Home / รักโบราณ / ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง / บทที่ 10 สาส์นขอแต่งงาน

Share

บทที่ 10 สาส์นขอแต่งงาน

last update Last Updated: 2025-02-06 16:04:31

          พระราชสาส์นขอแต่งงานแคว้นเว่ยถูกส่งมาพร้อมกับพระราชสาส์น

ของแคว้นหานทั้งสองแคว้นล้วนสู่ขอองค์หญิงสามซ่งลี่อิน ทำให้บัดนี้

ราชสำนักแคว้นฉีต้องหารือกันอีกครั้ง

          หย่งเฮ่าฮ่องเต้แคว้นฉีไม่คิดจะยกลี่อินให้กับชินอ๋อง ด้วยแคว้นเว่ย

ขอลี่อินเป็นชายาเอกแลเสวี่ยหนิงเป็นชายารอง การจะให้ธิดาทั้งสองแต่งเข้าจวนอ๋องดูแล้วแคว้นฉีจะขาดทุนมากเกินไป อีกทั้งหากลี่อินแต่งกับรัชทายาทแคว้นหานที่มีอำนาจมากกว่าแคว้นเว่ยและฉี เช่นนี้จะไม่เป็นประโยชน์กว่าหรือ หากแต่บุญคุณที่ฮ่องเต้เหว่ยเฉียงเคยช่วยชีวิตของเขาจากการถูกลอบสังหารเมื่อครายังเป็นรัชทายาท จนทำให้ทั้งสองเป็นสหายร่วมสาบานนี้ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร

          ด้านลี่อินเมื่อรู้ว่ามีราชสาส์นขอแต่งงานจากแคว้นเว่ย ก็รีบเข้าเฝ้าฮองเฮาในทันที

                    “เสด็จแม่ โปรดช่วยรับสั่งกับเสด็จพ่อให้ลูกแต่งไปแคว้นเว่ยด้วยเพคะ” ลี่อินคุกเข่าขอร้อง

                    “เจ้าต้องการไม่หาอี้หนิงใช่หรือไม่” ฮองเฮาที่บัดนี้ใช้

พระธรรมเป็นที่พึ่ง นั่งภาวนาหน้าพระพุทธรูปตรัสพลางลืมตาขึ้นมองนาง

                    “อือ” ลี่อินพยักหน้ารับ

                    “หากแต่แม่กลัว หากเจ้า......” ฮองเฮาเกรงพระธิดาของตนจะจบชีวิตเหมือนผู้เป็นพี่สาว

                    “เสด็จแม่อย่าทรงกังวล หม่อมฉันจะดูแลตัวเองและจะพา

อี้หนิงกลับมาหาพระองค์ให้ได้เพคะ” ลี่อินรู้ว่ามารดาห่วงเรื่องใด

                    “แต่ซ่งเสวี่ยหนิงจะต้องมีสามีร่วมกับเจ้า เจ้าทำใจได้หรือ”

                    “นั่นไม่ใช่สิ่งที่หม่อมฉันกังวลเพคะ” ลี่อินไม่คิดว่าหยางหมิงจะแตะต้องตนเอง บุรุษผู้นั้นไม่ยอมทำให้เสวี่ยหนิงขุ่นเคืองแน่

                    “แล้วเสด็จพ่อจะยอมหรือไม่เพคะ” นางเป็นห่วงว่าฮ่องเต้จะไม่ทรงอนุญาตมากกว่า

                    “ให้เป็นหน้าที่ของแม่เถอะ” ฮองเฮาแววตาเด็ดเดี่ยว ก่อนจะลุกขึ้นจากหน้าพระพุทธรูป เสด็จไปยังตำหนักเฉวียนชิง

          ตำหนักเฉวียนชิงบัดนี้ขุนนางคนสำคัญ ร่วมหารือราชกิจกับฮ่องเต้

ด้วยการสู่องค์หญิงสามของทั้งสองแคว้นล้วนมีผลกับแคว้นฉีทั้งสิ้น

                    “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันเห็นว่าชินอ๋องเหมาะสมกับองค์หญิงสามมากกว่า ด้วยพระองค์กับฮ่องเต้แคว้นเว่ยเป็นพระสหาย การช่วยเหลือระหว่างแคว้นย่อมมีมากกว่าพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าจง เจ้ากรมอาญากราบทูล

                    “หากแต่กระหม่อมเห็นว่าเป็นพระชายาแคว้นหานก็ไม่เลว แม้ฝั่งนั้นมิได้ให้คำมั่นว่าจะได้ตำแหน่งฮองเฮาในอนาคตหรือไม่ แต่ด้วยอำนาจของแคว้นหานก็คุ้มที่จะเสี่ยงพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าเฉิน เจ้ากรมกลาโหมออกความเห็นบ้าง

                    “หม่อมฉันขอให้ฝ่าบาทตอบรับสาส์นแต่งงานแคว้นเว่ย”

          ฮองเฮาเสวี่ยฉีกล่าวขัดการหารือของเหล่าขุนนาง

                    “ถึงอย่างไร การแต่งงานขององค์หญิงก็ต้องให้วังหลังเห็นชอบ หม่อมฉันในฐานะแม่ขอให้พระองค์คล้อยตามเพคะ”

          แม้ว่าฮองเฮาจะทูลขออนุญาต หากแต่สายพระเนตรที่จ้องมองฮ่องเต้กลับคล้ายการข่มขู่เสียมากกว่า เหล่าขุนนางต่างรีบถอยออกจากตำหนัก

                    “เหตุใดต้องเป็นแคว้นเว่ย” ฝ่าบาทลุกขึ้นจากโต๊ะอักษร จ้องมองสตรีที่ครั้งหนึ่งเคยอ่อนหวาน

                    “เพราะอี้หนิง ลี่อินต้องการนางคืนเช่นเดียวกับหม่อมฉัน”

                    “ชินอ๋องจะยอมหรือ” ฮ่องเต้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ความโศกเศร้าและเจ็บแค้น ทำให้พระองค์ประชวรอยู่หลายวัน

                    “หม่อมฉันเชื่อในตัวลี่อิน ขอฝ่าบาททรงอนุญาต”

                    “หากไม่ยอม เจ้าจะใช้การตายของเหมยหลิงเป็นข้ออ้างทำร้ายอันหยาและเสวี่ยหนิงหรือ?”

          ฮองเฮาไม่ยอมตอบสิ่งใด เพียงยอบกายเคารพแล้วถอยออกจากตำหนักไป

          พิธีอภิเษกสมรสของแคว้นฉีและเว่ยจัดขึ้นอีกครั้ง หากแต่ครานี้เป็น

ลี่อินที่เร่งให้พิธีจัดขึ้นโดยเร็ว จนทำให้ฮ่องเต้ไม่ทรงพอพระทัยด้วยทรงมองว่าไม่สำรวมกิริยา ลี่อินกลับไม่ใส่ใจนางรู้ว่าสิ่งที่นางทำเพื่อสิ่งใดกันแน่ กลับเป็นรัชทายาทเจ๋อหานที่ใส่ใจกับงานอภิเษกสมรสนี้ จากบุรุษผู้สุขุม จิตใจเปี่ยมล้นด้วยความอ่อนโยน บัดนี้กลับร่ำสุราไม่สนราชกิจ อีกทั้งโมโหร้ายจนเหล่านางกำนัลขันทีในตำหนักว่านอันหวาดกลัว นั่นทำให้ลี่อินผิดหวังในตัวพระเชรษฐาไม่น้อย

                    “เสด็จพี่ หม่อมฉันลี่อินขอเข้าไปได้หรือไม่เพคะ”

                    “เข้ามา” น้ำเสียงเมามายดังลอดออกมาจากห้องบรรทม

          ลี่อินก้าวเข้าไปในห้องที่ปิดมืด แม้ยามนี้ข้างนอกจะยามเฉินแล้วแต่ภายในห้องนี้กลับไม่มีแสงสว่างลอดเข้ามาเพียงนิด ลี่อินเปิดหน้าต่างทุกบานที่มีในห้องบรรทมออก แสงที่ส่องเข้ามาทำให้บุรุษที่นั่งอยู่ด้านล่าง

แท่นบรรมทมต้องยกมือขึ้นบังแสงที่ส่องเข้าดวงเนตร

                    “พระองค์ดื่มมากี่วันแล้ว”

ลี่อินมองดูไหเหล้ามากมายที่กองทั่วพื้น หากแต่บุรุษเบื้องหน้ากลับไม่ตอบสิ่งใด

          “เสียพระทัยที่เสวี่ยหนิงต้องแต่งเข้าจวนอ๋องหรือ”

เจ๋อหานเงยหน้ามองลี่อินในทันที ไหเหล้าที่พึ่งเปิดถูกวางลงพื้นด้วยมือที่สั่นเทา

          “เจ้ารู้หรือ?”

          “ไม่ใช่เพียงหม่อมฉัน เสด็จแม่ ท่านพี่เหมยหลิง แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ทรงทราบ หากแต่ไม่มีผู้ใดเอ่ยถาม”

เจ๋อหานร่างกายโงนเงนจนต้องใช้แท่นบรรทมรองรับร่าง สิ่งที่ตนคิดว่าปกปิดไว้ดีแล้วกลับถูกผู้อื่นมองเห็นโดยง่าย

          “แล้วเหตุใดไม่มีผู้ใดกล่าวเรื่องนี้กับข้า”

          “เพราะไม่มีผู้ใดยอมรับได้ ท่านมีใจให้น้องต่างมารดาก็เรื่องหนึ่ง ความแค้นของสองครอบครัวทำให้ทุกคนยากจะยอมรับ ส่วนฮ่องเต้เกรงว่าต้องการให้ท่านแต่งงานกับบุตรีของขุนนางใหญ่สักคน”

ลี่อินอธิบายให้พระเชษฐาของตนได้รู้แจ้ง แม้นางจะสงสารในรักที่ไม่สมหวัง หากแต่รักที่ผิดที่ผิดทางนี้ให้มันจบลงจะดีกับเขามากกว่า

                    “หากพระองค์ยังอาลัยอาวรณ์นางอยู่ คืนนี้ท่านก็ดื่มให้เมามายเสีย พรุ่งนี้จงลุกขึ้นกลับมาเป็นเสด็จพี่ที่สุขุม อ่อนโยนของข้าเช่นเดิมได้หรือไม่”

                    “เจ้าไม่เคยมีรัก รู้หรือไม่ว่ามันเจ็บปวดเพียงใด” เจ๋อหานในใจไม่ยอมรับ

                    “หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ แต่หม่อมฉันทราบดีว่าหาก

รัชทายาทของแคว้นหมกมุ่นแต่ความรักชายหญิง ราษฎรจะทนทุกข์เพียงใด”

          คำกล่าวของลี่อินทำให้เจ๋อหานชะงักงัน รัชทายาทมองผู้เป็นน้องสาวด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์

                    “เหตุใดเจ้าถึงเข้มแข็งนัก งานแต่งนี้เจ้ารักเขาหรือ” เจ๋อหานนับถือในความเด็ดเดี่ยวของลี่อิง

                    “ไม่รักและไม่เกลียด หากการแต่งงานของหม่อมฉันจะช่วยให้อี้หนิงมีชะตาชีวิตที่ดีขึ้น นั่นก็คุ้มค่า”

          ลี่อินจ้องมองบุรุษเบื้องหน้าที่ยังคงไม่ยอมรับความเป็นจริง แม้ว่านางจะยกราษฎรทั้งแคว้นมาอ้าง แต่ยังมิอาจสู้เสวี่ยหนิงเพียงผู้เดียวได้

                    “พรุ่งนี้หม่อมฉันต้องไปแคว้นเว่ยแล้ว ต่อจากนี้เสด็จแม่จะเหลือเพียงท่านพี่เพียงผู้เดียวที่จะปกป้องพระนางได้ หวังว่าท่านจะได้สติโดยเร็ว” กล่าวจบก็เตรียมจากไป

                    “ช้าก่อน!”

          ลี่อินชะงักฝีเท้าเมื่อเสียงของพระเชษฐาเอ่ยขึ้น

                    “เจ้าคิดว่า เสวี่ยหนิงรักข้าจริงหรือไม่” ดวงตาแดงก่ำของ

รัชทายาทบัดนี้เอ่อล้นด้วยหยดน้ำตา

                    “หากรัก นางคงไม่คิดจะถวายตัวเป็นพระสนมแคว้นเว่ยหรอกเพคะ”

          สิ้นคำตอบของลี่อิน น้ำตาบุรุษไหลอาบแก้มในทันที หัวใจบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก เขารู้มาว่ารัชทายาทแคว้นเว่ยพึงพอใจนาง หากแต่ไม่คิดว่านางเองจะมีใจให้ชายอื่นเช่นกัน

          ยามเหม่า ลี่อินถูกนางกำนัลนับสิบรุมล้อม เครื่องประดับมากมายถูกปักลงบนเส้นผมสีดำขลับ ร่างขาวราวไข่มุกถูกห่อหุ้มด้วยอาภรณ์มงคลสีแดงฉาน ดวงหน้างดงามถูกประทินโฉมให้งามยิ่งขึ้น ริมฝีปากอวบอิ่มบัดนี้ถูกย้อมด้วยชาดสีแดงทับทิม พัดแสนประณีตถูกถือไว้บังใบหน้าราวเทพธิดาของลี่อิน

          ฮองเฮาที่ยังอาวรณ์ธิดากันแสงอยู่ในตำหนัก มิอาจเอื้อนเอ่ยอวยพรธิดา

                    “เสด็จแม่อย่าทรงกันแสงเลยเพคะ หม่อมฉันสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดี และจะพาอี้หนิงกลับมาให้ได้”

          ฮองเฮาตรัสสิ่งใดไม่ออก ได้แต่กอดพระธิดาไว้แน่น พลางพยักหน้ารับคำสัญญาของนาง

แม่นมหลิวนำเสด็จองค์หญิงสามแห่งแคว้นฉีขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว เตรียมเคลื่อขบวนออกนอกวัง

          “ลี่อิน” เสียงที่นางคุ้นเคยดังขึ้น

          “เสด็จพี่!” นางแปลกใจไม่น้อยที่เห็นเจ๋อหานออกมาส่งนาง อีกทั้งวันนี้เขากลับมาสุขุมแลอ่อนโยนเช่นเดิม

          “พี่มาส่งเจ้า นับจากนี้ข้าจะอยู่เพื่อท่านแม่ และราษฎรแคว้นฉีเจ้าไม่ต้องกังวล” เจ๋อหานให้คำมั่นกับนาง สายตาที่แน่วแน่ทำให้ลี่อินเชื่อมั่นสุดหัวใจ

          “อือ” นางพยักหน้ารับ ดวงตาร้อนผ่าวจากหยดน้ำใสที่เอ่อล้น

          “หม่อมฉันต้องไปแล้ว” เสียงนั้นยังคงสั่นเครือ

          “อือ รักษาตัวด้วย” เจ๋อหานมองตามเกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามจดสุดสายตา

ขบวนรับเสด็จเจ้าสาวของแคว้นเว่ยรั้งรอที่หน้าประตูวัง หากแต่กลับไม่เห็นชินอ๋องเจ้าบ่าวของพิธีนี้รอรับเจ้าสาวตามประเพณี

          “ทูลองค์หญิง ท่านอ๋องประชวรกะทันหันมิอาจเสด็จมารับพระองค์ด้วยตนเอง จึงส่งกระหม่อมมารับแทน” เย่จินรู้สึกกระดากอายที่ต้องอ้างเหตุผลเช่นนี้

          “ช่างเถิด รีบออกเดินทางเถอะ”

ข้อแก้ตัวน่าขันเช่นนี้มีหรือที่ลี่อินจะคาดเดาไม่ได้ เกรงว่าเวลานี้พระองค์คงอยู่เป็นเพื่อนสตรีในดวงใจแน่

Related chapters

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 11 ดูแคลน

    ขบวนเจ้าสาวยาวหลายลี้ เหรียญทองมงคลถูกแจกจ่ายตลอดเส้นทางในเมืองซีหนาน หากแต่นั่นก็มิอาจกลบเสียงซุบซิบนินทาในหมู่ชาวบ้านได้ “เหตุใดข้าไม่เห็นเจ้าบ่าวเล่า” “ได้ยินมาว่าองค์หญิงสามอยากแต่งเข้าจวนอ๋อง ถึงขั้นขอให้ฝ่าบาทปฏิเสธจดหมายแต่งงานของแคว้นหาน” “พี่สาวกับน้องสาวจะมีสามีคนเดียวกันหรือ น่าขันยิ่ง” “ได้ยินว่าชินอ๋อง มีใจให้กับท่านหญิงเสวี่ยหนิงหากแต่องค์หญิงสามยังคิดแย่งชิง” คำพูดเหล่านี้ลี่อินได้ยินทุกคำ แต่นางเลือกที่จะไม่โต้ตอบปล่อยให้คำนินทาเหล่านั้นลอยหายไปตามสายลม เย่จินที่อารักขาอยู่ข้างเกี้ยวพระที่นั่งได้ยินคำดูแคลนเหล่านั้นเต็มสองหู เขาจ้องลี่อินที่ยังนั่งนิ่งคล้ายไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น พลันในใจก็เกิดความนับถือกับความอดทนของนาง แม้แคว้นฉีและเว่ยจะมีชายแดนติดกัน หากแต่การเดินทางจากเมืองหลวงแคว้นฉีไปยังซู่โจวเมืองหลวงแคว้นเว่ยกลับต้องใช้เวลาถึงสิบวัน ขบวนเจ้าสาวยาวหลายลี้เคลื่อนตัวไปตามถนนที่ทอดยาวมุ่งสู่จวนอ๋อง ถึงกระนั้นก็ยังเป็นที่ขบขันของชาวเมือง การแต่งพระชายาเอกที่เจ้าบ่าวไม่

    Last Updated : 2025-02-06
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 1 จุดเริ่มต้น

    ฤดูใบไม้ผลิเมืองเถียนชิง ชายแดนแคว้นฉีและเว่ย ราษฎรเข้าสู่ฤดูเพาะปลูก การปลูกข้าวคือสินค้าที่ราษฎรลงทุนลงแรงและเฝ้าคอยฤดูเก็บเกี่ยวอย่างใจจดใจจ่อ ลานกว้างชายป่ากระโจมติดธงแคว้นฉีและเว่ยถูกตั้งขึ้นไม่ไกลกัน มีทหารลาดตระเวนเข้มงวด “ทูลฝ่าบาท องค์หญิงลี่อินไม่อยู่ในกระโจมพ่ะย่ะค่ะ” กงกงเฒ่าคู่พระทัยหย่งเฮ่าฮ่องเต้แคว้นฉีกราบทูล ทำให้บทสนทนาของกษัตริย์แคว้นฉีและเว่ยต้องหยุดชะงักลง “ให้คนไปตามนางมา” หย่งเฮ่าไม่พอพระทัยนักที่องค์หญิงสามซุกซนไม่เรียบร้อยดั่งเช่นท่านหญิงสอง ที่แม้เป็นเพียงท่านหญิงที่เกิดจากตาอิ้งนางกำนัลคนสนิทของฮองเฮาแต่กลับมีกิริยาเรียบร้อยกว่าพระธิดาทุกพระองค์ “ให้ลูกไปตามเถิดเพคะ” ซ่งเสวี่ยหนิง ท่านหญิงสองที่ทำหน้าที่คอยชงชาให้ฮ่องเต้ทั้งสองแคว้นทูลเสนอตัว “เช่นนั้นก็รีบเถิด อีกครู่อ๋องหยางหมิงจะมาถึงแล้ว” “เพคะ” เสวี่ยหนิงวางกาน้ำชา พร้อมทั้งออกไปตามน้องต่างมารดาที่เกิดช้ากว่านางเพียงวันเดียว หากแต่ยศนั้นช่างแตกต่าง นางเป็นเพียงท่านหญิงที่เกิดจากนางกำนัลต่ำศักดิ์ แต่ลี่อิน

    Last Updated : 2025-02-03
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 2 ลูกรักลูกชัง

    สามปีหลังจากการเสด็จส่วนพระองค์ที่เมืองเถียนชิงของฮ่องเต้ ในค่ำคืนที่ดวงดาวประดับทั่วท้องฟ้า เสียงครางซาบซ่านของการร่วมรักระหว่างชายหญิง ดังออกมานอกตำหนักลับในเมืองซีหนานเมืองหลวงแคว้นฉี เหล่านางกำนัลที่ยืนรอปรนนิบัติต้องถอยห่างออกจากตัวตำหนักหลายร้อยฉื่อ กระนั้นเสียงร่วมรักของผู้เป็นนายยังลอยตามลมเข้าหูของบ่าวไพร่จนผู้คนทนฟังไม่ไหว เมื่อเสียงเงียบลง ปิงเซียงนางกำนัลข้างกายจึงรีบเข้ากราบทูลอย่างรีบร้อน “ทูลองค์หญิง ฝ่าบาทเรียกให้กลับวังตอนนี้เพคะ” หากแต่สตรีที่อยู่บนเตียงไม่ได้ตื่นตระหนก ยังคงนอนแนบชิดบุรุษใต้ผ้าไหมหนานุ่ม สายตาจ้องมองเรือนร่างบุรุษไม่มีขวยเขิน “แจ้งกลับไป วันนี้ข้าไม่สบายพรุ่งนี้จะเข้าเฝ้าแต่เช้า” คำพูดไม่ใส่ใจขององค์หญิง ทำให้ปิงเซียงหวาดกลัวแทนผู้เป็นนาย “ครั้งนี้ฝ้าบาทส่งองครักษ์ตำหนักเฉวียนชิงมาเพคะ เกรงว่าคงไม่อาจขัดขืนได้” ร่างบางดวงหน้าเย่อหยิ่ง เมื่อรู้ว่าคนที่เสด็จพ่อของตนส่งมาตามคือองครักษ์ส่วนพระองค์ จึงรีบผละออกจากร่างบุรุษรูปงามที่ตนไม่รู้จักแม้แต่ชื่อในทั

    Last Updated : 2025-02-03
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 3 เจ้าสาวต่างแคว้น

    “ข้าไม่ยอมรับการแต่งงานนี้แน่” เหมยหลิงกล่าวขัดขืน คำตอบของผู้เป็นพี่สาวไม่ได้เกินความคาดหมายของลี่อิน หากแต่อย่างไรงานแต่งงานนี้เหมยหลิงก็ไม่อาจขัดได้แน่ ทั้งลี่อินและฮองเฮาต่างเข้าใจสถานการณ์ดี เพียงแต่ผู้ที่ต้องเป็นเจ้าสาวกลับยังยอมรับไม่ได้ “แม่ว่าครั้งนี้เสด็จพ่อเจ้าจะทำดังที่รับสั่งแน่ เจ้าเองก็อยู่แต่ในวังก่อนเถิด” เสวี่ยฉีไม่เห็นด้วยกับการที่พระธิดาจะหลับนอนกับชายไม่เลือกหน้าเช่นนี้ หากแต่ความเคียดแค้นของตนที่มีต่อพระสวามีจึงทำให้นางปล่อยผ่านเรื่ององค์หญิงใหญ่ เพราะอยากทำให้เขาทุกข์ใจเช่นเดียวกับที่นางทุกข์ใจในความมักมากของเขา “เสด็จพ่อห้ามไม่ให้หม่อมฉันออกไป แต่ไม่ได้ห้ามเหล่าบุรุษเข้ามานี่” เหมยหนิงยิ้มอย่างลำพองใจ ก่อนจะทูลลามารดาแล้วกลับตำหนักตน ลี่อินมองตามพี่สาวด้วยความเป็นห่วง หากยังเป็นเช่นนี้การแต่งงานไปแคว้นฉีต้องลำบากแน่ เพียงสองวันหลังจากฮ่องเต้ออกคำสั่งไม่ให้องค์หญิงใหญ่ออกจากวัง ราชทูตแคว้นเว่ยก็อัญเชิญสาส์นสู่ขอทูลเสนอต่อฮ่องเต้แคว้นฉีกลางท้องพระโรง “ข้ายอมรับการสู่ขอนี้ อี

    Last Updated : 2025-02-03
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 4 เจอกันอีกครา

    กลางดึกสายลมพัดอ่อน เหล่าดาราประดับเต็มท้องฟ้าชวนให้ผู้คนต้องแหงนมองความงามยามค่ำคืน หลายตำหนักปิดเงียบเข้าสู่ห้วงนิทราหมดแล้ว หากแต่ตำหนักว่านอันของรัชทายาทห้องอักษรยังคงส่องสว่าง บ่งบอกว่าเจ้าของตำหนักยังคงคร่ำเคร่งกับการอ่านฎีกา เสวี่ยหนิงเมื่อคิดหาหนทางอื่นไม่ได้ จำต้องพึ่งความสามารถขององค์รัชทายาทแล้ว “เสด็จพี่ หม่อมฉันเสวี่ยหนิงขอเข้าไปได้หรือไม่เพคะ”เสียงหวานของเสวี่ยหนิงทำให้เจ๋อหานนั่งตัวตรง แม้เป็นพี่น้องร่วมบิดาแต่เขากลับมีใจให้นาง ถึงการแต่งงานร่วมสายเลือดไม่ใช่เรื่องร้ายแรง หากแต่เรื่องนี้ยังคงไม่อาจเป็นที่ยอมรับของคนหมู่มาก “เข้ามาเถิด” “เสด็จพี่ทรงงานอยู่หรือไม่” เมื่อก้าวพ้นธรณีประตูมาได้เสวี่ยหนิงก็ปิดประตูห้องอย่างรู้งาน “อือ ยังมีฎีกาอีกมาก” เจ๋อหานลุกจากโต๊ะเดินมาหานาง “หม่อมฉันปักสายคาดเอวให้เสด็จพี่ จึงรีบนำมาให้หากช้ากว่านี้เกรงจะไม่มีโอกาสแล้ว” ใบหน้างามดูเศร้าสร้อย เจ๋อหานเมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนั้น เขารู้ได้ทันทีว่านางได้รับคำสั่งตามองค์หญิงใหญ่ไปยังแคว้นเว่ยแล้ว ในใจก

    Last Updated : 2025-02-03
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 5 จากลา

    สองปีแล้วที่เหมยหลิงแต่งเข้าจวนชินอ๋องแห่งแคว้นเว่ย ลี่อินกลับได้รับข่าวที่ส่งกลับมาน้อยมาก จดหมายฉบับล่าสุดคือเมื่อหนึ่งปีก่อนเหมยหลิงแจ้งข่าวว่าตนได้คลอดองค์หญิงตัวน้อย มีนามว่าอี้หนิง ข่าวนั่นทำให้ฮองเฮาดีพระทัยไม่น้อย ของรับขวัญหลานถูกส่งไปยังแคว้นเว่ย มากมาย หากแต่นับจากนั้นข่าวคราวเริ่มเงียบหายทำให้ลี่อินกังวลใจไม่น้อย “ทูลองค์หญิง ฝ่าบาทเรียกหาที่ตำหนักฮองเฮาเพคะ” อี้เฉานางกำนัลข้างกายแจ้งกับผู้เป็นนาย ลี่อินที่กำลังปักเย็บชุดเด็ก หวังส่งเป็นของขวัญให้อี้หนิงดังที่เคยส่งไปทุกปีวางชุดลงอย่างเหนื่อยล้า “พอรู้หรือไม่ว่าเรื่องใด” ลี่อินกล่าวพลางมุ่งหน้าไปตำหนักหนิงอัน “บ่าวคิดว่าน่าจะเรื่องคุณชายหลายตระกูลส่งจดหมายสู่ขอเพคะ” อี้เฉากล่าวอย่างยิ้มแย้ม ลี่อินบัดนี้สมควรแก่การออกเรือนแล้ว หญิงสาวผู้มีรูปโฉมงามกว่าสตรีใด ๆ ในแคว้นฉี เป็นที่หมายตาของตระกูลใหญ่ทั่วเมืองหลวง ด้วยเป็นองค์หญิงที่กำเนิดจากฮองเฮา แลเป็นหลานรักของตระกูลหลานผู้มีท่านตาเป็นถึงมหาราชครูของแคว้น “ข้าหวังว่าเจ้าจะเด

    Last Updated : 2025-02-03
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 6 ชินอ๋อง

    “เสด็จพี่วางพระทัย เสด็จแม่ท่านพี่เจ๋อหานและข้าสบายดี”ลี่อินกล่าวพลางไหว้เคารพศพ “เสด็จแม่ฝากปิ่นไม้นี้มาให้พระองค์ด้วย พระนางบอกว่าจะอยู่ข้าง ๆ พี่สาวตลอดไป” น้ำใสร้อนเริ่มไหลอาบดวงหน้าลี่อินอีกครั้ง นางวางปิ่นไม้ในหีบศพของผู้ที่จากไป “ท่านอย่าได้ห่วงอี้หนิง นางเป็นถึงธิดาอ๋องไม่มีใครกล้ารังแกนางแน่” ลี่อินยังคงยืนคุยกับร่างของเหมยหลิงเสมือนางยังคงมีชีวิต “องค์หญิง องค์หญิงสาม ในที่สุดท่านก็มาแล้ว บ่าวได้พบท่านแล้ว” เสียงปิงเซียงกล่าวพร้อมสะอื้นไห้ ลี่อินหันมองตามเสียงที่ดังมา สายตาหยุดอยู่ที่เด็กน้อยแก้มกลมแดงในอ้อมกอดของปิงเซียง หน้าตาเด็กน้อยละม้ายคลายเสด็จพี่ของตนไม่น้อย ชุดลายดอกโบตั๋นที่นางเคยตัดให้ยังคงอยู่บนร่างเล็กนั่น ทำให้นางรู้แน่ชัดว่าเด็กคนนี้คืออี้นิงหลานสาวของนางเอง “นี่! ถานอี้หนิง ใช่หรือไม่” ร้อยยิ้มบนใบหน้าของลี่อินมาพร้อมกลับน้ำตาที่เอ่อล้น “เพคะ นี่คือท่านหญิงอี้หนิง” ปิงเซียงพยักหน้าตอบทั้งน้ำตา “อี้หนิง มาให้ท่านน้าอุ้มได้หรือไม่”

    Last Updated : 2025-02-04
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 7 ปะทะคารม

    “ได้! หม่อมฉันไม่มีสิทธิ์ก้าวล่วงความรู้สึกของพระองค์ แต่หากเป็นเรื่องท่านหญิงที่ต้องปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่ กลับมีส่วนทำให้นางสิ้นพระชนม์หม่อมฉันคงยุ่งได้กระมัง” ลี่อินเผชิญกับแววตาเย็นชานั่นอย่างไม่หวาดหวั่น “นี่เจ้า!”หยางหมิงไม่คาดคิดว่านางจะกล้าโต้แย้งกับเขาถึงเพียงนี้ หากเป็นผู้อื่นคงหวานกลัวจนหัวหดไปนานแล้ว “ท่านอ๋องอย่าทรงโต้แย้งกับองค์หญิงสามเพราะหม่อมฉันอีกเลยเพคะ” เสวี่ยหนิงยื่นมือมาคว้าแขนบุรุษที่อยู่เบื้องหน้า พลางกล่าวอย่างเศร้าสร้อย “เหอะ!” ลี่อินเมื่อเห็นการกระทำอย่างไม่ละลายของเสวี่ยหนิง ก็หัวเราะอย่างดูแคลน “เจ้าหัวเราะเยาะสิ่งใด” หยางหมิงไม่พอใจการกระทำที่ดูแคลนนี้ของลี่อิน “เป็นถึงท่านหญิงผู้สง่างามของฮ่องเต้แคว้นฉี แต่พอห่างจากสายพระเนตรบิดากลับทำตัวไร้ยางอาย กล้าแตะเนื้อต้องตัวสามีของผู้อื่น” สายตาเย้ยหยันของลี่อิน ส่งผ่านไปยังสตรีที่อยู่ด้านหลังของหยางหมิงอย่างไม่ปิดบัง เสวี่ยหนิงหน้าชารีบดึงมือตนเองกลับในทันที น้ำตาเอ่อล้นคล้ายไม่ได้รับความเป็นธรรม

    Last Updated : 2025-02-05

Latest chapter

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 11 ดูแคลน

    ขบวนเจ้าสาวยาวหลายลี้ เหรียญทองมงคลถูกแจกจ่ายตลอดเส้นทางในเมืองซีหนาน หากแต่นั่นก็มิอาจกลบเสียงซุบซิบนินทาในหมู่ชาวบ้านได้ “เหตุใดข้าไม่เห็นเจ้าบ่าวเล่า” “ได้ยินมาว่าองค์หญิงสามอยากแต่งเข้าจวนอ๋อง ถึงขั้นขอให้ฝ่าบาทปฏิเสธจดหมายแต่งงานของแคว้นหาน” “พี่สาวกับน้องสาวจะมีสามีคนเดียวกันหรือ น่าขันยิ่ง” “ได้ยินว่าชินอ๋อง มีใจให้กับท่านหญิงเสวี่ยหนิงหากแต่องค์หญิงสามยังคิดแย่งชิง” คำพูดเหล่านี้ลี่อินได้ยินทุกคำ แต่นางเลือกที่จะไม่โต้ตอบปล่อยให้คำนินทาเหล่านั้นลอยหายไปตามสายลม เย่จินที่อารักขาอยู่ข้างเกี้ยวพระที่นั่งได้ยินคำดูแคลนเหล่านั้นเต็มสองหู เขาจ้องลี่อินที่ยังนั่งนิ่งคล้ายไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น พลันในใจก็เกิดความนับถือกับความอดทนของนาง แม้แคว้นฉีและเว่ยจะมีชายแดนติดกัน หากแต่การเดินทางจากเมืองหลวงแคว้นฉีไปยังซู่โจวเมืองหลวงแคว้นเว่ยกลับต้องใช้เวลาถึงสิบวัน ขบวนเจ้าสาวยาวหลายลี้เคลื่อนตัวไปตามถนนที่ทอดยาวมุ่งสู่จวนอ๋อง ถึงกระนั้นก็ยังเป็นที่ขบขันของชาวเมือง การแต่งพระชายาเอกที่เจ้าบ่าวไม่

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 10 สาส์นขอแต่งงาน

    พระราชสาส์นขอแต่งงานแคว้นเว่ยถูกส่งมาพร้อมกับพระราชสาส์นของแคว้นหานทั้งสองแคว้นล้วนสู่ขอองค์หญิงสามซ่งลี่อิน ทำให้บัดนี้ราชสำนักแคว้นฉีต้องหารือกันอีกครั้ง หย่งเฮ่าฮ่องเต้แคว้นฉีไม่คิดจะยกลี่อินให้กับชินอ๋อง ด้วยแคว้นเว่ยขอลี่อินเป็นชายาเอกแลเสวี่ยหนิงเป็นชายารอง การจะให้ธิดาทั้งสองแต่งเข้าจวนอ๋องดูแล้วแคว้นฉีจะขาดทุนมากเกินไป อีกทั้งหากลี่อินแต่งกับรัชทายาทแคว้นหานที่มีอำนาจมากกว่าแคว้นเว่ยและฉี เช่นนี้จะไม่เป็นประโยชน์กว่าหรือ หากแต่บุญคุณที่ฮ่องเต้เหว่ยเฉียงเคยช่วยชีวิตของเขาจากการถูกลอบสังหารเมื่อครายังเป็นรัชทายาท จนทำให้ทั้งสองเป็นสหายร่วมสาบานนี้ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร ด้านลี่อินเมื่อรู้ว่ามีราชสาส์นขอแต่งงานจากแคว้นเว่ย ก็รีบเข้าเฝ้าฮองเฮาในทันที “เสด็จแม่ โปรดช่วยรับสั่งกับเสด็จพ่อให้ลูกแต่งไปแคว้นเว่ยด้วยเพคะ” ลี่อินคุกเข่าขอร้อง “เจ้าต้องการไม่หาอี้หนิงใช่หรือไม่” ฮองเฮาที่บัดนี้ใช้พระธรรมเป็นที่พึ่ง นั่งภาวนาหน้าพระพุทธรูปตรัสพลางลืมตาขึ้นมองนาง “อือ” ลี่อินพยักหน้ารับ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 9 ล้มเหลว

    หยางหมิงเมื่อยอมอภิเษกสมรสเพื่อความมั่นคงของแคว้นแล้ว ครานี้จึงขอทำตามใจปรารถนาแต่งงานกับสตรีที่ตนรัก “ทูลเสด็จพ่อ หม่อมฉันขอพระองค์พระราชทานอนุญาตแต่งซ่งเสวี่ยหนิงท่านหญิงแคว้นฉีเป็นพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” หยางหมิงคุกเข่าหน้าโต๊ะทรงอักษร “ข้าจะให้เจ้าแต่งซ่งเสวี่ยหนิงได้เพียงชายารองเท่านั้น ตำแหน่งพระชายาเอกชินอ๋องข้าจะยกให้ซ่งลี่อิง องค์หญิงที่มีฮองเฮาเป็นมารดา” ฮ่องเต้เหว่ยเฉียงรับสั่งอย่างชัดเจน “พระองค์ไม่กลัวนางทำเรื่องอัปยศเช่นพี่สาวหรือพ่ะย่ะค่ะ” หยางหมิงไม่พอใจกับการอภิเษกสมรสครั้งนี้ “นางไม่ใช่เหมยหลิง เหตุใดจึงคิดว่านางจะทำเช่นนั้น แต่ถึงแม้นางจะทำมากกว่าเหมยหลิงเจ้าก็ยังคงต้องแต่งกับนาง เจ้าลืมหน้าที่ของบุรุษราชวงศ์แล้วหรือ”เหว่ยเฉียงเห็นความอยู่รอดของแคว้นมากกว่าความสุขของโอรสตน “การอภิเษกสมรสระหว่างแคว้น หากไม่อภิเษกกับองค์หญิงสายตรงอันมีมารดาเป็นฮองเฮา มีพระเชษฐาร่วมอุทรเป็นรัชทายาท การสมรสนี้แคว้นจะได้ประโยชน์ใด” ฮ่องเต้เตือนสติหยางหมิง “ไตร่ตรองดูเถิด เจ้าจะละทิ้งหน้าที่ต่อร

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 8 ต่อรอง

    พิธีศพของเหมยหลิงจัดอย่างสมพระเกียรติ แม้หยางหมิงจะเกลียดแค้นนางแต่ขบวนพระศพกลับยิ่งใหญ่สมชายาอ๋อง หีบพระศพเคลื่อนไปตามถนนเส้นหลักของซู่โจวมุ่งตรงสู่สุสานหลวงนอกเมือง เหล่านางกำนัลบ่าวไพร่สวมชุดไว้ทุกข์เดินต่อแถวยาวหลายลี้ ชินอ๋องควบม้าอยู่หน้าขบวนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ลี่อินเดินตามขบวนที่ทอดยาว พลางสังเกตเห็นชาวบ้านที่ออกมาดูต่างซุบซิบนินทาพี่สาวของตนสนุกปาก “ได้ข่าวว่าชายาอ๋องผู้นี้มักมากในกามารมณ์” “เห็นผู้ดูแลหอชายงามบอก นางมักปรนเปรอชายหนุ่มคืนละหลาย ๆ คน” “ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นองค์หญิงแคว้นฉี น่าละลายจริง ๆ” “สงสารแต่ชินอ๋อง ไม่รู้เวรกรรมใดถึงมาเจอสตรีไร้ยางอายเช่นนี้” คำพูดดูแคลนนี้ลี่อินได้ยินทุกถ้อยคำ หากแต่นางทำสิ่งใดไม่ได้ ได้แต่น้อมรับคำพูดเหยียดหยามพวกนั้นเอาไว้ พิธีศพเสร็จสิ้นแล้วลี่อินจะไม่มีเหตุผลที่จะรั้งอยู่ต่อ หากแต่นางยังจากไปไม่ได้ นางต้องพาอี้หนิงกลับไปแคว้นฉีกับตนด้วย “ท่านอ๋อง ข้าลี่อินขอเข้าไปได้หรือไม่” ลี่อินที่ยืนอยู่หน้าห้องอักษรแจ้งผู้อยู่

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 7 ปะทะคารม

    “ได้! หม่อมฉันไม่มีสิทธิ์ก้าวล่วงความรู้สึกของพระองค์ แต่หากเป็นเรื่องท่านหญิงที่ต้องปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่ กลับมีส่วนทำให้นางสิ้นพระชนม์หม่อมฉันคงยุ่งได้กระมัง” ลี่อินเผชิญกับแววตาเย็นชานั่นอย่างไม่หวาดหวั่น “นี่เจ้า!”หยางหมิงไม่คาดคิดว่านางจะกล้าโต้แย้งกับเขาถึงเพียงนี้ หากเป็นผู้อื่นคงหวานกลัวจนหัวหดไปนานแล้ว “ท่านอ๋องอย่าทรงโต้แย้งกับองค์หญิงสามเพราะหม่อมฉันอีกเลยเพคะ” เสวี่ยหนิงยื่นมือมาคว้าแขนบุรุษที่อยู่เบื้องหน้า พลางกล่าวอย่างเศร้าสร้อย “เหอะ!” ลี่อินเมื่อเห็นการกระทำอย่างไม่ละลายของเสวี่ยหนิง ก็หัวเราะอย่างดูแคลน “เจ้าหัวเราะเยาะสิ่งใด” หยางหมิงไม่พอใจการกระทำที่ดูแคลนนี้ของลี่อิน “เป็นถึงท่านหญิงผู้สง่างามของฮ่องเต้แคว้นฉี แต่พอห่างจากสายพระเนตรบิดากลับทำตัวไร้ยางอาย กล้าแตะเนื้อต้องตัวสามีของผู้อื่น” สายตาเย้ยหยันของลี่อิน ส่งผ่านไปยังสตรีที่อยู่ด้านหลังของหยางหมิงอย่างไม่ปิดบัง เสวี่ยหนิงหน้าชารีบดึงมือตนเองกลับในทันที น้ำตาเอ่อล้นคล้ายไม่ได้รับความเป็นธรรม

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 6 ชินอ๋อง

    “เสด็จพี่วางพระทัย เสด็จแม่ท่านพี่เจ๋อหานและข้าสบายดี”ลี่อินกล่าวพลางไหว้เคารพศพ “เสด็จแม่ฝากปิ่นไม้นี้มาให้พระองค์ด้วย พระนางบอกว่าจะอยู่ข้าง ๆ พี่สาวตลอดไป” น้ำใสร้อนเริ่มไหลอาบดวงหน้าลี่อินอีกครั้ง นางวางปิ่นไม้ในหีบศพของผู้ที่จากไป “ท่านอย่าได้ห่วงอี้หนิง นางเป็นถึงธิดาอ๋องไม่มีใครกล้ารังแกนางแน่” ลี่อินยังคงยืนคุยกับร่างของเหมยหลิงเสมือนางยังคงมีชีวิต “องค์หญิง องค์หญิงสาม ในที่สุดท่านก็มาแล้ว บ่าวได้พบท่านแล้ว” เสียงปิงเซียงกล่าวพร้อมสะอื้นไห้ ลี่อินหันมองตามเสียงที่ดังมา สายตาหยุดอยู่ที่เด็กน้อยแก้มกลมแดงในอ้อมกอดของปิงเซียง หน้าตาเด็กน้อยละม้ายคลายเสด็จพี่ของตนไม่น้อย ชุดลายดอกโบตั๋นที่นางเคยตัดให้ยังคงอยู่บนร่างเล็กนั่น ทำให้นางรู้แน่ชัดว่าเด็กคนนี้คืออี้นิงหลานสาวของนางเอง “นี่! ถานอี้หนิง ใช่หรือไม่” ร้อยยิ้มบนใบหน้าของลี่อินมาพร้อมกลับน้ำตาที่เอ่อล้น “เพคะ นี่คือท่านหญิงอี้หนิง” ปิงเซียงพยักหน้าตอบทั้งน้ำตา “อี้หนิง มาให้ท่านน้าอุ้มได้หรือไม่”

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 5 จากลา

    สองปีแล้วที่เหมยหลิงแต่งเข้าจวนชินอ๋องแห่งแคว้นเว่ย ลี่อินกลับได้รับข่าวที่ส่งกลับมาน้อยมาก จดหมายฉบับล่าสุดคือเมื่อหนึ่งปีก่อนเหมยหลิงแจ้งข่าวว่าตนได้คลอดองค์หญิงตัวน้อย มีนามว่าอี้หนิง ข่าวนั่นทำให้ฮองเฮาดีพระทัยไม่น้อย ของรับขวัญหลานถูกส่งไปยังแคว้นเว่ย มากมาย หากแต่นับจากนั้นข่าวคราวเริ่มเงียบหายทำให้ลี่อินกังวลใจไม่น้อย “ทูลองค์หญิง ฝ่าบาทเรียกหาที่ตำหนักฮองเฮาเพคะ” อี้เฉานางกำนัลข้างกายแจ้งกับผู้เป็นนาย ลี่อินที่กำลังปักเย็บชุดเด็ก หวังส่งเป็นของขวัญให้อี้หนิงดังที่เคยส่งไปทุกปีวางชุดลงอย่างเหนื่อยล้า “พอรู้หรือไม่ว่าเรื่องใด” ลี่อินกล่าวพลางมุ่งหน้าไปตำหนักหนิงอัน “บ่าวคิดว่าน่าจะเรื่องคุณชายหลายตระกูลส่งจดหมายสู่ขอเพคะ” อี้เฉากล่าวอย่างยิ้มแย้ม ลี่อินบัดนี้สมควรแก่การออกเรือนแล้ว หญิงสาวผู้มีรูปโฉมงามกว่าสตรีใด ๆ ในแคว้นฉี เป็นที่หมายตาของตระกูลใหญ่ทั่วเมืองหลวง ด้วยเป็นองค์หญิงที่กำเนิดจากฮองเฮา แลเป็นหลานรักของตระกูลหลานผู้มีท่านตาเป็นถึงมหาราชครูของแคว้น “ข้าหวังว่าเจ้าจะเด

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 4 เจอกันอีกครา

    กลางดึกสายลมพัดอ่อน เหล่าดาราประดับเต็มท้องฟ้าชวนให้ผู้คนต้องแหงนมองความงามยามค่ำคืน หลายตำหนักปิดเงียบเข้าสู่ห้วงนิทราหมดแล้ว หากแต่ตำหนักว่านอันของรัชทายาทห้องอักษรยังคงส่องสว่าง บ่งบอกว่าเจ้าของตำหนักยังคงคร่ำเคร่งกับการอ่านฎีกา เสวี่ยหนิงเมื่อคิดหาหนทางอื่นไม่ได้ จำต้องพึ่งความสามารถขององค์รัชทายาทแล้ว “เสด็จพี่ หม่อมฉันเสวี่ยหนิงขอเข้าไปได้หรือไม่เพคะ”เสียงหวานของเสวี่ยหนิงทำให้เจ๋อหานนั่งตัวตรง แม้เป็นพี่น้องร่วมบิดาแต่เขากลับมีใจให้นาง ถึงการแต่งงานร่วมสายเลือดไม่ใช่เรื่องร้ายแรง หากแต่เรื่องนี้ยังคงไม่อาจเป็นที่ยอมรับของคนหมู่มาก “เข้ามาเถิด” “เสด็จพี่ทรงงานอยู่หรือไม่” เมื่อก้าวพ้นธรณีประตูมาได้เสวี่ยหนิงก็ปิดประตูห้องอย่างรู้งาน “อือ ยังมีฎีกาอีกมาก” เจ๋อหานลุกจากโต๊ะเดินมาหานาง “หม่อมฉันปักสายคาดเอวให้เสด็จพี่ จึงรีบนำมาให้หากช้ากว่านี้เกรงจะไม่มีโอกาสแล้ว” ใบหน้างามดูเศร้าสร้อย เจ๋อหานเมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนั้น เขารู้ได้ทันทีว่านางได้รับคำสั่งตามองค์หญิงใหญ่ไปยังแคว้นเว่ยแล้ว ในใจก

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 3 เจ้าสาวต่างแคว้น

    “ข้าไม่ยอมรับการแต่งงานนี้แน่” เหมยหลิงกล่าวขัดขืน คำตอบของผู้เป็นพี่สาวไม่ได้เกินความคาดหมายของลี่อิน หากแต่อย่างไรงานแต่งงานนี้เหมยหลิงก็ไม่อาจขัดได้แน่ ทั้งลี่อินและฮองเฮาต่างเข้าใจสถานการณ์ดี เพียงแต่ผู้ที่ต้องเป็นเจ้าสาวกลับยังยอมรับไม่ได้ “แม่ว่าครั้งนี้เสด็จพ่อเจ้าจะทำดังที่รับสั่งแน่ เจ้าเองก็อยู่แต่ในวังก่อนเถิด” เสวี่ยฉีไม่เห็นด้วยกับการที่พระธิดาจะหลับนอนกับชายไม่เลือกหน้าเช่นนี้ หากแต่ความเคียดแค้นของตนที่มีต่อพระสวามีจึงทำให้นางปล่อยผ่านเรื่ององค์หญิงใหญ่ เพราะอยากทำให้เขาทุกข์ใจเช่นเดียวกับที่นางทุกข์ใจในความมักมากของเขา “เสด็จพ่อห้ามไม่ให้หม่อมฉันออกไป แต่ไม่ได้ห้ามเหล่าบุรุษเข้ามานี่” เหมยหนิงยิ้มอย่างลำพองใจ ก่อนจะทูลลามารดาแล้วกลับตำหนักตน ลี่อินมองตามพี่สาวด้วยความเป็นห่วง หากยังเป็นเช่นนี้การแต่งงานไปแคว้นฉีต้องลำบากแน่ เพียงสองวันหลังจากฮ่องเต้ออกคำสั่งไม่ให้องค์หญิงใหญ่ออกจากวัง ราชทูตแคว้นเว่ยก็อัญเชิญสาส์นสู่ขอทูลเสนอต่อฮ่องเต้แคว้นฉีกลางท้องพระโรง “ข้ายอมรับการสู่ขอนี้ อี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status