๖
แม่ค้ามือใหม่
เสียงเอะอะดังอยู่ข้างบ้านขณะที่เพียงฤดีกำลังทำอาหารเช้า เธอเดินออกไปดู เห็นว่าคีรินกำลังให้ชายสามคนตัดไม้ต้นใหญ่ข้างบ้าน ซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นต้นที่เขาเรียกว่ากระถินเทพา
“ตัดทำไมหรือคะพี่คีริน” เธอเห็นว่ามันอยู่ข้างบ้านก็ร่มรื่นดี และไม้ที่เขาบอกว่าจะตัดเพื่อนำมาสร้างบ้านก็อยู่ในสวนต่างหาก
“มันอยู่ใกล้บ้านเกินไป เดี๋ยวลมแรงกิ่งจะหักใส่หลังคาอีก ตัดไม้เอามาใช้ดีกว่า เพราะเราต้องใช้ไม้ในการปรับปรุงบ้านอีกเยอะ” เขาตอบ ขณะหันไปมองชายวัยกลางคนที่กำลังตัดต้นไม้อยู่
โดยมีเชือกโยงดึงต้นไม้ให้ล้มไปคนละฝั่งกับบ้าน คนเลื่อยไม้หนึ่งคน อีกสองคนยืนตะโกนโหวกเหวกเพื่อให้คนตัดรู้ว่าจะให้มันล้มไปยังตำแหน่งไหน เธอยืนดูด้วยความตื่นเต้น ลุ้นว่ามันจะล้มทับบ้านไหม แล้วก็ถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อมันล้มครืนลงไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งมีหญ้าขึ้นสูง ตรงตามตำแหน่งที่ต้องการพอดี
“โห เขาเก่งจังเลยนะคะ บังคับได้ด้วยว่าจะให้มันล้มไปทางไหน”
“พวกเขาตัดไม้จนชำนาญแล้ว พี่ก็เคยตัดนะ ตอนอยู่กับคุณปู่ แต่ไม่ได้ทำมานาน กลัวจะล้มทับบ้านเอา เลยต้องให้พวกเขามาช่วย เดี๋ยวพี่ไปบอกเขาก่อนว่าจะให้ตัดไม้แบบไหน” เขาบอก
“ค่ะ งั้นฤดีไปทำกับข้าวต่อก่อนนะคะ อ้อ วันนี้ฤดีจะไปเก็บเงาะไปขายที่บ้านน้าเล็กนะคะพี่คีริน เมื่อวานน้าเล็กบอกว่าวันนี้มีนักท่องเที่ยวมาล่องแพเยอะ ถ้าเรามีของในสวนให้เอาไปวางขายได้ค่ะ”
“อือ ก็ตามใจเราเถอะ เราไปเก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน ถ้าขนกลับไม่ไหวก็มาบอก เดี๋ยวพี่จะไปช่วยขน” เขาพอจะรู้จากนภาธรมาบ้างว่า ตอนนี้เพียงฤดีไม่ค่อยมีเงินมากนัก เงินเก็บที่มีก็เอาไปจ่ายค่าที่ดินหมดแล้ว ไหนยังต้องส่งแม่ส่งน้องเรียนอีก คงอยากหารายได้ จึงไม่ขัดขวางหากเธอจะเอาของในสวนไปขาย เพราะถ้าเก็บไว้เขาก็คงไม่ได้เอาไปขาย เนื่องจากยังยุ่ง ๆ กับการปรับปรุงบ้านให้อยู่ได้สบายก่อน
“ค่ะ แต่เดี๋ยวฤดีเอารถเข็นไปได้ไหมคะ” หญิงสาวตอบแล้วหันไปมองรถเข็นที่เขาซื้อมาใช้สำหรับจะขนของ
“ได้ เอาไปสิ” เธอยิ้มดีใจแล้วรีบกลับไปทำกับข้าว ก่อนจะเอามาตั้งโต๊ะด้านนอกเช่นเคย หญิงสาวออกมาก็เห็นคนกำลังเลื่อยไม้ตัดเป็นท่อน ๆ ตามขนาดที่เขาต้องการ
“พี่คีรินคะ กินข้าวก่อนค่ะ” เขาเดินมานั่งกินข้าวหน้าบ้าน โดยปล่อยให้คนงานเลื่อยไม้ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
เมื่อกินข้าวอิ่มต่างก็แยกกันไปทำงาน โดยที่เพียงฤดีเอากระสอบใบใหญ่ซึ่งได้จากการที่คีรินซื้อวัสดุก่อสร้างแล้วเขาใส่ของมาให้เอาไปใส่เงาะ ส่วนคีรินก็เดินนำช่างเลื่อยไม้ไปยังต้นกระถินเทพาอีกต้นที่อยู่หลังบ้าน ด้วยเป็นที่แปลงใหญ่ บริเวณบ้านไม่ติดกับใคร จึงเป็นการง่ายที่จะโค่นไม้ต้นใหญ่ให้ล้มไปในทิศทางที่ต้องการได้สะดวก
เพียงไม่นานเพียงฤดีก็เก็บเงาะใส่กระสอบแล้วลากมากับรถเข็น ท่าทางทุลักทุเลนั้นเขาอดส่ายหน้าอย่างเอ็นดูไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางเหนื่อยหอบของคนที่ไม่ค่อยได้ทำงานหนักมากนัก ต้องไปสอยเงาะ เก็บเงาะแล้วก็ต้องขนกลับมาในระยะทางที่ไม่ได้ไกล้เลย
“ได้กี่กิโลก็ไม่รู้ค่ะ น้าเล็กบอกว่าให้เอาไปชั่งทำกิโลที่บ้านน้าเล็กก็ได้ อันนี้เราเก็บไว้กินเนอะ” เธอว่าพลางหยิบเงาะช่อใหญ่หลายช่อวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะใช้แขนปาดเหงื่อบนใบหน้า
“เราไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ มอมแมมหมดแล้ว เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่ง” เขาว่าแล้วก็หยิบเงาะมากินหนึ่งลูก เพียงฤดีรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะออกมาในชุดใหม่ ใส่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีฟ้าอ่อน กางเกงยีนส์สีเข้ม เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ โทนสีชมพูดูสบายตา รวบผมเรียบร้อยและสวมหมวกแก็ป ท่าทางกระฉับกระเฉง พร้อมเป็นแม่ค้าอย่างเต็มที่
“ไปเถอะ พี่เอาเงาะขึ้นรถให้แล้ว” เขาว่าแล้วก็ขับรถไปส่งที่บ้านของเล็กกับนิด เมื่อไปถึงก็เห็นว่าเล็กกับนิดกำลังเตรียมรับลูกค้า เมื่อเห็นเขาจอดรถและบอกว่าเพียงฤดีจะเอาเงาะมาขาย ทั้งสองก็รีบกุลีกุจอเอาโต๊ะมาวางให้ขายของ ซึ่งก็มีคุณลุงคุณป้าสี่ห้าคนก็มาจัดโต๊ะเอาผลไม้ในสวนมาขายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกล้วย ทุเรียน มังคุด ลองกอง ซึ่งแล้วแต่ว่าผลไม้สวนตนมีอะไรสุกก็เอามาขาย
นิดหยิบเงาะไปชิมหนึ่งลูกแล้วบอกว่า
“หวานดีโลเท่าไหร่เนี่ย ที่บ้านน้ายังไม่สุกเลย เดี๋ยวจะอุดหนุน” ชายวัยกลางคนถาม เพียงฤดีหันไปยังคีรินราวกับจะถามว่าราคาเท่าไร
“เอ่อ ผมก็ไม่ทราบครับน้านิด ว่าช่วงนี้เขาขายกันราคาโลละเท่าไร ขานี้น่ะคิดจะขายอย่างเดียวเลย ผมก็นึกว่าเขารู้ราคาแล้ว เห็นรีบไปเก็บแต่เช้า” ตอบพลางหันมองคนตัวเล็กที่คิดจะขายของแต่ไม่รู้ว่าจะขายเท่าไร
“วันก่อนน้าเห็นที่ตลาดเขาขายกันโลละสี่สิบ สามโลร้อย งั้นขายแบบนี้ไปก่อนดีไหม ถ้ารู้ราคาค่อยว่าอีกที” นิดถาม
“ครับ แบบนั้นก็ได้ครับ แต่น้านิดไม่ต้องซื้อหรอกครับ เอาไปกินเลยครับ ที่บ้านผมมีอีกตั้งเยอะ” เขารีบหยิบให้อีกฝ่าย
“ไม่ได้สิ เดี๋ยวน้าประเดิมให้ก่อนสักสามโลก็แล้วกัน เอาฤกษ์เอาชัย จะได้เฮง ๆ” ว่าแล้วนิดก็ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบเงินมาให้ แม่ค้าสาวยิ้มแป้นรับเงินมาด้วยความดีใจ ก่อนจะหยิบเงาะออกมากองไว้แล้วทำหน้าเจื่อน
“นี่ไงครับ ที่พี่ชลอยากดู ฤดีเขาถอนต้นกล้าจากใต้ต้นกระถินเทพามาปลูกใส่ถุงไว้ เห็นว่าจะเอาไปขายให้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะขายยังไง แต่เขาอยากทำผมก็ปล่อยเขาทำไป ผลไม้เขาก็เก็บไปขายให้ผมจนหมดสวนแล้ว ไหนจะช่วยทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้าน ถ้าไม่ได้เขาช่วยผมก็ลำบากเหมือนกัน” คีรินมายืนดูเธอปลูกต้นกล้าพลางคุยกับบิดาและพี่ชายด้วยท่าทางภูมิใจ“ฤดีจะขายต้นเท่าไหร่ครับเนี่ย” ชลธรทรุดนั่งลงตรงหน้าพลางถาม มือก็หยิบถุงที่เธอปลูกแล้วขึ้นมาดู“เอ่อ ต้นขนาดนี้น่าจะยังต้นละ 5-7 บาทค่ะ แต่ฤดีว่าจะให้ต้นสูงกว่านี้หน่อยค่ะค่อยขาย ให้โตสักสามสิบเซ็น น่าจะอยู่ที่ต้นละ 10 บาท” เธอตอบแล้วยิ้มแก้มปริ ที่เห็นชลธรสนใจสิ่งที่เธอทำ“งั้นพี่สั่งฤดีไว้สักสองพันต้นก่อนได้ไหม จองไว้ก่อนเลย พอต้นโตได้สักสิบบาท พี่จะมาเอา”“จริงหรือคะ พี่ชลจองจริง ๆ หรือแค่แกล้งฤดีเล่นคะ” หญิงสาวถามอย่างไม่อยากเชื่อ อีกฝ่ายยิ้มดวงตาเป็นประกายอ่อนหวานก่อนจะตอบว่า“จริงสิครับ เอ หรือจะเอาสักห้าพันต้นดี ปลูกไม้ไว้สักหน่อยก็ดีเหมือนกันนะครับคุณพ่อ ที่แปลงใหม่ของเราก็เหลือพื้นที่อีกตั้งเยอะ” ชลธรหันไปถามบิดา“ก็ตามใจเถอะ ทุเรียนเราก็ปลูกเยอะแล้ว แ
“เอ่อ ฤดีไม่มีถุงใส่ค่ะ ลืมไปเลยว่าต้องซื้อถุงด้วย” เธอว่า เพราะมัวแต่ตื่นเต้นว่าจะได้ขายเงาะก็เลยรีบไปเก็บมาขายอย่างเดียว ลืมคิดไปว่าต้องเตรียมอะไรบ้างในการขาย“ไม่เป็นไร ๆ น้าเล็กเขาซื้อถุงติดบ้านไว้เยอะ เดี๋ยวน้าไปเอาให้สักแพ็ค” ว่าแล้วนิดก็เดินเข้าไปหยิบถุงพลาสติกหูหิ้วมาแพ็คนึงส่งให้ พร้อมกับเครื่องชั่ง เพราะรู้ว่าเธอคงไม่ได้เตรียมอะไรมา“นี่ถุงกับตาชั่ง น้าเอามาให้เลย เดี๋ยวทำช่อชั่งไว้เลยนะ ลูกค้ามาเยอะแล้วจะทำไม่ทัน เดี๋ยวน้าต้องไปดูหน่อยว่าคนงานเตรียมแพเสร็จหรือยัง นักท่องเที่ยวก็ใกล้จะมาแล้ว” นิดว่า คีรินยกมือไหว้พลางว่า“ขอบคุณครับน้านิด ยังไงก็ฝากช่วยดูแม่ค้าด้วยนะครับ ท่าทางจะมือใหม่มาก ๆ ด้วย พอดีผมให้น้าใหญ่ตัดไม้อยู่ ต้องรีบกลับไปดู”“ไปเถอะคีริน ไม่ต้องห่วงหรอก เราก็ญาติ ๆ กัน มีอะไรก็ช่วย ๆ กัน น้าไปดูทางโน้นแป๊บเดียว เดี๋ยวจะมาช่วยดู ส่วนน้าเล็กน่ะเขายุ่ง ๆ เรื่องทำกับข้าวอยู่ สักพักก็คงออกมาละ” นิดว่าพลางยกมือรับไหว้คีรินที่กำลังลากลับ“อยู่ได้นะเราน่ะ” เขาหันไปถามแม่ค้าสาว“ได้ค่ะ พี่คีรินกลับได้เลยค่ะ”“งั้นนี่เบ
เป็นเวลาสามวันแล้วที่เพียงฤดีย้ายมาอยู่ห้องคุณปู่คุณย่าของเขา ตอนเช้าเธอจะรีบตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อไปรดน้ำผัก ก่อนจะกลับมาทำอาหารเช้า แล้วรีบไปเก็บผลไม้ในสวนเพื่อไปขายที่บ้านของนิดกับเล็กในวันที่มีนักท่องเที่ยวมาล่องแพ โดยที่คีรินขับรถไปส่ง แล้วเธอจะเดินกลับมาเองตอนช่วงเที่ยง ๆ เพราะเขาตัดหญ้าตรงทางเดินไว้ให้แล้ว แต่ก็ย้ำเสมอว่าถ้าไม่อยากกลับเอง ก็ให้โทร. บอก เขาจะขับรถมารับส่วนคีรินตอนเช้าถึงบ่ายแก่ ๆ เขาจะอยู่ในแปลงสวนป่า คอยดูช่างเลื่อยไม้ให้ได้จำนวนตามที่ต้องการ และตัดหญ้าในสวนผลไม้ไปบ้าง ก่อนจะกลับมาราวสี่ถึงห้าโมงเย็นเพื่อปรับปรุงห้องนอนให้เพียงฤดีหญิงสาวคอยส่งไม้บ้างส่งตะปูบ้าง ส่งน็อตหรือสว่านให้บ้าง ขณะที่เขาขึ้นไปทำฝ้าเพดานให้เธอ ตอนนี้ฝ้าเพดานของเธอปูด้วยไม้มีความละเอียดประณีต ผนังห้องฝั่งหนึ่งก็บุไม้ทั้งผนัง เขาถอดหลอดไฟนีออนแบบหลอดยาวออก บอกว่าจะเปลี่ยนไฟให้ใหม่“เราจะถ่ายรูปทำไม หืม ถ่ายตั้งแต่ทำวันแรกแล้ว จะถ่ายทุกวันเลยเหรอ” เขาถามเมื่อเห็นว่าเธอถ่ายวีดีโอตอนที่เขาทำงานอยู่เรื่อย ๆ“ก็ฤดีอยากเก็บไว้ดูตอนมันเสร็จแล้วนี่คะ แ
เพียงฤดีทำอาหารเสร็จก็ตั้งโต๊ะที่ห้องรับประทานอาหาร ซึ่งเขากั้นส่วนของห้องโถงที่ติดกับครัว ทำเป็นห้องรับประทานอาหารและทุบห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่งออกไป เพื่อเปิดผนังแล้วกั้นหน้าต่างกระจกบานใหญ่ให้เห็นส่วนของวิวด้านนอก ทำให้บ้านโล่งโปร่งขึ้น ซึ่งตอนนี้เธอเอาดอกไม้ไปปลูกไว้และแขวนดอกเพ็ททูเนียไว้บนราวแขวนที่คีรินทำไว้ให้ ห่างจากหน้าต่างกระจกไประยะหนึ่ง โดยตั้งม้านั่งที่ประดิษฐ์จากเศษไม้ซึ่งเหลือจากการทำบ้านไว้ใกล้ ๆ เธอเดินออกไปที่ห้องโถงก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟาสีครามสไตล์โมเดิร์น ที่เพิ่งสั่งซื้อเข้ามาเพื่อตกแต่งห้องโถงหลังจากปรับปรุงพื้นที่ชั้นล่างเสร็จ ภายในห้องโถงตกแต่งเป็นสีครามเข้มโดยใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนในสวนทั้งหมด ทำให้ดูตัดกับพื้นผนังสีเข้ม ให้ความรู้สึกสงบและเรียบหรู ตรงทางเข้าห้องโถงที่เคยเป็นประตูไม้ทึบแสงกับหน้าต่างไม้อีกสองบาน ตอนนี้ทั้งผนังกลายเป็นกระจกทั้งบาน ติดม่านผ้าเนื้อดีสีครามอ่อน บ้านหลังนี้สวยจนเธอไม่คิดเลยว่า ก่อนหน้านี้มันเป็นเพียงบ้านร้างที่ดูน่ากลัว&nbs
เพียงฤดีเข้าห้องพักแล้วหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเปิดเครื่อง เพื่อต่อสัญญาณไวไฟให้กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กขึ้นมาเพื่อจะเขียนนิยาย ระหว่างรอหน้าจอพร้อมสำหรับทำงาน เธอก็หยิบสมุดบันทึกมาเขียนบัญชีรับจ่ายเงินในวันนี้ ก่อนจะแยกเงินสามสิบเปอร์เซ็นต์ของตัวเองออกจากเงินที่ขายได้วันนี้แล้วใส่ไว้ในซองเล็ก ๆ เสียงสมาร์ตโฟนดังขึ้น เธอจึงรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นสายของนภาธร“เป็นยังไงบ้างแก ไม่เปิดเครื่องเลย ฉันโทร. หาตั้งหลายรอบแล้ว”“อ้อ แกก็รู้ว่าฉันไม่อยากรับสายแม่กับพี่ท็อปเลยปิดเครื่องน่ะ”“ฉันก็รู้ ว่าแต่ตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ”“วันก่อนเผลอรับสายไปทีนึง แม่ก็ยังว่าฉันเห็นแก่ตัวทิ้งครอบครัว จะขอเงินเพิ่มทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ฉันก็จะไม่มีกินอยู่แล้ว ฉันก็เลยไม่รับสายอีก รอให้ถึงวันที่หนึ่งก่อนค่อยโอน ไม่อย่างนั้นก็คงใช้หมดก่อนสิ้นเดือนอีกแน่ ๆ แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนมาให้อีก กว่าเงินจะออกอีกทีก็วันที่ยี่สิบโน่นพอดีแม็กซ์ดันบอกไปว่าฉันเอาเงินไปซื้อที่ดินหมดแล้ว ให้ช่วยประหยัด อย่ามาขอเงินฉันอีก เท่านั้นแหละ ก็ด่าฉันยกใหญ่พ
“แกได้เยอะเหรอ ถึงบอกว่าจะทำบ้านน่ะ”“ก็ไม่เยอะหรอก แค่ห้าหมื่นเอง คิดว่าทำแบบทรงง่าย ๆ ไม่ต้องหรูหรา ฉันดูคลิปในยูทูปแล้ว ว่าจะซื้อวัสดุมาแล้วยืมเครื่องมือช่างพี่คีรินไปทำเอง”“เฮ้ย บ้าแล้วยายฤดี แกเนี่ยนะ จะทำบ้านเอง”“ทำไมจะทำไม่ได้ แค่หลังเล็ก ๆ ฉันเห็นผู้หญิงในยูทูปตัวเท่า ๆ ฉันนี่แหละ เขายังทำบ้านเองกลางป่าได้เลย ทำไมฉันจะทำไม่ได้”“เฮ้ย นั่นมันคอนเทนต์ เขาจะสร้างเรื่องยังไงก็ได้ แกเชื่อได้ยังไง เขาแค่ทำท่าเหมือนทำเองตอนถ่ายคลิป แต่จ้างคนอื่นมาทำให้ก็ได้”“แล้วถ้าฉันไม่ลองทำเอง ฉันจะรู้ไหมล่ะว่าทำได้ มันต้องลองก่อนไง เนี่ยฉันดูในเพจบ้านทองกวาวมา เขาทำบ้านแบบที่ทำคนเดียวได้ ทำง่ายมาก”“เออ แกจะทำอะไรก็ทำ”“ว่าแต่ฉันขอไม้ไผ่ในสวนแกหน่อยได้ไหม จะเอาไปทำค้างผัก”“เอาไปเลยฉันยกให้ ตัดไปหมดทั้งกอเลยยิ่งดี รกจะตาย”“โอเค ขอบใจนะ ฉันต้องวางหูแล้วละ เดี๋ยวต้องไปทำกับข้าวให้พี่คีรินอีก คุยกับแกจนฉันไม่ได้เขียนนิยายเลยเนี่ย” เพียงฤดีว่าก่อนจะวางสายจากเพื่อน เลื่อนอ่านนิยายที่เขียนไว้ก่อนหน้า แล้วก็เปิดหน้าจอทิ้งไว้ก่อ
๗ย้ายห้อง เพียงฤดีรีบย้ายของออกจากห้อง หลังจากที่เธอรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ห้องนี้ดีหน่อยตรงที่มีเตียงนอนไม้ กับตู้เสื้อผ้าไม้แบบโบราณกับชั้นวางของ ทำให้เธอสามารถจัดข้าวของวางได้อย่างเป็นระเบียบขึ้นส่วนคีรินเดินออกไปจากบ้านตามช่างเลื่อยไม้เข้าไปในสวนตั้งแต่กินข้าวเสร็จ เสียงเลื่อยไม้และเสียงตะโกนโหวกเหวกยังดังแว่วมาตลอดเวลาใช้เวลาไม่นานนักก็จัดของในห้องนอนเสร็จ เพียงฤดีจึงเดินไปเก็บมะพร้าวใส่กระสอบลากกลับมาหนึ่งกระสอบ ซึ่งเป็นจำนวนหลายลูกทีเดียว เอามาวางไว้หน้าบ้าน แล้วเข้าไปเตรียมอาหารเที่ยงครอบฝาชีเอาไว้ให้เขาในครัวก่อนจะเข้าไปเอาซองเมล็ดพันธุ์ผักที่เธอซื้อมาตอนออกไปซื้อของกับคีรินคราวก่อน กับจอบขนาดเล็กและพร้าหนึ่งด้ามเดินไปยังที่ดินของตัวเอง เมื่อไปถึงเธอก็สำรวจพื้นที่ตามที่เพื่อนชี้บอกเอาไว้ ว่ามีหมุดเป็นเสาปูนทาสีแดงปักอยู่ที่ดินแปลงของเธออยู่ติดกับถนนลูกรังซึ่งเป็นทางผ่านไปยังที่ดินแปลงของคีริน ลักษณะเป็นพื้นที
ก่อนจะถือพร้าเดินไปยังกอไผ่ ไผ่ลำต้นค่อนข้างใหญ่ เธอใช้เวลาอยู่นานในการตัด แต่เมื่อมันล้มครืนลงมาเธอก็ถึงกับนั่งลงอย่างหมดแรงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้น ลากมันออกมาแล้วริดกิ่งออกจนเหลือแต่ลำต้นเธอต้องการจะทำให้มันสั้นกว่านี้ จึงใช้พร้าสับออกเป็นท่อนตามความยาวที่ต้องการ โดยคอยเลื่อนกล้องถ่ายวีดีโอไว้ทุกขั้นตอนที่เธอทำงานหญิงสาวปาดเหงื่อเป็นระยะ เพราะเป็นงานหนักที่เธอไม่คุ้นเคยเลย ทั้งที่คิดว่าที่นี่อากาศเย็น แต่ตอนนี้เธอเหนื่อยจนเหงื่อโทรมกายเลยทีเดียว แต่เป็นเรื่องที่ทำใจไว้แล้วว่าจะต้องเจอ จึงไม่ได้รู้สึกลำบากนัก เพราะเธอดูคลิปการเข้าป่าไปสร้างที่อยู่ของหญิงสาวคนหนึ่งในเวียดนาม รวมทั้งของผู้ชายอีกหลายคนที่ทำคลิปประเภทนี้ ทำให้พอจะรู้วิธีเอาตัวรอดในการใช้ชีวิตในป่า และรู้ว่าการสร้างอนาคตของตัวเองบนผืนดินที่ว่างเปล่านั้นต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงไรและตอนนี้เธอก็กำลังทำคลิปเช่นเดียวกับพวกเขาเพื่ออัปโหลดขึ้นยูทูป สร้างช่องของตัวเองไว้ให้ผู้คนได้ติดตามดู ซึ่งจะเป็นช่องทางหนึ่งในการหาเงินเข้ากระเป๋าเพียงฤดีตัดไม้ไผ่และผ่าไม้ไผ่ได้ตามจำนวนที่ต้องการ เธอขุดหลุมข้
“นายไปเถอะ ฤดีทำกับข้าวไว้แล้ว บอกแม่ว่าพรุ่งนี้จะพาฤดีไปกินข้าวด้วย” คีรินว่าพลางโอบเอวของภรรยาข้าวใหม่ปลามันเข้ามาชิด “โอเค งั้นผมไปละ โคตรหิว” ปรัชญาโบกมือลาแล้วเดินดุ่ม ๆ มุ่งหน้าไปยังบ้านหลังน้อยของเพียงฤดีที่ตอนนี้เปิดไฟสว่างขึ้น คีรินและเพียงฤดีมองตามร่างสูงของปรัชญาที่เดินเข้าไปยังบ้านหลังเล็กที่อยู่ไกล ๆ เพียงฤดีมองภาพนั้นอย่างมีความสุข เพราะบ้านหลังน้อยของเธอนอกจากจะเป็นบ้านที่ให้แม่และน้องได้อยู่อย่างมีความสุขแล้วยังเป็นที่พึ่งพิงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ทำตัวเป็นคนโปรดของมารดาเธอได้อย่างน่าเอ็นดู แถมยังทำให้มารดามีความสุขกับการได้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องมีเรื่องทุกข์ร้อนให้ต้องกังวลใจอีกไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่เคยชักหน้าไม่ถึงหลัง ใช้เดือนไม่เคยชนเดือน ตอนนี้ท่านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองอีก เพราะเดือนละหนึ่งหมื่นบาทที่เธอให้ ท่านแทบไม่ได้เอาไปซื้ออะไรเลย เพราะใช้เงินจากที่นภดลนำผักไปขายเอาเงินไปซื้ออาหารสด และนภดลก็เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเอง
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ใช้ความพยายามกล่อมภรรยาจนได้กินเธออีกรอบอย่างที่ต้องการ นอนคลอเคลียด้วยกันอยู่บนที่นอนจนถึงอาหารมื้อเที่ยง ถึงได้ออกจากห้องคีรินเปิดประตูออกไปหน้าบ้าน เห็นคนงานกำลังเคลียร์สถานที่ที่ใช้จัดงาน โดยมีปรัชญาคอยดูแล“อ้าว พี่คี ออกมาได้แล้วเหรอ เมื่อคืนคงหนักสินะ” รุ่นน้องหนุ่มเอ่ยแซวพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย“แล้วมึงละ หนักเหมือนกันละสิไอ้เป้ ป่านนี้ถึงได้เพิ่งมาเก็บของ”“แหม ก็ยันเช้าอ่ะพี่ พี่ณัฐกับไอ้บุ๋มยังไม่ตื่นเลย พี่เทพพาเมียไปเดินเล่นในสวน ส่วนไอ้หนึ่งพาเมียไปออกไปซื้อของตลาดเดี๋ยวคงจะมา เห็นว่าจะกลับกันเย็นนี้” ปรัชญารายงาน“แล้วยายนภาล่ะ เมื่อคืนนอนที่ไหน”“เห็นพี่ชลพากลับไปนอนบ้านโน้น แต่รถยังอยู่ที่นี่เห็นว่าค่อยกลับมาเอาตอนจะกลับกรุงเทพฯ” ปรัชญาตอบ“อืม งั้นนายก็ทำงานไปเถอะ ฝากช่วยหน่อยนะ วันนี้เพลีย ๆ เดี๋ยวพี่ไปช่วยเมียทำกับข้าวก่อน นายก็หากินเอาเองนะ”“ไปเลยพี่ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องกินน่ะผมฝากท้องกับแม่แล้ว ผูกปิ่นโตทุกวัน เดี๋ยวก็ว่าจะย้ายของในห้องไปอยู่กระท่อมแล้วละ ส่วนพี่ก็เก็บแ
“งั้นเดี๋ยวพี่ป้อนให้” ว่าแล้วก็ดันร่างบางของหญิงสาวให้มาเผชิญหน้า เห็นเธอหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย มือเรียวปิดหน้าอกเอาไว้ เขาเพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้เล็กอย่างที่เขาคิด แต่ความอวบอิ่มนั้นล้นมือของเธอทีเดียว ปกติเขาจะเห็นเธอแต่งชุดเรียบร้อย เสื้อผ้าก็ใส่แบบหลวม ๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับมีจนเขาต้องแอบกลืนน้ำลาย เขาเอาองุ่นใส่ปากหญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากท้วง “อร่อยไหม” ถามด้วยดวงตามระยิบระยับ ที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา “พี่คีริน ไปอาบน้ำสิคะ ฤดีกินเองได้ค่ะ” เธอหลบสายตาหวานฉ่ำนั้นด้วยความเขินอาย พลางไล่ให้เขาไปอาบน้ำก่อน “พี่ไม่อาบคนเดียวหรอก เราต้องไปอาบกับพี่ด้วย รู้ไหมตอนตกแต่งห้องนี้ พี่แอบคิดว่าถ้าวันหนึ่งพี่แต่งงานกับฤดี ก็อยากอาบน้ำด้วยกันทุกวัน จึงได้ติดตั้งอ่างจากุชซี่ไว้ในห้องนอนด้วย” “อะไรน
๒๒วิวาห์แสนหวาน งานแต่งงานที่จัดขึ้นที่ไร่คีรินจบลงอย่างสวยงาม แม้ว่าเพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวออกอาการเขม่นกันอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำให้งานแต่งงานเสียบรรยากาศแต่อย่างใดส่วนเอกกมลผู้เป็นพี่ชายของเจ้าสาวนั้นพาภรรยาวัยสาวน้อยมาด้วย แต่อยู่ร่วมงานเพียงไม่นาน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ก็พาภรรยากลับไปซึ่งเพียงฤดีก็เข้าใจและเห็นใจในความลำบากใจของพี่ชาย ซึ่งรู้ว่าภรรยาของตนกับมารดานั้นไม่ค่อยลงรอยกันนัก จึงไม่ได้ว่าอะไรที่เขาไม่ได้อยู่จนจบงาน แค่เขาได้มาร่วมงาน เธอก็ดีใจมากแล้ว และเห็นว่าเอกกมลเปลี่ยนตัวเองให้ใจเย็นลงได้อย่างมากก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว “น้องฝากยายฤดีด้วยนะพี่คีริน ดูแลให้ดีนะ ไม่งั้นน้องโกรธจริง ๆ ด้วย” นภาธรว่า ขณะที่อยู่ในห้องหอของบ่าวสาวที่เพิ่งทำพิธีจบลง และหมดหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวของเธอแล้ว&nb
ปรัชญาเดินดุ่มขึ้นมาบนบ้านหลังเล็กของเพียงฤดีเมื่อเห็นคีรินนั่งอยู่หน้าบ้าน เขาเดินขึ้นระเบียง ถอดหมวกแก๊ปวางบนโต๊ะด้วยท่าทางหงุดหงิด แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าชายหนุ่มรุ่นพี่“เป็นอะไรไอ้เป้” คีรินถาม“ก็ผู้หญิงอะไรไม่รู้ หน้าตาก็ดี แต่เหมือนคนบ้า ผมจอดรถของผมอยู่ดี ๆ ก็มาเคาะกระจกเรียก ด่าผมว่าเสียมารยาทไปจอดรถตรงที่ที่เขาจองไว้แล้ว บ้าบอมาก มันตลาดนัด ใครไปถึงก็จอดก่อน ผมก็ไม่เห็นว่าเขากำลังจะเข้าจอด เห็นรถถอยออกก็เสียบเข้าไป ยังไม่ทันได้ดับเครื่องก็มาเคาะเรียก บังคับให้ผมเอารถออกทั้ง ๆ ที่ตรงอื่นก็จอดได้เยอะแยะ ผมขี้เกียจรำคาญก็เลยถอยรถออกมานี่แหละ จะแวะซื้อเป็ดตุ๋นมากินสักหน่อยเลยไม่ได้กินเลย”“เออน่า อย่าเพิ่งโมโหหิว แม่กับฤดีทำกับข้าวอยู่ น่าจะใกล้เสร็จแล้วละ เดี๋ยวก็กินด้วยกันที่นี่แหละ แล้วว่าไง ออกไปหาลูกค้าไร่พิงอรุณมาเป็นยังไงบ้าง”“ก็ดี ลุงแกก็โอเคแหละ คนแก่น่ะ ให้เราออกแบบระบบให้แล้วเสนอราคาไปก่อน เห็นบอกว่าลูกสาวที่อยู่กรุงเทพฯ อยากให้วางระบบฟาร์มอัจฉริยะไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาอยู่บ้านแล้ว”“อืม เห็นลุงแกจะขายที่ดินให
งานแต่งงานกำลังจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า วันนี้ทั้งประสิทธิ์ สายชล และชลธรมาช่วยเตรียมงานในไร่ตั้งแต่เช้า ไหนจะช่วยจัดเตรียมวางแผนเรื่องอาหาร การจัดสถานที่ รวมทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ว่าทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะบอกว่าอยากได้งานเล็ก ๆ อบอุ่น ๆ ภายในครอบครัวแต่ในที่สุดก็ไม่สามารถจัดแบบนั้นได้ เมื่อพ่อแม่เจ้าบ่าวไม่ยอม เนื่องจากเป็นลูกชายคนแรกที่ได้แต่งงาน และไม่รู้ว่าลูกชายคนโตและลูกสาวคนเล็กจะมีโอกาสได้แต่งงานไหม จึงขอจัดงานให้ถูกใจพ่อแม่เจ้าบ่าวก่อน“อย่าว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะแม่หทัย ฉันน่ะก็ไม่อยากให้ทุกคนเหนื่อยกันหรอก แต่ฉันก็มีลูกอยู่แค่สามคน อีกสองคนยังไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงาน เลยขอจัดงานพ่อคีรินให้มันใหญ่หน่อย ให้พออวดเพื่อนได้ว่าฉันได้ลูกสะใภ้ดี แม่หทัยนี่สอนลูกดีจริง ๆ น่ารักน่าเอ็นดู ขยันขันแข็ง อ่อนน้อมถ่อมตน ฉันเห็นครั้งแรกก็หลงรักแล้ว” สายชลว่าพลางนั่งตรวจเช็คของชำร่วยไปพลาง ว่าจำนวนชิ้นพอกับแขกเหรื่อที่เชิญไว้หรือไม่ขณะคนที่ถูกชมกลับยิ้มเจื่อน ๆ เพราะตนเองก็ไม่ได้สอนอะไรลูกสาวมากนัก มีแต่ใช้งานหนักให้ทำโน่น
๒๑ปรับตัวเองง่ายกว่าเพียงฤดีอัดคลิปนิยายเสียงเสร็จก็เดินกลับไปที่บ้านเพื่อช่วยมารดาทำอาหารเย็น ปล่อยให้คีรินได้กลับไปทำงานของเขา ซึ่งช่วงเย็นเขาก็จะมากินข้าวที่บ้านของเธอ เนื่องจากมารดาจะทำกับข้าวไว้ให้ตั้งแต่หทัยรัตน์รู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ คีรินก็ถือโอกาสไม่กินข้าวตอนเย็นที่บ้านตัวเองอีก จะหิ้วท้องไปนั่งรอกินข้าวที่บ้านของเธอทุกเย็นมีเพียงช่วงเช้าที่เธอจะมาทำอาหารเช้าให้เขาตามปกติ โดยทำเผื่อไปถึงมื้อเที่ยงด้วย และเธอก็กินมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงร่วมกับเขา โดยที่มารดาของเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก แต่ช่วงเย็นเธอจะกลับไปช่วยมารดาทำอาหารและรอเขาไปกินด้วยกันเมื่อไปถึงบ้านเธอเห็นนภดลกับมารดานั่งดูสมาร์ตโฟนแล้วคุยอะไรกันอยู่“ดูอะไรเหรอแม็กซ์” เพียงฤดีเดินเข้าไปถาม“ส่องเฟซบีอยู่ ทะเลาะกับพี่ท็อปแล้วโพสต์เฟซด่ากระจาย แถมกรีดข้อมือตัวเองด้วย สยองมาก”“แล้วพี่ท็อปเป็นยังไงบ้างล่ะ”“ก็คงเหนื่อยหน่อยน่ะ เมื่อกี้ผมแค่โทร. ไปจะถามว่ามางานแต่งงานพ
เสียงดังที่อยู่ในห้องนอนฝั่งตรงข้าม ทำให้คีรินต้องเงี่ยหูแนบกับประตูแล้วย่นคิ้วเบา ๆ เมื่อมีเสียงแปลก ๆ เหมือนมีคนสองสามคนอยู่ในนั้น เขาจึงตัดสินใจเคาะประตู “ฤดี ฤดี” ไม่มีเสียงตอบ แต่เขาได้ยินเสียงเดินมาเปิดประตู “มีอะไรหรือคะพี่คีริน” หญิงสาวถาม “ฤดีเข้ามาทำอะไรในนี้น่ะ แล้วเมื่อกี้พี่ได้ยินเสียงคนคุยกัน”“ไม่มีใครค่ะ ฤดีอยู่คนเดียว” เธอว่าพลางเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม เขาเดินเข้ามาในห้องนอนของเธอ กวาดตามองไปทั่วห้อง ซึ่งตอนนี้ไม่ได้มีข้าวของของเธอมากนัก เพราะขนกลับไปไว้ที่บ้านของตัวเองหมดแล้ว เขาเปิดประตูห้องน้ำดูก็ไม่มีใคร ก่อนจะหันมาถาม “เมื่อกี้พี่ได้ยินเสียงคนคุยกันจริง ๆ นะ แล้วฤดีทำอะไรน่ะ” เขาเห็นไมค์โครโฟนตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานเลยเดินเข้ามาดู
นิรานั่งมองไลฟ์สดในเพจไร่คีรินที่เธอเห็นเอกภพเปิดดู แล้วลองมาเปิดดูเองบ้าง เห็นท่าทางมีความสุขของเขาแล้วเธอถึงกับน้ำตาปรี่ลงมา เขากำลังมีความสุข ธุรกิจใหม่ก็กำลังรุ่งเรืองในขณะที่เธอสูญเสียเขาไปแล้วส่วนกิตติกรหรือกอล์ฟผู้กำกับชื่อดังซึ่งเธอเอาเงินของคีรินไปฝากลงทุนกับเขา และหวังว่าเขาจะดูแลเธอต่อจากคีรินได้เป็นอย่างดีเพราะมีฐานะดีกว่า และสามารถส่งเสริมอาชีพของเธอได้ แต่ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่ลำบากเพราะแม้คีรินจะไม่เอาเรื่อง แต่ก็มีคดีความที่ยังต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ออนไลน์ชื่อดัง จึงมีการฟ้องร้องของคู่กรณีคนอื่น ๆอีกทั้งเมื่อเธอมาลองคบกับดนุวัฒน์ไฮโซชื่อดัง ก็กลับกลายเป็นว่าคุณสมบัติของเธอไม่เพียงพอที่จะเป็นสะใภ้ผู้ดีเก่าในสายตามารดาของเขา ความหวังที่จะขึ้นไปอยู่บนที่สูงตกวูบลงมาทันใดตอนนี้มีเพียงบริษัทผลิตละครสั้นเล็ก ๆ ที่เธอขอให้คีรินลงทุนให้เท่านั้น ที่เป็นหลักให้กับชีวิต แต่พอเขาออกไป แฟนคลับของเขาก็ติดตามเขาไปด้วย จนตอนนี้ช่องของเธอมียอดวิวน้อยลงมาก รายได้ก็ลดน้อยลงตาม เอานักแสดงใหม่เข้ามาแทนเขา ก็เข้ากับทีมงานไ