เยี่ยนเว่ยฉือพักอยู่ที่จวนเป็นเวลาห้าวันแผงลอยของอวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนชูก็ถูกตั้งเป็นเวลาห้าวันเช่นกันแต่หลายวันมานี้ไม่เห็นคนของกรมโยธามาซื้อไม้เลยตอนแรกก็คิดว่าแผนรอเหยื่อติดกับนี้คงไม่ได้ผล แต่ในวันที่หก ในที่สุดอวี๋เฟยเหยียนก็ได้พบกับหลิวเฉาผู้จัดการงานแห่งกรมโยธาตรงบริเวณใกล้ ๆ กับตลาดอวี๋เฟยเหยียนรีบกลับไปรายงานข่าวบังเอิญว่าทั้งเยี่ยนเว่ยฉือและเย่เทียนซูต่างก็อยู่ที่นี่ในวันนี้เยี่ยนเว่ยฉือมองไปที่อวี๋เฟยเหยียนแล้วพูดว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านจำทุกสิ่งที่ข้าสอนได้หรือไม่?”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล จะไม่มีอะไรผิดพลาด!”เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองเย่เทียนซูอีกครั้ง และเย่เทียนซูก็รีบล้มตัวลงนอนข้างหลังนางอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะทำท่า ‘แกล้งตาย’ อย่างเชี่ยวชาญที่สุดพร้อมทุกอย่าง ขาดแค่ปลาตัวใหญ่ไม่นานปลาตัวใหญ่ก็ว่ายเข้าไปในตลาดพร้อมเหล่าปลาตัวน้อย ๆ หลิวเฉามองไปที่คนรับใช้ที่อยู่ข้างหลังแล้วพูดว่า “พวกเจ้าลองไปถามดูว่าไม้สนของใครราคาถูกที่สุด”ทุกคนพยักหน้าและแยกย้ายกันไปส่วนอวี๋เฟยเหยียนที่แต่งตัวเป็นชายวัยกลางคนก็เริ่มแสดงในส่วนของเขา“เฮ้ อาซ้อ ท่านบอ
หลิวเฉาหยิบป้ายอาญาสิทธิ์ของกรมโยธาออกมาทันทีและพูดอย่างหยิ่งยโส “กรมโยธากำลังออกปฏิบัติงาน เจ้ากล้าแย่งวัสดุของทางราชสำนักรึ?”“หา? เอ่อ...คือ...ข้าน้อยไม่กล้าขอรับ” อวี๋เฟยเหยียนแสร้งทำเป็นกลัวและจากไปอย่างรวดเร็วจากนั้นหลิวเฉาก็หยิบตั๋วเงินมูลค่าสามร้อยตำลึงออกมายื่นให้เยี่ยนเว่ยฉือด้วยเพราะกลัวว่าข้อเสนอนี้จะหายไปโดยไม่ทันตั้งตัวจากนั้นหลิวเฉาก็หยิบกระดาษอีกแผ่นออกมาแล้วพูดต่อ “เจ้านำสินค้าไปส่งตามที่อยู่นี้ จำไว้ว่าห้ามปากมาก แค่ส่งสินค้าให้เสร็จ ห้ามพูดถึงจำนวนเงินด้วย และไม่จำเป็นต้องมีใบส่งมอบสินค้า หากได้รับสินค้าแล้วข้าจะนับอย่างละเอียดด้วยตนเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจ หลิวเฉาคงกังวลว่าราคาต่อหน่วยในรายการจะเผยให้เห็นการทุจริตของเขาเยี่ยนเว่ยฉือรีบกล่าวขอบคุณ “เจ้าค่ะ ๆ ๆ ขอขอบคุณท่านขุนนาง ขอบคุณท่านขุนนางจริง ๆ ขอให้ท่านประสบแต่ความสุขที่ได้ช่วยเหลือหญิงชาวนาตาดำ ๆ ในครั้งนี้ วันนี้ข้าน้อยขอตัวไปซื้อยาให้สามีก่อน วันพรุ่งนี้จะไปส่งสินค้าให้ ได้ไหมเจ้าคะ?”แค่วันเดียวไม่ต่างกันนักหรอก หลิวเฉาจึงพยักหน้าและพูดว่า “ไม่มีปัญหา แต่เพื่อความปลอดภัย ข้าจะส่งคนสองคนไปดูที่ล
หลังจากที่ทั้งสองกลับมา พวกเขาก็ไปพบซ่างกวนซีทันทีเพื่ออธิบายสถานการณ์ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหลังจากได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวว่า “นักฆ่าจากเป่ยอินได้เข้ามาในเมืองแล้ว แต่สายสืบในเมืองหลวงกลับไม่ได้รับข่าวใดใด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะซ่อนตัวได้ดีมาก”อวี๋เฟยเหยียนถามอย่างเป็นกังวล “ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเขาบุกมาที่นี่เพื่ออะไรหรือ? หรือว่าจะมาลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท”ซ่างกวนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่หรอก ข้าคิดว่าพวกเขามาที่นี่เพียงเพราะฮวาอวี๋ ไม่รู้ว่าฮวาอวี๋ขโมยอะไรไป พวกเขาถึงได้ไล่ตามอย่างสุดหล้าฟ้าเขียวเช่นนี้ ยอมแม้กระทั่งเข้าถ้ำเสือ”สำหรับชาวเป่ยอิน เมืองหลวงของแคว้นต้าหลีนั้นถือว่าเป็นถ้ำเสือความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างเป่ยอินและแคว้นหลีไม่ค่อยดีมาตลอดที่พวกเขาไม่ได้ทำสงครามกัน เพียงเพราะแค่ไม่รู้ความแข็งแกร่งของกันและกันแต่ทุกคนตั้งแต่ราชสำนักไปจนถึงราษฎรทั่วไปต่างก็รู้ดีว่าสงครามครั้งนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และพวกเขาก็รอเพียงโอกาสเท่านั้นซ่างกวนซีเคาะนิ้วเบา ๆ บนโต๊ะ ซึ่งเป็นท่าทางที่เขาทำประจำเวลาใช้ความคิดหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดว่า “แจ
“ศิษย์พี่ใหญ่ เทียนซูตามพวกเขาไปแล้ว พบว่าพวกเขาเข้าพักในโรงแรมตามปกติ แล้วก็ถามหาชายที่สวมเสื้อสีม่วง รูปร่างหน้าตาดี คงจะเป็นฮวาอวี๋ นอกนั้นก็มิได้ทำอะไร และมิได้ติดต่อกับขุนนางของเรา แต่ชายที่สวมหน้ากากระมัดระวังมาก คาดว่าเป็นยอดฝีมือ ดังนั้นเทียนซูจึงไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป”ซ่างกวนซีพยักหน้า “ไม่เป็นไร เพียงเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ก็พอ ชาวเป่ยอินมีสถานะที่ละเอียดอ่อน เราไม่ควรไปข้องเกี่ยวกับพวกเขา แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้พวกเขาทำอะไรตามอำเภอใจ”อวี๋เฟยเหยียนเข้าใจความหมายของซ่างกวนซี นั่นคือ หากมือสังหารชาวเป่ยอินมาเพราะฮวาอวี๋ พวกเขาก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่หากพวกเขามาเพราะแคว้นต้าหลี่ ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งอวี๋เฟยเหยียนกล่าวต่อ “ศิษย์พี่ใหญ่โปรดวางใจ ข้าเข้าใจแล้ว ได้แจ้งให้ที่ว่าการเมืองทราบแล้ว เชื่อว่าเจียงโม่ หัวหน้าหน่วยตรวจสอบจะไปหาพวกเขาในไม่ช้า”ซ่างกวนซีพยักหน้าเล็กน้อย แล้วถามต่อ “ทางเยี่ยนเว่ยฉือ จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “จัดการเรียบร้อยแล้ว ไม้แปรรูปหนึ่งพันท่อน ทั้งหมดถูกส่งไปยังจวนองค์ชายรอง ประมาณครึ่งเดือนก็จะซ่อมแซมเสร็จ”“เยี่ยนเว่ยฉือมีการเค
เยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้ว “จวนองค์รัชทายาทเงียบสงบเกินไป น่าเบื่อนัก ข้าจึงจะไป… จับสัตว์เล็ก ๆ กลับมาเลี้ยง”“หืม? สัตว์เล็ก?” อวี๋เฟยเหยียนแสดงสีหน้าไม่เข้าใจเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ใช่แล้ว ป่าสนย่อมมีกระรอกน้อยใช่หรือไม่เล่า ฮิฮิ!”ริมฝีปากของอวี๋เฟยเหยียนขยับ แต่ก็มิได้พูดอะไร แต่ในใจกลับอดบ่นไม่ได้“ข้า องค์ชายเซียวเหยาผู้สง่างาม กลับต้องไปจับกระรอกกับเจ้า? หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป จะเอาหน้าตาของจวนอ๋องเซียวเหยาไปไว้ที่ไหน? ท่านพ่อคงหักขาข้าแน่!”เยี่ยนเว่ยฉือเห็นสีหน้าไม่เต็มใจของอวี๋เฟยเหยียนก็มิได้อธิบายอะไร เพียงแต่ยิ้มแล้วเอนตัวพิงรถม้า หลับตาลงโชคดีที่ป่าสนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงหลังจากออกจากประตูเมืองตะวันตก เดินไปอีกเพียงหนึ่งก้านธูปก็มาถึงชายป่าสนแล้วจากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็พาอวี๋เฟยเหยียนลงจากรถม้า เดินตรงเข้าไปในป่าวันนี้เยี่ยนเว่ยฉือสะพายกระเป๋าย่ามใบเล็กมาด้วยอวี๋เฟยเหยียนเห็นว่านางหยิบขนมที่เหลือจากตอนเช้าออกมาอวี๋เฟยเหยียนอดที่จะกระตุกมุมปากไม่ได้ ถามว่า “นี่… พี่สะใภ้ เจ้าออกมาข้างนอกยังพกขนมมาด้วยหรือ? คิดจะเที่ยวเล่นในป่าทั้ง
ซ่างกวนหลีส่ายหน้าเบา ๆ รู้สึกว่าเรื่องราวไม่เรียบง่ายเช่นนั้น จึงตัดสินใจสืบหาข่าวสาร…… ค่ำคืนนั้น เวลาเที่ยงคืน ณ จวนองค์รัชทายาทนอกห้องบ่าวรับใช้มีเสียงแมวร้องและเสียงนกหวีดดังขึ้น ปลุกให้ซูเค่อและฝูฉวีตื่นขึ้นทั้งสองรู้ว่าเป็นคนขององค์ชายรองที่มาขอรับข่าวสารฝูฉวีพูดด้วยความไม่สบอารมณ์ “ช่วงนี้สงบสุขดี นอกจากหว่านชิงแล้ว องค์ชายรัชทายาทก็ไม่ได้ให้ใครเข้าไปในห้องตำราอีก จะมีข่าวสารอะไรส่งให้องค์ชายรองเล่า โอ๊ย!”ซูเค่อแต่งตัวพลางปลอบประโลม “เจ้าพักผ่อนเถิด ข้าไปดูเอง”สักครู่ซูเค่อก็แต่งตัวเสร็จ เดินไปที่ประตูหลังห้องน้ำมีเสียงถามจากนอกประตู “องค์ชายทรงอยากทราบว่า เพราะเหตุใดพระชายาจึงไปยังป่าสนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือบ่อยครั้ง”ซูเค่อคิดครู่หนึ่ง แล้วตอบ “ข้าไม่ทราบ”“ไม่ทราบ? ซูเค่อ เจ้าคงไม่ได้หลงลืมกำพืดของตนเองหรอกกระมัง?” บุคคลผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจซูเค่อขมวดคิ้ว “ข้าไม่ทราบจริง ๆ นับตั้งแต่หว่านชิงและชวนหงประสบเหตุ องค์ชายรัชทายาทและพระชายาก็ระมัดระวังพวกเรามากขึ้น ข้า… ข้าจะพยายามสืบหาข่าวสารเพิ่ม”“ฮึ่ม ให้เวลาเจ้าสามวัน หากสืบหาไม่ได้ เจ้าก็ไปอธิบาย
อวี๋เฟยเหยียนคุกเข่าลงพลางบ่นพึมพำ “มดก็หน้าตาเหมือนกันหมด”เมื่อเขาเห็นชัด ๆ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “โอ้ มดที่นี่เหตุใดถึงเป็นสีขาว?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “นี่เรียกว่าปลวก ท่านอย่าดูถูกมันเชียว ฝูงปลวกสามารถทำลายบ้านหลังหนึ่งได้ภายในเจ็ดถึงแปดวัน”พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่ต้นสนใหญ่ตรงหน้า กล่าวว่า “เห็นต้นไม้นี้หรือไม่ ดูภายนอกแล้วเหมือนจะธรรมดา แต่ข้างในคงถูกปลวกกินจนกลวงแล้ว”อวี๋เฟยเหยียนมองลำต้นที่แข็งแรง ไม่ได้สงสัยคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือ เพราะต้นสนรอบ ๆ มีขนาดใกล้เคียงกัน แต่มีเพียงต้นนี้ที่ยอดเล็ก ใบไม้บาง ดูเหมือนจะยืนต้นตายในไม่ช้าอวี๋เฟยเหยียนคิดถึงเรื่องราวที่พวกเขาทำในช่วงนี้ฉับพลันก็นึกขึ้นได้ กล่าวว่า “ข้ารู้แล้ว เจ้าจะนำปลวกเหล่านี้ไปยังจวนองค์ชายรอง ให้พวกมันทำลายเรือนไม้ที่สร้างเสร็จแล้วใช่หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “ถูกต้อง มีคำกล่าวว่า กำแพงพันลี้พังเพราะรูหนู คราวนี้เขาคงไม่ไปหาเรื่องคนอื่นอีก ไม่อย่างนั้นก็จับปลวกเหล่านี้ไปลงโทษซะ!”อวี๋เฟยเหยียนตาเป็นประกาย “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าใช้น้ำตาลแช่ไม้แปรรูป ปลวกชอบของหวานเป็นที่สุด! ข้าจะช่วยเจ้าขุดเอง”เยี่ยน
บรรดานางกำนัลใกล้ชิดที่ฮองเฮาทรงคัดเลือกมาล้วนมิใช่บุคคลธรรมดาหว่านชิงงามสง่า ชวนหงงดงามเย้ายวน ฝูฉวีงดงามบริสุทธิ์ ส่วนซูเค่อฉลาดหลักแหลมเมื่อซูเค่อเห็นปลวก พลันนึกถึงน้ำตาลจำนวนมากที่จวนนี้ใช้ไป รวมถึงเรื่องการซ่อมแซมจวนองค์ชายรองนางเข้าใจทันทีว่าเยี่ยนเว่ยฉือวุ่นวายอยู่ครึ่งเดือนเพื่อสิ่งใดซูเค่อสูดหายใจเข้าลึก ๆมิใช่เพียงแต่ประหลาดใจกับวิธีการของเยี่ยนเว่ยฉือ แต่ยังประหลาดใจกับความอดทนของนางอีกด้วยต้องรู้ก่อนว่า ปลวกมิใช่อสรพิษหรือเสือร้าย ไม่อาจกลืนกินบ้านเรือนได้อย่างรวดเร็วและให้เห็นผลลัพธ์ทันทีทันใดนี่เป็นแผนการระยะยาวหากแผนการนี้สำเร็จ ตัวเรือนถล่มลงมา องค์ชายรองสิ้นชีพ นั่นก็ถือว่าจบสิ้นที่สำคัญ วิธีการนี้ช่างแยบยลยิ่งนัก ถึงแม้ว่ากรมอาญา ศาลต้าหลี่ และหน่วยงานลับจะร่วมมือกันสืบสวน ก็คงหาเบาะแสใด ๆ ไม่ได้องค์ชายรองคงได้แต่กลืนเลือดลงคอซูเค่อครุ่นคิดในใจ “พระชายาหาได้เป็นเพียงสตรีเหลาะแหละเช่นที่ตาเห็น ไม่น่าแปลกใจที่องค์ชายรัชทายาททรงโปรดปรานนางเป็นพิเศษ”ซูเค่อเดินเข้าไป ใช้เท้าเหยียบปลวกที่กระจัดกระจายอยู่ แล้วฝังมันไว้ใต้ก้อนอิฐ จากนั้นก็ไม่สนใจอีก
เยี่ยนเว่ยฉือล่วงรู้แต่แรกแล้วว่าเรื่องราวคงไม่ยุ่งยากทว่านางไม่คาดคิดว่าทุกสิ่งจะราบรื่นถึงเพียงนี้ครั้นเห็นท่านหญิงหมิงหยางหยิบเงินหมื่นตำลึงออกจากห้องบัญชีได้อย่างง่ายดายเยี่ยนเว่ยฉือก็ล่วงรู้ว่าบิดาจอมปลอมของนางคงไม่ได้ละเว้นการยักยอกสินบนท่านหญิงหมิงหยางยื่นเงินให้แก่ฝูกวง น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยว่า “ท่าน...ท่านจอมยุทธ์ เรื่องราวค่ำคืนนี้...ล้วน ไม่ใช่...ไม่ใช่ความต้องการของข้า มันล้วน...ล้วน...”“ค่ำคืนนี้มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือ? ข้าไม่เห็นสิ่งใดเลย!” ฝูกวงเอ่ยรับอย่างรู้ใจท่านหญิงหมิงหยางได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจยาว รีบหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือที่ปิดบังใบหน้าเยี่ยนเว่ยฉือกอดอก เลิกคิ้วกล่าว “เขาถูกเงินปิดตา ย่อมไม่เห็นสิ่งใด ดวงตาข้านี่ต่างหากที่สว่างไสว”ท่านหญิงหมิงหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าน้ำเสียงและคำพูดของคนตรงหน้าคุ้นหูอยู่บ้าง แต่ชั่วขณะนั้นกลับนึกไม่ออกนางปิดบังใบหน้า ท่านหญิงหมิงหยางจึงไม่อาจเห็นโฉมหน้าของนางเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่านหญิงหมิงหยางจ้องมองนาง รีบชี้ไปยังกล่องใบเล็กที่วางอยู่บนหิ้งสูง “ท่านสามารถใช้สิ่งนั้นมาปิดตาข้าได้”ท่านหญิงหมิงหยางเงยหน้ามอง เ
พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือเงี่ยหูฟัง ยืนยันว่าด้านล่างไม่มีเสียงอะไรแล้ว จึงกล่าวต่อ “เอาล่ะ ตอนนี้ไปเอาเงินได้แล้ว!”ฝูกวงเข้าใจแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือจะใช้เรื่อง ‘จับได้คาหนังคาเขา’ บีบบังคับท่านหญิงหมิงหยางให้ยอมจ่ายเงินนี่เองปัง!ห้องมืดมิดถูกจุดเทียนขึ้นมาทันทีชายหญิงบนเตียงที่ยังคงมีความสุขอยู่ต่างก็ตกใจ“นั่นใคร?!” ท่านหญิงหมิงหยางร้องออกมาด้วยความตกใจ มองไปรอบ ๆ ห้องขณะนั้นลู่อู๋ไม่สนใจใครแล้ว รีบใส่กางเกงเยี่ยนเว่ยฉือเบี่ยงหน้าเล็กน้อย นางไม่อยากเห็นภาพอุจาดตานั้นท่านหญิงหมิงหยางเห็นชายหญิงสองคนสวมหน้ากากยืนอยู่ในห้องก็ตั้งท่าจะตะโกนแต่ฝูกวงพูดก่อน “ตะโกนสิ ตะโกนเรียกสามีเจ้าเข้ามา ให้เห็นกับตาว่าเจ้ามีความสัมพันธ์กับชายอื่น ทำให้เขาขายหน้าอย่างไร”“ชายอื่น?” ท่านหญิงหมิงหยางหันไปมองชายที่กำลังใส่กางเกงอยู่ที่ปลายเตียงเมื่อนางเห็นใบหน้าของคนผู้นั้น ก็ร้องออกมาทันที “กรี๊ดดด!!!”ปัง!ลู่อู๋รีบใช้มือสกัดจุดท่านหญิงหมิงหยาง ขัดจังหวะเสียงกรีดร้องของนางเขากล่าวด้วยความโกรธ “ฝูกวง เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ฝูกวงหัวเราะเยาะ “เปล่านี่ ข้าไม่ได้มาหาเจ้า แต่มาหานางต่างหาก”ฝ
“จะให้ไปที่ห้องบัญชีโดยตรงหรือ?” ฝูกวงถามซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือยังคงส่ายหัว “ข้าไม่ได้กลับจวนผิงอี้โหวมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าไม่รู้ว่าห้องบัญชีอยู่ห้องไหน ถึงแม้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเก็บตั๋วเงินไว้ที่ไหนอีก”“พูดมาก เจ้าอยากตายหรือไร?” ฝูกวงขู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “โอ๊ย อย่าใจร้อนสิ นี่ เราไปที่เรือนหลังนั้นกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งฝูกวงจับเอวของเยี่ยนเว่ยฉือ พานางกระโดดไปที่เรือนหลังนั้นทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนหลังคา ฝูกวงกำลังจะถามว่านี่เป็นเรือนพักของใคร แต่ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาจับหัวเยี่ยนเว่ยฉือกดลง ทั้งสองนอนราบไปกับร่มเงาของหลังคา“อย่าขยับ มีคนมา!”ฝูกวงบอกอย่าขยับ เยี่ยนเว่ยฉือยิ่งอยากขยับเข้าไปใหญ่เพราะนางรู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนมาที่นี่แน่เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเงยหน้า ฝูกวงก็กดหัวนางลงอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างหมดหนทาง “เป็นลู่อู๋!”“ลู่อู๋?” ฝูกวงปล่อยมือ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือทำท่าบอกให้เงียบครู่ต่อมาทั้งสองเห็นลู่อู๋ลงมาที่หลังคาฝั่งตรงข้ามเขาดูระมัดระวัง ค่อย ๆ เปิดกระเบื้องออก มองลอดเ
ฝูกวงไม่เชื่อนาง พูดเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าซ่างกวนซีจะยอมจ่ายเงินให้เจ้าหรือไม่ แค่ปล่อยเจ้ากลับไป จะจับเจ้าอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าไม่มีเงินจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยอย่างหมดหนทางฝูกวงฮึดฮัด “ง่ายมาก ขายเจ้าไปที่หอลมวสันต์ห่างไปสิบหลี่บนถนนหยางโจว ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่เชื่อ “เจ้าก็เป็นมือสังหาร เหตุใดมาทำธุรกิจค้าประเวณีได้!”“บังอาจ!” ฝูกวงดุเสียงเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “งั้น...ข้าเขียนจดหมายถึงองค์รัชทายาทได้หรือไม่?”“ไม่ได้! ซ่างกวนซีฉลาดออกปานนั้น ข้าไม่อยากมีเรื่อง!”เยี่ยนเว่ยฉือถึงกับพูดไม่ออก‘ไอ้บ้านี่ ต้องให้นางควักเงินหมื่นตำลึงออกมาเองสินะ?’นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร ต่อให้มีข้าก็ต้องกลับไปหาวิธี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอาออกมาได้เลยทันทีนางไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อยขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังกังวลใจฝูกวงพูดเสียงเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ ขายเจ้าไป ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ซ่างกวนซีพยักหน้า บอกให้ฉินเซียงหรูไปพักผ่อนได้แล้วหลังจากฉินเซียงหรูจากไป ซ่างกวนซีเงยหน้ามองแสงจันทร์ แต่ในใจอดคิดถึงลู่อู๋ไม่ได้ว่าเขาจะไปหาท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือไม่?แท้จริงแล้ว ตอนนี้มีคนอีกคนที่สงสัยมากกว่าซ่างกวนซีนั่นก็คือเยี่ยนเว่ยฉือ ผู้วางแผนการนี้นั่นเองนางอยากเห็นผลลัพธ์ของแผนการตนเองมากกว่าใคร ๆเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ มองดวงจันทร์ “เสียดายจริง โลกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะได้ถ่ายภาพท่านหญิงหมิงหยางกับลู่อู๋ต่อสู้กันแปดร้อยยก แล้วพิมพ์ออกมาหนึ่งหมื่นชุดแจกจ่ายออกไป จะสาแก่ใจแค่ไหนนะ! จุ๊ ๆ!”“กล้องถ่ายรูป คืออะไรกัน?” เสียงใสไพเราะดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันเสียงนี้เหมือนเสียงสะท้อนในภูเขา ทำให้แยกไม่ออกว่ามาจากทิศทางไหนเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองด้านหลัง แต่ก็เห็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้ามาหาปัง!นางถูกสกัดจุดอีกแล้วครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ ยังพูดไม่ได้อีกด้วยเยี่ยนเว่ยฉือมองคนที่บุกเข้ามาอย่างตื่นตระหนก พบว่าเป็นฝูกวง มือสังหารชุดขาวทองคำเวรกรรมแท้ ๆ!นางดวงซวยอะไรขนาดนี้ เพิ่งจัดการลู่อู๋ให้พ้นตัวไปหมาด ๆ ก็มาเจอฝูกวงอีกแ
เขารีบถอยหลัง หลบหลีกการเคาะของธนูเขาเห็นปลายธนูที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกในมือของเยี่ยนเว่ยฉือ สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะแทงตัวเองแม้เพียงสองรูดังนั้นจึงหันหลังแล้วรีบหนีไป!จนกระทั่งลู่อู๋จากไป อวี๋เฟยเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ เขาถูกพิษจริงหรือ? ยาแก้พิษอยู่ที่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือ?”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเช่นกันต่างคนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยความอยากรู้เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเบา ๆ “ข้าหลอกเขาน่ะสิ ใครจะเอายาแก้พิษไปไว้ที่คนอื่นกัน แล้วข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับท่านหญิงหมิงหยางมานานแล้ว”“อะไรกัน?” อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “เช่นนั้นเขาจะตายหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ตายหรอก ข้าแค่ให้ยาปลุกกำหนัดชนิดเรื้อรังเขาไปนิดหน่อย ของแบบนี้ถ้าโดนแล้วจะอดทนอยู่ได้เจ็ดวันกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากเขาหาคนมาร่วมรักได้ทันเวลาก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้น!”“เรื้อ...รัง?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนุกมาก รีบถาม “แม่นางเยี่ยนมีฝีมือ แต่เจ็ดวันแรกผ่านไป วันนี้เขาได้ระบายความใคร่แล้ว เจ็ดวันต่อไปจะทำอย่างไร?”เยี่ยนเว่ย
ซ่างกวนซีอุ้มนางไว้ พูดว่ากล่าวด้วยน้ำเสียง “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามโกหก และห้ามกระทำการโดยพลการ”นั่นหมายความว่า ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องรายงานเขาล่วงหน้าก่อนตอนนี้นางอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ซ้ำยังถูกชายหนุ่มรูปงามกอดอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็คือสามีของนางเองเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าหากนางปฏิเสธ ต่อไประยะห่างระหว่างกันอาจจะกลายเป็นติดลบนางไม่ต้องการแบบนั้น! นางแค่...ยังคิดไม่ตกเท่านั้นเอง!เยี่ยนเว่ยฉือพิงอยู่บนอกของซ่างกวนซี พยักหน้าเบา ๆ เหมือนแมวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เชื่อนางได้อย่างไรกัน!…… ห้องโถงด้านหน้าเมื่อซ่างกวนซีพาเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดมนแล้วแต่บรรดาชายหนุ่มทั้งสามคนในห้องโถงหน้ายังไม่จากไปไหนอวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าทั้งสองมีสีหน้าแปลก ๆดูเหมือนว่าซ่างกวนซีจะไม่โกรธแล้ว ใบหน้าสงบเรียบเฉยแต่ทำไมใบหน้าและใบหูของเยี่ยนเว่ยฉือถึงแดงก่ำ หรือถูกซ่างกวนซีทารุณหนัก?“จุ๊
เห็นเยี่ยนเว่ยฉือสายตาเป็นประกายวาววับดุจหยาดน้ำค้าง ซ่างกวนซีก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังโกหกอยู่ในใจเป็นแน่แท้และเช่นนั้นเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยตอบออกมาว่า “ก็...ก็เก็บไว้กับตัวอย่างไรล่ะ เพียงแต่ว่าข้าชำนาญกว่าคนทั่วไป ท่านเคยได้ยินเรื่อง ‘มือวิเศษ’ หรือไม่? สมัยก่อนข้าเลี้ยงหมู ชีวิตแสนจะน่าเบื่อหน่าย จึงได้ไปเรียนวิชาลักขโมยจากนักเวทมายา รู้ไว้ใช่ว่า… อ๊ะ!”ยังไม่ทันได้พูดจบ ซ่างกวนซีก็ใช้ฝ่ามือหวดไปที่นางทันทีกระแสลมปราณอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว และฉับพลันนั้น ผ้ายาวสีขาวที่นางสวมอยู่ก็กลายเป็นเศษผ้ากระจัดกระจายลงสู่พื้นโอ้ แม่เจ้า!นี่มันฝีมือการถอดเสื้อผ้าอันหาที่เปรียบมิได้ในแผ่นดินบัดนี้ เยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงผ้าบาง ๆ ที่ปิดบังความงามไว้ได้เพียงน้อยนิดสายลมหนาวพัดโชยมา แม้ร่างกายนางไม่อาจเคลื่อนไหว แต่ก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้การสั่นไหวเล็กน้อยนั้น ทำให้ความงามบางส่วนปรากฏออกมาเมื่อได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงาม ซ่างกวนซีก็ร้อนรุ่มในดวงตา รีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นเขาเพียงแต่ไม่ปรารถนาจะฟังเยี่ยนเว่ยฉือพูดโกหก จึงควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู
การกระทำเช่นนี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าซ่างกวนซีไม่ได้ขู่เล่น ๆแต่จะลงโทษนางจริง ๆ!ซ่างกวนซีใช้นิ้วเรียวสวยเปิดปกเสื้อของเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ สีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหตุใดลู่อู๋จึงมาหาเจ้า?""เพ... เพราะ... เขา... เขา..." เยี่ยนเว่ยฉืออ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรขณะที่นางลังเลอยู่นั้น เสื้อคลุมตัวนอกก็ถูกดึงออกเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างร้อนรน "ฝ่าบาท ข้ายังไม่ได้พูดเลย!"ซ่างกวนซีตอบอย่างใจเย็น "ตอบช้า ก็ต้องถอด"สิ้นคำ ซ่างกวนซีก็ปลดเชือกเสื้อตัวในของนางอีกไม่นานก็จะถึงฤดูร้อนแล้ว สวมเสื้อผ้าบางน้อยชิ้น หากถอดต่อไปเช่นนี้ ไม่กี่คำถาม นางก็คงจะเปลือยเปล่าเสื้อตัวในเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในสีขาวในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็ทนไม่ไหว "เขามาหาข้าเพื่อขอยาถอนพิษ!"มือที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของซ่างกวนซีหยุดชะงัก มองนาง แล้วถามต่อ "เขาโดนพิษเมื่อใด? โดนพิษอะไร? เจ้าใช้พิษกับเขาอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือมีสีหน้าลำบากใจ "เรื่อง... เรื่องนี้พูดแล้วยาว..."พรึ่บ!ซ่างกวนซีดึงเสื้อตัวในของนางออกโดยไม่ลังเลตอนนี้บนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว และตู้โตวสี