Share

บทที่ 8 ต่อรอง

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-05 20:11:11

พิธีศพของเหมยหลิงจัดอย่างสมพระเกียรติ แม้หยางหมิงจะเกลียดแค้นนางแต่ขบวนพระศพกลับยิ่งใหญ่สมชายาอ๋อง หีบพระศพเคลื่อนไปตามถนนเส้นหลักของซู่โจวมุ่งตรงสู่สุสานหลวงนอกเมือง เหล่านางกำนัลบ่าวไพร่สวมชุดไว้ทุกข์เดินต่อแถวยาวหลายลี้ ชินอ๋องควบม้าอยู่หน้าขบวนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

          ลี่อินเดินตามขบวนที่ทอดยาว พลางสังเกตเห็นชาวบ้านที่ออกมาดูต่างซุบซิบนินทาพี่สาวของตนสนุกปาก

                 “ได้ข่าวว่าชายาอ๋องผู้นี้มักมากในกามารมณ์”

                 “เห็นผู้ดูแลหอชายงามบอก นางมักปรนเปรอชายหนุ่มคืนละหลาย ๆ คน”

                 “ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นองค์หญิงแคว้นฉี น่าละลายจริง ๆ”

                 “สงสารแต่ชินอ๋อง ไม่รู้เวรกรรมใดถึงมาเจอสตรีไร้ยางอายเช่นนี้”

          คำพูดดูแคลนนี้ลี่อินได้ยินทุกถ้อยคำ หากแต่นางทำสิ่งใดไม่ได้ ได้แต่น้อมรับคำพูดเหยียดหยามพวกนั้นเอาไว้

          พิธีศพเสร็จสิ้นแล้วลี่อินจะไม่มีเหตุผลที่จะรั้งอยู่ต่อ หากแต่นางยังจากไปไม่ได้ นางต้องพาอี้หนิงกลับไปแคว้นฉีกับตนด้วย

                    “ท่านอ๋อง ข้าลี่อินขอเข้าไปได้หรือไม่” ลี่อินที่ยืนอยู่หน้าห้องอักษรแจ้งผู้อยู่ด้านใน

                    “เข้ามา” น้ำเสียงเย็นชาดังลอดออกมาจากภายใน

          ลี่อินก้าวเข้าไปด้านใน สายตากลับสะดุดอยู่บนร่างของเสวี่ยหนิงที่บัดนี้กำลังเก็บถ้วยอาหารบนโต๊ะอยู่

                    “เจ้าหายดีได้ทันเวลาจริง” ลี่อินอดไม่ได้ที่จะดูแคลนนาง

                    “ยังไม่หายดีเท่าไหร่ เพียงแค่ค่อยยังชั่วจึงอยากตอบแทนท่านอ๋องที่ช่วยเหลือ” เสวี่ยหนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

                    “เหอะ!” ลี่อินไม่เชื่อนางแม้เพียงนิด หากแต่ไม่อยากสนใจอีก

                    “องค์หญิงต้องการสิ่งใด” หยางหมิงไม่ชอบใจการกระทำที่แข็งกร้าวของนางที่มีต่อเสวี่ยหนิง

                    “หม่อมฉันต้องการพาอี้หนิงกลับแคว้นฉี” ลี่อินไม่อ้อมค้อม

                    “ไม่ได้!” หยางหมิงตอบทันควัน สายตายังคงจ้องมองหนังสือบนโต๊ะอักษร

                    “ท่านจะรั้งนางไว้ด้วยเหตุใด นางไม่ใช่บุตรของท่าน” ลี่อินไม่คิดปิดบังผู้ใด

          หยางหมิงไม่แปลกใจที่นางรู้เรื่องนี้ เกรงว่าปิงเซียงจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังแล้ว

                    “เช่นนั้นนางยิ่งต้องอยู่จวนอ๋อง บิดาของนางไม่ยอมรับหากราชสำนักทั้งสองแคว้นรู้เข้าว่าผู้ใดเป็นบิดา องค์หญิงสามรับมือความโกลาหลที่จะเกิดขึ้นได้หรือ” หยางหมิงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของลี่อิน

          เหตุผลของชินอ๋องฟังขึ้นลี่อินที่รีบร้อน จนลืมคิดถึงผลกระทบที่จะตามมา

                    “เช่นนั้น ท่านจะช่วยยอมให้นางกลับไปแคว้นฉีในฐานะบุตรของท่านได้หรือไม่ เช่นไรแม่ของนางก็ไม่อยู่แล้วการให้นางไปอยู่กับท่านยายคงไม่ใช่เรื่องแปลก” ลี่อินต่อรอง

                    “เหอะ! องค์หญิงสามช่างอารมณ์ขันนัก การทำเช่นนั้นข้าผู้เป็นอ๋องได้ผลประโยชน์ใดกัน”

                    “การรั้งนางไว้ก็รังแต่จะทำให้ท่านเจ็บแค้น แล้วท่านจะทำเพื่อสิ่งใดกัน” ลี่อินรู้สึกขุ่นเคืองบ้างแล้ว

          คำถามของนางกลับไร้การอธิบายของบุรุษที่นั่งนิ่งบนโต๊ะอักษร โดยที่นางไม่อาจคาดเดาความคิดของชายผู้นี้ได้เลย

                    “หากท่านอ๋องยอมให้อี้หนิงกลับไปกับหม่อมฉัน หม่อมฉันให้คำมั่นว่าจะช่วยทูลกับเสด็จพ่อให้ท่านแต่งเสวี่ยหนิงเป็นชายา”

          ประโยคนี้ของลี่อินทำให้เสวี่ยหนิงที่ยืนฟังอยู่เงียบ ๆ ดีใจไม่น้อย ใบหน้าที่มักแต่งแต้มด้วยความโศกเศร้า บัดนี้เกือบปกปิดรอยยิ้มดีใจไม่มิด

                    “เรื่องของจวนอ๋องไม่คิดให้คนนอกช่วยจัดการ” คำพูดของเขาทำให้ลี่อินยืนตัวชาในทันที

                    “อีกอย่างการที่ข้าจะได้เสวี่ยหนิงเป็นชายาหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับองค์หญิง เกรงว่าเจ้าจะสำคัญตัวผิด” แววตาดูแคลนถูกส่งมา หยางหมิงไม่คิดไว้หน้าลี่อินเพียงน้อย

                    “นี่ก็สายแล้วข้าจะให้เย่จินส่งองค์หญิงออกนอกเมือง”

หยางหมิงไล่นางกลาย ๆ

                    “ได้! หม่อมฉันทูลลา” ลี่อินกำมือแน่น การต่อรองนี้กลับเป็นนางที่เสียเปรียบแลต้องอับอายขายขี้หน้า

          ลี่อินกลับไปยังตำหนักเล็กหลังจวน นางไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้

ปิงเซียงไม่รู้สึกหวาดกลัว

                    “องค์หญิงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ” ปิงเซียงเมื่อเห็นลี่อินกลับมาก็รีบร้อนอุ้มอี้หนิงวิ่งไปทูลถามนางในทันที

          ลี่อินได้แต่ส่ายหน้า นั่นทำให้ปิงเซียงหวาดกลัวไม่น้อย นางไม่รู้จะเลี้ยงดูท่านหญิงในจวนที่มีแต่ผู้คนรังเกียจได้อย่างไร อีกทั้งสภาพการเป็นอยู่ก็ลำบากเสียยิ่งกว่านางกำนัลในจวนเสียอีก

                    “ปิงเซียงเจ้าอย่าพึ่งกลัว ข้าสัญญาว่าจะกลับมาพาเจ้ากับ

อี้หนิงกลับแคว้นของเราให้ได้” ลี่อินปลอบนางกำนัลอย่างจนใจ

                    “นี่คือเงินที่ข้านำติดตัวมาทั้งหมด เจ้าเก็บไว้ใช้หากรวมกับเงินเดือนละสี่ร้อยตำลึงก็คงช่วยยื้อเวลาออกไปได้บ้าง”

ลี่อินไม่ชอบพกของมีค่าติดตัวมากนัก ครั้งนี้จึงมีตั๋วเงินเพียงห้าร้อยตำลึงให้ปิงเซียงไว้ใช้จ่าย

                    “เจ้าเก็บนี่ไว้ หากจำเป็นก็ขายนำเงินมาเลี้ยงดูอี้หนิงเสีย”

ลี่อินยื่นหยกขาวนวลสลักคำว่าซ่งลี่อินให้กับปิงเซียง พลางสายตาจ้องมองอี้หนิงที่มองนางอยางไร้เดียงสา

                    “อี้หนิงเด็กดี เจ้ารอท่านน้าอยู่ที่นี่น้าสัญญาว่าจะไปไม่นานแล้วจะกลับมารับเจ้า” ลี่อินประทับริมฝีปากลงแก้มอ่อนนุ่มของเด็กน้อย ก่อนจะตัดใจออกจากตำหนักอ๋องมุ่งกลับแคว้นฉี

          ห้าวันหลังจากออกจากแคว้นเว่ย อาชาชั้นดีก็พาลี่อินเข้าสู่เมือง

ซีหนาน แม้จากวังหลวงไปถึงสิบห้าวันแต่ทุกสิ่งยังคงเดิม หากแต่ดวงใจที่หนักอึ้งของนางกลับทำให้ทุกสิ่งรอบตัวพลันดูเศร้าหมองไปด้วย

          ลี่อินมุ่งตรงไปยังตำหนักหนิงอันทันทีที่ก้าวเข้าประตูวัง บัดนี้มีเรื่องราวมากมายที่นางต้องแจ้งพระมารดา

                    “ฮองเฮา องค์หญิงสามกลับมาแล้วเพคะ” เสียงดีใจของแม่นมหลิว ปลุกสตรีที่บัดนี้ผอมแห้งอยู่บนแท่นบรรทมให้ตื่นขึ้น

                    “รีบพานางมา” เสียงเบาแรงดังขึ้นพร้อมกับความพยายามลุกขึ้นนั่งของฮองเฮาเสวี่ยฉี

                    “ถวายพระพรเสด็จแม่”

                    “ลุกขึ้น ๆ” เสียงเบาเอ่ยบอกลี่อิน

                    “เหตุใดเสด็จแม่ถึงเป็นเช่นนี้” น้ำใสอุ่นประดับอยู่บนดวงตาของลี่อิน

                    “ฮองเฮาทรงตรอมพระทัยเพคะ พระนางไม่ยอมเสวยสิ่งใดตั้งแต่องค์หญิงจากไป” แม่นมหลิวทูลความจริง

                    “ได้อย่างไรกัน หากเสด็จแม่เป็นอะไรไปอีกคน หม่อมฉัน เสด็จพี่เจ๋อหานและอี้หนิงจะอยู่อย่างไรเพคะ” ลี่อินนั่งลงข้างแท่นบรรทมสายตาอ้อนวอนส่งมายังมารดาอย่างน่าสงสาร

                    “ได้ ๆ แม่จะไม่ทำแล้ว” เสวี่ยฉีรับปากลี่อินอย่างว่าง่าย

                    “แล้ว...พิธีศพเรียบร้อยดีหรือไม่” เสวี่ยฉีดวงตาแดงก่ำตรัสถามถึงพิธีของบุตรคนแรกของนาง

                    “อือ เรียบร้อยดีเพคะ เสด็จพี่จากไปอย่างสมพระเกียรติ”

ลี่อินปลอบใจพระมารดา หากแต่ว่าเรื่องอี้หนิงจะทำอย่างไร พระนางถึงจะสามารถรับเรื่องราวนี้ไหว

                    “มีสิ่งใดหรือไม่ อย่าคิดปิดบังแม่อีกเลย” เสวี่ยฉีที่เห็นแววตากังวลของธิดาตน นางรู้ได้ทันทีว่าลี่อินกำลังปิดบังนางอยู่

                    “มิกล้าปิดเสด็จแม่ หม่อมฉันรู้ความลับที่ยากจะเชื่อเข้า เสด็จแม่จะรับไหวหรือไม่” ลี่อินกล่าวหยั่งเชิง

                     “เล่ามาเถิด” เสวี่ยฉีกุมมือลี่อินแน่น

                    “เสด็จแม่ อี้หนิงไม่ใช่ธิดาของหยางหมิงอ๋อง หากแต่เป็นธิดาของรัชทายาทถานหย่งเจี๋ย” ลี่อินสัมผัสได้ว่าพระหัตถ์ของฮองเฮาสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่

                    “เสด็จพี่ต้องการเอาชนะเสวี่ยหนิงที่หมายจะเป็นชายา

รัชทายาท จึงฉวยโอกาสตอนที่เขาเมามายร่วมหลับนอน”

                    “เหตุใด เหตุใดกัน ทำไม่เหมยหลิงถึงสิ้นคิดเช่นนั้น” เสวี่ยฉีฮองเฮาไม่อาจกลั่นความโทมนัสได้อีกต่อไป ทรงกันแสงปานจะขาดใจ

          ลี่อินทำสิ่งใดไม่ได้ นางปลอบพระทัยมารดาอยู่เงียบ ๆ นางจำต้องบอกความจริงพระมารดาให้กระจ่าง ดีกว่าให้พระนางคาดเดาสิ่งต่าง ๆ ด้วยพระองค์เอง นั่นจะยิ่งทำให้พระมารดาทรงประชวรหนักกว่าเดิม

                    “แล้วเหตุใดเจ้าไม่พาหลานกลับมาด้วย” เสวี่ยฉีพลันหวนนึกถึงหลานสาวที่น่าสงสารของตน

                    “หม่อมฉันต่อรองกับอ๋องหยางหมิงแล้วเพคะ แต่เขาไม่ยอม” ลี่อินทูลฮองเฮาอย่างจนใจ

                    “แล้วเช่นนี้เราจะทำอย่างไรกันดี อี้หนิง! อี้หนิง!ของข้า” ความโทมนัสของฮองเฮาทำให้พระนางกันแสงอีกครั้ง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 9 ล้มเหลว

    หยางหมิงเมื่อยอมอภิเษกสมรสเพื่อความมั่นคงของแคว้นแล้ว ครานี้จึงขอทำตามใจปรารถนาแต่งงานกับสตรีที่ตนรัก “ทูลเสด็จพ่อ หม่อมฉันขอพระองค์พระราชทานอนุญาตแต่งซ่งเสวี่ยหนิงท่านหญิงแคว้นฉีเป็นพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” หยางหมิงคุกเข่าหน้าโต๊ะทรงอักษร “ข้าจะให้เจ้าแต่งซ่งเสวี่ยหนิงได้เพียงชายารองเท่านั้น ตำแหน่งพระชายาเอกชินอ๋องข้าจะยกให้ซ่งลี่อิง องค์หญิงที่มีฮองเฮาเป็นมารดา” ฮ่องเต้เหว่ยเฉียงรับสั่งอย่างชัดเจน “พระองค์ไม่กลัวนางทำเรื่องอัปยศเช่นพี่สาวหรือพ่ะย่ะค่ะ” หยางหมิงไม่พอใจกับการอภิเษกสมรสครั้งนี้ “นางไม่ใช่เหมยหลิง เหตุใดจึงคิดว่านางจะทำเช่นนั้น แต่ถึงแม้นางจะทำมากกว่าเหมยหลิงเจ้าก็ยังคงต้องแต่งกับนาง เจ้าลืมหน้าที่ของบุรุษราชวงศ์แล้วหรือ”เหว่ยเฉียงเห็นความอยู่รอดของแคว้นมากกว่าความสุขของโอรสตน “การอภิเษกสมรสระหว่างแคว้น หากไม่อภิเษกกับองค์หญิงสายตรงอันมีมารดาเป็นฮองเฮา มีพระเชษฐาร่วมอุทรเป็นรัชทายาท การสมรสนี้แคว้นจะได้ประโยชน์ใด” ฮ่องเต้เตือนสติหยางหมิง “ไตร่ตรองดูเถิด เจ้าจะละทิ้งหน้าที่ต่อร

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-06
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 10 สาส์นขอแต่งงาน

    พระราชสาส์นขอแต่งงานแคว้นเว่ยถูกส่งมาพร้อมกับพระราชสาส์นของแคว้นหานทั้งสองแคว้นล้วนสู่ขอองค์หญิงสามซ่งลี่อิน ทำให้บัดนี้ราชสำนักแคว้นฉีต้องหารือกันอีกครั้ง หย่งเฮ่าฮ่องเต้แคว้นฉีไม่คิดจะยกลี่อินให้กับชินอ๋อง ด้วยแคว้นเว่ยขอลี่อินเป็นชายาเอกแลเสวี่ยหนิงเป็นชายารอง การจะให้ธิดาทั้งสองแต่งเข้าจวนอ๋องดูแล้วแคว้นฉีจะขาดทุนมากเกินไป อีกทั้งหากลี่อินแต่งกับรัชทายาทแคว้นหานที่มีอำนาจมากกว่าแคว้นเว่ยและฉี เช่นนี้จะไม่เป็นประโยชน์กว่าหรือ หากแต่บุญคุณที่ฮ่องเต้เหว่ยเฉียงเคยช่วยชีวิตของเขาจากการถูกลอบสังหารเมื่อครายังเป็นรัชทายาท จนทำให้ทั้งสองเป็นสหายร่วมสาบานนี้ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร ด้านลี่อินเมื่อรู้ว่ามีราชสาส์นขอแต่งงานจากแคว้นเว่ย ก็รีบเข้าเฝ้าฮองเฮาในทันที “เสด็จแม่ โปรดช่วยรับสั่งกับเสด็จพ่อให้ลูกแต่งไปแคว้นเว่ยด้วยเพคะ” ลี่อินคุกเข่าขอร้อง “เจ้าต้องการไม่หาอี้หนิงใช่หรือไม่” ฮองเฮาที่บัดนี้ใช้พระธรรมเป็นที่พึ่ง นั่งภาวนาหน้าพระพุทธรูปตรัสพลางลืมตาขึ้นมองนาง “อือ” ลี่อินพยักหน้ารับ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-06
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 11 ดูแคลน

    ขบวนเจ้าสาวยาวหลายลี้ เหรียญทองมงคลถูกแจกจ่ายตลอดเส้นทางในเมืองซีหนาน หากแต่นั่นก็มิอาจกลบเสียงซุบซิบนินทาในหมู่ชาวบ้านได้ “เหตุใดข้าไม่เห็นเจ้าบ่าวเล่า” “ได้ยินมาว่าองค์หญิงสามอยากแต่งเข้าจวนอ๋อง ถึงขั้นขอให้ฝ่าบาทปฏิเสธจดหมายแต่งงานของแคว้นหาน” “พี่สาวกับน้องสาวจะมีสามีคนเดียวกันหรือ น่าขันยิ่ง” “ได้ยินว่าชินอ๋อง มีใจให้กับท่านหญิงเสวี่ยหนิงหากแต่องค์หญิงสามยังคิดแย่งชิง” คำพูดเหล่านี้ลี่อินได้ยินทุกคำ แต่นางเลือกที่จะไม่โต้ตอบปล่อยให้คำนินทาเหล่านั้นลอยหายไปตามสายลม เย่จินที่อารักขาอยู่ข้างเกี้ยวพระที่นั่งได้ยินคำดูแคลนเหล่านั้นเต็มสองหู เขาจ้องลี่อินที่ยังนั่งนิ่งคล้ายไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น พลันในใจก็เกิดความนับถือกับความอดทนของนาง แม้แคว้นฉีและเว่ยจะมีชายแดนติดกัน หากแต่การเดินทางจากเมืองหลวงแคว้นฉีไปยังซู่โจวเมืองหลวงแคว้นเว่ยกลับต้องใช้เวลาถึงสิบวัน ขบวนเจ้าสาวยาวหลายลี้เคลื่อนตัวไปตามถนนที่ทอดยาวมุ่งสู่จวนอ๋อง ถึงกระนั้นก็ยังเป็นที่ขบขันของชาวเมือง การแต่งพระชายาเอกที่เจ้าบ่าวไม่

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-06
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 12 ยื่นข้อเสนอ

    หยางหมิงที่ถูกลี่อินกวนอารมณ์ให้ขุ่นมัวแต่เช้า จ้องสายตาดื้อรั้นนั้นของนางเช่นกัน หากแต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาถูกดวงตาคู่งามราวไข่มุกนั้นล่อลวงให้ตกอยู่ในภวังค์ “ตกลงท่านอ๋องจะอนุญาตหรือไม่” ลี่อินขมวดคิ้วแน่น เสียงของนางปลุกให้หยางหมิงตื่นจากภวังค์ เขาดึงสายตากลับเสมองไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความอับอาย “หากอยากไปก็ไป” “ขอบพระทัยเพคะ” เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ นางก็ไม่อยู่ก่อกวนเขาอีก หยางหมิงมองตามหลังนาง ‘เพียงอยากไปหลาหลานสาวนางถึงกลับกล้าบุกห้องนอนผู้อื่นเลยหรือ หรือนี่เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อตำหนิเขาที่ไม่อยู่ร่วมหอกับนาง’ เขาอดคิดเข้าข้างตนมิได้ ตำหนักเล็กยังคงเงียบสงบเช่นเดิม หากแต่ต้นหญ้าที่เคยมีในครั้งก่อนบัดนี้ถูกกำจัดออกบ้างแล้ว อีกทั้งฝุ่นเขรอะตามพื้นดูเบาบางลงไม่น้อย “พระชายา” ปิงเซียงดีใจเมื่อเห็นว่าผู้ใดมายังตำหนัก “อี้หนิงเล่า?” ลี่อิงหันมองหาเด็กน้อยที่นางห่วงใย “ยังหลับอยู่เพคะ” “อือ แล้วระหว่างที่ข

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-07
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 13 เผชิญหน้า

    ตำหนักเล็กหลังเรือนบัดนี้ดูแคบลงถนัดตาเมื่อมีข้าวของเครื่องใช้ของลี่อินเข้ามาเพิ่มเติม หากแต่นั่นก็ทำให้ปิงเซียงรู้สึกอุ่นใจที่บัดนี้จะมีเจ้านายคอยปกป้องและดูแลท่านหญิงตัวน้อยของนางแล้ว “ปิงเซียง เจ้าไปตามช่างฝีมือมาซ่อมแซมตำหนัก และไปหาสาวใช้มาเพิ่มอีก เราคงต้องอยู่จวนอ๋องอีกนานกว่าข้าจะคิดหาวิธีได้” “เพคะพระชายา” ลี่อินใช้สินเดิมของตนในการปรับปรุงตำหนักหลังเล็กนี้เสียใหม่แม้ตำหนักหลังนี้จะหนาวเหน็บ หากแต่เมื่อกำจัดต้นไม้ที่ขึ้นรกทั่วตำหนักออก ปล่อยให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาบ้างอากาศรอบตำหนักก็อบอุ่นขึ้นไม่น้อย ลี่อินยังสั่งให้คนสวนปลูกดอกไม้ไว้หน้าจวนจะได้ทำให้ตำหนักที่ดูน่ากลัวหลังนี้มีสีสันมากขึ้น อี้หนิงเด็กหน้อยวัยขวบเศษชื่นชอบดอกไม้ไม่น้อยแววตาเศร้าหมองของนางกลับดุสดใสขึ้น เด็กน้อยที่พึ่งหัดเดินคลานเล่นไปทั่วล้านหน้าตำหนัก ทำเอาปิงเซียงต้องคอยเดินตามจนเหนื่อยล้า ลี่อินนั่งมองหลานรักที่ร้องอ้อแอ้อย่างอารมณ์ดีในใจของนางก็อบอุ่นหัวใจขึ้น ด้านหยางหมิงที่ยุ่งอยู่กับการฝึกทหารในกองทัพชานเมือง เมื่อกลับเข้าจวนก็พบว่าเสวี่ยหน

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-07
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 14 โดดเดี่ยว

    ตำหนักเล็กหลังเรือนบัดนี้ดูแคบลงถนัดตาเมื่อมีข้าวของเครื่องใช้ของลี่อินเข้ามาเพิ่มเติม หากแต่นั่นก็ทำให้ปิงเซียงรู้สึกอุ่นใจที่บัดนี้จะมีเจ้านายคอยปกป้องและดูแลท่านหญิงตัวน้อยของนางแล้ว “ปิงเซียง เจ้าไปตามช่างฝีมือมาซ่อมแซมตำหนัก และไปหาสาวใช้มาเพิ่มอีก เราคงต้องอยู่จวนอ๋องอีกนานกว่าข้าจะคิดหาวิธีได้” “เพคะพระชายา” ลี่อินใช้สินเดิมของตนในการปรับปรุงตำหนักหลังเล็กนี้เสียใหม่แม้ตำหนักหลังนี้จะหนาวเหน็บ หากแต่เมื่อกำจัดต้นไม้ที่ขึ้นรกทั่วตำหนักออก ปล่อยให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาบ้างอากาศรอบตำหนักก็อบอุ่นขึ้นไม่น้อย ลี่อินยังสั่งให้คนสวนปลูกดอกไม้ไว้หน้าจวนจะได้ทำให้ตำหนักที่ดูน่ากลัวหลังนี้มีสีสันมากขึ้น อี้หนิงเด็กหน้อยวัยขวบเศษชื่นชอบดอกไม้ไม่น้อยแววตาเศร้าหมองของนางกลับดุสดใสขึ้น เด็กน้อยที่พึ่งหัดเดินคลานเล่นไปทั่วล้านหน้าตำหนัก ทำเอาปิงเซียงต้องคอยเดินตามจนเหนื่อยล้า ลี่อินนั่งมองหลานรักที่ร้องอ้อแอ้อย่างอารมณ์ดีในใจของนางก็อบอุ่นหัวใจขึ้น ด้านหยางหมิงที่ยุ่งอยู่กับการฝึกทหารในกองทัพชานเมือง เมื่อกลับเข้าจวนก็พบว่าเสวี่ยหน

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-07
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 15 ตัดพ้อ

    หยางหมิงแปลกใจไม่น้อย เหตุใดนานเพียงนี้แล้วรถม้ายังไม่พาลี่อินกลับมาอีก “เย่จิน” หยางหมิงหันไปหาองครักษ์ข้างกาย “กระหม่อมจะไปถามพ่อบ้านเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” ......เพียงครู่เย่จินก็กลับมาพร้อมสีหน้าเป็นกังวล “ทูลท่านอ๋อง พ่อบ้านลืมทำตามรับสั่ง ไม่ได้บอกให้รถม้าไปรับองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” “ลืมหรือ? เป็นพ่อบ้านทำงานบกพร่องถึงเพียงนี้ได้อย่างไร เอาตัวไปลงโทษ แล้วไล่ออกซะ” หยางหมิงกล่าวอย่างเดือดดาลก่อนหันหลังกลับออกจากจวน รถม้าจวนอ๋องวิ่งสุดกำลังโดยมีเย่จินเป็นผู้บังคับ หยางหมิงมองผ่านสายฝนหาร่างบางของลี่อินที่อาจจะกำลังเดินทางกลับจวน “หยุดรถ ตรงนั้น!” ชินอ๋องร้องสั่งเย่จิน ก่อนพุ่งลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว ด้านลี่อินที่เดินฝ่าฝนเร่งรีบกลับจวน ผ่านถนนที่มืดมิดอย่างยากลำบากความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจ ทำให้ร่างบางหวาดระแวงทุกฝีก้าวที่ก้าวเดิน ร่มที่ถือมาไม่ได้ช่วยกันสายฝนที่กระหน่ำลงมาได้เลย อาภรณ์ผืนบางเปียกโชกแนบร่างบางจนน่าอาย ลี่อินเร่งฝีเท้าไม่หยุดหย่อนก่อนจะรู้สึกว่าแ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-08
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 16 จวนโหว

    “หากเจ้ายังป่วยอยู่ เช่นนั้นวันพรุ่งงานเลี้ยงน้ำชาจวนโหวเจ้าก็ไม่ต้องไปก็ได้” หยางหมิงเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยหลับไปจากเสียงกล่อมจึงเอ่ยขึ้น ลี่อินหยุดชะงักในทันที นางจำได้ว่าพระชายารัชทายาทเป็นบุตรีของท่านโหวแม่ทัพใหญ่แคว้นฉี การกระทำของพี่สาวนางนอกจากจะขัดแย้งกับชินอ๋องแล้ว ยังทำให้จวนโหวไม่พอใจเพราะเหตุการณ์ครานั้นทำให้พระชายารัชทายาทเสียใจจนตกเลือด “หม่อมฉันจะไปเพคะ” แววตามุ่งมั่นของนางแม้ร่างกายยังป่วยอยู่ทำให้หยางหมิงไม่กล้าขัด “เช่นนั้นพรุ่งนี้ยามอู่รถม้าจะรอที่หน้าจวน” “อือ” ลี่อินพยักหน้ารับ หยางหมิงออกตรวจกองทัพแต่จิตใจกลับฟุ้งซ่าน ตั้งแต่ที่ลี่อินถูกทิ้งให้เดินกลับจวนครานั้น แต่นางกลับไม่โวยวายให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ทำให้เขาเองเริ่มมองว่านางแตกต่างจากเหมายหลิงอยู่บ้าง “เจ้าว่าองค์หญิงสามเป็นคนเช่นไร” ชินอ๋องที่ควรมีสมาธิกับการอ่านสาส์นกองทัพ กลับเอ่ยถามเย่จินไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ท่านอ๋องตรัสว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ” เย่จินคิดว่าตนหูฝาด แต่หยางหมิงกลับ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-08

Bab terbaru

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   ตอนพิเศษ ชีวิตเรียบง่าย

    สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดปลิวไหว ม่านรถม้าสะบัดไปมาตามแรงลม เด็กชายวัยสองขวบเล่นซนบนรถม้าโดยไม่เหน็ดเหนื่อย “ถานจุนเฟิง หยุดเล่นได้แล้วตอนนี้จะถึงจวนแล้ว” ลี่อินที่กำลังอ่านบัญชีร้านกล่าวกับโอรสของตน “จุนเฟิงมาหาพ่อ ท่านแม่กำลังคร่ำเคร่ง” หยางหมิงเรียกลูกชายมาหา บัดนี้เขาสิ้นคราบชิงอ๋องผู้บ้าคลั่ง กลายเป็นพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น “จื้อหาวบอกว่า ดินแดนทางตอนเหนือของแคว้นหานมีดอกไม้กลิ่นหอมมากมาย แลไข่มุกก็ราคาถูกฮูหยินสนใจหรือไม่” หยางหมิงเอ่ยถึงสหายเก่าที่หลังจากสำนึกตนมาสองปี จึงติดต่อหาเขาอีกครั้ง “สนใจสิเพคะ ท่านพี่แจ้งโหวน้อยด้วยว่าหลังจากงานเฉลิมฉลองการก่อตั้งแคว้นเว่ย เราจะเดินทางไปเจรจาราคาอีกครั้ง” ลี่อินยิ้มกว้างนางดีใจทุกครั้งหากสามารถหาวัตถุดิบราคาถูกและดีได้ “ของขวัญอี้หนิงครบสี่ปีจะให้สิ่งใดนางดีเพคะ” ลี่อินขอความเห็นกับหยางหมิง “เช่นนั้นมอบร้านขายอัญมณีในเมืองเถียนชิง พร้อมกับเงินอีกหมื่นตำลึงให้นางดีหรือไม่ โตขึ้นมานางจะได้เป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในแค้นฉี ไม่มีผู

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   ตอนพิเศษ อวดชายา

    ใกล้พิธีอภิเษกสมรสของฉินตงหยาง หยางหมิงพาลี่อิงเข้าวังหลวงเพื่อขอพระราชทานอนุญาตร่วมพิธีอภิเษกสมรส “ทูลเสด็จพ่อ เสด็จแม่ กระหม่อมและพระชายามาขอให้ทั้งสองพระองค์พระราชทานอนุญาตเข้าร่วมงานอภิเษกสมรสของรัชทายาทแคว้นหานพ่ะย่ะค่ะ” “กำลังตั้งครรภ์จะเดินทางไกลได้อย่างไร ให้เพียงหยางหมิงไปก็พอ ส่วนลี่อินพักอยู่ที่จวนเถอะ” ฮองเฮากล่าวแย้งทั้งที่ยังปักผ้าอยู่ “ทูลฮองเฮา รัชทายาทแคว้นหานเป็นสหายของหม่อมฉันจึงจำเป็นต้องไปร่วมยินดีเพคะ” ลี่อินไม่ยินยอมทำตาม “เจ้าไปรังแต่จะเป็นภาระ เดินเหินลำบากอยู่จวนดีแล้ว” “หม่อมฉันยังคล่องแคล่ว ครรภ์ยังอ่อนไม่ได้เป็นภาระแต่อย่างใด” นางโต้แย้งทุกคำห้ามของมารดาสวามี หยางหมิงกับฮ่องเต้ทำได้เพียงนั่งดื่มน้ำชาอย่างเงียบเชียบ ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดกระหว่างที่สตรีทั้งสองกำลังโต้แย้งกัน “นี่ เหตุใดถึงมิยอมเชื่อฟังเอาซะเลยเจ้าเป็นลูกสะใภ้สมควรเชื่อฟังแม่สามีมิใช่หรือ” อวิ๋นซินจ้องมองลี่อินด้วยสายตาตำหนิ หากแต่ลูกสะใภ้ผู้นี้กลับ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 52 รักแรก

    ม้าศึกคู่กายชินอ๋องหยุดนิ่งหน้าจวนอ๋อง บุรุษบนหลังม้าไม่รีรอมุ่งหน้าไปตำหนักตะวันออกด้วยความร้อนใจ ทว่าภายในตำหนักกลับไม่มีผู้ใดอยู่ทำให้แน่ใจแล้วว่าลี่อินหนีเขาไปจริง ร่างทั้งร่างของหยางหมิงหนักอึ้งจนมิอาจย่างก้าวได้ หัวใจทั้งดวงเต้นช้าลงเรื่อย ๆ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาที่เจ้าของร่างไม่รู้ตัว ภพของลี่อินในเวลาโกรธ เวลาร้องไห้ หัวเราะ แข็งกร้าว ผุดขึ้นในหัวเขาซ้ำไปซ้ำมา “ไปแค้วนฉี!” คำสั่งเดียวของหยางหมิง ทำทั้งกองทัพต้องเดินทางอีกครั้ง ประชาชนต่างงุนงง กองทัพที่กลับเข้าเมืองเพียงหนึ่งชั่วยาม บัดนี้กลับเดินทัพอีกครั้งมีเหตุใดสำคัญจนมิหยุดพัก การเดินทางโดยไม่หยุดพักทำเหล่าทหารอ่อนล้าไม่น้อย หากแต่มิมีใครกล้าปริปากบ่น กองกำลังเรือนหมื่นเหยียบเข้าใกล้เมืองเถียนชิง “ท่านอ๋อง สายสืบแคว้นหานแจ้งข่าวว่ารัชทายาทตงหยางจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสอีกสิบห้าวันข้างหน้าพ่ะย่ะค่ะ” เย่จินรายงาน ม้าศึกของหยางหมิงหยุดชะงักทันที เขาหวาดกลัวว่าสิ่งที่ตนคาดเดาจะเป็นจริง “ข่าวนี้แคว้นฉีรู้เรื่องหรือไม่” มือหนากำบังเหียนแน่นจนเ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 51 ผิดสัญญา

    หิมะในเมืองเหออันสงบลง คนเจ็บป่วยเพราะภัยหนาวไม่มีแล้ว หน้าที่ของลี่อินในเมืองเหออันจึงสิ้นสุดลง นางไม่มีความจำเป็นที่จะรั้งอยู่ที่เหออันอีก จึงคิดขอกลับเมืองหลวงเพราะเป็นห่วงร้านประทินโฉมอีกทั้งเรื่องในจวนไม่มีผู้ใดคอยจัดการ “ท่านอ๋อง ข้าจะกลับซู่โจวก่อนได้หรือไม่” ลี่อินยืนอยู่หน้าโต๊ะทรงอักษร สีหน้าจริงจังจ้องบุรุษที่ยังอ่านสาน์สของทัพอยู่ “รอกลับพร้อมข้า” เสียงเอาแต่ใจดังขึ้น “กว่าท่านอ๋องจะเสด็จกลับ ก็อีกครึ่งเดือน หม่อมฉันเป็นกังวลเรื่องร้านหมื่นบุปผา อีกทั้งกิจการของจวนอ๋องก็ไม่ได้ตรวจบัญชีมาแรมเดือน” “แต่หากเจ้าแอบหนีหลับแคว้นฉีเล่า” ครานี้หยางหมิงยอมเงยหน้าจากสาน์สกองทัพ มองมายังนางด้วยแววตาเศร้าสร้อย “หม่อมฉันจะหนีไปทำไมกัน” ลี่อินท้อใจที่จะอธิบาย “ก็เจ้าไม่มีใจให้ข้า หากครบสองเดือนสัญญาระหว่างข้ากับฮ่องเต้แคว้นฉีก็ถือว่าเป็นโมฆะ” น้ำเสียงเศร้าหมองนั้นลี่อินไม่ได้ตอบกลับ ยิ่งทำให้หยางหมิงรู้สึกหวาดหวั่น หากแต่นางกลับเดินไปหยุดเบื้องหน้าเขาพลางยอบก

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 50 เหน็บหนาว

    ตงหยางมิอาจรั้งอยู่ในแคว้นอื่นได้นาน ยิ่งเป็นชายแดนแล้วความอึดอัดยิ่งเพิ่มมากขึ้น ก่อนหิมะจะตกหนักอีกครั้งจึงจำต้องบอกลาลี่อิน “ข้ายังยืนกรานคำเดิม หากเจ้ามิอยากอยู่กับชินอ๋องแล้ว ไปหาข้าที่แคว้นหาน แม้ไม่อาจห่วงใยในฐานะคนรักแต่ข้ายังห่วงใยเจ้าในฐานะสหายเสมอ” ตงหยางยื่นหยกประจำตัวกลับให้นางเช่นเดิม “ขอบพระทัยรัชทายาท” ลี่อินยอบกายกล่าวลา ก่อนรถม้าจะเคลื่อนตัวออกจากประตูเมืองไป หยางหมิงยิ้มพอใจเมื่อเห็นบุรุษอื่นที่นางห่วงใยจากไปเสียที แม้เป็นเพียงสหายแต่เขาก็ยอมรับไม่ได้เช่นเดิม “รัชทายาทยังคงตัดใจจากเจ้าไม่ได้” หยางหมิงมองหยกในมือลี่อิน “สักวันเขาจะเจอสตรีที่ตนรักเพคะ” ลี่อินกล่าวพลางหันกายเข้าเมืองไป “เหมือนข้าที่เจอแล้ว” หยางหมิงเดินตามนาง “ใครกันหรือเพคะ” “เจ้าไง อาอิน” ลี่อินหน้าแดงเมื่อเขาบอกชื่อสตรีในดวงใจ ก่อนก้มหน้ารีบเดินหนีเข้าโรงหมอไป ทำให้ชินอ๋องยิ้มอย่างมีหวังว่าภายในสองเดือนนางต้องยินยอมอยู่ข้างกายเขาเป็นแน่

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 49 เดินทางขึ้นเหนือ

    “เราต้องกลับแคว้นเว่ยพรุ่งนี้” น้ำเสียงเคร่งเครียดเอ่ยขึ้น “มีอะไรหรือไม่เพคะ” “เมืองอันเหอมีพายุหิมะถล่ม ราษฎรขาดแคลนเสบียง กองทัพที่นั่นมิอาจรับมือได้ข้าต้องรีบไปจัดการ “แล้วเหตุใดหม่อมฉันต้องไปด้วย ท่านอ๋องเดินทางลำพังจะไม่เร็วกว่าหรือ หม่อมฉันจะไปรอพระองค์ที่จวนพร้อมอี้หนิง” “ข้าจะไม่ไปไหนหากไม่มีเจ้า” หยางหมิงแววตาจริงจังจ้องนางอยู่เช่นนั้น “หากแต่อี้หนิงยังเด็กหากเผชิญหิมะ...” “นางจะอยู่ที่แคว้นฉี” หยางหมิงกล่าวขัด “ท่านอ๋องตรัสว่าอย่างไรนะเพคะ?”ลี่อินไม่อยากเชื่อว่าหยางหมิงจะยินยอมให้อี้หนิงที่มีสายเลือดของตระกูลถานอยู่ที่แคว้นฉี “นางอยู่ที่นี่จะมีความสุขกว่า ไม่ต้องถูกสายตาดูแคลนของผู้อื่นจ้องมองเช่นที่อยู่ในแคว้นเว่ย ที่นั่นไม่สามารถให้ความรักกับนางได้ต่างจากไทเฮาเสวี่ยฉีที่มอบความรักให้กับเด็กคนนั้นได้ไม่สิ้นสุด”คำพูดของหยางหมิง ทำให้นางรู้ว่าบุรุษผู้นี้ห่วงใยผู้อื่นมากกว่าที่เขาแสดงออก คลื่นความสุขจึงก่อตัวขึ้นภายในใจของนางอ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 48 ข้อแลกเปลี่ยน

    กบฏยอมจำนน เจ๋อหานเสด็จประทับบนบัลลังก์มังกร ขุนนางประกาศโองการ“ด้วยโองการสวรรค์ ฮ่องเต้เจ๋อหานขึ้นครองบัลลังก์ ราษฎรเป็นสุขไร้ทุกข์นิรันดร์ เริ่มต้นศักราชหย่งฉีนับแต่นี้” สิ้นคำประกาศ เหล่าขุนนางคุกเข่ากราบถวายบังคม “น้อมรับบัญชาฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี” “ขุนนางทุกท่านลุกขึ้นเถิด ราชโองการแรกของข้า อภัยโทษทหารที่ร่วมก่อกบฏ ส่งไปชายแดนทำดีไถ่โทษ แม่ทัพอู๋ไท่และรองแม่ทัพ ปลดออกจากตำแหน่ง ยึดทรัพย์กึ่งหนึ่ง เนรเทศไปดินแดนรกร้าง ไม่เอาความคนในตระกูล องค์ชายจี้หานให้ไว้ทุกข์ยี่สิบปีเฝ้าสุสานฮ่องเต้หย่งเฮ่า” “น้อมรับราชโองการ” หยางหมิงยืนข้างลี่อิน มองดูเหตุการณ์สำคัญของแคว้นฉีโดยไม่คิดก้าวก่าย ส่วนลี่อินเงยหน้ามอกบุรุษที่ตัวสูงกว่าสายตาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย “ชินอ๋องถานหยางหมิง ขอบใจที่ตอบรับสาน์สขอความช่วยเหลือจากเรา” พระราชดำรัสของฮ่องเต้ ทำผู้คนในท้องพระโรงหรือแม้แต่ลี่อินต่างสับสน เหตุเพราะว่าการขอความช่วยเหลือจากแคว้นเว่ยไม่ได้มีการหารือในหมู่ขุนนางหรือแม่ทัพ “แคว้นฉี เป็นบ้านเกิดของพระชายา

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 47 ชิงบัลลังก์

    พิธีราชาภิเษกจัดขึ้นตามกำหนดเดิม ลานหน้าท้องพระโรงถูกตระเตรียมสำหรับราชพิธี เหล่าขุนนางยังคงเข้าร่วมพระราชพิธีโดยมิหวาดหวั่นการชิงบัลลังก์ขององค์ชายสี่จี้หาน รัชทายาทซ่งเจ๋อหานสวมชุดมังกรพิธีการ ก้าวเดินอย่างมั่นคงมุ่งตรงสู่ท้องพระโรง เหล่าข้าราชบริพารค่อมกายเคารพฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เครื่องประโคมบรรเลงตามจังหวะการเสด็จของฮ่องเต้ ไทเฮายืนอยู่เหนือบันไดท้องพระโรง พร้อมเหล่าเชื้อพระวงศ์เพื่อรอรับเสด็จฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ฮ่องเต้เจ๋อหานคุกเข่าถวายพระพรพระราชมารดาก่อนจะนำเสด็จเข้าสู่ท้องพระโรง หากแต่ประตูวังกลับมีกองกำลังของอู๋ไท๋บุกเข้ามาล้อมรอบลานพิธี “องค์ชายเจ๋อหานจะเสด็จไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหลวงอู๋ไท่ลงจากม้าศึกชี้ดาบตรงมายังว่าที่ฮ่องเต้ของแคว้น “บังอาจ เจ้าเป็นขุนนางของราชสำนัก กล้าดีอย่างไรไม่เรียกฮ่องเต้ตามธรรมเนียม แลยังถือดาบต่อหน้าพระพักตร์อีก” มหาราชครูหลานต่อว่าอย่างมิเกรงกลัว “หึ! ตาเฒ่าหลานซื่อ ใครนับหลานชายเจ้าเป็นกษัตริย์กัน ทั้งอ่อนแอ ขลาดกลัวใช้แต่การเจรจาต่อรองไม่เห็นความสำคัญของการรบ แล้วเช่นนี้จะปก

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 46 ฮ่องเต้แคว้นฉีสิ้นพระชนม์

    เสวี่ยหนิงถูกส่งกลับแคว้นฉี ฮองเฮาเสวี่ยฉีนำเหล่าขุนนางบีบบังคับฝ่าบาทให้สั่งประหารเสวี่ยหนิง จนฮ่องเต้ที่ไร้ทางเลือกสั่งประหารธิดาของตนเองเพื่อความมั่นคงของราชวงศ์ สนมคนโปรดถูกเนรเทศไปชายแดน ส่วนซิ่วหรูถูกสั่งกักบริเวณในตำหนักนานสองปี โหวน้อยหวงจื้อหาวแม้มิได้มีเจตนาทำร้ายเหมยหลิง หากแต่มอบยาสวาทมิรู้จบเพราะสงสารน้องสาว ถูกส่งไปต่างแคว้นทำหน้าที่ทูตเจรจาการค้าเพื่อประโยชน์ของแคว้นเว่ย ลี่อินกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้ง บัดนี้ทุกอย่างจบสิ้น นางย้ายกลับมาอยู่ตำหนักพระชายาพร้อมอี้หนิง เด็กน้อยที่ได้วิ่งเล่นในตำหนักกว้างยิ้มอย่างพอใจ “ชอบ” อี้หนิงที่พึ่งฝึกพูดเปล่งเสียงบอก “อี้เออร์ชอบก็ดีแล้ว” ลี่อินลูบศีรษะทุยนั้นอย่างรักใคร่ หากแต่ความสุขกลับอยู่ได้ไม่นาน เมื่อม้าเร็วจากแคว้นฉีขอเข้าเฝ้า “ทูลองค์หญิงสาม บัดนี้ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว ฮองเฮาทูลเสด็จพระองค์กลับไปสักการะพระศพพ่ะย่ะค่ะ” ลี่อินแม้รู้ว่าบิดาป่วยมานาน หากแต่เมื่อได้ยินว่าฝ่าบาทจากไปแล้ว สติของนางขาวโพลนทันที เสียงสุดท้ายที่นางได้ยินกลับเป็นเสี

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status