Home / รักโบราณ / ลมหายใจมังกร / Chapter 11.เป็นอะไรไปหรือเปล่านะ

Share

Chapter 11.เป็นอะไรไปหรือเปล่านะ

last update Last Updated: 2025-01-08 08:26:12

          กลีบดอกสีขาวพิสุทธิ์กับกลิ่นหอมอ่อนจาง เคยเห็นจนชินตา แต่เมื่อวันหนึ่งไม่เห็นจึงรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เช่นเดียวกับที่รู้สึกว่าระยะนี้ไร้ ‘เสียงเรียก’ ที่ทำให้เขารำคาญใจนัก

          เจ้าของเส้นผมสีเงินยวงส่ายหน้าไปมา มองดอกไม้อยู่ดีๆ ไฉนคิดถึงเจ้าเด็กดื้อรั้นคนนั้นไปได้

          นั้นสิ! เงียบหายไปเลย เป็นอะไรไปหรือเปล่านะ

          ฮวงหลงมองกล่องใส่ใบชาในมือเผลอระบายลมหายใจอย่างไม่รู้ตัว แล้วพาตัวเองกลับมาตำหนักของตน แม้เขาจะเป็นเทพมังกรดินที่มนุษย์ให้ความเคารพบูชา แต่เมื่อนับศักดิ์ในเผ่าพันธุ์มังกร เขาเป็นเพียงเทพนักรบเท่านั้น หน้าที่เขาของคือจัดการเหล่าภูตมารปีศาจและเทพมังกรแตกแถว

          เมื่อร่างสูงโปร่งเดินออกมานอกตำหนักของเทพหนี่วาแล้ว เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ภูติวิหคนาม ‘ส่านเตี้ยน’ (ฟ้าแลบ) โบยบินผ่านกลีบเมฆมาปรากฏเบื้องหน้า ปีกสีฟ้าสดสวยยามกระพือปีกราวกับมีรัศมีอยู่รอบตัว ฮวงหลงเพียงยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม

          “กลับไปก่อนเถิด ข้าจะแวะไปเยี่ยมเยือนสหายสักหน่อย”

          ภูติวิหคทำท่าคล้ายไม่พอใจ แต่มันยอมกระพือปีกอีกสองสามครั้งกลายร่างเป็นเพียงนกน้อยตัวหนึ่งเท่านั้น เทพมังกรดินส่ายหน้าไปมา ยื่นมือไปเบื้องหน้าให้ภูติวิหคเกาะท่อนแขน และใช้มืออีกข้างโบกไปมา ร่างของทั้งคู่มาปรากฏในสวนดอกไม้ของคฤหาสน์หลังหนึ่ง ฮวงหลงเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคยราวกับเป็นบ้านของตนเอง ที่ศาลาหกเหลี่ยมนั้นมีกระดานหมากวางอยู่พร้อมทั้งเม็ดหมากสีขาวดำในตำแหน่งเดิมที่เคยอยู่ตรงนี้เมื่อราว...

          “หายไปเป็นเดือน ข้าคิดจะคว่ำกระดานหมากนั้นทิ้งเสียแล้ว”

          “นานขนาดนั้นเลยรึ” ฮวงหลงคลี่ยิ้มแล้วปล่อยให้ส่านเตี้ยนบินไปจิกกินเมล็ดทานตะวันที่วางใส่จานกระเบื้องสวยที่ตั้งไว้ให้ราวกับรอคอยผู้มาเยือน

          “ท่านเป็นเทพ จะไปรู้อะไร ” คนตำหนิหัวเราะเบาๆ แล้วเคลื่อนรถเข็นมาใกล้ แม้จะวัยเพียงยี่สิบปีแต่เส้นผมกลับเป็นสีขาวทั้งศีรษะราวกับคนอายุเจ็ดสิบ

          ฮวงหลงหรี่ตามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็น เขาขยับปลายนิ้วเล็กน้อยช่วยส่งให้รถเข็นมีล้อคนนั้นเคลื่อนเข้าในศาลาหกเหลี่ยมอย่างง่ายดาย เขาหยิบกล่องใบชาออกมา หยิบใส่ในกาน้ำชาเล็กน้อยแล้วเดินกลับมาตวัดชายเสื้อนั่งลงที่เก้าอี้กลม ย้ายสายตามองมาที่หมากกระดานเบื้องหน้า

          เยี่ยนหรงเหยา เอื้อมมือไปรินน้ำชา กลิ่นหอมละมุนที่ไม่คุ้นเคยทำให้ใบหน้าขาวซีดของเขาเผยรอยยิ้ม

          “หากมิได้มีสหายเช่นท่าน ข้าคงไม่มีวาสนาได้ดื่มชาดีเช่นนี้”

          “เจ้านี่ช่างกล้านับข้าเป็นสหาย” ใบหน้าสงบนิ่งปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก แต่ดวงตายังจับจ้องที่หมากกระดานเบื้องหน้า

          “ท่านมาอย่างสหาย ข้าจึงรับไมตรีเช่นสหาย” เยี่ยนหรงเหยายกน้ำชาขึ้นจิบ ดื่มด่ำกับความละมุนที่ได้รับไปทั่วร่าง จากนั้นจึงปรายตาไปยังกล่องใส่ใบชาที่วางไว้ไม่ไกลนัก

          “อย่าได้โลภไปนัก ของจากสวรรค์ เจ้าได้ชิมแค่นั้นก็พอแล้ว” เทพมังกรดินเอ่ยอย่างรู้ทันว่าอีกฝ่ายคิดเช่นไรอยู่

          “เช่นนั้นท่านอย่าใช้ความเป็นเทพอ่านความคิดในจิตใจของข้าสิ”

เยี่ยนหรงเหยาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย

          ฮวงหลงเลิกคิ้ว ดวงตาเป็นประกาย “เจ้าแสดงออกชัดเจนเช่นนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องอ่านจิตใจของเจ้าเลยสักนิด”

          เยี่ยนหรงเหยาหัวเราะเสียงแหบออกมา ตามด้วยไอแรงๆ อีกสองสามครั้ง ฮวงหลงเพียงแค่ปรายตามองอาการเจ็บป่วยของบุรุษวัยยี่สิบปีผู้นี้แล้ววางเม็ดหมากสีดำลงไป

          มีไม่กี่คนในรอบหลายร้อยปีที่เขาจะมาเดินหมากกระดานเช่นนี้ และมีมนุษย์ไม่กี่คนที่มองเห็นเขาแม้จะใช้เวทพรางกายก็ตามที หลายปีก่อนที่เขาไม่แน่ใจว่ากี่ปีผ่านมาแล้ว คราวนั้นเยี่ยนหรงเหยาเป็นเด็กชายตัวผอมบาง มองเพียงแวบเดียวก็เห็นพลังชีวิตริบหรี่ ร่างเล็กนั่งหลังงองุ้มที่หน้าหมากกระดาน เม็ดหมากสีขาวและดำวางตรงหน้าไร้คนรอบข้าง เขาจึงลงมายืนมองอยู่นิ่งนานจนได้ยินเสียงเด็กชายเอ่ยขึ้น

          “จะนั่งก็ได้นะ”

          “หือ?”

          เด็กชายเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาของเขา แก้มตอบจนเห็นโหนกแก้มชัดเจน เบ้าตาลึกและคล้ำ ริมฝีปากแห้งจนเป็นขุย เส้นผมหยาบกระด้าง ทว่าเมื่อเด็กชายยิ้มดวงตาคู่นั้นเป็นประกายฉายแววความหวัง

          และดวงตาคู่นี้ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายมองเห็นร่างของเขาเข้าแล้ว

          “เจ้ามองเห็นข้า?”

          เด็กชายพยักหน้าแล้วหยิบเม็ดหมากสีขาววางลงไป หยิบเม็ดหมากสีดำมากำในมือ “ปกติข้ามองเห็นแต่ภูติผี เพิ่งเคยเห็นเทพเป็นครั้งแรก”

          คราวนี้เป็นเขาที่พยักหน้าอย่างเข้าใจ เมื่อเห็นเด็กชายไม่มีท่าทีตื่นตระหนกตกใจ เขานั่งลงที่เก้าอี้กลมฝั่งตรงข้าม ภูติวิหคโบยบินลงมาแล้วกลายร่างเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบสี่

          “ส่านเตี้ยน ชงชาให้ข้าหน่อยสิ”

          “ขอรับ” ส่านเตี้ยน รับคำสั่งแล้วผลุบหายไป

          “ดูท่านไม่แปลกใจที่ข้ามองเห็นท่าน” เด็กชายเอ่ยขึ้นโดยยังวางสายตาที่หมากกระดานตรงหน้า “มีคนมองเห็นท่านเช่นข้าบ่อยรึ”

          ฮวงหลงนิ่งไปเล็กน้อย พลันคิดถึงเจ้าเด็กหญิงจอมซน ช่างเอาแต่ใจผู้นั้น ร่าเริงปราดเปรียวเหมือนกระต่ายป่า และตั้งแต่นางมองเห็นเขา นางทำเหมือนเขาเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่เอะอะก็เรียกชื่อเขาเป็นว่าเล่น

          ชื่อของเหล่าปวงเทพหาใช่จะเรียกขานได้พร่ำเพรื่อ!

          แต่นางก็ทำ!

          “ดีจริง ก่อนตายได้เจอเทพเช่นท่าน”

          เขาขมวดคิ้ว “เจ้าไม่ใกล้ตายเช่นนั้นหรอก”

          “ใครๆ ก็บอกว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ไม่ยืนยาวนัก”

          “เจ้าจึงเชื่อเช่นนั้น?”

          เด็กชายตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาประหลาดใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “อย่างไรคนเราก็ต้องตาย ช้าเร็วสุดท้ายก็ย่อมตาย ข้าเองไม่ใส่ใจอาการเจ็บป่วยของตนเองนัก แต่สงสารคนที่คอยดูแลอยู่มากกว่า ทำให้รู้สึกว่า ทุกวันนี้อยู่ไปก็ทำให้ผู้อื่นลำบากนัก”

          “เจ้าช่างเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นยิ่ง” ฮวงหลงหัวเราะในลำคอมองเด็กชายวางเม็ดหมากลงไป เขายิ้มอย่างพอใจ แล้วยื่นปลายนิ้วไปแตะหน้าผากของอีกฝ่าย เป็นเทพก็ใช่ว่าจะมีพลังหยั่งรู้ดินฟ้าอนาคต เพียงแค่ เขาสำรวจดูพลังชีวิตของเด็กชายคนนี้ แม้จะมีชีวิตอยู่อีกสิบปีแต่ต้องผ่านอุปสรรคหนักหนานัก

          “เจ้ายังไม่ตายในเร็ววันนี้หรอก เดินหมากเป็นเพื่อนข้าก็แล้วกัน”

          เพียงพริบตา เด็กชายอมโรคผู้นั้นก็เติบโตเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบ มีเส้นผมเป็นสีขาวโผลนทั้งศีรษะ แต่ดวงตายังลุ่มลึกและเปี่ยมพลังงานชีวิต แม้ไม่แข็งแรงเท่าชายหนุ่มวัยเดียวกัน แต่นับว่าดีกว่าที่เขาพบเจอในครั้งแรกมากแล้ว

          “เยี่ยนหรงเหยา”

          ชายหนุ่มเพียงแค่เงยจากถ้วยชาของตน

          “ข้าได้ยินว่าที่แคว้นหานแล้งหนักติดต่อกันมาสามปีแล้ว ไฉนบ้านของเจ้ายังดูอุดมสมบูรณ์นัก”

          “ข้าเก่งอย่างไรเล่า” เยี่ยนหรงเหยาหัวเราะด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ข้าทำกังหันผันน้ำไว้ใช้”

          แม้ร่างกายของเยี่ยนหรงเหยาไม่แข็งแรง แต่สติปัญญาเป็นเลิศนัก เป็นคนช่างคิดและประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ อาศัยว่าตนเองร่ำรวยจึงสามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้ ในเรือนไม้หอมของเขาจึงมีสิ่งปลูกสร้างหน้าตาแปลกประหลาดอยู่ไม่น้อย

Related chapters

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 12. ครุ่นคิด

    “ได้ยินว่าเจ้าเมืองจะทำพิธีขอฝน” เยี่ยนหรงเหยาพูดอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก เขาคร้านจะจดจำว่ากี่ครั้งแล้วที่ทำให้ไปแล้วก็ยังไร้เม็ดฝนสักหยด ฮวงหลงเคาะปลายนิ้วที่โต๊ะอย่างครุ่นคิด เขาไม่มีหน้าที่บันดาลฝน เขาเป็นเทพมังกรดินที่ดูแลพื้นดินและสายน้ำ ทว่าอดแปลกใจไม่ได้ที่เมืองที่ชุ่มชื้นแห่งนี้แล้งยาวนานถึงเพียงนี้ ดวงตาคู่คมปิดเปลือกตาลง เยี่ยนหรงเหยามองบุรุษเบื้องหน้า สิบปีมานี่จากร่างกายสภาพเด็กชายผอมบางที่ยื่นเท้าข้างหนึ่งเข้าไปประตูปรโลกแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะมีชีวิตยืนยาวมาถึงวันนี้ เขาชาชินกับความเป็นและความตายของตนเอง อาศัยว่าตระกูลเยี่ยนร่ำรวยจากเหมืองแร่เงิน ท่านลุงเป็นอัครเสนาบดี ลูกพี่ลูกน้องเป็นสนมขององค์ฮ่องเต้ เรื่องเหล่านี้เขาไม่ได้สนใจนัก ด้วยสภาพร่างกายอ่อนแอตั้งแต่กำเนิด เขาเป็นบุตรชายของฮูหยินใหญ่ ทว่ามารดาตั้งครรภ์แรกเมื่ออายุมาก การให้กำเนิดเขาเป็นเรื่องเสี่ยงต่อสภาพร่างกายนัก แต่กระนั้น สตรีผู้หนึ่งก็ใฝ่ฝันจะเป็นมารดาคนจึงสู้อดทนอุ้มท้องให้กำเนิดบุตรชาย ทว่ากลับเป็นลูกชายที่เสมือนโถยาเช่นเขา เพราะบารมีตระกูลเดิมของมารดา ความมั่งคั่งและฐาน

    Last Updated : 2025-01-08
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 13. ทำไมพวกเจ้าถึงตัวสูงใหญ่กว่าข้านักนะ

    “ทำไมพวกเจ้าถึงตัวสูงใหญ่กว่าข้านักนะ” หญิงสาวบ่นอุบอิบแต่กระนั้นคนที่อยู่ด้านหลังยังได้ยิน กันอี๋ไม่เอ่ยอะไร ได้แต่สูดเอากลิ่นหอมจากเรือนกายของหญิงสาวไว้เต็มปอด เขาเดินทางไปพร้อมกับซิ่นหลิงและซาโม่ ครั้งสุดท้ายที่เห็นนางก็เป็นเพียงเด็กหญิงอายุสิบสอง ห้าปีผ่านมาจากเด็กผู้หญิงคนนั้นมาบัดนี้นางกลายเป็นหญิงสาวงดงามเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทว่าดวงตาคู่นี้ของนางยังคงประกายระยิบระยับ ยามนางยิ้มหรือหัวเราะ ดวงตาจะให้ประกายแวววาวเป็นความงามที่ตรึงคนที่เผลอสบตาให้ต้องลุ่มหลงไปในดวงตาคู่นี้ กันอี๋ควบม้าอย่างไม่เร่งรีบนัก ซิ่นหลิงนัดหมายเวลาและห้องที่เลือกไว้แล้ว เพื่อให้เขาพาซิ่นฮวาตามไปพอดี เขายอมรับว่าความคิดของนางช่างแปลกประหลาดนัก แต่ก็นั่นแหละ มันไม่แปลกเลยถ้าหากเป็นความคิดที่มาจากสมองน้อยๆ ของซิ่นฮวา เพราะนางมักมีความคิดแปลกประหลาดเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ใบหน้าที่มักเรียบเฉยอยู่เสมอปรากฏรอยยิ้ม นางเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ยังเด็กจนเติบโตเป็นหญิงสาวงามสะพรั่งยังคงเป็นเช่นเดิม แม้เป็นบุตรีแสนรักของท่านอ๋องเฟยเทียนแต่นางกลับไม่เคย...ไม่เคยสักครั้งที่ใช้ยศศักดิ์

    Last Updated : 2025-01-08
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 14. นางถูกจุมพิต!

    มือเล็กพยายามดันอีกฝ่ายเต็มแรงแต่ไม่ทำให้บุรุษตรงหน้าขยับตัวเลยสักนิด เขาใช้ร่างของตนกักขังนางไว้อย่างแนบชิด เพราะนางเผยอริมฝีปากอยู่ก่อนแล้วทำให้เขาแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากได้ง่ายดาย ปลายลิ้นแตะถูกลิ้นน้อยๆ ร่างเล็กเริ่มดิ้นรน ลมหายใจถูกปิดกั้นจนแทบหมดสติ ดวงตาคมที่จ้องมองมีแววรื่นรมย์ ยอมถอนริมฝีปากให้หญิงสาวได้สูดอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่ “เท่าไร?” “!” หญิงสาวยังมึนงงจึงได้แต่กะพริบตาจ้องมองใบหน้าของชายแปลกหน้า ทรวงอกของนางสะท้อนขึ้นลงรุนแรงเพราะแรงหอบหายใจทำให้บดเบียดแผงอกที่เบียดชิดนางอยู่ “ค่าตัวเจ้าเท่าไร” คำถามซ้ำอีกครั้งของเขาทำให้ซิ่นฮวาได้สติ หญิงสาวขึงตาใส่ด้วยความโกรธและโมโห ทำให้พวงแก้มแดงจัดขึ้นไปกว่าเมื่อครู่ เขาถามค่าตัวนาง! ชายผู้นี้เห็นนางเป็นหญิงคณิกา! “ข้าไม่ใช่หญิงคณิกา!” นางเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อจะได้ขึงตาใส่อย่างดุดัน หวังข่มขวัญให้เขากลัว ทว่านางกลับเห็นใบหน้าเคร่งเครียดแต่แววตามีรอยยิ้มของเขา นางกลับรู้สึกว่าตัวเองพลาดอีกแล้ว นางผงะถอยหลังและกลอกตาหาช่องทางหลบหนี หญิงสาวรับรู้ถึงการเคล

    Last Updated : 2025-01-08
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 15.รวดเร็วดุจดวงดาวกะพริบแสง

    ปีที่นางอายุสิบห้า นางอาจหาญขอเป็นเจ้าสาวของเขา ปีนี้นางอายุสิบหกขอจุมพิตแรกและปรารถนาจะให้เขาเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้น ทั้งที่ตั้งมั่นตั้งใจอย่างเต็มที่ กระนั้นนางก็อดประหม่าและเขินอายไม่ได้ แม้ดวงตาของเขาจะปิดสนิทแต่เมื่อเห็นเขาใกล้ถึงเพียงนี้ ขนตางามงอน หลังเปลือกตาคือดวงตาที่กลิ้งไปมาคล้ายระแวงระวัง นางยื่นปากของตนเข้าไปใกล้ ทว่าความตื่นเต้นทำให้นางประหม่าเอนตัวเข้าหาร่างสูงมากเกินไปจนกลายเป็นล้มเข้าใส่เขาเต็มแรง ริมฝีปากนุ่มสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ รวดเร็วดุจดวงดาวกะพริบแสง หญิงสาวเบิกตาโตอย่างตกใจ เช่นเดียวกับดวงตาสีเทาหม่นที่เบิกกว้างจ้องมองการกระทำของนาง สิ่งที่คาดหวัง ไม่ใช่เช่นนี้ มือใหญ่ยื่นมาจับสองไหล่ของหญิงสาวยันร่างนางออกเบาๆ ซิ่นฮวาได้แต่กะพริบตาปริบๆ งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เห็นเพียงเขาหรี่ตามองอย่างดุดันทำให้ใบหน้าของนางเห่อร้อนขึ้นมาทันที “เจ้าทำอะไร?” “ก็...” ถูกจับได้เช่นนี้ปฏิเสธก็ไม่ทันเสียแล้ว นางจึงยืดอกอย่างสง่าเผยทั้งที่พวงแก้มแดงจัดลามเลียลงลำคอของนางไปแล้ว “จูบไง”

    Last Updated : 2025-01-08
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 16. กลบเกลื่อนเรื่องที่ทำให้ว้าวุ่นใจ

    “ข้าย่อมเห็นความสงบของบ้านเมืองเป็นสิ่งสำคัญ” นางเชิดปลายคางขึ้น กลบเกลื่อนเรื่องที่ทำให้ว้าวุ่นใจไปเสีย ซิ่นหลิงจ้องมองใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกันเบื้องหน้าแล้วคลี่ยิ้มออกมา “ดี!” ภายนอกร่ำลือกันไปว่า ท่านหญิงซิ่นฮวาเป็นบุตรีที่รักของชินอ๋องเฟยเทียนนางจึงเอาแต่ใจตนเองเป็นที่หนึ่ง สิ่งใดไม่ถูกใจก็ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เป็นหญิงสาวที่ครอบครองความงามและความร้ายกาจในคนเดียว ซิ่นฮวาปล่อยให้คนอื่นเข้าใจไปเช่นนั้น เพราะนางไม่ต้องการให้ผู้ใดส่งแม่สื่อมาเยือนประตูตำหนักอ๋อง เรื่องนี้ ซิ่นหลิงย่อมรู้ดี ยอมให้ผู้อื่นเข้าใจผิดด้วยเรื่องเช่นนี้ ซิ่นหลิงได้แต่ส่ายหน้าไปมา “เจ้าสบายใจได้แล้วสินะ” ซาโม่ที่ฟังอยู่เงียบๆ เอ่ยขึ้นมา แล้วยกมือยืดแขนตัวเองราวกับเมื่อยขบมานาน “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ข้าอยากกินขนมอร่อยๆ แล้วสิ” ซิ่นฮวาหัวเราะคิกคัก ยามใดที่นางส่งเสียงหัวเราะ ราวกับดอกไม้ก็ร่วมใจกันผลิบานรับเสียงกังวานใสของนาง หญิงสาวที่เติบโตท่ามกลางความรักและเอาใจใส่จากคนรอบข้าง ไม่เคยมีเรื่องใดมารบกวนจิตใจ ดวงตาฉ่ำหวานคู่นั้นไม่เคยหลั่งน้ำตาเพราะความเศร้าโศก ซึ่ง...

    Last Updated : 2025-01-08
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 17. เอาแต่ใจ

    แม้นางซุกซนและเอาแต่ใจ แต่นางก็เป็นคนรู้กาลเทศะอย่างดียิ่ง นางเดินกลับมาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มออก เป็นอาภรณ์สีชมพูงดงามดุจดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำ มีจื่อเหยี่ยนช่วยแต่งทรงผมให้นาง “แขกที่ท่านแม่พูดถึงเป็นผู้ใดกัน” “ไม่ทราบเจ้าค่ะ” “น้าจื่อเหยี่ยนพูดกับข้าธรรมดามิได้หรือ? ที่นี่ก็ไม่มีใครเสียหน่อย” หญิงสาวเบ้ปาก “อย่างไรน้าจื่อเหยี่ยนก็เป็นมารดาของกันอี๋ ข้านับถือเขาเป็นสหาย” จื่อเหยี่ยนหัวเราะน้อยๆ นางรู้ว่าท่านหญิงน้อยของนางมิใคร่ชอบแต่งกายมากด้วยเครื่องประดับ จึงปักปิ่นดอกไม้ ต่างหูมุก และกำไลหยกให้เพียงแค่นั้น นางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วเพราะไม่ต้องการให้ ‘แขก’ รอนาน จื่อเหยี่ยนพาหญิงสาวมาที่ห้องรับรอง เมื่อเดินเข้ามานางเห็นซิ่นหลิงอยู่พร้อมกับบิดามารดาแล้ว แม้ไม่เห็นเงาซิ่นสือน้องชายคนเล็ก แต่รู้ว่าต้องแอบซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นแน่ “ขออภัยที่ให้รอเจ้าค่ะ” ซิ่นฮวาเอ่ยขึ้นและมองผู้ที่กำลังลุกขึ้นจากเก้าอี้ เพียงนางเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน ดวงตากลมจ้องเขม็งไปยังชายผู้นั้น เวลานี้เขาสวมอาภรณ์งามสง่า

    Last Updated : 2025-01-08
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 18. อยากดูอะไรก็ดูสิ

    ซิ่นฮวาเดินมาเพียงลำพัง นางสั่งห้ามมิให้หญิงรับใช้ติดตามมา แม้แต่น้าจื่อเหยี่ยนก็ตาม ด้วยนิสัยเอาแต่ใจของนางทำให้ไม่มีใครกล้าขัด แม้รู้ว่าไม่เหมาะสมที่จะให้ท่านหญิงน้อยอยู่กับบุรุษแปลกหน้าตามลำพัง หญิงรับใช้จึงได้แต่ยืนรออยู่ห่างๆ “อยากดูอะไรก็ดูสิ!” นางกระแทกเสียงพูดอย่างสนใจว่าคนฟังจะคิดอย่างไร “สวนกระจ่างใจนี้เป็นที่โปรดปรานของท่านแม่มาก ท่านลงมือปลูกต้นไม้ดอกไม้ด้วยตนเอง” ซ่งเหว่ยหนานอมยิ้มเมื่อไม่มีผู้อื่นแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทมากนัก ชายหนุ่มยกมือกอดอกแล้วโน้มหน้าลงจ้องมองใบหน้างดงามใกล้ๆ ซิ่นฮวาตกใจกับการกระทำของเขา เผลอก้าวเท้าถอยหนีอย่าลืมตัว ทำให้ซ่งเหว่ยหนานหัวเราะในลำคอ “เจ้า!” “ท่านหญิงพูดเองว่า ‘อยากดูอะไรก็ดู’ ข้าอยากดูใบหน้าของท่านหญิงให้ชัดๆ ว่าใช่สตรีที่สวมอาภรณ์บุรุษที่ข้าพบที่หอนางโลมหรือไม่” ซิ่นฮวาถลึงตาใส่ กระนั้นใบหน้างามแดงระเรื่อด้วยความโกรธ ใครเลยจะคิดว่าชายที่ปล้นจุมพิตและทำหยาบคายกับนางเป็นคนเดียวกับชายหนุ่มตรงหน้านี้ได้ “เจ้าจำข้าได้แต่ที่ข้าก้าวเท้าเข้าไปแล้วกระมัง” นางใช้โทส

    Last Updated : 2025-01-09
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 19. ของขวัญ

    “ดูภายนอกเป็นแค่กำไลธรรมดา แต่ข้าทำให้มีกลไลซ่อนเข็มพิษได้เพียงแค่ขยับตรงนี้” พูดพลางชี้ให้ดูว่าต้องหมุนอย่างไร “แน่ใจว่าข้าจะปลอดภัยที่ใช้สิ่งนี้” ซิ่นหลิงอดหยอกน้องชายไม่ได้ ซิ่นสือชอบประดิษฐ์กลไลต่างๆ สำหรับคนฝึกยุทธเช่นเขาสิ่งนี้อาจไม่จำเป็นนัก แต่สำหรับซิ่นฮวาที่ไร้วรยุทธนับว่าเป็นประโยชน์ยิ่ง “ย่อมใช้ได้แน่นอนและปลอดภัย” ซิ่นสือยืดตัวขึ้นตบหน้าอกตนเองหนักแน่น แม้เขาอายุเพียงสิบสี่แต่ก็เผยความสง่าผ่าเผย ซิ่นสือเริ่มฝึกยุทธช้ากว่าเขาซิ่นหลิงมากนัก แต่ภายใต้ท่าทีรักสนุกไม่สนใจเรื่องภายนอก เขากลับซ่อนความสามารถของตนได้มิดชิด มีเพียงซิ่นหลิง ซิ่นฮวาและบิดามารดาเท่านั้นที่ล่วงรู้ “ขอบใจเจ้ามาก” ซิ่นฮวากลั้นหัวเราะ หากยามนี้ไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยง นางคงใช้นิ้วดีดหน้าผากเกลี้ยงเกลาของน้องชายไปแล้ว ซิ่นสือส่งยิ้มทะเล้นให้พี่ทั้งสอง หางตารับรู้ว่ามีคนเข้ามาใกล้จึงเก็บอาการทะเล้นของตนเองแล้วถอยออกมาอย่างรู้มารยาท ซ่งเหว่ยหนานก้าวเข้ามาพร้อมผู้ติดตามที่ประคองกล่องของขวัญตามอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มประสานมือคารวะเจ้าของงานวันเกิดทั้งสอง แ

    Last Updated : 2025-01-09

Latest chapter

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 75.   เจ้าพูดไม่ได้

    “เจ้าพูดว่าอะไรนะ” ซิ่นฮวายกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากของตนเอง พยายามบอกเขาว่านางไม่มีเสียง คนที่เข้าใจคนแรกกลับเป็นซาโม่ “เจ้าพูดไม่ได้?” ซิ่นฮวาส่ายหน้าแล้วหัวเราะน้อยๆ เอ่ยปากช้าๆ ‘ข้า-ไม่-มี-เสียง-เจ้า-ต้อง-อ่าน-ปาก-ข้า’ ซาโม่พยักหน้าหงึกหงักแล้วหันมาทางซิ่นหลิงหมายใจจะอธิบายแต่อีกฝ่ายชิงยกมือห้ามไว้ก่อน เพราะเข้าใจในสิ่งที่ซิ่นฮวาสื่อสารออกมา สองพี่น้องสบตากัน ซิ่นหลิงรู้สึกจุกในอกไม่คิดว่าจะได้เห็นนางในสภาพเช่นนี้ สาวใช้คนสนิทของมารดารีบเดินเร็วๆ เข้ามาโดยไม่สนใจมารยาทใดทั้งสิ้น ยามนี้ใจของปี้เอ๋อร์กังวลเพียงเรื่องของท่านหญิงซิ่นฮวาเท่านั้น เมื่อนางมาถึงก็แทบแทรกทุกคนเข้าไปจับมือเรียวเล็กของหญิงสาว ปี้เอ๋อร์อ้าปากเหมือนจะเอ่ยถามแล้วเปลี่ยนใจ นางยืนตัวขึ้นแล้วหมุนตัวหันไปโบกมือโบกไม้ไล่ทุกคนในห้องให้ออกไปให้หมด “พวกท่านเป็นบุรุษออกไปก่อน ท่านหญิงต้องผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า” แม้เป็นบุรุษตัวโตแต่ซิ่นหลิง กันอี๋ และซาโม่ แต่ยังคงเป็นเด็กในสายตาของปี้เอ๋อร์ นางเลี้ยงดูเด็กๆ เหล่านี้รวมทั้งคุณชายน้อยซิ่น

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 74.  รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยกัน

    ซิ่นหลิงระบายลมหายใจบางเบา ยามนี้ได้แต่ช่วยเหลือแคว้นหานให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่ซิ่นฮวาจะกลับมา เดิมทีเขามีภารกิจที่ได้รับมอบหมายเช่นกัน และคิดว่า ‘คีตาบำบัด’ ของซิ่นฮวาอาจพอช่วยรักษา ‘คนผู้หนึ่ง’ ได้ แต่เมื่อรู้ว่านางเองบาดเจ็บสาหัสในเวลานี้คงมิอาจรักษาใครได้ เขาจึงได้แต่พยายามสงบใจและใคร่ครวญหาวิธีการแก้ไขปัญหาของตนต่อไป ยังไม่ทันที่ซ่งเหว่ยหนานจะเอ่ยอะไรออกไป ซาโม่หันหน้าไปทางหนึ่งทำจมูกสูดดมกลิ่นในอากาศ ใบหน้าไร้อารมณ์นั้นปรากฏรอยยิ้มกว้าง ท่าทางตื่นเต้นดีใจนั้นทำให้ซิ่นหลิงและกันอี๋หันมองด้วยความสนใจ ลักษณะเด่นของซาโม่ที่ ‘จมูกดี’ วิหคตัวหนึ่งโบกบินในอากาศและเมื่อเห็นว่าบุรุษทั้งสี่เบื้องหน้าเป็นคนรู้จักที่เขาไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องใดอีก วิหคตนนั้นกระพือปีกอยู่สองสามครั้งก่อนร่อนลงมากลายร่างเป็นมนุษย์ในร่างเด็กชายอายุราวสิบสี่ปี “ส่านเตี้ยน?” ซิ่นหลิงทักทันที เด็กหนุ่มประสานมือคารวะทุกท่าน เขาส่งยิ้มเล็กน้อยแล้วเบี่ยงตัวหลบเหมือนรอคอยใครผู้หนึ่ง คล้ายมีกลุ่มเมฆลอยต่ำลงมาใกล้จนกระทั่งกลุ่มเมฆนั้นสลายไป บุรุษเจ้าของเส้น

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 73.  งูน้อยยังคงสงบนิ่งหลับใหล

    ซ่งเหว่ยหนานยืนมองร่างงูสีดำที่นอนขดสงบนิ่งในกรงเหล็กที่แข็งแรง งูน้อยยังคงสงบนิ่งหลับใหลคล้ายจำศีล ตั้งแต่วันที่สตรีแปลกหน้าที่เรียกตนเองว่าเมิ่งหย่าจิ้งคืนร่างกลับเป็นงูดำตนนี้ งูตัวนั้นขดตัวสงบนิ่งเช่นนี้มาตลอด แม้ผู้อื่นกล่าวเตือนให้เขาระวังแต่เขายังคงประคองงูตัวนี้ใส่ตะกร้าและให้คนจัดหากรงที่แข็งแรงมาใส่งูดำตัวนี้ไว้ ‘นางจะอยู่ในร่างงูดำจำศีลเช่นนี้ ไม่อาจทำร้ายผู้ใดได้อีก’ ชายหนุ่มยังจำน้ำเสียงของเทพมังกรผู้กลายร่างเป็นมนุษย์เอ่ยขึ้น ซิ่วอิ่งคืนร่างเดิมเป็นงูเขียวตัวน้อยถูกส่งตัวไปรอรับโทษทัณฑ์ขัดเกลาจิตใจที่อารามนักพรตหญิงแห่งหนึ่ง เดิมทีเมิ่งหย่าจิ้งเองต้องโทษทัณฑ์เช่นเดียวกัน แต่ซ่งเหว่ย-หนานกลับร้องขอที่จะดูแลนางเอง ‘ในเมื่อนางไร้พิษภัยใด ก็กักขังนางไว้ที่นี่เถิด เผื่อว่านางจะสำนึกผิดและบำเพ็ญเพียรอีกครา’ จวิ้นอี้นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ารับ ยื่นมือไปจับมือของซ่งเหว่ยหนานให้หงายขึ้นแล้วเขียนอักขระที่กลางฝ่ามือร่ายมนตร์ให้ ‘ข้าร่ายมนตร์ไว้หากจำเป็นเจ้าสามารถจัดการนางได้ทันที’ จวิ้นอี้ถอนหายใจบางเบา ‘แต่การละเว

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 72.  ได้ยินเสียงหัวใจ

    นางแหงนหน้ามองเห็นเพียงปลายคางของเขา ความรู้สึกวิงเวียนตาลายเข้ามาแทนที่ รู้สึกเจ็บร้าวทั่วแผ่นอก ร่างกายร้อนวาบราวกับถูกเพลิงเผาไหม้อยู่ภายใน นางได้แต่เอียงหน้าซบแผ่นอกของเขา ได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวใต้ใบหูของนาง “เจ้าต้องไม่เป็นอะไร” น้ำเสียงลอดไรฟันนั้นทำให้คนฟังปวดใจไม่น้อย “เจ้าต้องอยู่ข้างกายข้า!” ฮวงหลงสะท้อนใจจนหัวใจปวดร้าว หากไม่มีนางอยู่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาจะมีความหมายอะไรกัน! เพียงพยายามเคี่ยวยาสารพัดที่มีสรรพคุณถอนพิษโลหิตปีศาจงูดำ เหลือเพียงแค่บุกแดนสวรรค์ชิงโอสถทิพย์เท่านั้น ส่านเตี้ยนที่มุ่งหน้ามาหมายพบผู้เป็นนาย แต่เมื่อเห็นหญิงสาวในอ้อมอกใบหน้าซีดขาวราวไร้โลหิต มุมปากมีคราบเลือดสีดำเปื้อนเปรอะทำให้ผู้พบเห็นถึงกับผงะไป “ท่านหญิง..” ส่านเตี้ยนเองก็ค่อยดูแลซิ่นฮวาแทนผู้เป็นนายยามที่ท่านเทพมังกรดินลงมือเคี่ยวยาด้วยตนเอง แม้เขาเคยระอานิสัยเอาแต่ใจที่ทำให้นายของเขาต้องพลอยลำบากใจอยู่บ่อยครั้ง ซ้ำยังใช้งานเทพมังกรดินราวคนรับใช้ แต่เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดของนางเพราะรับพิษแทนนายของตน เขาเองชื่นชม ห่วงใย และสำนึกในบุญคุณขอ

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 71. สบตาข้า

    “เวลาพูดกับข้าเจ้าต้องสบตาข้า” ฮวงหลงเอ่ยเหมือนดุเด็กเล็กๆ หารู้ไม่ว่าลมหายใจของตนที่รินรดนั้นทำให้ใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อ “ข้าต้องอ่านปากเจ้าจึงจะเข้าใจความหมายที่เจ้าพูด” คล้ายถูกดวงตาคมเข้มคู่นั้นสะกดจิตใจ นางได้แต่พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายในชั่วเวลาต่อมาถ้วยยาที่เทพมังกรหนุ่มถือมาก็ถูกยื่นมาจ่อตรงริมฝีปากของหญิงสาว นางเม้มปากแน่นไม่มีท่าทียินยอมให้ยารสขมนั้นไหลผ่านคอ ผู้เคี่ยวยาเลิกคิ้ว ใบหน้าน้อยๆ มีแววต่อต้านจริงจังกลับทำให้มุมปากของเขายกยิ้ม “ได้” น้ำเสียงเหมือนเกียจคร้านเอ่ยพร้อมเงยตัวขึ้น “ข้าป้อนยาให้เจ้าเองก็ได้” ‘ไม่! ไม่ต้อง!’ มือเล็กรีบยื่นไปคว้าถ้วยยามาถือไว้ด้วยตนเอง ให้เขาป้อนยาให้นางนะหรือ? ทรมานยิ่งนัก มิใช่เพียงต้องกล้ำกลืนยารสขมแต่เพราะเรียวลิ้นของเขาที่ปลุกปั่นจิตใจของนางให้ยิ่งงุนงง นางจ้องมองยาเข้มข้นในถ้วยหยก แม้มีกรุ่นอายลอยบางเบาแต่เมื่อประคองถ้วยยาไว้ในมือกลับไม่รู้สึกร้อนเลยสักนิด นางหลับตาแล้วกลั้นใจยกถ้วยยาขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแล้วยื่นถ้วยยาที่ว่างเปล่าส่งคืน ทว่ามือใหญ่ไม่ได้ยื่นไปถ้วยยาจากมือนาง แต่กลั

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 70. ไม่ลังเลที่จะรัก

    ครั้งนี้ เขาไม่ลังเลที่จะ ‘รัก’ นางอีกแล้ว ไม่ว่าจะมีเวลาสำหรับเขาและนางมากน้อยเพียงใด เขาจะถนอมเวลาที่ได้อยู่กับนาง ยอมรับทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่หวั่นเกรงสิ่งใดอีกแล้ว ผ้าห่มที่ถูกดึงมาจนปิดใบหน้าค่อยๆ ถูกเลื่อนออกจนเห็นดวงหน้าแดงระเรื่อของหญิงสาว ซิ่นฮวาเห็นเขาส่ายหน้าไปมาแล้วพึมพำเหนือใบหน้าของนาง “หน้าเจ้าแดงอีกแล้ว ไข้ขึ้นแล้วหรือ?” เขากระซิบใกล้ริมฝีปากของนาง ลมหายใจอุ่นรินรดใบหน้าของหญิงสาว นางตกตะลึงไม่ทันตั้งสติ เขาก็ประทับจูบลงที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มของนางอีกครั้ง ครั้นนางได้จังหวะหอบหายใจ เขาก็ฉวยโอกาสแทรกลิ้นเปียกร้อนเข้าไปลิ้มรสความหวานในปากของนาง คล้ายลมหายใจร้อนของเขาไหลเวียนในกายนาง ร่างกายของนางร้อนรุ่มโดยเฉพาะช่องท้องที่เคร่งเครียดและหวามไหว ความปรารถนาแสนหวานก่อตัวขึ้นอีกระลอกทำให้ร่างกายบิดเร่าไปมาโดยไม่รู้ตัว รสจูบของเขาทวีความร้อนแรงขึ้น ดูดดื่มมากขึ้น จนนางแทบหมดเรี่ยวแรง สมองขาวโพลน เรียวลิ้นยั่วเย้าของเขาเรียกร้องให้นางตอบรับ ความไม่ประสีประสาทำให้นางเงอะงะ แต่นั่นยิ่งทำให้บุรุษหนุ่มเพลิดเพลินกับการสอนนางให้เรียนรู้การจ

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 69. ข้อเสนอ

    ข้อเสนอของเขาทำให้นางพยักหน้ารับ ฮวงหลงเห็นบุปผาน้อยยินดีทำตามกฎก็โน้มหน้าลงยื่นปลายจมูกกดที่แก้มเนียนของหญิงสาว ‘ท่าน!’ ดวงตาเป็นประกายฉายแววตื่นตระหนก สองแขนของเขาคร่อมร่างของนางไว้ ร่างเล็กเอนหลังหนีปลายจมูกที่ยื่นมาซุกไซ้ใบหน้าของนางแต่กลายเป็นว่านางหงายหลังลงบนเตียงนอนโดยมีร่างของบุรุษหนุ่มตามลงไปทาบทับ ‘หยุดนะ! ท่านทำอะไร!’ สองมือยื่นไปยันกายของเขาไว้ แต่พอเจอสายตาจริงจังของเขาแล้ว นางกลับลืมถ้อยคำของตนไปหมดสิ้น “คราวนี้เข้าใจหรือไม่ แต่ก่อนที่เจ้าร้องขอให้ข้าพาเจ้ามาตำหนักแล้วข้าไม่สามารถพามาได้เพราะอะไร” ชายหนุ่มแสร้งทำเสียงตำหนิ “เจ้าไม่คิดหรือว่าข้าเป็นผู้คุมกฎต้องมาละเมิดกฎเสียเองเป็นเรื่องไม่สมควร” ถูกตำหนิต่อว่าเช่นนี้แล้ว นางจึงไม่กล้าขยับตัวอีกแต่มิอาจสบตาดวงตาลึกล้ำของอีกฝ่ายได้ นางจึงกลอกตาไปทางอื่นยอมให้ ‘กำจัด’ กลิ่นอายมนุษย์ของนาง เพราะนางหลบตาจึงไม่อาจเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาได้ ฮวงหลงเพียงแค่อยากหยอกล้อนางเล่น ทว่าเมื่อตนเองก้มลงกดปลายจมูกดอมดมกลิ่นอายของหญิงสาวกลับเป็นฝ่ายถอนใจมิได้ ผิวกายเนียนนุ่มและกลิ่นหอมอ

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 68. กระซิบปลอบโยน

    ‘ฮวงหลง’ นางอ้าปากที่ไร้เสียงเรียกชื่อเทพมังกรดิน ห้องที่นางนอนอยู่ตกแต่งงดงามราวกับนางนิทราในสวนดอกไม้ แต่นางกลับไม่มีสายตาเหลือไว้ชื่นชมสิ่งรอบข้างเพราะใจของนางพะวงถึงบุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินยวงที่นางมักใช้นิ้วเกี่ยวพันไว้อยู่เสมอ ‘ฮวงหลง’ นางเรียกเขาอีกทั้งที่รู้ว่าไม่มีเสียงใดหลุดรอดจากริมฝีปากของนาง หญิงสาวหมุนตัวมองรอบกาย นางกลัวว่าตนเองฝันไป หรือนางยังไม่ตื่น อาจยังอยู่ในกระท่อมใต้สระน้ำนั้นก็เป็นได้ จิตใจที่ว้าวุ่นทำให้นางไม่รู้ว่ามีคนก้าวเข้ามาใกล้และยืนซ้อนอยู่ด้านหลังจนกระทั่งนางหมุนตัวกลับมา ใบหน้าเกือบปะทะกับแผ่นอกกำยำ นางผงะไปด้านหลังครึ่งก้าว มือแกร่งข้างหนึ่งยื่นมาโอบแผ่นหลังของนางไว้ไม่ให้หงายหลังและดันร่างนางกลับเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดใบหน้าของนาง บุรุษหนุ่มกวาดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า เขาส่ายหน้าไปมาส่งเสียงตำหนิไม่จริงจังนัก “เหตุใดเจ้าไม่สวมรองเท้า” ฮวงหลงเอ่ยถาม มือข้างหนึ่งของเขาถือถ้วยยานำเข้ามาให้นาง แม้ว่ามืออีกข้างจะโอบประคองแผ่นหลังของนางอยู่ แต่ยาในชามก็ไม่กระฉอกออกมาแม้แต

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 67. รักษาบาดแผล    

    เขากำลังรักษาบาดแผลให้นาง ทว่าช่องท้องที่รู้สึกวะหวิวจนอยากจะส่งเสียงครวญครางออกมา นางไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้แต่นางก็อับอายจนต้องยกมือปิดปากตนเอง สายตาของนางมองเห็นจุดแดงเล็กๆ ที่โคนขาด้านในจึงรีบหนีบขาไว้ก่อนแต่ยังช้าเกินกว่าสายตาช่างสำรวจของเขามองเห็นก่อนแล้ว นางฝืนหนีบขาตัวเองไว้แน่นทำให้บุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินยวงเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่พอใจพร้อมกล่าวตำหนินาง “อย่าดื้อ ข้าต้องรักษาบาดแผลให้เจ้า” ซิ่นฮวาส่ายหน้าไปมาไม่ว่าอย่างไรนางไม่อยากอ้าเรียวขาออกเด็ดขาด “ข้าทำเช่นนี้ให้เจ้าตั้งแต่เจ้าเป็นเด็กเล็กๆ” มือแกร่งยื้อเรียวขาของนางไว้ แล้วแยกขางามออกอย่างใจเย็น กลิ่นกายของนางหอมหวานชวนให้มึนเมายิ่งนัก เขาต้องทุ่มเทสมาธิเพื่อรักษาบาดแผลบนร่างกายของนางมิให้ทิ้งรอยตำหนิใดไว้ ร่างหญิงสาวอ่อนระทวยดุจเดียวกับขี้ผึ้งต้องความร้อน ริมฝีปากของเขากดลงบนโคนขาด้านใน จุดอ่อนนุ่มบนร่างถูกสัมผัสอย่างตั้งใจ สองขาถูกเขาแยกออกจากกันและร่างของเขาอยู่ตรงกลางหว่างขาของนาง หญิงสาวพยายามกระถดตัวถอยหนีแต่มือแกร่งรั้งจับสะโพกนางไว้มั่น มุ่งมั่นก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status