๓
ห่างกันสักพัก
คีรินขับรถผ่านเส้นทางคดโค้งอย่างระมัดระวัง เส้นทางที่นำเขากลับมาสู่บ้านที่จากมาหลายปี เขาออกจากที่นี่เพื่อไปแสวงหาความก้าวหน้าในเมืองใหญ่ ดวงตาของเขาแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในชีวิตที่ผันแปรอย่างกะทันหัน
‘นิรา คุณเอาเงินของเราไปไว้ที่ไหนหมด’ เขาจำได้ว่ามือและเท้าของเขาชาวูบไปหมด หลังจากเอาสมุดบัญชีไปอัปเดตยอดเงิน แล้วเห็นยอดเงินที่เหลือเพียงไม่กี่ร้อยบาทติดไว้ในบัญชี
‘นิก็เอาไปลงทุนไงคะคี’
‘ลงทุน ลงทุนอะไร นี่มันเงินที่ผมเตรียมไว้จัดงานแต่งงานของเรา คุณเอาไปได้ยังไงโดยที่ไม่บอกผมเลยสักคำ’
‘ก็เทรดคริปโตไงคะ คุณก็เทรดไม่ใช่หรือคะ’
‘เทรดคริปโต ใช่ผมก็เทรดแต่ไม่ได้เอาเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นไปเทรด งั้นคุณก็ถอนออกมา ได้เท่าไหร่ก็ช่าง ดีกว่าให้ราคาตกไปมากกว่านี้’ เขารู้ว่าตอนนี้ตลาดการลงทุนคริปโตเคอเรนซีอยู่ในช่วงที่ไม่น่าลงทุนนัก
‘ก็มันถอนไม่ได้อยู่นี่ไงคะ ฉันเอาไปฝากเขาเทรด ตอนนี้ติดต่อไม่ได้เลย แอปพลิเคชั่นก็กดถอนออกไม่ได้’
‘คุณเอาไปฝากเขาเทรด บ้าไปแล้ว ใครเขาทำกัน ทำไมคุณไม่ศึกษาให้ดีก่อน เงินตั้งห้าล้าน ไหนเรายังต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จะเอาเงินที่ไหน แถมผมยังออกจากงานเพราะคุณว่างานสถาปนิกทำให้ผมไม่มีเวลาให้คุณ ให้ออกมาช่วยคุณที่บริษัท จะสร้างเนื้อสร้างตัวไปด้วยกัน’ คีรินเอ่ยอย่างหัวเสีย
เขาลงทุนเปิดบริษัทผลิตโฆษณาให้กับเธอมาได้ราวสองปีแล้วและเมื่อไม่นานมานี้เธอเริ่มทำละครสั้นด้วย นิราเรียนจบนิเทศศาสตร์และทำงานในวงการละครและภาพยนตร์ เป็นครอบครัวรายได้ปานกลาง แต่เธอมีความฝันที่จะทำงานในวงการบันเทิง จึงไปเป็นตัวประกอบระหว่างเรียนไปด้วย
เธอหวังว่าจะได้บทนางเอกบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้รับ เป็นได้แค่เพื่อนนางเอกหรือตัวรองอันดับหลัง ๆ พอทำนานเข้า ก็มีนักแสดงใหม่มาแข่งมากขึ้น เธอจึงอยากผันตัวเองไปเป็นผู้จัดละครแทน เธออยากทำกิจการเป็นของตัวเอง เขาเห็นว่าเธอมีประสบการณ์ด้านนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว จึงยอมลงทุนให้
ทว่าเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เขาเริ่มมีปัญหาบางอย่างในที่ทำงานที่ทำมาร่วมสิบปี เนื่องจากเปลี่ยนผู้บริหารชุดใหม่ มีการโยกย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งงานทั้งองค์กร โดยนำคนใหม่มาแทนที่ตำแหน่งเดิมของเขา มีการบีบคนเก่าให้ลาออกด้วยวิธีการต่าง ๆ ทุกคนในองค์กรเริ่มระส่ำระสาย เขาเองก็คิดที่จะหางานใหม่ในตำแหน่งและเงินเดือนที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งเป็นขณะเดียวกับที่นิราก็บอกว่างานในบริษัทที่เขาออกทุนให้ เธอทำคนเดียวไม่ไหวและขาดนักแสดง จึงขอให้เขาลาออกจากงาน มาช่วยงานของเธอ โดยการเป็นนักแสดงละครสั้นที่ถ่ายทำเป็นรายตอนลงช่องยูทูป รวมทั้งทำหน้าที่อื่น ๆ ด้วย ด้วยเขามีบุคลิกหน้าตาดี สามารถจะช่วยเธอทำงานตรงนี้ได้
ตอนนั้นธุรกิจกำลังไปได้ดี ช่องมีคนติดตามเป็นจำนวนมาก อาจจะได้ค่าตอบแทนมากกว่างานประจำอีก เมื่อโดนเซ้าซี้บ่อยเข้าและงานที่ทำอยู่มีปัญหาหนักขึ้น เขาจึงตัดสินใจลาออก ตั้งใจว่าออกมาช่วยงานเธอสักพักจนกว่าจะได้งานใหม่ที่ตัวเองถนัดมากกว่า
แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการแสดงมาก่อน แต่เขาก็เรียนรู้และทำงานร่วมกับเธอได้ดี ด้วยเห็นว่าวางแผนแต่งงานกันมานานแล้วและเธอก็ตั้งใจทำงานดีจนบริษัทเริ่มมีรายได้ เขาจึงยกบัญชีเงินฝากให้เธอเป็นคนเก็บรักษาพร้อมด้วยบัตรเอทีเอ็ม เผื่อเธอมีเหตุจำเป็นต้องใช้ เพราะตอนนี้เขาก็ใช้ชีวิตร่วมกับเธอเหมือนสามีภรรยากันอยู่แล้ว เพียงแค่ยังไม่ได้แต่งงานกันเท่านั้น เขาคิดว่าเธอเป็นคนอยากแต่งงาน คงไม่เอาเงินเหล่านั้นไปใช้จ่ายเหลวไหล แต่เธอกลับทำให้เงินที่เขาเก็บมาตลอดชีวิต เหลือเพียงไม่กี่ร้อยบาท
‘คีริน คุณอย่ามาโทษฉันนะ ที่ฉันทำก็เพราะอยากให้เราตั้งตัวได้สักที คนในวงการเดียวกับเรา เขามีบ้านหลังใหญ่มีรถหรู ๆ กันทั้งนั้น ฉันเห็นเขาเทรดแล้วได้เงิน ฉันก็ลองบ้าง แล้วมันก็ได้เงินจริง ๆ แป๊บเดียวก็ได้กำไรมาตั้งห้าแสน ก็เลยลงเพิ่มไปจนหมด ใครจะคิดล่ะ ว่ามันจะเป็นแบบนี้ ที่ฉันต้องฝากเขาเทรดก็เพราะในวงการเขาก็เทรดกันทั้งนั้น ฉันก็อยากมีคอนเนกชันดี ๆ กับผู้จัดละคร กับนักแสดงดัง ๆ เพราะฉันก็อยากเป็นผู้จัดละครช่องใหญ่ ๆ บ้าง ไม่ใช่ทำแต่ละครสั้นลงยูทูปให้คนมองว่าบริษัทเราผลิตแต่งานตลาดล่าง’
“ก็ผมบอกคุณแล้วว่าเราพัฒนาที่งานเราก่อน ทำงานเราให้ดี ให้คนดูชอบ หานักเขียนบทดี ๆ ตากล้องมืออาชีพ ยกระดับงานของเราให้ดีกว่าเดิม เราก็จะเติบโตได้เองโดยไม่ต้องพึ่งใคร
ทำไมต้องรีบร้อนจะดังเร็ว รวยเร็ว ทุกอย่างมันต้องก้าวไปทีละขั้น บริษัทก็เหมือนกับการสร้างบ้าน ที่ฐานต้องแข็งแรงถึงจะเติบโตได้มั่นคง
แล้วต่อไปเราจะทำยังไง ไหนต้องจ่ายค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ไหนจะค่าตัวนักแสดงที่ค้างอยู่และอีกจิปาถะ ทำแบบนี้หลอกลวงชัด ๆ มันเป็นใคร ผมจะไปแจ้งความ” เขาเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว
‘แจ้งความ! คุณบ้าหรือเปล่าคะ ให้ฉันไปแจ้งความคุณกอล์ฟเหรอ เขาก็เสียหายเยอะเหมือนกัน แถมฉันยังดีลงานถ่ายโฆษณาชิ้นใหม่กับเขาอยู่ ถ้าฉันแจ้งความ งานฉันก็หายจ้อยไปด้วยสิคะ ถ้าได้งานนี้ฉันก็จะได้งานต่อจากเขาอีกยาว ๆ ยอม ๆ ไปเถอะ เงินแค่ห้าล้านเดี๋ยวก็หาใหม่ได้ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่ค้างไว้ฉันจัดการได้ คุณไม่ต้องห่วงหรอก ฉันพอจะมีเงินในบัญชีบริษัทเหลืออยู่บ้าง’‘โอเค งั้นเราเริ่มต้นใหม่ก็แล้วกันนะ พ่อบอกว่าให้เรากลับไปจัดงานแต่งงานกันได้แล้ว ตอนนี้เงินหมดแล้ว เราก็จัดแบบเล็ก ๆ ไปก่อนดีไหม ผมรู้ว่าตอนนี้เงินในบริษัทก็เหลือไม่มาก เรากลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนไหม ผมจะรับงานฟรีแลนซ์สร้างเนื้อสร้างตัวกันใหม่’‘จัดแบบเล็ก ๆ งั้นเหรอ ไม่ค่ะ ถ้าไม่ได้สินสอดห้าล้าน และจัดงานแต่งงานในโรงแรมใหญ่ ๆ นิก็ไม่แต่งหรอกนะคะ อายเพื่อนเปล่า ๆ แล้วเรื่องกลับไปอยู่ที่บ้านคุณน่ะ นิไม่ไปหรอกนะคะ มีแต่ป่าจะทำอะไรได้ กลับไปให้ดูเหมือนชีวิตตกอับ นิจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน บอกตรง ๆ นิอายเพื่อนที่ต้องไปใช้ชีวิตตกต่ำแบบนั้น’‘อายเพื่อน! คำก็อายเพื่อน สองคำก็อา
ชายหนุ่มขับรถมาเรื่อย ๆ ยิ่งดึกถนนหนทางก็ยิ่งคดเคี้ยว หมอกหนาทึบทำให้เขาขับรถยากยิ่งขึ้น เขาพกหัวใจที่ปวดหนึบกลับมาที่นี่ ตั้งใจว่าจะมาตั้งต้นใหม่อีกครั้งบนที่ดินของตัวเองคีรินหันไปยังทางแยกที่จะเลี้ยวไปบ้านของบิดาซึ่งอาศัยอยู่กับพี่ชาย ทว่าตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง เขาไม่อยากกลับไปหาครอบครัวในเวลาที่สภาพจิตใจย่ำแย่แบบนี้ คืนนี้จะกลับเข้าไปดูบ้านบนที่ดินของตัวเองถ้าสามารถทำความสะอาดเพื่อพักอาศัยได้ก็จะทำตั้งแต่คืนนี้เลย เพราะอย่างไรก็ตามความเครียดที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ ก็ทำให้เขานอนไม่หลับอยู่ดี หากจะทำงานให้เหนื่อยจนหมดแรง แล้วไปนอนหลับตอนเช้า ก็คงจะดีกว่ากลับไปหาบิดามารดาด้วยความรู้สึกแย่ ๆ แบบนี้พอผ่านทางแยกมาเพียงไม่นานหยดน้ำหล่นลงมากระทบกับกระจกด้านหน้ารถดังเปาะแปะ เขาขับต่อไปอย่างระมัดระวัง เพราะเส้นทางที่คดเคี้ยวหากไม่ชำนาญทางอาจเกิดอันตรายได้ แม้จะจำทางได้ดี แต่ด้วยไม่ได้กลับมานานเขาจึงไม่รู้ว่าด้านหน้ามีอันตรายหรือไม่ เพราะบางช่วงของเส้นทางยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอยู่บ้างฝนเริ่มตกหนาตาขึ้น เขาลดความเร็วรถลงมากกว่าเดิม หันมองรอบข้างแทบไม่มีรถขับตา
“น้องภา ได้เอาใครมาอยู่ที่บ้านพี่หรือเปล่า” เขาถามกลับไปเสียงเข้มเมื่ออีกฝ่ายรับสาย“พี่คีรินรู้ได้ยังไงคะ” เสียงอีกฝ่ายดังแทรกออกมาเพราะเขาเปิดเสียงสมาร์ตโฟนให้เธอได้ยินด้วย“ก็พี่อยู่ที่บ้านนี่ไง ทำไมทำอะไรถึงไม่บอกพี่ก่อน”“โธ่ น้องภาก็จะบอกนั่นแหละค่ะ แต่ไม่คิดว่าพี่คีรินจะกลับบ้านวันนี้นี่คะ นี่น้องภายังขับรถไม่ถึงคอนโดฯ เลยค่ะ เพิ่งจะมาถึงบางแค แล้วพี่คีรินนึกอะไรถึงได้กลับบ้านคะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นอยากจะกลับ เห็นพ่อบอกว่าโทร. ให้กลับบ้านหลายครั้งแล้วก็บอกว่าติดงาน ๆ ตลอด น้องภาก็เลยชะล่าใจ นึกว่ายังไม่กลับนี่คะ ก็เลยให้ยายฤดีพักที่บ้านนั้นก่อน”“แล้วนึกยังไงให้เพื่อนเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว มาอยู่ในบ้านร้างตามลำพังแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย”“ก็ยายฤดีเขาอยากอยู่ที่นั่นนี่คะ เขาไปซื้อที่ดินของน้องภา ที่ดินแปลงเล็กน่ะ น้องภาขายให้ยายฤดีไปแล้วนะพี่คีริน อย่าเพิ่งบอกพ่อล่ะ เดี๋ยวนภาจะหาโอกาสบอกพ่อเอง แล้วยายฤดีก็ไม่มีที่พัก ระหว่างรอเงินเดือนออกก็เลยขอเช่าพักที่บ้านพี่คีรินก่อน
๔เช้าวันใหม่ เสียงดังกุกกักอยู่ในครัว ทำให้คีรินรู้สึกตัวตื่น เมื่อคืนนี้เขารู้สึกนอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คิดว่าอาจจะเป็นเพราะอดนอนด้วยเศร้าเสียใจมาหลายวัน รวมทั้งการขับรถทางไกลที่ทำให้ร่างกายเหนื่อยอ่อน เมื่อกลับมาถึงบ้าน ได้นอนหลับในห้องที่เคยนอนมาตั้งแต่เด็กจึงรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย และหลับลึกได้อย่างง่ายดาย ชายหนุ่มหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาดู เป็นเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้าแล้ว เสียงที่ดังอยู่ข้างนอก ก็คงเป็นเพื่อนน้องสาวของเขา ที่กำลังทำกับข้าวอยู่ ตอนนี้เธอชื่ออะไรเขาก็จำไม่ค่อยได้แล้วสิ จำได้แค่ว่าเป็นหญิงสาวร่างเล็กบอบบาง หน้าตาเหมือนเด็กมัธยม มากกว่าจะเป็นหญิงสาวรุ่นเดียวกับนภาธรน้องสาวของเขา เพราะขานั้นชอบแฟชั่นและแต่งหน้าจัด แต่เธอคนนี้ดูเรียบง่ายธรรมดา ทว่ากล้าหาญชาญชัยถึงขั้นมาอยู่ตามลำพังในบ้านร้างได้ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งแล้วเรียบเรียงว่า วันนี้เขาจะต้องทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะการซ่อมแซมบ้านอย่างเร่งด่วน ซึ่งต้องใช้เงิน
บนผนังห้องมีรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 กับพระราชินีที่แขวนไว้บนผนัง ส่วนด้านล่างเป็นภาพชายหญิงวัยกลางคนแขวนคู่กันไว้บนผนัง ซึ่งด้านล่างรูปมีหิ้งซึ่งวางแจกันดอกไม้ที่แห้งเหี่ยว ซึ่งเธอเชื่อว่านี่คงเป็นรูปของเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นคุณตากับคุณยายที่เพื่อนของเธอเล่าให้ฟัง เพียงฤดีเดินไปยกมือไหว้แล้วหยิบแจกันลงมา หันไปบอกเขาว่า“ฤดีเอาแจกันไปเปลี่ยนดอกไม้ให้คุณตาคุณยายนะคะ แล้วเดี๋ยวจะมาช่วยทำความสะอาดพื้นให้ค่ะ แต่ตอนนี้พี่คีรินลงไปทานข้าวก่อนไหมคะ ฤดีทำกับข้าวเสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวว่า“อืม ก็ดี แต่เดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อนแล้วกัน” เขาว่าแล้วก็ก้าวลงบันได ก่อนจะเดินออกไปที่รถแล้วหิ้วกระเป๋าเดินทางเข้าไปไว้ในห้องนอนเพียงฤดีถือแจกันดอกไม้ตามลงไปด้านล่าง เธอวางแจกันดอกไม้แล้วล้างจานต่อจนเสร็จ ก่อนจะล้างแจกันวางไว้ แล้วเดินออกไปนอกบ้านหญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดอย่างลึกที่สุด เมื่อเห็นบรรยากาศภายนอกที่มีหมอกลอยอ้อยอิ่งอยู่บนเนินเขาใกล้ ๆ ที่นี่เต็มไปด้วยพื้นที่ที่เป็นเนินเขา ภูเขา และหุบเขา ภูมิประเทศไม่ได้เป็นที่ราบอย่างที่เธอเคยอ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เพียงฤดีก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นเสื้อยืดแขนยาวเข้ารูปสีขาวกับกางเกงยีนส์ เพื่อให้เหมาะสมกับการออกไปนอกบ้าน หญิงสาวแต่งหน้าบาง ๆ ไม่ให้ดูซีดเซียวจนเกินไป รวบผมยาวสีน้ำตาลเข้มเป็นหางม้าอย่างง่าย ๆ ก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถที่เขาจอดรออยู่เมื่อขึ้นไปบนรถก็เห็นคีรินถือสมุดบัญชีเล่มหนึ่งแล้วยื่นให้กับเธอ เอ่ยว่า“พี่โอนเงินค่ากับข้าวเข้าบัญชีนี้ให้แล้ว เอทีเอ็มกับรหัสก็อยู่ในสมุดนั่นแหละ” หญิงสาวรับมาแล้วเปิดดู เห็นบัตรเอทีเอ็มอยู่หน้าแรกของสมุดบัญชีพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่จดเลขรหัสหกตัวไว้“เอ่อ ฤดีเอาแค่เอทีเอ็มไปก็ได้ค่ะ” หญิงสาวว่า“ไม่เป็นไร สมุดเล่มนี้พี่ไม่ได้ใช้แล้ว เราก็เก็บไว้แล้วกัน” เขาว่าแล้วก็ขับรถออกไป ตอนแรกตั้งใจว่าจะทิ้งสมุดเล่มนี้ เพราะเห็นแล้วก็เจ็บปวดกับสิ่งที่สูญเสียไป เขามอบให้นิราเก็บรักษาเงินในบัญชีนี้ไว้ด้วยความรักทว่าเธอกลับไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เขามอบให้ แถมยังทิ้งเขาไปยามที่เขาแทบไม่เหลืออะไรอีก เก็บไว้ก็รังแต่จะทำให้เจ็บช้ำใจเปล่า ๆ แต่เ
คีรินจอดรถที่หน้าบ้านในตอนบ่ายแก่ ๆ ก่อนจะช่วยกันขนของเข้าบ้าน เขามองนาฬิกาข้อมือแล้วถึงกับอุทานว่า“ตายจริง บ่ายสองกว่าแล้ว พี่ลืมพาแวะกินข้าว ทำไมเราไม่บอกพี่ หิวหรือเปล่าเนี่ย” เขาถามอย่างตกใจ เพราะหากเป็นนิราเธอคงโวยวายด้วยความโมโหหิวไปแล้ว แต่เพียงฤดีเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แล้วตอบว่า“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฤดีซื้อกับข้าวถุงในตลาดมาด้วย เดี๋ยวเรากินกันก่อนนะคะ ข้าวที่หุงไว้เมื่อเช้ากับต้มยำก็ยังมีค่ะ อิ่มแล้วจะได้เริ่มซ่อมบ้านกัน เมื่อกี้ฝนตก หวังว่าของในห้องคงไม่มีอะไรเสียหาย เพราะตอนก่อนออกมาฤดีเอากะละมังรองไว้แล้วค่ะ” เธอว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างนึกขัน เมื่อนึกถึงท่าทางกอดเข่ามองน้ำที่หยดใส่กะละมังของเธอเมื่อคืนนี้“อืม งั้นเราเอากับข้าวไปไว้ในครัวเถอะ จะได้ตั้งโต๊ะกินข้าว เดี๋ยวพี่ยกของพวกนี้ลงเอง” เขามองกล่องเครื่องมือช่างทั้งหลายที่ขนซื้อมา กับตู้เย็นและเครื่องซักผ้าเพียงฤดีรีบกุลีกุจอขนของกินของใช้จำนวนมากเข้าไปกองไว้ในครัว ก่อนจะเทกับข้าวสองถุงใส่ถ้วยแล้วถือออกไปวางบนโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้านเห
“ค่ะ งั้นพี่คีรินก็รีบกินสิคะ” หญิงสาวว่าแล้วก็รีบตักอาหารกินอย่างรีบร้อน ราวกับกลัวว่าหากช้าแล้วเขาจะไม่พาไป“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เราน่ะ ค่อย ๆ กินเดี๋ยวก็สำลักหรอก” เขาว่า พลางอมยิ้มอย่างนึกขันเมื่อเห็นท่าทางเหมือนเด็ก ๆ นั้น จนอดนึกถามในใจไม่ได้ว่า นภาธรเอาเด็กมาให้เขาเลี้ยงหรืออย่างไรกัน ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าต่อจนหมดจาน“ตักข้าวให้พี่อีกจาน” เขายื่นจานเปล่าให้คนตรงหน้า เพียงฤดีรับแล้วตักให้อย่างรู้สึกประหลาดใจ“พี่คีรินหิวหรือคะ”“พี่ไม่ได้กินผัดเผ็ดแบบใต้มานานแล้ว เราเก่งนะมาอยู่ใต้ไม่กี่วันก็ทำอาหารใต้เป็นแล้ว” เขาว่า“เอ่อ ฤดีก็แค่ซื้อพริกแกงคั่วใต้มาลองทำดูค่ะ ไม่ได้ยากอะไรเลย พี่คีรินชอบอาหารแบบนี้หรือคะ ฤดีก็นึกว่าพี่คีรินชอบอาหารแบบฝรั่งซะอีก” เธอว่า เพราะเห็นซื้อหมูเนื้อสันมาให้เธอทำสเต็ก แล้วซื้อไส้กรอกประเภทต่าง ๆ มาอีกหลายถุง ไหนจะซอสหลากหลายชนิด มายองเนสและน้ำสลัดอีกหลายขวด“พี่เป็นคนใต้ ก็ต้องชอบอาหารใต้สิ มันถูกปากกว่าอาหารฝรั่ง พอไ
คีรินตัวชาวูบที่เห็นรถและทะเบียนรถที่เขาคุ้นเคยกับมันดี เพราะจ่ายเงินซื้อมันมาด้วยตัวเอง เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นมันอีกแล้ว แต่ตอนนี้มันมาจอดอยู่ตรงหน้า หัวใจเขาแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อนึกถึงผู้หญิงอีกคน“นิรามา แย่แล้ว ฤดีล่ะ” เขาพึมพำแล้วรีบลงจากรถทันที เขารู้พิษรักแรงหึงของนิราดี ตอนเขาทำงานกับเธอ หากมีนักแสดงหญิงคนไหนที่ทำทีมาสนใจเขา เธอจะอาละวาดจนทำงานต่อไม่ได้อีกเลย แล้วตอนนี้เพียงฤดีจะเป็นอย่างไรบ้างเขาเปิดประตูพรวดเข้าไปในบ้าน แล้วมองหาทั่วห้องโถงเห็นเพียงกระเป๋าใบหรูที่วางไว้บนโซฟา ก่อนจะเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร เห็นนิรานั่งอยู่ ตรงหน้าของเธอมีอาหารที่ทำเสร็จไว้แล้ว“ทานข้าวกันค่ะคี ขอโทษนะคะ ที่นิมาโดยไม่ได้บอก นิแค่อยากจะมาเซอร์ไพรส์คีเท่านั้นเองค่ะ” เธอส่งยิ้มหวานหยดมาให้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงเข้าไปกอดอย่างดีใจ แต่ในเวลานี้เขารู้สึกขยะแขยงร่างสวยที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้นยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ภาพที่เห็นในคลิปมันไม่ได้ทำให้เขาลืมลงได้ง่าย ๆ เลย“ฤดีไปไหน” เขาถามทันทีที่เธอพูดจบ นิรานิ่งไปนิด“ฤดี ใครคะ อ้อ แม่บ้านที่คุณจ้างม
ร่วมสองสัปดาห์แล้วที่มารดากับน้องชายมาอยู่กับเพียงฤดีที่บ้าน พวกเขาเริ่มคุ้นเคยกับที่นี่ แต่เพียงฤดีก็ยังไม่ได้แนะนำให้มารดารู้จักคีรินในฐานะคนรักสักที แม้ว่าเขาจะอ้อนวอนให้เธอเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอให้ครอบครัวรู้สักที แต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอม เธอให้เหตุผลว่าอยากให้มารดาอยู่ที่นี่จนคุ้นเคยไปสักระยะก่อนเขารู้ว่าเธอมีปมในใจจึงยังไม่กล้าไว้ใจ แม้จะยอมเป็นแฟนแล้วก็ยังกลัวว่าเขาจะกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าเหมือนผู้ชายคนเก่าที่มาจีบเธอ จึงไม่อยากให้มารดารู้ในตอนนี้ เผื่อว่าหากนิรากลับมาหาเขา เธอจะไม่ถูกมารดาตำหนิ ว่ายุ่งเกี่ยวกับคนรักของคนอื่นวันนี้เธอมาทำงานที่ออฟฟิศของคีรินตามปกติ ชายหนุ่มลุกเดินมาที่โต๊ะทำงานของเธอหลังจากที่เขานั่งทำงานอย่างเงียบ ๆ ที่โต๊ะของตัวเองมาทั้งวัน เขาชะโงกหน้ามองว่าเธอทำอะไรอยู่ ก่อนจะโอบไหล่บางอย่างที่เคยทำ เอ่ยว่า“เดี๋ยวพี่ออกไปดูไซด์งานแถวนี้หน่อยนะครับ เพื่อนพี่ชลอยากทำบ้าน เขาให้พี่ช่วยออกแบบให้ พี่ต้องไปดูพื้นที่สักหน่อย ฤดีจะไปกับพี่ไหม”หญิงสาวหันมองเขาแล้วส่ายหน้าเอ่ยว่า“ฤดีตัดคลิปอยู่ค่ะ เด
นิรานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เปิดดูช่องละครสั้นที่เพิ่งลงคลิปล่าสุดแล้วไล่อ่านคอมเมนต์ ซึ่งปกติเธอจะไม่สนใจคอมเมนต์เท่าไรนัก เนื่องจากมีทั้งคำชื่นชมและด่าทอแบบเกรียนคีบอร์ดบ้างอยู่เป็นประจำ จนกลายเป็นความเคยชินแต่ที่ต้องมาดูวันนี้ก็เพราะยอดค่าโฆษณาที่ได้รับจากยูทูปต่ำลงเรื่อย ๆ และของเดือนนี้ต่ำกว่าปกติ เธอจึงต้องตรวจเช็คว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมละครสั้นที่มียอดวิวหลักหลายแสนจนถึงหลักล้านในบางคลิปที่ผ่านมา ปัจจุบันยอดถึงน้อยลงทุกวัน ทั้ง ๆ ที่เธอรีบถ่ายแล้วลงคลิปใหม่แทบจะทุกวันอยู่แล้ว แต่กลับไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลยที่ผ่านมาเธอคิดว่าว่าอาจจะเกิดจากมีช่องละครสั้นเกิดขึ้นใหม่หลายช่อง ซึ่งอาจจะดึงยอดคนดูไปจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่เคยน้อยลงขนาดนี้ เธออ่านข้อความคอมเมนต์ไปพลางคิดหาเหตุผลของยอดวิวที่น้อยลงไปพลาง“พี่คีรินหายไปนานจังค่ะ”“เมื่อไหร่พี่คีรินจะมาเล่นต่อคะ”“นักแสดงคนนี้เล่นแข็งมากค่ะ”“คิดถึงพี่คีแล้วค่ะ หายไปนานจัง ชอบคู่รติกับพี่คีเล่นด้วยกัน เมื่อไหร่จะได้เล่นคู่กันอีกคะ”“มุกเล่นกับไมค์เคมีไม่เข้ากันเลย”“บทตอนนี้ห่ว
๑๘เป็นคนโรแมนติก “พี่คีรินคะ มาดูนี่สิคะ” เสียงตื่นเต้นดังขึ้น ขณะที่คีรินกำลังนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ เขาเห็นเพียงฤดีโผล่หน้ามาแล้วยิ้มระรื่น วันนี้เธอมาทำงานแต่เช้าตามปกติ โต๊ะทำงานของเธออยู่ในห้องเดียวกับเขา เพราะนอกจากบัญชีแล้วเธอทำหน้าที่เลขานุการด้วย รับบทเป็นพนักงานคนเดียวที่ทำเกือบทุกตำแหน่งในบริษัทเลยก็ว่าได้ซึ่งหากธุรกิจเติบโตกว่านี้แน่นอนว่าเขาคงต้องรับพนักงานมาเพิ่มอีกหลายคน แต่ในตอนนี้มีเพียงเขา ปรัชญาและเพียงฤดีเท่านั้นที่ทำงานเป็นหลักอยู่ในออฟฟิศ ส่วนที่เหลือก็ใช้บริการฟรีแลนซ์ บ้างก็ใช้งานเอาท์ซอสตามความเหมาะสมของงานแต่ละชิ้น ทำให้ไม่ต้องจ้างพนักงานจำนวนมากมาประจำที่ออฟฟิศ แต่ในตอนนี้เขาก็เริ่มรับสมัครช่างไฟมาช่วยงานด้านทำระบบพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น เพราะมีลูกค้าติดต่อเข้ามามากขึ้นจากการบอกกันปากต่อปาก“มีอะไรหืม คิดถึงจัง” ถามพลางบอกคิดถึงแล้วดึงมือเรียวไปหอมเบา ๆ เพราะเมื่อวานเขาไม่ได้อยู่กับ
“ค่ะ พี่คีริน เขาเป็นเจ้าของที่ดินแปลงโน้น ที่มองเห็นจากห้องนอนแม่น่ะค่ะ ส่วนที่ดินฝั่งนี้เป็นของยายนภา แต่พี่คีรินจะให้พี่เป้ที่เป็นหุ้นส่วนของเขามาทำบ้านตรงนั้นค่ะ เพราะเห็นว่ายายนภาไม่ได้กลับมาทำประโยชน์ก็เลยให้พี่เป้อยู่ไปก่อน วันนี้ก็เลยเอารถมาไถ พวกเขาใจดีทั้งครอบครัวเลยค่ะ ใครลำบากมาก็ช่วยเหลือ ถ้ายายนภาไม่แบ่งขายที่ดินแปลงนี้ให้ฤดี ป่านนี้ฤดียังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหนเลยค่ะ พี่คีรินกับยายนภาดีกับฤดีมาก รวมทั้งพ่อแม่และพี่ชายอีกคนของเขาด้วยค่ะ” เพียงฤดีเริ่มต้นเล่าให้มารดาฟัง“อืม” หทัยรัตน์พยักหน้าเบา ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอจึงเล่าต่อ“ตอนฤดีมาอยู่ที่นี่ รอบข้างรกเป็นป่าเลยค่ะ พี่คีรินก็เพิ่งมาอยู่พร้อม ๆ กับฤดีนี่แหละค่ะ ยายนภาฝากให้ฤดีอยู่บ้านพี่คีรินไปก่อนระหว่างที่ยังหาเงินสร้างบ้านไม่ได้ ฤดีเลยช่วยงานพี่คีรินในสวน ช่วยซ่อมบ้าน ช่วยขายผลไม้ ช่วยเพาะพันธุ์ต้นไม้ขาย เขาก็ให้ค่าแรงเลยได้มีรายได้พอส่งให้แม่กับแม็กซ์ พี่คีรินเห็นว่าฤดีช่วยงานหนักมากเพราะอยากหาเงินสร้างบ้านเป็นของตัวเอง ไร่พี่คีรินมีสวนป่า คุณปู่เขาปลูกไม้ไว้เยอะมาก เขาเลยตัดไม้มาให้ฤดีมาท
เมื่อผ่านบ้านของเพียงฤดีจึงชะเง้อคอมอง แต่หญิงสาวแอบโบกมือให้เขาเดินผ่านไปก่อน เขาจึงทำได้เพียงทำหน้ามุ่ยใส่แล้วเดินผ่านไปเพียงฤดีอมยิ้ม ก่อนจะหันไปมองมารดา ที่กำลังชะเง้อมองรอบ ๆ บ้านของเธอ แล้วถามว่า“นี่มันบ้านของแกจริง ๆ เหรอ ฤดี” ท่าทางของท่านดูเหมือนไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นความจริง“จริงสิคะแม่ เดี๋ยวแม่เข้าไปข้างในก่อนนะคะ ฤดีจะเอาทะเบียนบ้านกับโฉนดให้ดูค่ะ ตอนนี้เรามีบ้านของตัวเองแล้วนะคะแม่” หญิงสาวกุลีกุจอพามารดาเข้าไปในบ้าน แล้วเข้าไปเอาโฉนดที่ดิน กับทะเบียนบ้านมาให้ดู“แม่ดูสิคะ นี่ฤดีแต่งบ้านไว้รอแม่มาอยู่ด้วยเลยนะคะ”หทัยรัตน์มองชื่อในทะเบียนบ้านและโฉนดที่ดินที่เป็นชื่อของลูกสาวแล้วเงยหน้ามองเพดานไม้สีทองที่ติดโคมไฟคริสตัลระย้าไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งเพียงฤดีซื้อมาจากร้านขายวัสดุก่อสร้างตอนลดราคา จึงได้มาในราคาไม่แพงมากนักซึ่งเมื่อแสงไฟสะท้อนกับฝ้าเพดานไม้สีน้ำตาลทองเงาวับก็ดูหรูหราเหมือนราคาแพง หทัยรัตน์นั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางอ่อนเพลีย ขณะที่นภดลเดินเข้ามาในบ้านแล้วกวาดตามองบ้านหลังใหม่อย่างทึ่ง ๆ“สวยมากเลยนะครับ พี่ฤดีเก่งจั
“เอ่อ อ้อ นี่ นี่พี่คีรินค่ะ พี่ชายของยายนภาเพื่อนฤดีไงคะแม่ พี่คีรินคะนี่แม่ของฤดีค่ะ แล้วนี่แม็กซ์น้องชายของฤดีค่ะ” ชายหนุ่มยกมือไหว้มารดาของเธอ ก่อนจะหันไปรับไหว้นภดล มารดาของเธอย่นคิ้ว“พี่ชายหนูนภา”“ใช่ค่ะ ยายนภาที่ฤดีเคยพาไปเที่ยวที่บ้านน่ะค่ะ บ้านพี่คีรินเขาอยู่ตรงโน้นน่ะค่ะ หลังใหญ่นั่นน่ะค่ะ เขา เอ่อ เขามาขอต้นหอมกับผักชีค่ะ ที่บ้านเขาไม่มี เลยมาขอที่ฤดีปลูกไว้ค่ะ” ตอบพลางชี้ไปยังบ้านของเขา คีรินอ้าปากค้าง เขานี่หรือมาขอต้นหอมกับผักชี ชายหนุ่มก้มมองต้นหอมกับผักชีที่อยู่ในมือ“อ้อ ครับ ผม ผมมาขอต้นหอมกับผักชีครับ ที่บ้านหมดพอดี” ตอบพลางส่งยิ้มเก้อ ๆ ให้หญิงวัยกลางคนแล้วยกมือไหว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมเพียงฤดีต้องบอกแบบนี้ แต่เขาก็ต้องเออออกับเธอไปก่อน“อุ๊ย โทรศัพท์มาพอดี” เขาล้วงหยิบสมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกงที่กำลังส่งเสียงร้อง“งั้นผมขอตัวไปรับสายก่อนนะครับคุณแม่” เขาเดินห่างออกไป ปล่อยให้เธอได้อยู่กับครอบครัว ยอมรับบทเป็นคนข้างบ้านที่มาขอต้นหอมกับผักชีไปก่อน แล้วค่อยมาสารภาพผิดกับมารดาของเธอทีหลัง อีกทั้งเธออาจจะมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องคุยกับครอ
เกือบสัปดาห์แล้วที่เพียงฤดีย้ายมาอยู่ที่บ้านของตัวเอง แต่เธอก็ยังไปทำอาหารเช้าให้คีรินที่บ้านของเขา เพราะเห็นใจไม่อยากให้เขาต้องตื่นมาวุ่นวายกับการหาอาหารรับประทานเองส่วนตอนเย็นเขาจะมากินข้าวกับเธอที่บ้านหลังนี้ และกว่าจะกลับไปบ้านของตัวเองก็ดึกดื่น บางคืนก็แอบเข้าไปนอนหลับอยู่ในห้องน้องชายของเธอ เห็นท่าทางหลับสนิทเธอก็ไม่อยากปลุก จนสุดท้ายเขาก็หลับอยู่ในห้องนั้นจนสว่าง บางทีเธอก็อดขำไม่ได้ ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ต่างกับอยู่ที่โน่นตรงไหนในเมื่อเขาก็ทำเนียนมานอนค้างที่บ้านหลังนี้ด้วยอยู่ดี เช่นเดียวกับวันนี้ที่เป็นวันหยุด เธอตื่นเช้าตั้งใจว่าจะเข้าครัวไปทำอาหารง่าย ๆ รับประทาน แล้วค่อยเอาอาหารจากบ้านของเธอไปส่งให้เขากับปรัชญาที่บ้านของเขาทว่าเปิดประตูบ้านออกมา ก็นึกแปลกใจว่าทำไมประตูไม่ได้ล็อก เพราะก่อนเข้านอนเขาส่งเธอที่หน้าห้อง แล้วบอกว่าเดี๋ยวตอนกลับจะล็อกประตูให้เอง พอเปิดออกไปก็เห็นเขานั่งดื่มกาแฟอยู่ที่เก้าอี้นั่งเล่นริมระเบียงด้วยท่าทางสดใส“พี่คีรินมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมไม่เรียกฤดีเปิดประตูให้” หญิงสาวถาม“ก็เมื่อคืนพี่ไม่ไ
๑๗ชีวิตพอเพียง“พี่คี ๆ พี่คีอยู่มั้ย” “ไอ้เชี่ยเป้ มาทำไมตอนนี้วะ” คนที่กำลังหวานชื่นกับความรักอดบ่นอย่างหงุดหงิดไม่ได้“อยู่ มีอะไร” ถามเสียงห้วน พลางเดินออกไปยืนระเบียงหน้าบ้าน“อ้อ ทำอะไรกันน่ะ แหม มาขัดจังหวะหรือเปล่า พอดีผมเห็นพี่กำลังขนของกันเมื่อกี้ นึกว่ายังทางสะดวก เลยมาเรียกนี่แหละ” มองอย่างมีเลศนัย“ก็ขัดนิดหน่อย แล้วยังไงหือ มึงมีอะไรก็ว่ามา”“แหมพี่ก็ ต้องทำเสียงเข้มด้วย ผมก็แค่จะมาถามว่าที่ดินที่รก ๆ ตรงนั้น ก่อนถึงสวนยางพาราน่ะ ของพี่หรือเปล่า ผมอยากขอเช่าทำกระท่อมอยู่สักหลัง อยู่บ้านพี่นาน ๆ ผมก็เกรงใจ นี่ผมก็ยังไม่มีกำหนดจะกลับกรุงเทพฯ เลย ยังอยากอยู่ยาว ๆ อีกอย่างบ้านพี่มันสบายเกินไป อยากอยู่แบบบรรยากาศลูกทุ่ง ลูกผักเลี้ยงปลาแบบลูกผู้ชายตัวจริงงี้”ปรัชญาถามพลางชี้ไปยังที่ดินที่ต้องการ เพราะฝันมานานแล้วว่าอยากมีพื้นที่เล็ก ๆ ไว้ปลูกผักทำสวน ใข้วิถีชีวิตพอเพียงแบบที่ด