๑
ทางที่ต้องเลือก
เพียงฤดีหญิงสาวร่างบอบบาง นั่งร้องไห้ร่างกายสั่นเทาอยู่ต่อหน้านภาธรเพื่อนสาวคนสนิท เธอลูบแขนเขียวช้ำที่เพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มา ภาพในหัววนเวียนอยู่กับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
เมื่อตอนเย็นที่ผ่านมามารดาโทร. เรียกให้เธอรีบกลับบ้าน บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ทั้ง ๆ ที่เธอจะตั้งใจจะทำโอที หลังจากกลับไปบ้าน ท่านก็บ่นเรื่องเธอกลับช้า ก่อนจะขอเงินหนึ่งหมื่นบาทเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ซึ่งเธอต้องให้ท่านทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ขอเพิ่มอีกห้าพันบาทช่วยจ่ายค่าผ่อนรถให้กับเอกกมลผู้เป็นพี่ชายคนโต
‘แม่คะ แล้วเงินเดือนพี่ท็อปไปไหนหมดล่ะคะ ถ้าเอาไปหมื่นห้าแล้วฤดีจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่ายจนกว่าจะสิ้นเดือนล่ะคะ เงินเดือนฤดีแค่สองหมื่นห้าเอง ไหนยังจะต้องให้เงินแม็กซ์ไปมหา’ลัยอีก’ หญิงสาวท้วง
เพราะเธอต้องจ่ายเงินค่าใช้จ่ายภายในบ้านให้มารดาหนึ่งหมื่นบาททุกเดือน จะเหลือหนึ่งหมื่นห้าพันบาทไว้ใช้จ่ายส่วนตัวและเป็นเงินที่ต้องจ่ายให้กับนภดลหรือแม็กซ์ผู้เป็นน้องชายที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยสัปดาห์ละหนึ่งพันบาท ก่อนจะเจียดเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้เป็นเงินเก็บส่วนหนึ่ง ซึ่งเธอเองแทบจะไม่พอใช้อยู่แล้ว
‘แต่รถแม่ก็ต้องใช้ มีธุระจะออกไปไหนมาไหนก็ต้องให้พี่เขาพาไป แกก็ต้องช่วยจ่ายบ้าง ฉันรู้นะว่าแกมีรายได้อื่นอีกแต่ไม่ยอมบอกฉัน ยังไงเดือนนี้แกก็ต้องช่วย ฉันคิดว่าต่อไปแกก็ช่วยค่าผ่อนรถมาเดือนละห้าพันก็แล้วกัน’
ผู้เป็นมารดาเอ่ยเสียงแข็ง ทั้ง ๆ ที่ตอนดาวน์รถเธอก็ช่วยออกเงินไปแล้วมากกว่าครึ่งจากเงินที่เก็บเล็กผสมน้อย เพราะพี่ชายบอกว่าได้งานเป็นเซลล์ต้องใช้รถ ถ้าได้รถแล้วเขาจะหาเงินผ่อนเอง แต่หลังจากได้รถไปแล้วก็ยังมาขอเงินเธอไปช่วยผ่อนอยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็มีเงินเดือนแถมไม่ต้องช่วยค่าใช้จ่ายอะไรในบ้าน และมารดาก็ต้องมาบังคับเอากับเธออยู่ร่ำไป ทั้ง ๆ ที่เธอแทบไม่ได้ใช้รถคันนั้นเลยด้วยซ้ำ
ในเมื่อคัดค้านไม่ได้ เธอก็ต้องจำใจโอนเงินที่มีอยู่ในบัญชีให้มารดาไป เมื่อเห็นเงินเข้าบัญชีแล้วท่านก็รีบออกจากบ้านไปทันที บอกว่าจะกดเงินไปใช้หนี้ที่ยืมเพื่อนไว้
หลังจากโอนเงินให้มารดาเสร็จ หญิงสาวเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋าถือแล้ววางไว้บนโต๊ะข้างประตูบ้าน ก่อนจะเข้าไปทำอาหารรับประทาน
ขณะที่เอกกมลพี่ชายของเธอขับรถกลับมาบ้านพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน ทั้งหมดเหมือนจะเมากันมาแล้ว
‘ฤดีทำกับแกล้มมาพี่ให้หน่อย’ เสียงพี่ชายของเธอตะโกนสั่งเสียงเอะอะ
เธอจึงทำกับแกล้มง่าย ๆ ไปวางให้สองสามอย่างทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อยากจะทำไปให้สักนิด เพียงแต่ไม่อยากจะทะเลาะกับพี่ชาย เพราะรู้ว่าเมาแล้วก็คุยอะไรไม่รู้เรื่อง เธอเห็นเพื่อนพี่ชายมองเธอด้วยสายตาไม่ปกตินัก แววตาน่ารังเกียจนั้นทำให้เธอขนลุกเกรียว จึงเลี่ยงออกไปรดน้ำต้นไม้นอกบ้าน
เธอปลูกผักไว้ข้างบ้านจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้าน แม้จะต้องฟังมารดาบ่นว่าปลูกไว้ให้รกรุงรัง ของแค่นี้ซื้อกินเอาก็ได้ไม่เห็นต้องปลูก แต่เธอก็ยอมฟังเสียงบ่น เพื่อจะได้ประหยัดค่าอาหารลงได้บ้าง เพราะตอนนี้อาหารทุกอย่างปรับราคาขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน จนเธอแทบจะรับมือกับค่าใช้จ่ายไม่ไหวอีกแล้ว
แต่เมื่อเธอรดน้ำต้นไม้เสร็จแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก็เห็นเอกกมลนั้นเมาจนฟุบหลับไปบนโซฟาพร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ขณะที่อีกคนมองมาที่เธอด้วยดวงตาหื่นกระหาย
ภาพนั้นกระจายหายไปเมื่อเสียงของนภาธรดังขึ้นอีกครั้ง
“แกเป็นอะไรฤดี บอกฉันสิ ทำไมถึงอยู่ในสภาพแบบนี้” นภาธรสอบถามเพื่อนสาวที่โซซัดโซเซมาหาเธอที่หน้าคอนโดฯ ในสภาพไม่สู้ดีนัก เสื้อที่ใส่ไปทำงานเมื่อเช้านี้ตอนนี้กระดุมหลุดจนเพียงฤดีต้องเอามือกุมไว้ ส่วนแขนขาวเนียนนั้นมีรอยแดงช้ำ เธอจึงรีบพาเพื่อนขึ้นมาบนห้อง
“พี่ท็อปพาเพื่อนมากินเหล้าที่บ้าน แม่ก็ไม่อยู่ แม็กซ์ก็ไม่อยู่ พี่ท็อปเมาหลับ เพื่อนเขาจะ...จะ...”
“จะข่มขืนแกงั้นหรือ...” นภาธรเบิกตากว้าง เพียงฤดีพยักหน้า
“แล้วมันทำอะไรแกหรือยัง”
“ยัง ฉันผลักมันล้มลง แล้ววิ่งหนีออกมาทัน มอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดี ฉันเลยให้มาส่งที่คอนโดฯ แกนี่แหละ โชคดีที่ฉันคว้ากระเป๋าออกมาทัน ถึงได้มีเงินจ่ายค่ารถแล้วก็โทร.หาแกได้”
“พี่ท็อปอีกแล้วเหรอ แกยังจะทนอยู่ที่นั่นอีกเหรอฤดี ไหนจะแม่ไหนจะพี่สร้างแต่ความหนักใจให้แก” นภาธรได้แต่ถอนใจ เพราะรู้จักกับเพียงฤดีมานาน รู้ว่าเพื่อนต้องรับภาระหนักแค่ไหน
“ฉันจะ...จะไม่ทนอีกแล้วล่ะนภา ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่อยู่ที่บ้านนั้นแล้ว” เพียงฤดีเอ่ยเคล้าเสียงสะอื้น
“ดีแล้วแก ฉันก็บอกให้แกย้ายออกมาตั้งนานแล้วก็ไม่เชื่อ ไปขนของแกออกมาเลย แล้วมาอยู่กับฉันที่คอนโดฯ นี่แหละ ฉันอยู่คนเดียวห้องก็ตั้งกว้างไม่ต้องเกรงใจหรอก” ว่าพลางกวาดตามองห้องสีหวานสไตล์วินเทจของตัวเอง
“ไม่ ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ถ้าฉันยังอยู่พวกเขาก็ต้องตามเจอ ฉันอายุตั้งยี่สิบหกแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย แกยังซื้อคอนโดฯ ซื้อรถได้แล้ว แต่ฉันยังไม่มีอะไรสักอย่าง ฉันอยากไปอยู่ต่างจังหวัด อยากไปที่ไกล ๆ ที่ใครก็ตามหาฉันไม่เจอ” “อ้าว แล้วแกจะทำอะไรกิน จะไปหางานทำต่างจังหวัดเนี่ยนะ” “เปล่า ฉันมีงานของฉันอยู่แล้วแกไม่ต้องห่วงหรอก ขอแค่มีไฟฟ้า มีอินเทอร์เน็ตฉันก็ทำงานได้” “เอาจริงดิ แล้วแกทำงานอะไร งานที่บริษัทแกเขาให้ทำออนไลน์ได้เหรอ” นภาธรเอ่ยถึงตำแหน่งงานพนักงานบัญชีของเพื่อน ซึ่งบริษัทอยู่ไม่ไกลกับคอนโดฯ ของเธอมากนัก “เปล่า ฉันจะลาออก” “ลาออก!!” นภาธรทำตาโตเป็นไข่ห่าน ไม่คิดว่าเพื่อนจะตัดสินใจเช่นนี้ “ใช่ ถ้าฉันไม่ลาออก ฉันก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ ฉันคิดเรื่องนี้มานานแล้วละ เพียงแต่ยังห่วงแม่ห่วงน้องและหาที่ที่จะไปไม่ได้เท่านั้นเอง” เพียงฤดีตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ก็ปนความแน่วแน่ในความคิดนั้น “แกมั่นใจเหรอ แกพูดเพราะกำลังตกใจหรือเปล่า บอกฉันได้ไหมแกคิดอะไรอยู่”“ฉันจะเล่าให้แกฟังก็แล้วกัน ว่าฉันต้องการอะไร แกจะหัวเราะฉันเหมื
นั่นสินะ ใครจะหาที่ดินมาขายให้เธอได้ปุบปับเช่นนี้ หญิงสาวนั่งนิ่งอย่างหมดหวัง เพราะหากอยู่ในกรุงเทพฯ ทำงานที่เดิม หรือมาพักกับนภาธร มารดาของเธอก็ต้องตามตัวเจออีกแน่ ๆ เมื่อเพียงฤดีนั่งนิ่ง นภาธรจึงได้แต่ถอนใจเบา ๆ อย่างนึกสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ “ฉันรู้ว่าแกชอบดูคลิปทำเกษตร ชอบปลูกต้นหมากรากไม้ แต่การทำเกษตรมันไม่ง่ายอย่างที่แกเห็นในคลิปหรอกนะฤดี แกตัวเล็กแค่นี้จะไปทำงานหนัก ๆ ในไร่ในสวนได้ยังไง แถมอยู่ไกลญาติพี่น้องอีก เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาใครจะดูแล ขนาดฉันมีบ้านอยู่ต่างจังหวัดยังทำไร่ทำสวนไม่ไหวเลย”นภาธรว่าพลางมองเพื่อนที่นั่งกอดหมอนอิงน้ำตาไหลนองอยู่บนโซฟาอย่างอดเวทนาไม่ได้ เพียงฤดีคงจะทนไม่ไหวอีกแล้วจริง ๆ เพราะเมื่อสองปีก่อนเธอเคยชวนให้เพื่อนออกจากบ้าน มาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เพื่อหนีปัญหาที่ถูกครอบครัวคอยรีดไถเงินอยู่เรื่อย เธอก็ห่วงแม่ ห่วงพี่ ห่วงน้องไม่ยอมออกมา แต่คราวนี้ถึงกับอยากหนีไปให้ไกลแสนไกล ไม่อยากให้ใครตามเจอ “ฉันบอกว่าต้องการที่ดินแปลงเล็ก ๆ แค่สองสามไร่ หรือไร่ครึ่งไร่ก็พอ ไม่ได้ต้องการจะไปทำสวนทำไร่เป็นหลัก แค่ให้ฉันได้มีที่อยู่เป็นของตัวเองจริง ๆ ไม่ใ
๒สู่ดินแดนใหม่เพียงฤดีมายืนอยู่บนที่ดินแปลงที่เพื่อนบอกว่าจะขายให้ เธอกวาดตามองโดยรอบอย่างไม่อยากเชื่อว่าที่ดินตรงนี้กำลังจะเป็นของเธอ เพราะบรรยากาศรอบด้านช่างสวยงาม แวดล้อมไปด้วยภูเขา เธอมาถึงที่นี่ในตอนเช้าตรู่ เพราะนภาธรไม่จอดรถที่ไหนเลย จึงได้เห็นบรรยากาศแสนสดชื่นและเย็นสบายในยามเช้า“สวยจังเลยนภา แกโชคดีจังเลยที่มีที่ดินสวย ๆ แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นภาคใต้ มีภูเขา มีหมอกสวยมาก อย่างกับภาคเหนือแน่ะ” เพียงฤดีลืมความหม่นหมองเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นสภาพอากาศโดยรอบ นี่แหละความฝันของเธอ ที่จะมีบ้านอยู่ท่ามกลางภูเขาและเมฆหมอก บรรยากาศในฝันที่เหมาะสำหรับการเขียนนิยายอย่างที่สุด“ที่นี่ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร แกเห็นแล้วใช่ไหมว่ามันห่างไกลมาก ถนนหนทางคดเคี้ยว โชคดีที่ตอนนี้เขาทำถนนใหม่ลาดยางสวยงาม ตอนที่ฉันยังเด็กลำบากกว่านี้เยอะมาก ปู่กับย่าดั้นด้นกันมาจับจองที่ดินที่นี่ส่วนแปลงสองไร่กว่านั่นน่ะ เพื่อนของปู่มาขออยู่ด้วย ปู่เลยยกที่ดินให้สร้างบ้าน ออกโฉนดให้เรียบร้อย คิดว่าจะได้มาอยู่ด้วยกัน แต่อยู่ได้ไม่นานเขาก็อยากขายที่ดินตรงนี้เพื่อเอาเงินไปซื้อแปลงอื่นที่ได้พื้นที่เยอะกว่า ก็เลยเ
“สวยแหละ เป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้เลย แต่ตอนนี้เป็นบ้านที่เก่าและทรุดโทรมที่สุดในละแวกนี้เช่นกัน” นภาธรกล่าวอย่างขำขัน ทว่าคนเป็นเพื่อนไม่ได้เห็นเป็นเรื่องน่าขำเลยแม้แต่น้อย คนไม่เคยมีบ้านเช่นเธอ เห็นมันมีค่าอย่างมหาศาลเลยทีเดียวนภาธรเดินไปยกกระถางต้นไม้ที่มีหญ้าคลุมทับจนแทบไม่เห็นกระถางขึ้นมา แล้วหยิบกุญแจออกมาจากใต้กระถาง ก่อนจะนำไปไขประตู เมื่อเปิดประตูหนูก็วิ่งพรวดออกมา นภาธรวิ่งกระเจิงออกไปทันที เพียงฤดีก็เช่นกัน“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่าอยู่ไม่ได้ บ้านปิดทิ้งไว้เกือบสิบปี แกคิดดูสิ จะอยู่ยังไง” นภาธรว่า ใบหน้าซีดเผือดเนื่องจากกลัวหนูยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด“เดี๋ยวฉันขอเข้าไปดูก่อน” เพียงฤดีว่าแล้วก็ค่อย ๆ เปิดประตูให้กว้างขึ้นกว่าเดิม แล้วเดินเข้าไปในบ้าน เธอยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทางพึมพำไปตามประสา ภายในเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ บนพื้นมีปลวกขนดินขึ้นมาสร้างรังกองใหญ่อยู่หลายกอง เธอเปิดหน้าต่าง แค่ผลักออกไปเบา ๆ มันก็หลุดออกไปทั้งแผ่น หญิงสาวตกใจรีบหดมือ แล้วไปเปิดประตูห้องฝั่งขวามือที่อยู่ใกล้ทางเข้าบ้าน เป็นห้องขนาดกะทัดรัด ภายในไม่มีเครื่องเรือนใด ๆ เป็นเพียงห้องโล่ง มีหยากไย่จำ
เมื่อฝากเพื่อนไว้กับเพื่อนบ้านเรียบร้อยแล้วนภาธรก็พาเพื่อนเข้าไปที่บ้าน เมื่อเข้าไปถึง เพียงฤดีก็รีบเข้าไปปัดกวาดพื้นตรงส่วนของห้องนอนที่เธอตั้งใจว่าจะนอนที่ห้องนั้น ก่อนจะหยิบจอบ เสียม พลั่วและอุปกรณ์สำหรับทำการเกษตรสี่ห้าชิ้นลงมาจากรถ เอาพลั่วไปแซะรังปลวกกองโตสี่ห้ากองออกไปจากห้องโถงของบ้าน ปัดกวาดเรียบร้อยก็เอาไม้ถูพื้นมาถู โดยมีนภาธรคอยช่วย “ทำแค่นี้ก่อนเถอะ ไว้เข้ามาอยู่แล้วค่อยไปทำความสะอาดห้องอื่น ๆ แค่นี้ก็น่าจะอยู่ได้แล้ว” เพียงฤดีว่า เพราะเห็นว่าเพื่อนรักคงจะเหนื่อยไม่น้อยแล้ว “อือ พรุ่งนี้ฉันค่อยพาแกไปซื้อที่นอนหมอนมุ้งก็แล้วกัน เรากลับรีสอร์ตกันเถอะ ฉันอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว อ้อ ฉันลืมไป ห้องน้ำอยู่ด้านหลังติดกับครัวน่ะ เมื่อกี้ฉันเข้าไปเปิดดูแล้ว สภาพเละเทะ แต่น้ำยังไหล ไฟยังสว่าง โถนั่งยอง ๆ แบบสมัยก่อนนะ แกก็ทนใช้ไปก่อนก็แล้วกัน” ผู้เป็นเพื่อนว่า “ไม่เป็นไรหรอก ไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยมาทำความสะอาดห้องน้ำกับห้องครัว มีพื้นที่ให้ใช้งานได้ก่อนแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ฉันถือว่าโชคดีแล้วละที่ไม่ต้องไปเช่าบ้านอยู่ไกล ๆ” ว่าพลางเดินออกจากบ้านเพราะใกล้มืดเต็มที “แล
๓ห่างกันสักพัก คีรินขับรถผ่านเส้นทางคดโค้งอย่างระมัดระวัง เส้นทางที่นำเขากลับมาสู่บ้านที่จากมาหลายปี เขาออกจากที่นี่เพื่อไปแสวงหาความก้าวหน้าในเมืองใหญ่ ดวงตาของเขาแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในชีวิตที่ผันแปรอย่างกะทันหัน ‘นิรา คุณเอาเงินของเราไปไว้ที่ไหนหมด’ เขาจำได้ว่ามือและเท้าของเขาชาวูบไปหมด หลังจากเอาสมุดบัญชีไปอัปเดตยอดเงิน แล้วเห็นยอดเงินที่เหลือเพียงไม่กี่ร้อยบาทติดไว้ในบัญชี ‘นิก็เอาไปลงทุนไงคะคี’ ‘ลงทุน ลงทุนอะไร นี่มันเงินที่ผมเตรียมไว้จัดงานแต่งงานของเรา คุณเอาไปได้ยังไงโดยที่ไม่บอกผมเลยสักคำ’ ‘ก็เทรดคริปโตไงคะ คุณก็เทรดไม่ใช่หรือคะ’ ‘เทรดคริปโต ใช่ผมก็เทรดแต่ไม่ได้เอาเงินก
‘แจ้งความ! คุณบ้าหรือเปล่าคะ ให้ฉันไปแจ้งความคุณกอล์ฟเหรอ เขาก็เสียหายเยอะเหมือนกัน แถมฉันยังดีลงานถ่ายโฆษณาชิ้นใหม่กับเขาอยู่ ถ้าฉันแจ้งความ งานฉันก็หายจ้อยไปด้วยสิคะ ถ้าได้งานนี้ฉันก็จะได้งานต่อจากเขาอีกยาว ๆ ยอม ๆ ไปเถอะ เงินแค่ห้าล้านเดี๋ยวก็หาใหม่ได้ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่ค้างไว้ฉันจัดการได้ คุณไม่ต้องห่วงหรอก ฉันพอจะมีเงินในบัญชีบริษัทเหลืออยู่บ้าง’‘โอเค งั้นเราเริ่มต้นใหม่ก็แล้วกันนะ พ่อบอกว่าให้เรากลับไปจัดงานแต่งงานกันได้แล้ว ตอนนี้เงินหมดแล้ว เราก็จัดแบบเล็ก ๆ ไปก่อนดีไหม ผมรู้ว่าตอนนี้เงินในบริษัทก็เหลือไม่มาก เรากลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนไหม ผมจะรับงานฟรีแลนซ์สร้างเนื้อสร้างตัวกันใหม่’‘จัดแบบเล็ก ๆ งั้นเหรอ ไม่ค่ะ ถ้าไม่ได้สินสอดห้าล้าน และจัดงานแต่งงานในโรงแรมใหญ่ ๆ นิก็ไม่แต่งหรอกนะคะ อายเพื่อนเปล่า ๆ แล้วเรื่องกลับไปอยู่ที่บ้านคุณน่ะ นิไม่ไปหรอกนะคะ มีแต่ป่าจะทำอะไรได้ กลับไปให้ดูเหมือนชีวิตตกอับ นิจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน บอกตรง ๆ นิอายเพื่อนที่ต้องไปใช้ชีวิตตกต่ำแบบนั้น’‘อายเพื่อน! คำก็อายเพื่อน สองคำก็อา
ชายหนุ่มขับรถมาเรื่อย ๆ ยิ่งดึกถนนหนทางก็ยิ่งคดเคี้ยว หมอกหนาทึบทำให้เขาขับรถยากยิ่งขึ้น เขาพกหัวใจที่ปวดหนึบกลับมาที่นี่ ตั้งใจว่าจะมาตั้งต้นใหม่อีกครั้งบนที่ดินของตัวเองคีรินหันไปยังทางแยกที่จะเลี้ยวไปบ้านของบิดาซึ่งอาศัยอยู่กับพี่ชาย ทว่าตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง เขาไม่อยากกลับไปหาครอบครัวในเวลาที่สภาพจิตใจย่ำแย่แบบนี้ คืนนี้จะกลับเข้าไปดูบ้านบนที่ดินของตัวเองถ้าสามารถทำความสะอาดเพื่อพักอาศัยได้ก็จะทำตั้งแต่คืนนี้เลย เพราะอย่างไรก็ตามความเครียดที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ ก็ทำให้เขานอนไม่หลับอยู่ดี หากจะทำงานให้เหนื่อยจนหมดแรง แล้วไปนอนหลับตอนเช้า ก็คงจะดีกว่ากลับไปหาบิดามารดาด้วยความรู้สึกแย่ ๆ แบบนี้พอผ่านทางแยกมาเพียงไม่นานหยดน้ำหล่นลงมากระทบกับกระจกด้านหน้ารถดังเปาะแปะ เขาขับต่อไปอย่างระมัดระวัง เพราะเส้นทางที่คดเคี้ยวหากไม่ชำนาญทางอาจเกิดอันตรายได้ แม้จะจำทางได้ดี แต่ด้วยไม่ได้กลับมานานเขาจึงไม่รู้ว่าด้านหน้ามีอันตรายหรือไม่ เพราะบางช่วงของเส้นทางยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอยู่บ้างฝนเริ่มตกหนาตาขึ้น เขาลดความเร็วรถลงมากกว่าเดิม หันมองรอบข้างแทบไม่มีรถขับตา
๑๓ยกเสาเอก เพียงฤดีนั่งน้ำตาซึมอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา มองพระกำลังทำพิธีการยกเสาเอก ซึ่งตอนนี้ท่านกำลังพรมน้ำมนต์และโปรยทรายเสกลงไปที่หลุมเสาเอก พร้อมกับเจิมและปิดทองเสาเอกซึ่งผูกผ้าสามสี หน่อกล้วยและอ้อยเอาไว้ซึ่งคีรินช่วยจัดเตรียมของมงคลทั้งหลายสำหรับใช้ในการประกอบพิธีอย่างไม่บกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น หน่อกล้วย อ้อย ผ้าสามสี ไหนจะข้าวตอก ดอกไม้ แป้งหอม แผ่นทอง แผ่นนาก แผ่นเงินและเหรียญเงินสำหรับใส่ลงไปในหลุมเสาเอก และอื่น ๆ อีกหลายอย่างเธอไม่คิดว่าบ้านของเธอจะได้รับการทำพิธีอันเป็นมงคลเช่นนี้ แม้คีรินจะบอกว่าเป็นการทำพิธีเล็ก ๆ ทำเพื่อเป็นสิริมงคลและเพื่อความสบายใจสำหรับเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย ไม่ได้ใหญ่โตหรือจัดแบบเต็มพิธีเท่าไรนัก แต่สำหรับเธอกลับรู้สึกว่ามันสมบูรณ์แบบมากทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าการเริ่มต้นมีบ้านหลังนี้จะเริ่มต้นอย่างดีงามเช่นนี้หลังจากพิธีเสร็จสิ้นลง คีรินขับรถไปส่งพระสงฆ์ที่นิมนต์มา ส่วนเธอยังคงยืนมองเสาเอกน้ำต
ภาพหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าที่กำลังยืนหันหลัง ทำกับข้าวอยู่หน้าเตาทำให้คีรินอดไม่ได้ที่จะยืนมองอย่างอุ่นใจ วันนี้เธอใส่เดรสยาวที่เขาซื้อให้ รูปร่างของเธอบอบบางแต่สมส่วน ผิวพรรณขาวเนียนแม้ว่าจะทำงานตากแดดบ้างแต่ก็ไม่ได้ดำคล้ำลงแต่อย่างใด เธอรวบผมสูงแบบง่าย ๆ โชว์ลำคอระหง ท่าทางทำอาหารอย่างทะมัดทะแมงนั้นดึงดูดสายตา ดูออกว่าเธอคงทำมันมานานจนชำนาญ เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปยืนใกล้ ๆ แล้วชะโงกหน้าถามผ่านไหล่ของเธอว่า “ทำอะไรให้พี่กิน หืม” เสียงนุ่มทุ้มที่อยู่ด้านหลังทำให้เธอหันไปมองทันที และจมูกของเธอก็ปะทะกับใบหน้าของเขาที่ชะโงกลงมาพอดี “อุ๊ย!” เธอร้องเบา ๆ อย่างตกใจ แก้มแดงเรื่อขึ้นมาอย่างฉับพลัน ที่รู้ว่าเมื่อครู่นี้จมูกของเธอชนเข้าอย่างจังกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา ขณะที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังมองคนตรงหน้าด้วยดวงตากรุ้มกริ่ม รอยยิ้ม
๑๒เริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เพียงฤดีมองห้องครัวที่ตกแต่งใหม่เรียบร้อยแล้ว ดูทันสมัยสวยงาม มีอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวครบครัน ตกแต่งโทนขาวสลับกับใช้ไม้ในการทำเครื่องครัวและชั้นวางต่าง ๆ ทั้งหมดส่วนท็อปของเคาน์เตอร์ปูด้วยไม้แผ่นใหญ่โดยไม่มีรอยต่อ ให้ลวดลายไม้ที่สวยงามสีน้ำตาลทองขัดเงาวาววับ รู้สึกถึงความอบอุ่นแต่หรูหรา มันเหมือนกับที่เธอเห็นในนิตยสารบ้านและสวนที่ชอบซื้อมาอ่าน “ชอบไหม ครัวแบบนี้” เสียงทุ้มถามอยู่ข้างหลัง “ชอบสิคะ ชอบมากเลยค่ะ สวยเหมือนในหนังสือเลยนะคะ มีเครื่องดูดควันด้วย มีชั้นวางของเยอะแยะไปหมด จะหยิบจะจับอะไรก็สะดวกไปหมดเลยค่ะ” เธอเลื่อนลิ้นชักและเปิดดูชั้นวางต่าง ๆ ที่เคาน์เตอร์แล้วหันมายิ้มกว้างอย่างสดใส เขาชอบรอยยิ้มซื่อ ๆ ที่ออกมาจากใจเช่นนี้เหลือเกิน&nbs
เพียงฤดีก้าวเท้าลงจากรถหลังจากที่เขาขับมาจอดที่หน้าบ้าน วันนี้ภายในบ้านเงียบสงบ เพราะเขาไม่อยู่บ้าน เลยไม่ได้ให้ช่างเข้ามาทำงาน เพียงฤดีกำลังจะเดินไปเปิดประตูบ้าน ส่วนเขาเอื้อมมือไปที่เบาะหลังรถแล้วหยิบถุงกระดาษสองถุงออกมาด้วยหญิงสาวไขกุญแจบ้านเข้าไปตามปกติ เธอกำลังจะเข้าห้องนอนของตัวเอง ทว่าได้ยินเสียงของคีรินเรียกไว้ จึงหันกลับไปมอง เขายื่นถุงกระดาษสองถุงให้กับเธอ แล้วเอ่ยว่า“พี่ซื้อให้เรา”“ซื้อให้ฤดี อะไรหรือคะ” หญิงสาวรับมาแล้วเปิดดูเห็นชุดที่เธอยืนมองอยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้า และยังมีชุดอื่นอีกสองสามชุด“ซื้อให้ทำไมเหรอคะ ฤดีบอกแล้วไงคะว่าทำงานสวนคงไม่ได้ใส่ชุดนี้ เสียดายเงินออกค่ะพี่คีริน ชุดนึงตั้งเป็นพัน”“แล้วเราชอบหรือเปล่าล่ะ ถ้าเราชอบพี่ก็ไม่เสียดายหรอก”“ชอบค่ะ ว่าแต่ฤดีติดหนี้พี่คีรินเยอะแยะไปหมดแล้วค่ะ จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ให้ล่ะคะ ไม้สร้างบ้านหลังนั้นก็ราคาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ฤดีทำงานทั้งปียังมีไม่พอซื้อเลยค่ะ นี่แค่สองเดือนพี่คีรินก็ให้ไม้ฤดีไปทำบ้านตั้ง
“เอ่อ พอดีมีปัญหากันนิดหน่อย เขาขอห่างกับพี่สักพัก พี่ก็เลยกลับมาบ้านนี่แหละ แล้วพี่นิราเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ” เขาถามกลับไป ด้วยไม่อยากจะโทร. ไปถามหรือส่งข้อความไปอีกแล้ว เพราะหลังจากที่นิราไม่ตอบข้อความและไม่โทร. กลับเขาอีก เขาก็ตั้งใจว่าจะตัดใจไม่รับรู้เรื่องของเธอไปอีกสักพัก“ก็ไม่รู้สิ แต่ผมว่าถ้าพี่ตัดใจได้ก็ตัดใจเถอะ อย่าว่าผมขี้เสือกเลยนะพี่ แต่ผมทนไม่ได้จริง ๆ สงสารพี่ พี่นิราเขาน่าจะมีคนอื่นมาสักพักแล้วละ ไม่ใช่คนเดียวด้วย แต่ประมาณสองสามคนน่ะ ทำใจเถอะนะพี่ พี่อย่าบอกใครว่ารู้จากผมนะพี่ เพราะผมก็ยังต้องทำงานกับเขา แต่ผมอดใจไม่ไหวแล้วจริง ๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมส่งหลักฐานให้พี่ก็แล้วกัน นี่เป็นคลิปก่อนที่พี่จะไปต่างจังหวัดเป็นเดือนเลยนะ พี่จะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน แค่นี้นะพี่”คีรินวางสายลง ใบหน้าชาวาบเหมือนโดนตบอย่างแรง ในอกเสียวแปลบ เมื่อได้ยินเรื่องที่ลูกน้องคนสนิทโทร. มาบอก เขาพยายามคิดว่าที่เธอขอห่างกันเพราะโกรธ หงุดหงิด และอาจจะเครียดที่ทำให้เงินของเขาหายไปหมดบัญชีเลยอยากหาทางออกที่ไม่ต้องทะเลาะกัน ด้วยการขออยู่ห่างกันสักพักเพื่อจะได้มีเวลาคิดและทำ
๑๑อิสระแล้ว คีรินขับรถพาเพียงฤดีไปซื้อวัสดุก่อสร้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการเริ่มต้นทำบ้าน ซึ่งเขามาคนเดียวได้ แต่อยากพาออกมาเปิดหูเปิดตา เพราะอยู่แต่ในไร่ในสวนมานาน อยากพาออกมาหาของกินของใช้แบบที่เธอชอบบ้าง เขาเห็นหญิงสาวกดดูคลิปในช่องยูทูปแล้วร้องเสียงดังออกมา “กรี๊ดดด พี่คีริน จอด ๆ จอดรถก่อน” ชายหนุ่มรีบเบรกรถอย่างเร็ว “หือ มีอะไร” เขาถามขณะที่ขับรถไปแอบข้างทาง “พี่คีรินดูสิคะ พี่คีรินดูอะไรนี่เร็ว” “ไหนพี่ขอดูซิ เกิดอะไรขึ้น ร้องซะเสียงดังพี่ตกใจหมด” เขายื่นมือไปขอสมาร์ตโฟนไปดู&
คีรินจอดรถบนถนนลูกรังซึ่งอยู่ด้านหน้าที่ดินแปลงที่น้องสาวขายให้กับเพียงฤดี เขาเห็นกอไผ่ท้ายสวนสั่นไหวด้วยแรงกระแทกของอะไรบางอย่าง จนอดนิ่งมองไม่ได้ กระทั่งเห็นว่ามันโค่นล้มลงมา“เฮ้ย ใครทำอะไรน่ะ” ชายหนุ่มพึมพำแล้วลงจากรถ เดินตรงไปยังกอไผ่ เห็นไม้ไผ่หลายต้นถูกลากมากองไว้ตรงที่โล่ง ก่อนจะเห็นเพียงฤดีลากไม้ไผ่อีกต้นหนึ่งออกมาจากกอไผ่“ทำอะไรน่ะ”“โอ๊ย” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามทำให้หญิงสาวที่กำลังกระชากไม้ไผ่ถูลู่ถูกังออกมาถึงกับตกใจลื่นลงกระแทกกับพื้น จนชายหนุ่มต้องเข้ามาพยุง“เราเป็นอะไร ตัดไม้ไผ่ทำไมเยอะแยะ”“ก็ฤดีจะทำบ้านไงคะ” ตอบพลางก้มลงลากไม้ไผ่“ทำบ้าน! กับไม้ไผ่เนี่ยนะ”“ค่ะ ก็ฤดีเงินไม่พอที่จะทำบ้านไม้บ้านปูนนี่คะ เอาบ้านไม้ไผ่ไปก่อนก็ได้ค่ะ มีเงินแล้วค่อยสร้างบ้านดี ๆ ถ้าไม่เริ่มสร้างก็ไม่มีบ้านสักที”“โธ่เอ๋ย พี่ก็บอกแล้วไงว่าพี่จะช่วยสร้างให้ก็ไม่ยอมเชื่อ”“ฤดีเชื่อค่ะว่าพี่คีรินช่วยสร้างให้ได้ แต่จะช่วยยังไงคะ ฤดีมีเงินไม่พอจะไปซื้อวัสดุก่อสร้างหรอกค่ะ ฤดีเห็นตอนพี่คีรินไปซื้อมันแพงมากเลย ของนิดเดี
เพียงฤดีคุยกับน้องชายเสร็จก็เดินไปยังที่ดินสองไร่กว่า ๆ ของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมันดี คำนวณรายรับรายจ่ายแล้วก็ยังไม่สามารถจะเริ่มต้นซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างใด ๆ มาเริ่มทำบ้านในสวนของตัวเองได้เลยส่วนเดือนนี้ยอดขายนิยายก็ลดลงกว่าเดือนก่อน เพราะหากไม่มีเล่มใหม่วางขาย ยอดขายเล่มเก่าก็จะลดลงเรื่อย ๆหากช่วงปิดเทอมน้องชายทนอยู่บ้านเดียวกับแฟนพี่ชายไม่ไหว และต้องการมาหาเธอที่นี่ เธอจะเอาบ้านที่ไหนให้เขาพัก แถมบอกน้องชายไปแล้วด้วยว่าช่วงปิดเทอมจะสร้างบ้านเสร็จ เธอจะให้น้องอยู่บ้านเพื่อนตลอดช่วงปิดเทอมก็เกรงใจผู้ปกครองของเพื่อนที่ต้องไปรบกวนเขาหรือถ้าหากว่าคนรักของคีรินมาหาเขา เธอจะไปพักที่ไหนกัน ขืนเธออยู่ที่บ้านเขาต่อไป คนรักของเขาต้องไม่สบายใจแน่ ๆ เพราะทั้งชลธร และบิดามารดาของเขา ก็ถามย้ำเรื่องการแต่งงานระหว่างเขากับคนรักอยู่บ่อยครั้ง เธอจะอยู่บ้านเขาต่อไปก็น่าเกลียด อาจจะเป็นที่ครหาของคนอื่นก็ได้ เพราะคีรินไม่ใช่ผู้ชายโสด และเธอก็เป็นผู้หญิง ไม่ได้เป็นญาติกับเขาด้วยซ้ำหญิงสาวหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมา แล้วเปิดแอปพลิเคชันสำหรับจดบันทึก เธอเ
เพียงฤดียืนมองครัวนอกบ้านแสนน่ารักที่เพิ่งทำเสร็จ แล้วยิ้มอย่างมีความสุข เธอแอบดูแล้วว่าคีรินสร้างมันอย่างไร ถึงได้ออกมาสวยงามน่ารัก น่าใช้งาน มันไม่ยากเท่าไร เขาแค่ทำพื้นที่ให้เรียบ แล้วใช้อิฐแดงก่อขึ้นเป็นเคาน์เตอร์ เอาแผ่นโฟมมาทำแบบเพื่อหล่อเป็นช่องสำหรับทำเป็นเตาอบได้ด้วยแถมยังทำช่องเป็นเตาถ่านสำหรับปิ้งย่าง มีพื้นที่วางเตาไฟฟ้าได้ มีอ่างล้างจาน เขาฉาบเรียบแล้วปูแผ่นกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำ มีหลังคากันฝน ถ้าเธอมีแบบนี้ที่บ้านหลังน้อยบ้าง นภดลน้องชายของเธอต้องชอบมากแน่ ๆ เพราะขานั้นชอบกินของปิ้งย่าง คิดแล้วเธอก็อยากให้น้องชายมาอยู่ด้วยเร็ว ๆ เสียแล้วสิ เสียแต่ว่าตอนนี้ยังเรียนมหาวิทยาลัยเทอมสุดท้ายอยู่ แต่เชื่อว่าถ้าเรียนจบ นภดลน่าจะอยากมาอยู่กับเธอมากกว่าอยู่กับพี่ชายแค่คิดถึงน้องชายเสียงสมาร์ตโฟนก็ดังขึ้นและเป็นน้องชายของเธอที่โทร. เข้ามาพอดี วันนี้เธอลืมปิดสมาร์ตโฟน นภดลถึงได้ติดต่อมาได้“พี่ฤดีเหรอ โอ๊ย ได้ยินเสียงสักที ติดต่อพี่ยากจัง” นภดลโอดครวญมา“ทำไมแม็กซ์ ตังค์ที่โอนให้หมดอีกแล้วหรือไง”“แหม นั่นก็ด้วยแหละ แต่คิดถึงไม