Share

Chapter6. เรียนรู้งาน

            “ต่อไปเจ้าก็เรียนรู้งานในครัวกับป้าอิงอู่แล้วกัน”

            “เจ้าค่ะ”

            หลัวเสี้ยวเวยรับคำและเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว  นางจึงหมุนตัวกลับไปเตรียมยกอาหารมาเพิ่มอย่างไม่ต้องรอให้ผู้ใดเอ่ยปากสั่ง 

            “มาวันแรกทำงานรู้หน้าที่  รู้พูดรู้จาเช่นนี้ค่อยเบาใจหน่อย”  

ฮูหยินหยุนผิงเอ่ยขึ้นพลางคีบอาหารส่งให้สามี

            “นางเพิ่งมาอย่ารีบด่วนตัดสิน”  หยางกั๋วชิ่งพูดพลางคีบอาหารเข้าปากตัวเอง เก็บซ่อนสีหน้าพอใจกับรสชาติอร่อยลิ้น  เขาเองไม่กล้าพูดกับป้าอิงอู่เรื่องรสชาติอาหารเช่นกัน ได้แต่แอบหิ้วท้องไปกินของอร่อยนอกบ้านแทน

            หยางเหลาหู่แสร้งทำเป็นไม่สนใจสาวใช้คนใหม่ที่เดินเหินคล่องแคล่ว แม้ตัวเล็กไปสักหน่อยแต่ยกอาหารมาได้ไม่ขาดตอน  เขารู้ว่าข้าวสารอาหารแห้งมีเต็มมิได้ขาด แต่ไม่คิดว่านางจะทำมากขนาดนี้  ไม่ว่ายกสิ่งใดออกมาล้วนหมดเกลี้ยงจนเหลือเพียงถ้วยชามจานเปล่า

            หลัวเสี้ยวเวยเห็นทุกคนกินอาหารเอร็ดอร่อย  แม้ไม่เอ่ยชมก็เบาใจ  อย่างน้อยนั้นหมายถึงนางได้อยู่ที่นี่ต่อไป  การอยู่ในบ้านลุงจางฉวนในฐานะหญิงรับใช้ทำให้นางทำงานบ้านเป็นทุกสิ่งอัน  จากเดิมที่เป็นคุณหนูหลัวทำสิ่งใดเพียงเพื่อความสนุกผิวเผิน  อาหารการกินช่วยแม่ครัวทำเล่นเป็นเรื่องสนุก  นางชอบอ่านเขียน แต่งโคลงกลอนกับบิดา ฝึกเย็บปักถักร้อยกับมารดา  ทว่าเมื่ออยู่ในบ้านลุงจางฉวนนางกลับต้องทำหน้าที่หญิงรับใช้เต็มตัว  อยู่ไปอยู่มาบ่าวไพร่เริ่มลดลง งานของนางมากขึ้น  แต่ลุงกับป้าสะใภ้กลับมีเหตุผลสารพัดที่ให้นางทำงานเหล่านั้นจนมือเรียวที่เคยนุ่มนิ่มหยาบกระด้าง อะไรที่ทำไม่เป็นก็ทำเป็นในคราวนั้น

            เอาเถิด ความลำบากที่ได้รับทำให้นางยังคงใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้

            “เสร็จงานในครัวแล้วเจ้ามาพบข้าด้วย” 

หยางกั๋วชิ่งสั่งไว้ก่อนที่ตนเองจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร  หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับ  นางนึกขึ้นได้รีบถามออกไป

            “ไปพบคุณชายรองที่ใดเจ้าคะ”  คำถามของนางทำให้หยางกั๋วชิ่งชะงักไป “ข้าเพิ่งมาใหม่ยังไม่รู้”

            “ประเดี๋ยวให้คนพาไปก็แล้วกัน”

            “เจ้าค่ะ”

            นางเพียงก้มหน้ารับคำสั่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นสัมผัสได้ว่ามีสายตาดุดันจ้องมองอยู่ หญิงสาวไม่รู้ว่าควรยิ้มหรือไม่ แต่ในฐานะที่คนผู้นี้เป็นคุณชายใหญ่ นางจึงก้มหน้าสำรวมกิริยาเดินกลับมาที่ครัวเพื่อจัดการงานที่เหลือ

            “ไม่ต้องกลัวนะ คุณชายรองใจดี”

            “อืม”  หลัวเสี้ยวเวยได้รับกำลังใจจากผู้อื่นรู้สึกใจชื้นขึ้น เมื่อช่วยคนอื่นจัดการงานในครัวแล้ว และแอบกินมื้อเย็นของตนไปด้วย  นางรีบ

ล้างมือเร่งเท้าเดินไปพบคุณชายรอง  ตามคำแนะนำของเหล่าบ่าวสูงวัยเหล่านั้น

            หญิงสาวอดสังเกตรอบข้างไม่ได้ ป้อมพยัคฆ์ทมิฬแลดูน่าเกรงขามจริง สมแล้วที่เป็นนสำนักคุ้มภัย  ความเป็นอยู่ที่นี่ไม่เรียกว่าอัตคัด แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดมีบ่าวหญิงมีแต่วัยเลยห้าสิบแล้วทั้งนั้น  น่าแปลกที่ไม่มีบ่าวหญิงอายุน้อยทำงานบ้านเลย

            ร่างเล็กเดินมาจนใกล้ถึงเรือนของคุณชายรอง เป็นจังหวะเดียวกับชายหนุ่มร่างบางคนหนึ่ง  ประคองถาดน้ำชาเข้ามาเกือบจะพร้อมกับนาง ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้นจ้องนางเขม็ง ดวงตาเศร้าคู่นั้นมีแววตกใจอยู่ไม่น้อย

            “ข้าชื่อเสี้ยวเวยเป็นหญิงรับใช้คนใหม่ คุณชายรองเรียกให้มาพบ”

            อาลี่สูดลมหายใจลึกตามด้วยการพยักหน้ารับ  ส่งเสียงแหบแห้งรายงานก่อนผลักบานประตูเข้าไป ชายหนุ่มกำลังอ่านเอกสารตรงหน้า มีลูกคิดวางอยู่ใกล้มือ

            “คุณชายรอง”   หลัวเสี้ยวเวยเอ่ยอย่างเจียมตัว ชายผู้นี้ดูสุขุมและเปี่ยมความรู้เป็นคุณชายฝ่ายบุ๋นมากกว่าคุณชายใหญ่ที่นางพบ

            “เจ้าชื่ออะไร”  เขาเอ่ยถามไม่มองหน้า อาลี่วางถาดน้ำชาแล้วรินน้ำชาให้หยางกั๋วชิ่ง  จึงเดินมาฝนหมึกให้โดยไม่ต้องรออีกฝ่ายสั่ง

            “เสี้ยวเวยเจ้าค่ะ”

            “แซ่?”

            “ข้าไม่มีแซ่”  นางตอบได้แต่พร่ำขอโทษบรรพชนที่ไม่อาจเอ่ยแซ่ของตัวเองออกไป เพื่อความปลอดภัยและลมหายใจของนางเอง “ข้าเป็นเด็กกำพร้า”

            อาลี่ชะงักมือไปเล็กน้อย ลอบเงยหน้ามองหญิงสาว เพียงแวบเดียวที่สายตาประสานกัน  เขากลับหลุบตาลงตั้งใจฝนหมึกให้คุณชายรอง

            “ใครแนะนำเจ้า”  แม้หยางกั๋วชิ่งไม่เงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้า ทว่าสามารถจับความเคลื่อนไหวของอาลี่ได้ชัดเจน

            “เสี่ยวหงเจ้าค่ะ”  นางจำจากที่หยางเหลาหู่เอ่ยกับนางวันที่พบกันครั้งแรก และอีกครั้งที่ต้องกล่าวคำขอโทษเสี่ยวหงที่นางสวมรอยมาเป็นสาวใช้

            คราวนี้หยางกั๋วชิ่งเงยหน้าขึ้นมองเต็มตา ดวงตาคู่นั้นแทบกรีดผิวนางให้เปิดเปลือยตัวตนที่แท้จริง แต่หญิงสาวยังคงยืนนิ่งสำรวมและสวมรอยเป็นคนของเสี่ยวหง  หยางกั๋วชิ่งไม่สามารถเชื่อใจนางได้ในทันทีแต่เห็นว่ายังมีเวลาสำหรับการจับตามองหญิงสาวคนนี้

            “เอาล่ะ เจ้าคอยเรียนรู้งานกับป้าอิงอู่ นางสั่งอะไรก็ทำตามนั้น”

            “เจ้าค่ะ” นางมิกล้ายอกย้อนถามว่ารวมทั้งเรื่องรสชาติอาหารด้วยหรือไม่

            “ที่นี่มีบ่าวหญิงชราอายุมากอยู่หลายคน  เจ้าช่วยดูแลพวกนางหน่อย คนเหล่านั้นล้วนเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่  เราอยู่กันอย่างครอบครัว  

เจ้าเข้าใจหรือไม่”

            “ข้าทราบแล้ว”

            “ดี ไปพักเถอะ อะไรที่ควรรู้ป้าอิงอู่จะบอกเอง”

            “เจ้าค่ะ”

            หญิงสาวย่อตัวลงคารวะแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ  อาลี่เงยหน้าขึ้นหลังสิ้นเสียงปิดประตู และเหมือนอีกฝ่ายรู้ถึงสายตาของบ่าวหนุ่มผู้นี้  มือแข็งแกร่งกระชากข้อมือข้างหนึ่ง  ออกแรงกระตุกเพียงพริบตาอาลี่ก็มานั่งบนตักของเขาแล้ว

            “คุ...คุณชาย... รอง”

            “พี่ใหญ่ประกาศให้นางอยู่เรือนของเขาแล้ว เจ้าย้ายมาดูแลข้าเต็มตัวเสียทีเถอะ”

            “ตะ..แต่..”  อาลี่อึกอักใบหน้าขาวซีดเริ่มฝาดสีแดงระเรื่อ

            “ข้าอุตส่าห์วางแผนให้พี่ใหญ่หาหญิงรับใช้มาแทนเจ้า เจ้ายังอาลัยอาวรณ์พี่ใหญ่อีกเรอะ”    

หยางกั๋วชิ่งเชยปลายคางของอีกฝ่ายขึ้น  ยื่นหน้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมของชาเก็กฮวยจากริมฝีปากของอีกฝ่าย  

“บอกแล้วว่าข้าต้องการเพียงเจ้า”  หยางกั๋วชิ่งกัดริมฝีปากที่สั่นระริกเบาๆ สอดมือไปในสาบเสื้อของอีกฝ่าย

“ได้หรือไม่”

อาลี่ได้แต่หลับตาพยักหน้าตอบรับด้วยความเต็มใจ  แต่ไม่อาจ

ละภาพหญิงสาวผู้นั้นได้ สี่ปีผ่านมา นางเติบโตขึ้นจากเด็กสาวกลายเป็นหญิงสาวเต็มตัว แม้รูปร่างเปลี่ยนไปแต่แววตาของนางยังไม่เคยเปลี่ยน

“อาลี่”  

เสียงแหบพร่ากระซิบเรียก  ฝ่ามือร้อนปรนเปรอจนบ่าวหนุ่มไม่อาจคิดถึงสิ่งอื่นได้อีก   นอกจากความเร่าร้อนและรัญจวนใจที่ทำให้หัวใจของเขากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง

            โดยปกติหยางเหลาหู่เป็นคนกินอิ่มนอนหลับไม่กระสับกระส่าย  ทว่าคืนที่ผ่านมาเขาพลิกตัวอยู่บ่อยครั้ง กว่าจะหลับได้เกือบสว่าง  เพราะคิดถึงสาวใช้ตัวจิ๋วที่เพิ่งรับเข้ามา ดูท่าทางไม่เหมือนสาวใช้ทั่วไป  แต่เดิมคิดว่านางทำงานอยู่ในครัวคงไม่เป็นอะไร ทว่าบิดามารดาของเขาเอ็นดูนางมาก  ทำให้อดระแวงไม่ได้ เขารู้ว่ามารดาอยากมีลูกสาวอีกสักคนแต่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง   ตั้งครรภ์แรกก็อายุมากแล้ว  และบิดาไม่รับอนุเข้าเรือนทำให้มีแค่เขาและน้องชายเพียงสองคนเท่านั้น

            เขาไม่ค่อยมั่นใจว่าเสี่ยวหงส่งผู้หญิงแบบไหนมาให้  จริตมารยาหญิงอาจมีเล่ห์กลอื่นที่เขาไม่อาจล่วงรู้  จิตใจคนเรามีความทะยานอยาก อยากได้อยากมี หวังก้าวหน้าเดินทางลัดก็มาก ไม่ว่าชายหรือหญิงล้วนมีด้วยกันทั้งนั้น  เห็นตัวเล็กๆ ดูใสซื่อไม่รู้ว่าซ่อนเขี้ยวเล็บไว้หรือไม่  

            เหนือสิ่งอื่นใดคือ เขายังต้องการรู้สาเหตุอาการหวาดผวาของนาง

            เพราะหน้าที่คือผู้คุ้มภัย เขาจึงระแวงและระวังตลอดเวลา  ระหว่างการเดินทางกลับมาที่ป้อมพยัคฆ์ทมิฬ  เขาลอบสังเกตท่าทางของหญิงผู้นั้น  มองผิวเผินนางไม่มีอะไรผิดปกติ  รูปร่างแบบบางแต่การเดินทางที่ไม่ได้สะดวกสบายนี้  ไม่ได้ทำให้นางโอดครวญแต่อย่างใด  พิจารณาแล้วว่านางไม่เป็นวรยุทธ  ท่าทางเรียบร้อยไม่เรื่องมากยังเข้ากับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี  นางเป็นผู้หญิงคนเดียวในการเดินทางครั้งนี้ เขาจึงยอมให้นางนอนในรถม้าตามลำพัง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status