หยางเหลาหู่แม้เก่งกาจในเกือบทุกด้าน แต่เรื่องสตรีนั้น ประสบการณ์การทำความเข้าใจจิตใจของผู้หญิงยังอ่อนด้อยนัก เขาใช้เวลาทุ่มเทให้กับป้อมพยัคฆ์ทมิฬจนละเลยเรื่องเหล่านี้ไปแล้ว และผู้หญิงที่เขายุ่งด้วยก็มีแต่นางคณิกา ซึ่งพวกนางล้วนแต่เอาอกเอาใจเขาทั้งสิ้น ชายหนุ่มนึกถึงภาพนางผวาขึ้นกลางดึก ท่าทางเหมือนคนหายใจไม่ออกคล้ายจมน้ำ ทำให้เขาพลอยกังวลไปด้วย แม้นางไม่ได้เป็นเช่นนั้นทุกคืน แต่...เขาอดเป็นห่วงอย่างไรเหตุผลไม่ได้ มือเรียวกำลังจะดึงประตูปิดลง แต่มือใหญ่กลับยื่นมาขวางไว้ก่อน ดวงตาที่กลั้นน้ำตาเต็มที่จ้องมองเจ้าของมือที่ยื่นมา ใบหน้าคมเข้มกับดวงตาดุดันจ้องมองนางอยู่ นางยังไม่ตื่นจากความทุกข์ระทม เผลอถลึงตาใส่อย่างหงุดหงิด หลงลืมไปว่าตอนนี้นางเป็นสาวใช้ มิใช่คนหนูหลัว โดยไม่รู้ตัว หยางเหลาหู่ยื่นมือไปใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาที่เปื้อนแก้มของหญิงสาว “เหตุใดดวงตาเจ้าจึงมีน้ำตาเช่นนี้” “อ๊ะ!” นางสะดุ้ง ยกมือขึ้นแตะแก้มของตัวเอง นางร้องไห้เมื่อใดกัน นางผงะถอยหลังแต่ร่างกายซวนเซ เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มาพาร่างนา
อ้าปากขึ้นยังไม่ทันจะพูดอะไร เสียงเอะอะด้านนอกทำให้อาลี่รีบขยับตัวลุกจากตักอุ่นโดยเร็ว หยางกั๋วชิ่งทำเสียงไม่พอใจในลำคอแต่ไม่เหนี่ยวรั้งไว้ เขาเพียงหรี่ตามองอย่างจับผิดแต่ไม่เอ่ยอะไร เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้า เขาจึงลุกขึ้นเดินผ่านร่างของอาลี่ไปราวกับไม่เห็นอีกกฝ่ายอยู่ในสายตา แต่รับรู้ว่าอาลี่หมุนตัวเดินตามหลังเขาออกมาจากถึงต้นเสียง “พี่ใหญ่” หยางกั๋วชิ่งส่ายหน้าไปมา เห็นลูกน้องสามสี่คนช่วยกันประคอง หยางเหลาหู่เข้ามา แต่เสียงหัวเราะเคล้าเสียงร้องเพลงไม่เป็นทำนองรวมทั้งกลิ่นสุรารสแรง ทำให้บุรุษผู้รักความสะอาดผงะไปเล็กน้อย เขายกมือขึ้นปัดปลายจมูกตนเอง เหมือนไล่กลิ่นดินโคลนที่ลอยอบอวลในเวลานี้ เห็นภาพเบื้องหน้าแล้วคงไม่ต้องถามอะไรอีก “ไยเจ้ายังไม่นอนอีก” หยางเหลาหู่หรี่ตามองน้องชายพลางส่ายหน้าไปมา ยื่นมือหมายจะลูบศีรษะหยอกล้อ แต่หยางกั๋วชิ่งกลับถอยหลังหลบ ขยับเท้าเพียงเล็กน้อยก็หลบฝ่ามือเปื้อนโคลนได้ทันเรียกเสียงหัวเราะอารมณ์ดีของชายหนุ่มได้ยิ่งนัก “ขะ...ข้าน้อย จะ...จะดูแลคุณชายใหญ่เองขะ..ขอรับ” อาลี่กลั้นยิ้มแล้วทำท่าจะเข้าไปประคองชายร่า
“คุณชายใหญ่!” หลัวเสี้ยวเวยเรียกเสียงสั่น เพียงพริบตาเขาผลักร่างนางลงนอนบนที่นอนอย่างรวดเร็ว หญิงสาวยังไม่ทันตั้งสติได้ ร่างใหญ่โตทาบทับลงมา ใบหน้าหล่อเหลาซุกซบที่ซอกคอของนาง ท่อนแขนแข็งแกร่งพาดทับหน้าอก ขาข้างหนึ่งทับร่างนาง เขาทำเหมือนนางเป็นหมอนข้างกอดก่ายอย่างไรก็ได้“คุณชายใหญ่ ท่านจะนอนทั้งอย่างนี้ไม่ได้นะเจ้าค่ะ” หญิงสาวร้องบอกพยายามผลักแขนของเขา ทว่านางไม่อาจขยับแขนของเขาออกได้เลย เพียงนางเอียงหน้ามองคนตัวโตที่นอนทับนางอยู่ กลับเห็นใบหน้าอ่อนล้าที่หลับตาพริ้มไปแล้วและลมหายใจสม่ำเสมอของเขา‘คู่หมั้น’หลัวเสี้ยวเวยรำพึงกับตนเองในใจ หากนางฉกฉวยโอกาสนี้แสดง ตัวว่าตนเองเป็นคุณหนูหลัวเสี้ยวเวย เพื่อให้ได้อยู่ที่นี่โดยมีสถานะที่ดีขึ้นไม่ใช่หญิงรับใช้อย่างที่เป็นอยู่เล่า? จะเป็นอย่างไรนะ?เห็นความอ่อนล้าบนใบหน้าของเขาแล้ว นางเผลอระบายลมหายใจเบาๆ มีประโยชน์อันใดหากเขาไม่ได้ต้องการนางอย่างแท้จริง จะไม่กลายเป็ยเวรกรรมต่อกันรึ หากเขา...มีหญิงอื่นที่รักและปรารถนารับหญิงนั้นเป็นภรรยา นางก็จะกลายเป็นมือที่สามสร้างความลำบากใจต่อผู้อื่นเข้าไปอีกกรุ่นไอจากเรือนกายของเขาทำให้นางไม่ห
“ไม่ใช่อย่างที่คิดนะเจ้าค่ะ” นางรีบร้อนแก้ตัว สองมือยันแผ่นอกของอีกฝ่าย แต่เขายังอ้อยอิ่งที่จะลุกขึ้นทำให้นางแทบร้องไห้อยู่แล้ว“กั๋วชิ่ง” หยางเหลาหู่เรียกเสียงเย็น คาดเดาเจตนาของอีกฝ่ายได้ไม่ยากนัก น้องชายรูปร่างบอบบางแต่สติปัญญาความเจ้าเล่ห์มีมากล้น คาดว่าความเจ้าเล่ห์นั้นจะมีมากเกินไปจนมาใช้กับพี่ชายคนนี้“ขออภัย พวกท่านค่อยๆทำ เอ๊ย! ค่อยๆพูดจากันเถิด” หยางกั๋วชิ่งใช้พัดปิดใบหน้าที่กลั้นยิ้มไม่อยู่ “ท่านพี่เหน็ดเหนื่อยมาหลายวัน พักผ่อนให้เต็มที่ ประเดี๋ยวข้าจะบอกท่านพ่อท่านแม่ให้เอง”หยางกั๋วชิ่งหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว หลัวเสี้ยวเวยเห็นเพียงสีหน้าของอาลี่ที่นางเดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ แต่หลบสายตานางแล้วเดินตามหยางกั๋วชิ่งออกไป เมื่อในห้องไม่มีใครแล้ว นางโมโหคนตัวโตที่ยังกดทับนางอยู่ กำมือเป็นหมัดน้อยๆ ทุบรัวที่แผ่นอกของหยางเหลาหู่ มือเล็กไม่ได้ทำให้เขาสะเทือนแต่เพราะกลัวนางเจ็บจึงยอมขยับตัวออกห่าง เขานั่งปลายเตียงแล้วช่วยประคองนางขึ้นมานั่งซ้ำยังมีน้ำใจช่วยจัดแต่งเสื้อผ้าให้นาง“ทำเช่นนี้เจตนาให้ผู้อื่นเข้าใจข้าผิดอย่างนั้นรึ” นางโกรธเขาจนลืมตัวว่าตนเองมีฐานะหญิงรับใช
หลัวเสี้ยวเวยพูดแทรกขึ้น ยื่นถ้วยน้ำชาให้ อยู่ด้วยกันนานนับเดือน แต่นางเพิ่งได้เห็นวันนี้เขาแต่งกายราวคุณชายสูงสง่า มิได้รวบผมเป็นทรงสูงแล้วครอบด้วยเกี้ยวเกล้าเช่นทุกครั้ง แต่กลับปล่อยผมยาวสยายแล้วปักด้วยปิ่นหยก ชุดสีน้ำเงินครามขับเน้นให้เขาดูแปลกตาไป หยางกั๋วชิ่งลอบสังเกตอากัปกิริยาของพี่ชาย เขารีบมารายงาน ‘ข่าวดี’ ให้บิดามารดาทราบ ทั้งสองดีใจมาก แต่กระนั้นเขายังย้ำมิให้ทั้งสองแสดงออกมาเกินไป คนปากแข็งอย่างคุณชายหยางเหลาหู่คงไม่ยอมรับเป็นแน่“วันนี้ข้าขอยืมตัวสาวใช้คนโปรดของท่านพ่อกับท่านแม่จะได้ไหม” หยางเหลาหู่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองติดพูดประชดประชันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หญิงสาหันขวับไปมองทันที เขาไม่มีท่าทีล้อเล่นยิ่งทำให้นางสับสนและงุนงงนัก “ข้าแค่พานางออกไปข้างนอก ซื้อของจำเป็นที่ต้องใช้ จะได้ไม่ต้องเอาเสื้อผ้าท่านแม่มาใส่เช่นนี้” หยางเหลาหู่เอ่ยอย่างหงุดหงิด รู้ว่าทุกคนจับผิดเขาอยู่ แต่ยังดีที่ทุกคนสงวนท่าทีทำให้เขาไม่ต้องรับศึกหนัก “ดีจริง เช่นนั้นก็ไปเถิด” ทั้งสองแทบพูดออกมาพร้อมกัน “จะดีหรือเจ้าคะ คุณชายใหญ่เพิ่งกลับมา
“เอ๋?” คำถามของเขาทำให้นางอ้าปากค้าง “ข้าก็อยากได้เช่นกัน” เขาแสร้งทำหน้าตาย หันไปทางอื่น ได้แต่ก่นด่าตัวเองที่ไม่สงบปากตนเอง ดันพูดไปตามที่ใจคิด เห็นหน้าตาประหลาดใจของนางแล้ว เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง“ไปเลือกแบบที่ตัดสำเร็จสักสองสามชุดสิ” “ได้หรือเจ้าคะ” ถามทั้งที่ดวงตาเป็นประกายดีใจ เขาพูดถูก กว่านางจะเย็บเสร็จก็หลายวัน ถ้าได้แบบสำเร็จไปสักสองสามชุด นางไม่ต้องเอาเสื้อผ้าของฮูหยินมาใส่แบบนี้หรอก ดวงตาที่จ้องมองเขาเป็นประกายแวววับเหมือนลูกแมวน้อยที่ถูกเก็บมาเลี้ยง ไยนางไม่รู้จักเก็บความรู้สึกในแววตาของนางบ้างนะ เขาบ่นในใจแล้วหันไปทางอื่นประจวบกับเถ้าแก่มองมาทางเขาพอดี เถ้าแก่รีบเดินตรงมาทักทาย “คุณชายหยางมาถึงร้านเองเช่นนี้ มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่” “ไม่มีอะไร แค่พา...คนมาซื้อของใช้” หยางเหล่าหู่ตอบไปอย่างรวดเร็ว แปลกใจที่ไม่เรียกเสี้ยวเวยว่า ‘สาวใช้’ เขากลับอยากให้นางยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช้ฐานะของสาวใช้ หลัวเสี้ยวเวยหันมาตามเสียงทักทายของเจ้าของร้าน นางแปลกใจเล็กน้อย แต่คิดไปว่าที่เขาพู
หวานล้ำเกินคาดคิดจริงๆ ใบหน้าของหญิงสาวแดงจัด ชายตรงหน้าเคี้ยวพุทราเชื่อมอย่างใจเย็นราวกับเมื่อครู่ทำในสิ่งที่สมควรอย่างยิ่ง! “กลับได้หรือยัง” นางโมโหจนพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าโกรธที่เขาแย่งขนมจากปากของนางหรือเพราะเขาใช้ปากและลิ้นมาปล้นชิงพุทราเชื่อมไป เห็นท่าทางของนางแล้วเขาอารมณ์ดียิ่ง จับเอวของนางแล้วยกขึ้นนั่งบนหลังม้า ส่งห่อผ้าให้นางช่วยถือแล้วกระโดดขึ้นตามไปอย่างรวดเร็ว เพียงม้าก้าวไปข้างหน้า แผ่นหลังของนางก็เอนหลังมาถูกแผ่นอกของเขา พื้นที่จำกัดนางไม่อาจขยับตัวหนีได้ จึงยอมให้ตัวเองอยู่ในอ้อมอกของเขา เมื่อใกล้ชิดมาก นางรู้สึกได้ว่าแผ่นอกของเขาสะเทือน แต่มันสะเทือนพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะที่ข้างหู หยางเหลาหู่ควบม้ากลับมาอย่างอารมณ์ดี นานแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้ ทว่าเมื่อกลับมาถึงป้อมพยัคฆ์ทมิฬกลับรู้สึกได้ถึงเค้าลางแห่งปัญหา เขาลงจากหลังม้าและพาสาวใช้ตัวดีลงมาแล้วพบว่าบ่าวรับใช้ยืนรอด้วยท่าทีกระวนกระวาย “มีอะไรรึ” “นายท่านเชิญที่ห้องโถงขอรับ” “เดี๋ยวนี้?”
“เป็นของจริง” หยางต๋าเอ่ยพลางลูบกำไลอย่างครุ่นคิด “ท่านพ่อมองแวบเดียวก็มั่นใจเลยรึ” ลูกชายคนรองหัวเราะในลำคอยื่นมือไปขอรับกำไลวงนั้นมาดูบ้าง “ดูดีๆ ด้านในสลักชื่อสกุลหยางและสกุลหลัวไว้ด้วย” บิดาพูดแล้วก็ยกน้ำชาขึ้นจิบลอบมองหน้าลูกชายคนโตผู้ที่ต้องรับหน้าที่ทำตามคำหมั้นสัญญา “กำไลของจริงแล้วคนเล่า?” หยางกั๋วชิ่งถามตรงไปตรงมา “พี่ใหญ่ก็ฝังศพคู่หมั้นไปแล้ว จู่ๆมาปรากฏตัวอย่างนี้มันแปลกประหลาดพิกล” “ท่านพ่อเคยพบคุณหนูหลัวตั้งแต่ยังไม่ครบขวบปี คงจำนางไม่ได้เช่นกัน”คราวนี้หยางเหลาหู่หัวเราะในลำคอเบาๆ ท่าทางไม่ใส่ใจของเขาทำให้บิดากับมารดาถึงกับขมวดคิ้ว “แต่เราจะใช้เหตุผลนี้มายกเลิกคำสัญญาหมั้นหมายมิได้” มารดากล่าวออกมาหลังจากเงียบอยู่นาน “ท่านแม่อยากได้นางเป็นสะใภ้?” หยางกั๋วชิ่งถามด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่เช่นนั้น” คนเป็นมารดาถลึงตาใส่ลูกชายชักซักถาม “แม่แค่รู้สึกแปลกๆ พิกล แต่ก็ไม่อยากให้บิดาเจ้าเป็นคนผิดคำพูดด้วย” หยางต๋าหันมามองภรรยาแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างไม่กล้าขึ้นเสียง