“มรดกตกทอดของสำนัก? หมายความว่าสำคัญเทียบเท่าตราหยกของท่านเลยหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ พลางมองซ่างกวนซีซ่างกวนซีถอนหายใจเบา ๆ พลางส่ายหน้า “อย่าพูดเช่นนั้น ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปากเล็กน้อย นึกว่าซ่างกวนซีบางครั้งก็ระมัดระวังตัวเกินไปในห้องนี้มีเพียงพวกเขาสองคน จะพูดอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมองกำไลงามบนข้อมือ แล้วเอ่ยขึ้น “ในเมื่อเป็นมรดกตกทอดของสำนักท่าน เหตุใดจึงมอบให้ข้า? หรือท่านจะรับข้าเป็นศิษย์?”ซ่างกวนซีถึงกับหมดคำพูดกับความคิดของเยี่ยนเว่ยฉือเขาใช้มือแตะหน้าผากนางเบา ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “สิ่งนี้เมื่อนำติดตัวไว้ ฤดูร้อนก็ช่วยป้องกันแมลง ฤดูหนาวก็ช่วยให้รู้สึกอบอุ่น หากเจ้าไม่สบาย สีของมันก็จะเข้มขึ้น เป็นการเตือนเจ้าให้พักผ่อน เราเป็นสามีภรรยากัน เจ้าพกติดตัวไว้ก็เหมือนกับมีข้าอยู่ใกล้ตัวไม่ห่าง ไม่ต่างกัน”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตาโพลง มองซ่างกวนซีด้วยความประหลาดใจน้ำเสียงของเขาสงบเยือกเย็น แต่เหตุใดจึงฟังดูอบอุ่นเช่นนี้?‘เราเป็นสามีภรรยากัน’ นี่เขากำลังสารภาพรักอยู่หรือ?ซ่างกวนซีเห็นเยี่ยนเว่ยฉือมองเขาตาค้
ประตูเมืองฝั่งเหนือตามธรรมเนียมแล้ว คณะทูตจากต่างแดนต้องมีผู้ที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งเป็นผู้ออกไปต้อนรับ นำทหารหกสิบหกนายไปรอรับนอกเมืองถนนสายหลักในเมืองต้องสะอาดตา ราษฎรล้วนหลีกทางให้เนื่องจากวันนี้มีองค์หญิงจากเป่ยอิ้นเสด็จมา นางเป็นสตรีดังนั้นจึงต้องมีสตรีผู้สูงศักดิ์ไปต้อนรับด้วยฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้องค์รัชทายาทซ่างกวนซีเป็นผู้ไปต้อนรับ ดังนั้นสตรีที่ไปด้วยย่อมต้องเป็นพระชายาของซ่างกวนซี เยี่ยนเว่ยฉือหลังจากที่ทั้งสองแต่งกายเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงประตูเมืองก่อนสิ่งที่ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือประหลาดใจคือ หลังจากที่ทั้งสองยืนรอ ก็เห็นม้าหลายตัววิ่งมาจากที่ไกลๆทุกคนมองตามเสียงไป ก็พบว่าเป็นองค์ชายรองซ่างกวนหลีพร้อมด้วยองค์ชายสี่ซ่างกวนเจวี๋ย และทหารองครักษ์ของพวกเขาอวี๋เฟยเหยียนถามอย่างสงสัย “ศิษย์พี่ เหตุใดพวกเขาจึงมาด้วยเล่า?”เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเยาะก่อนที่ซ่างกวนซีจะตอบ “ก็มาหาหญิงงามอย่างไรเล่า ซ่างกวนหลีผู้นี้ช่างโลภมาก อยากได้ทั้งของในหม้อและในชาม”ซ่างกวนซีมองศิษย์น้องทั้งสองคนของเขา ครุ่นคิดแล้วจึงส่ายหน้า “ไม่ง่ายดายเพียงนั้นหรอก”“หืม? แล้วฝ่าบาทคิดว่าเป็นเช่นไร?”
ในฐานะแพทย์นิติเวช เยี่ยนเว่ยฉือไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งนางจะถูกส่งไปผลิตทายาทใช่แล้ว ผลิตทายาท!นางต้องมีทายาททางสายเลือดคนสุดท้ายกับซ่างกวนซี องค์รัชทายาทผู้ถูกทอดทิ้งแห่งแคว้นจิ่วหลีที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนางเป็นแพทย์นิติเวชจากศตวรรษที่ยี่สิบเจ็ด ผู้ซึ่งเดินทางข้ามเวลามาเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนยังไม่ทันที่วิญญาณจะเข้ากันกับร่างกายได้ดี นางก็ได้สวมชุดแต่งงานแบบลวก ๆ และถูกส่งตัวเข้าคุกหลวง“เชิญทางนี้ องค์รัชทายาทกำลังรอเจ้าอยู่ข้างใน!” เสียงเหยียดหยามของขันทีดังเข้ามาในโสตประสาทของนางเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังห้องขังตรงหน้า พบว่าภายในคุกใหญ่โตนี้ มีเพียงเงาร่างสีขาวนอนขดตัวอยู่บนกองฟางแห้งเขาคือพระโอรสของอดีตฮองเฮา องค์รัชทายาทซ่างกวนซีผู้ไร้ค่าน่ะหรือ?ก่อนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะได้ครุ่นคิดอย่างกระจ่างแจ้ง ทันใดนั้นก็มีแรงผลักมหาศาลจากด้านหลังผลักส่งนางเข้าไปในห้องขัง ก่อนจะมีเสียงดังตามมา!ปัง! แกร๊ง!ประตูห้องขังถูกลงกลอนจากด้านนอก ขันทีที่พานางมายืนอยู่ด้านนอกห้องขังพลางพูดว่า “เจ้ามีเวลาสองชั่วยาม เจ้าจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะมีทายาทกับฝ่าบาทสำเร็จหรือ
อะไรนะ...ที่ว่าเชี่ยวชาญเรื่องนี้ดีหมายความว่าอย่างไร?หรือสตรีนางนี้เป็นสตรีจากหอนางโลม? ซ่างกวนซีมองคนตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อถึงอย่างไร เยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นคนรักษาสัจจะ นางจึงไปปลดผ้ารัดเอวของซ่างกวนซีแม้ใบหน้าของซ่างกวนซีจะถูกปกคลุมไปด้วยเส้นผมที่ยุ่งเหยิง ทว่าเขาก็แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมาเขาคว้าข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือสุดกำลัง และตะโกนด้วยความโกรธ “นางสารเลว อย่ามาแตะ…”ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค ซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าตนขยับตัวไม่ได้แล้วขณะที่เขาหลุบตาลงมามอง ก็เห็นว่าในมือของเยี่ยนเว่ยฉือกำลังถือเข็มเงินเจาะร่างกายของเขา ซึ่งไม่รู้ว่านางทำเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่“เจ้ามาเพื่อสังหารข้ารึ?” ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ว่าใครกันที่ทำเรื่องที่เกินความจำเป็น ส่งมือสังหารมาปลิดชีพเขาเช่นนี้เยี่ยนเว่ยฉือถอยห่างจากซ่างกวนซี ขณะที่ถอดเสื้อผ้าของเขาออก แล้วพูดว่า “ถึงฆ่าท่านไป ข้าก็คงไม่รอดอยู่ดี ตอนนี้ท่านคือความหวังสุดท้ายของข้า”ซ่างกวนซีกัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าไม่ใช่คุณหนูรองจวนติ้งหย่
เยี่ยนเว่ยฉือตื่นตระหนกในทันที!นางไม่รู้เลยว่าองค์รัชทายาทตกอับที่ป่วยและไร้ประโยชน์ผู้นี้จะมีพิษกู่อยู่ในร่างกาย“อย่า...อย่าทำเช่นนี้เลย มีเรื่องอะไรก็พูดกันดี ๆ เถอะ ถึงอย่างไรข้าก็ช่วยท่านไว้นะ!”ซ่างกวนซีถอดเสื้อผ้าของเขาที่มีอยู่บนตัวชิ้นเดียว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งแต่ไม่แน่นเกินไปแม้ตอนนี้ตามเนื้อตัวจะเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน แต่กลับเจือความเย้ายวนอันวิปริตที่อธิบายไม่ถูกเอาไว้ใบหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือเปลี่ยนเป็นสีแดง และเริ่มเขินอายโดยไม่รู้ตัวซ่างกวนซีโน้มลงบีบคางของเยี่ยนเว่ยฉือเพื่อบังคับให้นางมองเขา แล้วพูดต่อ “ใช่ เจ้าช่วยข้าไว้ ดังนั้นข้าก็จะช่วยเจ้าเช่นกัน ข้าทำให้เจ้ามีลูกได้อย่างแน่นอน”ทันทีที่เขาพูดจบ ซ่างกวนซีก็ยื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือหากผ้าชิ้นนี้ถูกฉีกออก องค์รัชทายาทผู้ไร้ค่าก็จะตกอยู่ในห้วงเสน่หา... แม้กำลังจะตายเป็นผีแต่ก็คงยังอยากเสพกามารมณ์“ชั่วช้าสามานย์รึ? เหอะ ในเมื่อทุกคนต่างด่าทอข้าเช่นนี้ ไหน ๆ จะตายอยู่แล้วก็ขอทำเรื่องนั้นให้เป็นจริงเสียเลย! ทำให้นางตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตนางไปด้วย” เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็ไม่ล
เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วมองเขา “กลยุทธ์ตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้งอย่างไรเล่า!”ซ่างกวนซีไม่เข้าใจ “หมายความว่าอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ท่านคลายจุดชีพจรให้ข้าก่อน แล้วข้าจะอธิบายให้ฟัง”ขณะนี้ชะตาชีวิตของทั้งสองคนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ถือว่าคนทั้งสองอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกัน ซ่างกวนซีจึงไม่กลัวว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะพูดโกหกหากเขาตาย นางก็ต้องถูกฝังตามเขาไปด้วยดังนั้นซ่างกวนซีจึงคลายจุดชีพจรของเยี่ยนเว่ยฉือทันทีทว่าเยี่ยนเว่ยฉือที่เพิ่งได้รับอิสรภาพ กลับใช้เข็มแทงเข้าที่ต้นขาของซ่างกวนซี อาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงได้ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ซ่างกวนซีมองนางอย่างเหลือเชื่อ พลางพูดอย่างยากลำบาก “จะ...เจ้าหลอกข้า เจ้าเป็นมือสังหารจริง ๆ!”เยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นนั่งและผลักซ่างกวนซีให้ล้มไปที่พื้นขณะที่สวมเสื้อผ้า นางก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้าจะฆ่าท่านกับผีน่ะสิ! ก็พูดอยู่ว่าจะใช้กลยุทธ์ตายแล้วเกิดใหม่ หากท่านไม่ตายแล้วจะเกิดใหม่ได้อย่างไร? ในเมื่อร่างกายท่านมีพิษกู่เย็น ก็อย่าโทษข้าที่ลงมือหนักหน่อยแล้วกัน!”ซ่างกวนซีไม่ได้ยินประโยคหลังที่เยี่ยนเว่ยฉือพูด เพราะเขาได้เข้าสู่สภาวะเสม
“บังอาจ!” ฮองเฮาก้าวมาข้างหน้าพลางมองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยสายตาเย็นชา และตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรถึงมาตั้งคำถามกับการตัดสินใจของฝ่าบาท!”ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสินลงโทษซ่างกวนซี และฝ่าบาทก็เป็นผู้ปลดซ่างกวนซีออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทด้วยการบอกว่าองค์รัชทายาทถูกใส่ความ จะไม่ถือเป็นการตั้งคำถามกับคำตัดสินของฝ่าบาทหรือ?ดูเผิน ๆ คำพูดของฮองเฮานั้นก็นับว่าไม่ผิดอะไรแต่เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่ามีคำว่า “น้ำท่วมปาก” ถูกเขียนบนพระพักตร์ของฮ่องเต้เอาไว้ด้วยสถานะปัจจุบันของนาง นางมีโอกาสน้อยมากที่จะได้พูด ดังนั้นนางจึงต้องบอกเรื่องสำคัญก่อนที่ฮองเฮาจะสั่งประหารนางเยี่ยนเว่ยฉือจึงตะโกนออกมาอย่างไม่ลังเล “ฝ่าบาททรงพิจารณาเถิดเพคะ องค์รัชทายาททรงป่วยเป็นโรคนกเขาไม่ขัน หม่อมฉันขอทูลถามว่าคนที่นกเขาไม่ขันจะขืนใจสวีเหม่ยเหรินได้อย่างไร? องค์รัชทายาททรงถูกใส่ความเพคะ!”คำพูดเหล่านั้นเหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางใจทุกคนต่างอ้าปากค้างจากความตกใจ!“จะ...เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?” ฮองเฮามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความตกใจเยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างจริงจัง “หม่อมฉันไม่ได้พูดเหลวไหลนะเพคะ ฝ่าบาททรงส่งหม่
แม้สถานการณ์จะค่อนข้างอันตราย แต่ก็ยังจัดการได้เยี่ยนเว่ยฉือรีบตะโกนเสียงดัง “ไม่ได้ ท่านฆ่าข้าไม่ได้นะ!”“ไม่ได้?!” ฮองเฮามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความตกใจ เกือบจะคิดว่าตัวเองฟังผิดไปนางคิดว่านางเป็นใคร ถึงได้กล้าที่พูดจาเช่นนี้กับเจ้าแห่งหกตำหนักฝ่ายใน ทั้งยังพูดคำว่าไม่ได้ออกมาอีก?ในขณะที่ฮองเฮากำลังตกตะลึง เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบมองไปที่ฮ่องเต้คังอู่และพูดต่อ “ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าองค์รัชทายาททรงนกเขาไม่ขัน ดังนั้นจึงถือว่าหม่อมฉันเป็นพยานคนสำคัญในคดีนี้ด้วย คดีนี้ยังต้องมีการพิจารณาคดีใหม่ ยังไม่ได้เริ่มการสอบสวนเลย หากมาฆ่าพยานเสียก่อนคงไม่เหมาะนักใช่หรือไม่เพคะ?”ฮ่องเต้คังอู่ทรงขมวดคิ้วพลางทอดพระเนตรไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ ครู่หนึ่งพระองค์สับสนไม่รู้ว่านางเป็นสตรีตระกูลใดแต่สตรีนางนี้กลับกล้าปฏิเสธฮองเฮาต่อหน้าผู้คนมากมาย ซึ่งนั่นทำให้พระองค์ชอบพระทัยเป็นอย่างมากเมื่อทอดพระเนตรผ่านร่างเล็ก ๆ ของเยี่ยนเว่ยฉือไป พระองค์ก็ทรงเห็นร่างไร้ชีวิตที่มีบาดแผลทั่วร่างกายซ่างกวนซีอยู่ข้างหลังนาง ทำให้ความโศกเศร้าและความเกรี้ยวโกรธของฮ่องเต้คังอู่ถึงจุดสูงสุดเ
ประตูเมืองฝั่งเหนือตามธรรมเนียมแล้ว คณะทูตจากต่างแดนต้องมีผู้ที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งเป็นผู้ออกไปต้อนรับ นำทหารหกสิบหกนายไปรอรับนอกเมืองถนนสายหลักในเมืองต้องสะอาดตา ราษฎรล้วนหลีกทางให้เนื่องจากวันนี้มีองค์หญิงจากเป่ยอิ้นเสด็จมา นางเป็นสตรีดังนั้นจึงต้องมีสตรีผู้สูงศักดิ์ไปต้อนรับด้วยฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้องค์รัชทายาทซ่างกวนซีเป็นผู้ไปต้อนรับ ดังนั้นสตรีที่ไปด้วยย่อมต้องเป็นพระชายาของซ่างกวนซี เยี่ยนเว่ยฉือหลังจากที่ทั้งสองแต่งกายเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงประตูเมืองก่อนสิ่งที่ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือประหลาดใจคือ หลังจากที่ทั้งสองยืนรอ ก็เห็นม้าหลายตัววิ่งมาจากที่ไกลๆทุกคนมองตามเสียงไป ก็พบว่าเป็นองค์ชายรองซ่างกวนหลีพร้อมด้วยองค์ชายสี่ซ่างกวนเจวี๋ย และทหารองครักษ์ของพวกเขาอวี๋เฟยเหยียนถามอย่างสงสัย “ศิษย์พี่ เหตุใดพวกเขาจึงมาด้วยเล่า?”เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเยาะก่อนที่ซ่างกวนซีจะตอบ “ก็มาหาหญิงงามอย่างไรเล่า ซ่างกวนหลีผู้นี้ช่างโลภมาก อยากได้ทั้งของในหม้อและในชาม”ซ่างกวนซีมองศิษย์น้องทั้งสองคนของเขา ครุ่นคิดแล้วจึงส่ายหน้า “ไม่ง่ายดายเพียงนั้นหรอก”“หืม? แล้วฝ่าบาทคิดว่าเป็นเช่นไร?”
“มรดกตกทอดของสำนัก? หมายความว่าสำคัญเทียบเท่าตราหยกของท่านเลยหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ พลางมองซ่างกวนซีซ่างกวนซีถอนหายใจเบา ๆ พลางส่ายหน้า “อย่าพูดเช่นนั้น ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปากเล็กน้อย นึกว่าซ่างกวนซีบางครั้งก็ระมัดระวังตัวเกินไปในห้องนี้มีเพียงพวกเขาสองคน จะพูดอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมองกำไลงามบนข้อมือ แล้วเอ่ยขึ้น “ในเมื่อเป็นมรดกตกทอดของสำนักท่าน เหตุใดจึงมอบให้ข้า? หรือท่านจะรับข้าเป็นศิษย์?”ซ่างกวนซีถึงกับหมดคำพูดกับความคิดของเยี่ยนเว่ยฉือเขาใช้มือแตะหน้าผากนางเบา ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “สิ่งนี้เมื่อนำติดตัวไว้ ฤดูร้อนก็ช่วยป้องกันแมลง ฤดูหนาวก็ช่วยให้รู้สึกอบอุ่น หากเจ้าไม่สบาย สีของมันก็จะเข้มขึ้น เป็นการเตือนเจ้าให้พักผ่อน เราเป็นสามีภรรยากัน เจ้าพกติดตัวไว้ก็เหมือนกับมีข้าอยู่ใกล้ตัวไม่ห่าง ไม่ต่างกัน”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตาโพลง มองซ่างกวนซีด้วยความประหลาดใจน้ำเสียงของเขาสงบเยือกเย็น แต่เหตุใดจึงฟังดูอบอุ่นเช่นนี้?‘เราเป็นสามีภรรยากัน’ นี่เขากำลังสารภาพรักอยู่หรือ?ซ่างกวนซีเห็นเยี่ยนเว่ยฉือมองเขาตาค้
เยี่ยนเว่ยฉือวางจานในมือลง แล้วจึงหยิบขนมตรงหน้าอวี๋เฟยเหยียนกับฉินเซียงหรูขึ้นมาทีละชิ้นด้วยมือซ้ายและขวา จากนั้นก็สลับตำแหน่ง “ง่ายมาก ซ่างกวนหลีอยากทำเช่นไร เราก็ทำตรงกันข้าม!”ฉินเซียงหรูพูดต่อ “เจ้าหมายความว่า ให้ซ่างกวนหลีแต่งงานกับอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น ให้ซ่างกวนเจวี๋ยแต่งงานกับเยี่ยนชิงชู?”แปะ!เยี่ยนเว่ยฉือดีดนิ้ว “ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น หากซ่างกวนเจวี๋ยแต่งงานกับเยี่ยนชิงชู ก็จะได้รับการสนับสนุนจากจวนผิงอี้โหวและจวนอ๋องจ่างซิ่น ในราชสำนัก เขาก็จะมีอำนาจต่อกรกับซ่างกวนหลีได้ ซ่างกวนเจวี๋ยผู้นี้ ตอนที่ไม่มีอำนาจก็ยังคงสงบเสงี่ยม หากมีอำนาจขึ้นมาคงจะไม่อยู่นิ่งเฉยเป็นแน่! ฝ่าบาท ท่านว่ามีเรื่องใดที่น่ายินดีไปกว่าการนั่งดูพวกเขาแว้งกัดกันเองเล่า?”เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีด้วยรอยยิ้มซ่างกวนซีเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยปากชม เพียงแต่พูดว่า “ตามใจเจ้า!”อวี๋เฟยเหยียนมองด้วยความอิจฉา คิดในใจว่า “มีพี่สะใภ้อยู่ ต่อไปหากศิษย์พี่จะจัดการกับซ่างกวนหลีก็ไม่จำเป็นต้องลงมือเองแล้ว”ฉินเซียงหรูมองด้วยสายตาเหมือนกำลังดูละคร ตะโกนในใจว่า “คนฉลาดใช้สมอง คนโง่ใช้กำลัง ใครเล่าจะเฉลียวฉลาดกว่
เยี่ยนเว่ยฉือโบกมือ เร่งฝีเท้า เดินนำหน้าคนทั้งสามซ่างกวนซีเห็นท่าทางกระโดดโลดเต้นเหมือนกระต่ายน้อยของนาง ก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างจนปัญญาฉินเซียงหรูที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตปฏิกิริยาระหว่างสามีภรรยาคู่นี้โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆเมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปาก คิดในใจว่า ‘คนหนึ่งภายนอกดูอบอุ่น ภายในเย็นชา ไม่ใคร่สนใจสิ่งใด อีกคนภายนอกดูเย็นชา ภายในอบอุ่น จิตใจจมดิ่งลงไปนานแล้ว องค์รัชทายาทผู้มีสง่าราศีท่านนี้ สุดท้ายก็คงจะสู้แม่นางเยี่ยนผู้มีอารมณ์ขันไม่ได้!’…… จวนองค์รัชทายาทหลังจากที่ทุกคนกลับถึงจวนองค์รัชทายาทแล้ว ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะปฏิกิริยาของซ่างกวนหลีเมื่อครู่ทุกคนต่างก็กำลังคิดว่า ซ่างกวนหลีผู้นั้นต้องการแต่งงานกับผู้ใดกันแน่อวี๋เฟยเหยียนเกาหัวด้วยความสับสน “ซ่างกวนหลีดูเจ้าซู้ พวกเจ้าว่า เขาต้องการแต่งงานกับผู้ใด?”ฉินเซียงหรูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วยิ้ม ไม่พูดอะไรซ่างกวนซีเอามือเคาะพนักวางแขนของเก้าอี้เบาๆ ไม่ได้ตอบกลับเช่นกันมีเพียงเยี่ยนเว่ยฉือที่ขมวดคิ้ว ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดถึงคำถามของอวี๋เฟยเหยียนอย่างจริงจังอวี๋เฟยเหยียนรอคำตอบอยู่นานก
ไหนเล่าเอวหนาเท่าถังน้ำกลับเป็นเอวบางร่างน้อย งามพิศชวนมองซ่างกวนหลีมองหญิงสาวตรงหน้าที่มีกลิ่นอายของชนเผ่าอื่นแล้ว อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “องค์หญิงล้อเล่นแล้ว เพียงแต่...เหตุใดพวกท่านจึงมาอยู่ที่นี่?”คณะทูตจากต่างแดน พวกเขาควรจะส่งคนออกไปต้อนรับนอกเมือง ไหนเลยจะมีเหตุผลให้พวกเขาเข้าเมืองมาเองได้ไม่ให้เกียรติกันเลยอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเอียงศีรษะยิ้ม “ฝ่าบาทอยากรู้ว่าเหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่ หรืออยากรู้ว่าหญิงงามในจวนผู้นั้นปลอดภัยดีหรือไม่?”“เอ่อ นี่...”ซ่างกวนหลีพูดไม่ออก เพราะคำพูดของอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการให้เขาเลือกระหว่างหญิงงามสองนางเห็นซ่างกวนหลีตอบไม่ได้ ซ่างกวนเจวี๋ยที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงพูดแก้ต่าง “ที่นี่วุ่นวายมาก ยังมีซากหมาป่าอีกมากมายด้วย เสด็จพี่ พวกเราไปพูดคุยกันที่อื่นดีกว่า”ซ่างกวนหลีพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ ๆ ๆ ถูกต้อง ๆ ๆ องค์หญิงเสด็จมาจากแดนไกล ข้าควรจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ เช่นนั้นก็...”“ไม่จำเป็น” อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นขัดจังหวะซ่างกวนหลี “หากฝ่าบาทอยากร่วมโต๊ะกับข้า ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมาก พวกเราไปกันเถอะ!”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นส่งสายตาที่คลุมเครือ
ซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่อาจควบคุมตัวเองไม่ให้ขุดคุ้ยความลับในตัวนางได้แต่เขาก็ไม่อยากให้ตัวเองจมดิ่งลงไปมากเกินไปช่างสับสนยิ่งนักในขณะที่ซ่างกวนซีกำลังเหม่อลอย ก็มีร่างสองร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นที่หน้าประตูจวนผิงอี้โหว“ฝ่าบาท ท่านดูสิ! นั่นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น!” เยี่ยนเว่ยฉือเตือนซ่างกวนซีซ่างกวนซีมองตามสายตาของนาง ก็เห็นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกับพั่วจวินจริงๆเพิ่งจะยื่นหนังสือราชการไป บอกว่าจะเข้าเมืองในอีกเจ็ดวัน อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนี้?เห็นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นพาพั่วจวินเข้าไปในจวนผิงอี้โหวซ่างกวนซีพูดว่า “พวกเราก็เข้าไปดูเถอะ”ทุกคนไม่มีข้อโต้แย้งในเวลาเดียวกัน ทหารองครักษ์ของจวนองค์ชายรองยังคงต่อสู้กับสุนัขป่าที่ดาหน้าเข้ามาไม่หยุดซ่างกวนหลีเองก็ถือกระบี่ ยืนอยู่ที่ประตู ทำท่าทางเหมือนองครักษ์ปกป้องหญิงงามอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นยืนมองซ่างกวนหลีตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วจึงยิ้ม “หน้าตาใช้ได้!”พั่วจวินไม่พูดอะไร เพียงแต่มองสุนัขป่ารอบ ๆ ด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าองค์หญิงของพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นตะโกนใส่ซ่างกวนหลี “องค์ชาย ท่านไล
หลังจากฟังคำอธิบายของเยี่ยนเว่ยฉือแล้ว อวี๋เฟยเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “พวกท่านทั้งสองช่างมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว! ศิษย์พี่สังหารคน พี่สะใภ้ส่งมีด พี่สะใภ้ทำร้ายคน ศิษย์พี่ก็ขุดหลุม ช่าง...เป็นคู่ที่เหมาะสมกันยิ่งนัก!”ปัง!ซ่างกวนซีเคาะศีรษะของอวี๋เฟยเหยียน ตำหนิว่า “อย่าพูดจาเหลวไหล! นี่เป็นเรื่องของสุนัขป่า เกี่ยวอะไรกับพวกเรา?”อย่าได้ให้คนนอกรู้ความจริงเป็นอันขาด!อวี๋เฟยเหยียนยิ้มแห้งๆ “ขอรับๆๆ ใครใช้ให้เยี่ยนชิงซูหน้าตาเหมือนซาลาเปาเล่า ก็อย่าได้โทษสุนัขป่าที่ไล่กัดนาง!”คนกลุ่มหนึ่งเดินไปคุยกันไปอย่างช้า ๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงอึกทึกดังมาจากข้างหลังซ่างกวนซีเงี่ยหูฟัง หัวเราะเยาะ “ดูเหมือนเขาจะชอบเยี่ยนชิงซู”คนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้นก็หันกลับไปมองพร้อมกันและแล้วก็เห็นซ่างกวนหลีพาซ่างกวนเจวี๋ยขี่ม้ามาอย่างรวดเร็วข้างหลังยังมีทหารองครักษ์ของจวนองค์ชายรองตามมาอีกกลุ่มใหญ่ท่าทางร้อนรนเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจมองทาง จึงไม่ได้สังเกตเห็นซ่างกวนซีและคนอื่น ๆ ที่เดินอยู่บนถนนเมื่อซ่างกวนซีและคนอื่นๆ มาถึงจวนผิงอี้โหว ที่นี่ก็มีชาวบ้านมามุงดูเต็มไปหมดแล้ว!“ไป! ฆ่
อวี๋เฟยเหยียนและซ่างกวนซีหันไปมองฉินเซียงหรูพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ฉินเซียงหรูอธิบายว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วจะมีฤทธิ์เช่นไรฉินเซียงหรูขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดแล้วจึงพูดว่า “หากข้าจำไม่ผิด สูตรนี้เหมือนจะเป็นสูตรที่นายพรานใช้ล่าสุนัขจิ้งจอก”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้ว จะส่งกลิ่นที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้ คล้ายกับสิ่งที่สุนัขตัวเมียหลั่งออกมาในฤดูผสมพันธุ์ ดังนั้นจึงสามารถดึงดูดสัตว์เพศผู้ในตระกูลสุนัขได้ โดยทั่วไปนายพรานจะใช้ล่าสุนัขจิ้งจอกเพศผู้ เพื่อนำขนที่สวยงามของมันไปขาย ในเมืองนี้ไม่มีสุนัขจิ้งจอกเพศผู้ แต่ควรจะมีสุนัขป่าเพศผู้ไม่น้อย”หลังจากฟังคำอธิบายของเยี่ยนเว่ยฉือแล้ว ชายหนุ่มทั้งสามก็ตกตะลึงอวี๋เฟยเหยียนอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก แล้วก็ลุกขึ้นยืนทันทีซ่างกวนซีมองเขา “เจ้าจะทำอะไร?”อวี๋เฟยเหยียนรีบพูด “เรื่องสนุกสนานเช่นนี้ ข้าจะพลาดได้อย่างไร!” พูดจบเขาก็จากไป!ฉินเซียงหรูถอนหายใจด้วยความเสียดาย “โอ๊ย ข้าก็อยากเห็นเหมือนกัน” น่าเสียดายที่เขาไม่มีวิทยายุทธ์ จึงไม่อาจแอบดูได้ซ่างกวนซีได้ยินดังนั้น จึงครุ่นคิดแล้วจึงพูดว่า “อยากเห็น
“หมอฉิน เจ้า...เหตุใดเจ้าจึงไม่กินแล้วเล่า?” อวี๋เฟยเหยียนมองฉินเซียงหรูด้วยความกังวล มีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจฉินเซียงหรูยิ้มแห้ง ๆ “เอ่อ ข้าอิ่มแล้ว”สีหน้าเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่อิ่มแล้ว แต่เป็นหวาดกลัว!อวี๋เฟยเหยียนรีบวางชามและตะเกียบ ซักไซ้ต่อไป “พวกเจ้าพูดมาสิ เปลือกหอยหวานคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือมองอวี๋เฟยเหยียน กะพริบตาด้วยความสงสัย “รัฐทายาทอวี๋ เหตุใดท่านจึงอยากรู้อยากเห็นเช่นนี้ หรือว่า...ท่านอยากเรียนวิชาแพทย์?”อวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า “ข้าไม่ปรารถนาจะเรียนวิชาแพทย์ แต่รู้สึกว่าเปลือกหอยหวานคงไม่ใช่สิ่งดี ไม่เช่นนั้นเหตุใดฉินเซียงหรูจึงหยุดกินกลางคัน? ศิษย์ใหญ่ ท่านก็อย่ากินเลย! อ๊ะ ไม่ใช่ ท่านกินเถอะๆ นางทำให้ท่านโดยเฉพาะ!”ซ่างกวนซีถือชาม รู้สึกอึดอัดใจหากกินต่อ ก็รู้สึกว่าสีหน้าของฉินเซียงหรูนั้นแปลกประหลาดจริงๆหากไม่กิน อวี๋เฟยเหยียนก็คะยั้นคะยอบอกว่าเยี่ยนเว่ยฉือทำให้เขาโดยเฉพาะดังนั้น ซ่างกวนซีที่ไม่เคยอยากรู้อยากเห็นอะไรก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เว่ยฉือ เปลือกหอยหวานคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “ความกระตือรือร้นใฝ่รู้ขององค์รัชทายาท ช่างน่าเลื่