คีรินจอดรถที่หน้าบ้านในตอนบ่ายแก่ ๆ ก่อนจะช่วยกันขนของเข้าบ้าน เขามองนาฬิกาข้อมือแล้วถึงกับอุทานว่า
“ตายจริง บ่ายสองกว่าแล้ว พี่ลืมพาแวะกินข้าว ทำไมเราไม่บอกพี่ หิวหรือเปล่าเนี่ย” เขาถามอย่างตกใจ เพราะหากเป็นนิราเธอคงโวยวายด้วยความโมโหหิวไปแล้ว แต่เพียงฤดีเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แล้วตอบว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฤดีซื้อกับข้าวถุงในตลาดมาด้วย เดี๋ยวเรากินกันก่อนนะคะ ข้าวที่หุงไว้เมื่อเช้ากับต้มยำก็ยังมีค่ะ อิ่มแล้วจะได้เริ่มซ่อมบ้านกัน เมื่อกี้ฝนตก หวังว่าของในห้องคงไม่มีอะไรเสียหาย เพราะตอนก่อนออกมาฤดีเอากะละมังรองไว้แล้วค่ะ” เธอว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างนึกขัน เมื่อนึกถึงท่าทางกอดเข่ามองน้ำที่หยดใส่กะละมังของเธอเมื่อคืนนี้
“อืม งั้นเราเอากับข้าวไปไว้ในครัวเถอะ จะได้ตั้งโต๊ะกินข้าว เดี๋ยวพี่ยกของพวกนี้ลงเอง” เขามองกล่องเครื่องมือช่างทั้งหลายที่ขนซื้อมา กับตู้เย็นและเครื่องซักผ้า
เพียงฤดีรีบกุลีกุจอขนของกินของใช้จำนวนมากเข้าไปกองไว้ในครัว ก่อนจะเทกับข้าวสองถุงใส่ถ้วยแล้วถือออกไปวางบนโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน
เห็นเขากำลังยกตู้เย็นลงมาอย่างทุลักทุเลเธอจึงรีบเข้าไปช่วยจนกระทั่งพาเข้าไปในบ้านได้ ก่อนจะไปช่วยขนเครื่องซักผ้าลงมา แล้วไปเอากับข้าวที่เหลือ ตักข้าวใส่จานเอามาตั้งที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน ขณะที่เขาขนอุปกรณ์ช่างที่เหลือเข้าไปไว้ที่โถงในบ้านเรียบร้อยก็เดินออกมา
“หิวล่ะสิเรา” เขาถามแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“พี่คีรินล้างมือหรือยังคะ” เธอถาม ชายหนุ่มมองมือตัวเองที่ยกของจนฝุ่นติดมือ แต่ด้วยความหิวจึงลืมเรื่องล้างมือไป
“เออ นั่นสิ เดี๋ยวพี่ไปล้างมือก่อน” ว่าแล้วก็ไปเปิดก๊อกน้ำที่โอ่งน้ำข้างบ้านล้างมือ ก่อนจะมานั่งกิน คิดแล้วเขาก็นึกขำ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่คอยถามว่าเขาล้างมือก่อนกินข้าวหรือยังนอกจากคุณย่าของเขา ตอนนี้ก็มีเธอนี่แหละที่มาทำตัวเหมือนคุณย่าอีกคน
“พี่คีรินยิ้มทำไมหรือคะ” เขาเงยหน้ามองคนที่กำลังจ้องมองเขาตาใส
“พี่ยิ้มเหรอ” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เพิ่งรู้ว่าตัวเองก็ยิ้มออกมาได้ในช่วงที่ยังไม่ผ่านสถานการณ์ย่ำแย่นี้
“ค่ะ”
“พี่คงขำที่เราไล่ให้พี่ไปล้างมือก่อนกินข้าว เหมือนกับที่คุณย่าเคยไล่ให้พี่ล้างมือก่อนกินข้าวตอนเด็ก ๆ น่ะ ตอนนี้พี่รู้สึกเหมือนมีคุณย่ามาอยู่ด้วยแล้ว”
“แหม ฤดีเคยชินกับต้องคอยดูแลน้องชายน่ะค่ะ ก็เลยเผลอไป ขอโทษนะคะ ที่ทำให้พี่คีรินรู้สึกไม่ดี” หญิงสาวยิ้มเก้อเขินที่โดนเขาแซวว่าเธอเหมือนคุณย่าของเขา
“เปล่า ไม่ได้รู้สึกไม่ดี แค่รู้สึกขำ กินข้าวเถอะ ขาหมูนี่น่าอร่อย เราไม่กลัวอ้วนเหรอถึงซื้อขาหมูมากิน” ชายหนุ่มมองอาหารตรงหน้า เพราะอาหารแบบนี้คงไม่มีวันได้ขึ้นโต๊ะแน่ ๆ ถ้านิรากินด้วย เนื่องจากเธอจะระมัดระวังเรื่องของสุขภาพและรูปร่างมาก
“ก็ไม่ได้กินบ่อยหรอกค่ะ แต่เห็นดูน่ากินดีเลยซื้อมา แล้วในตลาดก็มีอาหารสำเร็จอยู่ไม่กี่อย่าง กลัวว่าพี่คีรินจะรอฤดีทำอาหารไม่ไหวเลยซื้อมากินไปก่อนค่ะ พี่คีรินกลัวอ้วนหรือคะ” เธอตอบ ก่อนจะถามเขา
“เปล่า พี่เป็นคนง่าย ๆ อะไรก็กินได้” เขาว่าแล้วก็ตักขาหมูใส่จานแล้วรับประทานด้วยความหิวโหย ซึ่งเพียงฤดีก็เช่นเดียวกัน เพียงไม่นานอาหารทั้งหมดก็ถูกจัดการจนเกือบหมด
หญิงสาวเก็บจานชามไปล้าง ขณะที่เขาแกะกล่องตู้เย็นแล้วเสียบปลั๊กเพื่อให้เธอได้เอาของสดมาเก็บไว้ก่อน เพียงฤดีจัดของเข้าตู้เย็นแล้วเอาของส่วนที่เหลือมาวางบนชั้นวางของเก่า ๆ ซึ่งมีพื้นที่ไม่มากนักแต่เธอก็พยายามวางเบียดกันจนสามารถวางได้ทั้งหมดแล้วเดินออกมาที่ห้องโถง เห็นเขาแกะกล่องเครื่องมือช่างหลายชิ้นมาวางในห้องโถง ซึ่งแต่ละชิ้นเธอแทบไม่รู้จักมันเลย
“พี่คีรินจะให้ฤดีช่วยอะไรบ้างคะ” เธอถาม
“ช่วยถือค้อนกับตะปู แล้วก็ตะขอนี้ขึ้นไปให้พี่หน่อย พี่จะเอานั่งร้านขึ้นไป วันนี้เราต้องรีบซ่อมหลังคาตรงห้องนอนก่อน นี่ก็บ่ายสามกว่าแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันก่อนมืด “เขาว่า
เพราะหลังจากไปดูแล้วก็เห็นว่ากระเบื้องมุงหลังคาบริเวณนั้นแตกไปสองสามแผ่นเพราะกิ่งต้นกระถินเทพาที่งอกขึ้นเองใกล้บ้านหักโค่นลงมาตีหลังคาบ้าน ทำให้น้ำรั่วใส่ฝ้า จนแผ่นฝ้าพังทลายลงมาทั้งแถบ ทำให้เห็นว่าส่วนโครงสร้างหลังคายังดีอยู่ แม้จะมีปลวกขึ้นไป แต่เพราะปู่ของเขาสร้างบ้านหลังนี้โดยใช้ไม้เนื้อแข็งทั้งหลัง ทำให้ปลวกทำลายมันไม่ได้ง่ายนัก แค่เอายาขึ้นไปฉีดกำจัด ทาน้ำยากันปลวกกันมอดทับอีกครั้งก็ยังใช้งานต่อไปได้อีกนาน
วันนี้กระเบื้องมุงหลังคาที่สั่งไว้ทางร้านวัสดุก่อสร้างบอกว่าเอามาส่งได้พรุ่งนี้ เขาจึงจำเป็นต้องแก้สถานการณ์โดยเอาแผ่นกระเบื้องบริเวณอื่นไปมุงแทนแผ่นที่ชำรุดไปก่อน เพราะพื้นที่ตรงนี้จะต้องเป็นห้องนอนของเธอ ส่วนตัวเขาคืนนี้อาจจะทำความสะอาดห้องชั้นบนใต้หลังคาที่เพิ่งเปลี่ยนนอนไปก่อน เพราะหากจะไปนอนห้องเดียวกับเธออีกก็คงจะไม่เหมาะสมนัก
หญิงสาวช่วยขนของที่เขาบอกขึ้นมาไว้ข้างบน คีรินเอาท่อนเหล็กหลายท่อนที่เขาเรียกมันว่านั่งร้านขึ้นไปประกอบจนได้นั่งร้านที่สูงพอที่เขาจะปีนขึ้นไปถึงหลังคาได้
“เราไปเก็บกวาดเศษแผ่นฝ้าในห้องนั้นออกไปก่อน เดี๋ยวพี่จะขึ้นไปเอากระเบื้องฝั่งนี้ไปเปลี่ยนให้” เขาสั่งก่อนจะปีนขึ้นไปถอดกระเบื้องตรงฝั่งปีกซ้ายของบ้าน โดยที่เธอไปเก็บกวาดตามที่เขาบอก
“ค่ะ งั้นพี่คีรินก็รีบกินสิคะ” หญิงสาวว่าแล้วก็รีบตักอาหารกินอย่างรีบร้อน ราวกับกลัวว่าหากช้าแล้วเขาจะไม่พาไป“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เราน่ะ ค่อย ๆ กินเดี๋ยวก็สำลักหรอก” เขาว่า พลางอมยิ้มอย่างนึกขันเมื่อเห็นท่าทางเหมือนเด็ก ๆ นั้น จนอดนึกถามในใจไม่ได้ว่า นภาธรเอาเด็กมาให้เขาเลี้ยงหรืออย่างไรกัน ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าต่อจนหมดจาน“ตักข้าวให้พี่อีกจาน” เขายื่นจานเปล่าให้คนตรงหน้า เพียงฤดีรับแล้วตักให้อย่างรู้สึกประหลาดใจ“พี่คีรินหิวหรือคะ”“พี่ไม่ได้กินผัดเผ็ดแบบใต้มานานแล้ว เราเก่งนะมาอยู่ใต้ไม่กี่วันก็ทำอาหารใต้เป็นแล้ว” เขาว่า“เอ่อ ฤดีก็แค่ซื้อพริกแกงคั่วใต้มาลองทำดูค่ะ ไม่ได้ยากอะไรเลย พี่คีรินชอบอาหารแบบนี้หรือคะ ฤดีก็นึกว่าพี่คีรินชอบอาหารแบบฝรั่งซะอีก” เธอว่า เพราะเห็นซื้อหมูเนื้อสันมาให้เธอทำสเต็ก แล้วซื้อไส้กรอกประเภทต่าง ๆ มาอีกหลายถุง ไหนจะซอสหลากหลายชนิด มายองเนสและน้ำสลัดอีกหลายขวด“พี่เป็นคนใต้ ก็ต้องชอบอาหารใต้สิ มันถูกปากกว่าอาหารฝรั่ง พอไ
“อ้าว ฤดีไปผิดทางหรือคะ” หญิงสาวยิ้มเก้อ ๆ แล้วเดินตามเขาไป คีรินใช้พร้าที่ถือมาด้วยคอยถางหญ้าที่ขึ้นรกเรื้อเพื่อเปิดทางเข้าไป“ออกลูกแล้วจริง ๆ ด้วย แต่ลูกยังเล็กอยู่เลย มังคุดพวกนี้ปู่ซื้อพันธุ์มาตอนพาพี่ไปเที่ยวบ้านเพื่อนของท่านที่คีรีวงจังหวัดนครศรีธรรมราชโน่นแน่ะ รสชาติอร่อยไม่ต่างจากที่โน่นเลยละ เพราะอากาศและสภาพแวดล้อมของที่นี่ใกล้เคียงกัน พรุ่งนี้พี่ต้องไปซื้อเครื่องตัดหญ้าแล้วละ ในสวนรกมาก ผลไม้ก็ใกล้สุก ตัดหญ้าสักหน่อยจะได้เข้ามาเก็บง่าย ๆ เราจะออกไปซื้อของกับพี่ไหม” เขาถามเผื่อว่าเธออยากได้อะไรเป็นพิเศษ“ฤดีว่าจะอยู่บ้าน ทำความสะอาดข้างบ้านก่อนค่ะ หญ้าขึ้นรกมาก”“พี่ไปซื้อไม่นานหรอก เดี๋ยวกลับมาช่วย แต่ก็อยากให้ไปด้วยกัน เผื่อเราอยากได้อะไรจะได้ซื้อเข้ามาเลย เผื่อวันหลังพี่ไม่ว่างเราจะได้ไม่ต้องปั่นจักรยานออกไปซื้อ”“ก็ได้ค่ะ ฤดีไปด้วยก็ได้ค่ะ จะไปซื้อพริกแกงมาเพิ่ม” เธอว่าพลางนึกถึงอาหารแบบภาคใต้ที่จะทำให้เขากิน เพราะเธอเห็นว่ามีพริกแกงอีกตั้งหลายชนิดที่เธอเห็นเขาวางขายแต่ไม่ได้ซื้อมา
กระเบื้องตรงปีกซ้ายก็มีร้าวอยู่หลายแผ่น เพราะรอบข้างมีต้นไม้ใหญ่จำนวนมากที่กิ่งพร้อมจะหักโค่นมาใส่เพราะไม่ได้รับการดูแลตัดต้นไม้ที่งอกขึ้นมาเองทิ้งไปบ้าง มันจึงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กิ่งหักลงมากระแทกจนกระเบื้องมุงหลังคาเสียหาย เขาเลือกถอดแผ่นที่คุณภาพดีออกมาห้าแผ่นคีรินลงมาจากนั่งร้านแล้วเดินไปดูห้องที่บอกให้เธอเก็บกวาด เห็นว่าเธอเอาแผ่นฝ้าที่แตกหักออกมาวางกองไว้ด้านนอกหมดแล้ว และกำลังกวาดฝุ่นกับหยากไย่ลงมาจากผนัง ก่อนจะกวาดใส่ที่ตักขยะแล้วเอาไปทิ้งด้านนอกอีกทีชายหนุ่มกวาดตามองภายในห้อง ซึ่งตอนเขาเด็ก ๆ ห้องนี้เป็นห้องที่บิดากับมารดาของเขานอนด้วยกันมีขนาดกว้างกว่าห้องอื่นเพราะใช้พื้นที่ส่วนปีกขวาทั้งหมด ส่วนห้องฝั่งปีกซ้ายสองห้องเป็นห้องของพี่ชาย และอีกห้องหนึ่งเป็นห้องของน้องสาวส่วนเขาอยู่ห้องชั้นล่างซึ่งเธออยู่ตอนนี้ ด้วยติดผู้เป็นปู่กับย่าที่นอนอยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามติดห้องโถงชั้นล่าง เนื่องจากท่านอายุมากแล้วจึงเลือกอยู่ชั้นล่างเพราะขึ้นลงไม่สะดวก เขาจึงเลือกห้องข้างล่างเพื่อจะได้นอนใกล้ท่าน“กวาดแค่นี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวเราไปช่วยพี่ยกนั่งร้า
๕เปลี่ยนหลังคาบ้าน เพียงฤดีตื่นนอนตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า เธอรีบไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวให้พร้อมสำหรับจะทำงานหนักในวันนี้ ใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กับกางเกงผ้ายืดสีดำเพื่อให้เดินเหินได้คล่องและไม่เปื้อนง่ายนัก รวบผมขึ้นเป็นมวยกลางศีรษะ แล้วรีบเข้าครัวไปทำอาหารเช้า วันนี้เธอทำข้าวต้มหมูทรงเครื่อง กับทำอาหารเช้าที่เขาน่าจะชอบก็คือ ไส้กรอก ไข่ดาว หมูแฮม กับขนมปังปิ้ง เนื่องจากเขาหยิบใส่รถเข็นมาจำนวนมาก แล้วหันไปเสียบปลั๊กกาน้ำร้อนเอาไว้ เพราะดูแล้วเขาน่าจะชอบดื่มกาแฟในตอนเช้าเช่นเดียวกัน กลิ่นอาหารและเสียงกุกกักในยามเช้าปลุกให้คนที่นอนอยู่ชั้นบนตื่นขึ้นมา เขาคว้าผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนเดินลงมาข้างล่าง เนื่องจากห้องน้ำชั้นบนยังไม่สามารถใช้งานได้ 
เพียงฤดีรีบขึ้นไปบนชั้นสองทันทีเมื่อตื่นนอน เพราะเมื่อคืนนี้เธอรู้สึกว่ามีฝนตกหนัก แต่ด้วยกำลังง่วงจัดและคงเหนื่อยมาก จึงลุกขึ้นไปดูไม่ไหว แม้จะลืมตาก็ยังลืมไม่ขึ้น จึงฝืนที่จะไม่หลับต่อไม่ไหวเธออยากรู้ว่าหลังคาจะรั่วบ้างไหม เมื่อขึ้นไปถึงก็เห็นคีรินนั่งขีดเขียนบางอย่างในกระดาษแผ่นใหญ่อยู่บนพื้น รอบข้างของเขามีไม้บรรทัด ฉาก ดินสอและอื่น ๆ เขาละสายตาจากแผ่นกระดาษเมื่อได้ยินเสียงเธอเดินขึ้นมา“ตื่นแล้วหรือเราน่ะ ยังไม่หกโมงเลย” เขามองนาฬิกาข้อมือ“เอ่อ ฤดีนึกว่าพี่คีรินยังไม่ตื่นซะอีก เลยจะขึ้นมาดูว่าเมื่อคืนฝนตก หลังคาจะรั่วหรือเปล่า ขอโทษนะคะแต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่” เธอยิ้มแหย พลางก้มมองตัวเองที่ยังอยู่ในชุดนอนลายการ์ตูนเสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้น หน้าตายังไม่ได้ล้างผมเผ้ายังรุงรัง แต่เพราะอยากดูผลงานเลยรีบขึ้นมา“ไม่เป็นไร ไม่รั่วหรอก พี่ออกมาดูตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ต่อไปก็แค่ทำความสะอาดห้องอื่น ๆ ในบ้าน วันนี้เราช่วยพี่ปัด กวาด เช็ดถู เคลียร์พื้นที่ก่อนก็แล้วกัน พี่จะวางแผนออกแบบตกแต่งบ้าน”
๖แม่ค้ามือใหม่เสียงเอะอะดังอยู่ข้างบ้านขณะที่เพียงฤดีกำลังทำอาหารเช้า เธอเดินออกไปดู เห็นว่าคีรินกำลังให้ชายสามคนตัดไม้ต้นใหญ่ข้างบ้าน ซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นต้นที่เขาเรียกว่ากระถินเทพา“ตัดทำไมหรือคะพี่คีริน” เธอเห็นว่ามันอยู่ข้างบ้านก็ร่มรื่นดี และไม้ที่เขาบอกว่าจะตัดเพื่อนำมาสร้างบ้านก็อยู่ในสวนต่างหาก“มันอยู่ใกล้บ้านเกินไป เดี๋ยวลมแรงกิ่งจะหักใส่หลังคาอีก ตัดไม้เอามาใช้ดีกว่า เพราะเราต้องใช้ไม้ในการปรับปรุงบ้านอีกเยอะ” เขาตอบ ขณะหันไปมองชายวัยกลางคนที่กำลังตัดต้นไม้อยู่โดยมีเชือกโยงดึงต้นไม้ให้ล้มไปคนละฝั่งกับบ้าน คนเลื่อยไม้หนึ่งคน อีกสองคนยืนตะโกนโหวกเหวกเพื่อให้คนตัดรู้ว่าจะให้มันล้มไปยังตำแหน่งไหน เธอยืนดูด้วยความตื่นเต้น ลุ้นว่ามันจะล้มทับบ้านไหม แล้วก็ถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อมันล้มครืนลงไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งมีหญ้าขึ้นสูง ตรงตามตำแหน่งที่ต้องการพอดี“โห เขาเก่งจังเลยนะคะ บังคับได้ด้วยว่าจะให้มันล้มไปทางไหน”“พวกเขาตัดไม้จนชำนาญแล้ว พี่ก็เคยตัดนะ ตอนอยู่กับคุณปู่ แต่ไม่ได้ทำมานาน กลัวจะล้มทับบ้านเอา เลยต้องให้พวกเขามาช่วย เดี๋ยวพี่ไปบอกเขาก่อนว่าจะให้ตัดไม้แบบไหน” เขาบอก“ค่ะ งั้น
“นี่ไงครับ ที่พี่ชลอยากดู ฤดีเขาถอนต้นกล้าจากใต้ต้นกระถินเทพามาปลูกใส่ถุงไว้ เห็นว่าจะเอาไปขายให้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะขายยังไง แต่เขาอยากทำผมก็ปล่อยเขาทำไป ผลไม้เขาก็เก็บไปขายให้ผมจนหมดสวนแล้ว ไหนจะช่วยทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้าน ถ้าไม่ได้เขาช่วยผมก็ลำบากเหมือนกัน” คีรินมายืนดูเธอปลูกต้นกล้าพลางคุยกับบิดาและพี่ชายด้วยท่าทางภูมิใจ“ฤดีจะขายต้นเท่าไหร่ครับเนี่ย” ชลธรทรุดนั่งลงตรงหน้าพลางถาม มือก็หยิบถุงที่เธอปลูกแล้วขึ้นมาดู“เอ่อ ต้นขนาดนี้น่าจะยังต้นละ 5-7 บาทค่ะ แต่ฤดีว่าจะให้ต้นสูงกว่านี้หน่อยค่ะค่อยขาย ให้โตสักสามสิบเซ็น น่าจะอยู่ที่ต้นละ 10 บาท” เธอตอบแล้วยิ้มแก้มปริ ที่เห็นชลธรสนใจสิ่งที่เธอทำ“งั้นพี่สั่งฤดีไว้สักสองพันต้นก่อนได้ไหม จองไว้ก่อนเลย พอต้นโตได้สักสิบบาท พี่จะมาเอา”“จริงหรือคะ พี่ชลจองจริง ๆ หรือแค่แกล้งฤดีเล่นคะ” หญิงสาวถามอย่างไม่อยากเชื่อ อีกฝ่ายยิ้มดวงตาเป็นประกายอ่อนหวานก่อนจะตอบว่า“จริงสิครับ เอ หรือจะเอาสักห้าพันต้นดี ปลูกไม้ไว้สักหน่อยก็ดีเหมือนกันนะครับคุณพ่อ ที่แปลงใหม่ของเราก็เหลือพื้นที่อีกตั้งเยอะ” ชลธรหันไปถามบิดา“ก็ตามใจเถอะ ทุเรียนเราก็ปลูกเยอะแล้ว แ
“เอ่อ ฤดีไม่มีถุงใส่ค่ะ ลืมไปเลยว่าต้องซื้อถุงด้วย” เธอว่า เพราะมัวแต่ตื่นเต้นว่าจะได้ขายเงาะก็เลยรีบไปเก็บมาขายอย่างเดียว ลืมคิดไปว่าต้องเตรียมอะไรบ้างในการขาย“ไม่เป็นไร ๆ น้าเล็กเขาซื้อถุงติดบ้านไว้เยอะ เดี๋ยวน้าไปเอาให้สักแพ็ค” ว่าแล้วนิดก็เดินเข้าไปหยิบถุงพลาสติกหูหิ้วมาแพ็คนึงส่งให้ พร้อมกับเครื่องชั่ง เพราะรู้ว่าเธอคงไม่ได้เตรียมอะไรมา“นี่ถุงกับตาชั่ง น้าเอามาให้เลย เดี๋ยวทำช่อชั่งไว้เลยนะ ลูกค้ามาเยอะแล้วจะทำไม่ทัน เดี๋ยวน้าต้องไปดูหน่อยว่าคนงานเตรียมแพเสร็จหรือยัง นักท่องเที่ยวก็ใกล้จะมาแล้ว” นิดว่า คีรินยกมือไหว้พลางว่า“ขอบคุณครับน้านิด ยังไงก็ฝากช่วยดูแม่ค้าด้วยนะครับ ท่าทางจะมือใหม่มาก ๆ ด้วย พอดีผมให้น้าใหญ่ตัดไม้อยู่ ต้องรีบกลับไปดู”“ไปเถอะคีริน ไม่ต้องห่วงหรอก เราก็ญาติ ๆ กัน มีอะไรก็ช่วย ๆ กัน น้าไปดูทางโน้นแป๊บเดียว เดี๋ยวจะมาช่วยดู ส่วนน้าเล็กน่ะเขายุ่ง ๆ เรื่องทำกับข้าวอยู่ สักพักก็คงออกมาละ” นิดว่าพลางยกมือรับไหว้คีรินที่กำลังลากลับ“อยู่ได้นะเราน่ะ” เขาหันไปถามแม่ค้าสาว“ได้ค่ะ พี่คีรินกลับได้เลยค่ะ”“งั้นนี่เบ
“นายไปเถอะ ฤดีทำกับข้าวไว้แล้ว บอกแม่ว่าพรุ่งนี้จะพาฤดีไปกินข้าวด้วย” คีรินว่าพลางโอบเอวของภรรยาข้าวใหม่ปลามันเข้ามาชิด “โอเค งั้นผมไปละ โคตรหิว” ปรัชญาโบกมือลาแล้วเดินดุ่ม ๆ มุ่งหน้าไปยังบ้านหลังน้อยของเพียงฤดีที่ตอนนี้เปิดไฟสว่างขึ้น คีรินและเพียงฤดีมองตามร่างสูงของปรัชญาที่เดินเข้าไปยังบ้านหลังเล็กที่อยู่ไกล ๆ เพียงฤดีมองภาพนั้นอย่างมีความสุข เพราะบ้านหลังน้อยของเธอนอกจากจะเป็นบ้านที่ให้แม่และน้องได้อยู่อย่างมีความสุขแล้วยังเป็นที่พึ่งพิงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ทำตัวเป็นคนโปรดของมารดาเธอได้อย่างน่าเอ็นดู แถมยังทำให้มารดามีความสุขกับการได้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องมีเรื่องทุกข์ร้อนให้ต้องกังวลใจอีกไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่เคยชักหน้าไม่ถึงหลัง ใช้เดือนไม่เคยชนเดือน ตอนนี้ท่านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองอีก เพราะเดือนละหนึ่งหมื่นบาทที่เธอให้ ท่านแทบไม่ได้เอาไปซื้ออะไรเลย เพราะใช้เงินจากที่นภดลนำผักไปขายเอาเงินไปซื้ออาหารสด และนภดลก็เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเอง
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ใช้ความพยายามกล่อมภรรยาจนได้กินเธออีกรอบอย่างที่ต้องการ นอนคลอเคลียด้วยกันอยู่บนที่นอนจนถึงอาหารมื้อเที่ยง ถึงได้ออกจากห้องคีรินเปิดประตูออกไปหน้าบ้าน เห็นคนงานกำลังเคลียร์สถานที่ที่ใช้จัดงาน โดยมีปรัชญาคอยดูแล“อ้าว พี่คี ออกมาได้แล้วเหรอ เมื่อคืนคงหนักสินะ” รุ่นน้องหนุ่มเอ่ยแซวพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย“แล้วมึงละ หนักเหมือนกันละสิไอ้เป้ ป่านนี้ถึงได้เพิ่งมาเก็บของ”“แหม ก็ยันเช้าอ่ะพี่ พี่ณัฐกับไอ้บุ๋มยังไม่ตื่นเลย พี่เทพพาเมียไปเดินเล่นในสวน ส่วนไอ้หนึ่งพาเมียไปออกไปซื้อของตลาดเดี๋ยวคงจะมา เห็นว่าจะกลับกันเย็นนี้” ปรัชญารายงาน“แล้วยายนภาล่ะ เมื่อคืนนอนที่ไหน”“เห็นพี่ชลพากลับไปนอนบ้านโน้น แต่รถยังอยู่ที่นี่เห็นว่าค่อยกลับมาเอาตอนจะกลับกรุงเทพฯ” ปรัชญาตอบ“อืม งั้นนายก็ทำงานไปเถอะ ฝากช่วยหน่อยนะ วันนี้เพลีย ๆ เดี๋ยวพี่ไปช่วยเมียทำกับข้าวก่อน นายก็หากินเอาเองนะ”“ไปเลยพี่ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องกินน่ะผมฝากท้องกับแม่แล้ว ผูกปิ่นโตทุกวัน เดี๋ยวก็ว่าจะย้ายของในห้องไปอยู่กระท่อมแล้วละ ส่วนพี่ก็เก็บแ
“งั้นเดี๋ยวพี่ป้อนให้” ว่าแล้วก็ดันร่างบางของหญิงสาวให้มาเผชิญหน้า เห็นเธอหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย มือเรียวปิดหน้าอกเอาไว้ เขาเพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้เล็กอย่างที่เขาคิด แต่ความอวบอิ่มนั้นล้นมือของเธอทีเดียว ปกติเขาจะเห็นเธอแต่งชุดเรียบร้อย เสื้อผ้าก็ใส่แบบหลวม ๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับมีจนเขาต้องแอบกลืนน้ำลาย เขาเอาองุ่นใส่ปากหญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากท้วง “อร่อยไหม” ถามด้วยดวงตามระยิบระยับ ที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา “พี่คีริน ไปอาบน้ำสิคะ ฤดีกินเองได้ค่ะ” เธอหลบสายตาหวานฉ่ำนั้นด้วยความเขินอาย พลางไล่ให้เขาไปอาบน้ำก่อน “พี่ไม่อาบคนเดียวหรอก เราต้องไปอาบกับพี่ด้วย รู้ไหมตอนตกแต่งห้องนี้ พี่แอบคิดว่าถ้าวันหนึ่งพี่แต่งงานกับฤดี ก็อยากอาบน้ำด้วยกันทุกวัน จึงได้ติดตั้งอ่างจากุชซี่ไว้ในห้องนอนด้วย” “อะไรน
๒๒วิวาห์แสนหวาน งานแต่งงานที่จัดขึ้นที่ไร่คีรินจบลงอย่างสวยงาม แม้ว่าเพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวออกอาการเขม่นกันอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำให้งานแต่งงานเสียบรรยากาศแต่อย่างใดส่วนเอกกมลผู้เป็นพี่ชายของเจ้าสาวนั้นพาภรรยาวัยสาวน้อยมาด้วย แต่อยู่ร่วมงานเพียงไม่นาน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ก็พาภรรยากลับไปซึ่งเพียงฤดีก็เข้าใจและเห็นใจในความลำบากใจของพี่ชาย ซึ่งรู้ว่าภรรยาของตนกับมารดานั้นไม่ค่อยลงรอยกันนัก จึงไม่ได้ว่าอะไรที่เขาไม่ได้อยู่จนจบงาน แค่เขาได้มาร่วมงาน เธอก็ดีใจมากแล้ว และเห็นว่าเอกกมลเปลี่ยนตัวเองให้ใจเย็นลงได้อย่างมากก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว “น้องฝากยายฤดีด้วยนะพี่คีริน ดูแลให้ดีนะ ไม่งั้นน้องโกรธจริง ๆ ด้วย” นภาธรว่า ขณะที่อยู่ในห้องหอของบ่าวสาวที่เพิ่งทำพิธีจบลง และหมดหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวของเธอแล้ว&nb
ปรัชญาเดินดุ่มขึ้นมาบนบ้านหลังเล็กของเพียงฤดีเมื่อเห็นคีรินนั่งอยู่หน้าบ้าน เขาเดินขึ้นระเบียง ถอดหมวกแก๊ปวางบนโต๊ะด้วยท่าทางหงุดหงิด แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าชายหนุ่มรุ่นพี่“เป็นอะไรไอ้เป้” คีรินถาม“ก็ผู้หญิงอะไรไม่รู้ หน้าตาก็ดี แต่เหมือนคนบ้า ผมจอดรถของผมอยู่ดี ๆ ก็มาเคาะกระจกเรียก ด่าผมว่าเสียมารยาทไปจอดรถตรงที่ที่เขาจองไว้แล้ว บ้าบอมาก มันตลาดนัด ใครไปถึงก็จอดก่อน ผมก็ไม่เห็นว่าเขากำลังจะเข้าจอด เห็นรถถอยออกก็เสียบเข้าไป ยังไม่ทันได้ดับเครื่องก็มาเคาะเรียก บังคับให้ผมเอารถออกทั้ง ๆ ที่ตรงอื่นก็จอดได้เยอะแยะ ผมขี้เกียจรำคาญก็เลยถอยรถออกมานี่แหละ จะแวะซื้อเป็ดตุ๋นมากินสักหน่อยเลยไม่ได้กินเลย”“เออน่า อย่าเพิ่งโมโหหิว แม่กับฤดีทำกับข้าวอยู่ น่าจะใกล้เสร็จแล้วละ เดี๋ยวก็กินด้วยกันที่นี่แหละ แล้วว่าไง ออกไปหาลูกค้าไร่พิงอรุณมาเป็นยังไงบ้าง”“ก็ดี ลุงแกก็โอเคแหละ คนแก่น่ะ ให้เราออกแบบระบบให้แล้วเสนอราคาไปก่อน เห็นบอกว่าลูกสาวที่อยู่กรุงเทพฯ อยากให้วางระบบฟาร์มอัจฉริยะไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาอยู่บ้านแล้ว”“อืม เห็นลุงแกจะขายที่ดินให
งานแต่งงานกำลังจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า วันนี้ทั้งประสิทธิ์ สายชล และชลธรมาช่วยเตรียมงานในไร่ตั้งแต่เช้า ไหนจะช่วยจัดเตรียมวางแผนเรื่องอาหาร การจัดสถานที่ รวมทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ว่าทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะบอกว่าอยากได้งานเล็ก ๆ อบอุ่น ๆ ภายในครอบครัวแต่ในที่สุดก็ไม่สามารถจัดแบบนั้นได้ เมื่อพ่อแม่เจ้าบ่าวไม่ยอม เนื่องจากเป็นลูกชายคนแรกที่ได้แต่งงาน และไม่รู้ว่าลูกชายคนโตและลูกสาวคนเล็กจะมีโอกาสได้แต่งงานไหม จึงขอจัดงานให้ถูกใจพ่อแม่เจ้าบ่าวก่อน“อย่าว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะแม่หทัย ฉันน่ะก็ไม่อยากให้ทุกคนเหนื่อยกันหรอก แต่ฉันก็มีลูกอยู่แค่สามคน อีกสองคนยังไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงาน เลยขอจัดงานพ่อคีรินให้มันใหญ่หน่อย ให้พออวดเพื่อนได้ว่าฉันได้ลูกสะใภ้ดี แม่หทัยนี่สอนลูกดีจริง ๆ น่ารักน่าเอ็นดู ขยันขันแข็ง อ่อนน้อมถ่อมตน ฉันเห็นครั้งแรกก็หลงรักแล้ว” สายชลว่าพลางนั่งตรวจเช็คของชำร่วยไปพลาง ว่าจำนวนชิ้นพอกับแขกเหรื่อที่เชิญไว้หรือไม่ขณะคนที่ถูกชมกลับยิ้มเจื่อน ๆ เพราะตนเองก็ไม่ได้สอนอะไรลูกสาวมากนัก มีแต่ใช้งานหนักให้ทำโน่น
๒๑ปรับตัวเองง่ายกว่าเพียงฤดีอัดคลิปนิยายเสียงเสร็จก็เดินกลับไปที่บ้านเพื่อช่วยมารดาทำอาหารเย็น ปล่อยให้คีรินได้กลับไปทำงานของเขา ซึ่งช่วงเย็นเขาก็จะมากินข้าวที่บ้านของเธอ เนื่องจากมารดาจะทำกับข้าวไว้ให้ตั้งแต่หทัยรัตน์รู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ คีรินก็ถือโอกาสไม่กินข้าวตอนเย็นที่บ้านตัวเองอีก จะหิ้วท้องไปนั่งรอกินข้าวที่บ้านของเธอทุกเย็นมีเพียงช่วงเช้าที่เธอจะมาทำอาหารเช้าให้เขาตามปกติ โดยทำเผื่อไปถึงมื้อเที่ยงด้วย และเธอก็กินมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงร่วมกับเขา โดยที่มารดาของเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก แต่ช่วงเย็นเธอจะกลับไปช่วยมารดาทำอาหารและรอเขาไปกินด้วยกันเมื่อไปถึงบ้านเธอเห็นนภดลกับมารดานั่งดูสมาร์ตโฟนแล้วคุยอะไรกันอยู่“ดูอะไรเหรอแม็กซ์” เพียงฤดีเดินเข้าไปถาม“ส่องเฟซบีอยู่ ทะเลาะกับพี่ท็อปแล้วโพสต์เฟซด่ากระจาย แถมกรีดข้อมือตัวเองด้วย สยองมาก”“แล้วพี่ท็อปเป็นยังไงบ้างล่ะ”“ก็คงเหนื่อยหน่อยน่ะ เมื่อกี้ผมแค่โทร. ไปจะถามว่ามางานแต่งงานพ
เสียงดังที่อยู่ในห้องนอนฝั่งตรงข้าม ทำให้คีรินต้องเงี่ยหูแนบกับประตูแล้วย่นคิ้วเบา ๆ เมื่อมีเสียงแปลก ๆ เหมือนมีคนสองสามคนอยู่ในนั้น เขาจึงตัดสินใจเคาะประตู “ฤดี ฤดี” ไม่มีเสียงตอบ แต่เขาได้ยินเสียงเดินมาเปิดประตู “มีอะไรหรือคะพี่คีริน” หญิงสาวถาม “ฤดีเข้ามาทำอะไรในนี้น่ะ แล้วเมื่อกี้พี่ได้ยินเสียงคนคุยกัน”“ไม่มีใครค่ะ ฤดีอยู่คนเดียว” เธอว่าพลางเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม เขาเดินเข้ามาในห้องนอนของเธอ กวาดตามองไปทั่วห้อง ซึ่งตอนนี้ไม่ได้มีข้าวของของเธอมากนัก เพราะขนกลับไปไว้ที่บ้านของตัวเองหมดแล้ว เขาเปิดประตูห้องน้ำดูก็ไม่มีใคร ก่อนจะหันมาถาม “เมื่อกี้พี่ได้ยินเสียงคนคุยกันจริง ๆ นะ แล้วฤดีทำอะไรน่ะ” เขาเห็นไมค์โครโฟนตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานเลยเดินเข้ามาดู
นิรานั่งมองไลฟ์สดในเพจไร่คีรินที่เธอเห็นเอกภพเปิดดู แล้วลองมาเปิดดูเองบ้าง เห็นท่าทางมีความสุขของเขาแล้วเธอถึงกับน้ำตาปรี่ลงมา เขากำลังมีความสุข ธุรกิจใหม่ก็กำลังรุ่งเรืองในขณะที่เธอสูญเสียเขาไปแล้วส่วนกิตติกรหรือกอล์ฟผู้กำกับชื่อดังซึ่งเธอเอาเงินของคีรินไปฝากลงทุนกับเขา และหวังว่าเขาจะดูแลเธอต่อจากคีรินได้เป็นอย่างดีเพราะมีฐานะดีกว่า และสามารถส่งเสริมอาชีพของเธอได้ แต่ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่ลำบากเพราะแม้คีรินจะไม่เอาเรื่อง แต่ก็มีคดีความที่ยังต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ออนไลน์ชื่อดัง จึงมีการฟ้องร้องของคู่กรณีคนอื่น ๆอีกทั้งเมื่อเธอมาลองคบกับดนุวัฒน์ไฮโซชื่อดัง ก็กลับกลายเป็นว่าคุณสมบัติของเธอไม่เพียงพอที่จะเป็นสะใภ้ผู้ดีเก่าในสายตามารดาของเขา ความหวังที่จะขึ้นไปอยู่บนที่สูงตกวูบลงมาทันใดตอนนี้มีเพียงบริษัทผลิตละครสั้นเล็ก ๆ ที่เธอขอให้คีรินลงทุนให้เท่านั้น ที่เป็นหลักให้กับชีวิต แต่พอเขาออกไป แฟนคลับของเขาก็ติดตามเขาไปด้วย จนตอนนี้ช่องของเธอมียอดวิวน้อยลงมาก รายได้ก็ลดน้อยลงตาม เอานักแสดงใหม่เข้ามาแทนเขา ก็เข้ากับทีมงานไ