ชายหนุ่มขับรถมาเรื่อย ๆ ยิ่งดึกถนนหนทางก็ยิ่งคดเคี้ยว หมอกหนาทึบทำให้เขาขับรถยากยิ่งขึ้น เขาพกหัวใจที่ปวดหนึบกลับมาที่นี่ ตั้งใจว่าจะมาตั้งต้นใหม่อีกครั้งบนที่ดินของตัวเอง
คีรินหันไปยังทางแยกที่จะเลี้ยวไปบ้านของบิดาซึ่งอาศัยอยู่กับพี่ชาย ทว่าตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง เขาไม่อยากกลับไปหาครอบครัวในเวลาที่สภาพจิตใจย่ำแย่แบบนี้ คืนนี้จะกลับเข้าไปดูบ้านบนที่ดินของตัวเอง
ถ้าสามารถทำความสะอาดเพื่อพักอาศัยได้ก็จะทำตั้งแต่คืนนี้เลย เพราะอย่างไรก็ตามความเครียดที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ ก็ทำให้เขานอนไม่หลับอยู่ดี หากจะทำงานให้เหนื่อยจนหมดแรง แล้วไปนอนหลับตอนเช้า ก็คงจะดีกว่ากลับไปหาบิดามารดาด้วยความรู้สึกแย่ ๆ แบบนี้
พอผ่านทางแยกมาเพียงไม่นานหยดน้ำหล่นลงมากระทบกับกระจกด้านหน้ารถดังเปาะแปะ เขาขับต่อไปอย่างระมัดระวัง เพราะเส้นทางที่คดเคี้ยวหากไม่ชำนาญทางอาจเกิดอันตรายได้ แม้จะจำทางได้ดี แต่ด้วยไม่ได้กลับมานานเขาจึงไม่รู้ว่าด้านหน้ามีอันตรายหรือไม่ เพราะบางช่วงของเส้นทางยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอยู่บ้าง
ฝนเริ่มตกหนาตาขึ้น เขาลดความเร็วรถลงมากกว่าเดิม หันมองรอบข้างแทบไม่มีรถขับตามหรือขับสวนมาเลย ราวกับถนนเส้นนี้เป็นของเขาเท่านั้น กระทั่งถึงทางเข้าไร่ เขาจึงเลี้ยวเข้าไป
ชายหนุ่มมุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นแสงไฟวอมแวมส่องสว่างอยู่ภายในบ้านราวกับมีคนอยู่ภายใน
“ใครน่ะ หรือพ่อมาดูไร่ให้แล้วพักที่นี่” เขาพึมพำกับตัวเอง
ชายหนุ่มจอดรถแล้วมองเข้าไปในบ้านอย่างแปลกใจ
ขณะคนที่อยู่ในบ้านตกใจตื่นเพราะเสียงฝนตกมาครู่ใหญ่แล้ว ตอนนี้รอบตัวของเธอมีแต่กะละมัง หม้อและจานชามที่เอามารองน้ำฝน ซึ่งรั่วลงมาจากพื้นด้านบน คาดว่าหลังคาด้านบนคงจะมีรูรั่วใหญ่ทีเดียว น้ำจึงได้ไหลลงมาตรงร่องไม้กระดานชั้นบน ลงมาที่ห้องนอนของเธออีกที เพียงฤดีตั้งใจว่าพรุ่งนี้คงต้องขึ้นไปดูสักหน่อย ว่าพอจะซ่อมแซมเองได้หรือไม่
แต่เสียงรถยนต์ที่มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านทำให้เธอได้แต่นั่งเงียบกริบ เธอหันมองรอบตัวว่าจะใช้อะไรเป็นอาวุธได้บ้าง หากคนที่เข้ามานั้นเป็นโจรผู้ร้าย เธอบ้าไปแล้วจริง ๆ ที่ตัดสินใจอยู่คนเดียวในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้
สองสามวันมานี้เธอกับเพื่อนมาที่นี่ทุกวัน อาจจะมีคนรู้เห็นและรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ตามลำพัง และอาจจะอยากเข้ามาปล้นหรือทำอะไรมิดีมิร้าย หญิงสาวเหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัว ทั้งที่อากาศรอบข้างถึงขั้นหนาวเย็น
เสียงไขกุญแจแล้วประตูบ้านก็ถูกเปิดออก เธอได้ยินเสียงเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของเธอ หญิงสาวตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เธอหยิบไดร์เป่าผมมาถือไว้แล้วไปแอบที่บานประตู
“ใครอยู่ข้างในน่ะ” เสียงจากข้างนอกถามมา แต่เธอไม่กล้าเอ่ยปากตอบได้แต่ยืนตัวเกร็ง แล้วถามตัวเองในใจว่า จะมีชีวิตรอดจากสถานการณ์นี้ไหม
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างนอกทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะพึมพำเบา ๆ ว่า
“สงสัยพ่อลืมปิดไฟก่อนกลับบ้านแน่ ๆ นี่เปิดทิ้งไว้กี่วันแล้วก็ไม่รู้”
เพราะหากบิดาอยู่ที่นี่ รถยนต์ของท่านก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วย เขาจึงเอาพวงกุญแจขึ้นมาดูแล้วเลือกดอกกุญแจที่คุ้นเคยก่อนจะไขเข้าไป
เพียงแค่ผลักบานประตูเข้าไปเท่านั้น เขาก็โดนฟาดเต็มแรง
“โอ๊ย!” ชายหนุ่มร้องด้วยความตกใจ หันไปยังคนที่กำลังจะฟาดซ้ำลงมา แล้วกระชากวัตถุที่เธอถืออยู่ในมือ หญิงสาวทรุดลงไปนั่งตัวสั่น
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว คุณจะปล้นเอาอะไรก็เอาไปได้เลย แต่อย่าปล้นสวาทฉันเลยนะ ฉันกลัว” ร่างบางนั่งกอดเข่า ตัวสั่นราวกับลูกนกที่กำลังตกใจสุดขีด
“บ้า ผมจะไปปล้นสวาทอะไรคุณ แล้วคุณเป็นใคร เข้ามาอยู่ในบ้านผมได้ยังไง” เขาถาม ก่อนจะว่าต่อ
“อ้อ เป็นพวกไร้บ้านสินะ ที่เข้ามาอยู่ในบ้านคนอื่นเขาตอนเจ้าของบ้านไม่อยู่ ใช่แล้ว ต้องเหมือนในข่าวแน่ ๆ คุณมาอยู่นานหรือยัง”
“ปละ เปล่า เปล่านะคะ ฉันไม่ใช่ ไม่ใช่พวกไร้บ้าน ฉันแค่ แค่จะมาขอพักแค่สองสามเดือนเท่านั้นเอง ยายนภาเพื่อนของฉันบอกให้ฉันอยู่ที่นี่ได้ คุ...คุณเป็นใครหรือคะ” เธอถามทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่าเป็นเจ้าของบ้าน แต่ด้วยความตกใจในสมองตอนนี้จึงแทบจะไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
“ผมเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้” เขาย้ำเสียงดังฟังชัด
“เจ้าของบ้านหลังนี้!”
“ใช่ แล้วเมื่อกี้คุณบอกว่าใครให้คุณมาอยู่ที่นี่นะ”
“ยะ...ยายนภา นภาธร เขาบอกว่าพี่ชายของเขาอยู่ที่กรุงเทพฯ คงไม่กลับมาบ้านภายในสองสามเดือนนี้หรอก ให้ฉันอยู่ได้เลย คุ...คุณคือพี่คีรินหรือคะ” เธอถามอย่างไม่อยากเชื่อ ที่จู่ ๆ เขาก็กลับมาในคืนแรกที่เธอเข้ามาพักที่นี่ ทำไมไม่มาก่อนสักวันจะได้เจอกับนภาธร เธอจะได้ไม่ต้องพบกับเขาในสภาพนี้
“ใช่ ผมคีริน เดี๋ยวผมโทร. หาน้องสาวผมก่อน ถ้าคุณโมเมโกหกอ้างชื่อน้องสาวผม ผมจะเอาคุณส่งตำรวจแน่ ๆ” เขาว่าแล้วก็ล้วงสมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกงโทร. หาน้องสาวทันที
“น้องภา ได้เอาใครมาอยู่ที่บ้านพี่หรือเปล่า” เขาถามกลับไปเสียงเข้มเมื่ออีกฝ่ายรับสาย“พี่คีรินรู้ได้ยังไงคะ” เสียงอีกฝ่ายดังแทรกออกมาเพราะเขาเปิดเสียงสมาร์ตโฟนให้เธอได้ยินด้วย“ก็พี่อยู่ที่บ้านนี่ไง ทำไมทำอะไรถึงไม่บอกพี่ก่อน”“โธ่ น้องภาก็จะบอกนั่นแหละค่ะ แต่ไม่คิดว่าพี่คีรินจะกลับบ้านวันนี้นี่คะ นี่น้องภายังขับรถไม่ถึงคอนโดฯ เลยค่ะ เพิ่งจะมาถึงบางแค แล้วพี่คีรินนึกอะไรถึงได้กลับบ้านคะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นอยากจะกลับ เห็นพ่อบอกว่าโทร. ให้กลับบ้านหลายครั้งแล้วก็บอกว่าติดงาน ๆ ตลอด น้องภาก็เลยชะล่าใจ นึกว่ายังไม่กลับนี่คะ ก็เลยให้ยายฤดีพักที่บ้านนั้นก่อน”“แล้วนึกยังไงให้เพื่อนเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว มาอยู่ในบ้านร้างตามลำพังแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย”“ก็ยายฤดีเขาอยากอยู่ที่นั่นนี่คะ เขาไปซื้อที่ดินของน้องภา ที่ดินแปลงเล็กน่ะ น้องภาขายให้ยายฤดีไปแล้วนะพี่คีริน อย่าเพิ่งบอกพ่อล่ะ เดี๋ยวนภาจะหาโอกาสบอกพ่อเอง แล้วยายฤดีก็ไม่มีที่พัก ระหว่างรอเงินเดือนออกก็เลยขอเช่าพักที่บ้านพี่คีรินก่อน
๔เช้าวันใหม่ เสียงดังกุกกักอยู่ในครัว ทำให้คีรินรู้สึกตัวตื่น เมื่อคืนนี้เขารู้สึกนอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คิดว่าอาจจะเป็นเพราะอดนอนด้วยเศร้าเสียใจมาหลายวัน รวมทั้งการขับรถทางไกลที่ทำให้ร่างกายเหนื่อยอ่อน เมื่อกลับมาถึงบ้าน ได้นอนหลับในห้องที่เคยนอนมาตั้งแต่เด็กจึงรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย และหลับลึกได้อย่างง่ายดาย ชายหนุ่มหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาดู เป็นเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้าแล้ว เสียงที่ดังอยู่ข้างนอก ก็คงเป็นเพื่อนน้องสาวของเขา ที่กำลังทำกับข้าวอยู่ ตอนนี้เธอชื่ออะไรเขาก็จำไม่ค่อยได้แล้วสิ จำได้แค่ว่าเป็นหญิงสาวร่างเล็กบอบบาง หน้าตาเหมือนเด็กมัธยม มากกว่าจะเป็นหญิงสาวรุ่นเดียวกับนภาธรน้องสาวของเขา เพราะขานั้นชอบแฟชั่นและแต่งหน้าจัด แต่เธอคนนี้ดูเรียบง่ายธรรมดา ทว่ากล้าหาญชาญชัยถึงขั้นมาอยู่ตามลำพังในบ้านร้างได้ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งแล้วเรียบเรียงว่า วันนี้เขาจะต้องทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะการซ่อมแซมบ้านอย่างเร่งด่วน ซึ่งต้องใช้เงิน
บนผนังห้องมีรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 กับพระราชินีที่แขวนไว้บนผนัง ส่วนด้านล่างเป็นภาพชายหญิงวัยกลางคนแขวนคู่กันไว้บนผนัง ซึ่งด้านล่างรูปมีหิ้งซึ่งวางแจกันดอกไม้ที่แห้งเหี่ยว ซึ่งเธอเชื่อว่านี่คงเป็นรูปของเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นคุณตากับคุณยายที่เพื่อนของเธอเล่าให้ฟัง เพียงฤดีเดินไปยกมือไหว้แล้วหยิบแจกันลงมา หันไปบอกเขาว่า“ฤดีเอาแจกันไปเปลี่ยนดอกไม้ให้คุณตาคุณยายนะคะ แล้วเดี๋ยวจะมาช่วยทำความสะอาดพื้นให้ค่ะ แต่ตอนนี้พี่คีรินลงไปทานข้าวก่อนไหมคะ ฤดีทำกับข้าวเสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวว่า“อืม ก็ดี แต่เดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อนแล้วกัน” เขาว่าแล้วก็ก้าวลงบันได ก่อนจะเดินออกไปที่รถแล้วหิ้วกระเป๋าเดินทางเข้าไปไว้ในห้องนอนเพียงฤดีถือแจกันดอกไม้ตามลงไปด้านล่าง เธอวางแจกันดอกไม้แล้วล้างจานต่อจนเสร็จ ก่อนจะล้างแจกันวางไว้ แล้วเดินออกไปนอกบ้านหญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดอย่างลึกที่สุด เมื่อเห็นบรรยากาศภายนอกที่มีหมอกลอยอ้อยอิ่งอยู่บนเนินเขาใกล้ ๆ ที่นี่เต็มไปด้วยพื้นที่ที่เป็นเนินเขา ภูเขา และหุบเขา ภูมิประเทศไม่ได้เป็นที่ราบอย่างที่เธอเคยอ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เพียงฤดีก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นเสื้อยืดแขนยาวเข้ารูปสีขาวกับกางเกงยีนส์ เพื่อให้เหมาะสมกับการออกไปนอกบ้าน หญิงสาวแต่งหน้าบาง ๆ ไม่ให้ดูซีดเซียวจนเกินไป รวบผมยาวสีน้ำตาลเข้มเป็นหางม้าอย่างง่าย ๆ ก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถที่เขาจอดรออยู่เมื่อขึ้นไปบนรถก็เห็นคีรินถือสมุดบัญชีเล่มหนึ่งแล้วยื่นให้กับเธอ เอ่ยว่า“พี่โอนเงินค่ากับข้าวเข้าบัญชีนี้ให้แล้ว เอทีเอ็มกับรหัสก็อยู่ในสมุดนั่นแหละ” หญิงสาวรับมาแล้วเปิดดู เห็นบัตรเอทีเอ็มอยู่หน้าแรกของสมุดบัญชีพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่จดเลขรหัสหกตัวไว้“เอ่อ ฤดีเอาแค่เอทีเอ็มไปก็ได้ค่ะ” หญิงสาวว่า“ไม่เป็นไร สมุดเล่มนี้พี่ไม่ได้ใช้แล้ว เราก็เก็บไว้แล้วกัน” เขาว่าแล้วก็ขับรถออกไป ตอนแรกตั้งใจว่าจะทิ้งสมุดเล่มนี้ เพราะเห็นแล้วก็เจ็บปวดกับสิ่งที่สูญเสียไป เขามอบให้นิราเก็บรักษาเงินในบัญชีนี้ไว้ด้วยความรักทว่าเธอกลับไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เขามอบให้ แถมยังทิ้งเขาไปยามที่เขาแทบไม่เหลืออะไรอีก เก็บไว้ก็รังแต่จะทำให้เจ็บช้ำใจเปล่า ๆ แต่เ
คีรินจอดรถที่หน้าบ้านในตอนบ่ายแก่ ๆ ก่อนจะช่วยกันขนของเข้าบ้าน เขามองนาฬิกาข้อมือแล้วถึงกับอุทานว่า“ตายจริง บ่ายสองกว่าแล้ว พี่ลืมพาแวะกินข้าว ทำไมเราไม่บอกพี่ หิวหรือเปล่าเนี่ย” เขาถามอย่างตกใจ เพราะหากเป็นนิราเธอคงโวยวายด้วยความโมโหหิวไปแล้ว แต่เพียงฤดีเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แล้วตอบว่า“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฤดีซื้อกับข้าวถุงในตลาดมาด้วย เดี๋ยวเรากินกันก่อนนะคะ ข้าวที่หุงไว้เมื่อเช้ากับต้มยำก็ยังมีค่ะ อิ่มแล้วจะได้เริ่มซ่อมบ้านกัน เมื่อกี้ฝนตก หวังว่าของในห้องคงไม่มีอะไรเสียหาย เพราะตอนก่อนออกมาฤดีเอากะละมังรองไว้แล้วค่ะ” เธอว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างนึกขัน เมื่อนึกถึงท่าทางกอดเข่ามองน้ำที่หยดใส่กะละมังของเธอเมื่อคืนนี้“อืม งั้นเราเอากับข้าวไปไว้ในครัวเถอะ จะได้ตั้งโต๊ะกินข้าว เดี๋ยวพี่ยกของพวกนี้ลงเอง” เขามองกล่องเครื่องมือช่างทั้งหลายที่ขนซื้อมา กับตู้เย็นและเครื่องซักผ้าเพียงฤดีรีบกุลีกุจอขนของกินของใช้จำนวนมากเข้าไปกองไว้ในครัว ก่อนจะเทกับข้าวสองถุงใส่ถ้วยแล้วถือออกไปวางบนโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้านเห
“ค่ะ งั้นพี่คีรินก็รีบกินสิคะ” หญิงสาวว่าแล้วก็รีบตักอาหารกินอย่างรีบร้อน ราวกับกลัวว่าหากช้าแล้วเขาจะไม่พาไป“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เราน่ะ ค่อย ๆ กินเดี๋ยวก็สำลักหรอก” เขาว่า พลางอมยิ้มอย่างนึกขันเมื่อเห็นท่าทางเหมือนเด็ก ๆ นั้น จนอดนึกถามในใจไม่ได้ว่า นภาธรเอาเด็กมาให้เขาเลี้ยงหรืออย่างไรกัน ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าต่อจนหมดจาน“ตักข้าวให้พี่อีกจาน” เขายื่นจานเปล่าให้คนตรงหน้า เพียงฤดีรับแล้วตักให้อย่างรู้สึกประหลาดใจ“พี่คีรินหิวหรือคะ”“พี่ไม่ได้กินผัดเผ็ดแบบใต้มานานแล้ว เราเก่งนะมาอยู่ใต้ไม่กี่วันก็ทำอาหารใต้เป็นแล้ว” เขาว่า“เอ่อ ฤดีก็แค่ซื้อพริกแกงคั่วใต้มาลองทำดูค่ะ ไม่ได้ยากอะไรเลย พี่คีรินชอบอาหารแบบนี้หรือคะ ฤดีก็นึกว่าพี่คีรินชอบอาหารแบบฝรั่งซะอีก” เธอว่า เพราะเห็นซื้อหมูเนื้อสันมาให้เธอทำสเต็ก แล้วซื้อไส้กรอกประเภทต่าง ๆ มาอีกหลายถุง ไหนจะซอสหลากหลายชนิด มายองเนสและน้ำสลัดอีกหลายขวด“พี่เป็นคนใต้ ก็ต้องชอบอาหารใต้สิ มันถูกปากกว่าอาหารฝรั่ง พอไ
“อ้าว ฤดีไปผิดทางหรือคะ” หญิงสาวยิ้มเก้อ ๆ แล้วเดินตามเขาไป คีรินใช้พร้าที่ถือมาด้วยคอยถางหญ้าที่ขึ้นรกเรื้อเพื่อเปิดทางเข้าไป“ออกลูกแล้วจริง ๆ ด้วย แต่ลูกยังเล็กอยู่เลย มังคุดพวกนี้ปู่ซื้อพันธุ์มาตอนพาพี่ไปเที่ยวบ้านเพื่อนของท่านที่คีรีวงจังหวัดนครศรีธรรมราชโน่นแน่ะ รสชาติอร่อยไม่ต่างจากที่โน่นเลยละ เพราะอากาศและสภาพแวดล้อมของที่นี่ใกล้เคียงกัน พรุ่งนี้พี่ต้องไปซื้อเครื่องตัดหญ้าแล้วละ ในสวนรกมาก ผลไม้ก็ใกล้สุก ตัดหญ้าสักหน่อยจะได้เข้ามาเก็บง่าย ๆ เราจะออกไปซื้อของกับพี่ไหม” เขาถามเผื่อว่าเธออยากได้อะไรเป็นพิเศษ“ฤดีว่าจะอยู่บ้าน ทำความสะอาดข้างบ้านก่อนค่ะ หญ้าขึ้นรกมาก”“พี่ไปซื้อไม่นานหรอก เดี๋ยวกลับมาช่วย แต่ก็อยากให้ไปด้วยกัน เผื่อเราอยากได้อะไรจะได้ซื้อเข้ามาเลย เผื่อวันหลังพี่ไม่ว่างเราจะได้ไม่ต้องปั่นจักรยานออกไปซื้อ”“ก็ได้ค่ะ ฤดีไปด้วยก็ได้ค่ะ จะไปซื้อพริกแกงมาเพิ่ม” เธอว่าพลางนึกถึงอาหารแบบภาคใต้ที่จะทำให้เขากิน เพราะเธอเห็นว่ามีพริกแกงอีกตั้งหลายชนิดที่เธอเห็นเขาวางขายแต่ไม่ได้ซื้อมา
กระเบื้องตรงปีกซ้ายก็มีร้าวอยู่หลายแผ่น เพราะรอบข้างมีต้นไม้ใหญ่จำนวนมากที่กิ่งพร้อมจะหักโค่นมาใส่เพราะไม่ได้รับการดูแลตัดต้นไม้ที่งอกขึ้นมาเองทิ้งไปบ้าง มันจึงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กิ่งหักลงมากระแทกจนกระเบื้องมุงหลังคาเสียหาย เขาเลือกถอดแผ่นที่คุณภาพดีออกมาห้าแผ่นคีรินลงมาจากนั่งร้านแล้วเดินไปดูห้องที่บอกให้เธอเก็บกวาด เห็นว่าเธอเอาแผ่นฝ้าที่แตกหักออกมาวางกองไว้ด้านนอกหมดแล้ว และกำลังกวาดฝุ่นกับหยากไย่ลงมาจากผนัง ก่อนจะกวาดใส่ที่ตักขยะแล้วเอาไปทิ้งด้านนอกอีกทีชายหนุ่มกวาดตามองภายในห้อง ซึ่งตอนเขาเด็ก ๆ ห้องนี้เป็นห้องที่บิดากับมารดาของเขานอนด้วยกันมีขนาดกว้างกว่าห้องอื่นเพราะใช้พื้นที่ส่วนปีกขวาทั้งหมด ส่วนห้องฝั่งปีกซ้ายสองห้องเป็นห้องของพี่ชาย และอีกห้องหนึ่งเป็นห้องของน้องสาวส่วนเขาอยู่ห้องชั้นล่างซึ่งเธออยู่ตอนนี้ ด้วยติดผู้เป็นปู่กับย่าที่นอนอยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามติดห้องโถงชั้นล่าง เนื่องจากท่านอายุมากแล้วจึงเลือกอยู่ชั้นล่างเพราะขึ้นลงไม่สะดวก เขาจึงเลือกห้องข้างล่างเพื่อจะได้นอนใกล้ท่าน“กวาดแค่นี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวเราไปช่วยพี่ยกนั่งร้า
๑๓ยกเสาเอก เพียงฤดีนั่งน้ำตาซึมอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา มองพระกำลังทำพิธีการยกเสาเอก ซึ่งตอนนี้ท่านกำลังพรมน้ำมนต์และโปรยทรายเสกลงไปที่หลุมเสาเอก พร้อมกับเจิมและปิดทองเสาเอกซึ่งผูกผ้าสามสี หน่อกล้วยและอ้อยเอาไว้ซึ่งคีรินช่วยจัดเตรียมของมงคลทั้งหลายสำหรับใช้ในการประกอบพิธีอย่างไม่บกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น หน่อกล้วย อ้อย ผ้าสามสี ไหนจะข้าวตอก ดอกไม้ แป้งหอม แผ่นทอง แผ่นนาก แผ่นเงินและเหรียญเงินสำหรับใส่ลงไปในหลุมเสาเอก และอื่น ๆ อีกหลายอย่างเธอไม่คิดว่าบ้านของเธอจะได้รับการทำพิธีอันเป็นมงคลเช่นนี้ แม้คีรินจะบอกว่าเป็นการทำพิธีเล็ก ๆ ทำเพื่อเป็นสิริมงคลและเพื่อความสบายใจสำหรับเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย ไม่ได้ใหญ่โตหรือจัดแบบเต็มพิธีเท่าไรนัก แต่สำหรับเธอกลับรู้สึกว่ามันสมบูรณ์แบบมากทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าการเริ่มต้นมีบ้านหลังนี้จะเริ่มต้นอย่างดีงามเช่นนี้หลังจากพิธีเสร็จสิ้นลง คีรินขับรถไปส่งพระสงฆ์ที่นิมนต์มา ส่วนเธอยังคงยืนมองเสาเอกน้ำต
ภาพหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าที่กำลังยืนหันหลัง ทำกับข้าวอยู่หน้าเตาทำให้คีรินอดไม่ได้ที่จะยืนมองอย่างอุ่นใจ วันนี้เธอใส่เดรสยาวที่เขาซื้อให้ รูปร่างของเธอบอบบางแต่สมส่วน ผิวพรรณขาวเนียนแม้ว่าจะทำงานตากแดดบ้างแต่ก็ไม่ได้ดำคล้ำลงแต่อย่างใด เธอรวบผมสูงแบบง่าย ๆ โชว์ลำคอระหง ท่าทางทำอาหารอย่างทะมัดทะแมงนั้นดึงดูดสายตา ดูออกว่าเธอคงทำมันมานานจนชำนาญ เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปยืนใกล้ ๆ แล้วชะโงกหน้าถามผ่านไหล่ของเธอว่า “ทำอะไรให้พี่กิน หืม” เสียงนุ่มทุ้มที่อยู่ด้านหลังทำให้เธอหันไปมองทันที และจมูกของเธอก็ปะทะกับใบหน้าของเขาที่ชะโงกลงมาพอดี “อุ๊ย!” เธอร้องเบา ๆ อย่างตกใจ แก้มแดงเรื่อขึ้นมาอย่างฉับพลัน ที่รู้ว่าเมื่อครู่นี้จมูกของเธอชนเข้าอย่างจังกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา ขณะที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังมองคนตรงหน้าด้วยดวงตากรุ้มกริ่ม รอยยิ้ม
๑๒เริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เพียงฤดีมองห้องครัวที่ตกแต่งใหม่เรียบร้อยแล้ว ดูทันสมัยสวยงาม มีอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวครบครัน ตกแต่งโทนขาวสลับกับใช้ไม้ในการทำเครื่องครัวและชั้นวางต่าง ๆ ทั้งหมดส่วนท็อปของเคาน์เตอร์ปูด้วยไม้แผ่นใหญ่โดยไม่มีรอยต่อ ให้ลวดลายไม้ที่สวยงามสีน้ำตาลทองขัดเงาวาววับ รู้สึกถึงความอบอุ่นแต่หรูหรา มันเหมือนกับที่เธอเห็นในนิตยสารบ้านและสวนที่ชอบซื้อมาอ่าน “ชอบไหม ครัวแบบนี้” เสียงทุ้มถามอยู่ข้างหลัง “ชอบสิคะ ชอบมากเลยค่ะ สวยเหมือนในหนังสือเลยนะคะ มีเครื่องดูดควันด้วย มีชั้นวางของเยอะแยะไปหมด จะหยิบจะจับอะไรก็สะดวกไปหมดเลยค่ะ” เธอเลื่อนลิ้นชักและเปิดดูชั้นวางต่าง ๆ ที่เคาน์เตอร์แล้วหันมายิ้มกว้างอย่างสดใส เขาชอบรอยยิ้มซื่อ ๆ ที่ออกมาจากใจเช่นนี้เหลือเกิน&nbs
เพียงฤดีก้าวเท้าลงจากรถหลังจากที่เขาขับมาจอดที่หน้าบ้าน วันนี้ภายในบ้านเงียบสงบ เพราะเขาไม่อยู่บ้าน เลยไม่ได้ให้ช่างเข้ามาทำงาน เพียงฤดีกำลังจะเดินไปเปิดประตูบ้าน ส่วนเขาเอื้อมมือไปที่เบาะหลังรถแล้วหยิบถุงกระดาษสองถุงออกมาด้วยหญิงสาวไขกุญแจบ้านเข้าไปตามปกติ เธอกำลังจะเข้าห้องนอนของตัวเอง ทว่าได้ยินเสียงของคีรินเรียกไว้ จึงหันกลับไปมอง เขายื่นถุงกระดาษสองถุงให้กับเธอ แล้วเอ่ยว่า“พี่ซื้อให้เรา”“ซื้อให้ฤดี อะไรหรือคะ” หญิงสาวรับมาแล้วเปิดดูเห็นชุดที่เธอยืนมองอยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้า และยังมีชุดอื่นอีกสองสามชุด“ซื้อให้ทำไมเหรอคะ ฤดีบอกแล้วไงคะว่าทำงานสวนคงไม่ได้ใส่ชุดนี้ เสียดายเงินออกค่ะพี่คีริน ชุดนึงตั้งเป็นพัน”“แล้วเราชอบหรือเปล่าล่ะ ถ้าเราชอบพี่ก็ไม่เสียดายหรอก”“ชอบค่ะ ว่าแต่ฤดีติดหนี้พี่คีรินเยอะแยะไปหมดแล้วค่ะ จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ให้ล่ะคะ ไม้สร้างบ้านหลังนั้นก็ราคาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ฤดีทำงานทั้งปียังมีไม่พอซื้อเลยค่ะ นี่แค่สองเดือนพี่คีรินก็ให้ไม้ฤดีไปทำบ้านตั้ง
“เอ่อ พอดีมีปัญหากันนิดหน่อย เขาขอห่างกับพี่สักพัก พี่ก็เลยกลับมาบ้านนี่แหละ แล้วพี่นิราเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ” เขาถามกลับไป ด้วยไม่อยากจะโทร. ไปถามหรือส่งข้อความไปอีกแล้ว เพราะหลังจากที่นิราไม่ตอบข้อความและไม่โทร. กลับเขาอีก เขาก็ตั้งใจว่าจะตัดใจไม่รับรู้เรื่องของเธอไปอีกสักพัก“ก็ไม่รู้สิ แต่ผมว่าถ้าพี่ตัดใจได้ก็ตัดใจเถอะ อย่าว่าผมขี้เสือกเลยนะพี่ แต่ผมทนไม่ได้จริง ๆ สงสารพี่ พี่นิราเขาน่าจะมีคนอื่นมาสักพักแล้วละ ไม่ใช่คนเดียวด้วย แต่ประมาณสองสามคนน่ะ ทำใจเถอะนะพี่ พี่อย่าบอกใครว่ารู้จากผมนะพี่ เพราะผมก็ยังต้องทำงานกับเขา แต่ผมอดใจไม่ไหวแล้วจริง ๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมส่งหลักฐานให้พี่ก็แล้วกัน นี่เป็นคลิปก่อนที่พี่จะไปต่างจังหวัดเป็นเดือนเลยนะ พี่จะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน แค่นี้นะพี่”คีรินวางสายลง ใบหน้าชาวาบเหมือนโดนตบอย่างแรง ในอกเสียวแปลบ เมื่อได้ยินเรื่องที่ลูกน้องคนสนิทโทร. มาบอก เขาพยายามคิดว่าที่เธอขอห่างกันเพราะโกรธ หงุดหงิด และอาจจะเครียดที่ทำให้เงินของเขาหายไปหมดบัญชีเลยอยากหาทางออกที่ไม่ต้องทะเลาะกัน ด้วยการขออยู่ห่างกันสักพักเพื่อจะได้มีเวลาคิดและทำ
๑๑อิสระแล้ว คีรินขับรถพาเพียงฤดีไปซื้อวัสดุก่อสร้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการเริ่มต้นทำบ้าน ซึ่งเขามาคนเดียวได้ แต่อยากพาออกมาเปิดหูเปิดตา เพราะอยู่แต่ในไร่ในสวนมานาน อยากพาออกมาหาของกินของใช้แบบที่เธอชอบบ้าง เขาเห็นหญิงสาวกดดูคลิปในช่องยูทูปแล้วร้องเสียงดังออกมา “กรี๊ดดด พี่คีริน จอด ๆ จอดรถก่อน” ชายหนุ่มรีบเบรกรถอย่างเร็ว “หือ มีอะไร” เขาถามขณะที่ขับรถไปแอบข้างทาง “พี่คีรินดูสิคะ พี่คีรินดูอะไรนี่เร็ว” “ไหนพี่ขอดูซิ เกิดอะไรขึ้น ร้องซะเสียงดังพี่ตกใจหมด” เขายื่นมือไปขอสมาร์ตโฟนไปดู&
คีรินจอดรถบนถนนลูกรังซึ่งอยู่ด้านหน้าที่ดินแปลงที่น้องสาวขายให้กับเพียงฤดี เขาเห็นกอไผ่ท้ายสวนสั่นไหวด้วยแรงกระแทกของอะไรบางอย่าง จนอดนิ่งมองไม่ได้ กระทั่งเห็นว่ามันโค่นล้มลงมา“เฮ้ย ใครทำอะไรน่ะ” ชายหนุ่มพึมพำแล้วลงจากรถ เดินตรงไปยังกอไผ่ เห็นไม้ไผ่หลายต้นถูกลากมากองไว้ตรงที่โล่ง ก่อนจะเห็นเพียงฤดีลากไม้ไผ่อีกต้นหนึ่งออกมาจากกอไผ่“ทำอะไรน่ะ”“โอ๊ย” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามทำให้หญิงสาวที่กำลังกระชากไม้ไผ่ถูลู่ถูกังออกมาถึงกับตกใจลื่นลงกระแทกกับพื้น จนชายหนุ่มต้องเข้ามาพยุง“เราเป็นอะไร ตัดไม้ไผ่ทำไมเยอะแยะ”“ก็ฤดีจะทำบ้านไงคะ” ตอบพลางก้มลงลากไม้ไผ่“ทำบ้าน! กับไม้ไผ่เนี่ยนะ”“ค่ะ ก็ฤดีเงินไม่พอที่จะทำบ้านไม้บ้านปูนนี่คะ เอาบ้านไม้ไผ่ไปก่อนก็ได้ค่ะ มีเงินแล้วค่อยสร้างบ้านดี ๆ ถ้าไม่เริ่มสร้างก็ไม่มีบ้านสักที”“โธ่เอ๋ย พี่ก็บอกแล้วไงว่าพี่จะช่วยสร้างให้ก็ไม่ยอมเชื่อ”“ฤดีเชื่อค่ะว่าพี่คีรินช่วยสร้างให้ได้ แต่จะช่วยยังไงคะ ฤดีมีเงินไม่พอจะไปซื้อวัสดุก่อสร้างหรอกค่ะ ฤดีเห็นตอนพี่คีรินไปซื้อมันแพงมากเลย ของนิดเดี
เพียงฤดีคุยกับน้องชายเสร็จก็เดินไปยังที่ดินสองไร่กว่า ๆ ของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมันดี คำนวณรายรับรายจ่ายแล้วก็ยังไม่สามารถจะเริ่มต้นซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างใด ๆ มาเริ่มทำบ้านในสวนของตัวเองได้เลยส่วนเดือนนี้ยอดขายนิยายก็ลดลงกว่าเดือนก่อน เพราะหากไม่มีเล่มใหม่วางขาย ยอดขายเล่มเก่าก็จะลดลงเรื่อย ๆหากช่วงปิดเทอมน้องชายทนอยู่บ้านเดียวกับแฟนพี่ชายไม่ไหว และต้องการมาหาเธอที่นี่ เธอจะเอาบ้านที่ไหนให้เขาพัก แถมบอกน้องชายไปแล้วด้วยว่าช่วงปิดเทอมจะสร้างบ้านเสร็จ เธอจะให้น้องอยู่บ้านเพื่อนตลอดช่วงปิดเทอมก็เกรงใจผู้ปกครองของเพื่อนที่ต้องไปรบกวนเขาหรือถ้าหากว่าคนรักของคีรินมาหาเขา เธอจะไปพักที่ไหนกัน ขืนเธออยู่ที่บ้านเขาต่อไป คนรักของเขาต้องไม่สบายใจแน่ ๆ เพราะทั้งชลธร และบิดามารดาของเขา ก็ถามย้ำเรื่องการแต่งงานระหว่างเขากับคนรักอยู่บ่อยครั้ง เธอจะอยู่บ้านเขาต่อไปก็น่าเกลียด อาจจะเป็นที่ครหาของคนอื่นก็ได้ เพราะคีรินไม่ใช่ผู้ชายโสด และเธอก็เป็นผู้หญิง ไม่ได้เป็นญาติกับเขาด้วยซ้ำหญิงสาวหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมา แล้วเปิดแอปพลิเคชันสำหรับจดบันทึก เธอเ
เพียงฤดียืนมองครัวนอกบ้านแสนน่ารักที่เพิ่งทำเสร็จ แล้วยิ้มอย่างมีความสุข เธอแอบดูแล้วว่าคีรินสร้างมันอย่างไร ถึงได้ออกมาสวยงามน่ารัก น่าใช้งาน มันไม่ยากเท่าไร เขาแค่ทำพื้นที่ให้เรียบ แล้วใช้อิฐแดงก่อขึ้นเป็นเคาน์เตอร์ เอาแผ่นโฟมมาทำแบบเพื่อหล่อเป็นช่องสำหรับทำเป็นเตาอบได้ด้วยแถมยังทำช่องเป็นเตาถ่านสำหรับปิ้งย่าง มีพื้นที่วางเตาไฟฟ้าได้ มีอ่างล้างจาน เขาฉาบเรียบแล้วปูแผ่นกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำ มีหลังคากันฝน ถ้าเธอมีแบบนี้ที่บ้านหลังน้อยบ้าง นภดลน้องชายของเธอต้องชอบมากแน่ ๆ เพราะขานั้นชอบกินของปิ้งย่าง คิดแล้วเธอก็อยากให้น้องชายมาอยู่ด้วยเร็ว ๆ เสียแล้วสิ เสียแต่ว่าตอนนี้ยังเรียนมหาวิทยาลัยเทอมสุดท้ายอยู่ แต่เชื่อว่าถ้าเรียนจบ นภดลน่าจะอยากมาอยู่กับเธอมากกว่าอยู่กับพี่ชายแค่คิดถึงน้องชายเสียงสมาร์ตโฟนก็ดังขึ้นและเป็นน้องชายของเธอที่โทร. เข้ามาพอดี วันนี้เธอลืมปิดสมาร์ตโฟน นภดลถึงได้ติดต่อมาได้“พี่ฤดีเหรอ โอ๊ย ได้ยินเสียงสักที ติดต่อพี่ยากจัง” นภดลโอดครวญมา“ทำไมแม็กซ์ ตังค์ที่โอนให้หมดอีกแล้วหรือไง”“แหม นั่นก็ด้วยแหละ แต่คิดถึงไม