Share

Chapter 8. พูดมา

“ไม่ได้บอกอะไรเป็นพิเศษเจ้าค่ะ”    

จะให้บอกอะไรได้ นางไม่เคยเจอคนที่ชื่อเสี่ยวหงสักครั้งเดียว  แค่นี้นางก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว นางมาสวมรอยเป็นสาวใช้  ไม่รู้ว่าป่านนี้สาวใช้ตัวจริงเป็นอย่างไร หวังว่าคงไม่ถึงกับสาปแช่งที่นางมาแย่งงานทำเช่นนี้

“พูดมา!”   เขาถามย้ำอีกครั้ง

“บอกว่านายท่านต้องการสาวใช้”

หลัวเสี้ยวเวยกลืนน้ำลายลงคอ  น้ำเสียงเฉียบขาดของเขาไม่เหมาะที่จะสารภาพความจริงในตอนนี้แน่

“แค่นั้น?”

“เจ้าค่ะ”  นางยืนยันแล้วเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ “นายท่านคงมิได้หมายความว่าต้องการ...”

            ต้องการอะไร?  หยางเหลาหู่กำลังจะอ้าปากถาม แต่เห็นสาวใช้ยืนหน้าซีดตัวสั่นด้วยท่าทางหวาดกลัวทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว

            “ข้าต้องการแค่สาวใช้ เจ้าทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ”  ไยเขากลับไม่ค่อยพอใจ  ที่เห็นท่าทางหวาดกลัวเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ของนาง 

“เสร็จแล้วก็ออกไปได้”

            “เจ้าค่ะ”

            หญิงสาวแอบถอนหายใจ ‘ท่าทางเอาใจยากจริงๆ’ นางเก็บผ้าปูที่นอนผืนเดิมพร้อมเสื้อชุ่มเหงื่อของเจ้านายแล้วรีบก้าวออกมา เพียงการเดินผ่านทำให้จมูกที่รับสัมผัสได้ไวถึงกลับขยับฟุดฟิดตามร่างเล็กที่กำลังเดินไปทางประตู

            “เดี๋ยว”

            หญิงสาวหยุดชะงักแล้วหมุนตัวกลับ  แต่ร่างใหญ่เคลื่อนไหวรวดเร็วเข้ามาประชิดตัวนาง แม้นางยืนเต็มความสูง แต่ศีรษะของนางแค่ปลายคางของเขาเท่านั้น  หลัวเสี้ยวเวยเบิกตากว้างเมื่อเห็นเขาโน้มหน้าลงมา ยื่นปลายจมูกดอมดมกลิ่นจากเส้นผมของนาง

            “กลิ่นเหมือนดอกไม้”

            มือเล็กยกขึ้นแตะศีรษะตัวเอง “คงเป็นกลิ่นมะลิ  เมื่อครู่ข้าไปเก็บดอกมะลิมา”

            “บ้านข้ามีดอกมะลิด้วยรึ”  เขาเงยตัวขึ้นจ้องมองอย่างแปลกใจ

            “มะ..มี ยะ..อยู่ ด้านหลังโรงครัวขอรับ”

อาลี่พูดขึ้นทำให้หลัวเสี้ยวเวยหันไปส่งยิ้มเป็นการขอบคุณที่ช่วยยืนยันให้นาง  อาลี่มาทันช่วยชีวิตนางพอดิบพอดี   

“อืม”  หยางเหลาหู่พยักหน้ารับแล้วมองอาลี่ที่เดินเข้ามา  แล้วเอ่ยอย่างเพิ่งนึกได้ “ข้าสั่งให้เจ้ามาพักที่เรือนของข้า ไยไม่เมื่อคืนไม่เห็นมา”

“หา!”  คราวนี้หลัวเสี้ยวเวยอ้าปากค้าง  เมื่อวานนางคิดว่าเขาพูดเพราะโมโห  ป้าอิงอู่เองก็ให้นางนอนที่เรือนคนรับใช้ ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังให้นางมานอนที่เรือนของเขา 

ยัยเด็กผอมกะหร่องคนนี้ยังไงกันนะ!  เห็นบิดากับมารดาเขาเอ็นดูเข้าหน่อยก็ไม่เห็นคำพูดของเขาเป็นเรื่องสำคัญหรือไร! หยางเหลาหู่รู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก   สัญชาตญาณบอกเขาว่านางไม่ใช่หญิงรับใช้ธรรมดาแน่

“มีห้องว่างอยู่ตั้งหลายห้อง ข้าเมตตาให้เจ้าอยู่ห้องที่ใกล้ข้าที่สุด”  หยางเหลาหู่กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์  

หลัวเสี้ยวเวยทำตาปริบๆ เห็นทีว่าถ้าอ้าปากพูดอะไรออกไปอีกคำอาจได้เลื่อนหน้าที่มาคอยอุ่นเตียงให้เป็นแน่  หญิงสาวจึงได้แต่ก้มหน้าซ่อนความไม่พอใจ  ทำได้เพียงผงกศีรษะเป็นเชิงรับรู้แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หยางเหลาหู่มองหน้าอาลี่ที่เดินเข้ามาเพื่อปรนิบัติเขา

 “กั๋วชิ่งอยากให้เจ้าไปช่วยงาน  เขาเปรยกับข้าหลายครั้งแล้ว ผู้อื่นก็ไม่มีใครรู้หนังสือเท่าเจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่เต็มใจก็อยู่ที่นี่ได้  กั๋วชิงชอบแกล้งคนแต่เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอก”  

 “ขะ..ขอรับ”  อาลี่ยกมุมปากยิ้มนิดๆ “ขะ ข้าน้อยจะไป รับใช้ คุ..คุณชายรอง” 

อาลี่ช่วยผู้เป็นนายผลัดเปลี่ยนเสื้อชุ่มเหงื่อออก เขาอยู่รับใช้หยางเหลาหู่มาหลายปี  รู้ดีว่าชายผู้นี้แม้ภายนอกดูแข็งกระด้างแต่จิตใจดี ระแวดระวังแต่เป็นคนมีเหตุมีผล  ผิดกับหยางกั๋วชิงที่ดูสุภาพไร้กำลังแต่ซ่อนความเอาแต่ใจและเผด็จการอย่างร้ายกาจ ทว่าสิ่งเหล่านั้นกลับล่อลวงให้เขาก้าวเข้าไปติดกับอย่างไม่รู้ตัว

อาลี่ลอบถอนหายใจ คล้ายว่าหญิงสาวคนนั้นจำเขาไม่ได้ แต่เขามั่นใจว่านางคือ ‘คุณหนูหลัวเสี้ยวเวย’ ที่เขาเคยพบเมื่อหลายปีก่อน  ข่าวที่ได้ยินคือคนตระกูลหลัวตายในกองเพลิงครั้งนั้น คนในบ้านทั้งหมดหกสิบสามชีวิตกลายเป็นเถ้าถ่านยากจะพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นใคร  ทรัพย์สมบัติถูกปล้นชิงนอกจากซากศพและเถ้าถ่านแล้วก็ไร้ของมีค่าใด

เขาไม่เคยคิดว่าคนอย่างคุณหนูหลัวที่งดงามราวกับดอกไม้ เป็นที่รักใคร่ของทุกคน เวลานี้นางคือคนเดียวกับ “เสี้ยวเวย” หญิงรับใช้แสนต่ำต้อย ทว่าใบหน้าของนางยังประดับรอยยิ้มเสมอ ราวกับเรื่องราวเลวร้ายในคืนนั้นไม่อาจกระชากเอารอยยิ้มของนางไปได้

หรือบางที... ควรหลงลืมอดีตของตนเองเสีย  

หรือบางคราว....เราควรปล่อยให้ทุกอย่างผ่านเลยไป และอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้

เขาอยากลืมเรื่องเหล่านั้นให้หมดสิ้น ไม่อยากจดจำว่าตนเองเคยเป็นใครมาก่อน การที่เขายังมีชีวิต ยังหายใจอยู่เช่น ดั่งถูกสาปให้ตกนรกตายทั้งเป็น   เหตุใดสวรรค์โหดร้ายให้เขายังมีชีวิตอยู่กับความผิดบาปในครั้งนั้น

“อาลี่”

“ขะ..ขอรับ”

“กั๋วชิ่งหาเรื่องรังแกเจ้าหรือไม่”  หยางเหลาหู่เอ่ยขึ้นแล้วตัวเดินนำออกมาจากห้องของตน

“มะ ไม่มี ขะ ขอรับ”  อาลี่ส่ายหน้ายืนยัน “คุณชาย ระ รอง ดะ ดีกับข้ามาก” 

“ข้าไม่เคยได้ยินเจ้าพูดว่าใครรังแกเจ้าสักครั้ง”  หยางเหลาหู่ทำหน้าหงุดหงิด “ข้าช่วยเจ้าตลอดเวลาไม่ได้ อย่างไรเจ้าต้องมีปากมีเสียพูดแทนตัวเองบ้าง แต่เจ้าไม่เหมาะจะทำงานข้างตัวข้าจริงๆ กั๋วชิ่งเองบ่นว่าไม่ไว้ใจใครนอกจากเจ้า”

อาลี่ไม่คิดว่าหยางกั๋วชิ่งกล้ารบเร้าคุณชายใหญ่เช่นนี้ เดิมทีเขาเคยคิดว่า หยางกั๋วชิ่งเห็นเขาเป็นเพียงของเล่นไม่นานคงเบื่อไปเอง  นานวันเข้า หยางกั๋วชิ่งไม่คิดจะปล่อยเขา  และยังแสดงความเป็นเจ้าของไม่เกรงสายตาบ่าวรับใช้คนอื่น  หากไม่เพราะหยางเหลาหู่มิค่อยได้อยู่ป้อมพยัคฆ์ทมิฬ  คงระแคะระคายเรื่องนี้ไปแล้ว

เขาไม่รังเกียจหลางกั๋วชิ่ง ทว่ากลับพอใจที่อยู่เงียบๆ เช่นนี้

หยางเหลาหู่เห็นการนิ่งเงียบของอาลี่ตีความได้ทั้งยอมรับและปฏิเสธ  เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถดูแลปกป้องอาลี่ไปได้ทั้งชีวิต  เด็กชายที่เขาหิ้วคอเสื้อเปื้อนเปรอะคราบเลือดและโคลนตม  

“ข้ารำคาญที่กั๋วชิ่งเซ้าซี้ ถ้าเจ้าไม่ลำบากใจก็ไปช่วยงานกั๋วชิ่ง แต่ถ้าถูกน้องชายข้ารังแกก็กลับมาอยู่กับข้า”

“แล้ว... แล้วแม่นางเสี้ยวเวย...”

“ข้าไม่ไว้ใจนาง”

 หยางเหลาหู่ไม่ปิดบังความคิดตนเอง บิดามารดาของเขาเอ็นดูนางเกินไป แม้รู้ดีว่ามารดาอยากมีลูกสาวมากเพียงใด  แต่...กับเจ้าเด็กโตไม่เต็มวัยที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่นาน  มารดากลับแสดงความรักใคร่ออกหน้าออกตาขนาดนั้น  นั้นเป็นสาเหตให้เขาไม่ไว้ใจนาง

 ‘ไม่ไว้ใจ’  แต่ให้มาทำงานด้วย ซ้ำยังให้ห้องพักใกล้กันอีก  อาลี่ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม  ไม่มีใครอยู่ใกล้คุณหนูหลัวแล้วจะใจแข็งกับนางได้หรอก  อาลี่เพียงพยักหน้ารับทราบตามหน้าที  

หากนี้เป็นการลงโทษจากสวรรค์ เขาขอให้ทุกลมหายใจดูแลเลือดเนื้อคนสกุลหลัวให้ดีที่สุด แม้ไม่อาจชดใช้ความผิดของตัวเองได้

แต่หวังให้มีสักคืน...ที่เขาหลับตาได้อย่างสนิทใจ

หยางเหลาหู่ทำงานอย่างไม่เป็นสุขนัก  น้องชายคงกลัวว่าคนเป็นพี่จะได้อยู่บ้านสบาย จึงสรรหางานนอกบ้านให้ต้องออกไปสั่งงานด้วยตนเอง  เขาไม่ใช่คนประเภทชี้นิ้วสั่ง ต้องลงมือทำไปพร้อมกับผู้อื่น  จำต้องออกจากเรือนพักแต่เช้า อาหารการกินมีคนนำมาส่งถึงที่  กว่าจะกลับเข้ามาก็มืดค่ำ เป็นเช่นนี้อยู่ราวเจ็ดวันงานขุดลอกทางส่งน้ำจึงลุล่วง  

บุรุษหนุ่มกลับป้อมพยัคฆ์ทมิฬได้เพียงแค่ครึ่งวัน หัวหน้าหมู่บ้านก็วิ่งหน้าตาตื่นมาตามเขา ด้วยมีเหตุดินถล่มตรงทางลงเขา  เขาจึงเกณฑ์คนของตนออกไปจัดการ  โดยไม่ต้องคนของทางการเข้ามาปรับปรุงพื้นที่  ซึ่งใช้เวลาร่วมห้าวันจึงแล้วเสร็จ เขาจึงได้กลับป้อมพยัคฆ์ทมิฬอย่างเหนื่อยล้า

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status