ชายหนุ่มขับรถมาเรื่อย ๆ ยิ่งดึกถนนหนทางก็ยิ่งคดเคี้ยว หมอกหนาทึบทำให้เขาขับรถยากยิ่งขึ้น เขาพกหัวใจที่ปวดหนึบกลับมาที่นี่ ตั้งใจว่าจะมาตั้งต้นใหม่อีกครั้งบนที่ดินของตัวเอง
คีรินหันไปยังทางแยกที่จะเลี้ยวไปบ้านของบิดาซึ่งอาศัยอยู่กับพี่ชาย ทว่าตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง เขาไม่อยากกลับไปหาครอบครัวในเวลาที่สภาพจิตใจย่ำแย่แบบนี้ คืนนี้จะกลับเข้าไปดูบ้านบนที่ดินของตัวเอง
ถ้าสามารถทำความสะอาดเพื่อพักอาศัยได้ก็จะทำตั้งแต่คืนนี้เลย เพราะอย่างไรก็ตามความเครียดที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ ก็ทำให้เขานอนไม่หลับอยู่ดี หากจะทำงานให้เหนื่อยจนหมดแรง แล้วไปนอนหลับตอนเช้า ก็คงจะดีกว่ากลับไปหาบิดามารดาด้วยความรู้สึกแย่ ๆ แบบนี้
พอผ่านทางแยกมาเพียงไม่นานหยดน้ำหล่นลงมากระทบกับกระจกด้านหน้ารถดังเปาะแปะ เขาขับต่อไปอย่างระมัดระวัง เพราะเส้นทางที่คดเคี้ยวหากไม่ชำนาญทางอาจเกิดอันตรายได้ แม้จะจำทางได้ดี แต่ด้วยไม่ได้กลับมานานเขาจึงไม่รู้ว่าด้านหน้ามีอันตรายหรือไม่ เพราะบางช่วงของเส้นทางยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอยู่บ้าง
ฝนเริ่มตกหนาตาขึ้น เขาลดความเร็วรถลงมากกว่าเดิม หันมองรอบข้างแทบไม่มีรถขับตามหรือขับสวนมาเลย ราวกับถนนเส้นนี้เป็นของเขาเท่านั้น กระทั่งถึงทางเข้าไร่ เขาจึงเลี้ยวเข้าไป
ชายหนุ่มมุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นแสงไฟวอมแวมส่องสว่างอยู่ภายในบ้านราวกับมีคนอยู่ภายใน
“ใครน่ะ หรือพ่อมาดูไร่ให้แล้วพักที่นี่” เขาพึมพำกับตัวเอง
ชายหนุ่มจอดรถแล้วมองเข้าไปในบ้านอย่างแปลกใจ
ขณะคนที่อยู่ในบ้านตกใจตื่นเพราะเสียงฝนตกมาครู่ใหญ่แล้ว ตอนนี้รอบตัวของเธอมีแต่กะละมัง หม้อและจานชามที่เอามารองน้ำฝน ซึ่งรั่วลงมาจากพื้นด้านบน คาดว่าหลังคาด้านบนคงจะมีรูรั่วใหญ่ทีเดียว น้ำจึงได้ไหลลงมาตรงร่องไม้กระดานชั้นบน ลงมาที่ห้องนอนของเธออีกที เพียงฤดีตั้งใจว่าพรุ่งนี้คงต้องขึ้นไปดูสักหน่อย ว่าพอจะซ่อมแซมเองได้หรือไม่
แต่เสียงรถยนต์ที่มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านทำให้เธอได้แต่นั่งเงียบกริบ เธอหันมองรอบตัวว่าจะใช้อะไรเป็นอาวุธได้บ้าง หากคนที่เข้ามานั้นเป็นโจรผู้ร้าย เธอบ้าไปแล้วจริง ๆ ที่ตัดสินใจอยู่คนเดียวในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้
สองสามวันมานี้เธอกับเพื่อนมาที่นี่ทุกวัน อาจจะมีคนรู้เห็นและรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ตามลำพัง และอาจจะอยากเข้ามาปล้นหรือทำอะไรมิดีมิร้าย หญิงสาวเหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัว ทั้งที่อากาศรอบข้างถึงขั้นหนาวเย็น
เสียงไขกุญแจแล้วประตูบ้านก็ถูกเปิดออก เธอได้ยินเสียงเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของเธอ หญิงสาวตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เธอหยิบไดร์เป่าผมมาถือไว้แล้วไปแอบที่บานประตู
“ใครอยู่ข้างในน่ะ” เสียงจากข้างนอกถามมา แต่เธอไม่กล้าเอ่ยปากตอบได้แต่ยืนตัวเกร็ง แล้วถามตัวเองในใจว่า จะมีชีวิตรอดจากสถานการณ์นี้ไหม
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างนอกทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะพึมพำเบา ๆ ว่า
“สงสัยพ่อลืมปิดไฟก่อนกลับบ้านแน่ ๆ นี่เปิดทิ้งไว้กี่วันแล้วก็ไม่รู้”
เพราะหากบิดาอยู่ที่นี่ รถยนต์ของท่านก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วย เขาจึงเอาพวงกุญแจขึ้นมาดูแล้วเลือกดอกกุญแจที่คุ้นเคยก่อนจะไขเข้าไป
เพียงแค่ผลักบานประตูเข้าไปเท่านั้น เขาก็โดนฟาดเต็มแรง
“โอ๊ย!” ชายหนุ่มร้องด้วยความตกใจ หันไปยังคนที่กำลังจะฟาดซ้ำลงมา แล้วกระชากวัตถุที่เธอถืออยู่ในมือ หญิงสาวทรุดลงไปนั่งตัวสั่น
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว คุณจะปล้นเอาอะไรก็เอาไปได้เลย แต่อย่าปล้นสวาทฉันเลยนะ ฉันกลัว” ร่างบางนั่งกอดเข่า ตัวสั่นราวกับลูกนกที่กำลังตกใจสุดขีด
“บ้า ผมจะไปปล้นสวาทอะไรคุณ แล้วคุณเป็นใคร เข้ามาอยู่ในบ้านผมได้ยังไง” เขาถาม ก่อนจะว่าต่อ
“อ้อ เป็นพวกไร้บ้านสินะ ที่เข้ามาอยู่ในบ้านคนอื่นเขาตอนเจ้าของบ้านไม่อยู่ ใช่แล้ว ต้องเหมือนในข่าวแน่ ๆ คุณมาอยู่นานหรือยัง”
“ปละ เปล่า เปล่านะคะ ฉันไม่ใช่ ไม่ใช่พวกไร้บ้าน ฉันแค่ แค่จะมาขอพักแค่สองสามเดือนเท่านั้นเอง ยายนภาเพื่อนของฉันบอกให้ฉันอยู่ที่นี่ได้ คุ...คุณเป็นใครหรือคะ” เธอถามทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่าเป็นเจ้าของบ้าน แต่ด้วยความตกใจในสมองตอนนี้จึงแทบจะไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
“ผมเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้” เขาย้ำเสียงดังฟังชัด
“เจ้าของบ้านหลังนี้!”
“ใช่ แล้วเมื่อกี้คุณบอกว่าใครให้คุณมาอยู่ที่นี่นะ”
“ยะ...ยายนภา นภาธร เขาบอกว่าพี่ชายของเขาอยู่ที่กรุงเทพฯ คงไม่กลับมาบ้านภายในสองสามเดือนนี้หรอก ให้ฉันอยู่ได้เลย คุ...คุณคือพี่คีรินหรือคะ” เธอถามอย่างไม่อยากเชื่อ ที่จู่ ๆ เขาก็กลับมาในคืนแรกที่เธอเข้ามาพักที่นี่ ทำไมไม่มาก่อนสักวันจะได้เจอกับนภาธร เธอจะได้ไม่ต้องพบกับเขาในสภาพนี้
“ใช่ ผมคีริน เดี๋ยวผมโทร. หาน้องสาวผมก่อน ถ้าคุณโมเมโกหกอ้างชื่อน้องสาวผม ผมจะเอาคุณส่งตำรวจแน่ ๆ” เขาว่าแล้วก็ล้วงสมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกงโทร. หาน้องสาวทันที
“น้องภา ได้เอาใครมาอยู่ที่บ้านพี่หรือเปล่า” เขาถามกลับไปเสียงเข้มเมื่ออีกฝ่ายรับสาย“พี่คีรินรู้ได้ยังไงคะ” เสียงอีกฝ่ายดังแทรกออกมาเพราะเขาเปิดเสียงสมาร์ตโฟนให้เธอได้ยินด้วย“ก็พี่อยู่ที่บ้านนี่ไง ทำไมทำอะไรถึงไม่บอกพี่ก่อน”“โธ่ น้องภาก็จะบอกนั่นแหละค่ะ แต่ไม่คิดว่าพี่คีรินจะกลับบ้านวันนี้นี่คะ นี่น้องภายังขับรถไม่ถึงคอนโดฯ เลยค่ะ เพิ่งจะมาถึงบางแค แล้วพี่คีรินนึกอะไรถึงได้กลับบ้านคะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นอยากจะกลับ เห็นพ่อบอกว่าโทร. ให้กลับบ้านหลายครั้งแล้วก็บอกว่าติดงาน ๆ ตลอด น้องภาก็เลยชะล่าใจ นึกว่ายังไม่กลับนี่คะ ก็เลยให้ยายฤดีพักที่บ้านนั้นก่อน”“แล้วนึกยังไงให้เพื่อนเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว มาอยู่ในบ้านร้างตามลำพังแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย”“ก็ยายฤดีเขาอยากอยู่ที่นั่นนี่คะ เขาไปซื้อที่ดินของน้องภา ที่ดินแปลงเล็กน่ะ น้องภาขายให้ยายฤดีไปแล้วนะพี่คีริน อย่าเพิ่งบอกพ่อล่ะ เดี๋ยวนภาจะหาโอกาสบอกพ่อเอง แล้วยายฤดีก็ไม่มีที่พัก ระหว่างรอเงินเดือนออกก็เลยขอเช่าพักที่บ้านพี่คีรินก่อน
๔เช้าวันใหม่ เสียงดังกุกกักอยู่ในครัว ทำให้คีรินรู้สึกตัวตื่น เมื่อคืนนี้เขารู้สึกนอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คิดว่าอาจจะเป็นเพราะอดนอนด้วยเศร้าเสียใจมาหลายวัน รวมทั้งการขับรถทางไกลที่ทำให้ร่างกายเหนื่อยอ่อน เมื่อกลับมาถึงบ้าน ได้นอนหลับในห้องที่เคยนอนมาตั้งแต่เด็กจึงรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย และหลับลึกได้อย่างง่ายดาย ชายหนุ่มหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาดู เป็นเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้าแล้ว เสียงที่ดังอยู่ข้างนอก ก็คงเป็นเพื่อนน้องสาวของเขา ที่กำลังทำกับข้าวอยู่ ตอนนี้เธอชื่ออะไรเขาก็จำไม่ค่อยได้แล้วสิ จำได้แค่ว่าเป็นหญิงสาวร่างเล็กบอบบาง หน้าตาเหมือนเด็กมัธยม มากกว่าจะเป็นหญิงสาวรุ่นเดียวกับนภาธรน้องสาวของเขา เพราะขานั้นชอบแฟชั่นและแต่งหน้าจัด แต่เธอคนนี้ดูเรียบง่ายธรรมดา ทว่ากล้าหาญชาญชัยถึงขั้นมาอยู่ตามลำพังในบ้านร้างได้ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งแล้วเรียบเรียงว่า วันนี้เขาจะต้องทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะการซ่อมแซมบ้านอย่างเร่งด่วน ซึ่งต้องใช้เงิน
บนผนังห้องมีรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 กับพระราชินีที่แขวนไว้บนผนัง ส่วนด้านล่างเป็นภาพชายหญิงวัยกลางคนแขวนคู่กันไว้บนผนัง ซึ่งด้านล่างรูปมีหิ้งซึ่งวางแจกันดอกไม้ที่แห้งเหี่ยว ซึ่งเธอเชื่อว่านี่คงเป็นรูปของเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นคุณตากับคุณยายที่เพื่อนของเธอเล่าให้ฟัง เพียงฤดีเดินไปยกมือไหว้แล้วหยิบแจกันลงมา หันไปบอกเขาว่า“ฤดีเอาแจกันไปเปลี่ยนดอกไม้ให้คุณตาคุณยายนะคะ แล้วเดี๋ยวจะมาช่วยทำความสะอาดพื้นให้ค่ะ แต่ตอนนี้พี่คีรินลงไปทานข้าวก่อนไหมคะ ฤดีทำกับข้าวเสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวว่า“อืม ก็ดี แต่เดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อนแล้วกัน” เขาว่าแล้วก็ก้าวลงบันได ก่อนจะเดินออกไปที่รถแล้วหิ้วกระเป๋าเดินทางเข้าไปไว้ในห้องนอนเพียงฤดีถือแจกันดอกไม้ตามลงไปด้านล่าง เธอวางแจกันดอกไม้แล้วล้างจานต่อจนเสร็จ ก่อนจะล้างแจกันวางไว้ แล้วเดินออกไปนอกบ้านหญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดอย่างลึกที่สุด เมื่อเห็นบรรยากาศภายนอกที่มีหมอกลอยอ้อยอิ่งอยู่บนเนินเขาใกล้ ๆ ที่นี่เต็มไปด้วยพื้นที่ที่เป็นเนินเขา ภูเขา และหุบเขา ภูมิประเทศไม่ได้เป็นที่ราบอย่างที่เธอเคยอ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เพียงฤดีก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นเสื้อยืดแขนยาวเข้ารูปสีขาวกับกางเกงยีนส์ เพื่อให้เหมาะสมกับการออกไปนอกบ้าน หญิงสาวแต่งหน้าบาง ๆ ไม่ให้ดูซีดเซียวจนเกินไป รวบผมยาวสีน้ำตาลเข้มเป็นหางม้าอย่างง่าย ๆ ก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถที่เขาจอดรออยู่เมื่อขึ้นไปบนรถก็เห็นคีรินถือสมุดบัญชีเล่มหนึ่งแล้วยื่นให้กับเธอ เอ่ยว่า“พี่โอนเงินค่ากับข้าวเข้าบัญชีนี้ให้แล้ว เอทีเอ็มกับรหัสก็อยู่ในสมุดนั่นแหละ” หญิงสาวรับมาแล้วเปิดดู เห็นบัตรเอทีเอ็มอยู่หน้าแรกของสมุดบัญชีพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่จดเลขรหัสหกตัวไว้“เอ่อ ฤดีเอาแค่เอทีเอ็มไปก็ได้ค่ะ” หญิงสาวว่า“ไม่เป็นไร สมุดเล่มนี้พี่ไม่ได้ใช้แล้ว เราก็เก็บไว้แล้วกัน” เขาว่าแล้วก็ขับรถออกไป ตอนแรกตั้งใจว่าจะทิ้งสมุดเล่มนี้ เพราะเห็นแล้วก็เจ็บปวดกับสิ่งที่สูญเสียไป เขามอบให้นิราเก็บรักษาเงินในบัญชีนี้ไว้ด้วยความรักทว่าเธอกลับไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เขามอบให้ แถมยังทิ้งเขาไปยามที่เขาแทบไม่เหลืออะไรอีก เก็บไว้ก็รังแต่จะทำให้เจ็บช้ำใจเปล่า ๆ แต่เ
คีรินจอดรถที่หน้าบ้านในตอนบ่ายแก่ ๆ ก่อนจะช่วยกันขนของเข้าบ้าน เขามองนาฬิกาข้อมือแล้วถึงกับอุทานว่า“ตายจริง บ่ายสองกว่าแล้ว พี่ลืมพาแวะกินข้าว ทำไมเราไม่บอกพี่ หิวหรือเปล่าเนี่ย” เขาถามอย่างตกใจ เพราะหากเป็นนิราเธอคงโวยวายด้วยความโมโหหิวไปแล้ว แต่เพียงฤดีเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แล้วตอบว่า“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฤดีซื้อกับข้าวถุงในตลาดมาด้วย เดี๋ยวเรากินกันก่อนนะคะ ข้าวที่หุงไว้เมื่อเช้ากับต้มยำก็ยังมีค่ะ อิ่มแล้วจะได้เริ่มซ่อมบ้านกัน เมื่อกี้ฝนตก หวังว่าของในห้องคงไม่มีอะไรเสียหาย เพราะตอนก่อนออกมาฤดีเอากะละมังรองไว้แล้วค่ะ” เธอว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างนึกขัน เมื่อนึกถึงท่าทางกอดเข่ามองน้ำที่หยดใส่กะละมังของเธอเมื่อคืนนี้“อืม งั้นเราเอากับข้าวไปไว้ในครัวเถอะ จะได้ตั้งโต๊ะกินข้าว เดี๋ยวพี่ยกของพวกนี้ลงเอง” เขามองกล่องเครื่องมือช่างทั้งหลายที่ขนซื้อมา กับตู้เย็นและเครื่องซักผ้าเพียงฤดีรีบกุลีกุจอขนของกินของใช้จำนวนมากเข้าไปกองไว้ในครัว ก่อนจะเทกับข้าวสองถุงใส่ถ้วยแล้วถือออกไปวางบนโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้านเห
“ค่ะ งั้นพี่คีรินก็รีบกินสิคะ” หญิงสาวว่าแล้วก็รีบตักอาหารกินอย่างรีบร้อน ราวกับกลัวว่าหากช้าแล้วเขาจะไม่พาไป“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เราน่ะ ค่อย ๆ กินเดี๋ยวก็สำลักหรอก” เขาว่า พลางอมยิ้มอย่างนึกขันเมื่อเห็นท่าทางเหมือนเด็ก ๆ นั้น จนอดนึกถามในใจไม่ได้ว่า นภาธรเอาเด็กมาให้เขาเลี้ยงหรืออย่างไรกัน ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าต่อจนหมดจาน“ตักข้าวให้พี่อีกจาน” เขายื่นจานเปล่าให้คนตรงหน้า เพียงฤดีรับแล้วตักให้อย่างรู้สึกประหลาดใจ“พี่คีรินหิวหรือคะ”“พี่ไม่ได้กินผัดเผ็ดแบบใต้มานานแล้ว เราเก่งนะมาอยู่ใต้ไม่กี่วันก็ทำอาหารใต้เป็นแล้ว” เขาว่า“เอ่อ ฤดีก็แค่ซื้อพริกแกงคั่วใต้มาลองทำดูค่ะ ไม่ได้ยากอะไรเลย พี่คีรินชอบอาหารแบบนี้หรือคะ ฤดีก็นึกว่าพี่คีรินชอบอาหารแบบฝรั่งซะอีก” เธอว่า เพราะเห็นซื้อหมูเนื้อสันมาให้เธอทำสเต็ก แล้วซื้อไส้กรอกประเภทต่าง ๆ มาอีกหลายถุง ไหนจะซอสหลากหลายชนิด มายองเนสและน้ำสลัดอีกหลายขวด“พี่เป็นคนใต้ ก็ต้องชอบอาหารใต้สิ มันถูกปากกว่าอาหารฝรั่ง พอไ
“อ้าว ฤดีไปผิดทางหรือคะ” หญิงสาวยิ้มเก้อ ๆ แล้วเดินตามเขาไป คีรินใช้พร้าที่ถือมาด้วยคอยถางหญ้าที่ขึ้นรกเรื้อเพื่อเปิดทางเข้าไป“ออกลูกแล้วจริง ๆ ด้วย แต่ลูกยังเล็กอยู่เลย มังคุดพวกนี้ปู่ซื้อพันธุ์มาตอนพาพี่ไปเที่ยวบ้านเพื่อนของท่านที่คีรีวงจังหวัดนครศรีธรรมราชโน่นแน่ะ รสชาติอร่อยไม่ต่างจากที่โน่นเลยละ เพราะอากาศและสภาพแวดล้อมของที่นี่ใกล้เคียงกัน พรุ่งนี้พี่ต้องไปซื้อเครื่องตัดหญ้าแล้วละ ในสวนรกมาก ผลไม้ก็ใกล้สุก ตัดหญ้าสักหน่อยจะได้เข้ามาเก็บง่าย ๆ เราจะออกไปซื้อของกับพี่ไหม” เขาถามเผื่อว่าเธออยากได้อะไรเป็นพิเศษ“ฤดีว่าจะอยู่บ้าน ทำความสะอาดข้างบ้านก่อนค่ะ หญ้าขึ้นรกมาก”“พี่ไปซื้อไม่นานหรอก เดี๋ยวกลับมาช่วย แต่ก็อยากให้ไปด้วยกัน เผื่อเราอยากได้อะไรจะได้ซื้อเข้ามาเลย เผื่อวันหลังพี่ไม่ว่างเราจะได้ไม่ต้องปั่นจักรยานออกไปซื้อ”“ก็ได้ค่ะ ฤดีไปด้วยก็ได้ค่ะ จะไปซื้อพริกแกงมาเพิ่ม” เธอว่าพลางนึกถึงอาหารแบบภาคใต้ที่จะทำให้เขากิน เพราะเธอเห็นว่ามีพริกแกงอีกตั้งหลายชนิดที่เธอเห็นเขาวางขายแต่ไม่ได้ซื้อมา
กระเบื้องตรงปีกซ้ายก็มีร้าวอยู่หลายแผ่น เพราะรอบข้างมีต้นไม้ใหญ่จำนวนมากที่กิ่งพร้อมจะหักโค่นมาใส่เพราะไม่ได้รับการดูแลตัดต้นไม้ที่งอกขึ้นมาเองทิ้งไปบ้าง มันจึงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กิ่งหักลงมากระแทกจนกระเบื้องมุงหลังคาเสียหาย เขาเลือกถอดแผ่นที่คุณภาพดีออกมาห้าแผ่นคีรินลงมาจากนั่งร้านแล้วเดินไปดูห้องที่บอกให้เธอเก็บกวาด เห็นว่าเธอเอาแผ่นฝ้าที่แตกหักออกมาวางกองไว้ด้านนอกหมดแล้ว และกำลังกวาดฝุ่นกับหยากไย่ลงมาจากผนัง ก่อนจะกวาดใส่ที่ตักขยะแล้วเอาไปทิ้งด้านนอกอีกทีชายหนุ่มกวาดตามองภายในห้อง ซึ่งตอนเขาเด็ก ๆ ห้องนี้เป็นห้องที่บิดากับมารดาของเขานอนด้วยกันมีขนาดกว้างกว่าห้องอื่นเพราะใช้พื้นที่ส่วนปีกขวาทั้งหมด ส่วนห้องฝั่งปีกซ้ายสองห้องเป็นห้องของพี่ชาย และอีกห้องหนึ่งเป็นห้องของน้องสาวส่วนเขาอยู่ห้องชั้นล่างซึ่งเธออยู่ตอนนี้ ด้วยติดผู้เป็นปู่กับย่าที่นอนอยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามติดห้องโถงชั้นล่าง เนื่องจากท่านอายุมากแล้วจึงเลือกอยู่ชั้นล่างเพราะขึ้นลงไม่สะดวก เขาจึงเลือกห้องข้างล่างเพื่อจะได้นอนใกล้ท่าน“กวาดแค่นี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวเราไปช่วยพี่ยกนั่งร้า
“นายไปเถอะ ฤดีทำกับข้าวไว้แล้ว บอกแม่ว่าพรุ่งนี้จะพาฤดีไปกินข้าวด้วย” คีรินว่าพลางโอบเอวของภรรยาข้าวใหม่ปลามันเข้ามาชิด “โอเค งั้นผมไปละ โคตรหิว” ปรัชญาโบกมือลาแล้วเดินดุ่ม ๆ มุ่งหน้าไปยังบ้านหลังน้อยของเพียงฤดีที่ตอนนี้เปิดไฟสว่างขึ้น คีรินและเพียงฤดีมองตามร่างสูงของปรัชญาที่เดินเข้าไปยังบ้านหลังเล็กที่อยู่ไกล ๆ เพียงฤดีมองภาพนั้นอย่างมีความสุข เพราะบ้านหลังน้อยของเธอนอกจากจะเป็นบ้านที่ให้แม่และน้องได้อยู่อย่างมีความสุขแล้วยังเป็นที่พึ่งพิงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ทำตัวเป็นคนโปรดของมารดาเธอได้อย่างน่าเอ็นดู แถมยังทำให้มารดามีความสุขกับการได้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องมีเรื่องทุกข์ร้อนให้ต้องกังวลใจอีกไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่เคยชักหน้าไม่ถึงหลัง ใช้เดือนไม่เคยชนเดือน ตอนนี้ท่านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองอีก เพราะเดือนละหนึ่งหมื่นบาทที่เธอให้ ท่านแทบไม่ได้เอาไปซื้ออะไรเลย เพราะใช้เงินจากที่นภดลนำผักไปขายเอาเงินไปซื้ออาหารสด และนภดลก็เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเอง
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ใช้ความพยายามกล่อมภรรยาจนได้กินเธออีกรอบอย่างที่ต้องการ นอนคลอเคลียด้วยกันอยู่บนที่นอนจนถึงอาหารมื้อเที่ยง ถึงได้ออกจากห้องคีรินเปิดประตูออกไปหน้าบ้าน เห็นคนงานกำลังเคลียร์สถานที่ที่ใช้จัดงาน โดยมีปรัชญาคอยดูแล“อ้าว พี่คี ออกมาได้แล้วเหรอ เมื่อคืนคงหนักสินะ” รุ่นน้องหนุ่มเอ่ยแซวพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย“แล้วมึงละ หนักเหมือนกันละสิไอ้เป้ ป่านนี้ถึงได้เพิ่งมาเก็บของ”“แหม ก็ยันเช้าอ่ะพี่ พี่ณัฐกับไอ้บุ๋มยังไม่ตื่นเลย พี่เทพพาเมียไปเดินเล่นในสวน ส่วนไอ้หนึ่งพาเมียไปออกไปซื้อของตลาดเดี๋ยวคงจะมา เห็นว่าจะกลับกันเย็นนี้” ปรัชญารายงาน“แล้วยายนภาล่ะ เมื่อคืนนอนที่ไหน”“เห็นพี่ชลพากลับไปนอนบ้านโน้น แต่รถยังอยู่ที่นี่เห็นว่าค่อยกลับมาเอาตอนจะกลับกรุงเทพฯ” ปรัชญาตอบ“อืม งั้นนายก็ทำงานไปเถอะ ฝากช่วยหน่อยนะ วันนี้เพลีย ๆ เดี๋ยวพี่ไปช่วยเมียทำกับข้าวก่อน นายก็หากินเอาเองนะ”“ไปเลยพี่ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องกินน่ะผมฝากท้องกับแม่แล้ว ผูกปิ่นโตทุกวัน เดี๋ยวก็ว่าจะย้ายของในห้องไปอยู่กระท่อมแล้วละ ส่วนพี่ก็เก็บแ
“งั้นเดี๋ยวพี่ป้อนให้” ว่าแล้วก็ดันร่างบางของหญิงสาวให้มาเผชิญหน้า เห็นเธอหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย มือเรียวปิดหน้าอกเอาไว้ เขาเพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้เล็กอย่างที่เขาคิด แต่ความอวบอิ่มนั้นล้นมือของเธอทีเดียว ปกติเขาจะเห็นเธอแต่งชุดเรียบร้อย เสื้อผ้าก็ใส่แบบหลวม ๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับมีจนเขาต้องแอบกลืนน้ำลาย เขาเอาองุ่นใส่ปากหญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากท้วง “อร่อยไหม” ถามด้วยดวงตามระยิบระยับ ที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา “พี่คีริน ไปอาบน้ำสิคะ ฤดีกินเองได้ค่ะ” เธอหลบสายตาหวานฉ่ำนั้นด้วยความเขินอาย พลางไล่ให้เขาไปอาบน้ำก่อน “พี่ไม่อาบคนเดียวหรอก เราต้องไปอาบกับพี่ด้วย รู้ไหมตอนตกแต่งห้องนี้ พี่แอบคิดว่าถ้าวันหนึ่งพี่แต่งงานกับฤดี ก็อยากอาบน้ำด้วยกันทุกวัน จึงได้ติดตั้งอ่างจากุชซี่ไว้ในห้องนอนด้วย” “อะไรน
๒๒วิวาห์แสนหวาน งานแต่งงานที่จัดขึ้นที่ไร่คีรินจบลงอย่างสวยงาม แม้ว่าเพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวออกอาการเขม่นกันอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำให้งานแต่งงานเสียบรรยากาศแต่อย่างใดส่วนเอกกมลผู้เป็นพี่ชายของเจ้าสาวนั้นพาภรรยาวัยสาวน้อยมาด้วย แต่อยู่ร่วมงานเพียงไม่นาน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ก็พาภรรยากลับไปซึ่งเพียงฤดีก็เข้าใจและเห็นใจในความลำบากใจของพี่ชาย ซึ่งรู้ว่าภรรยาของตนกับมารดานั้นไม่ค่อยลงรอยกันนัก จึงไม่ได้ว่าอะไรที่เขาไม่ได้อยู่จนจบงาน แค่เขาได้มาร่วมงาน เธอก็ดีใจมากแล้ว และเห็นว่าเอกกมลเปลี่ยนตัวเองให้ใจเย็นลงได้อย่างมากก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว “น้องฝากยายฤดีด้วยนะพี่คีริน ดูแลให้ดีนะ ไม่งั้นน้องโกรธจริง ๆ ด้วย” นภาธรว่า ขณะที่อยู่ในห้องหอของบ่าวสาวที่เพิ่งทำพิธีจบลง และหมดหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวของเธอแล้ว&nb
ปรัชญาเดินดุ่มขึ้นมาบนบ้านหลังเล็กของเพียงฤดีเมื่อเห็นคีรินนั่งอยู่หน้าบ้าน เขาเดินขึ้นระเบียง ถอดหมวกแก๊ปวางบนโต๊ะด้วยท่าทางหงุดหงิด แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าชายหนุ่มรุ่นพี่“เป็นอะไรไอ้เป้” คีรินถาม“ก็ผู้หญิงอะไรไม่รู้ หน้าตาก็ดี แต่เหมือนคนบ้า ผมจอดรถของผมอยู่ดี ๆ ก็มาเคาะกระจกเรียก ด่าผมว่าเสียมารยาทไปจอดรถตรงที่ที่เขาจองไว้แล้ว บ้าบอมาก มันตลาดนัด ใครไปถึงก็จอดก่อน ผมก็ไม่เห็นว่าเขากำลังจะเข้าจอด เห็นรถถอยออกก็เสียบเข้าไป ยังไม่ทันได้ดับเครื่องก็มาเคาะเรียก บังคับให้ผมเอารถออกทั้ง ๆ ที่ตรงอื่นก็จอดได้เยอะแยะ ผมขี้เกียจรำคาญก็เลยถอยรถออกมานี่แหละ จะแวะซื้อเป็ดตุ๋นมากินสักหน่อยเลยไม่ได้กินเลย”“เออน่า อย่าเพิ่งโมโหหิว แม่กับฤดีทำกับข้าวอยู่ น่าจะใกล้เสร็จแล้วละ เดี๋ยวก็กินด้วยกันที่นี่แหละ แล้วว่าไง ออกไปหาลูกค้าไร่พิงอรุณมาเป็นยังไงบ้าง”“ก็ดี ลุงแกก็โอเคแหละ คนแก่น่ะ ให้เราออกแบบระบบให้แล้วเสนอราคาไปก่อน เห็นบอกว่าลูกสาวที่อยู่กรุงเทพฯ อยากให้วางระบบฟาร์มอัจฉริยะไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาอยู่บ้านแล้ว”“อืม เห็นลุงแกจะขายที่ดินให
งานแต่งงานกำลังจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า วันนี้ทั้งประสิทธิ์ สายชล และชลธรมาช่วยเตรียมงานในไร่ตั้งแต่เช้า ไหนจะช่วยจัดเตรียมวางแผนเรื่องอาหาร การจัดสถานที่ รวมทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ว่าทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะบอกว่าอยากได้งานเล็ก ๆ อบอุ่น ๆ ภายในครอบครัวแต่ในที่สุดก็ไม่สามารถจัดแบบนั้นได้ เมื่อพ่อแม่เจ้าบ่าวไม่ยอม เนื่องจากเป็นลูกชายคนแรกที่ได้แต่งงาน และไม่รู้ว่าลูกชายคนโตและลูกสาวคนเล็กจะมีโอกาสได้แต่งงานไหม จึงขอจัดงานให้ถูกใจพ่อแม่เจ้าบ่าวก่อน“อย่าว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะแม่หทัย ฉันน่ะก็ไม่อยากให้ทุกคนเหนื่อยกันหรอก แต่ฉันก็มีลูกอยู่แค่สามคน อีกสองคนยังไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงาน เลยขอจัดงานพ่อคีรินให้มันใหญ่หน่อย ให้พออวดเพื่อนได้ว่าฉันได้ลูกสะใภ้ดี แม่หทัยนี่สอนลูกดีจริง ๆ น่ารักน่าเอ็นดู ขยันขันแข็ง อ่อนน้อมถ่อมตน ฉันเห็นครั้งแรกก็หลงรักแล้ว” สายชลว่าพลางนั่งตรวจเช็คของชำร่วยไปพลาง ว่าจำนวนชิ้นพอกับแขกเหรื่อที่เชิญไว้หรือไม่ขณะคนที่ถูกชมกลับยิ้มเจื่อน ๆ เพราะตนเองก็ไม่ได้สอนอะไรลูกสาวมากนัก มีแต่ใช้งานหนักให้ทำโน่น
๒๑ปรับตัวเองง่ายกว่าเพียงฤดีอัดคลิปนิยายเสียงเสร็จก็เดินกลับไปที่บ้านเพื่อช่วยมารดาทำอาหารเย็น ปล่อยให้คีรินได้กลับไปทำงานของเขา ซึ่งช่วงเย็นเขาก็จะมากินข้าวที่บ้านของเธอ เนื่องจากมารดาจะทำกับข้าวไว้ให้ตั้งแต่หทัยรัตน์รู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ คีรินก็ถือโอกาสไม่กินข้าวตอนเย็นที่บ้านตัวเองอีก จะหิ้วท้องไปนั่งรอกินข้าวที่บ้านของเธอทุกเย็นมีเพียงช่วงเช้าที่เธอจะมาทำอาหารเช้าให้เขาตามปกติ โดยทำเผื่อไปถึงมื้อเที่ยงด้วย และเธอก็กินมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงร่วมกับเขา โดยที่มารดาของเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก แต่ช่วงเย็นเธอจะกลับไปช่วยมารดาทำอาหารและรอเขาไปกินด้วยกันเมื่อไปถึงบ้านเธอเห็นนภดลกับมารดานั่งดูสมาร์ตโฟนแล้วคุยอะไรกันอยู่“ดูอะไรเหรอแม็กซ์” เพียงฤดีเดินเข้าไปถาม“ส่องเฟซบีอยู่ ทะเลาะกับพี่ท็อปแล้วโพสต์เฟซด่ากระจาย แถมกรีดข้อมือตัวเองด้วย สยองมาก”“แล้วพี่ท็อปเป็นยังไงบ้างล่ะ”“ก็คงเหนื่อยหน่อยน่ะ เมื่อกี้ผมแค่โทร. ไปจะถามว่ามางานแต่งงานพ
เสียงดังที่อยู่ในห้องนอนฝั่งตรงข้าม ทำให้คีรินต้องเงี่ยหูแนบกับประตูแล้วย่นคิ้วเบา ๆ เมื่อมีเสียงแปลก ๆ เหมือนมีคนสองสามคนอยู่ในนั้น เขาจึงตัดสินใจเคาะประตู “ฤดี ฤดี” ไม่มีเสียงตอบ แต่เขาได้ยินเสียงเดินมาเปิดประตู “มีอะไรหรือคะพี่คีริน” หญิงสาวถาม “ฤดีเข้ามาทำอะไรในนี้น่ะ แล้วเมื่อกี้พี่ได้ยินเสียงคนคุยกัน”“ไม่มีใครค่ะ ฤดีอยู่คนเดียว” เธอว่าพลางเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม เขาเดินเข้ามาในห้องนอนของเธอ กวาดตามองไปทั่วห้อง ซึ่งตอนนี้ไม่ได้มีข้าวของของเธอมากนัก เพราะขนกลับไปไว้ที่บ้านของตัวเองหมดแล้ว เขาเปิดประตูห้องน้ำดูก็ไม่มีใคร ก่อนจะหันมาถาม “เมื่อกี้พี่ได้ยินเสียงคนคุยกันจริง ๆ นะ แล้วฤดีทำอะไรน่ะ” เขาเห็นไมค์โครโฟนตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานเลยเดินเข้ามาดู
นิรานั่งมองไลฟ์สดในเพจไร่คีรินที่เธอเห็นเอกภพเปิดดู แล้วลองมาเปิดดูเองบ้าง เห็นท่าทางมีความสุขของเขาแล้วเธอถึงกับน้ำตาปรี่ลงมา เขากำลังมีความสุข ธุรกิจใหม่ก็กำลังรุ่งเรืองในขณะที่เธอสูญเสียเขาไปแล้วส่วนกิตติกรหรือกอล์ฟผู้กำกับชื่อดังซึ่งเธอเอาเงินของคีรินไปฝากลงทุนกับเขา และหวังว่าเขาจะดูแลเธอต่อจากคีรินได้เป็นอย่างดีเพราะมีฐานะดีกว่า และสามารถส่งเสริมอาชีพของเธอได้ แต่ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่ลำบากเพราะแม้คีรินจะไม่เอาเรื่อง แต่ก็มีคดีความที่ยังต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ออนไลน์ชื่อดัง จึงมีการฟ้องร้องของคู่กรณีคนอื่น ๆอีกทั้งเมื่อเธอมาลองคบกับดนุวัฒน์ไฮโซชื่อดัง ก็กลับกลายเป็นว่าคุณสมบัติของเธอไม่เพียงพอที่จะเป็นสะใภ้ผู้ดีเก่าในสายตามารดาของเขา ความหวังที่จะขึ้นไปอยู่บนที่สูงตกวูบลงมาทันใดตอนนี้มีเพียงบริษัทผลิตละครสั้นเล็ก ๆ ที่เธอขอให้คีรินลงทุนให้เท่านั้น ที่เป็นหลักให้กับชีวิต แต่พอเขาออกไป แฟนคลับของเขาก็ติดตามเขาไปด้วย จนตอนนี้ช่องของเธอมียอดวิวน้อยลงมาก รายได้ก็ลดน้อยลงตาม เอานักแสดงใหม่เข้ามาแทนเขา ก็เข้ากับทีมงานไ