Share

บทที่ 11 ดูแคลน

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-06 16:05:04

ขบวนเจ้าสาวยาวหลายลี้ เหรียญทองมงคลถูกแจกจ่ายตลอดเส้นทางในเมืองซีหนาน หากแต่นั่นก็มิอาจกลบเสียงซุบซิบนินทาในหมู่ชาวบ้านได้

                    “เหตุใดข้าไม่เห็นเจ้าบ่าวเล่า”

                 “ได้ยินมาว่าองค์หญิงสามอยากแต่งเข้าจวนอ๋อง ถึงขั้นขอให้ฝ่าบาทปฏิเสธจดหมายแต่งงานของแคว้นหาน”

                 “พี่สาวกับน้องสาวจะมีสามีคนเดียวกันหรือ น่าขันยิ่ง”

                 “ได้ยินว่าชินอ๋อง มีใจให้กับท่านหญิงเสวี่ยหนิงหากแต่องค์หญิงสามยังคิดแย่งชิง”

          คำพูดเหล่านี้ลี่อินได้ยินทุกคำ แต่นางเลือกที่จะไม่โต้ตอบปล่อยให้คำนินทาเหล่านั้นลอยหายไปตามสายลม

          เย่จินที่อารักขาอยู่ข้างเกี้ยวพระที่นั่งได้ยินคำดูแคลนเหล่านั้นเต็มสองหู เขาจ้องลี่อินที่ยังนั่งนิ่งคล้ายไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น พลันในใจก็เกิดความนับถือกับความอดทนของนาง

          แม้แคว้นฉีและเว่ยจะมีชายแดนติดกัน หากแต่การเดินทางจากเมืองหลวงแคว้นฉีไปยังซู่โจวเมืองหลวงแคว้นเว่ยกลับต้องใช้เวลาถึงสิบวัน ขบวนเจ้าสาวยาวหลายลี้เคลื่อนตัวไปตามถนนที่ทอดยาวมุ่งสู่จวนอ๋อง ถึงกระนั้นก็ยังเป็นที่ขบขันของชาวเมือง การแต่งพระชายาเอกที่เจ้าบ่าวไม่ไปรับเจ้าสาวด้วยตนเองไม่เคยเกิดขึ้น จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพระชายาองค์นี้ไม่เป็นที่ต้องการของชินอ๋อง

                 “ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงสามเป็นน้องสาวร่วมอุทรขององค์หญิงใหญ่ พระชายาองค์แรกของท่านอ๋อง”

                 “เช่นนั้นจะไม่มีนิสัยชอบหลับนอนกับบุรุษอื่นเช่นพี่สาวหรือ”

                 “น่าสงสารท่านอ๋องไม่รู้เวรกรรมใด จึงต้องทำให้มาพบเจอกับสองพี่น้องจากแคว้นฉี”

                 “ได้ข่าวว่าท่านอ๋องมีสตรีในดวงใจอยู่แล้ว จึงแต่งเข้าเป็นชายารอง”

                 “เช่นนั้นองค์หญิงผู้นี้ก็ขวางทางผู้อื่นน่ะสิ”

          เหล่าราษฎรแคว้นเว่ยไม่ต่างจากแคว้นฉี ที่ตัดสินสิ่งที่ตนเองไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากแต่ลี่อินยังคงนั่งนิ่งจนอี้เฉานางกำนัลคนสนิทอดเดือดดาลแทนมิได้

                    “องค์หญิงอย่าทรงฟังเลยเพคะ คนพวกนี้แค่มีปากก็พูดจ้าเรื่อยเปื่อย”

                    “อย่าห่วง ข้าไม่ได้นำคำพูดของผู้อื่นมาใส่ใจ” เสียงราบเรียบไร้อารมณ์ของสตรีที่อยู่บนเกี้ยว บ่งบอกว่านางไม่ได้โกรธเกรี้ยว

          ขบวนเจ้าสาวหยุดอยู่หน้าจวนอ๋อง คุณเท้าจากวังหลวงนำเจ้าสาวออกจากเกี้ยวพาเสด็จเข้าจวนอ๋องตามประเพณี ภายในจวนอักษรมงคลถูกติดทุกหนแห่ง ผ้าแดงผูกมัดทั่วพื้นที่ แขกเหรื่อมากมายยืนรอเบียดเสียดแน่นห้องโถงบ่งบอกถึงบารมีมากล้นของหยางหมิงอ๋อง ชินอ๋องผู้เก่งทั้งบุ๋นบู๊แห่งแคว้นเว่ย

          หยางหมิงในชุดมงคลสีแดงเพลิง ใบหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มด้วยสายตาแสนเย็นชายืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะบูชา พิธีควรดำเนินอย่างเรียบง่ายตามธรรมเนียมเช่นนี้ หากแต่ว่าข้างกายเขากลับมีสตรีอีกนางที่สวมชุดมงคลสีแดงเช่นเดียวกับชุดมงคลของพระชายาเอก แม้มีพัดแสนวิจิตรปิดบังใบหน้าลี่อินก็ยังจำสตรีใต้อาภรณ์มงคลนั้นได้ดี เสวี่ยหนิงช่างใจกล้าแม้แต่ธรรมเนียมการแต่งงานก็ไม่ยึดถือแล้ว ช่างแตกต่างจากสตรีที่อ่อนหวานในสายตาของเสด็จพ่อนางลิบลับ ชายารองที่ควรสวมอาภรณ์สีชมพู และไม่สามารถเข้าร่วมพิธีไหว้ฟ้าดินได้ ทำได้เพียงยกน้ำชาคาราวะชายาเอก บัดนี้กลับกล้ายืนเคียงข้างท่านอ๋องในพิธีอภิเษกสมรส

          สายตาแขกในงานที่มองมายังลี่อินช่างหลากหลายอารมณ์ บ้างก็แฝงไปด้วยความขบขัน บ้างก็ดูแคลน บ้างก็เวทนา แต่กลับมีสายตาแห่งความสาแก่ใจจากพี่น้องร่วมบิดาส่งมาให้นางอย่างไม่คิดปิดบัง

                    เริ่มพิธีไหว้ฟ้าดิน

คุณเท้าจากกรมพิธีการประกาศก้อง เช่นนั้นแล้วพิธีไหว้ฟ้าดินจึงถูกจัดขึ้นผิดหลักประเพณีอย่างนั้น แม้จะเป็นเรื่องน่าอายแต่เสวี่ยหนิงก็พอใจที่ทำให้ทุกคนได้รู้ว่านางที่เกิดจากตาอิ้งต่ำต้อยก็ทัดเทียมกับองค์หญิงของฮองเฮาได้

          พิธีไหว้ฟ้าดินจบลง ลี่อินถูกพาไปยังตำหนักท่านอ๋องตามประเพณี

                    “พระชายานี่มันอะไรกันเพคะ~ เหตุใดท่านอ๋องถึงให้ท่านหญิงเสวี่ยหนิงเข้าพิธีอภิเษกทัดเทียมกับพระองค์ได้”

          อี้เฉาที่เจ็บแค้นแทนลี่อิน โมโหหน้าดำหน้าแดงกล่าวเสียงดังไม่เกรงใครจะได้ยิน

                    “เขาก็เพียงอยากให้ทุกคนรู้ว่าเสวี่ยหนิงถึงจะสำคัญกับเขาที่สุด” ลี่อินกล่าวอย่างไม่ไยดี

                    “พระชายาไม่โกรธหรือ”

                    “ไม่รักแล้วจะโกรธด้วยเรื่องใด ปล่อยให้ท่านอ๋องทำในสิ่งที่เขาปรารถนา ข้าถึงจะมีโอกาสพาอี้หนิงกลับแคว้นฉี” ลี่อินวางพัดลงข้างกาย พลางยืดแขนด้วยความปวดเหมื่อย

                    “ทำเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ ต้องรอให้ท่านอ่อนมาดึงพัดลงตามประเพณี” อี้เฉารีบกล่าวทัดทาน

                    “คือนี้ท่านอ๋องไม่มาหรอก รีบเปลี่ยนชุดให้ข้าเถอะข้าอยากจะพบอี้หนิงแล้ว”

                    “เหตุใดจะไม่มาเล่า นี่คืนเข้าหอนะเพคะ”

          หากแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ อี้เฉากลับได้ยินเสียงเย่จินดังขึ้นเสียก่อน

          “ทูลพระชายาเอก คืนนี้ท่านอ๋องจะค้างที่เรือนตะวันตกของพระชายารองพ่ะย่ะค่ะ”

          สิ้นเสียงกราบทูลลี่ อินก็เลิกคิ้วขึ้นมองไปที่อี้เฉาอย่างผู้มีชัย

                    “เห็นหรือไม่ ข้าบอกแล้ว”

                    “เจ้ารีบมาเปลี่ยนชุดให้ข้าเถอะ ไม่รู้นานป่านนี้อี้หนิงจะเป็นอย่างไรบ้าง”

                    “เจ้าค่ะ” อี้เฉารับคำสั่ง นางไม่เข้าใจองค์หญิงของตนที่ไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อยที่รู้ว่าพระสวามีของตน เลือกที่จะร่วมหอกับชายารองในคืนแต่งานของตัวเอง

                    “ไปตำหนักเล็กหลังจวนกัน” เมื่อผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อย ลี่อินจึงกล่าวชวนอี้เฉาพลางเดินนำหน้าออกจากตำหนักอ๋อง

          เมื่อเดินออกมาจากตำหนักกลับพบเย่จินที่ควรอยู่ข้างกายท่านอ๋อง ยืนอารักขาอยู่ด้านหน้า หากแต่นางเลือกที่จะไม่สนใจหมายจะเดินผ่านเขาไปเงียบ ๆ

                    “พระชายาจะเสด็จที่ใดพ่ะย่ะค่ะ” เย่จินยื่นมือขวางทางนาง

                    “ข้าจะไปตำหนักเล็กหลังจวน”

                    “ขออภัยพระชายา ท่านอ๋องกำชับว่าคืนเข้าหอพระองค์ควรอยู่ในห้องบรรทมตามประเพณี ห้ามออกไปที่ใด”

                    “นี่! ตัวเขาเองกลับไปอยู่ตำหนักเสวี่ยหนิง แล้วห้ามไม่ให้ข้าออกนอกห้อง นี่มันประเพณีแบบไหนกัน” ลี่อินเริ่มไม่พอใจกับการกระทำที่มากเกินไปของหยางหมิง

                    “กระหม่อมเพียงทำตามรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ” เย่จินยังคงไม่ปล่อยให้นางไป

                    “แล้วข้าจะไปตำหนักเล็กได้เมื่อใด?” ลี่อินข่มอารมณ์ขุ่นมัว

                    “เมื่อท่านอ๋องทรงอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ”

                    “ได้! ตามนั้น หวังว่าหยางมิงอ๋องของเจ้าจะไม่เสียใจ”

สายตาเอาเรื่องมองเย่จินก่อนจะกลับเข้าตำหนัก หากแต่ประโยคหลังนี้กลับทำให้เย่จินรู้สึกกังวลอย่างน่าประหลาด

ด้านหยางหมิงบุรุษผู้องอาจ บัดนี้ยืนอยู่หน้าตำหนักตะวันตกด้วยท่าทางประหม่า

          “หนิงเอ๋อ ข้าเข้าไปได้หรือไม่”

          “เพคะ” เสียงหวานกล่าวอนุญาตจากด้านใน ทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ

หยางหมิงก้าวเดินตามจังหวะการเต้นของใจ สายตาจับจ้องอยู่กับสตรีชุดสีแดงฉานที่นั่งคอยบนแท่นบรรทม มือหนาดึงพัดที่ปิดใบหน้างามออก เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนหวานที่ถูกแต่งแต้มให้มีเสน่น่าเย้ายวน

จนหยางหมิงเผยยิ้มด้วยความดีใจ

                    “ท่านอ๋อง จะสรงน้ำก่อนหรือไม่” ใบหน้างามเริ่มเอียงอาย

                    “ไม่” เสียงแหบพล่านั้นบ่งบอกถึงความต้องการของเขา

          หยางหมิงบรรจงจูบลงบนริมฝีปากเรียวบาง ริมฝีปากที่เขาเคยได้สัมผัสเมื่อห้าปีก่อน เสวี่ยหนิงหลับตาพริ้มด้วยความต้องการไม่ต่างกัน หากแต่หยางหมิงกลับรู้สึกว่ารสชาติที่เขาได้สัมผัสมันแตกต่าง ร่างสูงผละออกจากเสวี่ยหนิง เขามิอาจฝืนความรู้สึกแปลกปละหลาดที่ก่อตัวขึ้นภายในใจอย่างกะทันหันได้

                    “ท่านอ๋อง.......เป็นอะไรหรือไม่เพคะ” เสวี่ยหนิงลังเลที่จะเอ่ยถาม นางสับสนว่าเหตุใดเขาถึงปล่อยนาง

                    “ข้าขอโทษวันนี้ข้าเมามากไปจึงอยากจะขอพัก เจ้าเตรียมน้ำให้ข้าอาบได้หรือไม่” หยางหมิงหาข้ออ้างไม่ให้นางรู้สึกไม่สบายใจ

                    “เพคะ” แม้สับสนแต่เสวี่ยหนิงก็ทำตามรับสั่งโดยง่าย

          หยามเหม่าของวันถัดมา ตำหนักตะวันตกกลับถูกรบกวนจากลี่อินพระชายาเอกที่พึ่งรับตำแหน่งได้เพียงวันเดียว

                    “เข้าไปไม่ได้นะเพคะ” เจียฮุ่ยนางกำนัลของเสวี่ยหนิงยืนขวางประตูห้องบรรทม

          ลี่อินมองนางกำนัลเบื้องหน้าพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะใช้สองมือผลักจนเจียฮุ่ยเซไปด้านข้าง อี้เฉารีบเข้ามาจับตัวเจียฮุ่ยไว้อย่างรู้งาน ก่อนที่

ลี่อินจะเปิดประห้องบรรทมเสียงดัง ทำเอาบุรุษแลหญิงงามที่หลับใหลสะดุ้งตื่นจากห้วงนิทรา

                    “ท่านอ๋อง หม่อมฉันมาขออนุญาตไปตำหนักเล็กหลังจวน”

ลี่อินที่เห็นว่าทั้งสองไม่ได้เปลือยเปล่า จึงกล้าจ้องมองโดยไม่กระดากอาย

          หยางหมิงยังไม่ทันได้สร่างเมา กำลังไล่อาหารปวดหนึบบนศีรษะตนพลางจ้องไปยังสตรีที่อยู่เบื้องหน้า ไม่ต่างจากเสวี่ยหนิงที่จ้องลี่อินด้วยแววตาแข็งกร้าว

                    “องค์หญิงสามไม่รู้จักมารยาทหรือ” มือหนายังนวดขมับตน

                    “ชินอ๋องไม่รู้ประเพณีการเข้าหอหรือ?”

                    “นี่เจ้า!” เพียงเช้าแรกเขากลับต้องโมโหเสียแล้ว

                    “องค์หญิงลี่อิน หม่อมฉันขออภัยเพคะเป็นหม่อมฉันที่ทำให้ท่านอ๋องไม่ได้เสด็จ........”

                    “เจ้า! หยุดพูด ข้าไม่ได้อยากได้ยินข้อแก้ตัวที่เสแสร้ง” ลี่อินจ้องเสวี่ยหนิงด้วยสายตาคาดโทษ

                    “ลี่อิน เจ้าใช้อำนวจผิดที่แล้วนี่เป็นจวนอ๋องของข้า”

อารมณ์ขุ่นมัวของหยางหมิงทำให้ภายในห้องดูหนาวเหน็บในทันที  หากแต่ลี่อินกลับไม่สนใจใด ๆ

          “หม่อมฉันจะไปตำหนักเล็กได้หรือยังเพคะ” สายตาดื้อรั้นส่งไปยังหยางหมิงอย่างไม่เกรงกลัว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 12 ยื่นข้อเสนอ

    หยางหมิงที่ถูกลี่อินกวนอารมณ์ให้ขุ่นมัวแต่เช้า จ้องสายตาดื้อรั้นนั้นของนางเช่นกัน หากแต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาถูกดวงตาคู่งามราวไข่มุกนั้นล่อลวงให้ตกอยู่ในภวังค์ “ตกลงท่านอ๋องจะอนุญาตหรือไม่” ลี่อินขมวดคิ้วแน่น เสียงของนางปลุกให้หยางหมิงตื่นจากภวังค์ เขาดึงสายตากลับเสมองไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความอับอาย “หากอยากไปก็ไป” “ขอบพระทัยเพคะ” เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ นางก็ไม่อยู่ก่อกวนเขาอีก หยางหมิงมองตามหลังนาง ‘เพียงอยากไปหลาหลานสาวนางถึงกลับกล้าบุกห้องนอนผู้อื่นเลยหรือ หรือนี่เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อตำหนิเขาที่ไม่อยู่ร่วมหอกับนาง’ เขาอดคิดเข้าข้างตนมิได้ ตำหนักเล็กยังคงเงียบสงบเช่นเดิม หากแต่ต้นหญ้าที่เคยมีในครั้งก่อนบัดนี้ถูกกำจัดออกบ้างแล้ว อีกทั้งฝุ่นเขรอะตามพื้นดูเบาบางลงไม่น้อย “พระชายา” ปิงเซียงดีใจเมื่อเห็นว่าผู้ใดมายังตำหนัก “อี้หนิงเล่า?” ลี่อิงหันมองหาเด็กน้อยที่นางห่วงใย “ยังหลับอยู่เพคะ” “อือ แล้วระหว่างที่ข

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-07
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 13 เผชิญหน้า

    ตำหนักเล็กหลังเรือนบัดนี้ดูแคบลงถนัดตาเมื่อมีข้าวของเครื่องใช้ของลี่อินเข้ามาเพิ่มเติม หากแต่นั่นก็ทำให้ปิงเซียงรู้สึกอุ่นใจที่บัดนี้จะมีเจ้านายคอยปกป้องและดูแลท่านหญิงตัวน้อยของนางแล้ว “ปิงเซียง เจ้าไปตามช่างฝีมือมาซ่อมแซมตำหนัก และไปหาสาวใช้มาเพิ่มอีก เราคงต้องอยู่จวนอ๋องอีกนานกว่าข้าจะคิดหาวิธีได้” “เพคะพระชายา” ลี่อินใช้สินเดิมของตนในการปรับปรุงตำหนักหลังเล็กนี้เสียใหม่แม้ตำหนักหลังนี้จะหนาวเหน็บ หากแต่เมื่อกำจัดต้นไม้ที่ขึ้นรกทั่วตำหนักออก ปล่อยให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาบ้างอากาศรอบตำหนักก็อบอุ่นขึ้นไม่น้อย ลี่อินยังสั่งให้คนสวนปลูกดอกไม้ไว้หน้าจวนจะได้ทำให้ตำหนักที่ดูน่ากลัวหลังนี้มีสีสันมากขึ้น อี้หนิงเด็กหน้อยวัยขวบเศษชื่นชอบดอกไม้ไม่น้อยแววตาเศร้าหมองของนางกลับดุสดใสขึ้น เด็กน้อยที่พึ่งหัดเดินคลานเล่นไปทั่วล้านหน้าตำหนัก ทำเอาปิงเซียงต้องคอยเดินตามจนเหนื่อยล้า ลี่อินนั่งมองหลานรักที่ร้องอ้อแอ้อย่างอารมณ์ดีในใจของนางก็อบอุ่นหัวใจขึ้น ด้านหยางหมิงที่ยุ่งอยู่กับการฝึกทหารในกองทัพชานเมือง เมื่อกลับเข้าจวนก็พบว่าเสวี่ยหน

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-07
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 14 โดดเดี่ยว

    ตำหนักเล็กหลังเรือนบัดนี้ดูแคบลงถนัดตาเมื่อมีข้าวของเครื่องใช้ของลี่อินเข้ามาเพิ่มเติม หากแต่นั่นก็ทำให้ปิงเซียงรู้สึกอุ่นใจที่บัดนี้จะมีเจ้านายคอยปกป้องและดูแลท่านหญิงตัวน้อยของนางแล้ว “ปิงเซียง เจ้าไปตามช่างฝีมือมาซ่อมแซมตำหนัก และไปหาสาวใช้มาเพิ่มอีก เราคงต้องอยู่จวนอ๋องอีกนานกว่าข้าจะคิดหาวิธีได้” “เพคะพระชายา” ลี่อินใช้สินเดิมของตนในการปรับปรุงตำหนักหลังเล็กนี้เสียใหม่แม้ตำหนักหลังนี้จะหนาวเหน็บ หากแต่เมื่อกำจัดต้นไม้ที่ขึ้นรกทั่วตำหนักออก ปล่อยให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาบ้างอากาศรอบตำหนักก็อบอุ่นขึ้นไม่น้อย ลี่อินยังสั่งให้คนสวนปลูกดอกไม้ไว้หน้าจวนจะได้ทำให้ตำหนักที่ดูน่ากลัวหลังนี้มีสีสันมากขึ้น อี้หนิงเด็กหน้อยวัยขวบเศษชื่นชอบดอกไม้ไม่น้อยแววตาเศร้าหมองของนางกลับดุสดใสขึ้น เด็กน้อยที่พึ่งหัดเดินคลานเล่นไปทั่วล้านหน้าตำหนัก ทำเอาปิงเซียงต้องคอยเดินตามจนเหนื่อยล้า ลี่อินนั่งมองหลานรักที่ร้องอ้อแอ้อย่างอารมณ์ดีในใจของนางก็อบอุ่นหัวใจขึ้น ด้านหยางหมิงที่ยุ่งอยู่กับการฝึกทหารในกองทัพชานเมือง เมื่อกลับเข้าจวนก็พบว่าเสวี่ยหน

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-07
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 15 ตัดพ้อ

    หยางหมิงแปลกใจไม่น้อย เหตุใดนานเพียงนี้แล้วรถม้ายังไม่พาลี่อินกลับมาอีก “เย่จิน” หยางหมิงหันไปหาองครักษ์ข้างกาย “กระหม่อมจะไปถามพ่อบ้านเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” ......เพียงครู่เย่จินก็กลับมาพร้อมสีหน้าเป็นกังวล “ทูลท่านอ๋อง พ่อบ้านลืมทำตามรับสั่ง ไม่ได้บอกให้รถม้าไปรับองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” “ลืมหรือ? เป็นพ่อบ้านทำงานบกพร่องถึงเพียงนี้ได้อย่างไร เอาตัวไปลงโทษ แล้วไล่ออกซะ” หยางหมิงกล่าวอย่างเดือดดาลก่อนหันหลังกลับออกจากจวน รถม้าจวนอ๋องวิ่งสุดกำลังโดยมีเย่จินเป็นผู้บังคับ หยางหมิงมองผ่านสายฝนหาร่างบางของลี่อินที่อาจจะกำลังเดินทางกลับจวน “หยุดรถ ตรงนั้น!” ชินอ๋องร้องสั่งเย่จิน ก่อนพุ่งลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว ด้านลี่อินที่เดินฝ่าฝนเร่งรีบกลับจวน ผ่านถนนที่มืดมิดอย่างยากลำบากความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจ ทำให้ร่างบางหวาดระแวงทุกฝีก้าวที่ก้าวเดิน ร่มที่ถือมาไม่ได้ช่วยกันสายฝนที่กระหน่ำลงมาได้เลย อาภรณ์ผืนบางเปียกโชกแนบร่างบางจนน่าอาย ลี่อินเร่งฝีเท้าไม่หยุดหย่อนก่อนจะรู้สึกว่าแ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-08
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 16 จวนโหว

    “หากเจ้ายังป่วยอยู่ เช่นนั้นวันพรุ่งงานเลี้ยงน้ำชาจวนโหวเจ้าก็ไม่ต้องไปก็ได้” หยางหมิงเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยหลับไปจากเสียงกล่อมจึงเอ่ยขึ้น ลี่อินหยุดชะงักในทันที นางจำได้ว่าพระชายารัชทายาทเป็นบุตรีของท่านโหวแม่ทัพใหญ่แคว้นฉี การกระทำของพี่สาวนางนอกจากจะขัดแย้งกับชินอ๋องแล้ว ยังทำให้จวนโหวไม่พอใจเพราะเหตุการณ์ครานั้นทำให้พระชายารัชทายาทเสียใจจนตกเลือด “หม่อมฉันจะไปเพคะ” แววตามุ่งมั่นของนางแม้ร่างกายยังป่วยอยู่ทำให้หยางหมิงไม่กล้าขัด “เช่นนั้นพรุ่งนี้ยามอู่รถม้าจะรอที่หน้าจวน” “อือ” ลี่อินพยักหน้ารับ หยางหมิงออกตรวจกองทัพแต่จิตใจกลับฟุ้งซ่าน ตั้งแต่ที่ลี่อินถูกทิ้งให้เดินกลับจวนครานั้น แต่นางกลับไม่โวยวายให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ทำให้เขาเองเริ่มมองว่านางแตกต่างจากเหมายหลิงอยู่บ้าง “เจ้าว่าองค์หญิงสามเป็นคนเช่นไร” ชินอ๋องที่ควรมีสมาธิกับการอ่านสาส์นกองทัพ กลับเอ่ยถามเย่จินไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ท่านอ๋องตรัสว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ” เย่จินคิดว่าตนหูฝาด แต่หยางหมิงกลับ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-08
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 17 ท่านโหวน้อย

    “เช่นนั้นองค์หญิงสามต้องการคุยกับกระหม่อมเรื่องใด หรือเรื่องที่กระหม่อมเรียกท่านว่าพระชายาเมื่อครู่หรือ” จื้อหาวสงสัย “ไม่” ลี่อินส่ายหน้า “ข้าเพียงอยากจะขอโทษจวนโหวในสิ่งที่องค์หญิงใหญ่กระทำต่อพระชายารัชทายาท ข้ารู้ว่าเรื่องนี้เกินจะให้อภัยเพียงร้องขอท่านและจวนโหวอย่าได้มองอี้หนิงเป็นศัตรู นางเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่เกิดมา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดของมารดา” “ข้านึกว่าอยากให้จวนโหวยกโทษให้องค์หญิงใหญ่เสียอีก” “จวนโหวทำได้หรือ?” ลี่อินหยั่งเชิง ในใจนางมีคำตอบอยู่แล้ว จื้อหาวไม่ตอบคำถามนี้ของนาง เขาเพียงจ้องมองนางและส่ายหน้า “หากแต่ข้าสามารถรับปากองค์หญิงได้ จวนโหวแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ หลานสาวของท่านเป็นผู้บริสุทธิ์สำหรับจวนโหวเช่นกัน” “ขอบคุณท่านโหวน้อย” ลี่อินยอบกายขอบคุณโดยไม่ถือศักดิ์ “เช่นนั้นในอนาคตหากโหวน้อยมีสิ่งใดให้ลี่อินช่วยเหลือ อย่าได้เกรงใจ ข้ารับปากจะช่วยเต็มที่” จื้อหาวเลิกคิ้ว เขาสงสัยว่าสตรีบอบบางอย่างนางจ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-08
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 18 หาเลี้ยงครอบครัว

    รถม้าหยุดลงหน้าจวนอ๋อง หยางหมิงลงจากรถม้าได้ก็ไม่รีรอผู้ใดเดินจ้ำอ้าวเข้าตำหนักตนไป ทำให้เสวี่ยหนิงที่รอท่านอ๋องช่วยประคองลงรถม้าเช่นที่เคย ต้องหน้างอเรียกหาสาวใช้แทน ต่างจากลี่อินที่ไม่ได้สนใจท่าทีของหยางหมิง ตอนนี้นางเพียงอยากพักผ่อนแล้วค่อยตื่นขึ้นมาหาหนทางทำเงินในภายหลัง ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ภายในตำหนักเล็กนางกำนัลเริ่มจุดไฟให้แสงสว่าง ลี่อินที่ผล็อยหลับเพราะอาการป่วยปรือตาขึ้นมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอีกครั้ง พร้อมกันนั้นเสียงกระดิ่งในข้อเท้าเด็กน้อยดังเป็นจังหวะการก้าวเดินตรงมาที่ลี่อิน ก่อนจะยื่นมือน้อย ๆ ของนาง เป็นสัญญาณให้ผู้เป็นน้าที่นั่งอยู่เป็นเตียงอุ้มตนไว้ “อี้หนิงคิดถึงน้าแล้วหรือ ทำไมดูหนักขึ้นอีกแล้ว” เสียงหวานเย้าหยอกเด็กน้อยมัดแกะในอ้อมแขน “พระชายา เครื่องเสวยพร้อมแล้วเพคะ” อี้เฉาทูลแจ้ง เมื่ออุ้มอี้หนิงนั่งลงบนโต๊ะอาหาร เด็กน้อยก็รีบคว้าน่องไก่ขึ้นมากัดด้วยใบหน้าชอบอกชอบใจ ทำให้ลี่อินยิ้มตาหยีมองดูนางกินอย่างเอ็นดูอาหารบนโต๊ะมีสามสี่อย่าง เพราะเป็นคำสั่งของลี่อินเองที่ให้ทำอาหารแค่พอกิน ด้วยค่าใช้จ่ายในตำหน

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-09
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 19 ขอหย่าหรือ

    ลี่อินใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่งรถม้ากลับจวนอย่างอารมณ์ดี เมื่อมีทำเลที่ดีแล้วต่อไปก็หาวัตถุดิบ ซึ่งหากขอความช่วยเหลือจากร้านท่านลุงสามที่อยู่แคว้นฉีก็ง่ายแล้ว หากนางไม่คิดพึ่งพาตระกูลฝั่งมารดามิเช่นนั้นฮองเฮาต้องเป็นห่วงแน่ “แล้วต่อไปต้องทำเช่นไรต่อเพคะ” อี้เฉาสงสัย “ต้องซื้อดอกไม้จากชาวบ้าน เช่นนั้นต้องออกจากซู่โจวก่อน ชานเมืองราคาสินค้าจะถูกกว่าในเมืองหลวง” ลี่อินกล่าวพลางครุ่นคิด “แต่ก่อนอื่นต้องไปตำหนักท่านอ๋องเสียก่อน” นี่ต่างหากที่ทำให้นางกังวล ลี่อินกลับถึงจวนก็เป็นยามโหย่วเสียแล้ว ด้วยความร้อนใจนางยังไม่ทันกลับตำหนักเล็กก็ขอพบหยางหมิงเสียก่อน “ท่านอ๋องอยู่หรือไม่” เมื่อเห็นเย่จินยืนอยู่หน้าห้องบรรทมจึงเอ่ยถามขึ้น ด้วยเกรงว่านางจะก่อกวนในเวลาที่ไม่เหมาะสม “อยู่พ่ะย่ะค่ะ” “แล้วข้า.......” ลี่อินกระอักกระอ่วน ได้แต่ชี้มือเข้าไปให้ห้องบรรทม “ไม่มีผู้ใดอยู่ด้านในนอกจากท่านอ๋อง องค์หญิงสามไม่ต้องกังวล” เย่จินเห็นท่าทีของนางก็เดาได้ว่าองค์หญ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-09

Bab terbaru

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   ตอนพิเศษ ชีวิตเรียบง่าย

    สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดปลิวไหว ม่านรถม้าสะบัดไปมาตามแรงลม เด็กชายวัยสองขวบเล่นซนบนรถม้าโดยไม่เหน็ดเหนื่อย “ถานจุนเฟิง หยุดเล่นได้แล้วตอนนี้จะถึงจวนแล้ว” ลี่อินที่กำลังอ่านบัญชีร้านกล่าวกับโอรสของตน “จุนเฟิงมาหาพ่อ ท่านแม่กำลังคร่ำเคร่ง” หยางหมิงเรียกลูกชายมาหา บัดนี้เขาสิ้นคราบชิงอ๋องผู้บ้าคลั่ง กลายเป็นพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น “จื้อหาวบอกว่า ดินแดนทางตอนเหนือของแคว้นหานมีดอกไม้กลิ่นหอมมากมาย แลไข่มุกก็ราคาถูกฮูหยินสนใจหรือไม่” หยางหมิงเอ่ยถึงสหายเก่าที่หลังจากสำนึกตนมาสองปี จึงติดต่อหาเขาอีกครั้ง “สนใจสิเพคะ ท่านพี่แจ้งโหวน้อยด้วยว่าหลังจากงานเฉลิมฉลองการก่อตั้งแคว้นเว่ย เราจะเดินทางไปเจรจาราคาอีกครั้ง” ลี่อินยิ้มกว้างนางดีใจทุกครั้งหากสามารถหาวัตถุดิบราคาถูกและดีได้ “ของขวัญอี้หนิงครบสี่ปีจะให้สิ่งใดนางดีเพคะ” ลี่อินขอความเห็นกับหยางหมิง “เช่นนั้นมอบร้านขายอัญมณีในเมืองเถียนชิง พร้อมกับเงินอีกหมื่นตำลึงให้นางดีหรือไม่ โตขึ้นมานางจะได้เป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในแค้นฉี ไม่มีผู

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   ตอนพิเศษ อวดชายา

    ใกล้พิธีอภิเษกสมรสของฉินตงหยาง หยางหมิงพาลี่อิงเข้าวังหลวงเพื่อขอพระราชทานอนุญาตร่วมพิธีอภิเษกสมรส “ทูลเสด็จพ่อ เสด็จแม่ กระหม่อมและพระชายามาขอให้ทั้งสองพระองค์พระราชทานอนุญาตเข้าร่วมงานอภิเษกสมรสของรัชทายาทแคว้นหานพ่ะย่ะค่ะ” “กำลังตั้งครรภ์จะเดินทางไกลได้อย่างไร ให้เพียงหยางหมิงไปก็พอ ส่วนลี่อินพักอยู่ที่จวนเถอะ” ฮองเฮากล่าวแย้งทั้งที่ยังปักผ้าอยู่ “ทูลฮองเฮา รัชทายาทแคว้นหานเป็นสหายของหม่อมฉันจึงจำเป็นต้องไปร่วมยินดีเพคะ” ลี่อินไม่ยินยอมทำตาม “เจ้าไปรังแต่จะเป็นภาระ เดินเหินลำบากอยู่จวนดีแล้ว” “หม่อมฉันยังคล่องแคล่ว ครรภ์ยังอ่อนไม่ได้เป็นภาระแต่อย่างใด” นางโต้แย้งทุกคำห้ามของมารดาสวามี หยางหมิงกับฮ่องเต้ทำได้เพียงนั่งดื่มน้ำชาอย่างเงียบเชียบ ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดกระหว่างที่สตรีทั้งสองกำลังโต้แย้งกัน “นี่ เหตุใดถึงมิยอมเชื่อฟังเอาซะเลยเจ้าเป็นลูกสะใภ้สมควรเชื่อฟังแม่สามีมิใช่หรือ” อวิ๋นซินจ้องมองลี่อินด้วยสายตาตำหนิ หากแต่ลูกสะใภ้ผู้นี้กลับ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 52 รักแรก

    ม้าศึกคู่กายชินอ๋องหยุดนิ่งหน้าจวนอ๋อง บุรุษบนหลังม้าไม่รีรอมุ่งหน้าไปตำหนักตะวันออกด้วยความร้อนใจ ทว่าภายในตำหนักกลับไม่มีผู้ใดอยู่ทำให้แน่ใจแล้วว่าลี่อินหนีเขาไปจริง ร่างทั้งร่างของหยางหมิงหนักอึ้งจนมิอาจย่างก้าวได้ หัวใจทั้งดวงเต้นช้าลงเรื่อย ๆ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาที่เจ้าของร่างไม่รู้ตัว ภพของลี่อินในเวลาโกรธ เวลาร้องไห้ หัวเราะ แข็งกร้าว ผุดขึ้นในหัวเขาซ้ำไปซ้ำมา “ไปแค้วนฉี!” คำสั่งเดียวของหยางหมิง ทำทั้งกองทัพต้องเดินทางอีกครั้ง ประชาชนต่างงุนงง กองทัพที่กลับเข้าเมืองเพียงหนึ่งชั่วยาม บัดนี้กลับเดินทัพอีกครั้งมีเหตุใดสำคัญจนมิหยุดพัก การเดินทางโดยไม่หยุดพักทำเหล่าทหารอ่อนล้าไม่น้อย หากแต่มิมีใครกล้าปริปากบ่น กองกำลังเรือนหมื่นเหยียบเข้าใกล้เมืองเถียนชิง “ท่านอ๋อง สายสืบแคว้นหานแจ้งข่าวว่ารัชทายาทตงหยางจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสอีกสิบห้าวันข้างหน้าพ่ะย่ะค่ะ” เย่จินรายงาน ม้าศึกของหยางหมิงหยุดชะงักทันที เขาหวาดกลัวว่าสิ่งที่ตนคาดเดาจะเป็นจริง “ข่าวนี้แคว้นฉีรู้เรื่องหรือไม่” มือหนากำบังเหียนแน่นจนเ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 51 ผิดสัญญา

    หิมะในเมืองเหออันสงบลง คนเจ็บป่วยเพราะภัยหนาวไม่มีแล้ว หน้าที่ของลี่อินในเมืองเหออันจึงสิ้นสุดลง นางไม่มีความจำเป็นที่จะรั้งอยู่ที่เหออันอีก จึงคิดขอกลับเมืองหลวงเพราะเป็นห่วงร้านประทินโฉมอีกทั้งเรื่องในจวนไม่มีผู้ใดคอยจัดการ “ท่านอ๋อง ข้าจะกลับซู่โจวก่อนได้หรือไม่” ลี่อินยืนอยู่หน้าโต๊ะทรงอักษร สีหน้าจริงจังจ้องบุรุษที่ยังอ่านสาน์สของทัพอยู่ “รอกลับพร้อมข้า” เสียงเอาแต่ใจดังขึ้น “กว่าท่านอ๋องจะเสด็จกลับ ก็อีกครึ่งเดือน หม่อมฉันเป็นกังวลเรื่องร้านหมื่นบุปผา อีกทั้งกิจการของจวนอ๋องก็ไม่ได้ตรวจบัญชีมาแรมเดือน” “แต่หากเจ้าแอบหนีหลับแคว้นฉีเล่า” ครานี้หยางหมิงยอมเงยหน้าจากสาน์สกองทัพ มองมายังนางด้วยแววตาเศร้าสร้อย “หม่อมฉันจะหนีไปทำไมกัน” ลี่อินท้อใจที่จะอธิบาย “ก็เจ้าไม่มีใจให้ข้า หากครบสองเดือนสัญญาระหว่างข้ากับฮ่องเต้แคว้นฉีก็ถือว่าเป็นโมฆะ” น้ำเสียงเศร้าหมองนั้นลี่อินไม่ได้ตอบกลับ ยิ่งทำให้หยางหมิงรู้สึกหวาดหวั่น หากแต่นางกลับเดินไปหยุดเบื้องหน้าเขาพลางยอบก

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 50 เหน็บหนาว

    ตงหยางมิอาจรั้งอยู่ในแคว้นอื่นได้นาน ยิ่งเป็นชายแดนแล้วความอึดอัดยิ่งเพิ่มมากขึ้น ก่อนหิมะจะตกหนักอีกครั้งจึงจำต้องบอกลาลี่อิน “ข้ายังยืนกรานคำเดิม หากเจ้ามิอยากอยู่กับชินอ๋องแล้ว ไปหาข้าที่แคว้นหาน แม้ไม่อาจห่วงใยในฐานะคนรักแต่ข้ายังห่วงใยเจ้าในฐานะสหายเสมอ” ตงหยางยื่นหยกประจำตัวกลับให้นางเช่นเดิม “ขอบพระทัยรัชทายาท” ลี่อินยอบกายกล่าวลา ก่อนรถม้าจะเคลื่อนตัวออกจากประตูเมืองไป หยางหมิงยิ้มพอใจเมื่อเห็นบุรุษอื่นที่นางห่วงใยจากไปเสียที แม้เป็นเพียงสหายแต่เขาก็ยอมรับไม่ได้เช่นเดิม “รัชทายาทยังคงตัดใจจากเจ้าไม่ได้” หยางหมิงมองหยกในมือลี่อิน “สักวันเขาจะเจอสตรีที่ตนรักเพคะ” ลี่อินกล่าวพลางหันกายเข้าเมืองไป “เหมือนข้าที่เจอแล้ว” หยางหมิงเดินตามนาง “ใครกันหรือเพคะ” “เจ้าไง อาอิน” ลี่อินหน้าแดงเมื่อเขาบอกชื่อสตรีในดวงใจ ก่อนก้มหน้ารีบเดินหนีเข้าโรงหมอไป ทำให้ชินอ๋องยิ้มอย่างมีหวังว่าภายในสองเดือนนางต้องยินยอมอยู่ข้างกายเขาเป็นแน่

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 49 เดินทางขึ้นเหนือ

    “เราต้องกลับแคว้นเว่ยพรุ่งนี้” น้ำเสียงเคร่งเครียดเอ่ยขึ้น “มีอะไรหรือไม่เพคะ” “เมืองอันเหอมีพายุหิมะถล่ม ราษฎรขาดแคลนเสบียง กองทัพที่นั่นมิอาจรับมือได้ข้าต้องรีบไปจัดการ “แล้วเหตุใดหม่อมฉันต้องไปด้วย ท่านอ๋องเดินทางลำพังจะไม่เร็วกว่าหรือ หม่อมฉันจะไปรอพระองค์ที่จวนพร้อมอี้หนิง” “ข้าจะไม่ไปไหนหากไม่มีเจ้า” หยางหมิงแววตาจริงจังจ้องนางอยู่เช่นนั้น “หากแต่อี้หนิงยังเด็กหากเผชิญหิมะ...” “นางจะอยู่ที่แคว้นฉี” หยางหมิงกล่าวขัด “ท่านอ๋องตรัสว่าอย่างไรนะเพคะ?”ลี่อินไม่อยากเชื่อว่าหยางหมิงจะยินยอมให้อี้หนิงที่มีสายเลือดของตระกูลถานอยู่ที่แคว้นฉี “นางอยู่ที่นี่จะมีความสุขกว่า ไม่ต้องถูกสายตาดูแคลนของผู้อื่นจ้องมองเช่นที่อยู่ในแคว้นเว่ย ที่นั่นไม่สามารถให้ความรักกับนางได้ต่างจากไทเฮาเสวี่ยฉีที่มอบความรักให้กับเด็กคนนั้นได้ไม่สิ้นสุด”คำพูดของหยางหมิง ทำให้นางรู้ว่าบุรุษผู้นี้ห่วงใยผู้อื่นมากกว่าที่เขาแสดงออก คลื่นความสุขจึงก่อตัวขึ้นภายในใจของนางอ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 48 ข้อแลกเปลี่ยน

    กบฏยอมจำนน เจ๋อหานเสด็จประทับบนบัลลังก์มังกร ขุนนางประกาศโองการ“ด้วยโองการสวรรค์ ฮ่องเต้เจ๋อหานขึ้นครองบัลลังก์ ราษฎรเป็นสุขไร้ทุกข์นิรันดร์ เริ่มต้นศักราชหย่งฉีนับแต่นี้” สิ้นคำประกาศ เหล่าขุนนางคุกเข่ากราบถวายบังคม “น้อมรับบัญชาฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี” “ขุนนางทุกท่านลุกขึ้นเถิด ราชโองการแรกของข้า อภัยโทษทหารที่ร่วมก่อกบฏ ส่งไปชายแดนทำดีไถ่โทษ แม่ทัพอู๋ไท่และรองแม่ทัพ ปลดออกจากตำแหน่ง ยึดทรัพย์กึ่งหนึ่ง เนรเทศไปดินแดนรกร้าง ไม่เอาความคนในตระกูล องค์ชายจี้หานให้ไว้ทุกข์ยี่สิบปีเฝ้าสุสานฮ่องเต้หย่งเฮ่า” “น้อมรับราชโองการ” หยางหมิงยืนข้างลี่อิน มองดูเหตุการณ์สำคัญของแคว้นฉีโดยไม่คิดก้าวก่าย ส่วนลี่อินเงยหน้ามอกบุรุษที่ตัวสูงกว่าสายตาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย “ชินอ๋องถานหยางหมิง ขอบใจที่ตอบรับสาน์สขอความช่วยเหลือจากเรา” พระราชดำรัสของฮ่องเต้ ทำผู้คนในท้องพระโรงหรือแม้แต่ลี่อินต่างสับสน เหตุเพราะว่าการขอความช่วยเหลือจากแคว้นเว่ยไม่ได้มีการหารือในหมู่ขุนนางหรือแม่ทัพ “แคว้นฉี เป็นบ้านเกิดของพระชายา

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 47 ชิงบัลลังก์

    พิธีราชาภิเษกจัดขึ้นตามกำหนดเดิม ลานหน้าท้องพระโรงถูกตระเตรียมสำหรับราชพิธี เหล่าขุนนางยังคงเข้าร่วมพระราชพิธีโดยมิหวาดหวั่นการชิงบัลลังก์ขององค์ชายสี่จี้หาน รัชทายาทซ่งเจ๋อหานสวมชุดมังกรพิธีการ ก้าวเดินอย่างมั่นคงมุ่งตรงสู่ท้องพระโรง เหล่าข้าราชบริพารค่อมกายเคารพฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เครื่องประโคมบรรเลงตามจังหวะการเสด็จของฮ่องเต้ ไทเฮายืนอยู่เหนือบันไดท้องพระโรง พร้อมเหล่าเชื้อพระวงศ์เพื่อรอรับเสด็จฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ฮ่องเต้เจ๋อหานคุกเข่าถวายพระพรพระราชมารดาก่อนจะนำเสด็จเข้าสู่ท้องพระโรง หากแต่ประตูวังกลับมีกองกำลังของอู๋ไท๋บุกเข้ามาล้อมรอบลานพิธี “องค์ชายเจ๋อหานจะเสด็จไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหลวงอู๋ไท่ลงจากม้าศึกชี้ดาบตรงมายังว่าที่ฮ่องเต้ของแคว้น “บังอาจ เจ้าเป็นขุนนางของราชสำนัก กล้าดีอย่างไรไม่เรียกฮ่องเต้ตามธรรมเนียม แลยังถือดาบต่อหน้าพระพักตร์อีก” มหาราชครูหลานต่อว่าอย่างมิเกรงกลัว “หึ! ตาเฒ่าหลานซื่อ ใครนับหลานชายเจ้าเป็นกษัตริย์กัน ทั้งอ่อนแอ ขลาดกลัวใช้แต่การเจรจาต่อรองไม่เห็นความสำคัญของการรบ แล้วเช่นนี้จะปก

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 46 ฮ่องเต้แคว้นฉีสิ้นพระชนม์

    เสวี่ยหนิงถูกส่งกลับแคว้นฉี ฮองเฮาเสวี่ยฉีนำเหล่าขุนนางบีบบังคับฝ่าบาทให้สั่งประหารเสวี่ยหนิง จนฮ่องเต้ที่ไร้ทางเลือกสั่งประหารธิดาของตนเองเพื่อความมั่นคงของราชวงศ์ สนมคนโปรดถูกเนรเทศไปชายแดน ส่วนซิ่วหรูถูกสั่งกักบริเวณในตำหนักนานสองปี โหวน้อยหวงจื้อหาวแม้มิได้มีเจตนาทำร้ายเหมยหลิง หากแต่มอบยาสวาทมิรู้จบเพราะสงสารน้องสาว ถูกส่งไปต่างแคว้นทำหน้าที่ทูตเจรจาการค้าเพื่อประโยชน์ของแคว้นเว่ย ลี่อินกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้ง บัดนี้ทุกอย่างจบสิ้น นางย้ายกลับมาอยู่ตำหนักพระชายาพร้อมอี้หนิง เด็กน้อยที่ได้วิ่งเล่นในตำหนักกว้างยิ้มอย่างพอใจ “ชอบ” อี้หนิงที่พึ่งฝึกพูดเปล่งเสียงบอก “อี้เออร์ชอบก็ดีแล้ว” ลี่อินลูบศีรษะทุยนั้นอย่างรักใคร่ หากแต่ความสุขกลับอยู่ได้ไม่นาน เมื่อม้าเร็วจากแคว้นฉีขอเข้าเฝ้า “ทูลองค์หญิงสาม บัดนี้ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว ฮองเฮาทูลเสด็จพระองค์กลับไปสักการะพระศพพ่ะย่ะค่ะ” ลี่อินแม้รู้ว่าบิดาป่วยมานาน หากแต่เมื่อได้ยินว่าฝ่าบาทจากไปแล้ว สติของนางขาวโพลนทันที เสียงสุดท้ายที่นางได้ยินกลับเป็นเสี

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status