‘แจ้งความ! คุณบ้าหรือเปล่าคะ ให้ฉันไปแจ้งความคุณกอล์ฟเหรอ เขาก็เสียหายเยอะเหมือนกัน แถมฉันยังดีลงานถ่ายโฆษณาชิ้นใหม่กับเขาอยู่ ถ้าฉันแจ้งความ งานฉันก็หายจ้อยไปด้วยสิคะ ถ้าได้งานนี้ฉันก็จะได้งานต่อจากเขาอีกยาว ๆ ยอม ๆ ไปเถอะ เงินแค่ห้าล้านเดี๋ยวก็หาใหม่ได้ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่ค้างไว้ฉันจัดการได้ คุณไม่ต้องห่วงหรอก ฉันพอจะมีเงินในบัญชีบริษัทเหลืออยู่บ้าง’
‘โอเค งั้นเราเริ่มต้นใหม่ก็แล้วกันนะ พ่อบอกว่าให้เรากลับไปจัดงานแต่งงานกันได้แล้ว ตอนนี้เงินหมดแล้ว เราก็จัดแบบเล็ก ๆ ไปก่อนดีไหม ผมรู้ว่าตอนนี้เงินในบริษัทก็เหลือไม่มาก เรากลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนไหม ผมจะรับงานฟรีแลนซ์สร้างเนื้อสร้างตัวกันใหม่’
‘จัดแบบเล็ก ๆ งั้นเหรอ ไม่ค่ะ ถ้าไม่ได้สินสอดห้าล้าน และจัดงานแต่งงานในโรงแรมใหญ่ ๆ นิก็ไม่แต่งหรอกนะคะ อายเพื่อนเปล่า ๆ แล้วเรื่องกลับไปอยู่ที่บ้านคุณน่ะ นิไม่ไปหรอกนะคะ มีแต่ป่าจะทำอะไรได้ กลับไปให้ดูเหมือนชีวิตตกอับ นิจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน บอกตรง ๆ นิอายเพื่อนที่ต้องไปใช้ชีวิตตกต่ำแบบนั้น’
‘อายเพื่อน! คำก็อายเพื่อน สองคำก็อายเพื่อน คุณเอาเงินผมไปฝากเขาเทรดคริปโตฯ จนผมหมดตัวขนาดนี้แล้ว ยังจะให้ผมต้องหาเงินอีกห้าล้านไปเป็นสินสอดอีกเหรอ ผมจะหาจากที่ไหนทัน ตอนที่ผมพอจะมีเงิน คุณก็ไม่รักษาไว้’
‘ก็ทำงานสิคะ อีกสักสองสามปี ถ้าเร่งมือก็คงจะหาได้หรอก’
‘คุณพูดง่ายจังเลยนิ ห้าล้านนั่นผมเก็บมาตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี บวกกับเงินมรดกที่คุณปู่คุณย่าให้มา ยังใช้เวลาตั้งแปดปี’
‘ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ไงคะ ไม่กล้าได้กล้าเสีย คอยแต่จะเก็บเล็กผสมน้อย ทำอะไรกว่าจะได้ผลงอกเงยถึงได้ใช้เวลาหลายปีแบบนี้ ฉันคิดดูอีกทีถ้าแต่งงานกับคุณไป ก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะรวย ฉันว่าบางทีเราแยกกันอยู่สักพักก็แล้วกันค่ะ ถ้าคุณหาเงินห้าล้านได้เมื่อไหร่ค่อยมาขอฉันแต่งงาน’
‘แยกกันสักพักงั้นเหรอ คุณมาขอแยกกันสักพักตอนที่ผมหมดตัวเนี่ยนะ ช่วงนี้คุณดูไม่แคร์ผมเลย หรือข่าวที่ในกองเขาซุบซิบกันว่าคุณกับผู้กำกับละครค่ายใหญ่ไปกินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ เป็นเรื่องจริง’
‘คุณอย่ามากล่าวหาฉันแบบนั้นนะ แต่...ถ้าคุณจะเชื่อคนพวกนั้นก็เรื่องของคุณ ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก ในเมื่อคุณไม่ไว้ใจ เราก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ที่ฉันต้องการก็คือเราควรจะห่างกันไปสักพัก อยู่ใกล้กันก็มีแต่เรื่องทะเลาะกันเปล่า ๆ น่าเบื่อ มัวแต่หาเรื่องทะเลาะกันแบบนี้ ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปคิดเรื่องงาน’ ว่าแล้วเธอก็เดินปึงปังออกไป แล้วขับรถคันใหม่ออกไปจากบ้าน ปล่อยให้เขาอยู่กับสมุดบัญชีธนาคารที่ว่างเปล่า
เธอหายออกไปจากบ้านถึงสองวัน เขาโทร. ตามก็ปิดเครื่องหนี เป็นเวลาเดียวกับเมื่อสี่วันวันก่อน บิดาโทร.ตามให้เขามาจัดการเรื่องที่ดินมรดกราวหกสิบไร่ที่ปู่กับย่าของเขาทิ้งไว้ให้
‘คีริน ปีที่ผ่านมาพี่ชายแกขายทุเรียนได้ตั้งสามสิบกว่าล้าน ที่ดินแกตั้งหกสิบกว่าไร่ ทิ้งไว้เปล่า ๆ ถ้าแกไม่กลับมาทำ พ่อว่าจะไถแล้วปลูกทุเรียนให้’
‘ไม่นะครับพ่อ ผมไม่อยากไถที่ที่ปู่กับย่าสร้างมา ทั้งมะพร้าว ผลไม้ ปาล์ม ไหนจะสวนป่าอีก ปู่กับย่าปลูกไว้ทั้งนั้น ผมไม่ไถนะครับ จะเก็บไว้’ เขารีบท้วงอย่างรวดเร็ว เพราะที่ดินแปลงนั้นคือความทรงจำที่เขากับปู่และย่าร่วมกันทำมาด้วยกัน จะไม่ยอมไถเพื่อปลูกทุเรียนอย่างเดียวเด็ดขาด
ที่ดินแปลงของเขาก็มีทุเรียนอยู่บ้าง แม้จะไม่ใช่แปลงทุเรียนใหญ่ทั้งแปลงเหมือนกับของพี่ชาย แต่บนที่ดินแปลงนั้นก็มีทุเรียนอยู่ด้วยหลายสิบต้นเลยทีเดียว ปลูกผสมกันหลากหลายชนิด
เขาจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีทุเรียนมากมาย แค่ที่มีอยู่ ถ้าดูแลดี ๆ ก็มีกินมีขายแล้ว แถมยังมีพืชพันธุ์ชนิดอื่น ๆ อีกมากมาย เขาไม่อยากทำเกษตรเชิงเดี่ยว แต่ชอบความหลากหลายและความร่มรื่นเขียวขจีบนที่ดินผืนนั้น
‘ถ้าแกไม่อยากให้พ่อไถก็รีบกลับมาจัดการซะ มาทำให้ได้ผลประโยชน์งอกเงย วันก่อนพ่อแวะเข้าไป บ้านช่องห้องหับก็โดนปลวกแทะจนจะพังอยู่แล้ว ถ้าแกไม่กลับมา ฉันจะเอารถไปไถปลูกทุเรียนจริง ๆ’
‘ผมขอเวลาสักพักนะครับพ่อ แล้วจะรีบลงไปดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง’ เขารับปากบิดา ก่อนจะโทร.ไปหานิราอีกครั้ง เธอไม่รับสาย จึงเข้าไปดูในเฟซบุ๊กของเธอ เห็นว่าเพิ่งโพสต์ภาพถ่ายในชุดว่ายน้ำพร้อมกับแคปชั่นว่า
‘โสดอีกทีดีไหม’
ตามด้วยบรรดาเพื่อน ๆ ของเธอที่เข้ามาคอมเมนต์มากมาย เขาเห็นเธอตอบคนโน้นคนนี้ว่ามาถ่ายทำงานที่พัทยา อีกสองวันจะกลับ
เขาจึงทักไปที่กล่องข้อความของเธอ เธออ่านแต่ไม่ตอบ เขาจึงทิ้งข้อความไว้ว่าจะรอเธอที่บ้านอีกสามวัน อยากให้เข้ามาเคลียร์กันอีกครั้ง หากไม่มาเขาจะกลับต่างจังหวัด
ทว่าผ่านไปถึงสี่วันเธอก็ยังไม่กลับเข้ามา เขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปจัดการที่ทางของตนเอง เพราะแน่ใจแล้วว่าเธอคงไม่ใช่แค่งอน แต่เพราะอยากจะห่างกับเขาอย่างที่บอกจริง ๆ
๑ทางที่ต้องเลือก เพียงฤดีหญิงสาวร่างบอบบาง นั่งร้องไห้ร่างกายสั่นเทาอยู่ต่อหน้านภาธรเพื่อนสาวคนสนิท เธอลูบแขนเขียวช้ำที่เพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มา ภาพในหัววนเวียนอยู่กับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมามารดาโทร. เรียกให้เธอรีบกลับบ้าน บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ทั้ง ๆ ที่เธอจะตั้งใจจะทำโอที หลังจากกลับไปบ้าน ท่านก็บ่นเรื่องเธอกลับช้า ก่อนจะขอเงินหนึ่งหมื่นบาทเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ซึ่งเธอต้องให้ท่านทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ขอเพิ่มอีกห้าพันบาทช่วยจ่ายค่าผ่อนรถให้กับเอกกมลผู้เป็นพี่ชายคนโต ‘แม่คะ แล้วเงินเดือนพี่ท็อปไปไหนหมดล่ะคะ ถ้าเอาไปหมื่นห้าแล้วฤดีจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่ายจนกว่าจะสิ้นเดือนล่ะคะ เงินเดือนฤดีแค่สองหมื่นห้าเอง ไหนยังจะต้องให้เงินแม็กซ์ไปมหา’ลัยอีก’ หญิงสาวท้วงเพราะเธอต้องจ่ายเงินค่าใช้จ่ายภายในบ้านให้มารดาหนึ่งหมื่นบาททุกเดือน จะเหลือหนึ่งหมื่นห้าพันบาทไว้ใช้จ่ายส่วนตัวและเป็นเงินที่ต้องจ่ายให้กับนภดลหรือแม็กซ์ผู้เป็นน้องชายที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยสัปดาห์ละหนึ่งพันบาท ก่อนจะเจียดเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้เป็นเงินเก็บส่วนหนึ่ง ซึ่งเธอเองแทบจะไม่พอใช้อยู่แล้ว
“ไม่ ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ถ้าฉันยังอยู่พวกเขาก็ต้องตามเจอ ฉันอายุตั้งยี่สิบหกแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย แกยังซื้อคอนโดฯ ซื้อรถได้แล้ว แต่ฉันยังไม่มีอะไรสักอย่าง ฉันอยากไปอยู่ต่างจังหวัด อยากไปที่ไกล ๆ ที่ใครก็ตามหาฉันไม่เจอ” “อ้าว แล้วแกจะทำอะไรกิน จะไปหางานทำต่างจังหวัดเนี่ยนะ” “เปล่า ฉันมีงานของฉันอยู่แล้วแกไม่ต้องห่วงหรอก ขอแค่มีไฟฟ้า มีอินเทอร์เน็ตฉันก็ทำงานได้” “เอาจริงดิ แล้วแกทำงานอะไร งานที่บริษัทแกเขาให้ทำออนไลน์ได้เหรอ” นภาธรเอ่ยถึงตำแหน่งงานพนักงานบัญชีของเพื่อน ซึ่งบริษัทอยู่ไม่ไกลกับคอนโดฯ ของเธอมากนัก “เปล่า ฉันจะลาออก” “ลาออก!!” นภาธรทำตาโตเป็นไข่ห่าน ไม่คิดว่าเพื่อนจะตัดสินใจเช่นนี้ “ใช่ ถ้าฉันไม่ลาออก ฉันก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ ฉันคิดเรื่องนี้มานานแล้วละ เพียงแต่ยังห่วงแม่ห่วงน้องและหาที่ที่จะไปไม่ได้เท่านั้นเอง” เพียงฤดีตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ก็ปนความแน่วแน่ในความคิดนั้น “แกมั่นใจเหรอ แกพูดเพราะกำลังตกใจหรือเปล่า บอกฉันได้ไหมแกคิดอะไรอยู่”“ฉันจะเล่าให้แกฟังก็แล้วกัน ว่าฉันต้องการอะไร แกจะหัวเราะฉันเหมื
นั่นสินะ ใครจะหาที่ดินมาขายให้เธอได้ปุบปับเช่นนี้ หญิงสาวนั่งนิ่งอย่างหมดหวัง เพราะหากอยู่ในกรุงเทพฯ ทำงานที่เดิม หรือมาพักกับนภาธร มารดาของเธอก็ต้องตามตัวเจออีกแน่ ๆ เมื่อเพียงฤดีนั่งนิ่ง นภาธรจึงได้แต่ถอนใจเบา ๆ อย่างนึกสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ “ฉันรู้ว่าแกชอบดูคลิปทำเกษตร ชอบปลูกต้นหมากรากไม้ แต่การทำเกษตรมันไม่ง่ายอย่างที่แกเห็นในคลิปหรอกนะฤดี แกตัวเล็กแค่นี้จะไปทำงานหนัก ๆ ในไร่ในสวนได้ยังไง แถมอยู่ไกลญาติพี่น้องอีก เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาใครจะดูแล ขนาดฉันมีบ้านอยู่ต่างจังหวัดยังทำไร่ทำสวนไม่ไหวเลย”นภาธรว่าพลางมองเพื่อนที่นั่งกอดหมอนอิงน้ำตาไหลนองอยู่บนโซฟาอย่างอดเวทนาไม่ได้ เพียงฤดีคงจะทนไม่ไหวอีกแล้วจริง ๆ เพราะเมื่อสองปีก่อนเธอเคยชวนให้เพื่อนออกจากบ้าน มาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เพื่อหนีปัญหาที่ถูกครอบครัวคอยรีดไถเงินอยู่เรื่อย เธอก็ห่วงแม่ ห่วงพี่ ห่วงน้องไม่ยอมออกมา แต่คราวนี้ถึงกับอยากหนีไปให้ไกลแสนไกล ไม่อยากให้ใครตามเจอ “ฉันบอกว่าต้องการที่ดินแปลงเล็ก ๆ แค่สองสามไร่ หรือไร่ครึ่งไร่ก็พอ ไม่ได้ต้องการจะไปทำสวนทำไร่เป็นหลัก แค่ให้ฉันได้มีที่อยู่เป็นของตัวเองจริง ๆ ไม่ใ
๒สู่ดินแดนใหม่เพียงฤดีมายืนอยู่บนที่ดินแปลงที่เพื่อนบอกว่าจะขายให้ เธอกวาดตามองโดยรอบอย่างไม่อยากเชื่อว่าที่ดินตรงนี้กำลังจะเป็นของเธอ เพราะบรรยากาศรอบด้านช่างสวยงาม แวดล้อมไปด้วยภูเขา เธอมาถึงที่นี่ในตอนเช้าตรู่ เพราะนภาธรไม่จอดรถที่ไหนเลย จึงได้เห็นบรรยากาศแสนสดชื่นและเย็นสบายในยามเช้า“สวยจังเลยนภา แกโชคดีจังเลยที่มีที่ดินสวย ๆ แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นภาคใต้ มีภูเขา มีหมอกสวยมาก อย่างกับภาคเหนือแน่ะ” เพียงฤดีลืมความหม่นหมองเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นสภาพอากาศโดยรอบ นี่แหละความฝันของเธอ ที่จะมีบ้านอยู่ท่ามกลางภูเขาและเมฆหมอก บรรยากาศในฝันที่เหมาะสำหรับการเขียนนิยายอย่างที่สุด“ที่นี่ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร แกเห็นแล้วใช่ไหมว่ามันห่างไกลมาก ถนนหนทางคดเคี้ยว โชคดีที่ตอนนี้เขาทำถนนใหม่ลาดยางสวยงาม ตอนที่ฉันยังเด็กลำบากกว่านี้เยอะมาก ปู่กับย่าดั้นด้นกันมาจับจองที่ดินที่นี่ส่วนแปลงสองไร่กว่านั่นน่ะ เพื่อนของปู่มาขออยู่ด้วย ปู่เลยยกที่ดินให้สร้างบ้าน ออกโฉนดให้เรียบร้อย คิดว่าจะได้มาอยู่ด้วยกัน แต่อยู่ได้ไม่นานเขาก็อยากขายที่ดินตรงนี้เพื่อเอาเงินไปซื้อแปลงอื่นที่ได้พื้นที่เยอะกว่า ก็เลยเ
“สวยแหละ เป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้เลย แต่ตอนนี้เป็นบ้านที่เก่าและทรุดโทรมที่สุดในละแวกนี้เช่นกัน” นภาธรกล่าวอย่างขำขัน ทว่าคนเป็นเพื่อนไม่ได้เห็นเป็นเรื่องน่าขำเลยแม้แต่น้อย คนไม่เคยมีบ้านเช่นเธอ เห็นมันมีค่าอย่างมหาศาลเลยทีเดียวนภาธรเดินไปยกกระถางต้นไม้ที่มีหญ้าคลุมทับจนแทบไม่เห็นกระถางขึ้นมา แล้วหยิบกุญแจออกมาจากใต้กระถาง ก่อนจะนำไปไขประตู เมื่อเปิดประตูหนูก็วิ่งพรวดออกมา นภาธรวิ่งกระเจิงออกไปทันที เพียงฤดีก็เช่นกัน“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่าอยู่ไม่ได้ บ้านปิดทิ้งไว้เกือบสิบปี แกคิดดูสิ จะอยู่ยังไง” นภาธรว่า ใบหน้าซีดเผือดเนื่องจากกลัวหนูยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด“เดี๋ยวฉันขอเข้าไปดูก่อน” เพียงฤดีว่าแล้วก็ค่อย ๆ เปิดประตูให้กว้างขึ้นกว่าเดิม แล้วเดินเข้าไปในบ้าน เธอยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทางพึมพำไปตามประสา ภายในเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ บนพื้นมีปลวกขนดินขึ้นมาสร้างรังกองใหญ่อยู่หลายกอง เธอเปิดหน้าต่าง แค่ผลักออกไปเบา ๆ มันก็หลุดออกไปทั้งแผ่น หญิงสาวตกใจรีบหดมือ แล้วไปเปิดประตูห้องฝั่งขวามือที่อยู่ใกล้ทางเข้าบ้าน เป็นห้องขนาดกะทัดรัด ภายในไม่มีเครื่องเรือนใด ๆ เป็นเพียงห้องโล่ง มีหยากไย่จำ
เมื่อฝากเพื่อนไว้กับเพื่อนบ้านเรียบร้อยแล้วนภาธรก็พาเพื่อนเข้าไปที่บ้าน เมื่อเข้าไปถึง เพียงฤดีก็รีบเข้าไปปัดกวาดพื้นตรงส่วนของห้องนอนที่เธอตั้งใจว่าจะนอนที่ห้องนั้น ก่อนจะหยิบจอบ เสียม พลั่วและอุปกรณ์สำหรับทำการเกษตรสี่ห้าชิ้นลงมาจากรถ เอาพลั่วไปแซะรังปลวกกองโตสี่ห้ากองออกไปจากห้องโถงของบ้าน ปัดกวาดเรียบร้อยก็เอาไม้ถูพื้นมาถู โดยมีนภาธรคอยช่วย “ทำแค่นี้ก่อนเถอะ ไว้เข้ามาอยู่แล้วค่อยไปทำความสะอาดห้องอื่น ๆ แค่นี้ก็น่าจะอยู่ได้แล้ว” เพียงฤดีว่า เพราะเห็นว่าเพื่อนรักคงจะเหนื่อยไม่น้อยแล้ว “อือ พรุ่งนี้ฉันค่อยพาแกไปซื้อที่นอนหมอนมุ้งก็แล้วกัน เรากลับรีสอร์ตกันเถอะ ฉันอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว อ้อ ฉันลืมไป ห้องน้ำอยู่ด้านหลังติดกับครัวน่ะ เมื่อกี้ฉันเข้าไปเปิดดูแล้ว สภาพเละเทะ แต่น้ำยังไหล ไฟยังสว่าง โถนั่งยอง ๆ แบบสมัยก่อนนะ แกก็ทนใช้ไปก่อนก็แล้วกัน” ผู้เป็นเพื่อนว่า “ไม่เป็นไรหรอก ไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยมาทำความสะอาดห้องน้ำกับห้องครัว มีพื้นที่ให้ใช้งานได้ก่อนแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ฉันถือว่าโชคดีแล้วละที่ไม่ต้องไปเช่าบ้านอยู่ไกล ๆ” ว่าพลางเดินออกจากบ้านเพราะใกล้มืดเต็มที “แล
๓ห่างกันสักพัก คีรินขับรถผ่านเส้นทางคดโค้งอย่างระมัดระวัง เส้นทางที่นำเขากลับมาสู่บ้านที่จากมาหลายปี เขาออกจากที่นี่เพื่อไปแสวงหาความก้าวหน้าในเมืองใหญ่ ดวงตาของเขาแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในชีวิตที่ผันแปรอย่างกะทันหัน ‘นิรา คุณเอาเงินของเราไปไว้ที่ไหนหมด’ เขาจำได้ว่ามือและเท้าของเขาชาวูบไปหมด หลังจากเอาสมุดบัญชีไปอัปเดตยอดเงิน แล้วเห็นยอดเงินที่เหลือเพียงไม่กี่ร้อยบาทติดไว้ในบัญชี ‘นิก็เอาไปลงทุนไงคะคี’ ‘ลงทุน ลงทุนอะไร นี่มันเงินที่ผมเตรียมไว้จัดงานแต่งงานของเรา คุณเอาไปได้ยังไงโดยที่ไม่บอกผมเลยสักคำ’ ‘ก็เทรดคริปโตไงคะ คุณก็เทรดไม่ใช่หรือคะ’ ‘เทรดคริปโต ใช่ผมก็เทรดแต่ไม่ได้เอาเงินก