หลังจากฟังคำอธิบายของเยี่ยนเว่ยฉือแล้ว อวี๋เฟยเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “พวกท่านทั้งสองช่างมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว! ศิษย์พี่สังหารคน พี่สะใภ้ส่งมีด พี่สะใภ้ทำร้ายคน ศิษย์พี่ก็ขุดหลุม ช่าง...เป็นคู่ที่เหมาะสมกันยิ่งนัก!”ปัง!ซ่างกวนซีเคาะศีรษะของอวี๋เฟยเหยียน ตำหนิว่า “อย่าพูดจาเหลวไหล! นี่เป็นเรื่องของสุนัขป่า เกี่ยวอะไรกับพวกเรา?”อย่าได้ให้คนนอกรู้ความจริงเป็นอันขาด!อวี๋เฟยเหยียนยิ้มแห้งๆ “ขอรับๆๆ ใครใช้ให้เยี่ยนชิงซูหน้าตาเหมือนซาลาเปาเล่า ก็อย่าได้โทษสุนัขป่าที่ไล่กัดนาง!”คนกลุ่มหนึ่งเดินไปคุยกันไปอย่างช้า ๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงอึกทึกดังมาจากข้างหลังซ่างกวนซีเงี่ยหูฟัง หัวเราะเยาะ “ดูเหมือนเขาจะชอบเยี่ยนชิงซู”คนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้นก็หันกลับไปมองพร้อมกันและแล้วก็เห็นซ่างกวนหลีพาซ่างกวนเจวี๋ยขี่ม้ามาอย่างรวดเร็วข้างหลังยังมีทหารองครักษ์ของจวนองค์ชายรองตามมาอีกกลุ่มใหญ่ท่าทางร้อนรนเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจมองทาง จึงไม่ได้สังเกตเห็นซ่างกวนซีและคนอื่น ๆ ที่เดินอยู่บนถนนเมื่อซ่างกวนซีและคนอื่นๆ มาถึงจวนผิงอี้โหว ที่นี่ก็มีชาวบ้านมามุงดูเต็มไปหมดแล้ว!“ไป! ฆ่
ซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่อาจควบคุมตัวเองไม่ให้ขุดคุ้ยความลับในตัวนางได้แต่เขาก็ไม่อยากให้ตัวเองจมดิ่งลงไปมากเกินไปช่างสับสนยิ่งนักในขณะที่ซ่างกวนซีกำลังเหม่อลอย ก็มีร่างสองร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นที่หน้าประตูจวนผิงอี้โหว“ฝ่าบาท ท่านดูสิ! นั่นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น!” เยี่ยนเว่ยฉือเตือนซ่างกวนซีซ่างกวนซีมองตามสายตาของนาง ก็เห็นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกับพั่วจวินจริงๆเพิ่งจะยื่นหนังสือราชการไป บอกว่าจะเข้าเมืองในอีกเจ็ดวัน อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนี้?เห็นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นพาพั่วจวินเข้าไปในจวนผิงอี้โหวซ่างกวนซีพูดว่า “พวกเราก็เข้าไปดูเถอะ”ทุกคนไม่มีข้อโต้แย้งในเวลาเดียวกัน ทหารองครักษ์ของจวนองค์ชายรองยังคงต่อสู้กับสุนัขป่าที่ดาหน้าเข้ามาไม่หยุดซ่างกวนหลีเองก็ถือกระบี่ ยืนอยู่ที่ประตู ทำท่าทางเหมือนองครักษ์ปกป้องหญิงงามอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นยืนมองซ่างกวนหลีตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วจึงยิ้ม “หน้าตาใช้ได้!”พั่วจวินไม่พูดอะไร เพียงแต่มองสุนัขป่ารอบ ๆ ด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าองค์หญิงของพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นตะโกนใส่ซ่างกวนหลี “องค์ชาย ท่านไล
ไหนเล่าเอวหนาเท่าถังน้ำกลับเป็นเอวบางร่างน้อย งามพิศชวนมองซ่างกวนหลีมองหญิงสาวตรงหน้าที่มีกลิ่นอายของชนเผ่าอื่นแล้ว อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “องค์หญิงล้อเล่นแล้ว เพียงแต่...เหตุใดพวกท่านจึงมาอยู่ที่นี่?”คณะทูตจากต่างแดน พวกเขาควรจะส่งคนออกไปต้อนรับนอกเมือง ไหนเลยจะมีเหตุผลให้พวกเขาเข้าเมืองมาเองได้ไม่ให้เกียรติกันเลยอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเอียงศีรษะยิ้ม “ฝ่าบาทอยากรู้ว่าเหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่ หรืออยากรู้ว่าหญิงงามในจวนผู้นั้นปลอดภัยดีหรือไม่?”“เอ่อ นี่...”ซ่างกวนหลีพูดไม่ออก เพราะคำพูดของอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการให้เขาเลือกระหว่างหญิงงามสองนางเห็นซ่างกวนหลีตอบไม่ได้ ซ่างกวนเจวี๋ยที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงพูดแก้ต่าง “ที่นี่วุ่นวายมาก ยังมีซากหมาป่าอีกมากมายด้วย เสด็จพี่ พวกเราไปพูดคุยกันที่อื่นดีกว่า”ซ่างกวนหลีพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ ๆ ๆ ถูกต้อง ๆ ๆ องค์หญิงเสด็จมาจากแดนไกล ข้าควรจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ เช่นนั้นก็...”“ไม่จำเป็น” อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นขัดจังหวะซ่างกวนหลี “หากฝ่าบาทอยากร่วมโต๊ะกับข้า ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมาก พวกเราไปกันเถอะ!”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นส่งสายตาที่คลุมเครือ
เยี่ยนเว่ยฉือโบกมือ เร่งฝีเท้า เดินนำหน้าคนทั้งสามซ่างกวนซีเห็นท่าทางกระโดดโลดเต้นเหมือนกระต่ายน้อยของนาง ก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างจนปัญญาฉินเซียงหรูที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตปฏิกิริยาระหว่างสามีภรรยาคู่นี้โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆเมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปาก คิดในใจว่า ‘คนหนึ่งภายนอกดูอบอุ่น ภายในเย็นชา ไม่ใคร่สนใจสิ่งใด อีกคนภายนอกดูเย็นชา ภายในอบอุ่น จิตใจจมดิ่งลงไปนานแล้ว องค์รัชทายาทผู้มีสง่าราศีท่านนี้ สุดท้ายก็คงจะสู้แม่นางเยี่ยนผู้มีอารมณ์ขันไม่ได้!’…… จวนองค์รัชทายาทหลังจากที่ทุกคนกลับถึงจวนองค์รัชทายาทแล้ว ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะปฏิกิริยาของซ่างกวนหลีเมื่อครู่ทุกคนต่างก็กำลังคิดว่า ซ่างกวนหลีผู้นั้นต้องการแต่งงานกับผู้ใดกันแน่อวี๋เฟยเหยียนเกาหัวด้วยความสับสน “ซ่างกวนหลีดูเจ้าซู้ พวกเจ้าว่า เขาต้องการแต่งงานกับผู้ใด?”ฉินเซียงหรูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วยิ้ม ไม่พูดอะไรซ่างกวนซีเอามือเคาะพนักวางแขนของเก้าอี้เบาๆ ไม่ได้ตอบกลับเช่นกันมีเพียงเยี่ยนเว่ยฉือที่ขมวดคิ้ว ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดถึงคำถามของอวี๋เฟยเหยียนอย่างจริงจังอวี๋เฟยเหยียนรอคำตอบอยู่นานก
เยี่ยนเว่ยฉือวางจานในมือลง แล้วจึงหยิบขนมตรงหน้าอวี๋เฟยเหยียนกับฉินเซียงหรูขึ้นมาทีละชิ้นด้วยมือซ้ายและขวา จากนั้นก็สลับตำแหน่ง “ง่ายมาก ซ่างกวนหลีอยากทำเช่นไร เราก็ทำตรงกันข้าม!”ฉินเซียงหรูพูดต่อ “เจ้าหมายความว่า ให้ซ่างกวนหลีแต่งงานกับอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น ให้ซ่างกวนเจวี๋ยแต่งงานกับเยี่ยนชิงชู?”แปะ!เยี่ยนเว่ยฉือดีดนิ้ว “ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น หากซ่างกวนเจวี๋ยแต่งงานกับเยี่ยนชิงชู ก็จะได้รับการสนับสนุนจากจวนผิงอี้โหวและจวนอ๋องจ่างซิ่น ในราชสำนัก เขาก็จะมีอำนาจต่อกรกับซ่างกวนหลีได้ ซ่างกวนเจวี๋ยผู้นี้ ตอนที่ไม่มีอำนาจก็ยังคงสงบเสงี่ยม หากมีอำนาจขึ้นมาคงจะไม่อยู่นิ่งเฉยเป็นแน่! ฝ่าบาท ท่านว่ามีเรื่องใดที่น่ายินดีไปกว่าการนั่งดูพวกเขาแว้งกัดกันเองเล่า?”เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีด้วยรอยยิ้มซ่างกวนซีเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยปากชม เพียงแต่พูดว่า “ตามใจเจ้า!”อวี๋เฟยเหยียนมองด้วยความอิจฉา คิดในใจว่า “มีพี่สะใภ้อยู่ ต่อไปหากศิษย์พี่จะจัดการกับซ่างกวนหลีก็ไม่จำเป็นต้องลงมือเองแล้ว”ฉินเซียงหรูมองด้วยสายตาเหมือนกำลังดูละคร ตะโกนในใจว่า “คนฉลาดใช้สมอง คนโง่ใช้กำลัง ใครเล่าจะเฉลียวฉลาดกว่
ในฐานะแพทย์นิติเวช เยี่ยนเว่ยฉือไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งนางจะถูกส่งไปผลิตทายาทใช่แล้ว ผลิตทายาท!นางต้องมีทายาททางสายเลือดคนสุดท้ายกับซ่างกวนซี องค์รัชทายาทผู้ถูกทอดทิ้งแห่งแคว้นจิ่วหลีที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนางเป็นแพทย์นิติเวชจากศตวรรษที่ยี่สิบเจ็ด ผู้ซึ่งเดินทางข้ามเวลามาเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนยังไม่ทันที่วิญญาณจะเข้ากันกับร่างกายได้ดี นางก็ได้สวมชุดแต่งงานแบบลวก ๆ และถูกส่งตัวเข้าคุกหลวง“เชิญทางนี้ องค์รัชทายาทกำลังรอเจ้าอยู่ข้างใน!” เสียงเหยียดหยามของขันทีดังเข้ามาในโสตประสาทของนางเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังห้องขังตรงหน้า พบว่าภายในคุกใหญ่โตนี้ มีเพียงเงาร่างสีขาวนอนขดตัวอยู่บนกองฟางแห้งเขาคือพระโอรสของอดีตฮองเฮา องค์รัชทายาทซ่างกวนซีผู้ไร้ค่าน่ะหรือ?ก่อนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะได้ครุ่นคิดอย่างกระจ่างแจ้ง ทันใดนั้นก็มีแรงผลักมหาศาลจากด้านหลังผลักส่งนางเข้าไปในห้องขัง ก่อนจะมีเสียงดังตามมา!ปัง! แกร๊ง!ประตูห้องขังถูกลงกลอนจากด้านนอก ขันทีที่พานางมายืนอยู่ด้านนอกห้องขังพลางพูดว่า “เจ้ามีเวลาสองชั่วยาม เจ้าจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะมีทายาทกับฝ่าบาทสำเร็จหรือ
อะไรนะ...ที่ว่าเชี่ยวชาญเรื่องนี้ดีหมายความว่าอย่างไร?หรือสตรีนางนี้เป็นสตรีจากหอนางโลม? ซ่างกวนซีมองคนตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อถึงอย่างไร เยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นคนรักษาสัจจะ นางจึงไปปลดผ้ารัดเอวของซ่างกวนซีแม้ใบหน้าของซ่างกวนซีจะถูกปกคลุมไปด้วยเส้นผมที่ยุ่งเหยิง ทว่าเขาก็แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมาเขาคว้าข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือสุดกำลัง และตะโกนด้วยความโกรธ “นางสารเลว อย่ามาแตะ…”ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค ซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าตนขยับตัวไม่ได้แล้วขณะที่เขาหลุบตาลงมามอง ก็เห็นว่าในมือของเยี่ยนเว่ยฉือกำลังถือเข็มเงินเจาะร่างกายของเขา ซึ่งไม่รู้ว่านางทำเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่“เจ้ามาเพื่อสังหารข้ารึ?” ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ว่าใครกันที่ทำเรื่องที่เกินความจำเป็น ส่งมือสังหารมาปลิดชีพเขาเช่นนี้เยี่ยนเว่ยฉือถอยห่างจากซ่างกวนซี ขณะที่ถอดเสื้อผ้าของเขาออก แล้วพูดว่า “ถึงฆ่าท่านไป ข้าก็คงไม่รอดอยู่ดี ตอนนี้ท่านคือความหวังสุดท้ายของข้า”ซ่างกวนซีกัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าไม่ใช่คุณหนูรองจวนติ้งหย่
เยี่ยนเว่ยฉือตื่นตระหนกในทันที!นางไม่รู้เลยว่าองค์รัชทายาทตกอับที่ป่วยและไร้ประโยชน์ผู้นี้จะมีพิษกู่อยู่ในร่างกาย“อย่า...อย่าทำเช่นนี้เลย มีเรื่องอะไรก็พูดกันดี ๆ เถอะ ถึงอย่างไรข้าก็ช่วยท่านไว้นะ!”ซ่างกวนซีถอดเสื้อผ้าของเขาที่มีอยู่บนตัวชิ้นเดียว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งแต่ไม่แน่นเกินไปแม้ตอนนี้ตามเนื้อตัวจะเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน แต่กลับเจือความเย้ายวนอันวิปริตที่อธิบายไม่ถูกเอาไว้ใบหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือเปลี่ยนเป็นสีแดง และเริ่มเขินอายโดยไม่รู้ตัวซ่างกวนซีโน้มลงบีบคางของเยี่ยนเว่ยฉือเพื่อบังคับให้นางมองเขา แล้วพูดต่อ “ใช่ เจ้าช่วยข้าไว้ ดังนั้นข้าก็จะช่วยเจ้าเช่นกัน ข้าทำให้เจ้ามีลูกได้อย่างแน่นอน”ทันทีที่เขาพูดจบ ซ่างกวนซีก็ยื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือหากผ้าชิ้นนี้ถูกฉีกออก องค์รัชทายาทผู้ไร้ค่าก็จะตกอยู่ในห้วงเสน่หา... แม้กำลังจะตายเป็นผีแต่ก็คงยังอยากเสพกามารมณ์“ชั่วช้าสามานย์รึ? เหอะ ในเมื่อทุกคนต่างด่าทอข้าเช่นนี้ ไหน ๆ จะตายอยู่แล้วก็ขอทำเรื่องนั้นให้เป็นจริงเสียเลย! ทำให้นางตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตนางไปด้วย” เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็ไม่ล
เยี่ยนเว่ยฉือวางจานในมือลง แล้วจึงหยิบขนมตรงหน้าอวี๋เฟยเหยียนกับฉินเซียงหรูขึ้นมาทีละชิ้นด้วยมือซ้ายและขวา จากนั้นก็สลับตำแหน่ง “ง่ายมาก ซ่างกวนหลีอยากทำเช่นไร เราก็ทำตรงกันข้าม!”ฉินเซียงหรูพูดต่อ “เจ้าหมายความว่า ให้ซ่างกวนหลีแต่งงานกับอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น ให้ซ่างกวนเจวี๋ยแต่งงานกับเยี่ยนชิงชู?”แปะ!เยี่ยนเว่ยฉือดีดนิ้ว “ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น หากซ่างกวนเจวี๋ยแต่งงานกับเยี่ยนชิงชู ก็จะได้รับการสนับสนุนจากจวนผิงอี้โหวและจวนอ๋องจ่างซิ่น ในราชสำนัก เขาก็จะมีอำนาจต่อกรกับซ่างกวนหลีได้ ซ่างกวนเจวี๋ยผู้นี้ ตอนที่ไม่มีอำนาจก็ยังคงสงบเสงี่ยม หากมีอำนาจขึ้นมาคงจะไม่อยู่นิ่งเฉยเป็นแน่! ฝ่าบาท ท่านว่ามีเรื่องใดที่น่ายินดีไปกว่าการนั่งดูพวกเขาแว้งกัดกันเองเล่า?”เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีด้วยรอยยิ้มซ่างกวนซีเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยปากชม เพียงแต่พูดว่า “ตามใจเจ้า!”อวี๋เฟยเหยียนมองด้วยความอิจฉา คิดในใจว่า “มีพี่สะใภ้อยู่ ต่อไปหากศิษย์พี่จะจัดการกับซ่างกวนหลีก็ไม่จำเป็นต้องลงมือเองแล้ว”ฉินเซียงหรูมองด้วยสายตาเหมือนกำลังดูละคร ตะโกนในใจว่า “คนฉลาดใช้สมอง คนโง่ใช้กำลัง ใครเล่าจะเฉลียวฉลาดกว่
เยี่ยนเว่ยฉือโบกมือ เร่งฝีเท้า เดินนำหน้าคนทั้งสามซ่างกวนซีเห็นท่าทางกระโดดโลดเต้นเหมือนกระต่ายน้อยของนาง ก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างจนปัญญาฉินเซียงหรูที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตปฏิกิริยาระหว่างสามีภรรยาคู่นี้โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆเมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปาก คิดในใจว่า ‘คนหนึ่งภายนอกดูอบอุ่น ภายในเย็นชา ไม่ใคร่สนใจสิ่งใด อีกคนภายนอกดูเย็นชา ภายในอบอุ่น จิตใจจมดิ่งลงไปนานแล้ว องค์รัชทายาทผู้มีสง่าราศีท่านนี้ สุดท้ายก็คงจะสู้แม่นางเยี่ยนผู้มีอารมณ์ขันไม่ได้!’…… จวนองค์รัชทายาทหลังจากที่ทุกคนกลับถึงจวนองค์รัชทายาทแล้ว ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะปฏิกิริยาของซ่างกวนหลีเมื่อครู่ทุกคนต่างก็กำลังคิดว่า ซ่างกวนหลีผู้นั้นต้องการแต่งงานกับผู้ใดกันแน่อวี๋เฟยเหยียนเกาหัวด้วยความสับสน “ซ่างกวนหลีดูเจ้าซู้ พวกเจ้าว่า เขาต้องการแต่งงานกับผู้ใด?”ฉินเซียงหรูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วยิ้ม ไม่พูดอะไรซ่างกวนซีเอามือเคาะพนักวางแขนของเก้าอี้เบาๆ ไม่ได้ตอบกลับเช่นกันมีเพียงเยี่ยนเว่ยฉือที่ขมวดคิ้ว ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดถึงคำถามของอวี๋เฟยเหยียนอย่างจริงจังอวี๋เฟยเหยียนรอคำตอบอยู่นานก
ไหนเล่าเอวหนาเท่าถังน้ำกลับเป็นเอวบางร่างน้อย งามพิศชวนมองซ่างกวนหลีมองหญิงสาวตรงหน้าที่มีกลิ่นอายของชนเผ่าอื่นแล้ว อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “องค์หญิงล้อเล่นแล้ว เพียงแต่...เหตุใดพวกท่านจึงมาอยู่ที่นี่?”คณะทูตจากต่างแดน พวกเขาควรจะส่งคนออกไปต้อนรับนอกเมือง ไหนเลยจะมีเหตุผลให้พวกเขาเข้าเมืองมาเองได้ไม่ให้เกียรติกันเลยอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเอียงศีรษะยิ้ม “ฝ่าบาทอยากรู้ว่าเหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่ หรืออยากรู้ว่าหญิงงามในจวนผู้นั้นปลอดภัยดีหรือไม่?”“เอ่อ นี่...”ซ่างกวนหลีพูดไม่ออก เพราะคำพูดของอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการให้เขาเลือกระหว่างหญิงงามสองนางเห็นซ่างกวนหลีตอบไม่ได้ ซ่างกวนเจวี๋ยที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงพูดแก้ต่าง “ที่นี่วุ่นวายมาก ยังมีซากหมาป่าอีกมากมายด้วย เสด็จพี่ พวกเราไปพูดคุยกันที่อื่นดีกว่า”ซ่างกวนหลีพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ ๆ ๆ ถูกต้อง ๆ ๆ องค์หญิงเสด็จมาจากแดนไกล ข้าควรจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ เช่นนั้นก็...”“ไม่จำเป็น” อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นขัดจังหวะซ่างกวนหลี “หากฝ่าบาทอยากร่วมโต๊ะกับข้า ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมาก พวกเราไปกันเถอะ!”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นส่งสายตาที่คลุมเครือ
ซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่อาจควบคุมตัวเองไม่ให้ขุดคุ้ยความลับในตัวนางได้แต่เขาก็ไม่อยากให้ตัวเองจมดิ่งลงไปมากเกินไปช่างสับสนยิ่งนักในขณะที่ซ่างกวนซีกำลังเหม่อลอย ก็มีร่างสองร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นที่หน้าประตูจวนผิงอี้โหว“ฝ่าบาท ท่านดูสิ! นั่นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น!” เยี่ยนเว่ยฉือเตือนซ่างกวนซีซ่างกวนซีมองตามสายตาของนาง ก็เห็นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกับพั่วจวินจริงๆเพิ่งจะยื่นหนังสือราชการไป บอกว่าจะเข้าเมืองในอีกเจ็ดวัน อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนี้?เห็นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นพาพั่วจวินเข้าไปในจวนผิงอี้โหวซ่างกวนซีพูดว่า “พวกเราก็เข้าไปดูเถอะ”ทุกคนไม่มีข้อโต้แย้งในเวลาเดียวกัน ทหารองครักษ์ของจวนองค์ชายรองยังคงต่อสู้กับสุนัขป่าที่ดาหน้าเข้ามาไม่หยุดซ่างกวนหลีเองก็ถือกระบี่ ยืนอยู่ที่ประตู ทำท่าทางเหมือนองครักษ์ปกป้องหญิงงามอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นยืนมองซ่างกวนหลีตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วจึงยิ้ม “หน้าตาใช้ได้!”พั่วจวินไม่พูดอะไร เพียงแต่มองสุนัขป่ารอบ ๆ ด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าองค์หญิงของพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นตะโกนใส่ซ่างกวนหลี “องค์ชาย ท่านไล
หลังจากฟังคำอธิบายของเยี่ยนเว่ยฉือแล้ว อวี๋เฟยเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “พวกท่านทั้งสองช่างมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว! ศิษย์พี่สังหารคน พี่สะใภ้ส่งมีด พี่สะใภ้ทำร้ายคน ศิษย์พี่ก็ขุดหลุม ช่าง...เป็นคู่ที่เหมาะสมกันยิ่งนัก!”ปัง!ซ่างกวนซีเคาะศีรษะของอวี๋เฟยเหยียน ตำหนิว่า “อย่าพูดจาเหลวไหล! นี่เป็นเรื่องของสุนัขป่า เกี่ยวอะไรกับพวกเรา?”อย่าได้ให้คนนอกรู้ความจริงเป็นอันขาด!อวี๋เฟยเหยียนยิ้มแห้งๆ “ขอรับๆๆ ใครใช้ให้เยี่ยนชิงซูหน้าตาเหมือนซาลาเปาเล่า ก็อย่าได้โทษสุนัขป่าที่ไล่กัดนาง!”คนกลุ่มหนึ่งเดินไปคุยกันไปอย่างช้า ๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงอึกทึกดังมาจากข้างหลังซ่างกวนซีเงี่ยหูฟัง หัวเราะเยาะ “ดูเหมือนเขาจะชอบเยี่ยนชิงซู”คนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้นก็หันกลับไปมองพร้อมกันและแล้วก็เห็นซ่างกวนหลีพาซ่างกวนเจวี๋ยขี่ม้ามาอย่างรวดเร็วข้างหลังยังมีทหารองครักษ์ของจวนองค์ชายรองตามมาอีกกลุ่มใหญ่ท่าทางร้อนรนเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจมองทาง จึงไม่ได้สังเกตเห็นซ่างกวนซีและคนอื่น ๆ ที่เดินอยู่บนถนนเมื่อซ่างกวนซีและคนอื่นๆ มาถึงจวนผิงอี้โหว ที่นี่ก็มีชาวบ้านมามุงดูเต็มไปหมดแล้ว!“ไป! ฆ่
อวี๋เฟยเหยียนและซ่างกวนซีหันไปมองฉินเซียงหรูพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ฉินเซียงหรูอธิบายว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วจะมีฤทธิ์เช่นไรฉินเซียงหรูขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดแล้วจึงพูดว่า “หากข้าจำไม่ผิด สูตรนี้เหมือนจะเป็นสูตรที่นายพรานใช้ล่าสุนัขจิ้งจอก”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้ว จะส่งกลิ่นที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้ คล้ายกับสิ่งที่สุนัขตัวเมียหลั่งออกมาในฤดูผสมพันธุ์ ดังนั้นจึงสามารถดึงดูดสัตว์เพศผู้ในตระกูลสุนัขได้ โดยทั่วไปนายพรานจะใช้ล่าสุนัขจิ้งจอกเพศผู้ เพื่อนำขนที่สวยงามของมันไปขาย ในเมืองนี้ไม่มีสุนัขจิ้งจอกเพศผู้ แต่ควรจะมีสุนัขป่าเพศผู้ไม่น้อย”หลังจากฟังคำอธิบายของเยี่ยนเว่ยฉือแล้ว ชายหนุ่มทั้งสามก็ตกตะลึงอวี๋เฟยเหยียนอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก แล้วก็ลุกขึ้นยืนทันทีซ่างกวนซีมองเขา “เจ้าจะทำอะไร?”อวี๋เฟยเหยียนรีบพูด “เรื่องสนุกสนานเช่นนี้ ข้าจะพลาดได้อย่างไร!” พูดจบเขาก็จากไป!ฉินเซียงหรูถอนหายใจด้วยความเสียดาย “โอ๊ย ข้าก็อยากเห็นเหมือนกัน” น่าเสียดายที่เขาไม่มีวิทยายุทธ์ จึงไม่อาจแอบดูได้ซ่างกวนซีได้ยินดังนั้น จึงครุ่นคิดแล้วจึงพูดว่า “อยากเห็น
“หมอฉิน เจ้า...เหตุใดเจ้าจึงไม่กินแล้วเล่า?” อวี๋เฟยเหยียนมองฉินเซียงหรูด้วยความกังวล มีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจฉินเซียงหรูยิ้มแห้ง ๆ “เอ่อ ข้าอิ่มแล้ว”สีหน้าเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่อิ่มแล้ว แต่เป็นหวาดกลัว!อวี๋เฟยเหยียนรีบวางชามและตะเกียบ ซักไซ้ต่อไป “พวกเจ้าพูดมาสิ เปลือกหอยหวานคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือมองอวี๋เฟยเหยียน กะพริบตาด้วยความสงสัย “รัฐทายาทอวี๋ เหตุใดท่านจึงอยากรู้อยากเห็นเช่นนี้ หรือว่า...ท่านอยากเรียนวิชาแพทย์?”อวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า “ข้าไม่ปรารถนาจะเรียนวิชาแพทย์ แต่รู้สึกว่าเปลือกหอยหวานคงไม่ใช่สิ่งดี ไม่เช่นนั้นเหตุใดฉินเซียงหรูจึงหยุดกินกลางคัน? ศิษย์ใหญ่ ท่านก็อย่ากินเลย! อ๊ะ ไม่ใช่ ท่านกินเถอะๆ นางทำให้ท่านโดยเฉพาะ!”ซ่างกวนซีถือชาม รู้สึกอึดอัดใจหากกินต่อ ก็รู้สึกว่าสีหน้าของฉินเซียงหรูนั้นแปลกประหลาดจริงๆหากไม่กิน อวี๋เฟยเหยียนก็คะยั้นคะยอบอกว่าเยี่ยนเว่ยฉือทำให้เขาโดยเฉพาะดังนั้น ซ่างกวนซีที่ไม่เคยอยากรู้อยากเห็นอะไรก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เว่ยฉือ เปลือกหอยหวานคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “ความกระตือรือร้นใฝ่รู้ขององค์รัชทายาท ช่างน่าเลื่
เยี่ยนชิงซูเสียหน้าเพราะเยี่ยนเว่ยฉือบนท้องถนน เมื่อกลับถึงจวนก็อาละวาดอีกครั้งทำเอาเยี่ยนหานซานรำคาญใจ จึงออกไปข้างนอกเพื่อหลบความวุ่นวายและยังทำให้ท่านหญิงหมิงหยางปวดใจ รีบตามลู่อู๋มาถามไถ่ว่าเหตุใดจึงยังไม่ฆ่าเยี่ยนเว่ยฉืออีกแต่บ่าวไพร่ที่ส่งไปกลับตามหาลู่อู๋ไม่พบท่านหญิงหมิงหยางถามด้วยความประหลาดใจ “อะไรนะ? ไม่พบ? ไปที่โรงเตี๊ยมที่เขาพักแล้วหรือ?”ลูกน้องพยักหน้า “เรียนท่านหญิง ไปมาแล้วเจ้าค่ะ ลู่อู๋ออกไปแล้ว”ซินมามาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นก็อุทานออกมา “โอ๊ย ท่านหญิง! เจ้าคนผู้นั้นคงจะเชิดเงินหนีไปแล้วกระมัง!”ท่านหญิงหมิงหยางขมวดคิ้ว ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้นี้‘ลู่อู๋อย่างไรก็เป็นมือสังหารอันดับสี่ คงไม่เชิดเงินจำนวนเล็กน้อยนี้หนีไปหรอกกระมัง?’‘แต่เหตุใดจึงติดต่อเขาไม่ได้?’ในขณะที่ท่านหญิงหมิงหยางกำลังจะไปตามหาด้วยตัวเอง ก็มีเสียงของฉางเอ๋อร์ดังมาจากข้างนอก “ท่านหญิง ท่านหญิงเจ้าคะ แย่แล้ว! แย่แล้ว! ท่านรีบไปดูคุณหนูเถอะเจ้าค่ะ!”แย่แล้ว?ท่านหญิงหมิงหยางรีบวิ่งออกไป ถามด้วยความร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?”ฉางเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “คุณหนูถ
เยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “ข้าไหนเลยจะบังอาจเท่าเยี่ยนชิงซู กลางวันแสกๆ ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย กลับโผเข้าหาพี่เขยตนเอง เหตุใด ฝ่าบาทชอบคนเสแสร้งเช่นนั้นหรือ?”“เมื่อใดที่ข้าบอกว่าชอบนาง? อย่าใส่ร้ายป้ายสี!”“หากฝ่าบาทไม่ชอบนาง ข้าช่วยฝ่าบาทไล่นางไป เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่ชมข้า กลับตำหนิว่าข้าทำตัวเป็นเด็กน้อยเล่า?” เยี่ยนเว่ยฉือไม่ยอมแพ้!ซ่างกวนซียื่นมือออกไป จิ้มไปที่หว่างคิ้วของเยี่ยนเว่ยฉือ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ผู้ใดบอกเจ้าว่า ‘เด็กน้อย’ คือการตำหนิ?”เห็นได้ชัดว่าเขากำลังชมเยี่ยนเว่ยฉือว่ามีจิตใจเยาว์วัย ฉลาดแกมโกง!เยี่ยนเว่ยฉือลูบตำแหน่งที่ซ่างกวนซีจิ้ม อดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้นางรู้สึกว่าการกระทำนี้ทั้งเอ็นดูและคลุมเครืออวี๋เฟยเหยียนมองบรรยากาศแปลก ๆ ระหว่างพวกเขา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ข้าว่า...พวกท่านทั้งสอง ลืมข้าไปแล้วหรือใช่หรือไม่?”เอ่อ...ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนพร้อมกัน ต่างก็มีสีหน้าเขินอายไม่ต้องพูด ไม่ต้องพูดจริง ๆ ลืมเขาไปแล้วจริง ๆ ด้วย!“อะแฮ่ม!” ซ่างกวนซีกระแอมสองครั้ง ปรับอารมณ์ เอ่ยถาม “พวกเจ้าทั้งสองออกมาด้วยกัน เหต