แชร์

ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์
ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์
ผู้แต่ง: เพลงมีนา

Chapter 1. บทนำ

ผู้แต่ง: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56

เสียงคมกระบี่ปะทะกันผสานกับเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด  เด็กหญิงวัยสิบสามถูกมือของมารดากำแน่นฉุดกระชากให้รีบวิ่งไปนอกคฤหาสน์  เด็กหญิงเหลียวมองไปด้านหลังในยามมืดมิดเช่นนี้กลับมีเปลวไฟโหมไหม้

            “ไฟไหม้! ท่านแม่! ไฟไหม้บ้านของเรา!”

            เด็กหญิงยื้อแขนตัวเองหวังจะกลับไปช่วยผู้อื่นดับไฟที่โหมลุกไหม้

            “ไม่ได้! เจ้ากลับไปไม่ได้!”

            “แล้วท่านพ่อล่ะ ทำไมท่านพ่อไม่มากับเรา”

            เด็กหญิงจำอะไรได้ไม่มากนัก  นางสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะเสียงดังคล้ายฟ้าผ่า นางสะดุ้งผวาลุกขึ้นนั่งบนเตียง พลันประตูห้องเปิดออกอย่างรวดเร็ว ท่านพ่อกับท่านแม่วิ่งเข้ามาคว้าข้อมือเล็กให้วิ่งตามออกมาทั้งที่นางยังสวมแค่ชุดนอน กระทั้งรองเท้าก็ไม่ได้สวมให้เรียบร้อย  นางจึงกอดรองเท้าไว้แนบอกในขณะที่มืออีกข้างถูกลากจูงออกมาด้านนอกอย่างทุลักทุเล

            ร่างเล็กงุนงงและสับสน  มารดาชะงักไปเมื่อมีคนมาขวางทาง เสียงระเบิดดังจากด้านหลังทำให้เด็กหญิงหวีดร้อง  นางหันไปกลับไปมองเห็นเปลวเพลิงเหนือหลังคฤหสาน์   บัดนี้ท้องฟ้าถูกย้อมสีแดงฉานน่ากลัวยิ่งนัก

            “ท่านพ่อ”   เด็กหญิงร้องเรียกด้วยความกังวล นางผวาเฮือกเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของมารดา  นางหันกลับมาเห็นชายในชุดดำวาดกระบี่ฟาดลงใส่ร่างมารดาจนร่างนั้นร่วงลงไปกองกับพื้น  แต่กระนั้นมารดาก็ยังเป็นห่วงนาง

            “เวยเอ๋อร์ หนีไป” มารดาผลักห่อผ้าในมือใส่บุตรสาว ใช้เรี่ยวแรงที่เหลือดันร่างเล็กออกไปสุดมือ “ไปหาลุงจางฉวน อย่าคิดแก้แค้น  รักษาชีวิตไว้ จงมีชีวิตอยู่ต่อไป”

            “ท่านแม่”  

นางเซถลาไปด้านหลัง เห็นเพียงมารดาใช้ร่างตัวเองปกป้องนาง  เนื้อตัวของเด็กหญิงเปื้อนเปรอะโลหิตของมารดา  

            ยังไม่ทันทีเด็กสาวจะตั้งสติได้  คอเสื้อถูกหิ้วขึ้นจนเท้าลอยเหนือพื้น เท้าเล็กเตะเปะปะไปมาก่อน ถูกเหวี่ยงไปที่ตลิ่ง ศีรษะแหงนหงายจมไปในน้ำ นางยื่นมือไปไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยวแม้ลืมตาในน้ำแต่นางเห็นมือใหญ่ยื่นมากดใบหน้าของนางให้จมลงไปใต้ผิวน้ำที่แสนเยียบเย็น   นางดิ้นรนแต่ไร้ผลไม่อาจสู้แรงชายชุดดำได้  นี่คงเป็นความปราณีที่ชายผู้นี้มอบให้เช่นนั้นหรือ?  ให้นางได้ตายอย่างไร้บาดแผล  ร่างบอบบางหยุดดิ้นรนรอรับความตายเพื่อจะได้ติดตามมารดาและบิดาไป

            เพราะเห็นว่าร่างเล็กหยุดนิ่งไปแล้ว  ชายชุดดำจึงปล่อยมือจากศีรษะแล้วผลุบหายไปในความมืด เด็กหญิงผวาเฮือกเงยตัวขึ้นแล้วสำลักน้ำออกมา นางกวาดตามองไปรอบตัวแต่ไม่เห็นผู้ใดแล้ว  นางตั้งสติได้รีบคลานไปหาร่างมารดา

            “ท่านแม่...ท่านแม่”

            เด็กหญิงพยายามเขย่าตัวเรียกมารดา ทว่ากลับพบเพียงร่างแต่ไร้ลมหายใจ กลิ่นเหม็นไหม้ยังลอยคลุ้งในอากาศและเสียงโหวกเหวกทิศทางบ้านของนาง

            ‘รักษาชีวิตไว้’

            เด็กหญิงได้ยินประโยคสุดท้ายของมารดาลอยวนในสมองน้อยๆ  นางมองไปยังห่อผ้าที่ถูกทิ้งไว้ ซึ่งถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย เหลือก้อนเงินไม่กี่ก้อนที่ดูเหมือนมันจะหล่นเพราะความรีบร้อนของโจรชั่ว  นางเก็บก้อนเงินที่หล่นด้วยมือที่สั่นเทา  ก้มลงคำนับมารดาไม่อาจจะฝั่งศพนางได้

เด็กหญิงรีบวิ่งออกมาก่อนที่คนร้ายจะรู้ว่านางยังหายใจ!

...

“อยากได้หญิงรับใช้ทำงานบ้าน ไม่ใช่หญิงบำเรอ” 

บุรุษหนุ่มโวยวายอยู่ในห้องพักของโรงเตี้ยม  เดินทางแรมรอนมาสองเดือนจะได้กลับบ้านเสียที ยังต้องมาหัวเสียเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก  นี่เห็นเขาว่างมากหรือไรต้องเพิ่มปัญหามาให้ก่อนเดินทางกลับเช่นนี้

เดินทางคุ้มกันสินค้าก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว ยุ่งยากต้องซื้อข้าวของกลับไปอีก  รายการยาวเป็นหางว่าวกว่าจะได้ครบตามที่ต้องการ  และหนึ่งในรายการที่ต้องซื้อคือ “สาวใช้” หนึ่งคน  เขาสั่งกับเสี่ยวหงไว้แล้ว  แม้รู้ ‘เสี่ยวหง’ ช่ำชองเรื่องใดก็เถิด  แต่เพราะในเมืองนี้เขามิรู้ว่าจะไหว้วานใครหาหญิงสาวสักคนไปเป็นสาวใช้  จึงจำเป็นต้องให้เสี่ยวหงจัดการให้   มันเป็นรายการแรกที่เขาสั่งออกไปและเป็นรายการที่สุดท้ายที่เขาต้องเก็บขึ้นรถม้า  ทว่ามันกลับเป็นรายการที่ยุ่งยากเมื่อเขามารับหญิงรับใช้จากเสี่ยวหง แต่กลับได้หญิงสาวแต่งกายน้อยชิ้นและพยายามเย้ายวนชวนเขาขึ้นเตียงเพื่อตรวจสอบสินค้า

เขายังคงโวยวายซ้ำยังผลักไสให้หญิงนางนั้นออกจากห้อง  ปากตะโกนเรียกหาเสี่ยวหงทันที  นางจึงได้ยืนตัวสั่นงันงกเช่นนี้

หยางเหลาหู่ คุณชายใหญ่แห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬ  บุรุษอายุยี่สิบสองเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่กำยำ โครงหน้าคมคาย คิ้วเข้มเป็นระเบียบ ริมฝีปากหยักสวยกำลังเม้มแน่นสะกดโทสะในใจ  

ป้อมพยัคฆ์ทมิฬ มีกิจการหลายอย่างหนึ่งนั้นคือสำนักคุ้มภัย-คุ้มกันสินค้า  เขาเดินทางขึ้นเหนือลงใต้ ตะวันออกจรดตะวันตก แทบทุกที่เขาล้วนเคยย่ำผ่าน   ชื่อเสียงของคุณชายหยางเหลาหู่น่าเกรงขามเพียงใดใครๆ ต่างรู้ดี  นั้นทำให้กิจการของเขาดียิ่ง  และมีน้องชายอย่างหยางกั๋วชิ่งที่คอยวางแผนซื้อขายจัดการเรื่องบัญชีต่างๆ   เมื่อใดที่เดินทางคุ้มกันสินค้าไปเมืองหนึ่ง  ขากลับจะได้สินค้ามีชื่อเสียงของเมืองนั้นกลับมาขาย  มิได้มีการกลับบ้านมือเปล่าสักคราวเดียว  เช่นครั้งนี้ที่เขามาเมืองเยว์และกลับเมืองจูโจวบ้านเกิด

“เจ้าค่ะๆ นายท่านอย่างเพิ่งโกรธ ข้าน้อยจะรีบหาหญิงรับใช้ให้ท่าน” 

เสี่ยวหงกลัวจนตัวสั่น ไม่คิดว่าเขาต้องการ ‘สาวใช้’ จริงๆ  หลายครั้งที่ชายผู้นี้มาและให้หาหญิงงามหรือนางรำไปรับรองผู้อื่นนั้น  นางรับงานอย่างแข็งขันไม่มีขาดตกบกพร่อง  นายท่านผู้นี้แม้ใบหน้าบึ้งตึงขึงขัง  แต่จ่ายเงินให้ครบถ้วนไม่มีต่อรอง บางครั้งให้พิเศษเพิ่มเป็นน้ำใจ  นางจึงถือว่าเขาเป็นลูกค้าชั้นดีของนาง

“ขออภัยนายท่าน”   นางพยายามใช้เสียงอ่อนหวานของตนให้เป็นประโยชน์

“ข้าไม่อยากได้คำขอโทษ อยากได้สาวใช้ทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าว!”

            “อีกสักสองสามวันได้ไหมเจ้าคะ   ข้าน้อยจะหาสาวใช้จริงๆให้”  อยากได้คนที่เป็นงานก็ต้องใช้เวลาสักหน่อย

“ข้ากลับวันนี้  ถ้าไม่ได้ก็ไม่เอา  แล้วอย่าหวังว่าจะได้เงินจากข้าอีกไม่ว่ากรณีใดก็ตาม”

“คุณชายหยางโปรดใจกว้างให้โอกาสข้าน้อยเถิดเจ้าค่ะ”    ลูกค้ากระเป๋าหนักเช่นนี้ นางต้องรั้งไว้สุดกำลัง

“ข้าให้อีกครึ่งชั่วยาม  เจ้ารู้ว่าข้าพูดคำไหนคำนั้น ออกไปได้แล้ว ไป!”

อย่างไรเขาก็ต้องหาสาวใช้กลับไปให้ได้  ถ้าไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่อง

แค่นี้ ขบวนเดินทางที่เตรียมจะกลับแล้วนั้นคงได้เดินทางไปนานแล้ว

“เจ้าค่ะๆ” นางพูดขึ้นทั้งที่ปากคอสั่น

ผู้ชายคนนี้แม้จะอายุเพียงยี่สิบต้นๆ แต่ดูน่าเกรงขาม และชื่อเสียงความโหดเหี้ยมเอาแต่ใจก็ดังกระฉ่อนพอๆ กับความร่ำรวยของเขาเองด้วย เสี่ยวหงปากคอสั่นแล้วรีบวิ่งออกไปทันที

            หยางเหลาหู่ได้แต่สูดลมหายใจลึก แม้เขาเคยให้เสี่ยวหง จัดหาหญิงสาวมาปรนเปรอเป็นครั้งคราว  ตามประสาชายหนุ่มที่ยังมิได้แต่งงาน  แต่ครั้งนี้เขาต้องการ ‘หญิงรับใช้’ จริงๆ  เสี่ยวหงกลับส่งหญิงบำเรอมาแทน   

            เหตุที่ต้องหาหญิงรับใช้ไกลบ้านเช่นนี้  ส่วนหนึ่งเพราะเขาเองรำคาญหญิงสาวที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิต  หลายครั้งหลายคราวที่รับสาวใช้มาทำงานในบ้าน แต่ละคนล้วนอยากเลื่อนจากสาวใช้มาเป็นอนุหรือภรรยา ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาเอง น้องชายหรือแม้กระทั้งบิดาของเขาซึ่งมีมารดาของเขาเป็นเพียงภรรยาเอกคนเดียว เขาจึงขับไล่หญิงรับใช้ไปหมด เหลือเพียงหญิงรับใช้ที่รุ่นใหญ่ที่แก่ชราลงไปทุกวัน เรี่ยวแรงไม่ค่อยมีซ้ำอาหารที่เคยถูกปากก็รสชาติเปลี่ยนไป  ครั้นจะจ้างพ่อครัวใหม่ก็เห็นสีหน้าหมองเศร้าของแม่ครัวคนเก่าคนแก่ที่ใจสลายเพราะตกลำดับขั้นแล้ว เขาจำใจต้องกินอาหารรสชาติย่ำแย่นั้น

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 2.สั่งอะไรก็ทำ

    “ควรมีสาวใช้มาคอยดูแลงานในบ้าน” “บ่าวผู้ชายมันทำงานไม่ได้หรือไง” “บางอย่างมันก็ต้องใช้ผู้หญิงทำ” หยางกั๋วชิ่งส่ายหน้าไปมา “เดินทางคราวนี้ก็หาซื้อสาวใช้มาสักคน”“แถวบ้านเราไม่มีรึ” ซื้อของมาค้าขายวุ่นวายมากพอแล้ว ไยต้องหาซื้อสาวใช้มาอีก คนมิใช่สิ่งของ ถึงมีแข้งมีขาแต่ก็ลำบากที่ต้องคอยดูแลระหว่างเดินทาง ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่นิยมรับงานคุ้มครอง ‘คน’ นัก“ชื่อเสียงท่านไม่มีผู้ใดกล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงแล้ว”“ข้า?”“นายท่านโหดเหี้ยมทำสาวใช้ร้องไห้กระเจิดกระเจิง มีใครกล้ามาเป็นสาวใช้ที่นี่”“แค่ร้องไห้! ข้ามิได้หักแขนขานางเสียหน่อย นางบังอาจยั่วยวนแม้กระทั้งท่านพ่อ ข้าไม่สั่งโบยนางก็ดีเพียงใดแล้ว”“เอาเถอะๆ อย่างไรก็หาสาวใช้มาช่วยแบ่งเบาภาระป้าอิงอู่กับบรรดาสาวใช้รุ่นป้า”หยางเหลาหู่และหยางกั๋วชิ่งเป็นถึงคุณชายของตระกูลหยาง ทว่าบิดามารดาทั้งสองอบรมเลี้ยงดูพวกเขามิให้ถือตนว่าเหนือผู้อื่น หญิงรับใช้อายุมากเหล่านี้ บางคนทำงานมาตั้งแต่บิดาของพวกเขายังไม่แต่งเป็นภรรยาด้วยซ้ำ จึงอยู่ที่ป้อมพยัคฆ์ทมิฬเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว คนที่เหลืออยู่นี้ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เขาจึงเลี้ยงดูให้อยู่ต

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 3. สาวใช้คนใหม่

    “ขอบคุณเจ้าค่ะ” หลัวเสี้ยวเวยทำหน้าไม่ถูก จึงพูดแก้เก้อออกไป “รถม้าของนายท่านสูงไปนะ”“รถม้าของข้าผิดซินะ”“ขออภัยที่ตัวข้าเล็กไปหน่อย”“ทั้งตัวเล็กและขาสั้นด้วย”“ปาก...” ปากคอร้ายกาจเหลือเกิน นางยั้งปากได้ทัน ทำให้ได้แต่ค้อนขวับเข้าให้ “เจ้าพูดอะไร”“เปล่าเจ้าค่ะ” “งั้นเราไปเถอะ”“อืม” หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างลืมตัว ไมได้สนใจสายตาดุดันของ หยางเหลาหู่ เขาอ้าปากจะพูดตำหนินาง แต่หญิงสาวกลับมุดเข้าไปด้านในหาที่ให้ตัวเองได้นั่งรวมอยู่กับข้าวของหลายอย่างที่เขาซื้อกลับไปตามรายการของหยางกั๋วชิ่งเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแน่ หลัวเสี้ยวเวยได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น แต่ต่อไปนี้ขอลิขิตชีวิตตัวเองเถอะนะ!อาจเป็นเพราะความกังวลและเคร่งเครียดสะสมมานาน ทำให้หญิงสาวเผลอหลับไปในรถม้า รู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนรถม้าโคลงไปโคลงมา อาจเพราะถนนขรุขระ นางสะลึมสะลือตื่นไม่เต็มตา แต่รู้สึกว่ามีมือใหญ่ประคองศีรษะไม่ให้ไปกระแทกกับผนังของรถม้า มือหยาบกระด้างนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ทว่านางไม่อาจฝืนตื่นได้ จึงปล่อยให้ตัวเองหลับตาอยู่อย่างนั้นจนรถม้าผ่านทางขรุขระ มือนั้นจึงถอยห่าง นา

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 4.ควรลืมไปแล้ว

    ลุงจางฉวนและป้าสะใภ้หลินถิง ภายนอกดูเป็นคนดีโอบอ้อมอารี เห็นนางมาในสภาพน่าเวทนาก็โอบกอดและดูแลอย่างดี ท่านลุงกับท่านป้าให้เหตุผลว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นทางการประกาศแล้วว่าครอบครัวของนางตายหมดรวมทั้งตัวนางเอง ทั้งสองจึงให้นางอยู่ในบ้านสกุลจางในฐานะหญิงรับใช้เพื่อปกปิดร่องรอยของนางเอง ทว่านางกลับได้ทำงานทุกอย่างในบ้านลุงจางฉวนเช่นเดียวกับหญิงรับใช้จริงๆ ลุงจางเป็นญาติทางมารดา แม้ลำดับญาติจะเป็นเพียงญาติห่างๆ แต่มีบ้านอยู่ใกล้กันเพียงคนละหมู่บ้าน ลุงจางเป็นเพียงเศรษฐีจางที่กินเงินเก่า ภายนอกเป็นเศรษฐีมั่งคั่งภายในกลวงว่างเปล่า ลูกสาวแต่งเข้าสกุลอื่นไปแล้ว ลูกชายเสเพลผลาญเงินเล่นไปวันๆ แม้เคยเกาะแกะนางอยู่บ้างแต่ไม่เคยล่วงเกิน อาจเพราะว่าอย่างไรก็ยังนับว่าเป็นคนสายเลือดเดียวกันอยู่บ้าง ทำให้นางอยู่รอดปลอดภัย นางไม่รู้จักใครเป็นพิเศษ ไม่อาจรู้ได้ว่าเกิดเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของนางนั้นเป็นมาอย่างไร ไม่อาจสืบเสาะค้นหาความจริงในข้อนั้นได้ ลุงจางฉวนกับป้าสะใภ้เกลี้ยกล่อมให้นางไม่คิดสืบหาถึงเหตุร้ายในคืนนั้น แม้แต่ป้ายวิญญาณของบิดามารดาหรือเรื่องศพก็ไม่ได้ไปจัดการ เพราะนางคือ

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter5. เท่าที่เห็นก็นับว่าดี

    “สรุปว่าพี่ใหญ่เห็นดีแล้ว” “เท่าที่เห็นก็นับว่าดี มีสองมือสองขาน่าจะทำงานได้ไหวอยู่”“เอาเถอะๆ เช่นนั้นข้าจะเรียกนางมาตรวจสอบอีกที ถ้าไม่ไหวก็ส่งกลับพร้อมสินค้ารอบหน้า” หยางกั๋วชิ่งไหวไหล่อีกครั้ง“รอบหน้า?” “พี่ใหญ่เพิ่งกลับมาถึงพักผ่อนก่อนเถอะ เรื่องงานไว้คุยทีหลัง” หยางกั๋วชิ่งตัดบทไปเสียก่อน “อ้อ! รีบขึ้นจากน้ำใส่เสื้อผ้าเสีย ท่านพ่อท่านแม่รอกินข้าวพร้อมพี่ใหญ่”“ฮืม”หยางกั๋วชิ่งหมุนตัวเดินออกไปแล้ว อาลี่จึงเดินกลับมาเข้ามาเป็นจังหวะที่หยางเหลาหู่ขึ้นจากอ่างอาบน้ำ อาลี่ใช้ผ้าซับน้ำให้คุณชายใหญ่แล้วช่วยแต่งกายอย่างเคยชินด้วยใบหน้าเรียบเฉย อาลี่เป็นบ่าวรับใช้ชายวัยสิบเจ็ดแล้ว ทว่ารูปร่างเล็กและผอมบาง ปากนิดจมูกหน่อยผิวขาวเหมือนเด็กผู้หญิง หากไม่เพราะบนใบหน้ามีแผลเป็นจากไฟไหม้ที่หน้าผาก เขาคงเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนหวานดุจหญิงสาวเลยทีเดียว“อาลี่ ข้าไม่อยู่สองเดือนทุกอย่างในบ้านเรียบร้อยดีหรือไม่”“ขะ...ขอรับ” ไม่เพียงแค่ใบหน้าเสียโฉมแล้ว อาลี่ยังบาดเจ็บจนพูดได้ไม่ถนัดชัดเจนเช่นคนปกติทั่วไป “มีใครรังแกเจ้าหรือไม่”“มะ...ไม่มี...ขะ ขอรับ”“ดี เจ้าต้องหัดดูแลตัวเองได้แ

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter6. เรียนรู้งาน

    “ต่อไปเจ้าก็เรียนรู้งานในครัวกับป้าอิงอู่แล้วกัน” “เจ้าค่ะ” หลัวเสี้ยวเวยรับคำและเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว นางจึงหมุนตัวกลับไปเตรียมยกอาหารมาเพิ่มอย่างไม่ต้องรอให้ผู้ใดเอ่ยปากสั่ง “มาวันแรกทำงานรู้หน้าที่ รู้พูดรู้จาเช่นนี้ค่อยเบาใจหน่อย” ฮูหยินหยุนผิงเอ่ยขึ้นพลางคีบอาหารส่งให้สามี “นางเพิ่งมาอย่ารีบด่วนตัดสิน” หยางกั๋วชิ่งพูดพลางคีบอาหารเข้าปากตัวเอง เก็บซ่อนสีหน้าพอใจกับรสชาติอร่อยลิ้น เขาเองไม่กล้าพูดกับป้าอิงอู่เรื่องรสชาติอาหารเช่นกัน ได้แต่แอบหิ้วท้องไปกินของอร่อยนอกบ้านแทน หยางเหลาหู่แสร้งทำเป็นไม่สนใจสาวใช้คนใหม่ที่เดินเหินคล่องแคล่ว แม้ตัวเล็กไปสักหน่อยแต่ยกอาหารมาได้ไม่ขาดตอน เขารู้ว่าข้าวสารอาหารแห้งมีเต็มมิได้ขาด แต่ไม่คิดว่านางจะทำมากขนาดนี้ ไม่ว่ายกสิ่งใดออกมาล้วนหมดเกลี้ยงจนเหลือเพียงถ้วยชามจานเปล่า หลัวเสี้ยวเวยเห็นทุกคนกินอาหารเอร็ดอร่อย แม้ไม่เอ่ยชมก็เบาใจ อย่างน้อยนั้นหมายถึงนางได้อยู่ที่นี่ต่อไป การอยู่ในบ้านลุงจางฉวนในฐานะหญิงรับใช้ทำให้นางทำงานบ้านเป็นทุกสิ่งอัน จากเด

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter7. เจ้าเป็นอะไรกัน

    ระหว่างการเดินทางในคืนหนึ่ง เขาตรวจดูความเรียบร้อยของขบวนเดินทางและเดินผ่านรถม้าที่นางนอน ได้ยินเสียงแปลกๆ จึงโผล่หน้าเข้าไปดู คราวแรกเขาคิดว่านี่อาจเป็นแผนหนึ่งของนางเรียกร้องความสนใจจากเขา ทว่าร่างที่ดิ้นทุรนทุรายไม่ได้สติอยู่นั้น ทำให้เขาตระหนกตกใจไม่น้อย “นี่”เขาพยายามเรียกนางให้ตื่น แล้วตัวเองต้องเป็นฝ่ายตกใจที่เห็นร่างเล็กผวาขึ้นจากที่นอน ดวงตาเบิกโต ริมฝีปากอ้าเรียกลมหายใจ มือเรียวเล็กกุมลำคอของตัวเอง อึดอัดเหมือนคนหายใจไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งจึงได้อากาศเข้าปอด แล้วร่างของนางก็ร่วงผล็อยลงไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “นี่!เจ้าเป็นอะไรกัน!” เขาสบถแล้วโน้มหน้าลงไปใกล้แต่นางไม่รู้สึกตัว ทว่าไม่ได้จมอยู่กับฝันร้ายแล้ว เขาจึงล่าถอยออกมาครุ่นคิดถึงสิ่งที่นางเป็น เขามิใช่บุรุษที่ดีนัก แต่เชื่อใจว่าผู้หญิงที่เสี่ยวหงส่งมานั้นมิได้ถูกขู่บังคับมา ทุกนางล้วนเต็มใจทำในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ นั้นคือความสบายใจหนึ่งที่เขาได้รับ เขาไม่ได้ปลุกหรือเรียกนางอีก ปล่อยให้นางหลับต่อไป เช้าวันรุ่งขึ้นนางเป็นปกติ ยามสบตากันก็ทำเช่นนายกับบ่าว ด้วยความสงสัยพอตกดึกเขาล

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 8. พูดมา

    “ไม่ได้บอกอะไรเป็นพิเศษเจ้าค่ะ” จะให้บอกอะไรได้ นางไม่เคยเจอคนที่ชื่อเสี่ยวหงสักครั้งเดียว แค่นี้นางก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว นางมาสวมรอยเป็นสาวใช้ ไม่รู้ว่าป่านนี้สาวใช้ตัวจริงเป็นอย่างไร หวังว่าคงไม่ถึงกับสาปแช่งที่นางมาแย่งงานทำเช่นนี้“พูดมา!” เขาถามย้ำอีกครั้ง“บอกว่านายท่านต้องการสาวใช้”หลัวเสี้ยวเวยกลืนน้ำลายลงคอ น้ำเสียงเฉียบขาดของเขาไม่เหมาะที่จะสารภาพความจริงในตอนนี้แน่“แค่นั้น?”“เจ้าค่ะ” นางยืนยันแล้วเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ “นายท่านคงมิได้หมายความว่าต้องการ...” ต้องการอะไร? หยางเหลาหู่กำลังจะอ้าปากถาม แต่เห็นสาวใช้ยืนหน้าซีดตัวสั่นด้วยท่าทางหวาดกลัวทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว “ข้าต้องการแค่สาวใช้ เจ้าทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ” ไยเขากลับไม่ค่อยพอใจ ที่เห็นท่าทางหวาดกลัวเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ของนาง “เสร็จแล้วก็ออกไปได้” “เจ้าค่ะ” หญิงสาวแอบถอนหายใจ ‘ท่าทางเอาใจยากจริงๆ’ นางเก็บผ้าปูที่นอนผืนเดิมพร้อมเสื้อชุ่มเหงื่อของเจ้านายแล้วรีบก้าวออกมา เพียงการเดินผ่านทำให้จมูกที่รับสัมผัสได้ไวถึงกลับขยับฟุดฟิดตามร่างเล็กที่กำลังเดินไป

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 9.หน้าตาใสซื่อ

    ไม่รู้ว่า ‘สาวใช้’ คนใหม่เป็นอย่างไรบ้าง บิดากับมารดาของเขาใจดีเกินไป มักสงสารเห็นใจผู้อื่นอยู่เสมอ เขาเกรงว่าจะตกหลุมพรางเข้าให้ หน้าตาใสซื่อไม่แน่ว่าอาจมาหลอกให้ใครต่อใครตายใจ แม้ไม่ไว้ใจผู้หญิงตัวเล็กหน้าหวานผู้นั้นมากแค่ไหน หากนางไม่ใช่คนดีอย่างที่พูด เขาหมายใจจะเอาคืนอย่างสาสมที่สุด ลงทัณฑ์แบบที่นางต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียวหยางเหลาหู่พาร่างอันเหนื่อยล้าเดินไปเรือนของตน ระหว่างเดินผ่านสวนหย่อมบริเวณที่บิดาและมารดามักชอบออกมาเดินเล่นพักผ่อน เสียงหัวเราะของท่านทั้งสองทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว นานเพียงใดแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีเช่นนี้ เจ้าของร่างสูงชะงักเท้าแล้วเปลี่ยนทิศทางการเดินมายังต้นเสียงที่ได้ยิน “คุณชายใหญ่กลับมาแล้ว” หยางเหลาหู่ทำหน้ายุ่ง ไม่ค่อยชินกับการทักทายเมื่อกลับบ้านนัก แล้วมองหน้าบิดากับมารดาสลับกันไปมาหาสิ่งผิดปกติอยู่ หลายปีก่อนบิดาของเขาประสบเหตุล้มป่วยหนัก เมื่อฟื้นร่างกายแต่ขาทั้งสองข้างกลับไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง เขาสรรหาลากคอหมอชื่อดังเก่งกาจทั่วสารทิศ ทั้งฝังเข็มและยาดีสารพัด แต่อาการดีขึ้นเพียงเล็กน้อย หยางกั๋วชิ่

บทล่าสุด

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 36. ตอนพิเศษ : หยางกั๋วชิ่ง-อาลี่

    หยางกั๋วชิงลอบสังเกตมองบ้านสกุลจาง แม้ไม่ใหญ่โตแต่คงความภูมิฐาน สองสามีภรรยาที่ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มประหลาดใจ “คุณชายหยางกั๋วชิ่งแห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬให้เกียรติมาถึงที่นี่ ไม่ทราบว่าธุระอันใดรึ” “ท่านคือจางฉวน ลุงของหลัวเสี้ยวเวยใช่หรือไม่” หยางกั๋วชิ่งเอ่ยถามด้วยท่าทีเรียบเฉยพลางยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ สองสามีภรรยาลอบมองหน้ากัน หลานสาวตัวดีหนีหายไปทิ้งภาระใหญ่ให้ผู้เป็นลุงและป้าสะใภ้ ยังดีที่ยังไม่ได้รับเงินจากเศรษฐีหยง-เต๋อ ไม่เช่นนั้นคงต้องเป็นหนีเป็นสินหาเงินมาคืนค่าตัวหลัวเสี้ยวเวย “มะ...ไม่ทราบว่า...มีเรื่องอันใดรึ” จางฉวนหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อบนใบหน้าอวบอูม หลานสาวหนีออกจากบ้านไปได้สามเดือนแล้ว เขาเองไม่รู้ว่านางไปก่อเรื่องใดไว้หรือไม่ “ตอนนี้แม่นางหลัวอยู่ที่ป้อมพยัคฆ์ทมิฬ” หยางกั๋วชิ่งยังคงน้ำเสียงราบเรียบและท่าทีเกียจคร้านของตนเช่นเดิม “เหตุใดนางไปอยู่ที่นั้นได้”ป้าสะใภ้ฝืนยิ้มแต่ไม่อาจข่มความหวาดกลัวในใจได้มิดชิด ป้อมพยัคฆ์ทมิฬไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะล่วงเกินได้ง่ายๆ หลายสิบปีมานี่ผ

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 35. เจ้าไม่ใช่คนโง่

    “ข้าชอบ...ที่เจ้าชอบข้า”ถ้อยคำของเขาเรียกสติของนาง แม้มองผ่านม่านน้ำตาของตนเอง แต่ยังเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากของเขาได้ชัดเจน นางกะพริบตาอย่างประหลาดใจกับคำพูดของเขาและไม่มีท่าทีที่เขาทำร้ายนาง“ข้ารู้ตั้งแต่จำความได้แล้วว่าท่านพ่อหมั้นหมายบุตรสาวของสหายรักไว้ เดิมทีข้ามิได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก จนท่านพ่อป่วยและข้าเข้ามาดูแลป้อมพยัคฆ์ทมิฬแทนบิดาเต็มตัว จนทุกอย่างดีขึ้นและเมื่อสี่ปีก่อนท่านพ่อมิต้องการเป็นฝ่ายผิดคำสัญญาจึงให้ข้าเดินทางไปพบเจ้า แต่เพราะป้อมพยัคฆ์ทมิฬเองก็มีอริอยู่มาก หนึ่งในนั้นคนหอนางแอ่น คนกลุ่มนั้นได้ข่าวว่าข้าเดินทางไปรับตัวเจ้าสาวจึงชิงลงมือตัดหน้าก่อนที่ข้าจะไปถึง และได้ขโมยของหมั้นหมายไป ใช้กำไลมาแสดงตัวว่าเป็นคู่หมั้นข้าเพื่อเข้ามาในป้อมพยัคฆ์ทมิฬ...เดิมทีการเดินทางครั้งนั้น ข้าตั้งใจไปเจรจากับบิดาของเจ้า การหมั้นหมายแต่งงานควรเป็นไปด้วยความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย ข้ายินดีเป็นฝ่ายผิดคำสัญญา ทว่ากลับไม่คิดว่าเมื่อตัวเองไปถึงจะพบโศกฏกรรมนั้น หากข้าเดินทางเร็วกว่านี้ เจ้าคงไม่ถูกทำร้ายจนฝันร้ายเกือบทุกคืน”ปกติเขาไม่ใช่คนพูดมากขนาดนี้ แต่กลัวว่านางจะเข้าใจ

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 34.สาเหตุที่นางละเมอฝันร้าย

    สี่ปีที่ผ่านมาข้าอยู่ในฐานะคนรับใช้มาตลอด จนกระทั้งป้าสะใภ้ต้องการขายข้าเป็นอนุเศรษฐีผู้หนึ่ง ข้าปฏิเสธและแอบหนีออกมา คนกลุ่มนั้นไล่ตามข้า แต่ข้าวิ่งหนีไม่ทัน ประจวบกับเห็นประตูห้องหนึ่งเปิดอยู่จึงแอบเข้าไป จึงได้พบคุณชายหยางเหลาหู่ ท่านต้องการหญิงรับใช้และข้าต้องการหนีไปตายเอาดาบหน้า จึงได้แอบอ้างตัวเป็นหญิงรับใช้ที่เสี่ยวหงส่งมา...” นางพูดยาวเสียจนคิดว่าถ้าไม่พูดครั้งนี้แล้ว นางอาจจะไม่ได้พูดกับเขาอีกเลยก็เป็นได้ “เจ้าไม่รู้เรื่องที่ตัวเองเป็นคู่หมั้นคู่หมายของข้าเลยรึ” เขายื่นหน้าไปถามนาง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดนางจึงนอนละเมอฝันร้ายเช่นนั้น “ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับข้า แม้กระทั้งกำไลวงนั้น ข้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อน” นางพูดไปตามจริง “ข้าไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน วันนั้นข้าพบท่านเป็นครั้งแรกจริงๆ” “อาจเพราะคุณหนูยังเล็กนัก หลัวฮูหยินเองก็รักและตามใจคุณหนูมาก คงยังไม่ต้องการให้รู้เรื่องนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังคุณหนูแต่อย่างใด” “แล้วเจ้าล่ะ อาลี่...มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” อาลี่ทรุดตัวลงคุกเข่าเบื้องหน้าหลัว

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 33.ย่อมเป็นข้า

    “ย่อมเป็นข้า” เขาวางถ้วยโจ๊กแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าซับมุมปากของนาง แก้มฝาดเลือดขึ้นมาบ้างแล้ว เขาลุกขึ้นเดินไปรินน้ำดื่มให้นาง นางอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าคุณชายใหญ่แห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬจะลดตัวลงมือทำอาหารให้นางเอง นางจ้องใบหน้าคมเข้มของเขาแล้วเห็นเพียงติ่งหูที่แดงอยู่ทำให้นางไม่กล้าถามย้ำอีก “ข้าแข็งแรงดีขึ้นแล้ว ให้ข้าไปช่วยงานป้าอิงอู่เถิด อีกอย่างไม่มีข้าแล้วใครจะดูแลปรนนิบัตินายท่านกับฮูหยิน” หลัวเสี้ยวเวยเห็นเขาทำท่าคัดค้าน นางจึงรีบพูดขึ้นก่อน “ข้านอนมาตั้งหลายวันแล้ว ขืนยังนอนอยู่อย่างนี้จะยิ่งกลายเป็นคนป่วยไม่ฟื้นตัวเสียที ให้ข้าทำอะไรบ้างเถิดนะ หรือไม่ก็ให้ข้าออกไปเดินเล่นบ้างก็ยังดี” เห็นท่าทางออดอ้อนของนางแล้วก็เผลอใจอ่อน“เอาเถอะ แค่เดินเล่นเท่านั้น งานการใดๆ เจ้าอย่าเพิ่งออกแรงทำ” นางพยักหน้ารับ เขาจึงยอมให้นางลงจากเตียงได้ นางดีใจจนยิ้มกว้าง เขาไม่ได้เห็นนางยิ้มมาหลายวันแล้ว เมื่อเห็นสีหน้าแจ่มใสและรอยยิ้มของนาง ทำให้เขาเผลอยิ้มตามไปด้วย หลัวเสี้ยวเวยค่อยๆ ก้าวลงจากเตียง กลัวว่าตัวเองล้มพับไปเช่นครั้งก่อนอี

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 32.ผู้ใดแต่งงาน

    หลัวเสี้ยวเวยหลับตาปี๋ตกใจเสียงตะคอกของเขา แม้ได้ยินบ่อยๆ แต่อดตกใจไม่ได้ หยางกั๋วชิ่งอมยิ้มรีบเดินหลบออกไป หยางเหลาหู่ข่มโทสะอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับมามองคนที่ยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้ว ใบหน้าซีดเซียวมีความงุนงงอยู่เต็มใบหน้า เส้นผมยาวสลวยดุจย้อมหมึกของนางลงมาเคลียทรวงอก แม้จะสวมชุดนอนอยู่แต่เขากลับรู้สึกหายใจติดขัด พิษในกายถูกขับไปหมดแล้ว ทว่ารสชาติของนางยังปลุกเลือดในกายของเขา หยางเหลาหู่ไม่คิดว่าตนเองต้องใช้ความพยายามในการข่มใจเพื่อก้าวเท้าเข้ามากดไหล่ให้นางลงนอน “เจ้ามีไข้ไม่ได้สติมาสองวันสองคืน อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องอื่นเลย” “สองวันสองคืน! ข้านอนมานานเกินไปแล้วนะ” นางจับมือของเขาที่กำลังดึงผ้าห่มมาคลุมร่างให้ “เมื่อครู่คุณชายรองเรียกข้าว่าอาซ้อ...” หยางเหลาหู่เห็นแววตาดื้อรั้นของนางแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่“ถูกต้อง” “ถูกต้องอย่างไร ข้าเป็นสาวใช้แล้วจะมาเรียกข้าว่าอาซ้อได้อย่างไร” นางโต้เถียงพลันนึกเรื่องที่นางใช้ตัวเองแก้พิษให้เขา.... นางหลับไปสองวันสองคืนเรื่องนี้คงรู้กันไปทั่วแล้ว “รอเจ้าแข็งแรงดี เราจะเข

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 31. ถอนพิษ

    เขายกมือขึ้นปัดเส้นผมของนางเอกเผื่อได้เห็นดอกบัวคู่งามสั่นไหวเย้ายวนตานัก เมื่อรู้ว่านางขยับสะโพกได้เองเป็นแล้ว เขาเลื่อนมือขึ้นลูบไล้นวดอกคู่งามจนนางครางกระเส่าออกมา“อย่า”นางร้องห้ามอย่างไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดไปหมายถึงเรื่องใด หน้าอกของนางแข็งเป็นตุ่มไต นางหลับตาลงไม่กล้าสบตาเขา แต่กลับถูกเขาบังคับด้วยจุมพิตร้อนแรง และเรียวลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดจนนางแทบขาดใจ ดวงตาเขาเหมือนมีเปลวไฟไหวระริกอยู่ในนั้น ร่างของนางเกร็งและกระตุกอีกคราวเขาประคองแผ่นหลังนางลงนอนอีกครั้ง ยกเรียวขาของนางวางพาดบ่า หันหน้าไปจูบปลีน่องของนางแล้วขยับสะโพกของตนอย่างลึกล้ำและรวดเร็ว นางได้แต่บิดกายเร่าๆ บนที่นอนที่ยับยู่ นางเอื้อมมือไปดึงม่านมุ่งเหมือนใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวพันชายผ้ารอบข้อมือเกร็งร่างกายรับการกระแทกรุนแรงซึ่งไม่ได้เจ็บปวดอีกแล้ว แต่เต็มไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ จนนางได้ยินเสียงเขาคำรามอีกระลอกพร้อมกดแก่นกายลึกเข้ามาในตัวนาง น้ำรักร้อนรินรดอีกคราว นางเหนื่อยหอบปล่อยให้เขาแกะข้อมือของนางออกจากผ้าที่นางดึงไว้ เสียงผ้าขาดตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ ยามนี้นางไร้สติจะรับรู้สิ่งใดอีกแล้ว รู้เพียงแค่

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 30. เรียกชื่อข้า

    “เวยเอ๋อร์ เรียกชื่อข้า” เขาช้อนตัวนางขึ้นนั่งสบตากับเขาอย่างแน่วแน่“ข้าไม่ต้องการทำให้เจ้าเจ็บ เรียกชื่อข้า ให้ข้ามีสติรู้ตัวว่าเบื้องของหน้าข้าคือเจ้า”“ยะ..หยาง..เหลา..หู่” นางเรียกชื่อเขาตะกุกตะกัก ไม่แน่ใจว่าร่างกายของนางที่เริ่มร้อนระอุเพราะไอร้อนจากกายของเขา หรือเพราะความเขินอายที่เปลือยเปล่าต่อหน้าบุรุษผู้นี้กันแน่ “เรียกอีก” ฝ่ามือหยาบกระด้างลูบไล้แผ่นหลังของนาง ปลุกเร้าจนนางอ่อนระทวย เขารู้ว่านางบริสุทธิ์ปานใด เป็นดอกไม้ที่ไม่เคยถูกชายใดแตะต้อง เขายิ่งต้องข่มสัตว์ร้ายในตัวเองไม่ให้ตะกละตะกราม ค่อยๆ แทะเล็มผิวกายเนียนนุ่ม “เหลาหู่...” หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา ทุกจุดที่ริมฝีปากของเขาเคลื่อนผ่านจุดเปลวไฟในกายของนาง เขาค่อยๆ ประคองแผ่นหลังของนางลงนอนอีกครั้ง ครอบครองยอดอกของนางด้วยริมฝีปาก นางไม่อาจทนนอนนิ่งได้ ร่างกายขยับตัวกระสับกระส่าย ส่งเสียงครวญไม่หยุด ปากของเขายังขบกัดยอดอกของนางจนเจ็บแปลบและเสียวซ่านไปพร้อมกัน มืออีกข้างบีบเคล้นนวดคลึงราวกับมอบความยุติธรรมให้ทรวงอกทั้งสองข้างได้ลิ้มรสชาติแปลกประหลาดที่นางไม่เคยพานพบเสียงครวญครางของนางปลุกเร้าสัตว์ร้าย

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 29. ข้าบอกว่าห้ามเข้ามา

    อาลี่ร้องห้าม แต่หลัวเสี้ยวเวยกลับหันมาสบตาด้วย แววตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เป็นดวงตาที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้ “ดูแลความเรียบร้อยที่นี่ คนที่เหลือรอดอยู่จับขังคุกใต้ดินให้หมด รอข้ากลับมาตัดสินโทษด้วยตนเอง” “ขอรับคุณชายรอง” ผู้อารักขาแต่ละคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ตัวเอง หยางกั๋วชิ่งหันไปทางอาลี่ให้เขาช่วยดูแลบิดามารดาให้ ทำราวกับหญิงสาวเปลี่ยนใจ เขาโอบเอวนางแล้วใช้วิชาตัวเบาพานางมาส่งถึงหอฝึกตน ซึ่งปกติจะเข้าได้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น “เจ้าแน่ใจแล้วรึ” หลัวเสี้ยวเวยพยักหน้ารับ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นข้าที่ล้วนเต็มใจทำอย่างยิ่ง” “ข้าฝากชีวิตพี่ใหญ่ไว้ในมือของเจ้าแล้ว” เขายกมือประสานแสดงความคารวะอย่างจริงใจ แม้เขาเตรียมการรับมือคนจากของหอนางแอ่นเป็นอย่างดีแต่ไม่คิดว่าจะมีจุดผิดพลาดเช่นนี้ได้ “คุณชายรองไปดูนายท่านและฮูหยินเถิด ข้าจะรีบเข้าไปดูคุณชายใหญ่” หยางกั๋วชิ่งพยักหน้ารับ เขาหยิบป้ายคำสั่งประทับที่ประตูหอฝึกตน ครู่หนึ่งประตูก็เปิดออก ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปโดยไม่หันกลับมามอ

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 28. ลงมือ

    เพียงสิ้นประโยคของอี้เอ๋อร์ เหล่าบุรุษในชุดดำก็ชักกระบี่ออกมา พุ่งตรงมาทางนาง หญิงสาวผวาเฮือกพลิกตัวใช้ร่างกายตนเองปกป้องร่างของฮูหยินที่ยังไม่ได้สติ นางหลับตาแน่นรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะมาถึง เคล้ง!!! เสียงกระบี่หล่นกระทบพื้นและเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเรียกสติให้หลัวเสี้ยวเวยหันไปมอง แขนข้างที่จับกระบี่ขาดกระเด็นหล่นลงพื้น เลือดสีเข้มสาดกระเซ็นพร้อมกลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งในอากาศ หยางเหลาหู่ก้าวเข้ามาด้วยท่าทีเกียจคร้าน ในมือข้างขวาถือกระบี่เปื้อนเลือด ส่วนอีกข้างกุมลำคอของหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าหลัวเสี้ยวเวย “ฉิวเตี๋ย!” อี้เอ๋อร์ตะโกนเรียกอย่างตกใจ ยามนี้ใบหน้ามีไฟโทสะคุกรุน “ฉิวเตี๋ย? ชื่อของเจ้าสินะ” หยางเหลาหู่เลิกคิ้วแล้วออกแรงบีบลำคอของหญิงสาวแรงขึ้นอีกนิด สีหน้าของหญิงผู้นั้นเจ็บปวดยิ่ง เขาใช้เพียงมือข้างเดียวก็ทำให้นางไม่อาจดิ้นรนต่อต้านได้แล้ว “เป็นแม่นางฉิวเตี๋ยแห่งหอนางแอ่นนี่เอง” หยางกั๋วชิ่งเอ่ยแสร้งทำน้ำเสียงตื่นเต้น ทั้งที่เขาระแคะระคายเรื่องนี้มาตั้งแต่เห็นนางเข้ามาแล้ว เขาเดินเข้ามาพร

DMCA.com Protection Status