Share

Chapter 3. สาวใช้คนใหม่

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” หลัวเสี้ยวเวยทำหน้าไม่ถูก จึงพูดแก้เก้อออกไป  “รถม้าของนายท่านสูงไปนะ”

“รถม้าของข้าผิดซินะ”

“ขออภัยที่ตัวข้าเล็กไปหน่อย”

“ทั้งตัวเล็กและขาสั้นด้วย”

“ปาก...”  ปากคอร้ายกาจเหลือเกิน นางยั้งปากได้ทัน  ทำให้ได้แต่ค้อนขวับเข้าให้ 

“เจ้าพูดอะไร”

“เปล่าเจ้าค่ะ” 

“งั้นเราไปเถอะ”

“อืม”   

หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างลืมตัว ไมได้สนใจสายตาดุดันของ หยางเหลาหู่  เขาอ้าปากจะพูดตำหนินาง แต่หญิงสาวกลับมุดเข้าไปด้านในหาที่ให้ตัวเองได้นั่งรวมอยู่กับข้าวของหลายอย่างที่เขาซื้อกลับไปตามรายการของหยางกั๋วชิ่ง

เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแน่  หลัวเสี้ยวเวยได้แต่ถอนหายใจ  ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น แต่ต่อไปนี้ขอลิขิตชีวิตตัวเองเถอะนะ!

อาจเป็นเพราะความกังวลและเคร่งเครียดสะสมมานาน  ทำให้หญิงสาวเผลอหลับไปในรถม้า   รู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนรถม้าโคลงไปโคลงมา อาจเพราะถนนขรุขระ นางสะลึมสะลือตื่นไม่เต็มตา แต่รู้สึกว่ามีมือใหญ่ประคองศีรษะไม่ให้ไปกระแทกกับผนังของรถม้า มือหยาบกระด้างนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ทว่านางไม่อาจฝืนตื่นได้ จึงปล่อยให้ตัวเองหลับตาอยู่อย่างนั้นจนรถม้าผ่านทางขรุขระ  มือนั้นจึงถอยห่าง  นานเพียงใดไม่อาจรู้ได้จนเมื่อรถม้าหยุดนิ่งสนิท นางจึงลืมตาพร้อมกับได้

ยินเสียงเรียกจากบุรุษหนุ่มผู้นั้น เมื่อนางงัวเงียโผล่หน้ามาทางช่องหน้าต่าง เห็นเพียงพยักหน้าให้เหมือนบอกว่าถึงแล้ว 

หลัวเสี้ยวเวยนั่งปรับสติตัวเองอยู่ครู่ใหญ่  นางเดินทางร่วมสิบวัน  นอนอยู่บนรถม้า จอดพักเป็นระยะๆ นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะไปที่ใด และไม่แน่ใจว่ามือใหญ่ที่ยื่นมาคอยประคองศีรษะนางไว้นั้นเป็นความจริงหรือเพียงแค่ความฝัน   นางยกมือลูบเส้นผมของตัวเอง ใช้ปลายนิ้วแทนหวีแล้วคว้าห่อผ้ามากอดไว้ 

หญิงสาวค่อยๆ ก้าวลงจากรถม้า ไม่รู้ใครเอาเก้าอี้มาวางไว้ให้นางได้ลงมาอย่างง่ายดาย ไม่ต้องกลิ้งลงมาให้เป็นที่ขบขันตั้งแต่วันแรกที่มาถึง   เมื่อออกมานอกรถม้าและยืนได้มั่นคงแล้ว นางเห็นป้ายป้อมพยัคฆ์ทมิฬโดดเด่นเป็นสง่าอยู่เหนือศีรษะ   นางมิใช่ชาวยุทธและไม่ได้เป็นคุณหนูตระกูลหลัวอีกแล้ว นางจึงมิรู้ว่าป้อมพยัคฆ์ทมิฬแห่งนี้โด่งดังเพียงใด  กล่าวให้ถูกนางมิรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใดด้วยซ้ำ  หากแต่การเดินทางยาวนานสิบวันนี้  อย่างน้อยทำให้นางมั่นใจว่า ที่นี่ไกลห่างจากบ้านลุงจางฉวน

“ไม่เข้าไปข้างในรึ หรือรอให้ใครมาปรนนิบัติ”

เสียงดุดันดังอยู่เหนือศีรษะ หญิงสาวได้แต่แหงนหน้ามองคนที่อยู่บนหลังม้า เขาเพียงหรี่ตามองนางราวกับเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ แล้วกระตุ้นให้ม้าเข้าไปด้านใน

ชายผู้นี้ปากคอร้ายกาจเสียจริง

หลัวเสี้ยวเวยได้แต่พึมพำกับตนเอง นางกอดห่อผ้าไว้เป็นที่พึ่ง  ในใจยังสงสัยว่ามือที่เคยประคองศีรษะนางไว้นั้นเป็นของผู้ใดกัน  แต่เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ เข้ามาใกล้รถม้าและเตรียมทยอยขนข้าวของลงจากรถ  นางขยับตัวหลบอย่างไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

“สาวใช้คนใหม่รึ”  

“เจ้าค่ะ”  นางรีบขานรับ ฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่กลับได้สายตาที่จ้องมองราวกับนางเป็นหมูที่ถูกซื้อมาเลี้ยงไว้เป็นอาหาร  คนเหล่านั้นต่างมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไล่สายตาขึ้นๆ ลงๆ นางได้แต่ยืนกอดห่อผ้าราวกับใช้มันไว้ป้องกันตัว

“ตัวแค่นี้จะทำงานไหวรึ”

“ตัวแค่นี้นะดีแล้วจะได้กินไม่จุไง” 

พวกเขายังพูดวนเวียนอยู่เรื่องเดิม  มือไม้ก็ขนข้าวของไม่หยุด  นางเกรงว่าจะไม่เป็นที่ต้องการและถูกส่งตัวกลับตั้งแต่วันแรกจึงรีบพูดขึ้น

“ข้ากินไม่เยอะและทำงานหนักได้”  

เสียงหวานใสของนางทำให้ผู้อื่นต่างหยุดมือและจ้องนางเป็นตาเดียว  หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าตนเองทำสิ่งใดผิดไปหรือไม่ นางแทบกลั้นหายใจรอ  รอให้ใครสักคนพูดสักประโยคขึ้นมาทำลายความเงียบนี้เสีย

“นายท่านมิได้ซื้อตัวเจ้ามาทำงานหนักหรอก ตามข้ามาทางนี้” 

หญิงวัยห้าสิบคนหนึ่งเอ่ยขึ้น  พาร่างอุ้ยอ้ายเดินมายังไม่ถึงตัว

นางก็เปลี่ยนใจเป็นกวักมือเรียก  หญิงสาวมาใหม่รีบเดินเร็วๆตรงไปหาทันที

“เรียกข้าป้าอิงอู่ก็ได้” 

นางแนะนำตัวง่ายๆ แล้วเดินนำไปทางโรงครัว  ขณะเดียวกันก็ชี้นิ้วตวาดเสียงดังไปยังคนที่กำลังแบกกระสอบป่านอยู่

 “ข้าวสาลีเอาไว้ทางโน้นซิ”

“ข้าน้อยเสี้ยวเวยเจ้าค่ะ”   นางหลุดปากบอกชื่อจริงกับชายคนนั้นไปแล้ว นางจึงใช้ชื่อนี้ไปเลย ดีที่ไม่เอ่ยแซ่ตัวเองออกไปด้วย

“เสี้ยวเวย... ดี เรียกง่ายดี”  ป้าอิงอู่ไม่ถามอะไรมาก แม้ร่างจะอุ้ยอ้ายแต่เดินรวดเร็วกระฉับกระเฉง ระหว่างทางเดินผ่านอะไรก็ชี้นิ้วสั่งนางโดยไม่หยุดเดิน    

“นั่นเรือนนอนของผู้หญิง เจ้านอนกับข้า”

“เจ้าค่ะ”

“ที่นี่ปกติอาหารมื้อเย็นนายท่านและฮูหยินจะกินอาหารพร้อมคุณชายใหญ่และคุณชายรอง”

“นายท่าน? ที่นี่มีนายท่านกี่คนเจ้าคะ”

“นายท่านหยางต๋าและฮูหยินหยุนผิง คุณชายใหญ่หยางเหลาหู่และคุณชายรองหยางกั๋วชิ่ง คุณชายทั้งสองมีบ่าวชายรับใช้ติดตามตัวอยู่แล้ว เจ้าทำงานทั่วไปแทนพวกข้าก็พอ”

“ทำงานแทนท่าน?” 

            หลัวเสี้ยวเวยออกจะงุนงงเล็กน้อย นางควรรับใช้ใคร? นายท่านใหญ่ คุณชายของบ้านหรือรับใช้ป้าอิงอู่ผู้นี้

“คุณชายใหญ่มิได้บอกเจ้ารึ”  ป้าอิงอู่ทำเสียงไม่พอใจในคอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก “เอาเถอะ ทำตัวดีๆ จะได้อยู่นานๆ ที่นี่ไม่มีอะไรมาก ทุกคนอยู่กันแบบครอบครัวเดียวกัน”

“เจ้าค่ะ”

นางเพิ่งมาถึง แต่ไม่มีใครคิดให้นางพักผ่อน นางเดินมาถึงครัวได้กลิ่นหอมกรุ่นทำให้ความอ่อนล้าจางหาย  หลายคนยุ่งกับการเตรียมอาหาร  

“เจ้ากินโจ๊กร้อนๆ สักถ้วยแล้วค่อยทำงาน”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” 

หญิงสาวยิ้มออกมาได้ นางวางห่อผ้าอย่างระวังแล้วรีบเดินไปหยิบชามตักโจ๊กตามทิศทางที่ป้าอิงอู่ชี้นิ้ว  นางเดาว่าที่ให้นางคอยช่วยงานป้าอิงอู่ก็เพราะเห็นแต่นางชี้นิ้วสั่งคนนั้นคนนี้  แต่เอาเถอะ นางชินแล้ว  

หญิงสาวตักโจ๊กเปล่าเข้าปาก นางแปลกใจกับรสชาติที่สัมผัสอยู่บ้าง ลองตักชิมไปอีกคำก็รู้สึกเช่นเดิม ทว่าเมื่อกวาดสายตามองผู้อื่นเห็นต่างคนต่างก้มหน้ากินโจ๊กของตัวเอง  ไม่มีท่าทีผิดปกติแม้จะเป็นโจ๊กเปล่าก็ควรมีความกลมกล่อมมิใช่รึ? นางได้แต่ครุ่นคิดในใจแต่ก็ตักโจ๊กส่งเข้าปากตัวเอง ความอุ่นร้อนที่ผ่านลงคอไปยังกะเพาะทำให้นางรู้สึกดีขึ้น

ลอบกวาดตามองไปรอบๆ เห็นบ่าวชายหลายคนต่างวัยกัน แต่บ่าวหญิงกลับมีแต่คนอายุมากแล้วทั้งนั้น  ไม่มีหญิงรับใช้วัยเดียวกับนางเลย

คนผู้นั้นคงเป็นคุณชายใหญ่ซินะ  หญิงสาวถามตัวเองนึกถึงชายที่นางเจอในห้องคราวนั้น  ดีจริงที่ตลอดการเดินทางไม่มีใครถามอะไรนางเป็นพิเศษ นอกจากถามเรื่องชื่อแล้วก็ไม่สอบถามอะไรอีก  นางเองไม่กล้าถามด้วยซ้ำว่าที่นี่อยู่ที่ใด

ออกจากบ้านลุงจางฉวนได้แล้ว ที่เหลือนางต้องพาชีวิตตัวเองไปข้างหน้าด้วยสองขาและสองมือของตัวเอง นางไม่อยากหวนคิดถึงอดีต ตั้งแต่ลืมตาจนอายุสิบสาม ชีวิตนางมิเคยได้รับความลำบาก  นางเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของทุกคนในตระกูล เป็นคุณหนูหลัวเสี้ยวเวยที่แสนน่ารัก นางฝึกหัดขีดเขียนได้ตั้งแต่ยังเด็ก ร่ายรำท่องโคลงกลอนกับบิดาอย่างเพลิดเพลิน  ชีวิตเรียกว่าไม่รู้จักคำว่าทุกข์จนกระทั้งคืนนั้น  คืนที่คฤหาสน์หลังงามลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง

“เวยเอ๋อร์ หนีไป ไปหาลุงจางฉวน อย่าคิดแก้แค้น รักษาชีวิตไว้ จงมีชีวิตอยู่ต่อไป”

คำสั่งเสียสุดท้ายของท่านแม่พาให้นางวิ่งจากมาไม่กล้าหันกลับไปมองด้านหลัง  นางเคยไปเยี่ยมเยือนบ้านลุงจางฉวนทุกปีเพราะอยู่ถัดไปอีกหมู่บ้านหนึ่งเท่านั้น  ทว่าการเดินทางของเด็กอายุสิบสามและเดินทางด้วยสภาพจิตใจบอบช้ำใช้เวลาร่วมห้าวันจึงไปถึง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status