ซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่อาจควบคุมตัวเองไม่ให้ขุดคุ้ยความลับในตัวนางได้แต่เขาก็ไม่อยากให้ตัวเองจมดิ่งลงไปมากเกินไปช่างสับสนยิ่งนักในขณะที่ซ่างกวนซีกำลังเหม่อลอย ก็มีร่างสองร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นที่หน้าประตูจวนผิงอี้โหว“ฝ่าบาท ท่านดูสิ! นั่นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น!” เยี่ยนเว่ยฉือเตือนซ่างกวนซีซ่างกวนซีมองตามสายตาของนาง ก็เห็นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกับพั่วจวินจริงๆเพิ่งจะยื่นหนังสือราชการไป บอกว่าจะเข้าเมืองในอีกเจ็ดวัน อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนี้?เห็นอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นพาพั่วจวินเข้าไปในจวนผิงอี้โหวซ่างกวนซีพูดว่า “พวกเราก็เข้าไปดูเถอะ”ทุกคนไม่มีข้อโต้แย้งในเวลาเดียวกัน ทหารองครักษ์ของจวนองค์ชายรองยังคงต่อสู้กับสุนัขป่าที่ดาหน้าเข้ามาไม่หยุดซ่างกวนหลีเองก็ถือกระบี่ ยืนอยู่ที่ประตู ทำท่าทางเหมือนองครักษ์ปกป้องหญิงงามอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นยืนมองซ่างกวนหลีตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วจึงยิ้ม “หน้าตาใช้ได้!”พั่วจวินไม่พูดอะไร เพียงแต่มองสุนัขป่ารอบ ๆ ด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าองค์หญิงของพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นตะโกนใส่ซ่างกวนหลี “องค์ชาย ท่านไล
ไหนเล่าเอวหนาเท่าถังน้ำกลับเป็นเอวบางร่างน้อย งามพิศชวนมองซ่างกวนหลีมองหญิงสาวตรงหน้าที่มีกลิ่นอายของชนเผ่าอื่นแล้ว อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “องค์หญิงล้อเล่นแล้ว เพียงแต่...เหตุใดพวกท่านจึงมาอยู่ที่นี่?”คณะทูตจากต่างแดน พวกเขาควรจะส่งคนออกไปต้อนรับนอกเมือง ไหนเลยจะมีเหตุผลให้พวกเขาเข้าเมืองมาเองได้ไม่ให้เกียรติกันเลยอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเอียงศีรษะยิ้ม “ฝ่าบาทอยากรู้ว่าเหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่ หรืออยากรู้ว่าหญิงงามในจวนผู้นั้นปลอดภัยดีหรือไม่?”“เอ่อ นี่...”ซ่างกวนหลีพูดไม่ออก เพราะคำพูดของอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการให้เขาเลือกระหว่างหญิงงามสองนางเห็นซ่างกวนหลีตอบไม่ได้ ซ่างกวนเจวี๋ยที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงพูดแก้ต่าง “ที่นี่วุ่นวายมาก ยังมีซากหมาป่าอีกมากมายด้วย เสด็จพี่ พวกเราไปพูดคุยกันที่อื่นดีกว่า”ซ่างกวนหลีพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ ๆ ๆ ถูกต้อง ๆ ๆ องค์หญิงเสด็จมาจากแดนไกล ข้าควรจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ เช่นนั้นก็...”“ไม่จำเป็น” อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นขัดจังหวะซ่างกวนหลี “หากฝ่าบาทอยากร่วมโต๊ะกับข้า ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมาก พวกเราไปกันเถอะ!”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นส่งสายตาที่คลุมเครือ
เยี่ยนเว่ยฉือโบกมือ เร่งฝีเท้า เดินนำหน้าคนทั้งสามซ่างกวนซีเห็นท่าทางกระโดดโลดเต้นเหมือนกระต่ายน้อยของนาง ก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างจนปัญญาฉินเซียงหรูที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตปฏิกิริยาระหว่างสามีภรรยาคู่นี้โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆเมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปาก คิดในใจว่า ‘คนหนึ่งภายนอกดูอบอุ่น ภายในเย็นชา ไม่ใคร่สนใจสิ่งใด อีกคนภายนอกดูเย็นชา ภายในอบอุ่น จิตใจจมดิ่งลงไปนานแล้ว องค์รัชทายาทผู้มีสง่าราศีท่านนี้ สุดท้ายก็คงจะสู้แม่นางเยี่ยนผู้มีอารมณ์ขันไม่ได้!’…… จวนองค์รัชทายาทหลังจากที่ทุกคนกลับถึงจวนองค์รัชทายาทแล้ว ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะปฏิกิริยาของซ่างกวนหลีเมื่อครู่ทุกคนต่างก็กำลังคิดว่า ซ่างกวนหลีผู้นั้นต้องการแต่งงานกับผู้ใดกันแน่อวี๋เฟยเหยียนเกาหัวด้วยความสับสน “ซ่างกวนหลีดูเจ้าซู้ พวกเจ้าว่า เขาต้องการแต่งงานกับผู้ใด?”ฉินเซียงหรูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วยิ้ม ไม่พูดอะไรซ่างกวนซีเอามือเคาะพนักวางแขนของเก้าอี้เบาๆ ไม่ได้ตอบกลับเช่นกันมีเพียงเยี่ยนเว่ยฉือที่ขมวดคิ้ว ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดถึงคำถามของอวี๋เฟยเหยียนอย่างจริงจังอวี๋เฟยเหยียนรอคำตอบอยู่นานก
เยี่ยนเว่ยฉือวางจานในมือลง แล้วจึงหยิบขนมตรงหน้าอวี๋เฟยเหยียนกับฉินเซียงหรูขึ้นมาทีละชิ้นด้วยมือซ้ายและขวา จากนั้นก็สลับตำแหน่ง “ง่ายมาก ซ่างกวนหลีอยากทำเช่นไร เราก็ทำตรงกันข้าม!”ฉินเซียงหรูพูดต่อ “เจ้าหมายความว่า ให้ซ่างกวนหลีแต่งงานกับอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น ให้ซ่างกวนเจวี๋ยแต่งงานกับเยี่ยนชิงชู?”แปะ!เยี่ยนเว่ยฉือดีดนิ้ว “ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น หากซ่างกวนเจวี๋ยแต่งงานกับเยี่ยนชิงชู ก็จะได้รับการสนับสนุนจากจวนผิงอี้โหวและจวนอ๋องจ่างซิ่น ในราชสำนัก เขาก็จะมีอำนาจต่อกรกับซ่างกวนหลีได้ ซ่างกวนเจวี๋ยผู้นี้ ตอนที่ไม่มีอำนาจก็ยังคงสงบเสงี่ยม หากมีอำนาจขึ้นมาคงจะไม่อยู่นิ่งเฉยเป็นแน่! ฝ่าบาท ท่านว่ามีเรื่องใดที่น่ายินดีไปกว่าการนั่งดูพวกเขาแว้งกัดกันเองเล่า?”เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีด้วยรอยยิ้มซ่างกวนซีเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยปากชม เพียงแต่พูดว่า “ตามใจเจ้า!”อวี๋เฟยเหยียนมองด้วยความอิจฉา คิดในใจว่า “มีพี่สะใภ้อยู่ ต่อไปหากศิษย์พี่จะจัดการกับซ่างกวนหลีก็ไม่จำเป็นต้องลงมือเองแล้ว”ฉินเซียงหรูมองด้วยสายตาเหมือนกำลังดูละคร ตะโกนในใจว่า “คนฉลาดใช้สมอง คนโง่ใช้กำลัง ใครเล่าจะเฉลียวฉลาดกว่
“มรดกตกทอดของสำนัก? หมายความว่าสำคัญเทียบเท่าตราหยกของท่านเลยหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ พลางมองซ่างกวนซีซ่างกวนซีถอนหายใจเบา ๆ พลางส่ายหน้า “อย่าพูดเช่นนั้น ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปากเล็กน้อย นึกว่าซ่างกวนซีบางครั้งก็ระมัดระวังตัวเกินไปในห้องนี้มีเพียงพวกเขาสองคน จะพูดอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมองกำไลงามบนข้อมือ แล้วเอ่ยขึ้น “ในเมื่อเป็นมรดกตกทอดของสำนักท่าน เหตุใดจึงมอบให้ข้า? หรือท่านจะรับข้าเป็นศิษย์?”ซ่างกวนซีถึงกับหมดคำพูดกับความคิดของเยี่ยนเว่ยฉือเขาใช้มือแตะหน้าผากนางเบา ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “สิ่งนี้เมื่อนำติดตัวไว้ ฤดูร้อนก็ช่วยป้องกันแมลง ฤดูหนาวก็ช่วยให้รู้สึกอบอุ่น หากเจ้าไม่สบาย สีของมันก็จะเข้มขึ้น เป็นการเตือนเจ้าให้พักผ่อน เราเป็นสามีภรรยากัน เจ้าพกติดตัวไว้ก็เหมือนกับมีข้าอยู่ใกล้ตัวไม่ห่าง ไม่ต่างกัน”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตาโพลง มองซ่างกวนซีด้วยความประหลาดใจน้ำเสียงของเขาสงบเยือกเย็น แต่เหตุใดจึงฟังดูอบอุ่นเช่นนี้?‘เราเป็นสามีภรรยากัน’ นี่เขากำลังสารภาพรักอยู่หรือ?ซ่างกวนซีเห็นเยี่ยนเว่ยฉือมองเขาตาค้
ประตูเมืองฝั่งเหนือตามธรรมเนียมแล้ว คณะทูตจากต่างแดนต้องมีผู้ที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งเป็นผู้ออกไปต้อนรับ นำทหารหกสิบหกนายไปรอรับนอกเมืองถนนสายหลักในเมืองต้องสะอาดตา ราษฎรล้วนหลีกทางให้เนื่องจากวันนี้มีองค์หญิงจากเป่ยอิ้นเสด็จมา นางเป็นสตรีดังนั้นจึงต้องมีสตรีผู้สูงศักดิ์ไปต้อนรับด้วยฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้องค์รัชทายาทซ่างกวนซีเป็นผู้ไปต้อนรับ ดังนั้นสตรีที่ไปด้วยย่อมต้องเป็นพระชายาของซ่างกวนซี เยี่ยนเว่ยฉือหลังจากที่ทั้งสองแต่งกายเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงประตูเมืองก่อนสิ่งที่ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือประหลาดใจคือ หลังจากที่ทั้งสองยืนรอ ก็เห็นม้าหลายตัววิ่งมาจากที่ไกลๆทุกคนมองตามเสียงไป ก็พบว่าเป็นองค์ชายรองซ่างกวนหลีพร้อมด้วยองค์ชายสี่ซ่างกวนเจวี๋ย และทหารองครักษ์ของพวกเขาอวี๋เฟยเหยียนถามอย่างสงสัย “ศิษย์พี่ เหตุใดพวกเขาจึงมาด้วยเล่า?”เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเยาะก่อนที่ซ่างกวนซีจะตอบ “ก็มาหาหญิงงามอย่างไรเล่า ซ่างกวนหลีผู้นี้ช่างโลภมาก อยากได้ทั้งของในหม้อและในชาม”ซ่างกวนซีมองศิษย์น้องทั้งสองคนของเขา ครุ่นคิดแล้วจึงส่ายหน้า “ไม่ง่ายดายเพียงนั้นหรอก”“หืม? แล้วฝ่าบาทคิดว่าเป็นเช่นไร?”
ซ่างกวนหลีตระหนักดีว่า ในอดีตสมัยที่อันกั๋วกงและอ๋องจ่างซิ่นต่างปรารถนาจะยกน้องสาวของตนให้อภิเษกสมรสกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันน้องสาวของอันกั๋วกงเชื่อฟังคำสั่งของพี่ชาย จึงได้ขึ้นมาเป็นฮองเฮาในปัจจุบัน ซึ่งก็คือพระมารดาของซ่างกวนหลีทว่าน้องสาวของอ๋องจ่างซิ่นชื่อท่านหญิงหมิงหยาง กลับร้องไห้โวยวายจะผูกคอตาย หากไม่ได้แต่งงานกับเยี่ยนหานซานเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ซ่างกวนหลีก็ยิ้มแย้มด้วยความรู้สึกขอบคุณท่านหญิงหมิงหยางที่โปรดปรานบุรุษรูปงามมากกว่า ไม่เช่นนั้น หากท่านหญิงหมิงหยางมีโอรสขึ้นมา อ๋องจ่างซิ่นคงไม่ช่วยเหลือเขาเป็นแน่เมื่อคิดได้ดังนี้ ซ่างกวนหลีก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกว่าตนนั้นโชคดีนักขณะที่องค์ชายทั้งสองกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้น องค์ชายสามแห่งแคว้นเป่ยอิ้น อวี้ฉืออวิ๋นจ้าว และองค์หญิงห้าแห่งแคว้นเป่ยอิ้น อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นก็มาถึงแล้วทั้งสองไม่ได้นั่งรถม้า แต่ขี่ม้ามาอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวลงจากหลังม้า เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าซ่างกวนซี แล้วกล่าวว่า "ข้า อวี้ฉืออวิ๋นจ้าว องค์ชายสามแห่งแคว้นเป่ยอิ้น คารวะองค์รัชทายาทแห่งแคว้นต้าหลี่"ซ่างกวนซีตอบอย่างสุภาพ "องค์ชายสามไม่ต้องม
อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นถาม "พระชายาองค์รัชทายาทตรัสเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรกันแน่?"เยี่ยนเว่ยฉือยังคงยิ้มแย้ม "องค์หญิงคงจะไม่ทราบ คนเรากินข้าวเป็นอาหาร ย่อมต้องมีบ้างที่เจ็บป่วย คำโบราณกล่าวไว้ว่า 'โรคเล็กน้อยไม่ขาด โรคร้ายแรงไม่เกิด' คนเราย่อมมีโรคภัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่รักษาไม่หาย ต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต เช่น โรคเท้า โรคผมร่วง หรือโรคน้ำตาไหลเมื่อโดนลม โรคเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการดำรงชีวิตหรืออายุขัย"อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นมองเยี่ยนเว่ยฉือแล้วยิ้มเย็น "ตามที่เจ้าว่า พิษในกายขององค์รัชทายาทจะรักษาหรือไม่รักษา ก็ไม่เป็นปัญหางั้นสิ? เช่นนั้น ยาถอนพิษชั้นดีที่ข้านำมาก็ไร้ประโยชน์น่ะหรือ?"เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม "องค์หญิงตรัสเช่นนี้ได้อย่างไร ยาดี ๆ ย่อมมีประโยชน์ หากองค์รัชทายาทไม่ได้ใช้ ก็มอบให้ผู้อื่นที่ต้องการได้ แคว้นต้าหลี่ของเรากว้างใหญ่ไพศาล ประชากรมากมาย ย่อมมีผู้ที่ต้องการรับความหวังดีจากฝ่าบาทแคว้นท่าน ส่วนความหวังดีนี้ จวนรัชทายาทของพวกเราขอรับไว้เพียงในใจ ไม่อาจแย่งชิงยารักษาโรคของผู้อื่นเพื่อสนองความต้องการของตนเอง องค์หญิงคิดเช่นนั้นหรือไม่?"อวี้ฉืออว
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ
“ใครกันทำตัวเหลวไหลเช่นนี้?!” ซ่างกวนซีมองไปที่ประตูอย่างประหลาดใจผลปรากฏว่าเห็นเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำ เดินเข้ามาด้วยฝีเท้ามั่นคงซ่างกวนซีลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหานางด้วยความสงสัย “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ากล้ามาก! ถึงกับกล้า…”“ใช่! ข้ากล้ามาก แล้วทำไม?” เยี่ยนเว่ยฉือตาปรือ แต่คำพูดกลับแข็งกร้าวสิ่งนี้ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อยเห็นเพียงเยี่ยนเว่ยฉือเดินโซเซมาหาเขา พูดเสียงดังว่า “มีคำกล่าวว่าสอนลูกต่อหน้าคนอื่น ตักเตือนภรรยาลับหลัง… อ่า ไม่ใช่ ตักเตือนสามีลับหลัง วันนี้ข้าจะสอนท่านถึงหลักการใช้ชีวิตเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปหาซ่างกวนซีอย่างฮึกเหิม แต่ก้าวพลาด เท้าซ้ายสะดุดเท้าขวา ทำให้ทั้งร่างโถมเข้าไปหาซ่างกวนซีเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีก็เบิกตากว้าง สัญชาตญาณทำให้เขายื่นมือออกไปรับแต่เนื่องจากแรงเฉื่อยของเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไป ทำให้เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวโชคดีที่ข้างหลังเป็นเก้าอี้ ซ่างกวนซีนั่งลงไปอย่างแรง ใช้มือยันโต๊ะไว้ได้ ทำให้ไม่ล้มลงไปในขณะเดียวกัน เยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองนาง ถามว่า “เจ้าดื่มสุรามารึ?”บนร่างกายของนางเจือก
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าใจกว้าง จะไม่ถือสา! ไม่ต้องขอโทษข้าแล้ว! ฮึ่ม!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดปลอบใจตัวเอง หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ เตรียมจะดื่มน้ำดับกระหายแต่พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ากาน้ำชาว่างเปล่า ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นทันที“ไคจือ ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือตะโกนพอดีกับที่ไคจือถือกาน้ำชาเข้ามา ยิ้มตอบว่า “พระชายากระหายน้ำหรือเพคะ? มีชาดอกสายน้ำผึ้งที่ต้มใหม่ ๆ ช่วยดับกระหายได้ พระชายาจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”ไคจือรีบรินชาให้เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งแก้วกลิ่นชาหอมอบอวล ทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว“เอ๊ะ หอมจัง ในนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ดอกสายน้ำผึ้งนะ?”ไคจือตอบว่า “ได้ยินจากจางมามาว่าเป็นชาดอกไม้ที่ท่านหมอฉินต้ม อาจจะใส่สมุนไพรอื่นด้วยกระมังเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือยกขึ้นมาดมที่จมูก รู้สึกเพียงแต่กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้หลงใหลเล็กน้อยนางยิ้ม “ของของฉินเซียงหรูต้องเป็นของดีแน่ ๆ”พูดจบ นางก็ดื่มชาจนหมดจอกตอนแรกที่ดื่มเข้าไปจะขมปร่า ตอนที่กลืนลงคอจะหวาน หลังจากขมแล้วรสหวานจะตีตื้นขึ้น หอมละมุนติดปาก“เป็นชาที่ดีจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือพอใจกับรสชาตินี้มากที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยเหตุใด หลังจากดื่มชาแก้ว