัคคีมรกตลุกโชนไม่มีบาดแผลเผาไหม้สักนิดเดียว ราวกับว่าพลังวิญญาณของเขายอมรับนางผู้นี้เป็นเจ้าของอีกคน"นายท่าน! อัคคีมรกตท่านลุกโชนอีกแล้ว"แม้แต่ภูติหิ่งห้อยยามเข้าใกล้ปราณนี้ยังต้องถอยห่างเทียนหั่วหลงวางผ่ามือลงบนหน้าผากหลี่ชิงชิงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของที่แท้จริงให้ปราณอัคคีมรกตในตัวนางรับรู้ ไม่นานไฟนั้นก็สงบลง"อาเล่ย เจ้าจงไปหาหญ้าเจ็ดสี หนามเม่นแดง น้ำค้างบริสุทธิ์บนยอดเขามาให้ข้าที""นายท่านจะใช้มันทำการใดขอรับ"ของทั้งสามล้วนเป็นของวิเศษที่หายาก หากแต่ไม่คณามือภูติหิ่งห้อยอาเล่ยผู้นี้"ข้าจะหลอมเป็นยาปลุกพลังปราณในตัวสตรีนางนี้"พลังปราณเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกวิชาต้องมี หากแต่เมื่
"เจ้าดูนั่น ของกินเยอะแยะเลย"หลังจากเข้ามาในดินแดนมายาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งกว่างเซียงเซียงและหลี่ชิงชิงยังคงเดินวนเวียนอยู่เพียงตลาดกลางหมู่บ้าน พวกนางวิ่งเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ราวกับหลงลืมว่ามาที่หมู่บ้านนี้เพื่อการใด"ข้าต้องซื้อไก่กลับไปฝากท่านอาสี่ แล้วก็สุราเลิศรสไปฝากท่านพ่อ"หลี่ชิงชิงกำลังถูกวิชามายาควบคุมจิตใจ นางเดินไปยังร้านขายไก่สดเพื่อซื้อไก่ดั่งใจหมาย เสร็จแล้วจึงไปที่ร้านสุราเพื่อซื้อสุราหมักขึ้นชื่อของหมู่บ้านมาไหหนึ่ง"ชิงชิงเจ้ามาดูนี่สิ หอมจัง ข้าอยากกิน"กว่างเซียงเซียงกวักมือเรียก นางยืนอยู่หน้าร้านขายเกี๊ยวน้ำกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลจนท้องน้อย ๆ ส่งเสียงประท้วง"เถ้าแก่ ขอเกี๊ยวน้ำสองชาม"กว่างเซียงเซียงเห็นสหายรักเดินมาจวนจะถึงร้านจึงรีบสั่งเถ้าแก่ตัวอ้วนพุงพุ้ย"มานั่งนี่มาหลี่ชิงชิงสหายรักข้า บ้านเกิดเจ้านี่ช่างงดงามจนข้าไม่อยากกลับเขาเมฆาอีกเลย"แววตากว่างเซียงเซียงไร้ประกายขัดแย้งกับสิ่งที่นางกล่าว หากคนดีใจหรือชมชอบสิ่งที่เป็นอยู่ดวงตานั้นต้องเป็นประกาย เหตุใดสหายตรงหน้าดวงตาถึงได้อับแสงลงเช่นนั้น"เกี๊ยวน้ำของเสี่ยวชิงกับเสี่ยวเซียงมาแล้ว"เสียงเถ้าแก่ร้านเกี๊ยว
"ว้าว! ที่นี่หมู่บ้านตงเหลียงของเจ้าหรือ"หลังออกจากประตูมิติของเจ้าสำนักหยวนจี กว่างเซียงเซียงก็ได้เปิดหูเปิดตากับบรรยากาศของหมู่บ้านนอกเขตเขาเมฆาในรอบหลายสิบปี"แต่ก่อนไม่เห็นสวยงามเช่นนี้เลย"หลี่ชิงชิงมองบ้านเกิดตนเองพลางวิเคราะห์ตอนที่นางอยู่จนถึงเก้าขวบ เหตุใดหมู่บ้านไม่ครึกครื้นเช่นตอนนี้ ดูเสาโคมไฟที่สูงตระหง่านตรงนั้นสิ เมื่อก่อนไม่เห็นจะมี แล้วไหนจะต้นไม้ดอกไม้ที่ขึ้นทั้งสองข้างทางเดินเข้าหมู่บ้านอีก ตอนที่นางแปดเก้าขวบยังไม่เห็นจะผลิดอกชูช่อสวยงามเช่นตอนนี้สักนิด"ข้าอยากเห็นข้างในหมู่บ้านเจ้าแล้ว รีบเข้าไปเถอะ"กว่างเซียงเซียงตื่นเต้นกว่าเจ้าของถิ่นเกิดเสียอีก นางทั้งดึงพลางวิ่งนำให้หลี่ชิงชิงที่ดูโอ้เอ้เดินตามให้ไว"ช้าก่อนเซียงเซียง"จู่ ๆ หลี่ชิงชิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติของหมู่บ้านแห่งนี้ถึงแม้นางจะจากไปถึงแปดปีแล้ว แต่หมู่บ้านที่ห่างไกลเมืองหลวงไร้ขุนนางเหลียวแลมาแต่ไหนแต่ไร ไม่น่าเจริญจนสวยงามรวดเร็วถึงเพียงนี้ ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกนางว่าอย่าเข้าไปเด็ดขาด"มีอะไรหรือ"กว่างเซียงเซียงรีบหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวข้ามเขตเสาโคมที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน"ข้ารู้สึก
"ศิษย์จะรีบไปรีบกลับ ท่านเจ้าสำนักโปรดดูแลตนเองด้วย"วันนี้เป็นวันที่หลี่ชิงชิงจะได้ลงเขาครั้งแรกตั้งแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างพากันมายืนส่งนางลงเขาด้วยความเป็นห่วง ยกเว้นคนเดียวที่ใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขยามที่ไม่มีนางอยู่บนเขาเมฆาแห่งนี้"ศิษย์น้องห้า เจ้าต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าได้ใจร้อนโผงผาง พบเจอมิตรจงผูกไมตรี หากพบอันตรายจงเอาตัวรอดให้ได้"หยวนอวิ๋นกล่าวสั่งสอนศิษย์น้องที่เขาทั้งรักและเอ็นดูนางเป็นที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำที่อบอุ่นของเขาทำให้จิตใจของสตรีนางหนึ่งเกิดความมืดขึ้น"ศิษย์น้องสาม เจ้าดูสายตาศิษย์พี่ใหญ่สิ อาลัยอาวรน้องห้ายิ่งนัก"หงยวี่ ศิษย์ลำดับที่สองของสำนักเมฆาล่องลอยพูดเชิงเสี้ยมให้อีกคนที่มีใจให้กับหยวนอวิ๋นเกิดความคับแค้นใจต่อหลี่ชิงชิงสองมือแน่งน้อยกำหมัดแน่นยามที่ได้ฟังคำยุยงนั้นของศิษย์พี่รองนาง"ท่านเจ้าสำนักจะให้น้องห้าลงเขาคนเดียวหรือเจ้าคะ"เยว่ฟางปรับเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วยิ่งนัก ความมาดร้ายในดวงตาเมื่อครู่หายไปแล้ว มีแต่ความใสซื่อปรากฎขึ้นแทนหงยวี่เห็นศิษย์น้องสามตีสองหน้าเก่งเช่นนี้ถึงกับชื่นชมในใจ"ความจริงมีเสี่ยวเซียงไปกับข
"มนุษย์ผู้ใดถึงได้มีอาคมแก่กล้าสามารถปิดผนึกพลังสัตว์เทพอย่างพวกเราได้"เสวียนอวี่กล่าวอย่างสงสัย"ผู้ที่สามารถผนึกพลังเทพได้ต้องเป็นขั้นปรมาจารย์หรือไม่ก็นักพรตที่บำเพ็ญเพียรไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีมนุษย์"ทั้งเต่าดำและมังกรฟ้าต่างคิดเช่นเดียวกับสิ่งที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"ที่เจ้าออกฌานในครั้งนี้เพราะสะสมพลังวิญญาณได้มากแล้วหรือ"มหาเทพเทียนวั่งรับรู้ถึงพลังที่ไหลเวียนในตัวของตนเองเพิ่มพูลขึ้น เช่นนี้แปลว่ามังกรฟ้าคงสั่งสมพลังมาได้มากเช่นกัน"ได้กลับคืนมาประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอถึงห้าในสิบส่วน"เข้าฌานมาครึ่งปี อย่างน้อยพลังใหม่บวกพลังเก่าที่หลงเหลืออยู่ต้องได้กลับคืนมามากกว่าแปดส่วนถึงจะถูก หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการเข้าฌานของเขาเสียเวลาเปล่าแล้ว"หรือเพราะพลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของเจ้าอยู่กับมนุษย์ ทำให้การเพิ่มพลังวิญญาณขัดแย้งกัน"เทียนหั่วหลงก็คิดเช่นเดียวกับที่มหาเทพเทียนวั่งกล่าว"แล้วเหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงออกจากฌาน หรือว่าพวกข้ามารบกวน" เสวียนอวี่ถามไถ่บ้าง"มิใช่เพราะเหตุนั้น เมื่อครู่แม้จะแค่ประเดี๋ยวเดียวแต่ข้าก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่หายไป""หมายความเช่นไร"ไม่ใช่แค่มหาเทพ
แดนสวรรค์ , หุบเขาวังมังกรฟ้า"เรียนมหาเทพ นายท่านยังไม่ออกจากฌานขอรับ"ภูติหิ่งห้อยอาเล่ย ภูติรับใช้คนสนิทของเทียนหั่วหลงรายงานมหาเทพผู้ครองแดนสวรรค์ที่วันนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าของหุบเขาวังมังกรฟ้าแห่งนี้ให้กระจ่าง"ข้าจะเข้าไปดึงเจ้ามังกรหัวดื้อออกจากฌานให้ท่านเอง"เสียงหงุดหงิดใจของพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวนเอ่ยขึ้นเดิมที่วิสัยของไป๋จินซวนชอบอิสระ เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ พูดจาโผงผาง หากคนไม่สนิทด้วยจะมองว่าเขาก้าวร้าวไม่รู้จักยำเกรงผู้อาวุโสกว่า"เจ้าเสือขาวอันธพาล เอะอะก็จะใช้แต่กำลัง"เสียงสตรีนางหนึ่งเหินเวหาลงมายืนเคียงข้างมหาเทพเทียนวั่งพร้อมกล่าวตำหนิไป๋จินซวน"หงส์เพลิงเช่นเจ้ากล้าตำหนิผู้อาวุโสกว่าเช่นข้ารึ!""ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเจ้าแก่แต่อายุ หากสมองอ่อนกว่าข้ายิ่งนัก"หงส์เพลิงจูฮวาเหยียน สตรีนางเดียวที่เป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทพแลบลิ้นปริ้นตาเย้าแหย่คู่กัดอย่างพยัคฆ์ขาวไป๋จินซวน"พวกเจ้าสำรวมด้วย"เสียงทุ้มมาพร้อมรูปลักษณ์ที่สงบนิ่งและงดงามของเต่าดำเสวียนอวี่ดังปราม"คาราวะมหาเทพเทียนวั่ง"ผู้อาวุโสสุดอย่างเต่าดำรีบค้อมคำนับองค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ทั้งไป๋จินซวนและจูฮวาเหยียนรีบ
"อาจารย์ป้า"ทันทีที่มาถึงที่พำนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจี หลี่ชิงชิงก็รีบเข้ามากอดมาหอมผู้มีพระคุณของนางทันที"นี่ผู้ใดกัน เหตุใดถึงไม่คุ้นหน้า"หยวนจีแกล้งเย้าแหย่หลานรักเล่น ทำเอาคนถูกแกล้งถึงกับอมลมจนแก้มป่องทั้งสองข้าง แต่ก็แค่ประเดี๋ยว แก้มน้อย ๆ นั้นก็ซุกถูบนตักนิ่มของหยวนจีอย่างออดอ้อนเช่นเดิม"ชิงชิงคิดถึงอาจารย์ป้าที่สุดเจ้าค่ะ"มือบางเอื้อมขึ้นมาลูบผมบุตรสาวของศิษย์น้องนางที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยความเอ็นดู"คิดถึงอาจารย์แล้วตั้งใจใฝ่เรียน ฝึกในวิชาหรือไม่"คำถามแรกพุ่งเป้าไปเช่นนี้เลยหรือ แต่ไม่เป็นไร หลี่ชิงชิงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางอยู่แล้ว"ตอนนี้ข้าฝึกชำระจิตที่ถ้ำเหมันต์จนเรียกว่าสนิทกับภูติน้ำแข็งได้แล้ว"คนถูกถามคุยโวโอ้อวดอย่างภูมิใจ"หืม... เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เข้าฌานมิใช่หรือ"คนถูกจับได้ว่าแอบเกเรวิชาไม่เลื่อนขั้นถึงกับยิ้มแห้งหัวเราะแหะ ๆ แก้เขิน"โธ่ ท่านป้าคนสวย ชิงเอ๋อร์หมายถึงว่าตอนนี้มีเพื่อนเป็นภูติน้ำแข็งเพิ่มมาอีกเป็นกองทัพ เยอะกว่าเมื่อก่อนตั้ง..."นัยน์ตาน้ำหมึกกลอกกลิ้งไปมาคล้ายกำลังนับจำนวนในใจ เวลาที่หลี่ชิงชิงจะออดอ
แปดปีต่อมา..."สงบดั่งสายน้ำ แข็งแกร่งดั่งภูผา เมตตาดั่งท้องนภา คุณธรรมยิ่งใหญ่เหนือทั้งปวง"เสียงท่องปณิธานของสำนักเมฆาล่องลอยดังขึ้นจากเหล่าดรุณและดรุณีน้อยรุ่นที่แปดของสำนักศึกษาแห่งนี้"เสี่ยวโยวเจ้าว่าศิษย์พี่ห้ากำลังเข้าฌานหรือหลับกันแน่"เสียงกระซิบดังขึ้นเบา ๆ หลังจากศิษย์รุ่นเยาว์ท่องกฎของสำนักศึกษาจบไปสามรอบแล้ว ทว่าศิษย์พี่ที่ทำหน้าที่สอนสั่งพวกเขาในวันนี้กลับนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งไม่ออกคำสั่งอันใดเฉกเช่นทุกวัน"ข้าว่าศิษย์พี่ห้าต้องหลับแน่ ๆ"เจ้าของชื่อเสี่ยวโยวตอบกลับพลางป้องปากส่งต่อแผนการที่ผุดขึ้นมาในหัวหมาด ๆ ให้กับเหล่าศิษย์ชั้นเดียวกันส่งต่อจนครบทุกคน"พร้อมนะ"ดรุณีน้อยเสี่ยวโยวที่ทั้งแสบ ทั้งแก่นแก้ว ผู้นำจอมวางแผนมองสบตาศิษย์คนอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณชูนิ้วขึ้นทีละนิ้วจนครบสามนิ้วแล้วเอ่ย"คำนับอาจารย์อาหยวนอวิ๋น"เสียงเหล่าศิษย์วัยเยาว์จอมแสบดังลั่นจนคนที่แอบงีบหลับสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินว่าผู้ใดมา"ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไม่ได้หลับนะเจ้าคะ""ฮ่า ๆ ศิษย์พี่ห้าถูกพวกเราหลอกแล้ว"บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันหัวเราะเสียงลั่นเมื่อปลุกคนขี้เซาที่แอบหลับได้สำเร็จ ทว่าเวลาต่อม