หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ร้อยรักติดงานที่มหาวิทยาลัยต้องกลับดึก และช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน อานนท์ก็อาสาขับรถมาส่งเธอเหมือนทุกครั้ง เมื่อลงจากรถเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นติณณ์กำลังเดินเซขึ้นบันไดบ้าน ซึ่งรู้ทันทีว่าเขาเมา เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้เขาไม่ได้ไปทำงาน ทุกเย็นวันศุกร์ชายหนุ่มจะดื่มจนเมากลับมาบ้านทุกครั้ง
ร้อยรักรีบสาวเท้าเดินกึ่งวิ่งไปช่วยประคองร่างใหญ่ที่กำลังจะเซล้มและก็รับได้ทันเวลาพอดี แต่ตัวเขาใหญ่และหนักจึงทำให้เธอรับน้ำหนักของชายหนุ่มไม่ได้จนเธอล้มก้นกระแทกพื้นโดยมีร่างของเขาล้มทับอยู่เหนือร่าง
โอ๊ย!
ตุ้บ!
“อะไรวะ เพราะเธอเลยฉันถึงล้ม” ติณณ์โวยวายใส่คนที่วิ่งเข้ามารับตนโดยไม่สำนึกเลยว่าหญิงสาวมารับตัวเองเพื่อไม่ให้ล้มก้นกระแทกพื้นแล้วเขายังจะมาต่อว่าเธออีก
“ขอโทษค่ะ” เธอขอโทษเขาพร้อมกับดันเขาที่นั่งทับเธอให้ลุกขึ้น เพราะเธอรับน้ำหนักเขาไม่ไหว
“รู้ก็ดีแล้ว” ติณณ์ประคองร่างตัวเองลุกขึ้นพร้อมกับคว้าจับราวบันไดยึดร่างตัวเองไว้
“ให้รักช่วยไหมคะ” ด้วยกลัวว่าเขาจะตกบันไดเลยขันอาสา
“ก็ดีเหมือนกัน เธอเพิ่งกลับ” หันมาเห็นชุดของอีกฝ่ายยังเป็นชุดนักศึกษา
“ค่ะ พอดี...”
“ฉันไม่อยากรู้เหตุผล พาฉันไปส่งบนห้องเดี๋ยวนี้ ฉันอยากอาบน้ำนอนแล้ว” เขารีบเอ่ยแทรกตัดคำพูดของหล่อนทันทีพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นในหัว กลิ่นตัวของร้อยรักเมื่อกี้นี้มันแปลกและก็หอมไม่เหมือนใคร ทำไมเขาไม่เคยได้กลิ่นนี้มาก่อน หรือเพราะว่าตัวเธอเปียก เขาถึงได้กลิ่นแบบนี้
“ค่ะ” แล้วเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินประคองเขาขึ้นบันไดบ้าน เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้วจะเที่ยงคืนแล้ว เขาคงง่วงมากจริงๆ แถมยังเมาด้วย
“หนูส่งคุณติณณ์ที่หน้าห้องนะคะ” เธอบอกเขาเมื่อประคองเขาขึ้นมาหยุดที่หน้าห้องนอนของเขาแล้ว
“ทำไมไม่เข้าไปส่งข้างในให้จบงานล่ะ อาสาพามาแล้ว” เขาบอกหญิงสาว แม้ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองต้องการอะไรกันแน่ เพราะตลอดที่ก้าวเดินขึ้นบันไดมา กลิ่นกายของเด็กสาวมันช่างเย้ายั่วเหลือเกิน จนเขาอยากสัมผัสแม่คนตัวเล็กที่ตนเกลียดแสนเกลียดคนนี้ดูสักครั้ง
“หนูเปียก เดี๋ยวห้องคุณติณณ์จะสกปรกค่ะ” เธอบอกเขา
“เธอก็ทำความสะอาดสิ ไปส่งฉันในห้อง” พูดจบก็บิดผลักประตูดันเปิดเข้าไป
“ค่ะ” แล้วเธอก็ต้องพาเขาเข้าไปในห้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ พอก้าวพ้นประตูห้องมาแล้วก็ได้ยินเสียงประตูกระแทกปิด และคนที่ปิดก็คือเจ้าของห้อง เขาใช้เท้ายันปิดประตู ตอนนี้แหละที่ร้อยรักรู้สึกว่าเขาน่ากลัวกว่าปกติที่เจอทุกวันและก็มีลางสังหรณ์บอกว่าไม่ปลอดภัย
“หนูส่งแค่นี้นะคะ” เธอผละถอยห่างจากร่างใหญ่ที่ประคองอยู่ทันที เมื่อรู้ถึงอันตราย แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมือใหญ่ของเขาคว้าจับเอวเล็กของเธอกระตุกรั้งเข้าไปหาจนเสียหลักปะทะกับหน้าอกของเขา
ว้าย!
“จะไปไหน ยังไม่ถึงเตียงเลยยัยเฉิ่ม”
“หนูจะกลับห้องค่ะ คุณติณณ์ปล่อยนะคะ”
หึหึ
“เธอคิดว่าเมาแค่นี้ ฉันจะพาตัวเองขึ้นมาบนห้องไม่ได้เหรอยัยเด็กกาฝาก ฉันเมาประจำก็ขึ้นมาห้องเองตลอดไม่เห็นต้องขอให้ใครพาขึ้นห้องเลย มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่อาสาพาฉันขึ้นห้อง” เขาเพิ่มแรงไปที่มือหนาที่คว้าจับเอวเล็กแน่นขึ้น
“หนู...”
“ปากเธอเนี่ยมันพูดเป็นคำแค่นี้วนไปวนมาเท่านั้นเหรอยัยเด็กเฉิ่ม”
ว่าอย่างรำคาญแล้วใช้มือใหญ่อีกข้างผละออกจากที่รัดเอวเล็กมาเชยคางมนให้แหงนเงยขึ้นหาตนเอง แล้วก็โน้มหน้าลงมากระแทกปากหนาบดจูบอย่างรวดเร็ว แล้วอาศัยจังหวะนี้ขบเม้มริมฝีปากอวบอิ่มของสาวน้อยแล้วสอดแทรกเรียวลิ้นสากเข้าไปควานชิมรสของโพรงปากน้อย
“อ่ะ...อื้อ...”
เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่บดขยี้กระแทกกันโดยมีลิ้นสากของติณณ์สอดแทรกควานกลืนความหวานในโพรงปากน้อยพร้อมกับไล่ต้อนเรียวลิ้นเล็กของสาวน้อยไร้เดียงสา ที่ตอนนี้อ่อนระทวยจะร่วงทรุดกับพื้น เขาอุ้มเอวเล็กไว้แล้วก็ปล้ำจูบเอาแต่ใจ เพียงแค่จูบยังหวานหอมขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นตัวเธอล่ะ จะหวานขนาดไหน กลิ่นก็หอมแปลกๆ
“อ่า...อื้อ...” พอคนตัวโตถอนจูบร้อนหยาบโลนออกมา หล่อนก็ตัวอ่อนซบไปกับหน้าอกกว้างของคนตัวโตด้วยความอ่อนแรงและหอบหายใจแรงด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัวในสัมผัสของติณณ์
“ทำเป็นจูบไม่เป็น” เขาแสยะยิ้มเย้ยคนในอ้อมกอดพร้อมคลายกอดที่รัดเอวเล็กออกแล้วดันร้อยรักออกห่างเล็กน้อย
“คุณทำแบบนี้กับหนูทำไม อือ...” ยังคงเหนื่อยหอบจากจูบ ตอนนี้ขาของเธอแทบจะทรงตัวเองไม่อยู่ เป็นเพราะเขาคนเดียวที่ปล้นลมหายใจของหล่อนไปเมื่อกี้
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าปากของคนเฉิ่มๆ อย่างเธอ มันจะมีรสยังไง ก็ใช้ได้นี่”
ปากพูดอย่าง แต่ในใจบอกว่ายิ่งกว่าใช้ได้ทีเดียว มันทั้งหวานและหอมมาก และตอนนี้เขาก็อยากจูบหล่อนอีก เท้าใหญ่ก้าวไปหาคนตัวเล็กกว่าที่ถอยก้าวไปชิดประตูห้อง แต่ยังไม่ทันถึงตัวสาวเจ้าก็เอ่ยขึ้นมา
“คะ...คุณติณณ์เมาแล้ว หนูกลับก่อนนะคะ” เธอบอกเขาแล้วก็อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังชะล่าใจและไม่ทันระวังตัวรีบหมุนตัวบิดลูกบิดห้องเปิดออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ติณณ์คว้าร่างเล็กไว้ไม่ทัน
ปัง!
เสียงประตูห้องกระแทกปิดรุนแรงพร้อมกับร่างเล็กในชุดนักศึกษาหายไปต่อหน้าต่อตา มือใหญ่ได้แต่ทุบประตูห้องด้วยความหงุดหงิดแล้วปลดเปลื้องชุดสูทสากลของตัวเองออกทิ้งเหลือแต่กายเปลือยเปล่า แล้วก็ก้มมองความเป็นบุรุษที่ตอนนี้มันแข็งตัวขึ้นเพราะร้อยรักก็ได้แต่กัดกรามแน่น
กรอด!
“ยัยเด็กบ้า คอยดูนะ ฉันจะไม่ปล่อยไปแค่นี้แน่”
หมายมาดกับตัวเองแล้วเดินตัวเปลือยไปยังห้องน้ำโดยไม่สนใจเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งกองไว้ที่หน้าประตู ตอนนี้เขาต้องการน้ำเย็นๆ เพื่อดับความร้อนรุ่มของกายเนื้อที่หว่างขาของตัวเอง จะโทรหาจูลี่มันก็ดึกแล้ว จึงได้แต่กัดฟันแน่นให้น้ำเย็นๆ ของฝักบัวบรรเทาความร้อนรุ่มในครั้งนี้
“อ่า...เจอฉันแน่ยัยเด็กบ้า อือ...”
เช้าวันเสาร์ร้อยรักไม่มีเรียน เธอจึงตื่นแต่เช้าเหมือนปกติที่ตื่นเป็นประจำมาช่วยงานแม่บ้านในบ้านทำความสะอาดแต่เช้า และก็ช่วยทำมื้อเช้าให้กับผู้มีพระคุณพร้อมกับลูกชายของท่าน เมื่อทำมื้อเช้าเสร็จเธอจึงกลับขึ้นไปบนห้อง เพราะเช้านี้เธอไม่พร้อมจะเจอหน้าของติณณ์ ด้วยภาพเมื่อคืนยังคงติดตรึงใจและความรู้สึก เขาเป็นจูบแรกของหล่อนด้วย เขาทำแบบนั้นทำไม ทั้งๆ ที่เขาเกลียดเธอ ด้านปรางทิพย์ลงมาทานมื้อเช้าเห็นเด็กตักข้าวต้มปลามาให้ตัวเองจึงถามหาร้อยรักก็ได้ความว่าเช้านี้หญิงสาวไม่หิว นางก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้แล้วมองไปยังทางหน้าห้องรับประทานอาหาร ที่ตอนนี้ลูกชายคนดีน้อยของนางเดินเข้ามา นางจึงสั่งให้เด็กตักข้าวต้มปลาให้ลูกชายตัวเองบ้าง ติณณ์ไม่เห็นร้อยรักร่วมรับประทานอาหารด้วยจึงได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากทานอาหารเช้าด้วยความอร่อยกว่าทุกวัน พร้อมกับชวนผู้เป็นแม่พูดคุยและชวนท่านไปเที่ยวพักผ่อน หรือว่าท่านอยากไปเที่ยวไหนกับเพื่อนๆ หรือเปล่าในช่วงนี้ เขาจะเป็นสปอนเซอร์ออกค่าใช้จ่ายให้แม่และเพื่อนๆ ของแม่เอง “ทำไมลูกชายแม่ดูใจดีแปลกๆ” ปรางทิพย์เอ่ยถามลูกชายพร้อมกับตักข้าวต้มเข้าปา
เปรี้ยง! เปรี้ยง!เปรี้ยง!เสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องดังอยู่ด้านนอก แต่คนข้างในห้องไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้ฝนฟ้าพายุข้างนอกจะน่ากลัวแค่ไหน เพราะตัณหาราคะกำลังครอบงำพวกเขาทั้งสองอยู่ ร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองเคลื่อนไหวบิดพลิ้วไปตามจังหวะโยกเร่าของร่างกายที่สอดประสานแทรกกลืนบดเบียดเสียดสีเร่าร้อนเข้าออกเป็นจังหวะ“อ่า...อืม...ไม่ไหวแล้วติณณ์” เสียงครางกระเส่าหวานพร่าเปล่งออกมาแข่งกับเสียงฟ้าร้องข้างนอกพร้อมแอ่นเร่าร่างเปลือยของตัวเองขึ้นหาคนตัวโตเหนือร่าง“อือ...ใจเย็นๆ จูลี่ อือ...” ไม่ใช่แค่หล่อนที่ร้อนรุ่มทรมานเสียวกลางร่าง เขาเองก็เสียวร้อนไม่แพ้หล่อน เคลื่อนไหวเข้าออกจังหวะเร่าร้อนหนักหน่วง เพื่อส่งตัวเองให้ถึงสวรรค์พร้อมกับเสียงฝนที่กระหน่ำตกอยู่ข้างนอกบ้านเปรี้ยง!เปรี้ยง! เปรี้ยง! ระหว่างที่ทั้งสองกำลังระเริงสวาทกันในขณะฝนตกอยู่นั้น หน้าห้องของติณณ์ก็มีใครบางคนเดินผ่านมาพอดี และเผอิญได้ยินเสียงครางพร่าของทั้งสองที่ประตูห้องปิดแนบไม่สนิท เท้าเล็กหยุดเดินมาแนบเอียงหูฟังเสียงของเจ้าของห้องอย่างไร้มารยาท โดยไม่สนใจร่างที่เปียกปอนของตัวเองแม้แต่น้อย แนบหูไปกับประตูห้องพร้อมกั
เช้าวันเสาร์ร้อยรักไม่มีเรียน เธอจึงตื่นแต่เช้าเหมือนปกติที่ตื่นเป็นประจำมาช่วยงานแม่บ้านในบ้านทำความสะอาดแต่เช้า และก็ช่วยทำมื้อเช้าให้กับผู้มีพระคุณพร้อมกับลูกชายของท่าน เมื่อทำมื้อเช้าเสร็จเธอจึงกลับขึ้นไปบนห้อง เพราะเช้านี้เธอไม่พร้อมจะเจอหน้าของติณณ์ ด้วยภาพเมื่อคืนยังคงติดตรึงใจและความรู้สึก เขาเป็นจูบแรกของหล่อนด้วย เขาทำแบบนั้นทำไม ทั้งๆ ที่เขาเกลียดเธอ ด้านปรางทิพย์ลงมาทานมื้อเช้าเห็นเด็กตักข้าวต้มปลามาให้ตัวเองจึงถามหาร้อยรักก็ได้ความว่าเช้านี้หญิงสาวไม่หิว นางก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้แล้วมองไปยังทางหน้าห้องรับประทานอาหาร ที่ตอนนี้ลูกชายคนดีน้อยของนางเดินเข้ามา นางจึงสั่งให้เด็กตักข้าวต้มปลาให้ลูกชายตัวเองบ้าง ติณณ์ไม่เห็นร้อยรักร่วมรับประทานอาหารด้วยจึงได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากทานอาหารเช้าด้วยความอร่อยกว่าทุกวัน พร้อมกับชวนผู้เป็นแม่พูดคุยและชวนท่านไปเที่ยวพักผ่อน หรือว่าท่านอยากไปเที่ยวไหนกับเพื่อนๆ หรือเปล่าในช่วงนี้ เขาจะเป็นสปอนเซอร์ออกค่าใช้จ่ายให้แม่และเพื่อนๆ ของแม่เอง “ทำไมลูกชายแม่ดูใจดีแปลกๆ” ปรางทิพย์เอ่ยถามลูกชายพร้อมกับตักข้าวต้มเข้าปา
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ร้อยรักติดงานที่มหาวิทยาลัยต้องกลับดึก และช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน อานนท์ก็อาสาขับรถมาส่งเธอเหมือนทุกครั้ง เมื่อลงจากรถเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นติณณ์กำลังเดินเซขึ้นบันไดบ้าน ซึ่งรู้ทันทีว่าเขาเมา เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้เขาไม่ได้ไปทำงาน ทุกเย็นวันศุกร์ชายหนุ่มจะดื่มจนเมากลับมาบ้านทุกครั้ง ร้อยรักรีบสาวเท้าเดินกึ่งวิ่งไปช่วยประคองร่างใหญ่ที่กำลังจะเซล้มและก็รับได้ทันเวลาพอดี แต่ตัวเขาใหญ่และหนักจึงทำให้เธอรับน้ำหนักของชายหนุ่มไม่ได้จนเธอล้มก้นกระแทกพื้นโดยมีร่างของเขาล้มทับอยู่เหนือร่าง โอ๊ย! ตุ้บ! “อะไรวะ เพราะเธอเลยฉันถึงล้ม” ติณณ์โวยวายใส่คนที่วิ่งเข้ามารับตนโดยไม่สำนึกเลยว่าหญิงสาวมารับตัวเองเพื่อไม่ให้ล้มก้นกระแทกพื้นแล้วเขายังจะมาต่อว่าเธออีก “ขอโทษค่ะ” เธอขอโทษเขาพร้อมกับดันเขาที่นั่งทับเธอให้ลุกขึ้น เพราะเธอรับน้ำหนักเขาไม่ไหว “รู้ก็ดีแล้ว” ติณณ์ประคองร่างตัวเองลุกขึ้นพร้อมกับคว้าจับราวบันไดยึดร่างตัวเองไว้ “ให้รักช่วยไหมคะ” ด้วยกลัวว่าเขาจะตกบันไดเลยขันอาสา “ก็ดีเหมือนกัน เธอเพิ่งกลับ” ห
เปรี้ยง! เปรี้ยง!เปรี้ยง!เสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องดังอยู่ด้านนอก แต่คนข้างในห้องไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้ฝนฟ้าพายุข้างนอกจะน่ากลัวแค่ไหน เพราะตัณหาราคะกำลังครอบงำพวกเขาทั้งสองอยู่ ร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองเคลื่อนไหวบิดพลิ้วไปตามจังหวะโยกเร่าของร่างกายที่สอดประสานแทรกกลืนบดเบียดเสียดสีเร่าร้อนเข้าออกเป็นจังหวะ“อ่า...อืม...ไม่ไหวแล้วติณณ์” เสียงครางกระเส่าหวานพร่าเปล่งออกมาแข่งกับเสียงฟ้าร้องข้างนอกพร้อมแอ่นเร่าร่างเปลือยของตัวเองขึ้นหาคนตัวโตเหนือร่าง“อือ...ใจเย็นๆ จูลี่ อือ...” ไม่ใช่แค่หล่อนที่ร้อนรุ่มทรมานเสียวกลางร่าง เขาเองก็เสียวร้อนไม่แพ้หล่อน เคลื่อนไหวเข้าออกจังหวะเร่าร้อนหนักหน่วง เพื่อส่งตัวเองให้ถึงสวรรค์พร้อมกับเสียงฝนที่กระหน่ำตกอยู่ข้างนอกบ้านเปรี้ยง!เปรี้ยง! เปรี้ยง! ระหว่างที่ทั้งสองกำลังระเริงสวาทกันในขณะฝนตกอยู่นั้น หน้าห้องของติณณ์ก็มีใครบางคนเดินผ่านมาพอดี และเผอิญได้ยินเสียงครางพร่าของทั้งสองที่ประตูห้องปิดแนบไม่สนิท เท้าเล็กหยุดเดินมาแนบเอียงหูฟังเสียงของเจ้าของห้องอย่างไร้มารยาท โดยไม่สนใจร่างที่เปียกปอนของตัวเองแม้แต่น้อย แนบหูไปกับประตูห้องพร้อมกั