แชร์

บทที่ 1 ทางที่ต้องเลือก 50%

“ไม่ ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ถ้าฉันยังอยู่พวกเขาก็ต้องตามเจอ ฉันอายุตั้งยี่สิบหกแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย แกยังซื้อคอนโดฯ ซื้อรถได้แล้ว แต่ฉันยังไม่มีอะไรสักอย่าง ฉันอยากไปอยู่ต่างจังหวัด อยากไปที่ไกล ๆ ที่ใครก็ตามหาฉันไม่เจอ”

       “อ้าว แล้วแกจะทำอะไรกิน จะไปหางานทำต่างจังหวัดเนี่ยนะ”

       “เปล่า ฉันมีงานของฉันอยู่แล้วแกไม่ต้องห่วงหรอก ขอแค่มีไฟฟ้า มีอินเทอร์เน็ตฉันก็ทำงานได้”

       “เอาจริงดิ แล้วแกทำงานอะไร งานที่บริษัทแกเขาให้ทำออนไลน์ได้เหรอ” นภาธรเอ่ยถึงตำแหน่งงานพนักงานบัญชีของเพื่อน ซึ่งบริษัทอยู่ไม่ไกลกับคอนโดฯ ของเธอมากนัก

       “เปล่า ฉันจะลาออก”

       “ลาออก!!” นภาธรทำตาโตเป็นไข่ห่าน ไม่คิดว่าเพื่อนจะตัดสินใจเช่นนี้

       “ใช่ ถ้าฉันไม่ลาออก ฉันก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ ฉันคิดเรื่องนี้มานานแล้วละ เพียงแต่ยังห่วงแม่ห่วงน้องและหาที่ที่จะไปไม่ได้เท่านั้นเอง” เพียงฤดีตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ก็ปนความแน่วแน่ในความคิดนั้น

       “แกมั่นใจเหรอ แกพูดเพราะกำลังตกใจหรือเปล่า บอกฉันได้ไหมแกคิดอะไรอยู่”

“ฉันจะเล่าให้แกฟังก็แล้วกัน ว่าฉันต้องการอะไร แกจะหัวเราะฉันเหมือนคนอื่น ๆ ฉันก็ไม่ว่าหรอก แต่ฉันอยากทำแบบนี้จริง ๆ”

“เอาเลย เล่ามา แกไม่ต้องห่วงหรอกว่าฉันจะหัวเราะ แกต้องการอะไรบอกฉัน ถ้าฉันช่วยได้ฉันก็จะช่วย” นภาธรจ้องมองเพื่อนรักอย่างตั้งใจ เพียงฤดีเล่าเสียงสั่นเครือ

“ฉันฝันอยากได้ที่ดินสักแปลงเป็นของตัวเอง อยากมีความมั่นคงในชีวิต มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาไล่ เกิดมาฉันก็ไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง เช่าเขาอยู่มาตั้งแต่เกิด แกรู้มั้ยนภา ฉันใช้ชีวิตในแต่ละวันโดยไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าวันไหนที่จะต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นอีก ตั้งแต่เด็กแม่พาฉันย้ายบ้านมาตลอด บางทีไม่มีค่าเช่าก็ต้องย้ายหนี กว่าฉันจะเรียนจบ กว่าฉันจะได้ทำงาน ฉันย้ายบ้านมาจนนับไม่ถูกแล้วว่ากี่ครั้ง

ฉันอยากตั้งหลักปักฐาน อยากไปซื้อที่ดินราคาถูก ๆ อยู่ต่างจังหวัด แต่คุยกับแม่เรื่องนี้ทีไรก็ทะเลาะกันทุกที พวกเขาว่าฉันคิดอะไรโง่ ๆ คนอย่างฉันไปอยู่แบบนั้นไม่ได้หรอก พวกเขาไม่กล้าออกจากกรุงเทพฯ เขาคิดว่าที่นี่เป็นที่ที่ดีที่สุดแล้ว ส่วนฉันหาเงินได้มาก็ให้แม่ ให้พี่ ให้น้องหมด อยากดาวน์บ้านสักหลังก็ไม่สามารถเก็บเงินดาวน์บ้านเป็นของตัวเองได้สักที เพราะมีเท่าไรแม่ก็เอาไปหมด ขืนฉันอยู่ที่นี่ต่อไป ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ฉันต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ตั้งตัวได้แล้วค่อยมารับแม่กับน้องไปอยู่ด้วย” เพียงฤดีเล่า

นภาธรนั่งมองเพื่อนนิ่ง ไม่คิดว่าเพื่อนจะคิดไกลไปได้เช่นนี้ เพียงฤดีหยุดพูดไปครู่หนึ่ง แต่นภาธรยังพูดอะไรไม่ออก เพียงฤดีเงยหน้ามองเพื่อนถามอย่างตรงไปตรงมาว่า

“บ้านแกอยู่ต่างจังหวัด พอจะหาที่ดินผืนเล็ก ๆ ที่ราคาสักสองสามแสนให้ฉันสักแปลงได้ไหม”

“แกจะซื้อที่ดินเนี่ยนะ” ผู้เป็นเพื่อนถามเสียงสูง เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ

“ใช่ ตอนแรกฉันก็ว่าจะเก็บเงินไว้ดาวน์บ้านในกรุงเทพฯ นั่นแหละ แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ฉันไม่อยากอยู่ร่วมกับพวกเขาแล้ว แม่ก็ตามใจพี่ท็อปจนเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ทั้ง ๆ ที่เป็นพี่คนโต เงินของฉันแท้ ๆ หามาอย่างยากลำบากแม่ก็เอาไปให้เขาหมด ทำเหมือนฉันไม่ใช่ลูก อยู่ไปก็มีแต่จะทำให้ชีวิตฉันอับจนลงทุกวัน ฉันขอไปตั้งหลักที่อื่นก่อนแล้วกัน ไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

หญิงสาวร่างบอบบางร่ายแผนการของตัวเองยาวเหยียด ราวกับคิดเรื่องนี้มานานมากแล้ว จนกระทั่งเหตุการณ์วันนี้ทำให้ความฝันเหล่านั้นปะทุขึ้นมาเป็นคำพูดให้เพื่อนได้รับรู้

       “แกจะเอางั้นเลยเหรอ แล้วแกเอาตังค์มาจากไหนตั้งสองสามแสน” เพราะเท่าที่เพื่อนเล่าให้ฟัง เงินเดือนที่ได้รับก็แทบจะใช้ไม่ชนเดือนด้วยซ้ำ จะเอาเงินที่ไหนมากมายถึงขั้นจะเอาไปซื้อที่ดิน

       “ฉันเอาเวลาว่างเขียนนิยายออนไลน์น่ะ ทั้งขายอีบุ๊กและหยอดเหรียญในเว็บ เลยเก็บเงินไว้ในอีกบัญชีนึง ทำมาราวสองปีแล้ว แล้วก็ทำคอนเทนต์ปลูกผักข้างบ้านลงช่องยูทูปด้วย แต่แม่ไม่รู้หรอกว่ามีเงินก้อนนี้อยู่เพราะฉันแอบทำไม่ได้บอกใคร แต่เดือนไหนเงินไม่พอใช้ก็เอาส่วนนี้ออกมาบ้าง

วันนี้แม่บอกว่ารู้ว่าฉันมีรายได้อื่นอีก คงเห็นว่าฉันเอาเงินออกมาใช้ได้เกินเงินเดือนที่ได้รับล่ะมั้ง ฉันจึงคิดว่าฉันต้องไปจากที่นี่ ก่อนที่แม่จะรู้ว่าฉันมีเงิน แล้วเอาเงินที่ฉันเก็บไว้ไปใช้อย่างอื่นที่ไม่ได้ประโยชน์จนหมด

วันก่อนก็บ่นว่าอยากได้เงินก้อนไปตัดค่างวดรถให้พี่ท็อป ขืนรู้ว่าฉันมีเงินก้อนนี้ แม่ต้องเอาไปให้พี่ท็อปอีกแน่ ๆ และฉันก็ไม่เคยปฏิเสธแม่ได้เลยสักครั้ง” เพียงฤดีเล่าด้วยสีหน้าเศร้าหมอง นภาธรพยักหน้าเข้าใจก่อนจะถอนใจแล้วว่า

“ฉันเข้าใจ แต่ที่ดินไม่ใช่ขนมหรือของกิน ที่แกจะหาซื้อได้ปุบปับ ต่อให้เรามีเงินก็ใช่ว่ามีใครจะเอาที่ดินของเขามาขายให้เราได้ง่าย ๆ คนต่างจังหวัดถ้าเขาไม่ร้อนเงินจริง ๆ เขาไม่ขายที่ดินมรดกกันหรอก” เพียงฤดีนิ่งเงียบไปทันทีที่ได้ยินเพื่อนพูดเช่นนี้

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status