ในยามนี้นั้น...หลิงเวยได้กลายเป็นโฉมงามล่มเมืองที่มีสองบุรุษหนุ่มหล่อเหลาหุ่นแน่นกำลังประกาศสงครามเพื่อแย่งชิงตัวนางหนึ่งคือพยัคฆ์ สองคือมังกรแน่นอนว่ามังกรมีหาง และหางของมันก็ยาวจนเกินไป หางของมังกรมีสตรีหลายนางพ่วงท้ายอยู่จนเต็มขบวน แต่กับพยัคฆ์นั้น หางของมันมิได้ยาว ทั้งยังไม่มีสตรีนางใดพ่วงท้าย และที่สำคัญ! ลีลายังเหลือร้าย...อา...นี่นางกำลังคิดอันใดนางกำลังมีปัญหาอีกแล้ว...หลิงเวยคิดไปคิดมาก็ยังคงวกวนกลับมายังเรื่องของสามีที่มีลีลาเหนือชั้นมากมาย พาเอาพวงแก้มขาวนวลเนียนพลันเปล่งปลั่งดวงตาพลันเป็นประกาย นางเอียงตัวเงยหน้าขึ้นมองคนข้างกายอย่างเหม่อลอยใบหน้าแดงระเรื่อดวงตาสื่อความหมายฉายชัดเกินเก็บข่มส่งตรงไปยังคนตัวใหญ่นามว่าฟงชินหยาง นางถึงกับนึกละอายจนต้องรีบซบใบหน้าเข้ากับแผงอกอบอุ่นของเขาในทันทีสองบุรุษที่กำลังส่งสายตาต่อสู้กันกลางอากาศถึงกับกะพริบตาปริบๆ เห็นได้ชัดว่านางเลือกใคร…ฟงชินหยางรีบเอื้อมวงแขนกำยำประคองกอดหลิงเวยเอาไว้แน่นพลางปรายสายตาเฉี่ยวคมไปทางเฉินหยางหลงแล้วเลิกคิ้วเข้มขึ้นแสดงออกถึงความกำชัยในขณะที่เฉินหยางหลงต้องถลึงตาจ้องมองก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงกำ
ริมระเบียงชั้นสองของตำหนักเซียงกงที่มีบุรุษหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่หนึ่งพยัคฆ์หนึ่งมังกรกำลังนั่งร่ำสุราอยู่ด้วยกันคล้ายสหายคล้ายศัตรูเฉินหยางหลงยังคงนั่งนิ่งงุนงงไม่เข้าใจอันใด นี่นับได้ว่าเขาพลาดอย่างที่สุดกับชีวิตบุรุษเช่นเขาตั้งแต่เกิดและเติบโตมาไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาอยากได้สิ่งใดแล้วไม่สมหวัง จนกระทั่งเวลานี้ในวันนั้นเขาเจอกับหลิงเวยที่ตลาด เขาพึงใจนางมากตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น เขาจึงตามเกี้ยวนางในทันที นางเอาแต่ทำท่าตกใจเนื้อตัวสั่นเทาดวงตาปริ่มน้ำแล้วเอาแต่เดินหนีเขาเขาทั้งรูปงามหล่อเหลาและมีรูปร่างที่บาดตาบาดใจปานนี้แต่นางกลับปฏิเสธเขาด้วยท่าทางนุ่มนวลอ่อนหวานแล้วหนีหายไปเขาตามสืบจนรู้ว่านางเป็นหนึ่งในธิดาของเสนาบดีหลิง มีนามไพเราะว่าหลิงเวยเขาจึงส่งจดหมายทาบทามไปยังเสนาบดีหลิงผู้ที่มักใหญ่ใฝ่สูงชมชอบการขยายอำนาจตระกูลกับบุรุษสูงศักดิ์หลังจากนั้นเขาเพียงรอเวลาอันเหมาะสมเพื่อให้นางได้เตรียมตัวเตรียมใจ เพื่อที่เขาจะได้ส่งเทียบหมั้นหมายในลำดับต่อมาและรอเวลาให้นางบำรุงร่างกาย เพื่อที่ว่าให้นางพร้อมทั้งกายทั้งใจยามเมื่อแต่งเข้าวังมา นางจะได้เข้าหอกับเขาพร้อมทำกิจกรรมสุดหรรษาเหนือ
ทันใดนั้นเสียงของสตรีนางหนึ่งพลันดังจากทางนอกศาลา “เจ้ามีนามว่าหลิงเวยเช่นนั้นหรือ”หลิงเวยชะงักมือจากกระดาษตรงหน้าแล้วผินสายตาตามเสียงหวานแหลมนั้นทันทีสตรีนางเดิมยังคงกล่าว “เจ้าเป็นสตรีที่ท่านอ๋องคิดจะแต่งงานด้วยจนออกจากวังไปตามหาเจ้าที่ตลาด”หลิงเวยนั่งฟังนิ่งๆ ไม่กล้าต่อคำอันใด สตรีนางนี้เป็นสตรีนางเดียวกับที่นั่งเล่นหมากล้อมกับท่านอ๋องผู้นั้น สตรีนางนี้เป็นชายาของท่านอ๋องอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ท่าทางที่กำลังหึงหวงนั่นคืออันใด? ไยมาหึงหวงนาง...ชายาของเฉินหยางหลงนามว่าฮุ่ยจินยังคงเอ่ย “เจ้าอย่าแม้แต่จะคิดมาแย่งความโปรดปรานจากท่านอ๋องของข้า เจ้ามีสามีแล้วอย่าลืม”หลิงเวยได้ฟังยิ่งกะพริบตา“หึ!” ฮุ่ยจินแค่นเสียงในลำคอ “ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางเจ้า คอยดู!” จบคำก็เดินกรีดกรายจากไปโดยไม่สนใจคนฟังแม้แต่น้อยหลิงเวยได้แต่เงียบงัน มิใช่ว่าเถียงไม่ทัน แต่สตรีนางนั้นกำลังพูดอันใด???หลังจากได้รับอนุญาตจากเจ้าของวังเฉินอ๋องให้ใช้ศาลาริมสระน้ำเป็นสถานที่วาดภาพร่ายบทกวีจนเสร็จสรรพตามใจต้องการหลิงเวยจึงเก็บกระดาษม้วนเอาไว้แล้วกอดแนบอกเดินมาหาฟงชินหยางบนระเบียงชั้นสองของตำหนักเซียงกงในทันทีห
พระราชวังแคว้นเฉินแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาลทั้งยังงดงามตระการตาตบแต่งด้วยสิ่งของที่นับได้ว่าหายากแทบทั้งสิ้นภายในตำหนักกลางสีทองงามอร่ามตลอดทั้งบริเวณซึ่งอยู่ติดกับห้องทรงพระอักษรขององค์เหนือหัวแห่งแคว้นหลิงเวยและฟงชินหยางได้รับอนุญาตให้เข้ามานั่งรอภายในห้องโถงของตำหนักกลางแห่งนี้หลังจากได้เดินทางเข้ามาแจ้งแก่มหาขันทีประจำพระองค์และได้รับอนุญาตให้เข้ามายังพระราชฐานชั้นในเพียงในเวลาไม่นานกระแสรับสั่งอนุญาตให้สองสามีภรรยาได้เข้าพบพระองค์เป็นการส่วนตัวเป็นกรณีพิเศษก็ถูกส่งตรงมาจากมหาขันทีคนเดิมภายในห้องรับรองอีกชั้นหนึ่งที่ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนและม่านมุ้งสีทองอร่ามไม่ต่างกันพลันปรากฏพระวรกายสูงค่าของเจ้าแห่งแผ่นดินนั่งอยู่บนแท่นประทับทองคำเศียรมังกร“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”ฟงชินหยางและหลิงเวยยอบตัวลงคุกเข่ากล่าวคำเคารพองค์เหนือหัวพร้อมกันในทันทีที่ได้เข้าห้องวิจิตรแห่งนี้มา ฟงชินหยางนั้นเคยมีโอกาสได้เข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้พระนามว่าเฉินหยางหมิงเซียนหลายครั้งหลายคราแล้วตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเติบใหญ่ได้เป็นถึงแม่ทัพผู้เกรียงไกรกำราบข้าศึกตามชายแดน เขามีโอกาสได
ในยามนี้บรรยากาศภายในห้องรับรองคล้ายกับมีแสงสีดำแทรกแซงแสงสีทองจนมืดครึ้มกระนั้น จากเดิมทีควรมีแค่เพียงฟงชินหยางและหลิงเวยที่อยู่ในสายพระเนตรขององค์ฮ่องเต้แต่บัดนี้กลับมีองค์หญิงยู่ว์เจินกับฟงชินหยางที่อยู่ในสายพระเนตรสูงค่าเสียอย่างนั้นภาพบาดตาพลันปรากฏ หลิงเวยยืนมองภาพด้านข้างอย่างเงียบงัน องค์หญิงยู่ว์เจินยืนขนาบข้างกับฟงชินหยางพร้อมรอยยิ้มสว่างสดใสตามแบบฉบับองค์หญิงใจกล้าท้าฟ้าท้าดินนางมองเห็นองค์หญิงยู่ว์เจินยืนเคียงข้างกับฟงชินหยางในขณะที่นางกำลังยืนห่างออกมา ความรู้สึกแปลกประหลาดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของนางในฉับพลัน นางควรทำอย่างไรฟงชินหยางเพียงยืนเป็นเสาหินต้นใหญ่นิ่งๆ มิได้สนใจอันใดกับองค์หญิงยู่ว์เจินผู้นี้แม้แต่น้อยองค์หญิงผู้นี้มักจะหาโอกาสตีสนิทกับเขาแบบนี้เสมอ เขารับรู้มาตลอดว่าองค์หญิงผู้นี้ชมชอบเขา แต่เขามิได้ชอบนาง เช่นนั้นแล้วเขาไม่จำเป็นต้องสนใจต่อคำอันใดกลับไปนั่นคือนิสัยของฟงชินหยาง เขาช่างมึนยิ่งนักชายหนุ่มจึงทำความเคารพองค์หญิงยู่ว์เจินตามตำแหน่งสูงศักดิ์ของอีกฝ่ายคงไว้ซึ่งระยะห่างระหว่างกันแล้วหันมาสะกิดคนตัวเล็กที่กลายเป็นหุ่นไม้ให้หันหน้ามาทำความเคารพด้วย
ช่วงใกล้สิ้นปีในฤดูกาลอันหนาวเหน็บอย่างนี้มักจะมีกิจกรรมที่เหล่าเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงโปรดปราน นั่นก็คือพิธีการล่าสัตว์ซึ่งมักจะจัดขึ้นในทุกๆ ปีช่วงเดือนสิบหรือเดือนสิบเอ็ดเป็นต้นไปภายในคณะเดินทางไปร่วมพิธีล่าสัตว์อันศักดิ์สิทธิ์ประจำปีนี้มีเชื้อพระวงศ์ราชนิกุลมากมายพร้อมทั้งเหล่าทหารยศน้อยยศใหญ่พากันเดินทางไกลไปเป็นขบวนในการล่าสัตว์ครั้งนี้นอกจากฮ่องเต้ ฮองเฮา และเหล่าสนมที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานเพียงสองนางแล้วก็ยังมีองค์รัชทายาท ชายาขององค์รัชทายาท ท่านอ๋องที่ยังคงมิได้ออกไปครองแคว้นที่ใดพร้อมด้วยชายาของพระองค์ นอกจากนี้ยังมีองค์ชายและองค์หญิงที่ได้รับสิทธิ์มาด้วยแค่ไม่กี่คนภายในขณะเดินทางของทหารชั้นผู้น้อยนั้นมีสตรีในอาภรณ์ทหารที่ย้ายจากชายแดนมาประจำการที่เมืองหลวงแค่เพียงไม่นาน นางมีนามว่า อวี้ถิงอวี้ถิงนั้นถูกสหายทั้งสองคือซือซือและอี้ผิงจับมัดแล้วนั่งรถม้ามาส่งนางพร้อมจดหมายย้ายสังกัดให้มาประจำการที่เมืองหลวง เดิมทีอวี้ถิงนั้นไม่อยากมาร่วมพิธีล่าสัตว์นี้เลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าเมื่อนางมองเห็นฟงชินหยางได้ร่วมเดินทางมาด้วย นางจึงคล้ายกับติดปีกบินได้และเดินทางตามขบวนมาด้วยความรื่นเริงพร้
หลิงเวยถึงกับอมยิ้มกับความช่างรู้ของเสี่ยวชุ่ยยิ่งนัก นางจึงให้ความร่วมมือกับเสี่ยวชุ่ยเป็นอย่างดี อาภรณ์ที่เสี่ยวชุ่ยเลือกให้นี้เป็นอาภรณ์เนื้อละเอียดสำหรับต้านลมหนาวได้เป็นอย่างดี สีสันของอาภรณ์เป็นสีสันสดใสในโทนสีชมพูอ่อนสลับขาวไล่ริ้วสีแดงสดมีลูกไม้ระบายตรงสาบเสื้อสาบแขนมีขนสัตว์ฟูพองอยู่รอบลำคอ เสี่ยวชุ่ยช่วยหลิงเวยแต่งตัวพร้อมทั้งทำผมปักปิ่นให้นางเสร็จสรรพนี่นับว่าหลิงเวยได้รับการปรนนิบัติม้วนผมจากสาวใช้มากฝีมือเป็นครั้งแรกหลังจากแต่งงานมา เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ฟงชินหยางมักจะมองนางเป็นตุ๊กตา เขามักจะจริงจังเสมอมากับการม้วนผมให้นาง และการม้วนผมของเขานั้นก็เรียกสายตาขบขันจากคนที่บ้านฟงได้เป็นอย่างดี “คันฉ่องเจ้าค่ะ” เสี่ยวชุ่ยแต่งกายม้วนผมและแต่งหน้าให้หลิงเวยเสร็จก็รีบนำคันฉ่องเอามาให้เจ้านายตรวจดูผลที่ได้ทำให้หลิงเวยรู้สึกพึงใจยิ่งนัก เสี่ยวชุ่ยนั้นนับได้ว่ามีฝีมือด้านนี้มากเลยทีเดียวหลิงเวยนั้นเมื่อได้แต่งหน้าทำผมแบบเต็มยศแล้วนับได้ว่าเป็นสาวงามไม่น้อยหน้าผู้ใด นางจัดได้ว่างดงามเทียบเคียงกับเหล่าชายาหรือเหล่าองค์หญิงเลยทีเดียวนั่นจึงทำให้เสี่ยวชุ่ยนึกปลื้มปริ่มยิ่งนั
เสียงพูดคุยอย่างออกรสออกชาติสรวลเสเฮฮายังคงดังระงมทว่าเพียงไม่นานเสียงของมหาขันทีพลันดัง“ฮ่องเต้เสด็จ...”ตามด้วยพระวรกายสูงค่าในอาภรณ์สูงส่งทะมัดทะแมงขับใบหน้าให้หล่อเหลาผลักดันอายุให้ดูหนุ่มแน่นของฮ่องเต้พลันดำเนินเสด็จมา พระองค์ดำเนินเสด็จตามด้วยฮองเฮาและสนมคนโปรดทั้งสอง ทุกชีวารายรอบพร้อมกันลุกขึ้นยืนก่อนจะยอบกายลงคุกเข่าโค้งศีรษะทำความเคารพกันอย่างพร้อมเพรียงเมื่อองค์เหนือหัวทรงนั่งประจำยังตำแหน่งที่ประทับพร้อมสตรีสูงศักดิ์ตามลำดับเป็นที่เรียบร้อย เหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนพลทั้งหลายจึงกลับลงนั่งยังตำแหน่งดังเดิม เฉินหยางหมิงเซียนฮ่องเต้ตรัสคำปราศรัยเพียงเล็กน้อยเพื่อเป็นการเปิดงานและเพียงไม่นานดนตรีก็เริ่มบรรเลงตามด้วยการแสดงที่องค์ชายและองค์หญิงเตรียมมาเพื่อเอาใจเสด็จพ่อของพวกเขาหนึ่งในชุดการแสดงนั้นมีองค์หญิงยู่ว์เจินที่แต่งกายเป็นบุรุษนั่งอยู่กับฟงชินหยางและเฉินหยางหลงได้ขึ้นแสดงฝีมือด้วย เมื่อได้เวลาการแสดงของยู่ว์เจิน นางจึงลุกขึ้นยืนอย่างสง่างามแล้วหันหน้าเข้าหาฟงชินหยางพร้อมยกสองนิ้วขึ้นชี้ที่ดวงตาเรียวสวยของตนแล้วชี้ไปทางฟงชินหยางเป็นเชิงหยอกเย้าฟงชินหยางว่าให้จับต
หลิงเวยสังเกตเห็นอาการตื่นเต้นนั้นของฟงชินหยาง นางจึงเริ่มขมวดคิ้วพันมุ่นเริ่มขัดเคืองฉับพลัน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามคำใด สตรีตั้งครรภ์นางหนึ่งก็เดินนวยนาดเข้ามายังห้องโถงแห่งนี้“ท่านแม่ทัพฟง” เสียงอ่อนหวานของสตรีตั้งครรภ์ดังขึ้นทำให้หลิงเวยยิ่งเพิ่มระดับความขุ่นเคืองมองค้อนฟงชินหยางขวับๆฟงชินหยางเห็นหลิงเวยส่งสายตาสวยหวานพิฆาตมองมาจึงได้แต่เสียวสันหลังวาบๆ อย่างไม่เข้าใจอันใด ไยรู้สึกหนาว!จินฮวาผู้ไม่เข้าใจอันใดในบรรยากาศแปลกประหลาดจึงพาท้องกลมๆ ของตนเองมานั่งยังเก้าอี้บนโต๊ะอาหารตามวิสัยที่เคยกระทำมาเนื่องด้วยว่าท่านแม่ทัพฟงอนุญาตให้นางเป็นกรณีพิเศษ หลิงเวยเห็นสตรีตั้งครรภ์นางนี้ลงนั่งที่โต๊ะอาหารกับฟงชินหยางอย่างนั้นยิ่งเพิ่มระดับความโกรธกรุ่นจึงเอ่ย“ท่านแม่ทัพฟง” น้ำเสียงหวานล้ำแต่กลับแฝงความเย็นเยียบไม่ธรรมดาของหลิงเวยทำเอาฟงชินหยางถึงกับขนลุกชูชันนั่งตัวตรงแข็งทื่อกลายร่างเป็นก้อนหินก้อนใหญ่หลิงเวยยังคงเอ่ย “ท่านบอกแก่ข้าว่าไม่มีภรรยา เห็นได้ชัดว่าท่านโกหก!” ฟงชินหยางเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบซ่อนคลื่นสั่นไหวในอารมณ์ในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใคร “ย่อมเป็น
หลายวันผ่านไป...ภายในค่ายทหารยังคงฝึกหนักเสียงดังโชร้งเชร้งเคล้งคล้างดังเดิม มีการซ้อมเคลื่อนพลเคลื่อนทัพดังเดิม มีการผลิตอาวุธอันทรงพลังตามคำสั่งของท่านแม่ทัพตามเดิม มีกฎระเบียบที่แสนจะเคร่งครัดไม่มีลดหย่อนดังเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมและเพิ่มเติมมาก็คือท่านแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอยู่เหนือผู้ใดกำลังถูกสตรีอัปลักษณ์นางหนึ่งครอบงำ หลิงเวยยังคงดูแลจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ดูแลทำแผลที่ได้รับจากการฝึกหนักดูแลเรื่องอาหารการกินให้ฟงชินหยางเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะยังคงตีเนียนทำตัวเป็นเพียงทหารหญิงรับใช้คนสนิทให้เขาโดยหาได้เปิดเผยฐานะจริงๆ ของตนไม่ ด้วยยังคงยึดมั่นในคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ฟงชินหยางก็ยังคงให้ความร่วมมือกับภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน เขาย่อมตามใจภรรยาในทุกๆ เรื่องโดยไม่ถามหาเหตุผลอันใดให้มากความ ในยามกลางวันนางอยากเป็นทหารหญิงรับใช้ให้เขาก็ให้เป็นไป เพียงแต่ในยามค่ำคืนนางต้องตามใจเขาในทุกกระบวนท่าลีลารักที่เขามอบให้ภายในห้องโถงของเรือนท่านแม่ทัพฟงบนโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวมากมายหน้าตาน่าทานถูกจัดการเป็นพิเศษเพื่อท่านแม่ทัพฟงแต่เพียงผู้เดียวหลิงเวย
ฟงชินหยางเฝ้ากลืนกินภรรยาตัวน้อยตักตวงความสุขจากร่างบางนุ่มนิ่มพร้อมตอบกลับจัดให้ด้วยความสุขไม่ต่างกันหลิงเวยแหงนหน้าปรือตามองคนตัวใหญ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้มฉ่ำน้ำสบเข้าไปในดวงตาคู่คมที่กำลังทอประกายร้อนแรงก่อนถูกเขาปล้นลมหายใจด้วยจุมพิตเร่าร้อนเคล้าคลึงด้วยอารมณ์รัญจวนให้ยิ่งกระพือหวามไหวหัวใจเต้นเร่าๆ แทบทะลุออกมานอกอก ปลายลิ้นของทั้งสองโรมรันพัลวันก่อนจะลากไล้พันกันอีกเพียงครู่แล้วปล่อยออกจากกันเพื่อให้อิสระในการส่งเสียงครางครวญยามเมื่อเส้นทางปลายฝันเริ่มกระชั้นเข้ามาซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็มิรู้ได้ เส้นทางฝั่งฝันระยิบระยับของพวกเขาช่างมีมากเส้นนักหนา พวกเขาไต่เส้นฝันกันทั้งวันทั้งคืนไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนเตียงตั่งขาโก่งขางอคนสองคนร่างสองร่างที่กำลังสอดประสานเข้าออกรุนแรงยังคงเร่าร้อนไต่ระดับพายุอารมณ์โดยไม่มีเก็บข่มใดๆกายหนาหยาบแกร่งกระแทกกระทั้นกระตุ้นเร้าให้ร่างบางสั่นสะท้านขึ้นลงไม่หนักไม่เบามอบความกระสันเสียวซ่านสาดเข้าใส่จนมีบางอย่างสาดกระเซ็นคล้ายระลอกคลื่นของสายธารคล้ายลาวาร้อนฉ่าท่วมทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอ่อนนุ่มจนชุ่มชื้นถึงแม้จะมิได้เอื้อนเอ่ย ถึงแ
หลิงเวยหน้าแดงก่ำไม่สร่างซาเมื่อถูกบุรุษตัวใหญ่หนากระทำตามใจไม่เปลี่ยนแปลงแต่ทว่านางยังคงเชื่อฟังคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีถึงการปลอมตัวในครั้งนี้“ท่านไม่ควรทำตัวอย่างนี้กับสตรีแปลกหน้า” หลิงเวยเอ่ยคำเพื่อตักเตือนฟงชินหยางขณะถูกเขาช้อนร่างขึ้นอุ้มแล้วพานางมาวางบนเตียงนอนเตียงเดิมหลังจากที่เขาเข้ามาหานางตามคำเรียกหาแล้วพานางอาบน้ำใส่ผ้าแต่ทว่าเขากลับถอดผ้าของนางออกแล้วอุ้มนางมาที่เตียงนอน นางยังขาสั่นอยู่เลยทำต่อไม่ไหวเสียแล้ว“ลืมเรื่องเมื่อคืนแล้วหรือไร ไยความจำสั้น นี่มิใช่ว่าเราควรทำความรู้จักกันให้มากเข้าไว้หรอกหรือ” ฟงชินหยางยังคงให้ความร่วมมือในการปลอมตัวของภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีขณะกำลังขึ้นคร่อมนางแบบทั้งตัว“หากว่าเรารู้จักกันแล้วอย่างไร ภรรยาของท่านคงไม่ยินดี” หลิงเวยตีมึนถามเจ้าของแผงอกแข็งตึงที่กำลังเบียดเสียดกับหน้าอกนุ่มๆ ของนางอย่างต้องการลองหยั่งเชิงเขา“อา...ข้าจะบอกว่าอย่างไรดี อืม...” ฟงชินหยางทำท่าคิดหนักบางอย่าง “ข้าควรบอกว่ายังไม่มีภรรยา”“...!”และอีกคราที่หลิงเวยต้องส่งค้อนวงใหญ่ใส่ฟงชินหยางชายหนุ่มไม่สนใจดวงตาสวยใสที่กำลังมองค้อนขวับๆ ตรงหน้า เขายังคงก้มหน
“เจ้าหน้าบาก”“...!”เส้นเสียงทุ้มห้าวคำรามออกมาจากแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับหางคิ้วกระดิกมุมปากกระตุกไม่คิดจะถามชื่อแซ่กันเลยรึพี่ใหญ่!ฟงชินหยางยืนถมึงทึงเอ่ยสั่งการเสียงดังไปทางบุรุษตัวโตที่ใบหน้ามีหนวดเครารุงรังพร้อมรอยแผลเป็นลากยาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กลางลานกว้าง “เจ้าจงตามไปไต่สวนห้าคนนี้ร่วมกับรองแม่ทัพจิ่น เข้าใจหรือไม่เจ้าหน้าบาก”ฟงจินหมิงจึงลุกขึ้นยืนนิ่งๆ จ้องมองฟงชินหยางด้วยมาดไม่ธรรมดาพร้อมสายตาคมกล้าเอ่ยออกมา “ขอรับท่านแม่ทัพฟง”ฮึ่ม! ชื่อเจ้าหน้าบากก็ได้!“ออกไปให้หมด!” แม่ทัพหนุ่มคำรามอีกคราพาเอาเหล่าทหารกล้ารีบประสานมือเสียงดังพรึ่บพั่บก้มหัวคำนับแล้วรีบหมุนตัวจากไปอย่างไวฟงชินหยางจึงเดินตรวจตราภายในค่ายตามวิสัย ทุกทิศที่สายตาคมปลาบมองปราดไป เหล่าทหารทั้งหลายได้แต่อกสั่นขวัญแขวนรีบตรึงตัวขึงขังทำหน้าที่รับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มกำลังคนใดฝึกยิ่งฝึกหนัก คนใดแบกหามยิ่งแบกหาม คนใดกวาดลานยิ่งกวาดลาน คนใดแอบหลับยิ่งต้องตื่นเต็มตาหาไม่แล้วคงไม่แคล้วได้หลับไปตลอดกาล ความเจ้ากฎเจ้าระเบียบเที่ยงตรงไม่อาจดูแคลน ความโหดเหี้ยมแต่เปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรมไม่อา
บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องนอนของเรือนประจำตำแหน่งแม่ทัพหลิงเวยสะลึมสลือตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวตุบๆ รู้สึกพะอืดพะอมทั้งยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมากมายนักนางพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งพลันรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางหว่างขาและยิ่งปวดหนึบยิ่งกว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปนางรู้สึกคล้ายเอวจะเคล็ดเสียด้วยอา...สะโพกระบมไปหมดผิวเนื้อของนางถึงขั้นบวมน้ำเลยเชียวหญิงสาวนั่งระลึกถึงเรื่องราวเมื่อยามค่ำคืนอันร้อนแรงถึงจิตถึงใจกับฟงชินหยางสามีของนางนางพอจะจำได้เลือนรางว่านางรู้สึกแปลกๆ หลังจากที่ดื่มเหล้าของเขาเข้าไปหลังจากนั้นบนเตียงนอนนี้นางก็ถูกเขาจัดการเสียหลายท่าไม่ว่าจะเป็น นอนหงายฉีกขา นั่งผสานชันเข่า นอนคว่ำโก่งโค้ง นอนคว่ำคร่อมหลัง คลานเข่าเดินหน้า กึ่งนอนที่ขอบเตียง กระทั่งท่ายืนหันหน้าหันหลัง เขาขืนใจนางได้ทุกท่วงท่าด้วยลีลาร้ายกาจ แต่...อืม...หรือว่าเป็นนางที่ขืนใจเขาหลิงเวยสลัดศีรษะเบาๆ กะพริบตาขึ้นลงไล่ความมึนงงให้หลุดออกไป เห็นได้ชัดว่าในเหล้านั้นมียาบางอย่าง หากนางไม่เป็นคนดื่มมันแน่นอนว่าคนที่ดื่มมันย่อมต้องเป็นฟงชินหยางและหากว่านางมิได้เข้ามาแทรกกลางแน่นอนว่าคนที่มานอนที่เตียงนี่ย่
ภายในตลาดอันยิ่งใหญ่ของหัวเมืองหลักแห่งแคว้นเฉินยังคงมีผู้คนพลุกพล่านมากมายยิ่งกว่าในเมืองหลวงแห่งแว่นแคว้น ฟงลี่หลินได้รับหน้าที่ให้มาอารักษ์ขาองค์ชายฉีเล่ออย่างไม่เต็มใจแต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากฉีเล่อนั้นเข้าไปเอ่ยปากกับชินอ๋องด้วยตนเองว่าต้องการท่องเที่ยวและต้องการให้สตรีหน้าตาอัปลักษณ์อย่างฟงลี่หลินคอยดูแลปรนนิบัติหญิงสาวเดินตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของฉีเล่อด้วยสายตาเรียวสวยพิฆาตฟาดฟันบุรุษร่างสูงสง่าตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากว่าฉีเล่อนั้นเน้นย้ำเหลือเกินกับคำว่าปรนนิบัติ ทำเอาชินอ๋องเข้าใจผิดคิดว่าฉีเล่อนั้นติดอกติดใจนางตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากที่ได้รับการปรนนิบัติจากนาง ชินอ๋องรีบเอ่ยสั่งการให้นางที่เป็นผู้น้อยสมควรทำตามใจองค์ชายสูงศักดิ์ทุกอย่างทุกค่ำคืน หาไม่แล้วนางต้องรับโทษทัณฑ์ แค่นั้นยังไม่พอ ยามนางเดินผ่านข้ารับใช้ในวังชินอ๋องคนพวกนั้นยังกระซิบกระซาบว่าต้องการที่จะมาเรียนรู้ลีลากระบวนท่าการปรนนิบัติบุรุษจากนางทั้งๆ ที่หน้าตาของนางมีมลทิน นางยังมีความสามารถเหลือร้ายกระทั่งทำให้องค์ชายสูงศักดิ์ติดใจ หลายคนคิดอยากจะเป็นลูกศิษย์นางเลยเชียวฮึ่ม! ฟงลี่หลินครางฮึม
ฟงชินหยางพาเรือนร่างสูงใหญ่มายืนตระหง่านอยู่ที่ลานกว้างของค่ายทหารในเวลาแค่เพียงไม่นานหลังจากที่เอ่ยสั่งการลงโทษนายทหารหน้าห้องที่บังอาจมายืนเรียกเขาเสียงดังจนทำภรรยาตกใจชายหนุ่มกวาดสายตาคมดำเย็นเยียบแผ่กลิ่นอายมืดครึ้มมองไปทั่วยังบุคคลทั้งหลายที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างที่ลานกว้างแห่งนี้มีทหารหลายนายยืนคุมเชิงอยู่โดยรอบ ในขณะที่ตรงกลางลานมีบุคคลแปลกหน้าในอาภรณ์แปลกตาอยู่ห้าคนที่ถูกจับมัดตรึงเสียแน่นให้นั่งเรียงรายในสภาพสะบักสะบอมเนื้อตัวฟกช้ำมีบาดแผลหลายแห่งร่องรอยคล้ายกับถูกพยัคฆ์กัดขย้ำฟงชินหยางหรี่ตาลงมองที่สองในห้ามีสตรีสองนางที่อยู่ในอาภรณ์บางเบาวาบหวิวกำลังนั่งตัวสั่นงันงกผิดกับเมื่อยามค่ำคืนที่พยายามเหลือเกินกับการยั่วเย้ายั่วยวน และหนึ่งในสตรีสองนางนี้ยังบังอาจใส่ยาปลุกกำหนัดในเหล้าของเขานอกจากนั้นยังมีบุรุษหนุ่มคนหนึ่งนั่งคุกเข่าไกลออกไปจากห้าคนที่ถูกจับมัดเป็นห่อนึ่ง บุรุษผู้นั้นมีรอยบากของแผลเป็นพาดเฉียงจากหว่างคิ้วลากมาถึงสันกรามข้างขวาฟงชินหยางกระตุกยิ้มบางเบาตรงมุมปากไร้ใครสังเกตนั่นมันน้องรองที่ปลอมตัวมามิใช่หรือไร?“เรียนท่านแม่ทัพ” เสียงของทหารนายหนึ่งที่ม
เพลายามรุ่งสางใกล้สว่างมาเยือน...เสียงกระเส่าแหบพร่ายังคงครวญครางแว่วหวานอยู่ใต้ร่างใหญ่หนาของฟงชินหยางเป็นรอบที่เท่าไหร่มิอาจนับ จนกระทั่งนางใต้ร่างหลับลึกไปแล้วชายหนุ่มจึงก้มหน้าลงจรดจมูกคมสันกับไรผมชื้นเหงื่อของนางและแตะไล้เรียวปากเบาๆ สลับหนักๆ ไปตามหน้าผากกลมมนที่มีหยดน้ำพร่างพราวอยู่เต็มวงหน้าของนางก่อนพลิกกายใหญ่หนาลงนอนเคียงข้างนางพลางตวัดวงแขนล่ำสันโอบกอดกระชับนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ถึงแม้ว่าหลิงเวยจะหลับใหลไปแล้วแบบไม่รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อยามค่ำคืนจนกระทั่งยามนี้แต่ฟงชินหยางก็ยังคงเป็นสามีที่ดีทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพื่อชดเชยช่วงเวลาห้าปีที่ห่างหายไป เขาจะทำนางให้สะใจให้หายคิดถึงกันไปเลย แต่ทว่ายิ่งทำก็ยิ่งคึกทำจนหยุดทำไม่ได้ สภาพของภรรยาจึงเป็นอย่างที่เห็น นางคล้ายกับร่างกายขาดน้ำสลบไสลไปเลยทีเดียวเขาควรให้น้ำนางอีก น้ำของเขาช่างมีเหลือเฟือชายหนุ่มก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังหลับตาพริ้มเหงื่อกาฬไหลเยิ้มริมฝีปากบวมเป่งตามลำตัวขาวนวลมีริ้วรอยฝากรักสีแดงเป็นจ้ำเล็กจ้ำน้อยอย่างถ้วนทั่ว ในขณะที่แผงอกและแผ่นหลังของฝ่ายชายหนุ่มเองก็มีรอยขีดข่วนจากเล็บงามๆ ข