หลิวเฉาหยิบป้ายอาญาสิทธิ์ของกรมโยธาออกมาทันทีและพูดอย่างหยิ่งยโส “กรมโยธากำลังออกปฏิบัติงาน เจ้ากล้าแย่งวัสดุของทางราชสำนักรึ?”“หา? เอ่อ...คือ...ข้าน้อยไม่กล้าขอรับ” อวี๋เฟยเหยียนแสร้งทำเป็นกลัวและจากไปอย่างรวดเร็วจากนั้นหลิวเฉาก็หยิบตั๋วเงินมูลค่าสามร้อยตำลึงออกมายื่นให้เยี่ยนเว่ยฉือด้วยเพราะกลัวว่าข้อเสนอนี้จะหายไปโดยไม่ทันตั้งตัวจากนั้นหลิวเฉาก็หยิบกระดาษอีกแผ่นออกมาแล้วพูดต่อ “เจ้านำสินค้าไปส่งตามที่อยู่นี้ จำไว้ว่าห้ามปากมาก แค่ส่งสินค้าให้เสร็จ ห้ามพูดถึงจำนวนเงินด้วย และไม่จำเป็นต้องมีใบส่งมอบสินค้า หากได้รับสินค้าแล้วข้าจะนับอย่างละเอียดด้วยตนเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจ หลิวเฉาคงกังวลว่าราคาต่อหน่วยในรายการจะเผยให้เห็นการทุจริตของเขาเยี่ยนเว่ยฉือรีบกล่าวขอบคุณ “เจ้าค่ะ ๆ ๆ ขอขอบคุณท่านขุนนาง ขอบคุณท่านขุนนางจริง ๆ ขอให้ท่านประสบแต่ความสุขที่ได้ช่วยเหลือหญิงชาวนาตาดำ ๆ ในครั้งนี้ วันนี้ข้าน้อยขอตัวไปซื้อยาให้สามีก่อน วันพรุ่งนี้จะไปส่งสินค้าให้ ได้ไหมเจ้าคะ?”แค่วันเดียวไม่ต่างกันนักหรอก หลิวเฉาจึงพยักหน้าและพูดว่า “ไม่มีปัญหา แต่เพื่อความปลอดภัย ข้าจะส่งคนสองคนไปดูที่ล
หลังจากที่ทั้งสองกลับมา พวกเขาก็ไปพบซ่างกวนซีทันทีเพื่ออธิบายสถานการณ์ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหลังจากได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวว่า “นักฆ่าจากเป่ยอินได้เข้ามาในเมืองแล้ว แต่สายสืบในเมืองหลวงกลับไม่ได้รับข่าวใดใด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะซ่อนตัวได้ดีมาก”อวี๋เฟยเหยียนถามอย่างเป็นกังวล “ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเขาบุกมาที่นี่เพื่ออะไรหรือ? หรือว่าจะมาลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท”ซ่างกวนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่หรอก ข้าคิดว่าพวกเขามาที่นี่เพียงเพราะฮวาอวี๋ ไม่รู้ว่าฮวาอวี๋ขโมยอะไรไป พวกเขาถึงได้ไล่ตามอย่างสุดหล้าฟ้าเขียวเช่นนี้ ยอมแม้กระทั่งเข้าถ้ำเสือ”สำหรับชาวเป่ยอิน เมืองหลวงของแคว้นต้าหลีนั้นถือว่าเป็นถ้ำเสือความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างเป่ยอินและแคว้นหลีไม่ค่อยดีมาตลอดที่พวกเขาไม่ได้ทำสงครามกัน เพียงเพราะแค่ไม่รู้ความแข็งแกร่งของกันและกันแต่ทุกคนตั้งแต่ราชสำนักไปจนถึงราษฎรทั่วไปต่างก็รู้ดีว่าสงครามครั้งนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และพวกเขาก็รอเพียงโอกาสเท่านั้นซ่างกวนซีเคาะนิ้วเบา ๆ บนโต๊ะ ซึ่งเป็นท่าทางที่เขาทำประจำเวลาใช้ความคิดหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดว่า “แจ
“ศิษย์พี่ใหญ่ เทียนซูตามพวกเขาไปแล้ว พบว่าพวกเขาเข้าพักในโรงแรมตามปกติ แล้วก็ถามหาชายที่สวมเสื้อสีม่วง รูปร่างหน้าตาดี คงจะเป็นฮวาอวี๋ นอกนั้นก็มิได้ทำอะไร และมิได้ติดต่อกับขุนนางของเรา แต่ชายที่สวมหน้ากากระมัดระวังมาก คาดว่าเป็นยอดฝีมือ ดังนั้นเทียนซูจึงไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป”ซ่างกวนซีพยักหน้า “ไม่เป็นไร เพียงเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ก็พอ ชาวเป่ยอินมีสถานะที่ละเอียดอ่อน เราไม่ควรไปข้องเกี่ยวกับพวกเขา แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้พวกเขาทำอะไรตามอำเภอใจ”อวี๋เฟยเหยียนเข้าใจความหมายของซ่างกวนซี นั่นคือ หากมือสังหารชาวเป่ยอินมาเพราะฮวาอวี๋ พวกเขาก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่หากพวกเขามาเพราะแคว้นต้าหลี่ ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งอวี๋เฟยเหยียนกล่าวต่อ “ศิษย์พี่ใหญ่โปรดวางใจ ข้าเข้าใจแล้ว ได้แจ้งให้ที่ว่าการเมืองทราบแล้ว เชื่อว่าเจียงโม่ หัวหน้าหน่วยตรวจสอบจะไปหาพวกเขาในไม่ช้า”ซ่างกวนซีพยักหน้าเล็กน้อย แล้วถามต่อ “ทางเยี่ยนเว่ยฉือ จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “จัดการเรียบร้อยแล้ว ไม้แปรรูปหนึ่งพันท่อน ทั้งหมดถูกส่งไปยังจวนองค์ชายรอง ประมาณครึ่งเดือนก็จะซ่อมแซมเสร็จ”“เยี่ยนเว่ยฉือมีการเค
เยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้ว “จวนองค์รัชทายาทเงียบสงบเกินไป น่าเบื่อนัก ข้าจึงจะไป… จับสัตว์เล็ก ๆ กลับมาเลี้ยง”“หืม? สัตว์เล็ก?” อวี๋เฟยเหยียนแสดงสีหน้าไม่เข้าใจเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ใช่แล้ว ป่าสนย่อมมีกระรอกน้อยใช่หรือไม่เล่า ฮิฮิ!”ริมฝีปากของอวี๋เฟยเหยียนขยับ แต่ก็มิได้พูดอะไร แต่ในใจกลับอดบ่นไม่ได้“ข้า องค์ชายเซียวเหยาผู้สง่างาม กลับต้องไปจับกระรอกกับเจ้า? หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป จะเอาหน้าตาของจวนอ๋องเซียวเหยาไปไว้ที่ไหน? ท่านพ่อคงหักขาข้าแน่!”เยี่ยนเว่ยฉือเห็นสีหน้าไม่เต็มใจของอวี๋เฟยเหยียนก็มิได้อธิบายอะไร เพียงแต่ยิ้มแล้วเอนตัวพิงรถม้า หลับตาลงโชคดีที่ป่าสนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงหลังจากออกจากประตูเมืองตะวันตก เดินไปอีกเพียงหนึ่งก้านธูปก็มาถึงชายป่าสนแล้วจากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็พาอวี๋เฟยเหยียนลงจากรถม้า เดินตรงเข้าไปในป่าวันนี้เยี่ยนเว่ยฉือสะพายกระเป๋าย่ามใบเล็กมาด้วยอวี๋เฟยเหยียนเห็นว่านางหยิบขนมที่เหลือจากตอนเช้าออกมาอวี๋เฟยเหยียนอดที่จะกระตุกมุมปากไม่ได้ ถามว่า “นี่… พี่สะใภ้ เจ้าออกมาข้างนอกยังพกขนมมาด้วยหรือ? คิดจะเที่ยวเล่นในป่าทั้ง
ซ่างกวนหลีส่ายหน้าเบา ๆ รู้สึกว่าเรื่องราวไม่เรียบง่ายเช่นนั้น จึงตัดสินใจสืบหาข่าวสาร…… ค่ำคืนนั้น เวลาเที่ยงคืน ณ จวนองค์รัชทายาทนอกห้องบ่าวรับใช้มีเสียงแมวร้องและเสียงนกหวีดดังขึ้น ปลุกให้ซูเค่อและฝูฉวีตื่นขึ้นทั้งสองรู้ว่าเป็นคนขององค์ชายรองที่มาขอรับข่าวสารฝูฉวีพูดด้วยความไม่สบอารมณ์ “ช่วงนี้สงบสุขดี นอกจากหว่านชิงแล้ว องค์ชายรัชทายาทก็ไม่ได้ให้ใครเข้าไปในห้องตำราอีก จะมีข่าวสารอะไรส่งให้องค์ชายรองเล่า โอ๊ย!”ซูเค่อแต่งตัวพลางปลอบประโลม “เจ้าพักผ่อนเถิด ข้าไปดูเอง”สักครู่ซูเค่อก็แต่งตัวเสร็จ เดินไปที่ประตูหลังห้องน้ำมีเสียงถามจากนอกประตู “องค์ชายทรงอยากทราบว่า เพราะเหตุใดพระชายาจึงไปยังป่าสนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือบ่อยครั้ง”ซูเค่อคิดครู่หนึ่ง แล้วตอบ “ข้าไม่ทราบ”“ไม่ทราบ? ซูเค่อ เจ้าคงไม่ได้หลงลืมกำพืดของตนเองหรอกกระมัง?” บุคคลผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจซูเค่อขมวดคิ้ว “ข้าไม่ทราบจริง ๆ นับตั้งแต่หว่านชิงและชวนหงประสบเหตุ องค์ชายรัชทายาทและพระชายาก็ระมัดระวังพวกเรามากขึ้น ข้า… ข้าจะพยายามสืบหาข่าวสารเพิ่ม”“ฮึ่ม ให้เวลาเจ้าสามวัน หากสืบหาไม่ได้ เจ้าก็ไปอธิบาย
อวี๋เฟยเหยียนคุกเข่าลงพลางบ่นพึมพำ “มดก็หน้าตาเหมือนกันหมด”เมื่อเขาเห็นชัด ๆ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “โอ้ มดที่นี่เหตุใดถึงเป็นสีขาว?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “นี่เรียกว่าปลวก ท่านอย่าดูถูกมันเชียว ฝูงปลวกสามารถทำลายบ้านหลังหนึ่งได้ภายในเจ็ดถึงแปดวัน”พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่ต้นสนใหญ่ตรงหน้า กล่าวว่า “เห็นต้นไม้นี้หรือไม่ ดูภายนอกแล้วเหมือนจะธรรมดา แต่ข้างในคงถูกปลวกกินจนกลวงแล้ว”อวี๋เฟยเหยียนมองลำต้นที่แข็งแรง ไม่ได้สงสัยคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือ เพราะต้นสนรอบ ๆ มีขนาดใกล้เคียงกัน แต่มีเพียงต้นนี้ที่ยอดเล็ก ใบไม้บาง ดูเหมือนจะยืนต้นตายในไม่ช้าอวี๋เฟยเหยียนคิดถึงเรื่องราวที่พวกเขาทำในช่วงนี้ฉับพลันก็นึกขึ้นได้ กล่าวว่า “ข้ารู้แล้ว เจ้าจะนำปลวกเหล่านี้ไปยังจวนองค์ชายรอง ให้พวกมันทำลายเรือนไม้ที่สร้างเสร็จแล้วใช่หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “ถูกต้อง มีคำกล่าวว่า กำแพงพันลี้พังเพราะรูหนู คราวนี้เขาคงไม่ไปหาเรื่องคนอื่นอีก ไม่อย่างนั้นก็จับปลวกเหล่านี้ไปลงโทษซะ!”อวี๋เฟยเหยียนตาเป็นประกาย “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าใช้น้ำตาลแช่ไม้แปรรูป ปลวกชอบของหวานเป็นที่สุด! ข้าจะช่วยเจ้าขุดเอง”เยี่ยน
บรรดานางกำนัลใกล้ชิดที่ฮองเฮาทรงคัดเลือกมาล้วนมิใช่บุคคลธรรมดาหว่านชิงงามสง่า ชวนหงงดงามเย้ายวน ฝูฉวีงดงามบริสุทธิ์ ส่วนซูเค่อฉลาดหลักแหลมเมื่อซูเค่อเห็นปลวก พลันนึกถึงน้ำตาลจำนวนมากที่จวนนี้ใช้ไป รวมถึงเรื่องการซ่อมแซมจวนองค์ชายรองนางเข้าใจทันทีว่าเยี่ยนเว่ยฉือวุ่นวายอยู่ครึ่งเดือนเพื่อสิ่งใดซูเค่อสูดหายใจเข้าลึก ๆมิใช่เพียงแต่ประหลาดใจกับวิธีการของเยี่ยนเว่ยฉือ แต่ยังประหลาดใจกับความอดทนของนางอีกด้วยต้องรู้ก่อนว่า ปลวกมิใช่อสรพิษหรือเสือร้าย ไม่อาจกลืนกินบ้านเรือนได้อย่างรวดเร็วและให้เห็นผลลัพธ์ทันทีทันใดนี่เป็นแผนการระยะยาวหากแผนการนี้สำเร็จ ตัวเรือนถล่มลงมา องค์ชายรองสิ้นชีพ นั่นก็ถือว่าจบสิ้นที่สำคัญ วิธีการนี้ช่างแยบยลยิ่งนัก ถึงแม้ว่ากรมอาญา ศาลต้าหลี่ และหน่วยงานลับจะร่วมมือกันสืบสวน ก็คงหาเบาะแสใด ๆ ไม่ได้องค์ชายรองคงได้แต่กลืนเลือดลงคอซูเค่อครุ่นคิดในใจ “พระชายาหาได้เป็นเพียงสตรีเหลาะแหละเช่นที่ตาเห็น ไม่น่าแปลกใจที่องค์ชายรัชทายาททรงโปรดปรานนางเป็นพิเศษ”ซูเค่อเดินเข้าไป ใช้เท้าเหยียบปลวกที่กระจัดกระจายอยู่ แล้วฝังมันไว้ใต้ก้อนอิฐ จากนั้นก็ไม่สนใจอีก
เยี่ยนเว่ยฉือนอนหลับสบายหายห่วงนางมีนิสัยชอบนอนกอดสิ่งของ บนเตียงเล็ก มีที่ว่างเพียงพอสำหรับนางคนเดียว จะมีที่ว่างให้นางวางหมอนได้อย่างไร?แต่บนเตียงต่างออกไป ขณะที่นางหลับ ๆ ตื่น ๆ จึงสามารถกอดซ่างกวนซีได้อย่างอิสระนางสัมผัสซ่างกวนซีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนซ่างกวนซีอยากร้องไห้ อยากจะห้ามปรามก็ห้ามไม่ได้แต่เรื่องเหล่านี้ นางกลับจำไม่ได้เลยมีเพียงซ่างกวนซีเท่านั้นที่รู้ว่าการนอนร่วมเตียงกับนางเป็นอย่างไร ทั้งเจ็บปวดและมีความสุขปะปนกัน…… วันที่สิบห้าเดือนสี่นับตั้งแต่เยี่ยนเว่ยฉือปล่อยปลวกไป ผ่านไปยี่สิบวันแล้ว นับตั้งแต่การซ่อมแซมจวนองค์ชายรองเสร็จสิ้น ก็ผ่านไปนานกว่าครึ่งเดือนช่วงเวลานี้ อวี๋เฟยเหยียนไปเลียบ ๆ เคียง ๆ บริเวณวังองค์ชายรองทุกวัน แต่ก็ไม่เห็นว่าบ้านเรือนจะถล่มลงมาวันนี้ อวี๋เฟยเหยียนกินข้าวไปพลางถอนหายใจไปพลาง “เฮ้อ พี่สะใภ้ วิธีการของเจ้าจะได้ผลจริงหรือไม่? เหตุใดถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเล่า”เยี่ยนเว่ยฉือกินข้าวไปพลางหัวเราะไปพลาง “หืม? ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือ? ไม่น่าเป็นเช่นนั้นนะ”อวี๋เฟยเหยียนบ่น “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ไม่เชื่อเจ้าลองถามศิษย์พี่ใ
เมื่อเห็นหานอวี่เฟยและคณะเดินจากไปไกลแล้วฉินเซียงหรูก็รีบเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ จับข้อมือของนางแล้วรีบเดินไปยังลานด้านหลังเมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะหมอฉินเป็นชายนอกจวน การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเกินไปอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เอ้า ๆ พอ ๆ ทุกคนจะทำอะไรก็ทำไป เก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อย!”จากนั้นก็รีบตามฉินเซียงหรูและเยี่ยนเว่ยฉือไปเมื่อเขามาถึงลานของฉินเซียงหรู ก็เห็นฉินเซียงหรูเอามือของเยี่ยนเว่ยฉือจุ่มลงในถังน้ำข้างบ่อน้ำพอดีฉินเซียงหรูมองไปที่อวี๋เฟยเหยียน พูดอย่างร้อนรน “รัฐทายาทอวี๋ ไปเอาน้ำแข็งมา! เร็ว!”“หา? อะไรนะ?” อวี๋เฟยเหยียนงงเล็กน้อยฉินเซียงหรูพูดอย่างร้อนใจ “น้ำแข็ง น้ำแข็งไง! ในจวนองค์รัชทายาทไม่มีห้องเก็บน้ำแข็งหรือ!”อวี๋เฟยเหยียนได้สติ รีบพูดว่า “ไม่ ไม่ได้ จวนรัชทายาทในกาลก่อนถูกทิ้งร้าง ห้องเก็บน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำแข็ง ข้าออกไปหาเอง!”อวี๋เฟยเหยียนกระโดดขึ้นไป รีบมุ่งหน้าไปยังหอหงซิ่วส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเจ็บปวดและคันมาก เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกา แต่ถูกฉินเซียงหรูจ
เมื่อพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดึงมือเยี่ยนชิงซู เดินเข้าไปในลานเรือนเยี่ยนชิงซูถูกเยี่ยนเว่ยฉีบบีบจนเจ็บปวด มองไปที่หานอวี่เฟยด้วยความกังวล“พี่หญิงอวี่เฟย พี่หญิงอวี่เฟย!”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ร้องอะไรกัน แค่ล้างมือเอง ใครก็ได้ เอาน้ำไปให้พวกนาง”คนของอ๋องจ่างซิ่นนำน้ำเถาเหลยกงมาให้ทั้งสองคนเยี่ยนเว่ยฉือกำมือเยี่ยนชิงซูแน่น ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “เยี่ยนชิงซู นึกว่าข้าแต่งออกจากจวนผิงอี้โหวแล้ว เรื่องของเราจะจบลงอย่างนั้นหรือ? ข้าแค่ไม่มีเวลาสนใจพวกเจ้าเท่านั้น เยี่ยนหานซานลดฮูหยินเป็นอนุ ท่านหญิงหมิงหยางแย่งชิงตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตที่ดูถูกเหยียดหยามข้า ยังกล้าหมายปองสามีของข้าอีก เรื่องพวกนี้ข้าจำไว้ทั้งหมด ข้าไม่ไปหาเจ้า เพราะข้าไม่มีเวลา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเอง ดูเหมือนเจ้ารีบมาตายเสียแล้ว วันนี้ข้าจะสนองเจ้า!”“เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เยี่ยนชิงซูมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างกังวลเยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงมือนางลงไปในน้ำเถาเหลยกงด้วยกันหลังจากเสียงน้ำกระเซ็น ทุกคนก็มองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันอย่างตื่นเต้นอวี๋เฟยเหยียนกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ