Home / โรแมนติก / ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์ / Chapter5. เท่าที่เห็นก็นับว่าดี

Share

Chapter5. เท่าที่เห็นก็นับว่าดี

last update Last Updated: 2024-06-21 21:27:50

“สรุปว่าพี่ใหญ่เห็นดีแล้ว”  

“เท่าที่เห็นก็นับว่าดี มีสองมือสองขาน่าจะทำงานได้ไหวอยู่”

“เอาเถอะๆ เช่นนั้นข้าจะเรียกนางมาตรวจสอบอีกที ถ้าไม่ไหวก็ส่งกลับพร้อมสินค้ารอบหน้า” หยางกั๋วชิ่งไหวไหล่อีกครั้ง

“รอบหน้า?”  

“พี่ใหญ่เพิ่งกลับมาถึงพักผ่อนก่อนเถอะ เรื่องงานไว้คุยทีหลัง” หยางกั๋วชิ่งตัดบทไปเสียก่อน “อ้อ! รีบขึ้นจากน้ำใส่เสื้อผ้าเสีย ท่านพ่อท่านแม่รอกินข้าวพร้อมพี่ใหญ่”

“ฮืม”

หยางกั๋วชิ่งหมุนตัวเดินออกไปแล้ว อาลี่จึงเดินกลับมาเข้ามาเป็นจังหวะที่หยางเหลาหู่ขึ้นจากอ่างอาบน้ำ อาลี่ใช้ผ้าซับน้ำให้คุณชายใหญ่แล้วช่วยแต่งกายอย่างเคยชินด้วยใบหน้าเรียบเฉย  อาลี่เป็นบ่าวรับใช้ชายวัยสิบเจ็ดแล้ว  ทว่ารูปร่างเล็กและผอมบาง  ปากนิดจมูกหน่อยผิวขาวเหมือนเด็กผู้หญิง  หากไม่เพราะบนใบหน้ามีแผลเป็นจากไฟไหม้ที่หน้าผาก  เขาคงเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนหวานดุจหญิงสาวเลยทีเดียว

“อาลี่ ข้าไม่อยู่สองเดือนทุกอย่างในบ้านเรียบร้อยดีหรือไม่”

“ขะ...ขอรับ”   ไม่เพียงแค่ใบหน้าเสียโฉมแล้ว อาลี่ยังบาดเจ็บจนพูดได้ไม่ถนัดชัดเจนเช่นคนปกติทั่วไป  

“มีใครรังแกเจ้าหรือไม่”

“มะ...ไม่มี...ขะ ขอรับ”

“ดี เจ้าต้องหัดดูแลตัวเองได้แล้ว เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว”  หยางเหลาหู่วางมือบนศีรษะของอาลี่แล้วโยกไปมา ปากบอกว่า ‘ไม่ใช่เด็ก’ แต่ทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นเด็กเขาหิ้วขึ้นมาจากข้างทาง   

คราวนั้นอาลี่อายุสิบสาม เนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลนและบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง เรียกว่ารอดชีวิตได้อย่างปาฏิหาริย์   หยางเหลาหู่ในคราวนั้นเป็นชายหนุ่มที่เติบโตอย่างองอาจ เขาทำงานเดินทางคุ้มกันสินค้าด้วยตนเองแทนบิดามา  พบเห็นเรื่องมากมาย  แม้ไม่ใช่คนจิตใจมีเมตตา แต่เมื่อพบเจอเรื่องใดที่ตนเองพอช่วยเหลือได้ก็เต็มใจทำ 

เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่พบอาลี่ในสภาพปางตาย เขาหิ้วคอเสื้อของอาลี่เหวี่ยงใส่รถม้ากลับมาที่ป้อมพยัคฆ์ทมิฬ ให้บรรดาบ่าวหญิงชราช่วยดูแลรักษา  อาลี่ไม่พูดเรื่องของตัวเอง เขาไม่ถามหรือสืบสาวเอาเรื่องเอาราวใด  มีแค่หยางกั๋วชิ่งที่สอบถามประวัติที่มาที่ไป แต่เพราะอาลี่ตัวเล็กเหมือนเด็กหญิงและถูกคนอื่นหยอกล้ออยู่เสมอ เขาจึงหิ้วคอเสื้ออาลี่ให้มาเป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัว   ใช้เวลานานนับปีกว่าบาดแผลจะหายดี เหลือแผลเป็นตามร่างกาย แต่กลายเป็นคนพูดจาติดขัด   เขาตรวจสอบดูแล้วอาลี่ไม่เป็นวรยุทธ แม้บังคับให้เขาฝึกฝนเพื่อป้องกันตัวเองก็ทำได้เพียงเล็กน้อย  เขาไม่ชอบฝืนใจใครจึงไม่ได้บังคับให้อาลี่ฝึกวรยุทธอีก

            อาลี่ช่วยหยางเหลาหู่แต่งกายและเกล้าผม เมื่อเสร็จแล้วจึงถอยห่างอย่างรู้หน้าที่   บุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำจึงก้าวเดินตรงไปห้องโถงเพื่อกินมื้อเย็น  เพราะกฏที่ท่านแม่บัญญัติไว้คนในครอบครัวกินข้าวเย็น

พร้อมหน้าพร้อมตากัน  เว้นเสียว่าจะติดงานอื่นที่ไม่อาจมาได้

            หยางต๋าและฮูหยินหยุนผิงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว หยางกั๋วชิ่งที่เดินเข้ามาเกือบจะพร้อมกัน สองพี่น้องมองอาหารบนโต๊ะ ทั้งเนื้อผักปลาแม้หน้าตาดูเหมือนเดิมแต่กลิ่นหอมนั้น ทำให้พวกเขารีบนั่งลงเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในตำแหน่งรองกันลงไป

            “ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่เหลาหู่”  บิดาเอ่ยถามราวกับธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว

            “เรียบร้อยดี”  เขาตอบแล้วคีบอาหารเข้าปาก เดินทางมาทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย กินอาหารก็เพียงแค่ให้อิ่มมิได้รู้รสความเอร็ดอร่อยอะไรนัก  ทว่าพอคำแรกเข้าปาก เขาก็ขมวดคิ้ว เมื่อไม่มั่นใจจึงคีบอีกคำเข้าปากไปอีกคำ  หากลิ้นเขาไม่ผิดปกติก็ต้องเป็นอาหารในจาน  เขาเหลือบตามองน้องชายที่มีสีหน้าไม่ต่างกันนัก

            “ป้าอิงอู่”   หยางเหลาสู่อดไม่ได้เรียกหาแม่ครัวประจำบ้านและยังควบตำแหน่งดูแลบ้านไปอีกด้วย รออยู่อึดใจเจ้าของชื่อก็เดินมา

            “คุณชายใหญ่มีอะไรรึเจ้าคะ”   ป้าอิงอู่พาร่างอวบอ้วนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

            “อาหารนี้?”

            “มีสิ่งใดผิดปกติรึ”

            หยางเหลาหู่หันไปทางหยางกั๋วชิ่ง   เขาไม่ถนัดเลือกใช้คำพูดเหมือนน้องชาย  เขาเป็นคนจำพวกพูดจาโผงผางขวานผ่าซากเกรงว่าพูดตรงเกินไปทำให้เข้าใจผิด  น้องชายเข้าใจสีหน้าย่ำแย่ของพี่ชายจึงเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตนประหลาดใจเช่นกัน

            “อาหารมื้อนี้มีผู้ใดช่วยป้าอิงอู่ทำรึ”

            “อ้อ! เป็นเสี้ยวเวยที่เข้ามาช่วยงานในครัว”

            “เสี้ยวเวย?”

            “ผู้หญิงที่คุณชายใหญ่พามาด้วยเจ้าค่ะ”

            เพียงเอ่ยปากว่าเป็นผู้หญิงที่หยางเหลาหู่พามาทำให้ทุกคนที่กำลังรุมแย่งกินอาหารบนโต๊ะนิ่งไป ป้าอิงอู่ถอนหายใจเบาๆ ให้คนไปตามเสี้ยวเวยเข้ามา  ไม่นานนักร่างเล็กในชุดสาวใช้มีผ้ากันเปื้อนคาดทับรีบเร่งเดินเข้ามาราวกับจะวิ่งเลยทีเดียว

            แม้สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ แต่โครงหน้าอ่อนหวานและดวงตาเป็นประกายดุจหยด ทำให้ผู้ที่สบตาด้วยไม่อาจถอนสายตาไปจากนางได้

“เหลาหู่นี่เจ้าพาเมียมาให้พ่อแม่รู้จักแล้วเรอะ!”  หยางต๋าส่งเสียงดังด้วยความยินดี เห็นเพียงแวบแรกกลับพอใจที่จะได้ลูกสะใภ้หน้าตาน่ารักเช่นนี้

คำพูดของชายวันหกสิบเจ็ดทำเอาหลัวเสี้ยวเวยหน้าแดงขึ้นมา นางยกมือขึ้นโบกไปมาปฏิเสธทันที

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ บ่าวเป็นสาวใช้”

“ตายจริง! เหลาหู่! เจ้าไปเอาน้องมาจากไหน ตัวเล็กแบบนี้จะ

ทำงานหนักได้อย่างไรกัน  นางเป็นผู้หญิงของเจ้าก็บอกมาเถอะ อายุขนาดนี้แล้วพ่อกับแม่รับได้”  

เพราะทั้งสองมีบุตรเมื่อตอนที่อายุมากแล้ว  และหยางต๋าไม่รับอนุ  มีเพียงฮูหยินผู้เดียวจึงมีบุตรชายที่เอาใจยากอยู่สองคนเพียงแค่นี้

หยางเหลาหู่ได้ยินบิดามารดาพูดเช่นนั้นถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ   

“นางเป็นสาวใช้จริงๆ” เขาทำหน้าเบื่อหน่าย พอเหลือบมองใบหน้าหญิงสาวตัวเล็กที่เขินอายจนใบหน้าแดงจัด  เขาอดยอมรับไม่ได้ว่า นางมีใบหน้ารูปไข่ ดวงตาเป็นประกาย ปากนิด จมูกหน่อย มีอะไรให้ชวนมองไม่น้อยเหมือนกัน

“ชื่ออะไรล่ะยัยหนู”  หยางต๋าถามด้วยความเอ็นดู

“เสี้ยวเวยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยอย่างมีมารยาททำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้สึกถูกชะตา  “นายท่านกับฮูหยิน ต้องการอะไรเรียกใช้ได้เลยเจ้าค่ะ เห็นตัวเล็กแบบนี้ข้ามีเรี่ยวแรงมิใช่น้อย”

“ไยเรียกห่างเหินเช่นนั้น เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก”  ฮูหยินหยุนผิงนึกเอ็นดูนัก  ใจจริงนางอยากมีลูกสาวน่ารักๆ อีกสักคน  แต่สุขภาพไม่เอื้ออำนวย  เบ่งลูกชายได้สองคนก็ต้องถอดใจ

“แค่กๆ”  คราวนี้หยางเหลาหู่ถึงสำลักน้ำลายตัวเอง ไม่คิดว่ามารดาของเขาจะแสดงความชื่นชมออกหน้าออกตาแบบนี้  

“มิกล้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยมาอยู่ในฐานะสาวใช้ไม่สมควรตีตนเสมอนาย” 

“พูดจาน่าฟังดีจริง  เอาเถอะๆ งานที่นี่ก็มีแค่ดูแลคนแก่อย่างเราสองคนกับลูกชายหัวรั้น แต่ถ้ามันกล้าหือละก็มาฟ้องพ่อกับแม่ได้ เอ่อ...แล้วนี่นอนที่ไหนล่ะ มานอนเรือนใหญ่กับพ่อแม่ก็ได้  ไอ้ลูกบ้านี่มันก็สร้างเรือนหลังใหญ่โตแต่ให้พ่อกับแม่อยู่กันแค่สองคน ไม่รู้จักรีบมีลูกมีหลานให้พ่อแม่ได้อุ้มเล่น”

“นางอยู่เรือนของข้า”  หยางเหลาหู่พูดตัดบท  “ข้าไม่ไว้ใจ เกิดนางมาลักขโมยข้าวของหรือทำร้ายพ่อกับแม่ขึ้นมาจะทำเช่นไร”

“ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้นนะ”   

นางหันไปเถียงเขา แต่ริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นทำให้เขาต้องเบือนหน้าไปทางอื่น    

“คำพูดไม่น่าเชื่อถือเท่าการกระทำ ข้าจะรอดูแล้วกันว่าเจ้าเป็นอย่างที่ตัวเองพูดหรือเปล่า”  เขาโบกมือไล่คล้ายตัดบทไม่ต้องการพูดเรื่องพวกนี้อีก

            “อาหารมื้อนี้...”

            “ป้าอิงอู่เมตตาสอนให้ข้าทำอาหารเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่ารสชาติถูกปากหรือไม่”

            ไม่มีใครกล้าพูดความจริง ป้าอิงอู่มิใช่แค่แม่ครัวแต่เสมือนคนในครอบครัว ทุกคนที่นี่อยู่อย่างครอบครัวใหญ่  ฝืนทนอาหารรสชาติย่ำแย่ของป้าอิงอู่แต่ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งนี้ออกไป  ก่อนนั้นฝีมือป้าอิงอู่นับว่าเลิศรสนัก แต่ในระยะหลังการรสชาติเปลี่ยน  แม้หน้าตาอาหารจะเป็นเช่นเดิม คาดเดาว่าเพราะอายุที่มากขึ้น  ทำให้การรับรู้รสของป้าอิงอู่เปลี่ยนไป ภายนอกดูกระฉับกระเฉงแต่แท้ที่จริงนางเจ็บป่วยเรื้อรังมานาน

Related chapters

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter6. เรียนรู้งาน

    “ต่อไปเจ้าก็เรียนรู้งานในครัวกับป้าอิงอู่แล้วกัน” “เจ้าค่ะ” หลัวเสี้ยวเวยรับคำและเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว นางจึงหมุนตัวกลับไปเตรียมยกอาหารมาเพิ่มอย่างไม่ต้องรอให้ผู้ใดเอ่ยปากสั่ง “มาวันแรกทำงานรู้หน้าที่ รู้พูดรู้จาเช่นนี้ค่อยเบาใจหน่อย” ฮูหยินหยุนผิงเอ่ยขึ้นพลางคีบอาหารส่งให้สามี “นางเพิ่งมาอย่ารีบด่วนตัดสิน” หยางกั๋วชิ่งพูดพลางคีบอาหารเข้าปากตัวเอง เก็บซ่อนสีหน้าพอใจกับรสชาติอร่อยลิ้น เขาเองไม่กล้าพูดกับป้าอิงอู่เรื่องรสชาติอาหารเช่นกัน ได้แต่แอบหิ้วท้องไปกินของอร่อยนอกบ้านแทน หยางเหลาหู่แสร้งทำเป็นไม่สนใจสาวใช้คนใหม่ที่เดินเหินคล่องแคล่ว แม้ตัวเล็กไปสักหน่อยแต่ยกอาหารมาได้ไม่ขาดตอน เขารู้ว่าข้าวสารอาหารแห้งมีเต็มมิได้ขาด แต่ไม่คิดว่านางจะทำมากขนาดนี้ ไม่ว่ายกสิ่งใดออกมาล้วนหมดเกลี้ยงจนเหลือเพียงถ้วยชามจานเปล่า หลัวเสี้ยวเวยเห็นทุกคนกินอาหารเอร็ดอร่อย แม้ไม่เอ่ยชมก็เบาใจ อย่างน้อยนั้นหมายถึงนางได้อยู่ที่นี่ต่อไป การอยู่ในบ้านลุงจางฉวนในฐานะหญิงรับใช้ทำให้นางทำงานบ้านเป็นทุกสิ่งอัน จากเด

    Last Updated : 2024-06-21
  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter7. เจ้าเป็นอะไรกัน

    ระหว่างการเดินทางในคืนหนึ่ง เขาตรวจดูความเรียบร้อยของขบวนเดินทางและเดินผ่านรถม้าที่นางนอน ได้ยินเสียงแปลกๆ จึงโผล่หน้าเข้าไปดู คราวแรกเขาคิดว่านี่อาจเป็นแผนหนึ่งของนางเรียกร้องความสนใจจากเขา ทว่าร่างที่ดิ้นทุรนทุรายไม่ได้สติอยู่นั้น ทำให้เขาตระหนกตกใจไม่น้อย “นี่”เขาพยายามเรียกนางให้ตื่น แล้วตัวเองต้องเป็นฝ่ายตกใจที่เห็นร่างเล็กผวาขึ้นจากที่นอน ดวงตาเบิกโต ริมฝีปากอ้าเรียกลมหายใจ มือเรียวเล็กกุมลำคอของตัวเอง อึดอัดเหมือนคนหายใจไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งจึงได้อากาศเข้าปอด แล้วร่างของนางก็ร่วงผล็อยลงไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “นี่!เจ้าเป็นอะไรกัน!” เขาสบถแล้วโน้มหน้าลงไปใกล้แต่นางไม่รู้สึกตัว ทว่าไม่ได้จมอยู่กับฝันร้ายแล้ว เขาจึงล่าถอยออกมาครุ่นคิดถึงสิ่งที่นางเป็น เขามิใช่บุรุษที่ดีนัก แต่เชื่อใจว่าผู้หญิงที่เสี่ยวหงส่งมานั้นมิได้ถูกขู่บังคับมา ทุกนางล้วนเต็มใจทำในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ นั้นคือความสบายใจหนึ่งที่เขาได้รับ เขาไม่ได้ปลุกหรือเรียกนางอีก ปล่อยให้นางหลับต่อไป เช้าวันรุ่งขึ้นนางเป็นปกติ ยามสบตากันก็ทำเช่นนายกับบ่าว ด้วยความสงสัยพอตกดึกเขาล

    Last Updated : 2024-06-21
  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 8. พูดมา

    “ไม่ได้บอกอะไรเป็นพิเศษเจ้าค่ะ” จะให้บอกอะไรได้ นางไม่เคยเจอคนที่ชื่อเสี่ยวหงสักครั้งเดียว แค่นี้นางก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว นางมาสวมรอยเป็นสาวใช้ ไม่รู้ว่าป่านนี้สาวใช้ตัวจริงเป็นอย่างไร หวังว่าคงไม่ถึงกับสาปแช่งที่นางมาแย่งงานทำเช่นนี้“พูดมา!” เขาถามย้ำอีกครั้ง“บอกว่านายท่านต้องการสาวใช้”หลัวเสี้ยวเวยกลืนน้ำลายลงคอ น้ำเสียงเฉียบขาดของเขาไม่เหมาะที่จะสารภาพความจริงในตอนนี้แน่“แค่นั้น?”“เจ้าค่ะ” นางยืนยันแล้วเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ “นายท่านคงมิได้หมายความว่าต้องการ...” ต้องการอะไร? หยางเหลาหู่กำลังจะอ้าปากถาม แต่เห็นสาวใช้ยืนหน้าซีดตัวสั่นด้วยท่าทางหวาดกลัวทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว “ข้าต้องการแค่สาวใช้ เจ้าทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ” ไยเขากลับไม่ค่อยพอใจ ที่เห็นท่าทางหวาดกลัวเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ของนาง “เสร็จแล้วก็ออกไปได้” “เจ้าค่ะ” หญิงสาวแอบถอนหายใจ ‘ท่าทางเอาใจยากจริงๆ’ นางเก็บผ้าปูที่นอนผืนเดิมพร้อมเสื้อชุ่มเหงื่อของเจ้านายแล้วรีบก้าวออกมา เพียงการเดินผ่านทำให้จมูกที่รับสัมผัสได้ไวถึงกลับขยับฟุดฟิดตามร่างเล็กที่กำลังเดินไป

    Last Updated : 2024-06-21
  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 9.หน้าตาใสซื่อ

    ไม่รู้ว่า ‘สาวใช้’ คนใหม่เป็นอย่างไรบ้าง บิดากับมารดาของเขาใจดีเกินไป มักสงสารเห็นใจผู้อื่นอยู่เสมอ เขาเกรงว่าจะตกหลุมพรางเข้าให้ หน้าตาใสซื่อไม่แน่ว่าอาจมาหลอกให้ใครต่อใครตายใจ แม้ไม่ไว้ใจผู้หญิงตัวเล็กหน้าหวานผู้นั้นมากแค่ไหน หากนางไม่ใช่คนดีอย่างที่พูด เขาหมายใจจะเอาคืนอย่างสาสมที่สุด ลงทัณฑ์แบบที่นางต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียวหยางเหลาหู่พาร่างอันเหนื่อยล้าเดินไปเรือนของตน ระหว่างเดินผ่านสวนหย่อมบริเวณที่บิดาและมารดามักชอบออกมาเดินเล่นพักผ่อน เสียงหัวเราะของท่านทั้งสองทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว นานเพียงใดแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีเช่นนี้ เจ้าของร่างสูงชะงักเท้าแล้วเปลี่ยนทิศทางการเดินมายังต้นเสียงที่ได้ยิน “คุณชายใหญ่กลับมาแล้ว” หยางเหลาหู่ทำหน้ายุ่ง ไม่ค่อยชินกับการทักทายเมื่อกลับบ้านนัก แล้วมองหน้าบิดากับมารดาสลับกันไปมาหาสิ่งผิดปกติอยู่ หลายปีก่อนบิดาของเขาประสบเหตุล้มป่วยหนัก เมื่อฟื้นร่างกายแต่ขาทั้งสองข้างกลับไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง เขาสรรหาลากคอหมอชื่อดังเก่งกาจทั่วสารทิศ ทั้งฝังเข็มและยาดีสารพัด แต่อาการดีขึ้นเพียงเล็กน้อย หยางกั๋วชิ่

    Last Updated : 2024-06-21
  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 10. เซ้าซี้น่ารำคาญ

    “เจ้าจะเรียกข้าอะไรนักหนา” เขาถลึงตาใส่อย่างหงุดหงิด โดนมารดาดุไปแล้วยังต้องมาเจอผู้หญิงคนนี้ทำตัวเซ้าซี้น่ารำคาญอีก“นี่อะไร” เขาถามพลางสูดเอากลิ่นอาหารเข้าท้องทำให้กะเพาะส่งเสียงครางออกมาเบาๆ“หมาโผโต้ฝุ เต้าหู้ผัดซอสเจ้าคะ ส่วนนี้ก็ กงเป่าจีติงเนื้อไก่ ต้นหอมหั่นลูกเต๋า ผัดกับพริกแห้งและถั่วลิสง รสชาติออกเปรี้ยวหวาน แล้วยังมี...”“ข้ายกถาดอาหารไปแล้วกัน” เขาพูดเมื่อเห็นนางยกชามอาหารสามสี่อย่างใส่ถาดแล้ว “เกิดเจ้าหกล้มขึ้นมาจะอดกินเสียเปล่าๆ”หลัวเสี้ยวเวยยิ้มกว้าง หญิงสาวไม่รู้ตัวหรอกว่ารอยยิ้มของตนสะกดสายตาชายหนุ่มได้มากเพียงใด ทำให้เขาหันไปทางอื่นราวกับกลัวตนเองจะต้องมนต์ดำเข้าให้ “ไปได้แล้วข้าหิว”“เจ้าค่ะ”สายตาหญิงสาวมองแผ่นหลังกว้างที่ตัวเดินออกไปพร้อมถาดอาหาร นางหันไปมองบ่าวคนอื่นที่ทำเหมือนสิ่งนี้เป็นเรื่องปกติ นางจึงรีบยกสำรับที่เหลือเดินเร็วๆ ตามร่างสูงออกไป คนรับใช้ชายสูงวัยช่วยยกอาหารที่เหลือตามออกไปพร้อมรอยยิ้มกึ่งขบขันภาพหญิงสาวร่างเล็กในชุดสาวใช้กับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวเข้มช่วยกันจัดโต๊ะอาหารมื้อนั้น ทำให้ผู้เป็นบิดามารดาอดยิ้มไม่ได้ เคยกังวลว่าลูกชายไม่ส

    Last Updated : 2024-06-21
  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 11.จงเก็บศัตรูไว้ข้างกาย

    “เจ้าทำได้ดีแล้ว แต่หวังว่ามันจะดีมาจากใจจริง”“คุณชายใหญ่นี่ไม่ไว้ใจข้าแต่กลับยอมให้ทำงานด้วย ประหลาดจริงๆเชียว” หลัวเสี้ยวเวยมองหน้าเขาแล้วเบ้ปากนิดๆ เพราะเขาเป็นเจ้านายที่ชอบหาเรื่องนาง นางจึงหลงลืมรักษามารยาทที่ควรทำ“นี่เรียกกลยุทธ์ไม่รู้รึ เคยได้ยินหรือไม่ จงเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัว”“ถ้าเป็นข้าน้อย...คงเลือกที่หนีให้ห่างมากที่สุด อย่าได้จองเวรกันและกันเลย” นางพูดแล้วเหลือบตามองเขา ไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จนได้กลิ่นกายบุรุษเพศปนกลิ่นเหนื่อยจางๆ จากเรือนกายกำยำของเขา“เสี้ยวเวย” เขาจ้องหน้านาง “ ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วพูดความจริงกับข้า หากข้ารู้จากปากคนอื่นว่าเจ้าโกหกอะไรไว้ รับรองได้เลยว่าเจ้าได้รับการตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อจากข้า!” หลัวเสี้ยวเวยแทบลืมหายใจไปกับคำพูดดุดันและสายตาดุจเสือร้ายของเขา ร่างสูงหมุนตัวเดินออกไปแล้ว เหลือเพียงร่างที่ยืนนิ่งตะลึงงันกับการถอนหายใจอย่างเจ็บปวด มาอยู่แค่ครึ่งเดือนแต่นางก็ประทับใจผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน ยิ่งทั้งสองท่านให้ความเมตตาเอ็นดู นางยิ่งอยากพูดความจริง ทว่าไม่อาจคาดเดาได้ว่าเมื่อความจริงปรากฏ นางจะยังได้อยู่ในป้อมพยัค

    Last Updated : 2024-06-22
  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 12. ทำหน้าที่

    หญิงสาวมองดูเสื้อผ้าสองสามชุดที่ได้รับมาจากป้าอิงอู่ เพราะนางมาแบบไม่ได้เตรียมตัวจึงไม่มีเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยน นางจำใจต้องโกหกว่าตนเองนั้นยากจน ที่เดินทางมาที่นี่ก็มีเพียงเนื้อตัวเปล่าๆ ไม่มีทรัพย์สมบัติใดติดตัวมา ป้าอิงอู่ส่ายหน้าระอาใจ แต่กระนั้นก็ค้นเสื้อผ้าเก่าๆ ยื่นให้นางใช้ ด้วยรูปร่างที่แตกต่างทำให้นางต้องแก้ไขเสื้อผ้าเหล่านี้ให้ใส่พอดีตัว นางมาอยู่ที่นี่โดยการสวมรอยเป็นสาวใช้ที่เสี่ยวหงส่งมา นางเองมิรู้ว่าสาวใช้ที่ถูกส่งมานั้นมีสัญญาซื้อขายอย่างไร นางไม่กล้าเอ่ยปากถามหยางเหลาหู่ กระนั้นการใช้ชีวิตที่นี่มีที่ซุกหัวนอนและกินอิ่มครบสามมื้อก็เพียงพอแล้ว ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกหนักใจมากนัก ตั้งใจว่าอดใจรออีกสักหน่อย อีกไม่กี่วันน่าถึงวันจ่ายเบี้ยให้บรรดาบ่าวไพร่ เผื่อนางจะได้รับบ้าง งานของนางเริ่มตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างนัก เมื่อครั้งที่เคยเป็นคุณหนูหลัวเสี้ยวเวย นางได้รับการบ่มเพาะนิสับให้ตื่นเช้าดูแลปรนนิบัติบิดามารดา นางชอบเตรียมทุกอย่างด้วยตนเอง ไม่เพียงแค่เตรียมอาหารแต่ละมื้อ นางยังลงมือเย็บรองเท้าให้คนทั้งสอง ฝีมือของนางนับว่าไม่ด้อยกว่าผู้ใด แม้ไม่เ

    Last Updated : 2024-06-22
  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 13. ท่านพ่อข้าไม่คิดมีอนุหรอกนะ

    นางคร้านจะต่อปากต่อคำกับเขาแล้ว สายตาเหลือบเห็นสาบเสื้อของเขาไม่เรียบร้อยจึงยื่นมือไปขยับจับให้เข้าที มือเรียวลูบเนื้อผ้าให้เรียบตึง แต่ลืมไปว่ามือของตนนั้นทาบอยู่กับแผงอกของเขา พลันนางรู้สึกถึงร่างที่เกร็งขึ้น มือเล็กรีบชักกลับอย่างเพิ่งนึกได้ เงยหน้าของมองเห็นดวงตาคมจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว นางรีบก้มหน้างุดแล้วหมุนตัวออกไปทันที รีบเดินเสียจนเกือบสะดุดธรณีประตู“ข้าขอตัวไปเตรียมอาหารเช้าให้นายท่านใหญ่กับฮูหยิน”“เผื่อข้าด้วย ข้าจะไปกินพร้อมท่านพ่อกับท่านแม่”“เจ้าค่ะ”หลัวเสี้ยวเวยรีบเดินกลับมาที่ครัว เห็นบ่าวคนอื่นเตรียมยกสำรับอาหารไปให้นายท่านใหญ่กับฮูหยินพอดี จึงจัดแจงเพิ่มของคุณชายใหญ่ไปอีกชุด แล้วรีบเดินไปที่เรือนของผู้ใหญ่ทั้งสอง เห็นใบหน้ามีเมตตาของทั้งสองแล้วนางก็สงบใจลงได้ ทำใจให้สงบลงและดูแลปรนนิบัติท่านทั้งสองด้วยความเต็มใจ เพราะหยางต๋าเดินไม่ค่อยสะดวก นางจึงรีบเข้าไปหวังจะช่วยประคอง แต่กลับถูกร่างของหยางเหลาหู่เข้ามาเบียดจนนางแทบกระเด็นไปด้านข้าง หลัวเสี้ยวเวยขวับมามองอย่างไม่พอใจนัก “คุณชายใหญ่!”“ทำไมต้องทำเป็นตกใจ” หยางเหลาหู่กระตุกยิ้มที่มุมปาก ก้มลงกระซิ

    Last Updated : 2024-06-22

Latest chapter

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 36. ตอนพิเศษ : หยางกั๋วชิ่ง-อาลี่

    หยางกั๋วชิงลอบสังเกตมองบ้านสกุลจาง แม้ไม่ใหญ่โตแต่คงความภูมิฐาน สองสามีภรรยาที่ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มประหลาดใจ “คุณชายหยางกั๋วชิ่งแห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬให้เกียรติมาถึงที่นี่ ไม่ทราบว่าธุระอันใดรึ” “ท่านคือจางฉวน ลุงของหลัวเสี้ยวเวยใช่หรือไม่” หยางกั๋วชิ่งเอ่ยถามด้วยท่าทีเรียบเฉยพลางยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ สองสามีภรรยาลอบมองหน้ากัน หลานสาวตัวดีหนีหายไปทิ้งภาระใหญ่ให้ผู้เป็นลุงและป้าสะใภ้ ยังดีที่ยังไม่ได้รับเงินจากเศรษฐีหยง-เต๋อ ไม่เช่นนั้นคงต้องเป็นหนีเป็นสินหาเงินมาคืนค่าตัวหลัวเสี้ยวเวย “มะ...ไม่ทราบว่า...มีเรื่องอันใดรึ” จางฉวนหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อบนใบหน้าอวบอูม หลานสาวหนีออกจากบ้านไปได้สามเดือนแล้ว เขาเองไม่รู้ว่านางไปก่อเรื่องใดไว้หรือไม่ “ตอนนี้แม่นางหลัวอยู่ที่ป้อมพยัคฆ์ทมิฬ” หยางกั๋วชิ่งยังคงน้ำเสียงราบเรียบและท่าทีเกียจคร้านของตนเช่นเดิม “เหตุใดนางไปอยู่ที่นั้นได้”ป้าสะใภ้ฝืนยิ้มแต่ไม่อาจข่มความหวาดกลัวในใจได้มิดชิด ป้อมพยัคฆ์ทมิฬไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะล่วงเกินได้ง่ายๆ หลายสิบปีมานี่ผ

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 35. เจ้าไม่ใช่คนโง่

    “ข้าชอบ...ที่เจ้าชอบข้า”ถ้อยคำของเขาเรียกสติของนาง แม้มองผ่านม่านน้ำตาของตนเอง แต่ยังเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากของเขาได้ชัดเจน นางกะพริบตาอย่างประหลาดใจกับคำพูดของเขาและไม่มีท่าทีที่เขาทำร้ายนาง“ข้ารู้ตั้งแต่จำความได้แล้วว่าท่านพ่อหมั้นหมายบุตรสาวของสหายรักไว้ เดิมทีข้ามิได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก จนท่านพ่อป่วยและข้าเข้ามาดูแลป้อมพยัคฆ์ทมิฬแทนบิดาเต็มตัว จนทุกอย่างดีขึ้นและเมื่อสี่ปีก่อนท่านพ่อมิต้องการเป็นฝ่ายผิดคำสัญญาจึงให้ข้าเดินทางไปพบเจ้า แต่เพราะป้อมพยัคฆ์ทมิฬเองก็มีอริอยู่มาก หนึ่งในนั้นคนหอนางแอ่น คนกลุ่มนั้นได้ข่าวว่าข้าเดินทางไปรับตัวเจ้าสาวจึงชิงลงมือตัดหน้าก่อนที่ข้าจะไปถึง และได้ขโมยของหมั้นหมายไป ใช้กำไลมาแสดงตัวว่าเป็นคู่หมั้นข้าเพื่อเข้ามาในป้อมพยัคฆ์ทมิฬ...เดิมทีการเดินทางครั้งนั้น ข้าตั้งใจไปเจรจากับบิดาของเจ้า การหมั้นหมายแต่งงานควรเป็นไปด้วยความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย ข้ายินดีเป็นฝ่ายผิดคำสัญญา ทว่ากลับไม่คิดว่าเมื่อตัวเองไปถึงจะพบโศกฏกรรมนั้น หากข้าเดินทางเร็วกว่านี้ เจ้าคงไม่ถูกทำร้ายจนฝันร้ายเกือบทุกคืน”ปกติเขาไม่ใช่คนพูดมากขนาดนี้ แต่กลัวว่านางจะเข้าใจ

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 34.สาเหตุที่นางละเมอฝันร้าย

    สี่ปีที่ผ่านมาข้าอยู่ในฐานะคนรับใช้มาตลอด จนกระทั้งป้าสะใภ้ต้องการขายข้าเป็นอนุเศรษฐีผู้หนึ่ง ข้าปฏิเสธและแอบหนีออกมา คนกลุ่มนั้นไล่ตามข้า แต่ข้าวิ่งหนีไม่ทัน ประจวบกับเห็นประตูห้องหนึ่งเปิดอยู่จึงแอบเข้าไป จึงได้พบคุณชายหยางเหลาหู่ ท่านต้องการหญิงรับใช้และข้าต้องการหนีไปตายเอาดาบหน้า จึงได้แอบอ้างตัวเป็นหญิงรับใช้ที่เสี่ยวหงส่งมา...” นางพูดยาวเสียจนคิดว่าถ้าไม่พูดครั้งนี้แล้ว นางอาจจะไม่ได้พูดกับเขาอีกเลยก็เป็นได้ “เจ้าไม่รู้เรื่องที่ตัวเองเป็นคู่หมั้นคู่หมายของข้าเลยรึ” เขายื่นหน้าไปถามนาง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดนางจึงนอนละเมอฝันร้ายเช่นนั้น “ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับข้า แม้กระทั้งกำไลวงนั้น ข้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อน” นางพูดไปตามจริง “ข้าไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน วันนั้นข้าพบท่านเป็นครั้งแรกจริงๆ” “อาจเพราะคุณหนูยังเล็กนัก หลัวฮูหยินเองก็รักและตามใจคุณหนูมาก คงยังไม่ต้องการให้รู้เรื่องนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังคุณหนูแต่อย่างใด” “แล้วเจ้าล่ะ อาลี่...มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” อาลี่ทรุดตัวลงคุกเข่าเบื้องหน้าหลัว

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 33.ย่อมเป็นข้า

    “ย่อมเป็นข้า” เขาวางถ้วยโจ๊กแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าซับมุมปากของนาง แก้มฝาดเลือดขึ้นมาบ้างแล้ว เขาลุกขึ้นเดินไปรินน้ำดื่มให้นาง นางอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าคุณชายใหญ่แห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬจะลดตัวลงมือทำอาหารให้นางเอง นางจ้องใบหน้าคมเข้มของเขาแล้วเห็นเพียงติ่งหูที่แดงอยู่ทำให้นางไม่กล้าถามย้ำอีก “ข้าแข็งแรงดีขึ้นแล้ว ให้ข้าไปช่วยงานป้าอิงอู่เถิด อีกอย่างไม่มีข้าแล้วใครจะดูแลปรนนิบัตินายท่านกับฮูหยิน” หลัวเสี้ยวเวยเห็นเขาทำท่าคัดค้าน นางจึงรีบพูดขึ้นก่อน “ข้านอนมาตั้งหลายวันแล้ว ขืนยังนอนอยู่อย่างนี้จะยิ่งกลายเป็นคนป่วยไม่ฟื้นตัวเสียที ให้ข้าทำอะไรบ้างเถิดนะ หรือไม่ก็ให้ข้าออกไปเดินเล่นบ้างก็ยังดี” เห็นท่าทางออดอ้อนของนางแล้วก็เผลอใจอ่อน“เอาเถอะ แค่เดินเล่นเท่านั้น งานการใดๆ เจ้าอย่าเพิ่งออกแรงทำ” นางพยักหน้ารับ เขาจึงยอมให้นางลงจากเตียงได้ นางดีใจจนยิ้มกว้าง เขาไม่ได้เห็นนางยิ้มมาหลายวันแล้ว เมื่อเห็นสีหน้าแจ่มใสและรอยยิ้มของนาง ทำให้เขาเผลอยิ้มตามไปด้วย หลัวเสี้ยวเวยค่อยๆ ก้าวลงจากเตียง กลัวว่าตัวเองล้มพับไปเช่นครั้งก่อนอี

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 32.ผู้ใดแต่งงาน

    หลัวเสี้ยวเวยหลับตาปี๋ตกใจเสียงตะคอกของเขา แม้ได้ยินบ่อยๆ แต่อดตกใจไม่ได้ หยางกั๋วชิ่งอมยิ้มรีบเดินหลบออกไป หยางเหลาหู่ข่มโทสะอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับมามองคนที่ยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้ว ใบหน้าซีดเซียวมีความงุนงงอยู่เต็มใบหน้า เส้นผมยาวสลวยดุจย้อมหมึกของนางลงมาเคลียทรวงอก แม้จะสวมชุดนอนอยู่แต่เขากลับรู้สึกหายใจติดขัด พิษในกายถูกขับไปหมดแล้ว ทว่ารสชาติของนางยังปลุกเลือดในกายของเขา หยางเหลาหู่ไม่คิดว่าตนเองต้องใช้ความพยายามในการข่มใจเพื่อก้าวเท้าเข้ามากดไหล่ให้นางลงนอน “เจ้ามีไข้ไม่ได้สติมาสองวันสองคืน อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องอื่นเลย” “สองวันสองคืน! ข้านอนมานานเกินไปแล้วนะ” นางจับมือของเขาที่กำลังดึงผ้าห่มมาคลุมร่างให้ “เมื่อครู่คุณชายรองเรียกข้าว่าอาซ้อ...” หยางเหลาหู่เห็นแววตาดื้อรั้นของนางแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่“ถูกต้อง” “ถูกต้องอย่างไร ข้าเป็นสาวใช้แล้วจะมาเรียกข้าว่าอาซ้อได้อย่างไร” นางโต้เถียงพลันนึกเรื่องที่นางใช้ตัวเองแก้พิษให้เขา.... นางหลับไปสองวันสองคืนเรื่องนี้คงรู้กันไปทั่วแล้ว “รอเจ้าแข็งแรงดี เราจะเข

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 31. ถอนพิษ

    เขายกมือขึ้นปัดเส้นผมของนางเอกเผื่อได้เห็นดอกบัวคู่งามสั่นไหวเย้ายวนตานัก เมื่อรู้ว่านางขยับสะโพกได้เองเป็นแล้ว เขาเลื่อนมือขึ้นลูบไล้นวดอกคู่งามจนนางครางกระเส่าออกมา“อย่า”นางร้องห้ามอย่างไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดไปหมายถึงเรื่องใด หน้าอกของนางแข็งเป็นตุ่มไต นางหลับตาลงไม่กล้าสบตาเขา แต่กลับถูกเขาบังคับด้วยจุมพิตร้อนแรง และเรียวลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดจนนางแทบขาดใจ ดวงตาเขาเหมือนมีเปลวไฟไหวระริกอยู่ในนั้น ร่างของนางเกร็งและกระตุกอีกคราวเขาประคองแผ่นหลังนางลงนอนอีกครั้ง ยกเรียวขาของนางวางพาดบ่า หันหน้าไปจูบปลีน่องของนางแล้วขยับสะโพกของตนอย่างลึกล้ำและรวดเร็ว นางได้แต่บิดกายเร่าๆ บนที่นอนที่ยับยู่ นางเอื้อมมือไปดึงม่านมุ่งเหมือนใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวพันชายผ้ารอบข้อมือเกร็งร่างกายรับการกระแทกรุนแรงซึ่งไม่ได้เจ็บปวดอีกแล้ว แต่เต็มไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ จนนางได้ยินเสียงเขาคำรามอีกระลอกพร้อมกดแก่นกายลึกเข้ามาในตัวนาง น้ำรักร้อนรินรดอีกคราว นางเหนื่อยหอบปล่อยให้เขาแกะข้อมือของนางออกจากผ้าที่นางดึงไว้ เสียงผ้าขาดตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ ยามนี้นางไร้สติจะรับรู้สิ่งใดอีกแล้ว รู้เพียงแค่

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 30. เรียกชื่อข้า

    “เวยเอ๋อร์ เรียกชื่อข้า” เขาช้อนตัวนางขึ้นนั่งสบตากับเขาอย่างแน่วแน่“ข้าไม่ต้องการทำให้เจ้าเจ็บ เรียกชื่อข้า ให้ข้ามีสติรู้ตัวว่าเบื้องของหน้าข้าคือเจ้า”“ยะ..หยาง..เหลา..หู่” นางเรียกชื่อเขาตะกุกตะกัก ไม่แน่ใจว่าร่างกายของนางที่เริ่มร้อนระอุเพราะไอร้อนจากกายของเขา หรือเพราะความเขินอายที่เปลือยเปล่าต่อหน้าบุรุษผู้นี้กันแน่ “เรียกอีก” ฝ่ามือหยาบกระด้างลูบไล้แผ่นหลังของนาง ปลุกเร้าจนนางอ่อนระทวย เขารู้ว่านางบริสุทธิ์ปานใด เป็นดอกไม้ที่ไม่เคยถูกชายใดแตะต้อง เขายิ่งต้องข่มสัตว์ร้ายในตัวเองไม่ให้ตะกละตะกราม ค่อยๆ แทะเล็มผิวกายเนียนนุ่ม “เหลาหู่...” หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา ทุกจุดที่ริมฝีปากของเขาเคลื่อนผ่านจุดเปลวไฟในกายของนาง เขาค่อยๆ ประคองแผ่นหลังของนางลงนอนอีกครั้ง ครอบครองยอดอกของนางด้วยริมฝีปาก นางไม่อาจทนนอนนิ่งได้ ร่างกายขยับตัวกระสับกระส่าย ส่งเสียงครวญไม่หยุด ปากของเขายังขบกัดยอดอกของนางจนเจ็บแปลบและเสียวซ่านไปพร้อมกัน มืออีกข้างบีบเคล้นนวดคลึงราวกับมอบความยุติธรรมให้ทรวงอกทั้งสองข้างได้ลิ้มรสชาติแปลกประหลาดที่นางไม่เคยพานพบเสียงครวญครางของนางปลุกเร้าสัตว์ร้าย

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 29. ข้าบอกว่าห้ามเข้ามา

    อาลี่ร้องห้าม แต่หลัวเสี้ยวเวยกลับหันมาสบตาด้วย แววตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เป็นดวงตาที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้ “ดูแลความเรียบร้อยที่นี่ คนที่เหลือรอดอยู่จับขังคุกใต้ดินให้หมด รอข้ากลับมาตัดสินโทษด้วยตนเอง” “ขอรับคุณชายรอง” ผู้อารักขาแต่ละคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ตัวเอง หยางกั๋วชิ่งหันไปทางอาลี่ให้เขาช่วยดูแลบิดามารดาให้ ทำราวกับหญิงสาวเปลี่ยนใจ เขาโอบเอวนางแล้วใช้วิชาตัวเบาพานางมาส่งถึงหอฝึกตน ซึ่งปกติจะเข้าได้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น “เจ้าแน่ใจแล้วรึ” หลัวเสี้ยวเวยพยักหน้ารับ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นข้าที่ล้วนเต็มใจทำอย่างยิ่ง” “ข้าฝากชีวิตพี่ใหญ่ไว้ในมือของเจ้าแล้ว” เขายกมือประสานแสดงความคารวะอย่างจริงใจ แม้เขาเตรียมการรับมือคนจากของหอนางแอ่นเป็นอย่างดีแต่ไม่คิดว่าจะมีจุดผิดพลาดเช่นนี้ได้ “คุณชายรองไปดูนายท่านและฮูหยินเถิด ข้าจะรีบเข้าไปดูคุณชายใหญ่” หยางกั๋วชิ่งพยักหน้ารับ เขาหยิบป้ายคำสั่งประทับที่ประตูหอฝึกตน ครู่หนึ่งประตูก็เปิดออก ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปโดยไม่หันกลับมามอ

  • ลิขิตรัก จอมใจพยัคฆ์   Chapter 28. ลงมือ

    เพียงสิ้นประโยคของอี้เอ๋อร์ เหล่าบุรุษในชุดดำก็ชักกระบี่ออกมา พุ่งตรงมาทางนาง หญิงสาวผวาเฮือกพลิกตัวใช้ร่างกายตนเองปกป้องร่างของฮูหยินที่ยังไม่ได้สติ นางหลับตาแน่นรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะมาถึง เคล้ง!!! เสียงกระบี่หล่นกระทบพื้นและเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเรียกสติให้หลัวเสี้ยวเวยหันไปมอง แขนข้างที่จับกระบี่ขาดกระเด็นหล่นลงพื้น เลือดสีเข้มสาดกระเซ็นพร้อมกลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งในอากาศ หยางเหลาหู่ก้าวเข้ามาด้วยท่าทีเกียจคร้าน ในมือข้างขวาถือกระบี่เปื้อนเลือด ส่วนอีกข้างกุมลำคอของหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าหลัวเสี้ยวเวย “ฉิวเตี๋ย!” อี้เอ๋อร์ตะโกนเรียกอย่างตกใจ ยามนี้ใบหน้ามีไฟโทสะคุกรุน “ฉิวเตี๋ย? ชื่อของเจ้าสินะ” หยางเหลาหู่เลิกคิ้วแล้วออกแรงบีบลำคอของหญิงสาวแรงขึ้นอีกนิด สีหน้าของหญิงผู้นั้นเจ็บปวดยิ่ง เขาใช้เพียงมือข้างเดียวก็ทำให้นางไม่อาจดิ้นรนต่อต้านได้แล้ว “เป็นแม่นางฉิวเตี๋ยแห่งหอนางแอ่นนี่เอง” หยางกั๋วชิ่งเอ่ยแสร้งทำน้ำเสียงตื่นเต้น ทั้งที่เขาระแคะระคายเรื่องนี้มาตั้งแต่เห็นนางเข้ามาแล้ว เขาเดินเข้ามาพร

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status