“สวยแหละ เป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้เลย แต่ตอนนี้เป็นบ้านที่เก่าและทรุดโทรมที่สุดในละแวกนี้เช่นกัน” นภาธรกล่าวอย่างขำขัน ทว่าคนเป็นเพื่อนไม่ได้เห็นเป็นเรื่องน่าขำเลยแม้แต่น้อย คนไม่เคยมีบ้านเช่นเธอ เห็นมันมีค่าอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
นภาธรเดินไปยกกระถางต้นไม้ที่มีหญ้าคลุมทับจนแทบไม่เห็นกระถางขึ้นมา แล้วหยิบกุญแจออกมาจากใต้กระถาง ก่อนจะนำไปไขประตู เมื่อเปิดประตูหนูก็วิ่งพรวดออกมา นภาธรวิ่งกระเจิงออกไปทันที เพียงฤดีก็เช่นกัน
“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่าอยู่ไม่ได้ บ้านปิดทิ้งไว้เกือบสิบปี แกคิดดูสิ จะอยู่ยังไง” นภาธรว่า ใบหน้าซีดเผือดเนื่องจากกลัวหนูยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“เดี๋ยวฉันขอเข้าไปดูก่อน” เพียงฤดีว่าแล้วก็ค่อย ๆ เปิดประตูให้กว้างขึ้นกว่าเดิม แล้วเดินเข้าไปในบ้าน เธอยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทางพึมพำไปตามประสา ภายในเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ บนพื้นมีปลวกขนดินขึ้นมาสร้างรังกองใหญ่อยู่หลายกอง เธอเปิดหน้าต่าง แค่ผลักออกไปเบา ๆ มันก็หลุดออกไปทั้งแผ่น หญิงสาวตกใจรีบหดมือ แล้วไปเปิดประตูห้องฝั่งขวามือที่อยู่ใกล้ทางเข้าบ้าน เป็นห้องขนาดกะทัดรัด ภายในไม่มีเครื่องเรือนใด ๆ เป็นเพียงห้องโล่ง มีหยากไย่จำนวนมาก รอยผนังที่มีคราบน้ำไหลซึม บนพื้นเป็นทางเดินปลวกอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันอยู่ห้องนี้ได้ เดี๋ยวปัดกวาดทำความสะอาดก็อยู่ได้แล้ว” เพียงฤดีหันไปหาเพื่อนที่ยังยืนหน้าซีดด้วยความตกใจเจ้าหนูตัวร้ายเมื่อสักครู่นี้
“แกเอาจริงเหรอ” นภาธรทำหน้าไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนจะกล้าพักในสถานที่เช่นนี้
“อือ แกให้เช่าเดือนละเท่าไหร่ล่ะ หรือแกช่วยโทร.ถามพี่ชายแกหน่อยว่าจะให้เช่าเท่าไหร่”
“ไม่ต้องชงต้องเช่าหรอก ถ้าแกอยู่ได้ก็อยู่ไปเถอะ พี่คีรินคงไม่กลับมาตอนนี้หรอก ฉันไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะกลับมาภายในสองสามเดือนนี้เลย อยู่ไปตามสบาย เดี๋ยวฉันค่อยบอกให้ ถ้าแกจะอยู่ที่นี่ เดี๋ยวเราไปจองห้องพักที่รีสอร์ตกันก่อน ฉันอยากหลับสักงีบแล้วพาแกไปซื้อของกินของใช้ตอนบ่าย ๆ ก็แล้วกัน ฉันมีเวลาอยู่กับแกแค่สองสามวันเท่านั้น วันจันทร์ฉันก็ต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ต้องรีบจัดการทุกอย่างให้เสร็จ แกจะได้ไม่ลำบาก”
ทั้งสองปิดประตูบ้านแล้วเดินไปขึ้นรถ นภาธรขับรถไปยังรีสอร์ตที่อยู่ไม่ไกลนัก เนื่องจากบริเวณนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดให้บริการล่องแพ มีรีสอร์ตและโฮมสเตย์เปิดให้นักท่องเที่ยวได้พักอยู่หลายแห่ง
สองสาวจองห้องพักที่รีสอร์ตซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะเข้าไปพักผ่อนแล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเที่ยง อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปรับประทานอาหารกลางวัน นภาธรพาเพียงฤดีไปซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับทำความสะอาดบ้านพัก แม้เธอจะไม่อยากให้เพื่อนอยู่ตามลำพัง ในบ้านที่ไม่มีความปลอดภัย แต่ก็สุดจะห้ามได้เมื่อเพื่อนต้องการจะพักที่นั่น
ระหว่างทางเธอก็ชี้ให้เพื่อนดูเส้นทางที่จะออกไปซื้อข้าวของ พาไปตลาด ร้านของชำ และพาไปโรงพยาบาลประจำอำเภอ เผื่อเพื่อนเจ็บไข้ได้ป่วยจะได้ไปหาหมอได้
“ฉันยังไม่ได้เข้าไปอยู่ที่บ้านเลย แกจะแช่งให้ฉันป่วยแล้วเหรอยายนภา” เพียงฤดีอดขำเพื่อนไม่ได้ ที่เป็นห่วงเธอจนวางแผนทุกอย่างไว้ให้หมด
“ก็ฉันกลัวนี่ แกอยู่คนเดียวเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง อ้อ เดี๋ยวฉันพาแกไปรู้จักเพื่อนบ้านก็แล้วกัน น้าเล็กกับน้านิดอยู่สวนติดกัน มีอะไรก็ไปขอความช่วยเหลือได้ แกใจดี เปิดบริการล่องแพอยู่ที่นี่”
นภาธรว่าแล้วก็เลี้ยวรถเข้าไปยังซอยเล็ก ๆ ที่ติดป้ายว่า ‘มาลินบริการล่องแพ’ เพียงครู่เดียวก็มาจอดที่บ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ และมีบ้านหลังเล็ก ๆ อีกสองสามหลังตั้งเรียงรายอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งพอจะดูออกว่าเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว
เพียงฤดีเดินตามนภาธรเข้าไปที่บ้านสองชั้น มีหญิงวัยกลางคนร่างผอมกับชายวัยกลางคนร่างกำยำที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้โยกพร้อมด้วยสุนัขตัวใหญ่ที่นอนแอบอยู่ข้างเก้าอี้ มันปรือตามามองแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่านภาธรทักทายเจ้าของบ้านอย่างสนิทสนมก็ซบหน้านิ่งอยู่ข้างเก้าอี้อย่างเดิม
“น้าเล็ก น้านิด สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ ทั้งสองลุกขึ้นมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็คลี่ยิ้มกว้างแล้วลุกขึ้นมาต้อนรับ พร้อมกับถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันตามประสา ก่อนที่นภาธรจะเล่าให้ฟังว่าขายที่ดินแปลงเล็กให้เพื่อน และเพื่อนจะมาอยู่ที่นี่ตามลำพัง จึงอยากพามาทำความรู้จัก เผื่อมีอะไรจะได้ขอความช่วยเหลือได้
“ได้เลยน้องนภา ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวน้าเล็กกับน้านิดคอยดูให้ ขาดเหลืออะไรก็แวะมาหาน้าได้ตลอดนะจ๊ะ น้องฤดี”
เพียงฤดีคลี่ยิ้มได้กว้างขึ้น อย่างน้อยเธอก็อุ่นใจขึ้นมาก ที่ได้รู้จักกับคนพื้นที่ ไม่ได้รู้สึกเคว้งคว้างเหมือนตอนมาถึงครั้งแรก ที่ยังไม่รู้ว่าหากเพื่อนกลับไปแล้ว เธอจะอยู่อย่างไรตามลำพัง แม้ปากจะบอกว่าเธออยู่ได้ แต่แน่นอนว่าเธอก็ย่อมมีความกลัวปนอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
“ขอบคุณค่ะ น้าเล็ก น้านิด” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณ
“ถ้าหนูจะมาหาน้าก็เดินเลียบลำธารนั่นมาก็ได้นะ ลำธารนั้นก็มาจากไร่ของหนูนั่นละ ถ้าเดินมาทางถนนใหญ่มันไกล แต่ตอนนี้ทางเดินมันเริ่มรกบ้างเพราะไม่มีคนเดิน ไว้น้าจะไปถางทางไว้ให้” น้านิดชายวัยกลางคนว่า
“ค่ะน้านิด ขอบคุณมากเลยค่ะ แล้วฤดีจะลองเดินมาค่ะ” เพียงฤดียกมือไหว้แล้วไหว้อีกอย่างซึ้งน้ำใจ
เมื่อฝากเพื่อนไว้กับเพื่อนบ้านเรียบร้อยแล้วนภาธรก็พาเพื่อนเข้าไปที่บ้าน เมื่อเข้าไปถึง เพียงฤดีก็รีบเข้าไปปัดกวาดพื้นตรงส่วนของห้องนอนที่เธอตั้งใจว่าจะนอนที่ห้องนั้น ก่อนจะหยิบจอบ เสียม พลั่วและอุปกรณ์สำหรับทำการเกษตรสี่ห้าชิ้นลงมาจากรถ เอาพลั่วไปแซะรังปลวกกองโตสี่ห้ากองออกไปจากห้องโถงของบ้าน ปัดกวาดเรียบร้อยก็เอาไม้ถูพื้นมาถู โดยมีนภาธรคอยช่วย “ทำแค่นี้ก่อนเถอะ ไว้เข้ามาอยู่แล้วค่อยไปทำความสะอาดห้องอื่น ๆ แค่นี้ก็น่าจะอยู่ได้แล้ว” เพียงฤดีว่า เพราะเห็นว่าเพื่อนรักคงจะเหนื่อยไม่น้อยแล้ว “อือ พรุ่งนี้ฉันค่อยพาแกไปซื้อที่นอนหมอนมุ้งก็แล้วกัน เรากลับรีสอร์ตกันเถอะ ฉันอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว อ้อ ฉันลืมไป ห้องน้ำอยู่ด้านหลังติดกับครัวน่ะ เมื่อกี้ฉันเข้าไปเปิดดูแล้ว สภาพเละเทะ แต่น้ำยังไหล ไฟยังสว่าง โถนั่งยอง ๆ แบบสมัยก่อนนะ แกก็ทนใช้ไปก่อนก็แล้วกัน” ผู้เป็นเพื่อนว่า “ไม่เป็นไรหรอก ไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยมาทำความสะอาดห้องน้ำกับห้องครัว มีพื้นที่ให้ใช้งานได้ก่อนแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ฉันถือว่าโชคดีแล้วละที่ไม่ต้องไปเช่าบ้านอยู่ไกล ๆ” ว่าพลางเดินออกจากบ้านเพราะใกล้มืดเต็มที “แล
๓ห่างกันสักพัก คีรินขับรถผ่านเส้นทางคดโค้งอย่างระมัดระวัง เส้นทางที่นำเขากลับมาสู่บ้านที่จากมาหลายปี เขาออกจากที่นี่เพื่อไปแสวงหาความก้าวหน้าในเมืองใหญ่ ดวงตาของเขาแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในชีวิตที่ผันแปรอย่างกะทันหัน ‘นิรา คุณเอาเงินของเราไปไว้ที่ไหนหมด’ เขาจำได้ว่ามือและเท้าของเขาชาวูบไปหมด หลังจากเอาสมุดบัญชีไปอัปเดตยอดเงิน แล้วเห็นยอดเงินที่เหลือเพียงไม่กี่ร้อยบาทติดไว้ในบัญชี ‘นิก็เอาไปลงทุนไงคะคี’ ‘ลงทุน ลงทุนอะไร นี่มันเงินที่ผมเตรียมไว้จัดงานแต่งงานของเรา คุณเอาไปได้ยังไงโดยที่ไม่บอกผมเลยสักคำ’ ‘ก็เทรดคริปโตไงคะ คุณก็เทรดไม่ใช่หรือคะ’ ‘เทรดคริปโต ใช่ผมก็เทรดแต่ไม่ได้เอาเงินก
‘แจ้งความ! คุณบ้าหรือเปล่าคะ ให้ฉันไปแจ้งความคุณกอล์ฟเหรอ เขาก็เสียหายเยอะเหมือนกัน แถมฉันยังดีลงานถ่ายโฆษณาชิ้นใหม่กับเขาอยู่ ถ้าฉันแจ้งความ งานฉันก็หายจ้อยไปด้วยสิคะ ถ้าได้งานนี้ฉันก็จะได้งานต่อจากเขาอีกยาว ๆ ยอม ๆ ไปเถอะ เงินแค่ห้าล้านเดี๋ยวก็หาใหม่ได้ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่ค้างไว้ฉันจัดการได้ คุณไม่ต้องห่วงหรอก ฉันพอจะมีเงินในบัญชีบริษัทเหลืออยู่บ้าง’‘โอเค งั้นเราเริ่มต้นใหม่ก็แล้วกันนะ พ่อบอกว่าให้เรากลับไปจัดงานแต่งงานกันได้แล้ว ตอนนี้เงินหมดแล้ว เราก็จัดแบบเล็ก ๆ ไปก่อนดีไหม ผมรู้ว่าตอนนี้เงินในบริษัทก็เหลือไม่มาก เรากลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนไหม ผมจะรับงานฟรีแลนซ์สร้างเนื้อสร้างตัวกันใหม่’‘จัดแบบเล็ก ๆ งั้นเหรอ ไม่ค่ะ ถ้าไม่ได้สินสอดห้าล้าน และจัดงานแต่งงานในโรงแรมใหญ่ ๆ นิก็ไม่แต่งหรอกนะคะ อายเพื่อนเปล่า ๆ แล้วเรื่องกลับไปอยู่ที่บ้านคุณน่ะ นิไม่ไปหรอกนะคะ มีแต่ป่าจะทำอะไรได้ กลับไปให้ดูเหมือนชีวิตตกอับ นิจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน บอกตรง ๆ นิอายเพื่อนที่ต้องไปใช้ชีวิตตกต่ำแบบนั้น’‘อายเพื่อน! คำก็อายเพื่อน สองคำก็อา
ชายหนุ่มขับรถมาเรื่อย ๆ ยิ่งดึกถนนหนทางก็ยิ่งคดเคี้ยว หมอกหนาทึบทำให้เขาขับรถยากยิ่งขึ้น เขาพกหัวใจที่ปวดหนึบกลับมาที่นี่ ตั้งใจว่าจะมาตั้งต้นใหม่อีกครั้งบนที่ดินของตัวเองคีรินหันไปยังทางแยกที่จะเลี้ยวไปบ้านของบิดาซึ่งอาศัยอยู่กับพี่ชาย ทว่าตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง เขาไม่อยากกลับไปหาครอบครัวในเวลาที่สภาพจิตใจย่ำแย่แบบนี้ คืนนี้จะกลับเข้าไปดูบ้านบนที่ดินของตัวเองถ้าสามารถทำความสะอาดเพื่อพักอาศัยได้ก็จะทำตั้งแต่คืนนี้เลย เพราะอย่างไรก็ตามความเครียดที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ ก็ทำให้เขานอนไม่หลับอยู่ดี หากจะทำงานให้เหนื่อยจนหมดแรง แล้วไปนอนหลับตอนเช้า ก็คงจะดีกว่ากลับไปหาบิดามารดาด้วยความรู้สึกแย่ ๆ แบบนี้พอผ่านทางแยกมาเพียงไม่นานหยดน้ำหล่นลงมากระทบกับกระจกด้านหน้ารถดังเปาะแปะ เขาขับต่อไปอย่างระมัดระวัง เพราะเส้นทางที่คดเคี้ยวหากไม่ชำนาญทางอาจเกิดอันตรายได้ แม้จะจำทางได้ดี แต่ด้วยไม่ได้กลับมานานเขาจึงไม่รู้ว่าด้านหน้ามีอันตรายหรือไม่ เพราะบางช่วงของเส้นทางยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอยู่บ้างฝนเริ่มตกหนาตาขึ้น เขาลดความเร็วรถลงมากกว่าเดิม หันมองรอบข้างแทบไม่มีรถขับตา
“น้องภา ได้เอาใครมาอยู่ที่บ้านพี่หรือเปล่า” เขาถามกลับไปเสียงเข้มเมื่ออีกฝ่ายรับสาย“พี่คีรินรู้ได้ยังไงคะ” เสียงอีกฝ่ายดังแทรกออกมาเพราะเขาเปิดเสียงสมาร์ตโฟนให้เธอได้ยินด้วย“ก็พี่อยู่ที่บ้านนี่ไง ทำไมทำอะไรถึงไม่บอกพี่ก่อน”“โธ่ น้องภาก็จะบอกนั่นแหละค่ะ แต่ไม่คิดว่าพี่คีรินจะกลับบ้านวันนี้นี่คะ นี่น้องภายังขับรถไม่ถึงคอนโดฯ เลยค่ะ เพิ่งจะมาถึงบางแค แล้วพี่คีรินนึกอะไรถึงได้กลับบ้านคะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นอยากจะกลับ เห็นพ่อบอกว่าโทร. ให้กลับบ้านหลายครั้งแล้วก็บอกว่าติดงาน ๆ ตลอด น้องภาก็เลยชะล่าใจ นึกว่ายังไม่กลับนี่คะ ก็เลยให้ยายฤดีพักที่บ้านนั้นก่อน”“แล้วนึกยังไงให้เพื่อนเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว มาอยู่ในบ้านร้างตามลำพังแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย”“ก็ยายฤดีเขาอยากอยู่ที่นั่นนี่คะ เขาไปซื้อที่ดินของน้องภา ที่ดินแปลงเล็กน่ะ น้องภาขายให้ยายฤดีไปแล้วนะพี่คีริน อย่าเพิ่งบอกพ่อล่ะ เดี๋ยวนภาจะหาโอกาสบอกพ่อเอง แล้วยายฤดีก็ไม่มีที่พัก ระหว่างรอเงินเดือนออกก็เลยขอเช่าพักที่บ้านพี่คีรินก่อน
๔เช้าวันใหม่ เสียงดังกุกกักอยู่ในครัว ทำให้คีรินรู้สึกตัวตื่น เมื่อคืนนี้เขารู้สึกนอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คิดว่าอาจจะเป็นเพราะอดนอนด้วยเศร้าเสียใจมาหลายวัน รวมทั้งการขับรถทางไกลที่ทำให้ร่างกายเหนื่อยอ่อน เมื่อกลับมาถึงบ้าน ได้นอนหลับในห้องที่เคยนอนมาตั้งแต่เด็กจึงรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย และหลับลึกได้อย่างง่ายดาย ชายหนุ่มหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาดู เป็นเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้าแล้ว เสียงที่ดังอยู่ข้างนอก ก็คงเป็นเพื่อนน้องสาวของเขา ที่กำลังทำกับข้าวอยู่ ตอนนี้เธอชื่ออะไรเขาก็จำไม่ค่อยได้แล้วสิ จำได้แค่ว่าเป็นหญิงสาวร่างเล็กบอบบาง หน้าตาเหมือนเด็กมัธยม มากกว่าจะเป็นหญิงสาวรุ่นเดียวกับนภาธรน้องสาวของเขา เพราะขานั้นชอบแฟชั่นและแต่งหน้าจัด แต่เธอคนนี้ดูเรียบง่ายธรรมดา ทว่ากล้าหาญชาญชัยถึงขั้นมาอยู่ตามลำพังในบ้านร้างได้ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งแล้วเรียบเรียงว่า วันนี้เขาจะต้องทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะการซ่อมแซมบ้านอย่างเร่งด่วน ซึ่งต้องใช้เงิน
บนผนังห้องมีรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 กับพระราชินีที่แขวนไว้บนผนัง ส่วนด้านล่างเป็นภาพชายหญิงวัยกลางคนแขวนคู่กันไว้บนผนัง ซึ่งด้านล่างรูปมีหิ้งซึ่งวางแจกันดอกไม้ที่แห้งเหี่ยว ซึ่งเธอเชื่อว่านี่คงเป็นรูปของเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นคุณตากับคุณยายที่เพื่อนของเธอเล่าให้ฟัง เพียงฤดีเดินไปยกมือไหว้แล้วหยิบแจกันลงมา หันไปบอกเขาว่า“ฤดีเอาแจกันไปเปลี่ยนดอกไม้ให้คุณตาคุณยายนะคะ แล้วเดี๋ยวจะมาช่วยทำความสะอาดพื้นให้ค่ะ แต่ตอนนี้พี่คีรินลงไปทานข้าวก่อนไหมคะ ฤดีทำกับข้าวเสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวว่า“อืม ก็ดี แต่เดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อนแล้วกัน” เขาว่าแล้วก็ก้าวลงบันได ก่อนจะเดินออกไปที่รถแล้วหิ้วกระเป๋าเดินทางเข้าไปไว้ในห้องนอนเพียงฤดีถือแจกันดอกไม้ตามลงไปด้านล่าง เธอวางแจกันดอกไม้แล้วล้างจานต่อจนเสร็จ ก่อนจะล้างแจกันวางไว้ แล้วเดินออกไปนอกบ้านหญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดอย่างลึกที่สุด เมื่อเห็นบรรยากาศภายนอกที่มีหมอกลอยอ้อยอิ่งอยู่บนเนินเขาใกล้ ๆ ที่นี่เต็มไปด้วยพื้นที่ที่เป็นเนินเขา ภูเขา และหุบเขา ภูมิประเทศไม่ได้เป็นที่ราบอย่างที่เธอเคยอ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เพียงฤดีก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นเสื้อยืดแขนยาวเข้ารูปสีขาวกับกางเกงยีนส์ เพื่อให้เหมาะสมกับการออกไปนอกบ้าน หญิงสาวแต่งหน้าบาง ๆ ไม่ให้ดูซีดเซียวจนเกินไป รวบผมยาวสีน้ำตาลเข้มเป็นหางม้าอย่างง่าย ๆ ก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถที่เขาจอดรออยู่เมื่อขึ้นไปบนรถก็เห็นคีรินถือสมุดบัญชีเล่มหนึ่งแล้วยื่นให้กับเธอ เอ่ยว่า“พี่โอนเงินค่ากับข้าวเข้าบัญชีนี้ให้แล้ว เอทีเอ็มกับรหัสก็อยู่ในสมุดนั่นแหละ” หญิงสาวรับมาแล้วเปิดดู เห็นบัตรเอทีเอ็มอยู่หน้าแรกของสมุดบัญชีพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่จดเลขรหัสหกตัวไว้“เอ่อ ฤดีเอาแค่เอทีเอ็มไปก็ได้ค่ะ” หญิงสาวว่า“ไม่เป็นไร สมุดเล่มนี้พี่ไม่ได้ใช้แล้ว เราก็เก็บไว้แล้วกัน” เขาว่าแล้วก็ขับรถออกไป ตอนแรกตั้งใจว่าจะทิ้งสมุดเล่มนี้ เพราะเห็นแล้วก็เจ็บปวดกับสิ่งที่สูญเสียไป เขามอบให้นิราเก็บรักษาเงินในบัญชีนี้ไว้ด้วยความรักทว่าเธอกลับไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เขามอบให้ แถมยังทิ้งเขาไปยามที่เขาแทบไม่เหลืออะไรอีก เก็บไว้ก็รังแต่จะทำให้เจ็บช้ำใจเปล่า ๆ แต่เ
๑๔เจ้าของบ้าน คีรินขับรถออกจากที่ว่าการอำเภอ เขาหันมองเพียงฤดีที่ตอนนี้นั่งจ้องทะเบียนบ้านของตัวเองมาครู่ใหญ่แล้ว เปิดหน้าโน้นหน้านี้อ่านแล้วก็ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะหลังจากที่สร้างบ้านเสร็จ เขาก็เอาแบบฟอร์มขออนุญาตสร้างบ้านที่เทศบาลตำบลออกให้ ไปให้ผู้ใหญ่บ้านออกเอกสารเซ็นรับรองให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบมาที่ว่าการอำเภอต่อเพราะพอผู้ใหญ่บ้านบอกว่า ถ้าบ้านเสร็จแล้วก็ถ่ายรูปภายนอกภายในบ้านและห้องน้ำพริ๊นต์ใส่กระดาษ แล้วไปออกเล่มทะเบียนบ้านที่อำเภอได้เลยไม่ต้องรอถึงสิบห้าวันก็ได้ เจ้าของบ้านสาวเห่อมาก รีบกลับมาถ่ายรูปแล้วจะปั่นจักรยานไปอำเภอเอง เขาจึงต้องขับรถมาส่ง“เป็นอะไรหรือเรา ดูแล้วดูอีก ดูไม่เสร็จสักที” เขาหันไปถาม“ฤดีดูให้แน่ใจว่าเป็นชื่อฤดีจริง ๆ หรือเปล่า” หญิงสาวตอบ ตาก็มองชื่อเจ้าของบ้านที่อยู่ในสมุดสีน้ำเงินเล่มเล็กนั้นราวกับว่ากำลังฝันไป“ก็เป็นชื่อเราสิ จะเป็นชื่อใครล่ะ หืม” เขายื่นมือมาลูบหัวคนที่นั่งข้าง ๆ ราวเดือ
คีรินขับรถมาจอดหน้าบ้านแล้วเดินไปยังกองพันธุ์ไม้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเพียงฤดีปลูกใส่ถุงดำไว้ แล้วตะโกนเรียก “มาสิ มาช่วยพี่ขน” “ขนไปไหนคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วถามอย่างประหลาดใจ “ขนใส่รถไง เดี๋ยวจะพาไปทำกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” เขาว่า เพียงฤดีทำหน้างง แต่ก็ช่วยเขาขนขึ้นรถอย่างเต็มใจ “เอาพะยอมห้าสิบต้น กระถินเทพาร้อยห้าสิบก็แล้วกัน” คีรินบอก เพียงฤดีทำตามที่เขาบอกจนได้ครบจำนวน เขาก็เดินไปหยิบจอบและถุงมือใส่รถ เรียกให้หญิงสาวขึ้นรถแล้วขับเข้าไปในสวนป่า “พี่คีรินจะเอามาปลูกเหรอคะ&
หญิงสาวเดินเข้าไปในบ้าน ด้านหน้าบ้านมีระเบียงกว้างราวสองเมตร ล้อมด้วยราวระเบียงไม้ ซึ่งเธอก็เดินเข้าออกอยู่ทุกวัน ตั้งแต่ช่างเริ่มสร้างเธอก็มาเฝ้าดูอยู่เรื่อย ๆ ตอนเย็นของทุกวันก็ต้องแวะมาดูว่าช่างทำเสร็จไปถึงไหนแล้ววันนี้ช่างเพิ่งจะทาสีย้อมไม้เสร็จแล้วเอานั่งร้านลง ทำให้บ้านสีสวยเด่นขึ้นมาก ช่างวีเป็นช่างไม้ฝีมือดีที่นิดแนะนำให้คีริน ตอนที่เขาไปหานิดเพื่อปรึกษาเรื่องหาคนตัดไม้และแปรรูปได้ และอยากได้ช่างที่ทำงานไม้อย่างที่เขาต้องการได้ นิดจึงได้แนะนำช่างวีมาให้ ซึ่งหลังจากที่สร้างบ้านไม้หลังนี้ให้เธอแล้ว ช่างวีก็จะต้องไปสร้างบ้านเล็ก ๆ อีกสี่ห้าหลัง เพื่อที่จะใช้เป็นที่พักนักท่องเที่ยวในไร่ของคีรินต่อหญิงสาวเดินเข้าไปในบ้าน เธอเลื่อนประตูบ้านซึ่งเป็นกรอบไม้กรุกระจกสวยงาม ผนังบ้านในส่วนห้องโถงไม่ได้โชว์โครงไม้แต่ใช้แผ่นไม้ปิดผนังให้ดูเรียบร้อย เพื่อง่ายในการทำความสะอาดและดูสวยงาม ส่วนหน้าต่างเป็นกระจกแบบเดียวกับประตู ซึ่งคีรินเป็นคนพาเธอไปซื้อ โดยการวัดขนาดแล้วให้ช่างกระจกตัดให้ตามขนาดที่ต้องการ ซึ่งราคาถูกกว่าซื้อชุดหน้าต่างกระจกแบบสำเร็จ เขาทำให้เธอประหยัดเงินได้มาก
นภาธรเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรูในกรุงเทพฯ หญิงสาวรีบหยิบสมาร์ตโฟนจากกระเป๋าราคาแพงเมื่อมีสายเรียกเข้า เธอคิดว่าคงเป็นสายจากคนที่นัดไว้ วันนี้เธอมีนัดในร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมดัง ด้วยมีรุ่นน้องที่รู้จักกันเป็นเซลล์ขายกระเป๋าอยู่ที่นี่ ซึ่งได้โทร. เรียกให้เธอเข้ามาดูกระเป๋าคอลเลกชันใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ไหน ๆ ก็ต้องเข้ามาแล้ว วันนี้เธอจึงรับนัดกับลูกค้าของเธอที่ร้านกาแฟชื่อดังที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ด้วย จึงยังไม่ได้เข้าไปยังร้านขายกระเป๋า หญิงสาวผลักประตูกระจกเข้ามาในร้านกาแฟหรูซึ่งมีสาขาทั่วโลก ขณะที่ดูชื่อคนต้นสาย ก่อนจะย่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อคนที่โทร. เข้ามา“ว่าไงคะพี่ชายสุดหล่อ นึกยังไงถึงโทร. มาหาเนี่ย ทุกทีไม่เห็นจะห่วงน้องนุ่ง วันก่อนก็ทำให้พ่อโทร. มาด่าหูแทบฉีก ไม่ช่วยกันเลย” เธอถามคนต้นสายกลับไป ขณะที่วางกระเป๋าถือลงที่เก้าอี้ว่างแล้วนั่งลงตาม“นั่นเราทำตัวเอง ทำเรื่องใหญ่ไม่บอกพ่อสักคำ ก็ควรโดนแล้ว พี่ช่วยแก้ตัวให้ตั้งเยอะแล้วนั่นน่ะ”“โห แก้ตัว แต่มีการบอกว่าน้องเอาเพื่อนไปทิ้งไว้ในบ้านร้างเนี่ยนะ บอกเลยนะว่าข้อหานี้น่ะ โดนด่
ใบหน้าของเขาก็อยู่ในตำแหน่งที่ดูดี เหมือนกับเขารู้ว่าต้องจับภาพมุมไหนให้เห็นภาพใบหน้าของเขาในมุมที่ดูดีที่สุด ท่าทางของเขาเหมือนนักแสดงมืออาชีพ ที่ดูแล้วเพลินตาไม่ติดขัด น้ำเสียงที่เขาแนะนำการทำงานเป็นขั้นตอนนั้น ดูเรียบ ๆ แต่นุ่มทุ้มน่าฟังมิน่าเล่าช่องของเขาถึงมียอดติดตามเร็วกว่าช่องไก่กาของเธออย่างมาก เพราะภาพสวยสะดุดตาและเพลิดเพลินในการรับชม แถมคนดูยังได้ความรู้เพิ่มอีกด้วย เพราะก่อนที่เขาจะเริ่มต้นทำอะไร เขาจะเอาภาพที่ออกแบบปริ๊นต์ลงกระดาษแล้ว นำมาถ่ายลงในวีดีโอให้เห็นก่อน ว่าเขามีการวัดขนาดพื้นที่หรือ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของไม้แต่ละชิ้นนั้นขนาดเท่าไรก่อนจะเริ่มทำวัดขนาดการเข้ามุมเข้าฉากกี่องศา การลาดเอียงเท่าไร หรือต้องใช้เครื่องมือใดในการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพท์อย่างที่เห็นในคลิป ทุกอย่างเป็นขั้นตอนชัดเจน พร้อมบอกเทคนิคในการทำงานไปด้วยอย่างคนที่มีความรู้ด้านนี้โดยเฉพาะ เป็นการแบ่งปันให้กับคนที่อยากนำกลับไปทำกับบ้านของตัวเองได้โดยไม่ต้องจ้างช่าง ก็ยิ่งทำให้มีผู้เข้ามาติดตามเป็นจำนวนมากตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกว่าการเรียกค่าจ้างสามสิบเปอร์เซ็นต์น่าจะแพงไปสักหน่อย เพ
๑๓ยกเสาเอก เพียงฤดีนั่งน้ำตาซึมอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา มองพระกำลังทำพิธีการยกเสาเอก ซึ่งตอนนี้ท่านกำลังพรมน้ำมนต์และโปรยทรายเสกลงไปที่หลุมเสาเอก พร้อมกับเจิมและปิดทองเสาเอกซึ่งผูกผ้าสามสี หน่อกล้วยและอ้อยเอาไว้ซึ่งคีรินช่วยจัดเตรียมของมงคลทั้งหลายสำหรับใช้ในการประกอบพิธีอย่างไม่บกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น หน่อกล้วย อ้อย ผ้าสามสี ไหนจะข้าวตอก ดอกไม้ แป้งหอม แผ่นทอง แผ่นนาก แผ่นเงินและเหรียญเงินสำหรับใส่ลงไปในหลุมเสาเอก และอื่น ๆ อีกหลายอย่างเธอไม่คิดว่าบ้านของเธอจะได้รับการทำพิธีอันเป็นมงคลเช่นนี้ แม้คีรินจะบอกว่าเป็นการทำพิธีเล็ก ๆ ทำเพื่อเป็นสิริมงคลและเพื่อความสบายใจสำหรับเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย ไม่ได้ใหญ่โตหรือจัดแบบเต็มพิธีเท่าไรนัก แต่สำหรับเธอกลับรู้สึกว่ามันสมบูรณ์แบบมากทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าการเริ่มต้นมีบ้านหลังนี้จะเริ่มต้นอย่างดีงามเช่นนี้หลังจากพิธีเสร็จสิ้นลง คีรินขับรถไปส่งพระสงฆ์ที่นิมนต์มา ส่วนเธอยังคงยืนมองเสาเอกน้ำต
ภาพหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าที่กำลังยืนหันหลัง ทำกับข้าวอยู่หน้าเตาทำให้คีรินอดไม่ได้ที่จะยืนมองอย่างอุ่นใจ วันนี้เธอใส่เดรสยาวที่เขาซื้อให้ รูปร่างของเธอบอบบางแต่สมส่วน ผิวพรรณขาวเนียนแม้ว่าจะทำงานตากแดดบ้างแต่ก็ไม่ได้ดำคล้ำลงแต่อย่างใด เธอรวบผมสูงแบบง่าย ๆ โชว์ลำคอระหง ท่าทางทำอาหารอย่างทะมัดทะแมงนั้นดึงดูดสายตา ดูออกว่าเธอคงทำมันมานานจนชำนาญ เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปยืนใกล้ ๆ แล้วชะโงกหน้าถามผ่านไหล่ของเธอว่า “ทำอะไรให้พี่กิน หืม” เสียงนุ่มทุ้มที่อยู่ด้านหลังทำให้เธอหันไปมองทันที และจมูกของเธอก็ปะทะกับใบหน้าของเขาที่ชะโงกลงมาพอดี “อุ๊ย!” เธอร้องเบา ๆ อย่างตกใจ แก้มแดงเรื่อขึ้นมาอย่างฉับพลัน ที่รู้ว่าเมื่อครู่นี้จมูกของเธอชนเข้าอย่างจังกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา ขณะที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังมองคนตรงหน้าด้วยดวงตากรุ้มกริ่ม รอยยิ้ม
๑๒เริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เพียงฤดีมองห้องครัวที่ตกแต่งใหม่เรียบร้อยแล้ว ดูทันสมัยสวยงาม มีอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวครบครัน ตกแต่งโทนขาวสลับกับใช้ไม้ในการทำเครื่องครัวและชั้นวางต่าง ๆ ทั้งหมดส่วนท็อปของเคาน์เตอร์ปูด้วยไม้แผ่นใหญ่โดยไม่มีรอยต่อ ให้ลวดลายไม้ที่สวยงามสีน้ำตาลทองขัดเงาวาววับ รู้สึกถึงความอบอุ่นแต่หรูหรา มันเหมือนกับที่เธอเห็นในนิตยสารบ้านและสวนที่ชอบซื้อมาอ่าน “ชอบไหม ครัวแบบนี้” เสียงทุ้มถามอยู่ข้างหลัง “ชอบสิคะ ชอบมากเลยค่ะ สวยเหมือนในหนังสือเลยนะคะ มีเครื่องดูดควันด้วย มีชั้นวางของเยอะแยะไปหมด จะหยิบจะจับอะไรก็สะดวกไปหมดเลยค่ะ” เธอเลื่อนลิ้นชักและเปิดดูชั้นวางต่าง ๆ ที่เคาน์เตอร์แล้วหันมายิ้มกว้างอย่างสดใส เขาชอบรอยยิ้มซื่อ ๆ ที่ออกมาจากใจเช่นนี้เหลือเกิน&nbs
เพียงฤดีก้าวเท้าลงจากรถหลังจากที่เขาขับมาจอดที่หน้าบ้าน วันนี้ภายในบ้านเงียบสงบ เพราะเขาไม่อยู่บ้าน เลยไม่ได้ให้ช่างเข้ามาทำงาน เพียงฤดีกำลังจะเดินไปเปิดประตูบ้าน ส่วนเขาเอื้อมมือไปที่เบาะหลังรถแล้วหยิบถุงกระดาษสองถุงออกมาด้วยหญิงสาวไขกุญแจบ้านเข้าไปตามปกติ เธอกำลังจะเข้าห้องนอนของตัวเอง ทว่าได้ยินเสียงของคีรินเรียกไว้ จึงหันกลับไปมอง เขายื่นถุงกระดาษสองถุงให้กับเธอ แล้วเอ่ยว่า“พี่ซื้อให้เรา”“ซื้อให้ฤดี อะไรหรือคะ” หญิงสาวรับมาแล้วเปิดดูเห็นชุดที่เธอยืนมองอยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้า และยังมีชุดอื่นอีกสองสามชุด“ซื้อให้ทำไมเหรอคะ ฤดีบอกแล้วไงคะว่าทำงานสวนคงไม่ได้ใส่ชุดนี้ เสียดายเงินออกค่ะพี่คีริน ชุดนึงตั้งเป็นพัน”“แล้วเราชอบหรือเปล่าล่ะ ถ้าเราชอบพี่ก็ไม่เสียดายหรอก”“ชอบค่ะ ว่าแต่ฤดีติดหนี้พี่คีรินเยอะแยะไปหมดแล้วค่ะ จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ให้ล่ะคะ ไม้สร้างบ้านหลังนั้นก็ราคาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ฤดีทำงานทั้งปียังมีไม่พอซื้อเลยค่ะ นี่แค่สองเดือนพี่คีรินก็ให้ไม้ฤดีไปทำบ้านตั้ง