เมื่อคิดได้แล้วจึงเอื้อมมือไปเปิดผ้าม่านของรถม้าออกก่อนจะเอียงหน้าน้อยๆ มองออกไปด้านนอกอย่างใคร่รู้ เพียงครู่นางจึงตัดสินใจส่งเสียงบอกสาวใช้ที่นั่งอยู่กับทหารผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งบังคับม้า“หยุดรถก่อน...”เมื่อเสียงแว่วหวานเอ่ยสั่งการ รถม้าจึงค่อยๆ หยุดเคลื่อนตัวเพียงอึดใจล้อของรถม้าจึงหยุดหมุนแล้วจอดนิ่งอยู่กับที่“ฮูหยินน้อยต้องการสิ่งใดหรือไม่เจ้าคะ” สาวใช้นามเสี่ยวชุ่ยรีบหันหน้ามายกยิ้มจนตาหยีถามอย่างสงสัย“ข้าขอชมทิวทัศน์รอบนอกตรงนี้สักครู่ได้หรือไม่” หลิงเวยตัดสินเอ่ยถามด้วยถ้อยคำอ่อนหวานตามวิสัยที่ติดตัวมาแต่ไหนแต่ไรโดยไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น แต่ถึงกระนั้นสาวใช้ตรงหน้าก็ยังทำท่ากลัวเกรงเป็นอย่างยิ่งถึงแม้ว่าภรรยาของคุณชายใหญ่จะเป็นสตรีที่งดงามอ่อนหวานถึงเพียงนี้ แต่ทว่าสตรีที่สามารถเอาคุณชายใหญ่อยู่หมัดได้ย่อมไม่ธรรมดา นี่นับว่าเป็นจอมบัญชาของยอดปีศาจเลยทีเดียวสาวใช้คิดในใจอย่างหวาดผวาอยู่ลึกๆ ด้วยสีหน้าปั้นยิ้มเก็บข่มความหวาดกลัวเอาไว้ได้มิดชิดแล้วรีบกระวีกระวาดลงจากรถม้าไปหยิบเอาตั่งรองเท้ามาวางเอาไว้ให้โดยไม่กล้าถามอันใดให้มากความหลิงเวยมองตามสาวใช้อย่างนึกฉงน นางกล
และแล้วการเดินทางของสองสามีภรรยาก็ใกล้เข้าถึงจวนของตระกูลหลิงเต็มทีหลิงเวยนึกตื่นเต้นขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ หนึ่งคือนางไม่มีน้องชายที่สนิทสนมมากพอที่จะออกมาต้อนรับนางตามพิธีการ สองคือคนในบ้านมองเห็นนางไร้ค่าไร้ตัวตนตลอดมากระทั่งบ่าวรับใช้ยังมองนางไร้ความหมายไม่มีใครภักดี ย้อนกลับไปเมื่อวันแต่งงาน ยามที่นางแต่งออกจากบ้านไปนั้น บิดาได้จัดงานให้นางอย่างเร่งรัดรีบร้อนคล้ายกับกลัวว่าเจ้าบ่าวจะเปลี่ยนใจ นางจึงถูกจับโยนใส่เกี้ยวสีมงคลประหนึ่งเป็นเพียงเศษผ้ากระนั้น แล้ววันนี้จะแตกต่างอะไรกับวันนั้นหรือไม่กัน!หญิงสาวนึกกลัวเกรงขึ้นมาทั้งยังไม่อยากต้องขายหน้าให้ใครบางคนใครคนนั้นจะรู้สึกเช่นไรเมื่อที่บ้านของนางทำกับนางอย่างนี้ เขาจะรู้สึกเช่นไรเมื่อรู้ว่านางเป็นได้แค่นี้หลิงเวยนึกหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นเมื่อนึกถึงฟงชิน หยางขึ้นมาและยิ่งนึกอับอายเมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของนางกับเขาในฐานะบุตรแห่งตระกูลเขาเป็นบุตรชายคนโตทั้งยิ่งใหญ่ทั้งเป็นที่รักและน่ายำเกรง แต่นางเป็นแค่บุตรต่ำต้อยด้วยค่าที่ถูกลืมอีกครั้งที่หญิงสาวยิ่งคิดยิ่งหม่นแสงในชีวิตเพียงครู่รถม้าพลันหยุดตัวลงบ่งบอกได้ว่าถึ
ฟงชินหยางเห็นประตูจวนหนาหนักถูกบ่าวชายหลายคนมาเปิดออกจนกว้างดีแล้วจึงเหยียดกายของตนลงจากหลังม้าด้วยมาดงามสง่าแต่แผ่กลิ่นอายมืดครึ้มกดดันรุนแรงตลอดเวลา สายตามองกราดนับหัวผู้คนที่ทำงานชักช้าไม่ทันใจเขาเดินไปรอรับร่างบางของนางผู้เป็นภรรยาให้ลงจากรถม้าแล้วพากันเดินเข้าประตูใหญ่ไปด้วยกันโดยไม่สนใจพิธีรีตองอันใด ไม่มีน้องชายมารอรับแล้วอย่างไร ใครสนใจกัน!ชายหนุ่มเดินนำหน้าหญิงสาวเข้าประตูจวนมาด้วยมาดเข้มข้นไม่สนใจผู้ใดเมื่อเดินมาจนถึงตัวของพ่อบ้านประจำจวนจึงเอื้อมฝ่ามือใหญ่หนาตะปบบ่าของอีกฝ่ายแล้วบีบหนักๆ ไปหนึ่งทีพลางหรี่ตาคมดำจ้องมองเป็นเชิงเตือนว่าอย่าชักช้ารีบไปบอกนายของเจ้าเสียพ่อบ้านสูงวัยที่บ่าแทบหักคาฝ่ามือเหล็กของใครบางคนลำตัวคล้ายกับหดเล็กลงยิ่งกว่าเดิม เขามีหรือจะไม่เข้าใจ เขารีบก้าวเท้าถอยห่างแล้วเดินออกจากตัวอันตรายตรงหน้าในทันทีหลิงเวยได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามแผ่นหลังของคนตัวใหญ่ไปอย่างเงียบงัน นางไม่อยากมีเรื่องกับใครทั้งนั้น นางเพียงต้องการยกน้ำชาให้แล้วๆ เสร็จๆ กันไปเพียงครู่พ่อบ้านคนเดิมก็เดินยิ้มออกมาพร้อมกับบ่าวรับใช้คนสนิทของผู้นำตระกูลหลิง ทั้งสองยกยิ้มต้อนรับสอ
เมื่อฟงชินหยางและหลิงเวยเดินเข้ามาอยู่ตรงหน้าทุกคนเป็นที่เรียบร้อยพิธียกน้ำชาจึงเกิดขึ้นและดำเนินไปจนเสร็จสิ้นภายใต้สีหน้าหล่อเหลายกยิ้มเจ้าเล่ห์ตลอดเวลาของหลิงอี้ถังและใบหน้ามืดครึ้มคล้ายดังเมฆทึบบดบังของฟงชินหยาง หลิงเวยได้แต่มองทั้งสองตรงหน้าที่มีฐานะเป็นพ่อตากับลูกเขยอย่างนึกหวาดๆ กลัวเขาจะสาดอารมณ์ใส่กันจนเสียฤกษ์“เวยเอ๋อร์แต่งออกไปแล้วย่อมนับว่าดี” เสียงอ่อนหวานเสแสร้งของฮูหยินใหญ่คนปัจจุบันแห่งจวนเสนาบดีเอ่ยกับหลิงเวยด้วยกิริยางดงามตามแบบฉบับสตรีสูงส่งแห่งตระกูล นางต้องการให้คู่แข่งคนสำคัญของบุตรสาวตนได้กระเด็นออกไป บุตรีของสามีผู้นี้ทั้งงดงามเกินหน้าเกินตาทั้งมีความสามารถหลากหลาย นางจึงพยายามกดมันเอาไว้ตลอดมาเพื่อมิให้มันโดดเด่นเกินหน้าเกินตาของบุตรสาวนาง แต่งออกไปปานสายฟ้าฟาดเยี่ยงนั้นทั้งยังน่าอายเยี่ยงนี้ นับว่าดียิ่ง! “ย่อมเป็นเช่นนั้น” ฟงชินหยางรีบตอบกลับฮูหยินใหญ่ทันควัน “นางแต่งให้ข้าแล้วนับว่าเป็นคนของข้าอย่างเต็มตัวหาใช่คนของที่นี่ไม่” เขาควรชัดเจนในการเกี่ยวดองที่ไม่เต็มใจนี่ เขาไม่ยินยอมให้หลิงอี้ถังขยายอำนาจตระกูลโดยใช้เขาเป็นตัวเสริมฐานอำนาจอันใดหลิงเวยได้แ
ฝ่ามือน้อยๆ ทั้งนุ่มทั้งนิ่มได้แต่อ่อนแรงลงแนบลำตัวระหงในขณะที่เจ้าของฝ่ามือได้แต่ยืนหน้าแดงเนื่องจากออกแรงมากเกินกำลังหลิงเวยได้แต่ยืนเงยหน้ามองคนตัวใหญ่ที่ดื้อรั้นหมายกระทำการอุกอาจไม่สนใจสายตาของใครๆไยเขาไม่แอบทำ!หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งเม้มริมฝีปากแน่นจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าเงียบงันคล้ายแง่งอนฟงชินหยางเพียงยืนนิ่งไม่ไหวติงเช่นเดียวกัน เขาปรายสายตาคมดำมองหลิงเวยด้วยใบหน้ามืดครึ้มไร้ซึ่งการง้องอนใดๆสองสามีภรรยาได้แต่ยืนจ้องหน้ากันและกันนิ่งงันไม่มีใครยอมใครท่ามกลางสายตาหลากหลายของผู้คนในจวนตระกูล หลิงได้แต่ยืนมองคนทั้งคู่แล้วคิดกันไปต่างๆ นานาและหลายสายตาเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันว่าฝ่ายสตรีตัวน้อยนี้ช่างน่าสมเพชที่มีสามีตัวใหญ่น่ากลัวทั้งยังเกรี้ยวกราดเอาแต่ใจ หากสามีสะบัดฝ่ามือแค่เพียงเล็กน้อยภรรยาคงกระเด็นไปไกลน่าขันยิ่ง!เพียงครู่เสียงแว่วหวานของหลิงเวยพลันเอ่ย “เรากลับกันเถิด ข้าจะไปแจ้งท่านพ่อว่าไม่ต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับอันใด”นางเข้าใจสายตาหลากหลายนั่นดีนางไม่อยากอยู่ที่นี่นานเสียแล้ว“ข้ายังไม่อยากกลับ ข้าต้องการให้พ่อเจ้าจัดงานเลี้ยงต้อนรับ เอาให้จำไปจนตาย” เส้นเสียงทุ้มต
ฟงชินหยางยังคงนอนเหยียดตัวบนเตียงนอนยามเอ่ยสั่งการอย่างเอาแต่ใจ “เจ้าแค่ไปเรียกบ่าวไพร่ของเจ้ามาทำความสะอาดก็พอ”หลิงเวยจึงเงียบไป นางจะเรียกใช้งานใครได้ ในเมื่อยามก่อนเป็นถึงคุณหนูของจวนยังเอ่ยสั่งการยากเย็น ยามนี้แต่งออกไปแล้วนับเป็นคนนอกจะเอ่ยสั่งใครได้กัน อีกครั้งที่หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจอยู่ในอกพลางก้มหน้าลงต่ำแล้วเดินคอตกออกนอกห้องไปหลิงเวยเดินออกมาด้านหน้าของเรือนเห็นทหารติดตามของฟงชินหยางยืนกระจายตัวด้วยสีหน้าถมึงทึงท่าทางน่ากลัวอยู่เต็มหน้าเรือนและสาวใช้หนึ่งนางที่เดินทางมาด้วยกันจากจวนตระกูลฟง เหล่าทหารพวกนี้นางเห็นได้ชัดว่ามิใช่เพียงเหล่าทหารชั้นประทวนธรรมดา วันก่อนจะเดินทางมานั้นเหล่าทหารชั้นผู้น้อยหลายรายต่างทำความเคารพพวกเขาอย่างพินอบพิเทาก่อนออกเดินทาง อีกทั้งเครื่องแต่งกายของพวกเขายังบ่งบอกตำแหน่งแตกต่างจากทหารชั้นผู้น้อยที่นางเคยเจอ เช่นนั้นแล้วกลุ่มคนพวกนี้จึงนับได้ว่าเป็นแขกของนาง นางจึงเอ่ย “พวกเจ้าพักผ่อนตามสบายนะ ข้าจะไปสั่งโรงครัวทำอาหารมาให้”“ขอรับ/เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย” ทุกคนประสานเสียงตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียงแสดงความเคารพยำเกรงไม่สร่างซาหลิงเวยเห็นอย่างน
ภายในเรือนหลังเล็กท้ายจวนหลิงเวยกลับเข้ามาในเรือนทันทีก่อนจะรีบค้นหากระดาษออกมาจากชั้นของตู้ที่อยู่ในห้องนอนแล้วลงมือร่ายกลอนอย่างรวดเร็ว หญิงสาวใช้เวลาแค่เพียงไม่นานไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำสำหรับการเขียนกลอน ซึ่งหากเป็นคนอื่นคงใช้เวลาถึงครึ่งวันทันใดนั้นแผ่นกระดาษที่มีคำกลอนร่ายยาวพลันถูกกระชากออกจากโต๊ะตรงหน้าของหลิงเวยทำให้น้ำหมึกเปื้อนกระดาษทับตัวอักษรจนเป็นทางสีดำลากยาวเสียหายทั้งหมด“ท่าน!” นางร้องออกมาแค่นั้นเมื่อมองเห็นว่าเป็นใครฟงชินหยางคลี่กระดาษที่ดึงกระชากมาจากโต๊ะตรงหน้าของหลิงเวยเมื่อครู่ออกดูอยู่อึดใจแล้วฉีกมันออกเสียงดังแคว่กแล้วโปรยทิ้งไปอย่างไม่ใยดีแผ่นกระดาษเปื้อนน้ำหมึกจึงกระจัดกระจายปลิวว่อนอยู่กลางอากาศจนเต็มพื้นที่โดยมีบุรุษร่างหนายืนมองด้วยสายตามืดดำหลิงเวยถึงกับตาโตตกใจ “ท่านฉีกทำไม”“เหตุใดเจ้าต้องยอม” ชายหนุ่มถามเสียงเย็นสีหน้าไม่พอใจชัดเจน เขาแอบเดินตามนางไปได้เห็นทั้งหมด ทั้งพี่น้องทั้งแม่เลี้ยง หลิงเวยยืนอยู่ตรงนั้น นางยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางอสรพิษน่ารังเกียจพวกนั้น พวกมันน่าเชือดคอยิ่ง!ฟงชินหยางเอ่ยเสียงกดต่ำสีหน้าเย็นชา “เจ้าไม่ควรทำตัวเยี่ยงนี้”
เสียงดังโครมครามทำลายข้าวของเครื่องเรือนดังครืนๆ ทำเอาสาวใช้ของจวนตระกูลหลิงสามนางที่กำลังทำความสะอาดในเรือนชานต่างพากันตกใจวิ่งเข้ามาดูกันอย่างสามัคคี พวกนางมองเห็นสามีตัวโตของคุณหนูหลิงเวยกำลังกราดเกรี้ยวอาละวาดโดยที่คุณหนูเพียงยืนมองตามด้วยเนื้อตัวสั่นเทาใบหน้าแดงก่ำน้ำตาไหลรินอา...ภาพนี้ต้องบอกต่อแทนที่จะตระหนกตกใจ สาวใช้ทั้งสามนางกลับคิดไปอีกทาง และไม่คิดจะเข้าไปห้ามปรามหรือช่วยเหลือหลิงเวยแต่อย่างใด ทั้งยังทิ้งงานในมือวิ่งออกไปนอกเรือนเพื่อหมายจะคาบข่าวไปนินทาอย่างสนุกปากตามวิสัยการนินทาเจ้านายเป็นงานหลักยิ่งกว่างานใดๆฟงชินหยางยืนตระหง่านอยู่เหนือซากปรักหักพังของตู้โต๊ะตั่งเครื่องเรือนทั้งหลายทั้งเล็กทั้งใหญ่โดยไม่มีอาการเหนื่อยหอบใดๆ เลยสักนิด เขาสามารถพังเรือนทั้งหลังยังได้ชายหนุ่มปรายสายตาคมดุมองปราดไปที่ร่างบางของหญิงสาวอรชนที่ยืนนิ่งกะพริบตามองเขาผ่านม่านน้ำตาสีใสในครานี้น้ำตาของนางทำให้เขายิ่งคันตามเนื้อตัวโดยเฉพาะที่ฝ่ามือเขากำลังคันมืออยากฆ่าคน!“เจ้าไม่ควรอ่อนแอให้ใครเหยียบย่ำ” เขาเอ่ยเสียงกดต่ำครางคำราม “เจ้าควรเข้มแข็ง”หลิงเวยเงยหน้าขึ้นสู้สายตาคมดำอย่างไม่มีห
หลายวันผ่านไป...ภายในค่ายทหารยังคงฝึกหนักเสียงดังโชร้งเชร้งเคล้งคล้างดังเดิม มีการซ้อมเคลื่อนพลเคลื่อนทัพดังเดิม มีการผลิตอาวุธอันทรงพลังตามคำสั่งของท่านแม่ทัพตามเดิม มีกฎระเบียบที่แสนจะเคร่งครัดไม่มีลดหย่อนดังเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมและเพิ่มเติมมาก็คือท่านแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอยู่เหนือผู้ใดกำลังถูกสตรีอัปลักษณ์นางหนึ่งครอบงำ หลิงเวยยังคงดูแลจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ดูแลทำแผลที่ได้รับจากการฝึกหนักดูแลเรื่องอาหารการกินให้ฟงชินหยางเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะยังคงตีเนียนทำตัวเป็นเพียงทหารหญิงรับใช้คนสนิทให้เขาโดยหาได้เปิดเผยฐานะจริงๆ ของตนไม่ ด้วยยังคงยึดมั่นในคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ฟงชินหยางก็ยังคงให้ความร่วมมือกับภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน เขาย่อมตามใจภรรยาในทุกๆ เรื่องโดยไม่ถามหาเหตุผลอันใดให้มากความ ในยามกลางวันนางอยากเป็นทหารหญิงรับใช้ให้เขาก็ให้เป็นไป เพียงแต่ในยามค่ำคืนนางต้องตามใจเขาในทุกกระบวนท่าลีลารักที่เขามอบให้ภายในห้องโถงของเรือนท่านแม่ทัพฟงบนโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวมากมายหน้าตาน่าทานถูกจัดการเป็นพิเศษเพื่อท่านแม่ทัพฟงแต่เพียงผู้เดียวหลิงเวย
ฟงชินหยางเฝ้ากลืนกินภรรยาตัวน้อยตักตวงความสุขจากร่างบางนุ่มนิ่มพร้อมตอบกลับจัดให้ด้วยความสุขไม่ต่างกันหลิงเวยแหงนหน้าปรือตามองคนตัวใหญ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้มฉ่ำน้ำสบเข้าไปในดวงตาคู่คมที่กำลังทอประกายร้อนแรงก่อนถูกเขาปล้นลมหายใจด้วยจุมพิตเร่าร้อนเคล้าคลึงด้วยอารมณ์รัญจวนให้ยิ่งกระพือหวามไหวหัวใจเต้นเร่าๆ แทบทะลุออกมานอกอก ปลายลิ้นของทั้งสองโรมรันพัลวันก่อนจะลากไล้พันกันอีกเพียงครู่แล้วปล่อยออกจากกันเพื่อให้อิสระในการส่งเสียงครางครวญยามเมื่อเส้นทางปลายฝันเริ่มกระชั้นเข้ามาซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็มิรู้ได้ เส้นทางฝั่งฝันระยิบระยับของพวกเขาช่างมีมากเส้นนักหนา พวกเขาไต่เส้นฝันกันทั้งวันทั้งคืนไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนเตียงตั่งขาโก่งขางอคนสองคนร่างสองร่างที่กำลังสอดประสานเข้าออกรุนแรงยังคงเร่าร้อนไต่ระดับพายุอารมณ์โดยไม่มีเก็บข่มใดๆกายหนาหยาบแกร่งกระแทกกระทั้นกระตุ้นเร้าให้ร่างบางสั่นสะท้านขึ้นลงไม่หนักไม่เบามอบความกระสันเสียวซ่านสาดเข้าใส่จนมีบางอย่างสาดกระเซ็นคล้ายระลอกคลื่นของสายธารคล้ายลาวาร้อนฉ่าท่วมทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอ่อนนุ่มจนชุ่มชื้นถึงแม้จะมิได้เอื้อนเอ่ย ถึงแ
หลิงเวยหน้าแดงก่ำไม่สร่างซาเมื่อถูกบุรุษตัวใหญ่หนากระทำตามใจไม่เปลี่ยนแปลงแต่ทว่านางยังคงเชื่อฟังคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีถึงการปลอมตัวในครั้งนี้“ท่านไม่ควรทำตัวอย่างนี้กับสตรีแปลกหน้า” หลิงเวยเอ่ยคำเพื่อตักเตือนฟงชินหยางขณะถูกเขาช้อนร่างขึ้นอุ้มแล้วพานางมาวางบนเตียงนอนเตียงเดิมหลังจากที่เขาเข้ามาหานางตามคำเรียกหาแล้วพานางอาบน้ำใส่ผ้าแต่ทว่าเขากลับถอดผ้าของนางออกแล้วอุ้มนางมาที่เตียงนอน นางยังขาสั่นอยู่เลยทำต่อไม่ไหวเสียแล้ว“ลืมเรื่องเมื่อคืนแล้วหรือไร ไยความจำสั้น นี่มิใช่ว่าเราควรทำความรู้จักกันให้มากเข้าไว้หรอกหรือ” ฟงชินหยางยังคงให้ความร่วมมือในการปลอมตัวของภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีขณะกำลังขึ้นคร่อมนางแบบทั้งตัว“หากว่าเรารู้จักกันแล้วอย่างไร ภรรยาของท่านคงไม่ยินดี” หลิงเวยตีมึนถามเจ้าของแผงอกแข็งตึงที่กำลังเบียดเสียดกับหน้าอกนุ่มๆ ของนางอย่างต้องการลองหยั่งเชิงเขา“อา...ข้าจะบอกว่าอย่างไรดี อืม...” ฟงชินหยางทำท่าคิดหนักบางอย่าง “ข้าควรบอกว่ายังไม่มีภรรยา”“...!”และอีกคราที่หลิงเวยต้องส่งค้อนวงใหญ่ใส่ฟงชินหยางชายหนุ่มไม่สนใจดวงตาสวยใสที่กำลังมองค้อนขวับๆ ตรงหน้า เขายังคงก้มหน
“เจ้าหน้าบาก”“...!”เส้นเสียงทุ้มห้าวคำรามออกมาจากแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับหางคิ้วกระดิกมุมปากกระตุกไม่คิดจะถามชื่อแซ่กันเลยรึพี่ใหญ่!ฟงชินหยางยืนถมึงทึงเอ่ยสั่งการเสียงดังไปทางบุรุษตัวโตที่ใบหน้ามีหนวดเครารุงรังพร้อมรอยแผลเป็นลากยาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กลางลานกว้าง “เจ้าจงตามไปไต่สวนห้าคนนี้ร่วมกับรองแม่ทัพจิ่น เข้าใจหรือไม่เจ้าหน้าบาก”ฟงจินหมิงจึงลุกขึ้นยืนนิ่งๆ จ้องมองฟงชินหยางด้วยมาดไม่ธรรมดาพร้อมสายตาคมกล้าเอ่ยออกมา “ขอรับท่านแม่ทัพฟง”ฮึ่ม! ชื่อเจ้าหน้าบากก็ได้!“ออกไปให้หมด!” แม่ทัพหนุ่มคำรามอีกคราพาเอาเหล่าทหารกล้ารีบประสานมือเสียงดังพรึ่บพั่บก้มหัวคำนับแล้วรีบหมุนตัวจากไปอย่างไวฟงชินหยางจึงเดินตรวจตราภายในค่ายตามวิสัย ทุกทิศที่สายตาคมปลาบมองปราดไป เหล่าทหารทั้งหลายได้แต่อกสั่นขวัญแขวนรีบตรึงตัวขึงขังทำหน้าที่รับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มกำลังคนใดฝึกยิ่งฝึกหนัก คนใดแบกหามยิ่งแบกหาม คนใดกวาดลานยิ่งกวาดลาน คนใดแอบหลับยิ่งต้องตื่นเต็มตาหาไม่แล้วคงไม่แคล้วได้หลับไปตลอดกาล ความเจ้ากฎเจ้าระเบียบเที่ยงตรงไม่อาจดูแคลน ความโหดเหี้ยมแต่เปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรมไม่อา
บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องนอนของเรือนประจำตำแหน่งแม่ทัพหลิงเวยสะลึมสลือตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวตุบๆ รู้สึกพะอืดพะอมทั้งยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมากมายนักนางพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งพลันรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางหว่างขาและยิ่งปวดหนึบยิ่งกว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปนางรู้สึกคล้ายเอวจะเคล็ดเสียด้วยอา...สะโพกระบมไปหมดผิวเนื้อของนางถึงขั้นบวมน้ำเลยเชียวหญิงสาวนั่งระลึกถึงเรื่องราวเมื่อยามค่ำคืนอันร้อนแรงถึงจิตถึงใจกับฟงชินหยางสามีของนางนางพอจะจำได้เลือนรางว่านางรู้สึกแปลกๆ หลังจากที่ดื่มเหล้าของเขาเข้าไปหลังจากนั้นบนเตียงนอนนี้นางก็ถูกเขาจัดการเสียหลายท่าไม่ว่าจะเป็น นอนหงายฉีกขา นั่งผสานชันเข่า นอนคว่ำโก่งโค้ง นอนคว่ำคร่อมหลัง คลานเข่าเดินหน้า กึ่งนอนที่ขอบเตียง กระทั่งท่ายืนหันหน้าหันหลัง เขาขืนใจนางได้ทุกท่วงท่าด้วยลีลาร้ายกาจ แต่...อืม...หรือว่าเป็นนางที่ขืนใจเขาหลิงเวยสลัดศีรษะเบาๆ กะพริบตาขึ้นลงไล่ความมึนงงให้หลุดออกไป เห็นได้ชัดว่าในเหล้านั้นมียาบางอย่าง หากนางไม่เป็นคนดื่มมันแน่นอนว่าคนที่ดื่มมันย่อมต้องเป็นฟงชินหยางและหากว่านางมิได้เข้ามาแทรกกลางแน่นอนว่าคนที่มานอนที่เตียงนี่ย่
ภายในตลาดอันยิ่งใหญ่ของหัวเมืองหลักแห่งแคว้นเฉินยังคงมีผู้คนพลุกพล่านมากมายยิ่งกว่าในเมืองหลวงแห่งแว่นแคว้น ฟงลี่หลินได้รับหน้าที่ให้มาอารักษ์ขาองค์ชายฉีเล่ออย่างไม่เต็มใจแต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากฉีเล่อนั้นเข้าไปเอ่ยปากกับชินอ๋องด้วยตนเองว่าต้องการท่องเที่ยวและต้องการให้สตรีหน้าตาอัปลักษณ์อย่างฟงลี่หลินคอยดูแลปรนนิบัติหญิงสาวเดินตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของฉีเล่อด้วยสายตาเรียวสวยพิฆาตฟาดฟันบุรุษร่างสูงสง่าตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากว่าฉีเล่อนั้นเน้นย้ำเหลือเกินกับคำว่าปรนนิบัติ ทำเอาชินอ๋องเข้าใจผิดคิดว่าฉีเล่อนั้นติดอกติดใจนางตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากที่ได้รับการปรนนิบัติจากนาง ชินอ๋องรีบเอ่ยสั่งการให้นางที่เป็นผู้น้อยสมควรทำตามใจองค์ชายสูงศักดิ์ทุกอย่างทุกค่ำคืน หาไม่แล้วนางต้องรับโทษทัณฑ์ แค่นั้นยังไม่พอ ยามนางเดินผ่านข้ารับใช้ในวังชินอ๋องคนพวกนั้นยังกระซิบกระซาบว่าต้องการที่จะมาเรียนรู้ลีลากระบวนท่าการปรนนิบัติบุรุษจากนางทั้งๆ ที่หน้าตาของนางมีมลทิน นางยังมีความสามารถเหลือร้ายกระทั่งทำให้องค์ชายสูงศักดิ์ติดใจ หลายคนคิดอยากจะเป็นลูกศิษย์นางเลยเชียวฮึ่ม! ฟงลี่หลินครางฮึม
ฟงชินหยางพาเรือนร่างสูงใหญ่มายืนตระหง่านอยู่ที่ลานกว้างของค่ายทหารในเวลาแค่เพียงไม่นานหลังจากที่เอ่ยสั่งการลงโทษนายทหารหน้าห้องที่บังอาจมายืนเรียกเขาเสียงดังจนทำภรรยาตกใจชายหนุ่มกวาดสายตาคมดำเย็นเยียบแผ่กลิ่นอายมืดครึ้มมองไปทั่วยังบุคคลทั้งหลายที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างที่ลานกว้างแห่งนี้มีทหารหลายนายยืนคุมเชิงอยู่โดยรอบ ในขณะที่ตรงกลางลานมีบุคคลแปลกหน้าในอาภรณ์แปลกตาอยู่ห้าคนที่ถูกจับมัดตรึงเสียแน่นให้นั่งเรียงรายในสภาพสะบักสะบอมเนื้อตัวฟกช้ำมีบาดแผลหลายแห่งร่องรอยคล้ายกับถูกพยัคฆ์กัดขย้ำฟงชินหยางหรี่ตาลงมองที่สองในห้ามีสตรีสองนางที่อยู่ในอาภรณ์บางเบาวาบหวิวกำลังนั่งตัวสั่นงันงกผิดกับเมื่อยามค่ำคืนที่พยายามเหลือเกินกับการยั่วเย้ายั่วยวน และหนึ่งในสตรีสองนางนี้ยังบังอาจใส่ยาปลุกกำหนัดในเหล้าของเขานอกจากนั้นยังมีบุรุษหนุ่มคนหนึ่งนั่งคุกเข่าไกลออกไปจากห้าคนที่ถูกจับมัดเป็นห่อนึ่ง บุรุษผู้นั้นมีรอยบากของแผลเป็นพาดเฉียงจากหว่างคิ้วลากมาถึงสันกรามข้างขวาฟงชินหยางกระตุกยิ้มบางเบาตรงมุมปากไร้ใครสังเกตนั่นมันน้องรองที่ปลอมตัวมามิใช่หรือไร?“เรียนท่านแม่ทัพ” เสียงของทหารนายหนึ่งที่ม
เพลายามรุ่งสางใกล้สว่างมาเยือน...เสียงกระเส่าแหบพร่ายังคงครวญครางแว่วหวานอยู่ใต้ร่างใหญ่หนาของฟงชินหยางเป็นรอบที่เท่าไหร่มิอาจนับ จนกระทั่งนางใต้ร่างหลับลึกไปแล้วชายหนุ่มจึงก้มหน้าลงจรดจมูกคมสันกับไรผมชื้นเหงื่อของนางและแตะไล้เรียวปากเบาๆ สลับหนักๆ ไปตามหน้าผากกลมมนที่มีหยดน้ำพร่างพราวอยู่เต็มวงหน้าของนางก่อนพลิกกายใหญ่หนาลงนอนเคียงข้างนางพลางตวัดวงแขนล่ำสันโอบกอดกระชับนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ถึงแม้ว่าหลิงเวยจะหลับใหลไปแล้วแบบไม่รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อยามค่ำคืนจนกระทั่งยามนี้แต่ฟงชินหยางก็ยังคงเป็นสามีที่ดีทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพื่อชดเชยช่วงเวลาห้าปีที่ห่างหายไป เขาจะทำนางให้สะใจให้หายคิดถึงกันไปเลย แต่ทว่ายิ่งทำก็ยิ่งคึกทำจนหยุดทำไม่ได้ สภาพของภรรยาจึงเป็นอย่างที่เห็น นางคล้ายกับร่างกายขาดน้ำสลบไสลไปเลยทีเดียวเขาควรให้น้ำนางอีก น้ำของเขาช่างมีเหลือเฟือชายหนุ่มก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังหลับตาพริ้มเหงื่อกาฬไหลเยิ้มริมฝีปากบวมเป่งตามลำตัวขาวนวลมีริ้วรอยฝากรักสีแดงเป็นจ้ำเล็กจ้ำน้อยอย่างถ้วนทั่ว ในขณะที่แผงอกและแผ่นหลังของฝ่ายชายหนุ่มเองก็มีรอยขีดข่วนจากเล็บงามๆ ข
"องค์ชายทรงรู้ว่าหมายถึงสิ่งใด"ฟงลี่หลินเดินตามมาพลางกระซิบกระซาบฝ่าความมืดมิดด้วยเพราะเกรงว่าใครจะได้ยิน “เอามา...”นางกำลังปลอมตัวอยู่นะ มันสำคัญยิ่ง! ฉีเล่อนึกขันเสียจริงกับสตรีข้างกายที่กำลังส่งสายตาเรียวคมสวยเฉียบฟาดใส่เขาอยู่ตลอดเวลา "ข้าไม่รู้ว่าคือสิ่งใด" "องค์ชาย..." ฟงลี่หลินลากเสียงยาวเย็นเยียบอารมณ์เดือดปุดๆ "เอาแผลเป็นของข้าคืนมา" นางกล่าวพลางก้มมองที่ฝ่ามือใหญ่หนาของบุรุษหน้าตายตรงหน้า"..."ฉีเล่อหมดคำพูดกับสตรีแปลกประหลาด นางถูกจับได้ว่าปลอมตัวมาแต่นางยังคงมึนได้ใจ ไยไม่รีบแก้ตัวแล้วหลบหนีไป น่าชังจริง!"หากอยากได้คืน เจ้าแค่บอกกล่าวแก่ข้า" ฉีเล่อเริ่มหว่านล้อมสตรีตรงหน้าที่กำลังก้มหน้ามองฝ่ามือของเขาจนเขาต้องเอาฝ่ามือหลบเอาไว้ที่ด้านหลังทั้งยังกำแผลเป็นของนางเอาไว้แน่นไม่ยอมคืนให้นางง่ายๆ "ข้าไม่มีอะไรจะบอกแก่ท่าน" ฟงลี่หลินขมวดคิ้วขัดใจ นางเตรียมมาแค่เพียงอันเดียว ยังปลอมตัวไม่ทันพ้นคืนเลยมันทำยากด้วยนะ ไยเขาถึงถือวิสาสะลอกมันออกจากใบหน้าของนาง น่าชังนัก!องค์ชายแห่งแคว้นเป่ยฉีเริ่มหรี่ตามองสตรีของแคว้นเฉินที่แปลกคนเหลือเกินในยามนี้แล้วเอ่ยเสียงต่ำใส่หน้านาง "เ