Share

Chapter 4.ควรลืมไปแล้ว

ลุงจางฉวนและป้าสะใภ้หลินถิง ภายนอกดูเป็นคนดีโอบอ้อมอารี เห็นนางมาในสภาพน่าเวทนาก็โอบกอดและดูแลอย่างดี  ท่านลุงกับท่านป้าให้เหตุผลว่า  เหตุการณ์ครั้งนั้นทางการประกาศแล้วว่าครอบครัวของนางตายหมดรวมทั้งตัวนางเอง  ทั้งสองจึงให้นางอยู่ในบ้านสกุลจางในฐานะหญิงรับใช้เพื่อปกปิดร่องรอยของนางเอง  ทว่านางกลับได้ทำงานทุกอย่างในบ้านลุงจางฉวนเช่นเดียวกับหญิงรับใช้จริงๆ 

ลุงจางเป็นญาติทางมารดา แม้ลำดับญาติจะเป็นเพียงญาติห่างๆ แต่มีบ้านอยู่ใกล้กันเพียงคนละหมู่บ้าน ลุงจางเป็นเพียงเศรษฐีจางที่กินเงินเก่า  ภายนอกเป็นเศรษฐีมั่งคั่งภายในกลวงว่างเปล่า  ลูกสาวแต่งเข้าสกุลอื่นไปแล้ว ลูกชายเสเพลผลาญเงินเล่นไปวันๆ แม้เคยเกาะแกะนางอยู่บ้างแต่ไม่เคยล่วงเกิน อาจเพราะว่าอย่างไรก็ยังนับว่าเป็นคนสายเลือดเดียวกันอยู่บ้าง  ทำให้นางอยู่รอดปลอดภัย 

นางไม่รู้จักใครเป็นพิเศษ ไม่อาจรู้ได้ว่าเกิดเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของนางนั้นเป็นมาอย่างไร  ไม่อาจสืบเสาะค้นหาความจริงในข้อนั้นได้  ลุงจางฉวนกับป้าสะใภ้เกลี้ยกล่อมให้นางไม่คิดสืบหาถึงเหตุร้ายในคืนนั้น  แม้แต่ป้ายวิญญาณของบิดามารดาหรือเรื่องศพก็ไม่ได้ไปจัดการ  เพราะนางคือคนที่ตายไปแล้ว   

ผ่านมาสี่ปีที่นางอยู่ในฐานะสาวใช้ นางควรลืมไปแล้วว่านางเคยเป็นคุณหนูหลัวเสี้ยวเวย  ใช่...นางควรลืมมันไป ถ้า...ถ้านางเลิกฝันร้ายเสียที

นางมักจะฝันถึงช่วงเวลาที่ตนเองถูกจับกดน้ำ  ความหวาดกลัว ความเยียบเย็นของกระแสน้ำ หัวใจที่กำลังจะหยุดเต้นและสติที่กำลังจะหลุดลอย ก่อนที่นางจะผวาเฮือกขึ้นมาสูดอากาศอีกครั้ง

หญิงสาวเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง  หลายคืนที่นอนในรถม้า นางไม่รู้ว่าตัวเองฝันถึงคืนนั้นหรือไม่ แม้มีคนเดินทางร่วมกันหลายสิบชีวิต แต่นางได้ยึดครองนอนในรถม้าเพียงผู้เดียว นางกลัวว่าตนเองเผลอร้องละเมอในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป 

สี่ปีมันเหมือนยาวนานและแสนสั้นในคราวเดียว

สี่ปีที่ลุงจางฉวนกับป้าสะใภ้ใช้มันเป็นข้ออ้าง  ขายนางเป็นอนุให้เพื่อนเศรษฐีของลุงจาง  ทั้งคำอ่อนหวานหว่านล้อมจนกลายเป็นขู่บังคับให้นางเป็นอนุ  หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็งยืนกรานที่จะไม่ยอมใช้หนี้บุญคุณด้วยการเป็นอนุอย่างเด็ดขาด

“เจ้าอายุขนาดนี้แล้ว  ตบแต่งไปเป็นอนุก็ดีมากเพียงใดแล้ว”

“ให้ข้าทำอย่างอื่นมิได้หรือ? ไยต้องขายข้าเป็นอนุ”

“เจ้ามันคนอกตัญญู!”

หลังจากถูกด่าประนามอยู่ครึ่งเดือน  ป้าสะใภ้ใช้ไม้อ่อนกับนางบอกเล่าถึงสถานะการเงินที่ย่ำแย่ของครอบครัว

“เจ้ามีฝีมือเรื่องเย็บปักถักร้อย เพื่อนป้าเปิดร้านเสื้อผ้าในเมืองหลวงเวลานี้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเจ้ากับป้าไปพบนางเสียหน่อย เจ้าเอาตัวอย่างงานของตนไปด้วย เผื่อรับงานเล็กน้อยๆ พอเป็นรายได้”

ครานั้นนางไม่เห็นความเจ้าเล่ห์ของป้าสะใภ้  คิดไปเองว่าคงถอดใจเรื่องขายนางเป็นอนุไปแล้ว นางจึงเก็บตัวอย่างผ้าปักของนางใส่ห่อผ้า  ติดตามป้าสะใภ้ไปที่โรงเตี้ยม แม้นึกประหลาดใจที่ไม่ได้ไปบ้านเพื่อนของป้าสะใภ้ แต่ก็ยอมนั่งรอจนกระทั้งเศรษฐีหยงเต๋อพาร่างอ้วนกลมเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม 

“ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว ไปเถิดเสี้ยวเวย กลับบ้านกับข้า”

“ท่าน!ท่านพูดเรื่องอันใดกัน!” 

“ลุงกับป้าสะใภ้ของเจ้าทำสัญญาขายตัวเจ้าให้ข้าแล้ว”  

เศรษฐีหยงเต๋อโบกกระดาษสัญญาในมือไปมา นางนิ่งงันไป ถูกหลอกแล้ว? จะทำอย่างไรดี เห็นเศรษฐีหยงเต๋อเข้ามาหมายจะโอบกอด นางหมุนตัวหลบแล้วส่งยิ้มหวาน

“ท่านเศรษฐีอย่าใจร้อน โปรดรอข้าสักประเดี๋ยวเถิด  ข้าตื่นเต้นดีใจจนอยากไปห้องน้ำสักครู่” 

“เช่นนั้นรีบไปรีบมา ข้าจะรอตรงนี้”

“อืม” 

นางพยักหน้ารับด้วยท่าทีเอียงอายอ่อนหวาน  กอดห่อผ้าตัวเองแน่น เดินออกมาได้พ้นสายตาคนพวกนั้น นางรีบวิ่งทันที แต่เพราะนางวิ่งได้ไม่เร็วอย่างที่คิดและคนของเศรษฐีหยงเต๋อเฝ้าจับตามองนางอยู่แล้ว  เมื่อเห็นว่านางกำลังหลบหนีก็เร่งรีบวิ่งตามนางมาทันที   นางเห็นประตูห้องหนึ่งแง้มอยู่จึงรีบเข้ามาหลบซ่อน รอจังหวะหาทางออกจากที่นี่

ทว่ากลับพบบุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่  หน้าตาดุดันแถมปากคอร้ายกาจอีกต่างหาก 

“เสี่ยวหงส่งเจ้ามาใช่ไหม”  เขาถามและไม่รอคำตอบ “มาทำงานเป็นสาวใช้?” 

เพราะรู้ว่าด้านนอกกำลังตามหานางอยู่ ในเวลาขับขันนางไม่อาจคิดหาทางออกอื่น  ได้แต่พร่ำขอโทษที่สวมรอยเป็นผู้อื่น พยักหน้ารับสมอ้างเป็นหญิงรับใช้ที่เขาต้องการ ยิ่งเห็นว่าเขาเร่งรีบเดินทาง นางยิ่งรีบติดตามเขาโดยไม่ถามอะไรสักคำ   ขอให้ไปพ้นสถานที่แห่งนั้นได้ นางยอมไปตายเอาดาบหน้า

เวลานี้นางก็มาอยู่ที่ป้อมพยัคฆ์ทมิฬแล้ว

หญิงสาวกินโจ๊กจนหมดชาม นางต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ คุณหนูหลัวเสี้ยวเวยตายไปตั้งแต่สี่ปีก่อน ไม่มีลุงจางฉวนกับป้าสะใภ้จอมหลอกลวง  ตอนนี้นางเป็นเพียง ‘เสี้ยวเวย’ สาวใช้ป้อมพยัคฆ์ทมิฬ 

แต่ก่อนอื่น เห็นทีงานแรกของนางคือปรับปรุงรสอาหารให้ดีกว่าน้ำล้างชามเสียแล้ว

หยางกั๋วชิ่งเดินเข้ามาในห้องของพี่ชาย  โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังหลับตาเอนหลังพิงอ่างอาบน้ำอยู่  อาลี่-บ่าวรับใช้ยืนหน้านิ่งอยู่ไม่ไกลนัก เขารับรู้การเข้ามาของคุณชายรองสกุลหยางพร้อมกระดาษรายการในมือ  อาลี่ค้อมศีรษะลงถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่

“สินค้าที่เจ้าสั่งซื้อ ข้าซื้อร้านเดิม”  หยางเหลาหู่เอ่ยก่อนที่น้องชายจะขยับปากส่งเสียงถาม  

“ข้าตรวจสอบแล้ว สินค้าที่ให้พี่ใหญ่ซื้อมาครบทุกรายการขาด

ไปหนึ่งรายการ”

“หือ?”   คราวนี้หยางเหลาหู่เลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงน “ขาดสิ่งใด”

“หญิงรับใช้”  หยางกั๋วชิ่งไหวไหล่ “ข้ายังไม่เห็นเลย ตกลงพี่ใหญ่ได้ซื้อมาหรือไม่” 

“ข้าซื้อมาแล้ว หิ้วขึ้นรถมาเองกับมือ จะหายไปได้อย่างไร”  ชายหนุ่มลืมตาแล้วพลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับน้องชายที่อายุน้อยกว่าเพียงแค่สองปี “เจ้ายังไม่เห็นนางรึ”

“ข้ายังไม่เห็นถึงได้มาสอบถาม”  เขาตรวจรายการสินค้าอีกครั้งก่อนพับกระดาษแผ่นนั้น “แน่ใจว่าพี่ใหญ่มิได้ทำตกหล่นระหว่างทาง”

“เมื่อเช้ามาถึง ข้าเห็นนางลงจากรถม้าอยู่เลย”  

เขานึกถึงหญิงสาวร่างเล็กที่หิ้วขึ้นรถม้ามาด้วย ตัวนางทั้งผอมทั้งบางไม่รู้จะทำงานไหวหรือไม่  แต่เอาเถิดให้นางมาอยู่กับบรรดาบ่าวชราเหล่านั้นคงไม่ถึงกับกลั้นใจตายไปเสียก่อน 

“นางยังไม่ได้มารายงานตัวกับข้า”  หยางกั๋วชิ่งพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก  นอกจากจะเป็นคุณชายรองแห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬแล้วเขายังรับตำแหน่งสมุหบัญชีอีกด้วย  รวมทั้งจัดเก็บประวัติคนที่เข้ามาทำงานที่นี่  ใครเข้าใครออกป้อมพยัคฆ์ทมิฬต้องทำประวัติเก็บไว้เสมอ  

“ลองถามคนอื่นที่กลับมาพร้อมข้าก็แล้วกัน” หยางเหล่าหู่ไม่ค่อยสนใจนัก เขาถือว่าตนเองทำหน้าที่ของตัวเองเรียบร้อยอย่างดียิ่งแล้ว

“แล้วพี่ใหญ่ไปได้นางมาจากไหน”  ป้อมพยัคฆ์ทมิฬมีกิจการหลายอย่าง ขึ้นชื่อที่สุดคือสำนักคุ้มภัยพยัคฆ์ทมิฬที่ซื่อสัตย์ เที่ยงตรง คุณธรรม  แม้คนที่พี่ใหญ่รับมาทำงานด้วยนั้นจะดูที่ฝีมือและความซื่อสัตย์เป็นหลัก แต่เขาเป็นคนตรวจสอบประวัติเพื่อป้องกันความผิดพลาด อาจมีคนนอกประสงค์ร้ายกับสกุลหยางได้

“ให้เสี่ยวหงหามาให้”

“หา!”

“เจ้าหาสิ่งใด”   หยางเหลาหู่ส่ายหน้าไปมากับท่าทางตกใจของน้องชาย  

“ให้เสี่ยวหงหามาให้ เช่นนั้นพี่ใหญ่ได้หญิงบำเรอมารึ”

“เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นไร ข้ามิพาผู้หญิงเช่นนั้นเข้าบ้านหรอก”  

ความหมายของเขาคือไม่ชอบให้มีเรื่องปวดหัวเพิ่มขึ้นมาอีก  เขาย่อมพอใจกับการไปหอนางโลมอย่างเปิดเผยและเป็นครั้งคราวมากกว่าพาหญิงใดมาเลี้ยงดูในฐานะหญิงบำเรอ 

“พี่ใหญ่ตรวจสอบสินค้าแล้ว?”  หยางกั๋วชิ่งก็ยังมิอาจวางใจนัก 

“แรกทีเดียวเสี่ยวหงก็หาหญิงบำเรอมา  แต่โดนข้าขู่ตะคอกกลับไปก็กลัวจนตัวสั่นส่งหญิงรับใช้จริงๆมาให้  เขาหิ้วนางขึ้นรถมาทันทีเพราะเกรงว่าออกจากเมืองช้า จะทำให้เสียเวลาเดินทางมากขึ้น แล้วสินค้าอื่นที่เจ้าสั่งซื้อได้รับล่าช้าหรือเสียหายไปด้วย”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status