อวี๋เฟยเหยียนคุกเข่าลงพลางบ่นพึมพำ “มดก็หน้าตาเหมือนกันหมด”เมื่อเขาเห็นชัด ๆ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “โอ้ มดที่นี่เหตุใดถึงเป็นสีขาว?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “นี่เรียกว่าปลวก ท่านอย่าดูถูกมันเชียว ฝูงปลวกสามารถทำลายบ้านหลังหนึ่งได้ภายในเจ็ดถึงแปดวัน”พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่ต้นสนใหญ่ตรงหน้า กล่าวว่า “เห็นต้นไม้นี้หรือไม่ ดูภายนอกแล้วเหมือนจะธรรมดา แต่ข้างในคงถูกปลวกกินจนกลวงแล้ว”อวี๋เฟยเหยียนมองลำต้นที่แข็งแรง ไม่ได้สงสัยคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือ เพราะต้นสนรอบ ๆ มีขนาดใกล้เคียงกัน แต่มีเพียงต้นนี้ที่ยอดเล็ก ใบไม้บาง ดูเหมือนจะยืนต้นตายในไม่ช้าอวี๋เฟยเหยียนคิดถึงเรื่องราวที่พวกเขาทำในช่วงนี้ฉับพลันก็นึกขึ้นได้ กล่าวว่า “ข้ารู้แล้ว เจ้าจะนำปลวกเหล่านี้ไปยังจวนองค์ชายรอง ให้พวกมันทำลายเรือนไม้ที่สร้างเสร็จแล้วใช่หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “ถูกต้อง มีคำกล่าวว่า กำแพงพันลี้พังเพราะรูหนู คราวนี้เขาคงไม่ไปหาเรื่องคนอื่นอีก ไม่อย่างนั้นก็จับปลวกเหล่านี้ไปลงโทษซะ!”อวี๋เฟยเหยียนตาเป็นประกาย “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าใช้น้ำตาลแช่ไม้แปรรูป ปลวกชอบของหวานเป็นที่สุด! ข้าจะช่วยเจ้าขุดเอง”เยี่ยน
บรรดานางกำนัลใกล้ชิดที่ฮองเฮาทรงคัดเลือกมาล้วนมิใช่บุคคลธรรมดาหว่านชิงงามสง่า ชวนหงงดงามเย้ายวน ฝูฉวีงดงามบริสุทธิ์ ส่วนซูเค่อฉลาดหลักแหลมเมื่อซูเค่อเห็นปลวก พลันนึกถึงน้ำตาลจำนวนมากที่จวนนี้ใช้ไป รวมถึงเรื่องการซ่อมแซมจวนองค์ชายรองนางเข้าใจทันทีว่าเยี่ยนเว่ยฉือวุ่นวายอยู่ครึ่งเดือนเพื่อสิ่งใดซูเค่อสูดหายใจเข้าลึก ๆมิใช่เพียงแต่ประหลาดใจกับวิธีการของเยี่ยนเว่ยฉือ แต่ยังประหลาดใจกับความอดทนของนางอีกด้วยต้องรู้ก่อนว่า ปลวกมิใช่อสรพิษหรือเสือร้าย ไม่อาจกลืนกินบ้านเรือนได้อย่างรวดเร็วและให้เห็นผลลัพธ์ทันทีทันใดนี่เป็นแผนการระยะยาวหากแผนการนี้สำเร็จ ตัวเรือนถล่มลงมา องค์ชายรองสิ้นชีพ นั่นก็ถือว่าจบสิ้นที่สำคัญ วิธีการนี้ช่างแยบยลยิ่งนัก ถึงแม้ว่ากรมอาญา ศาลต้าหลี่ และหน่วยงานลับจะร่วมมือกันสืบสวน ก็คงหาเบาะแสใด ๆ ไม่ได้องค์ชายรองคงได้แต่กลืนเลือดลงคอซูเค่อครุ่นคิดในใจ “พระชายาหาได้เป็นเพียงสตรีเหลาะแหละเช่นที่ตาเห็น ไม่น่าแปลกใจที่องค์ชายรัชทายาททรงโปรดปรานนางเป็นพิเศษ”ซูเค่อเดินเข้าไป ใช้เท้าเหยียบปลวกที่กระจัดกระจายอยู่ แล้วฝังมันไว้ใต้ก้อนอิฐ จากนั้นก็ไม่สนใจอีก
เยี่ยนเว่ยฉือนอนหลับสบายหายห่วงนางมีนิสัยชอบนอนกอดสิ่งของ บนเตียงเล็ก มีที่ว่างเพียงพอสำหรับนางคนเดียว จะมีที่ว่างให้นางวางหมอนได้อย่างไร?แต่บนเตียงต่างออกไป ขณะที่นางหลับ ๆ ตื่น ๆ จึงสามารถกอดซ่างกวนซีได้อย่างอิสระนางสัมผัสซ่างกวนซีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนซ่างกวนซีอยากร้องไห้ อยากจะห้ามปรามก็ห้ามไม่ได้แต่เรื่องเหล่านี้ นางกลับจำไม่ได้เลยมีเพียงซ่างกวนซีเท่านั้นที่รู้ว่าการนอนร่วมเตียงกับนางเป็นอย่างไร ทั้งเจ็บปวดและมีความสุขปะปนกัน…… วันที่สิบห้าเดือนสี่นับตั้งแต่เยี่ยนเว่ยฉือปล่อยปลวกไป ผ่านไปยี่สิบวันแล้ว นับตั้งแต่การซ่อมแซมจวนองค์ชายรองเสร็จสิ้น ก็ผ่านไปนานกว่าครึ่งเดือนช่วงเวลานี้ อวี๋เฟยเหยียนไปเลียบ ๆ เคียง ๆ บริเวณวังองค์ชายรองทุกวัน แต่ก็ไม่เห็นว่าบ้านเรือนจะถล่มลงมาวันนี้ อวี๋เฟยเหยียนกินข้าวไปพลางถอนหายใจไปพลาง “เฮ้อ พี่สะใภ้ วิธีการของเจ้าจะได้ผลจริงหรือไม่? เหตุใดถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเล่า”เยี่ยนเว่ยฉือกินข้าวไปพลางหัวเราะไปพลาง “หืม? ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือ? ไม่น่าเป็นเช่นนั้นนะ”อวี๋เฟยเหยียนบ่น “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ไม่เชื่อเจ้าลองถามศิษย์พี่ใ
ซ่างกวนซีอุ้มเย่เทียนซูไปยังห้องพัก คิดจะให้อวี๋เฟยเหยียนไปเชิญหมอ แต่กลับเป็นเยี่ยนเว่ยฉือที่คว้าข้อมือเย่เทียนซูไว้ก่อนเยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้ว “เขาบาดเจ็บภายใน อาการยังพอไหว ข้าจะเขียนใบสั่งยา องค์ชายอวี๋ไปหาซื้อยามาเถิด ข้าจะช่วยเขาห้ามเลือด!”อวี๋เฟยเหยียนกะพริบตาปริบ มองซ่างกวนซีด้วยสีหน้าไม่แน่ใจเมื่อซ่างกวนซีเห็นเช่นนั้นก็พยักหน้าเบา ๆถึงแม้ว่าพระองค์จะไม่ค่อยรู้จักตัวตนเยี่ยนเว่ยฉือ แต่ก่อนหน้านี้เยี่ยนเว่ยฉือได้แสดงให้เห็นถึงฝีมือการใช้พิษแล้วเยี่ยนเว่ยฉือยังเคยรักษาเขาและรักษาฮวาอวี๋ด้วย ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่า เยี่ยนเว่ยฉือน่าจะมีความสามารถอยู่บ้างหลังจากเขียนใบสั่งยาเสร็จแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็กลับไปหาเย่เทียนซู ถอดเสื้อผ้าของเขาออกทั้งหมดดูเหมือนว่าจะตั้งใจจะรักษาโดยการฝังเข็ม เพื่อห้ามเลือดที่ออกอยู่ภายในซ่างกวนซีเข้าไปดูใกล้ ๆ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น “ฝ่ามือทะลุใจ!”รอยฝ่ามือสีม่วงแดงปรากฏอยู่บนไหล่ของเย่เทียนซู หากลึกลงไปอีกครึ่งนิ้วก็จะโดนหัวใจเข้าอย่างจังเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้หันหลังกลับ ฝังเข็มไปพลางถามไปพลาง “ฝ่าบาทรู้จักที่มาบาดแผลของเขาด้วยหรือ?”ซ่างกวนซ
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกัน เย่เทียนซูก็ฟื้นขึ้นมาคำพูดแรกที่เขาพูดคือ “ศิษย์พี่ใหญ่ หมิงตาว… เป็นหมิงตาวที่ทำร้ายข้า”ซ่างกวนซีรีบเดินไปที่เตียง อวี๋เฟยเหยียนก็ช่วยพยุงเย่เทียนซูขึ้นส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็ยกชามยาเข้ามาซ่างกวนซีกล่าวปลอบประโลม “อย่าใจร้อน ดื่มยาก่อนเถอะ”เย่เทียนซูพยักหน้า รับชามยาจากมือของเยี่ยนเว่ยฉือ ดื่มยาสีดำสนิทลงไปหลังจากดื่มเสร็จแล้ว เย่เทียนซูรู้สึกว่าหายใจคล่องขึ้น ในปากรู้สึกขมก่อนแล้วก็หวาน ยังรู้สึกเย็น ๆ อีกด้วยเขามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยสีหน้าประหลาดใจเยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “อร่อยใช่หรือไม่? ข้าใส่ชะเอมและใบสะระแหน่ลงไปด้วย”เย่เทียนซูกะพริบตา “มิน่าเล่าถึงได้มีรสหวาน แต่… ข้าก็ไม่ได้กลัวยาขมอยู่”เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซี กล่าวว่า “ฝ่าบาทต่างหากที่กลัวยาขม ดังนั้นข้าจึงปรับเปลี่ยนตำรับยาหลายอย่าง เช่นนี้ เมื่อดื่มเสร็จแล้วก็จะไม่รู้สึกขมปร่า”เย่เทียนซูและอวี๋เฟยเหยียนต่างมองซ่างกวนซี ทันใดนั้นต่างก็ประหลาดใจ “ศิษย์พี่ใหญ่กลัวยาขมด้วยหรือ?”ซ่างกวนซีกระตุกมุมปากอย่างขัดเขิน แล้วเปลี่ยนเรื่อง “เอาล่ะ อย่าพูดเรื่องอื่น เจ้าเพิ่งบอกว่าคนที่ทำร้ายเจ้
เยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้ว “สำเร็จหรือไม่ ไปดูก็รู้แล้ว จางมามา...”“มาแล้ว มาแล้วเพคะ!” จางมามาเดินเข้ามาจากนอกห้อง มือถือของขวัญบางอย่างเยี่ยนเว่ยฉือรับของมา มองซ่างกวนซีแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท ไปกันเถิด ไปเยี่ยมจวนองค์ชายรองกัน”ซ่างกวนซีเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆแต่กลับเป็นอวี๋เฟยเหยียนที่ปฏิเสธทันที “ไม่ได้ ๆ ไปไม่ได้ ศิษย์พี่ใหญ่เป็นพี่ ทั้งยังเป็นองค์รัชทายาท ก่อนหน้านี้ไม่เคยไปเยี่ยมเขาเลย ให้ศิษย์พี่ใหญ่ถือของขวัญไปเยี่ยมเขา มิเป็นการลดฐานะของเขาหรอกหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ท่านไม่เข้าใจ ซ่างกวนหลียิ่งเย่อหยิ่ง เราก็ยิ่งต้องถ่อมตน ควรรู้ว่าในเมืองหลวงแแห่งนี้ บางครั้งชื่อเสียงก็สำคัญกว่าอำนาจ”ซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉือ ครู่หนึ่งก็พยักหน้า “เฟยเหยียน เตรียมรถม้า!”เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นด้วยกับเยี่ยนเว่ยฉือ…… จวนองค์ชายรองขณะนั้น ซ่างกวนเจวี๋ยก็อยู่ที่จวนองค์ชายรองเช่นกันเขามองซ่างกวนหลีด้วยความสงสัย ขมวดคิ้วถาม “เสด็จพี่รอง ท่านเป็นอะไรไป ดูอิดโรย ใต้ตาคล้ำ ริมฝีปากแห้งแตก แก้มตอบ ท่าน… ท่านดูเหมือนคนใกล้ตายเลย หรือว่าช่วงนี้จวนรับนางกำนัลเข้ามาใหม่?”“ไป
อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้าเบา ๆ รู้สึกว่าแปลกไป แต่ก็บอกไม่ได้ว่าแปลกตรงไหนส่วนเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวด้วยความชื่นชม “โอ้ ช่างฝีมือของกรมโยธาทำงานประณีตนัก ดูสิ สวนนี้สร้างได้งดงามยิ่ง!”พ่อบ้านจวนวังองค์ชายรองยิ้ม “พระชายาชมเกินไป การซ่อมแซมนี้ มีกฎเกณฑ์ตามธรรมเนียมแต่โบราณกำหนดไว้ เราไม่สามารถฝ่าฝืน แต่ก็มิอาจทำให้องค์ชายรองเสียหน้าได้”กล่าวคือ พวกเขาทำตามกฎระเบียบ เยี่ยนเว่ยฉืออย่าคิดจะเล่นงานกับคำว่า ‘งดงาม’เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม ถามต่อ “นั่นสินะ องค์ชายรองมีชื่อเสียงเรื่องการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ทั่วโลกย่อมรู้เห็น เอ๊ะ หลังจากที่เรือนหลังนี้สร้างเสร็จ องค์ชายรองก็ย้ายเข้ามาอยู่ทันทีเลยใช่หรือไม่?”พ่อบ้านจวนองค์ชายรองตกใจเล็กน้อย รีบกล่าว “แน่นอน คงไม่ไปรบกวนที่จวนองค์ชายสี่ตลอดไป”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “อ๋อ… ที่แท้ก็อย่างนี้เอง”การสนทนาของทั้งสอง ทำให้ซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนรู้สึกงงงวยแต่ซ่างกวนซีรู้ว่าคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคำมีความหมายแฝงอยู่ ไม่ใช่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่ความหมายนั้นคืออะไร? ซ่างกวนซีก็ยังคิดไม่ออกครู่หนึ่ง ทุกคนก็มาถึงห้องนอนของซ่างกวนหลี ซ่างกวนหลีและซ่างกวน
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซ่างกวนหลีก็โมโหเขายิ้มแห้ง ๆ กล่าวว่า “ขอบพระคุณพระชายาที่ห่วงใย ข้าแข็งแรงดี ไม่ได้เจ็บป่วย”“ไม่เจ็บป่วยหรือ? แล้วเหตุใดใต้ตาจึงคล้ำเช่นนี้ เมื่อคืนไปย่องลักขโมยมาหรือ?” อวี๋เฟยเหยียนถามต่อซ่างกวนหลีโมโหจนกัดฟันกรอด เค้นเสียงลอดไรฟันว่า “รัฐทายาทอวี๋ห่วงใยข้าเช่นนี้ ช่างทำให้ใจชุ่มชื่นนัก”อวี๋เฟยเหยียนหัวเราะเยาะ “ข้าไม่มีเวลามานั่งห่วงใยคนไม่สำคัญ แต่เจ้าดูอิดโรยจริง ๆ ดูเหมือนจะสิ้นชีพในไม่ช้า โธ่… ข้ายังพอมีหน้ามีตาสำหรับฝ่าบาทอยู่บ้าง ข้าจะไปเลือกหมอหลวงฝีมือดีมาให้เจ้าเอง อย่างน้อยก่อนสิ้นชีพ ก็ให้เจ้าไปอย่างสบาย!”“อวี๋เฟยเหยียน! บังอาจ!” อะไรคือก่อนสิ้นชีพ ชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังสาปแช่งเขาให้ตาย!หากซ่างกวนหลีไม่โกรธก็ยังดี พอโกรธก็รู้สึกเวียนศีรษะขึ้นมาทันใด“องค์ชาย! องค์ชาย!”“เสด็จพี่รอง! เสด็จพี่รอง! เป็นอะไรไป?”ซ่างกวนหลีล้มลงไปข้างหลัง องครักษ์จี้อู๋และซ่างกวนเจวี๋ยรีบเข้าไปประคองอวี๋เฟยเหยียนอึ้งเขาชี้ไปที่ปากของตนเอง กล่าวว่า “เทพเซียนช่วย นี่ข้าเก่งกาจเช่นนี้เลยหรือ? สามารถใช้คำพูดทำให้คนเลวคนหนึ่งตายได้? ต่อจากนี้จะฝึกวิทยายุทธไป
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้
เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจว่าฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการร่วมรักระหว่างสามีภรรยานั้นสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติและธรรมชาติของมนุษย์ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมากนักเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าช้า ๆ บ่งบอกว่าตนเข้าใจเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนยุคใหม่ ถึงแม้ตอนนั้นจะน่าอาย แต่เรื่องที่จบแล้วก็ถือว่าแล้วกันไปตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือซ่างกวนซี ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้ามาทานอาหารเย็นเล่า?ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดาผิด สาเหตุที่ซ่างกวนซีไม่กลับมาทานอาหารเย็นกับนางก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยด้วย……ณ ห้องตำราซ่างกวนซีกำลังมองภาพวาดในมือและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาถามอวี๋เฟยเหยียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าปิ่นปักผมในภาพนี้เป็นของเว่ยฉือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้น ๆ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนหรือ? ปิ่นที่ท่านเคยเห็นคงเป็นของพี่สะใภ้ ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่”ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อันกั๋วกงส่งมอบแด่ฮ่องเต้คังอู่เมื่อตอนเข้าเฝ้าว่าราชการเช้าของวันนี้ฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ปิดบังเหล่าขุนนาง แต่กลับพิมพ์ภาพวาดนี้ออกมาและมี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ