หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ร้อยรักติดงานที่มหาวิทยาลัยต้องกลับดึก และช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน อานนท์ก็อาสาขับรถมาส่งเธอเหมือนทุกครั้ง เมื่อลงจากรถเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นติณณ์กำลังเดินเซขึ้นบันไดบ้าน ซึ่งรู้ทันทีว่าเขาเมา เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้เขาไม่ได้ไปทำงาน ทุกเย็นวันศุกร์ชายหนุ่มจะดื่มจนเมากลับมาบ้านทุกครั้ง
ร้อยรักรีบสาวเท้าเดินกึ่งวิ่งไปช่วยประคองร่างใหญ่ที่กำลังจะเซล้มและก็รับได้ทันเวลาพอดี แต่ตัวเขาใหญ่และหนักจึงทำให้เธอรับน้ำหนักของชายหนุ่มไม่ได้จนเธอล้มก้นกระแทกพื้นโดยมีร่างของเขาล้มทับอยู่เหนือร่าง
โอ๊ย!
ตุ้บ!
“อะไรวะ เพราะเธอเลยฉันถึงล้ม” ติณณ์โวยวายใส่คนที่วิ่งเข้ามารับตนโดยไม่สำนึกเลยว่าหญิงสาวมารับตัวเองเพื่อไม่ให้ล้มก้นกระแทกพื้นแล้วเขายังจะมาต่อว่าเธออีก
“ขอโทษค่ะ” เธอขอโทษเขาพร้อมกับดันเขาที่นั่งทับเธอให้ลุกขึ้น เพราะเธอรับน้ำหนักเขาไม่ไหว
“รู้ก็ดีแล้ว” ติณณ์ประคองร่างตัวเองลุกขึ้นพร้อมกับคว้าจับราวบันไดยึดร่างตัวเองไว้
“ให้รักช่วยไหมคะ” ด้วยกลัวว่าเขาจะตกบันไดเลยขันอาสา
“ก็ดีเหมือนกัน เธอเพิ่งกลับ” หันมาเห็นชุดของอีกฝ่ายยังเป็นชุดนักศึกษา
“ค่ะ พอดี...”
“ฉันไม่อยากรู้เหตุผล พาฉันไปส่งบนห้องเดี๋ยวนี้ ฉันอยากอาบน้ำนอนแล้ว” เขารีบเอ่ยแทรกตัดคำพูดของหล่อนทันทีพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นในหัว กลิ่นตัวของร้อยรักเมื่อกี้นี้มันแปลกและก็หอมไม่เหมือนใคร ทำไมเขาไม่เคยได้กลิ่นนี้มาก่อน หรือเพราะว่าตัวเธอเปียก เขาถึงได้กลิ่นแบบนี้
“ค่ะ” แล้วเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินประคองเขาขึ้นบันไดบ้าน เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้วจะเที่ยงคืนแล้ว เขาคงง่วงมากจริงๆ แถมยังเมาด้วย
“หนูส่งคุณติณณ์ที่หน้าห้องนะคะ” เธอบอกเขาเมื่อประคองเขาขึ้นมาหยุดที่หน้าห้องนอนของเขาแล้ว
“ทำไมไม่เข้าไปส่งข้างในให้จบงานล่ะ อาสาพามาแล้ว” เขาบอกหญิงสาว แม้ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองต้องการอะไรกันแน่ เพราะตลอดที่ก้าวเดินขึ้นบันไดมา กลิ่นกายของเด็กสาวมันช่างเย้ายั่วเหลือเกิน จนเขาอยากสัมผัสแม่คนตัวเล็กที่ตนเกลียดแสนเกลียดคนนี้ดูสักครั้ง
“หนูเปียก เดี๋ยวห้องคุณติณณ์จะสกปรกค่ะ” เธอบอกเขา
“เธอก็ทำความสะอาดสิ ไปส่งฉันในห้อง” พูดจบก็บิดผลักประตูดันเปิดเข้าไป
“ค่ะ” แล้วเธอก็ต้องพาเขาเข้าไปในห้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ พอก้าวพ้นประตูห้องมาแล้วก็ได้ยินเสียงประตูกระแทกปิด และคนที่ปิดก็คือเจ้าของห้อง เขาใช้เท้ายันปิดประตู ตอนนี้แหละที่ร้อยรักรู้สึกว่าเขาน่ากลัวกว่าปกติที่เจอทุกวันและก็มีลางสังหรณ์บอกว่าไม่ปลอดภัย
“หนูส่งแค่นี้นะคะ” เธอผละถอยห่างจากร่างใหญ่ที่ประคองอยู่ทันที เมื่อรู้ถึงอันตราย แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมือใหญ่ของเขาคว้าจับเอวเล็กของเธอกระตุกรั้งเข้าไปหาจนเสียหลักปะทะกับหน้าอกของเขา
ว้าย!
“จะไปไหน ยังไม่ถึงเตียงเลยยัยเฉิ่ม”
“หนูจะกลับห้องค่ะ คุณติณณ์ปล่อยนะคะ”
หึหึ
“เธอคิดว่าเมาแค่นี้ ฉันจะพาตัวเองขึ้นมาบนห้องไม่ได้เหรอยัยเด็กกาฝาก ฉันเมาประจำก็ขึ้นมาห้องเองตลอดไม่เห็นต้องขอให้ใครพาขึ้นห้องเลย มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่อาสาพาฉันขึ้นห้อง” เขาเพิ่มแรงไปที่มือหนาที่คว้าจับเอวเล็กแน่นขึ้น
“หนู...”
“ปากเธอเนี่ยมันพูดเป็นคำแค่นี้วนไปวนมาเท่านั้นเหรอยัยเด็กเฉิ่ม”
ว่าอย่างรำคาญแล้วใช้มือใหญ่อีกข้างผละออกจากที่รัดเอวเล็กมาเชยคางมนให้แหงนเงยขึ้นหาตนเอง แล้วก็โน้มหน้าลงมากระแทกปากหนาบดจูบอย่างรวดเร็ว แล้วอาศัยจังหวะนี้ขบเม้มริมฝีปากอวบอิ่มของสาวน้อยแล้วสอดแทรกเรียวลิ้นสากเข้าไปควานชิมรสของโพรงปากน้อย
“อ่ะ...อื้อ...”
เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่บดขยี้กระแทกกันโดยมีลิ้นสากของติณณ์สอดแทรกควานกลืนความหวานในโพรงปากน้อยพร้อมกับไล่ต้อนเรียวลิ้นเล็กของสาวน้อยไร้เดียงสา ที่ตอนนี้อ่อนระทวยจะร่วงทรุดกับพื้น เขาอุ้มเอวเล็กไว้แล้วก็ปล้ำจูบเอาแต่ใจ เพียงแค่จูบยังหวานหอมขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นตัวเธอล่ะ จะหวานขนาดไหน กลิ่นก็หอมแปลกๆ
“อ่า...อื้อ...” พอคนตัวโตถอนจูบร้อนหยาบโลนออกมา หล่อนก็ตัวอ่อนซบไปกับหน้าอกกว้างของคนตัวโตด้วยความอ่อนแรงและหอบหายใจแรงด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัวในสัมผัสของติณณ์
“ทำเป็นจูบไม่เป็น” เขาแสยะยิ้มเย้ยคนในอ้อมกอดพร้อมคลายกอดที่รัดเอวเล็กออกแล้วดันร้อยรักออกห่างเล็กน้อย
“คุณทำแบบนี้กับหนูทำไม อือ...” ยังคงเหนื่อยหอบจากจูบ ตอนนี้ขาของเธอแทบจะทรงตัวเองไม่อยู่ เป็นเพราะเขาคนเดียวที่ปล้นลมหายใจของหล่อนไปเมื่อกี้
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าปากของคนเฉิ่มๆ อย่างเธอ มันจะมีรสยังไง ก็ใช้ได้นี่”
ปากพูดอย่าง แต่ในใจบอกว่ายิ่งกว่าใช้ได้ทีเดียว มันทั้งหวานและหอมมาก และตอนนี้เขาก็อยากจูบหล่อนอีก เท้าใหญ่ก้าวไปหาคนตัวเล็กกว่าที่ถอยก้าวไปชิดประตูห้อง แต่ยังไม่ทันถึงตัวสาวเจ้าก็เอ่ยขึ้นมา
“คะ...คุณติณณ์เมาแล้ว หนูกลับก่อนนะคะ” เธอบอกเขาแล้วก็อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังชะล่าใจและไม่ทันระวังตัวรีบหมุนตัวบิดลูกบิดห้องเปิดออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ติณณ์คว้าร่างเล็กไว้ไม่ทัน
ปัง!
เสียงประตูห้องกระแทกปิดรุนแรงพร้อมกับร่างเล็กในชุดนักศึกษาหายไปต่อหน้าต่อตา มือใหญ่ได้แต่ทุบประตูห้องด้วยความหงุดหงิดแล้วปลดเปลื้องชุดสูทสากลของตัวเองออกทิ้งเหลือแต่กายเปลือยเปล่า แล้วก็ก้มมองความเป็นบุรุษที่ตอนนี้มันแข็งตัวขึ้นเพราะร้อยรักก็ได้แต่กัดกรามแน่น
กรอด!
“ยัยเด็กบ้า คอยดูนะ ฉันจะไม่ปล่อยไปแค่นี้แน่”
หมายมาดกับตัวเองแล้วเดินตัวเปลือยไปยังห้องน้ำโดยไม่สนใจเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งกองไว้ที่หน้าประตู ตอนนี้เขาต้องการน้ำเย็นๆ เพื่อดับความร้อนรุ่มของกายเนื้อที่หว่างขาของตัวเอง จะโทรหาจูลี่มันก็ดึกแล้ว จึงได้แต่กัดฟันแน่นให้น้ำเย็นๆ ของฝักบัวบรรเทาความร้อนรุ่มในครั้งนี้
“อ่า...เจอฉันแน่ยัยเด็กบ้า อือ...”
เช้าวันเสาร์ร้อยรักไม่มีเรียน เธอจึงตื่นแต่เช้าเหมือนปกติที่ตื่นเป็นประจำมาช่วยงานแม่บ้านในบ้านทำความสะอาดแต่เช้า และก็ช่วยทำมื้อเช้าให้กับผู้มีพระคุณพร้อมกับลูกชายของท่าน เมื่อทำมื้อเช้าเสร็จเธอจึงกลับขึ้นไปบนห้อง เพราะเช้านี้เธอไม่พร้อมจะเจอหน้าของติณณ์ ด้วยภาพเมื่อคืนยังคงติดตรึงใจและความรู้สึก เขาเป็นจูบแรกของหล่อนด้วย เขาทำแบบนั้นทำไม ทั้งๆ ที่เขาเกลียดเธอ ด้านปรางทิพย์ลงมาทานมื้อเช้าเห็นเด็กตักข้าวต้มปลามาให้ตัวเองจึงถามหาร้อยรักก็ได้ความว่าเช้านี้หญิงสาวไม่หิว นางก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้แล้วมองไปยังทางหน้าห้องรับประทานอาหาร ที่ตอนนี้ลูกชายคนดีน้อยของนางเดินเข้ามา นางจึงสั่งให้เด็กตักข้าวต้มปลาให้ลูกชายตัวเองบ้าง ติณณ์ไม่เห็นร้อยรักร่วมรับประทานอาหารด้วยจึงได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากทานอาหารเช้าด้วยความอร่อยกว่าทุกวัน พร้อมกับชวนผู้เป็นแม่พูดคุยและชวนท่านไปเที่ยวพักผ่อน หรือว่าท่านอยากไปเที่ยวไหนกับเพื่อนๆ หรือเปล่าในช่วงนี้ เขาจะเป็นสปอนเซอร์ออกค่าใช้จ่ายให้แม่และเพื่อนๆ ของแม่เอง “ทำไมลูกชายแม่ดูใจดีแปลกๆ” ปรางทิพย์เอ่ยถามลูกชายพร้อมกับตักข้าวต้มเข้าปา
ติณณ์โน้มโค้งตัวลงไปหาเต้าอวบอูมที่เบียดดุนดันกันในยกทรงสีหวานของร้อยรักราวกับคนหิวโหย เขาดูดเม้มเนินอกอวบอูม สองมือก็บีบนวดเฟ้นทั้งสองเต้าเป็นจังหวะหนักหน่วง ไม่สนใจว่ามือเล็กจะปัดผลักดันหน้าตัวเองออกห่างจากหน้าอกของเธอยังไง ตอนนี้เขาต้องการความอวบหยุ่นของหล่อน ใช้มือแข็งแรงกระตุกดึงยกทรงจนขาดครึ่งพร้อมกับสองเต้าเปิดเด้งออกมาจากยกทรงที่ปิดบังไว้ “อ่ะ...อื้อ...คุณติณณ์ มะ...ไม่นะคะ อ่า...” หล่อนดิ้นและดันหน้าของเขาออกห่าง แล้วก็ต้องครางพร่าและรู้สึกเจ็บเมื่อปากหนาของเขากัดเม้มยอดอกของเธอ “อ่า...ถึงเวลาที่เธอต้องตอบแทนเงินที่ฉันหามาให้เธอใช้แล้วนะยัยกาฝาก แม่ฉันใจดีกับเธอก็จริง แต่ฉันต้องการสิ่งนี้ตอบแทน อ่า...” ครางพร่าพร้อมคว้ามือเล็กทั้งสองไปตรึงไว้เหนือหัวเพียงมือเดียว แล้วอีกมือก็บีบเด้งดุนดันยอดอกของหล่อนที่ตื่นตัวชูชันสู้ปากหนาของตนเอง เขาระรัวแตะปลายลิ้นสากกับยอดอกสีหวานแล้วสลับดูดเม้มกับอีกเต้าอวบอูม “อ่า...หนูเจ็บ อย่ากัดแบบนั้น อ่า...อื้อ...” หล่อนเจ็บเมื่อปากหนาของเขากัดหมับที่ยอดอกของเธอเต็มแรง และเขาก็ผละออกไปกัดอีกข้าง ติณณ์ไม่ได้ย
“อ่ะ...คุณติณณ์ ยะ...อย่าทำอะไรรักเลยนะคะ อือ...อ่า ร้อน...” แม้ปากจะบอกห้ามเขา แต่ก็ครางพร่าไปกับสัมผัสของบุรุษแข็งแรง หล่อนกำมือแน่นข้างลำตัวเมื่อความร้อนรุ่มทรมานกลางร่างกำลังเร่งเร้า “อ่า...ฉ่ำเหลือเกินรัก เธอฉ่ำให้ฉัน อ่า...”เขาคลี่มือกับกลีบสวาทที่ปิดแนบสนิทของหล่อนแล้วก็เห็นเม็ดเกสรกลางกายสาวสีชมพูระเรื่อที่อาบคลอไปด้วยน้ำสวาทขุ่นข้นของหล่อน เรียวลิ้นสากไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้รับรสของสาวน้อย ติณณ์ตวัดปลายลิ้นลากไล้ดูดกลืนความเป็นสาวของร้อยรัก “อ่า...คุณติณณ์ ชะ...ช่วยรักด้วย รักร้อน อ่า...ร้อนเหลือเกินค่า อือ...” หล่อนครางเร่าร้อนเสียวทรมานปวดเร่าในช่องท้องราวกับมีคลื่นลมแรงพัดอยู่ข้างใน และยิ่งไปกว่านั้น เหงื่อของเธอก็ซึมผุดเต็มหน้าและเนื้อตัวก็ชื้นเหงื่อเช่นกันในตอนนี้ “อ่า...แน่นอน ฉันจะช่วยเธอยัยเด็กกาฝาก อือ...หวานเหลือเกิน รู้ไหม...ฉันไม่เคยทำแบบนี้ให้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเล
ฝนข้างนอกหยุดตกและเสียงฟ้าก็เงียบไป แต่มีเสียงร้องไห้สะอื้นของร้อยรักดังขึ้นมาแทน ตอนนี้หล่อนกำลังก้มลงเก็บเสื้อผ้าของตัวเองด้วยมือที่สั่นเทา ทั้งเสียใจและเจ็บปวด หล่อนรักเขา รักผู้ชายที่ชื่อติณณ์มาตลอด แต่ทำไมเขาถึงย่ำยีทำเหมือนเธอเป็นผู้หญิงไร้ค่าแบบนี้ “อย่าสำออยได้ไหม แค่นี้เอง อีกอย่างเธออาศัยอยู่ในบ้านฉันตั้งแต่เด็กก็ควรตอบแทนลูกชายเจ้าของบ้านบ้าง และถ้าการถูกเอาแค่นี้ ทำให้เธอหมดอาลัยตายอยากในชีวิตนักก็ไปตายซะ อย่ามาร้องไห้ให้ได้ยิน น่ารำคาญ” พูดจบก็ลุกขึ้นก้าวขายาวๆ ไปยังโต๊ะทำงานมุมห้องของตัวเองเพื่อหยิบซองบุหรี่ออกมาแล้วก็ไฟแช็กที่วางใกล้กันออกมาติดบุหรี่สูบโดยไม่คิดจะสนใจคนที่ร้องไห้สะอื้นร่วมห้อง ร้อยรักมองแผ่นหลังใหญ่ของคนตัวโตที่ยืนเปลือยเปล่าสูบบุหรี่อยู่ที่ข้างโต๊ะทำงานของเขาแล้วก็รีบแต่งของตัวเอง เขาร้ายเหลือเกิน เขาร้ายยังไงก็ร้ายแบบนั้น เขาไม่เคยใจดีหรือพูดดีกับเธอสักครั้ง ขนาดว่าตอนนี้เขาได้เธอแล้ว และเป็น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “หนูรักให้ฉันเข้าไปได้ไหมจ๊ะ” ปรางทิพย์เคาะประตูพร้อมบอกเจ้าของห้อง เงียบ... “ไม่มีเสียงตอบโต้ตะโกนออกมานางจึงรัวมือเคาะประตูห้องอีกครั้งและดังกว่าเดิม ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “หนูรักไม่สบายรึเปล่าลูก”นางร้องถามเจ้าของห้องดังกว่าเดิม และด้านในเจ้าของห้องเมื่อได้ยินเสียงก็ขยับตัวไล่ความปวดเมื่อยของตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง หล่อนปวดหัวและกินยาไปเมื่อตอนที่พี่ส้มขึ้นมาตามไปทานข้าวจึงทำให้เพลียและง่วงมากตอนนี้ “หนูรักลูก” “คะคุณท่าน” เธอตะโกนตอบกลับเมื่อได้ยินเสียงเรียกอีกครั้ง&nb
กว่าจะเช็ดตัวให้ร้อยรักเสร็จก็เล่นเอาเขาเหนื่อย พอเช็ดตัวเสร็จก็มาถึงกินยา แล้วเขาจะทำยังไงดี ร้อยรักไม่ยอมตื่นมากินยาเลย ปลุกเท่าไหร่หล่อนก็มีแต่ครางพึมพำ เขาจึงต้องป้อนเธอด้วยปากของเขา เขาเอาเม็ดยาเข้ามาไว้ในปากแล้วก็บดจูบปากน้อยพร้อมกับมือบีบคางของเธอให้อ้าปาก พอปากน้อยเปิดติณณ์ก็ใช้ลิ้นของตัวเองดุนดันยาเข้าไปในปากของเธอและผละออกมายกแก้วน้ำดื่มมาดื่มแต่ไม่กลืน แล้วก็กลับไปจูบปากซีดของสาวน้อยอีกครั้ง ร้อยรักสำลักน้ำออกมาพร้อมกับยาไหลลงคอไป “อ่า...ยัยกาฝาก ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะ แต่ที่ทำเพราะฉันสมเพช” ผละร่างเล็กที่ตระกองกอดขึ้นมาจูบป้อนยาก่อนหน้าลงไปนอนบนเตียงราวกับรังเกียจ “ฉันต้องได้ค่าตอบแทนกับสิ่งที่ทำไปวันนี้” ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ร้อยรักป่วยแท้ๆ ยังจะหวังค่าตอบแทนจากหญิงสาวอีก ติณณ์ลุกขึ้นแล้วห่มผ้าให้ร้อยรัก แต่เธอก็ยังหนาวสั่นปากสั่นอยู่ดี เขาไม่รู้จะทำ
เขาเอ่ยเสียงพร่าเคลื่อนตัวขยับไปใกล้แนบชิดเบียดร่างเล็กของสาวน้อยตรงหน้า สองมือใหญ่บีบเคล้นขยำความอวบหยุ่นทั้งสองเข้าพร้อมกับโน้มหน้าก้มลงไปซุกซบและดูดเม้มยอดอกสีหวานและตวัดระรัวปลายลิ้นหยอกเอินไปมาพร้อมกับลากลิ้นสากขึ้นมายังแอ่งชีพจรที่เคลื่อนไหวตามแรงหอบหายใจของเจ้าของร่างเล็ก“อือ...คะ...คุณติณณ์ อ่า...” หล่อนไม่อาจห้ามเขาได้เมื่อเขาดุนดันให้เธอนอนราบไปกับเตียง ร้อยรักพ่ายแพ้ยอมอ่อนโยนไปกับเขา เพียงแค่มือหยาบกร้านสัมผัสและปากหนาอุ่นร้อนของเขาแตะละเลงลงมายังยอดอกเธอก็ร้อนเสียวในท้องน้อยขึ้นมา“อ่า...เห็นไหม เธอเองก็ต้องการฉัน ยัยกาฝาก แค่ฉันจับเลีย ดูดนิดเดียว เธอก็ร้อนสู้มือและครางให้ฉัน”ร่างใหญ่เปลือยเปล่าขึ้นคร่อมทับเจ้าหล่อนพร้อมกับสองมือยังคงบีบเคล้นขยำสองเต้า มันนุ่มหยุ่นไปกับมือไม่เหมือนกับผู้หญิงหลายๆ คนที่เขาผ่านมา หล่อนพวกนั้นล้วนแต่เป็นบล็อกทั้งนั้น แต่กับร้อยรักไม่ใช่ เธอแน่นอวบอูมนุ่มมือเป็นธรรมชาติ“อ่า...ฉันอยากเข้าไปในตัวเธอรัก อ่า...ฉันอยากได้ตอนนี้”“อือ...คุณติณณ์...” เสียงหวานครางเรียกชื่อชายเหนือร่างพร้อมกับตวัดเรียวแขนเล็กโ
มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สองและครั้งต่อๆ มาตามมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เป็นเวลาสามเดือนกว่าแล้วที่ตกเป็นนางบำเรอกลางดึกให้กับติณณ์ เขามักมาหาเธอบ่อยๆ แทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้ และกลางดึกคืนนี้ก็เช่นกัน เขาเพิ่งเสร็จสมความสุขแล้วกลับไปยังห้องนอนของเขา โดยทิ้งให้เธอนอนกอดตัวเองในความมืดและนอกบ้านฝนก็ตกหนัก ช่วงนี้พายุเข้ามาทีละหลายๆ วันเลยทำให้ช่วงนี้หนาวเย็นในกลางดึก ฮือๆๆๆ “อึก! คุณทำไมถึงใจร้ายกับหนูแบบนี้ แม้แต่คำพูดดีๆ ปลอบโยนสักครั้ง คุณก็ยังไม่เคยพูดกับหนู แถมยังเย็นชาทำเหมือนกับหนูเป็นเพียงแค่ที่ระบายความใคร่ อึก! ฮือๆๆ”กอดตัวเองร้องไห้ในความมืดพึมพำตัดพ้อคนที่จากไปจนหลับไป เป็นแบบนี้ทุกคืน และเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องยอมเขาและเฝ้ารอเขามาหาทุกคืนด้วย หากวันไหนเขาหายไป เธอก็จะเฝ้ารอจนนอนไม่หลับ และก็ยิ่งเจ็บปวดเมื่อชายที่รอพาผู้หญิงกลับมาค้างที่บ้านด้วย “
5 ปีต่อมา ตนุภัทรกับรติมาวิ่งเล่นที่สนามเด็กเล่นหน้าบ้าน ตอนนี้หนูน้อยฝาแฝดทั้งสองอายุได้ 5 ขวบแล้ว ติณณ์กับร้อยรักนั่งที่เสื่อมองดูลูกๆ วิ่งเล่นกัน สนามเด็กเล่นหน้าบ้านติณณ์เพิ่งสร้างเมื่อต้นปีที่แล้วเพื่อให้ลูกๆ วิ่งเล่น และวันนี้เป็นวันหยุดจึงชวนร้อยรักมาปูเสื่อนอนเล่นที่สนามเด็กเล่นกัน ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนหนุนตักภรรยาคนสวย ใครจะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะกลับตัวกลับใจเป็นคุณพ่อและสามีที่ดีของร้อยรักได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ตลอดระยะเวลาที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำให้ร้อยรักร้องไห้ วันนี้ที่บ้านหลังนี้ก็มีแค่เขากับร้อยรักอยู่ เพราะแม่ของเขาไปปฏิบัติธรรมที่วัดตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน “รักจ๋า...” “คะพี่ติณณ์” “พี่รักรักนะครับ” 
ปัง! “อ่า...รักไม่ไหวแล้ว ฉันไม่ไหวแล้ว” ทันทีที่ปิดประตู ติณณ์ก็เดินก้าวยาวๆ ไปยังเตียงที่เต็มไปด้วยของเล่นของลูกๆ เขาไม่สนใจว่าจะทับหักหรือทำหัก ตอนนี้เขาร้อนรุ่มเหลือเกิน ต้องการแนบชิดบดเบียดในกายคับแน่นของร้อยรัก ต้องการให้หล่อนตอดรัดหนักหน่วง “อือ...ใจเย็นๆ ค่ะพี่ติณณ์ อ่า...” หล่อนบอกห้ามเขาและช่วยเขาถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ตอนนี้เธอเองก็ใจร้อนไม่ต่างจากเขา “อือ...ไม่ไหวแล้วที่รัก ให้พี่เถอะนะ” ติณณ์โน้มหน้าไปบดจูบปากน้อย ส่วนมือก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกด้วยความรีบร้อน และไม่นานติณณ์ก็ปลดเปลื้องชุดของตัวเองออกให้พ้นทางได้ ส่วนของร้อยรักเธอเองก็ถอดออกแล้วเช่นกัน “อ่า...สวยเหลือเกินรัก” มือหนาลูบไล้ผิวกายนวลเนียนของร้อยรักพร้อมกับเคลื่อนจูบไล้สัมผัสตามร่างเปลือยที่บิดเร่าร้อนไปมาอยู่ใต้ร่าง
“ทิ้งความเจ็บปวด ทิ้งสิ่งเลวๆ ที่ฉันทำกับเธอ ทิ้งและลืมคำพูดถากถาง ทิ้งคำพูดที่บั่นทอนจิตใจเธอ ทิ้งทุกอย่างที่ฉันทำไม่ดีกับเธอได้ไหม ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอนะรัก ฉันรักเธอ มันคือสิ่งเดียวที่ฉันอยากปฏิเสธ แต่ฉันปฏิเสธมันไม่ได้ เพราะฉันรักเธอ” เขาเคลื่อนมือมากุมมือเล็กที่ทาบทับหน้าอกของตนเองแล้วก็โน้มลงไปจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมนของคนที่แหงนเงยขึ้นมองหน้าตนเองร้อยรักยืนนิ่งพูดไม่ออกและไม่ได้ปัดสัมผัสของเขา เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาที่ประทับจูบลงมาที่หน้าผากของเธอ เธอก็ใจสั่นระรัวเต้นแรงและรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนจากสัมผัสแผ่วเบาของชายหนุ่ม“ถ้า...ถ้าไม่ได้เกลียดแล้วทำไมตอนเด็กๆ วันแรกที่หนูย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน คุณถึงวิ่งเข้ามาผลักหนูพร้อมกับกระชากกระเป๋าไปโยนทิ้ง” เรื่องนี้ในวัยเด็กมันคาใจเธอมาตลอด เพราะอะไรวันแรกที่เดินเข้ามา เขาถึงต้อนรับเธอแบบนั้น แสดงความไม่ชอบและเกลียดเธอชัดเจน“ฉัน...ฉันจะพูดยังไงดี ฉันเป็นผู้ชายตัวโต แต่ใจฉันแคบและเล็กมาก ฉันกลัว...กลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่รักฉันถ้ามีเธอเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย และพ่อกับแม่ก็ใส่ใจเธอ อะไรก็เธอ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเ
เมื่อกลับมาอยู่บ้าน ร้อยรักไม่ยอมไปอยู่ห้องกับติณณ์และลูก และขออนุญาตคุณท่านขนข้าวของของลูกน้อยย้ายมาไว้ที่ห้องตนเอง ส่วนติณณ์เธอก็ไม่ยอมให้เขาเข้ามาในห้อง เข้าใกล้ลูกๆ ได้ แต่อย่าเข้ามาใกล้เธอ ถ้าเธออยู่กับลูก เขาต้องไปอยู่ที่อื่น เพราะเธอไม่อยากเจอหน้าของเขา “เป็นอย่างไรบ้างลูก” ปรางทิพย์ถามร้อยรักที่กำลังนั่งให้นมลูกอยู่ในห้องนอนส่วนตัวของเธอ ส่วนติณณ์อยากเข้ามาด้วย แต่ถูกเจ้าของห้องมองตาขวาง เขาจึงได้แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตูดูลูกน้อยดูดนมจากเต้าของหญิงสาว เขาอยากเข้าไปหา ไปโอบกอด ไปหอมแก้มนวลนั้นให้ชื่นใจ “รู้สึกแปลกนิดหน่อยค่ะ น้องตองว่าง่าย แต่น้องต้นดื้อนิดหน่อยค่ะ” หล่อนยิ้มให้กับตนุภัทรที่กำลังดูดนมของตนเองอยู่ ส่วนรติมานั้นอิ่มแล้วนอนกอดตุ๊กตาอยู่ข้างๆ เธอ “แล้วน้ำนมออกดีไหมลูก” นางถามเพราะร้อยรักนอนนานตั้งสองเดือนกว่า
ณ ยุโรป กรุงโรมด้านปรางทิพย์ทันทีที่ได้รู้เรื่องจากลูกชาย นางก็นั่งไม่ติดรีบจัดการเก็บข้าวของกลับมาเมืองไทยทันที แม้จะโกรธและไม่อยากเชื่อสิ่งที่ติณณ์บอกเล่า แต่มันก็คือความจริง นางจึงต้องเดินทางกลับมาก่อนกำหนดที่ตั้งใจไว้“พี่ปรางเดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าป้อมไม่ติดต้องดูแลโทนี่ ป้อมก็จะไปด้วย” ตอนนี้สามีของป้อมใจป่วย นางจึงไม่สามารถเดินทางได้ในช่วงนี้“ไม่เป็นไรหรอกป้อม พี่ต้องกลับไปจัดการกับหลานตัวดีของป้อม และตอนนี้หนูรักก็ยังไม่ได้สติด้วย พี่ล่ะเหนื่อยใจจริงๆ กับลูกคนนี้ ไม่รู้จะเลวไปถึงไหน” นางพูดพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่รินไหลออกมา“พี่ปรางไม่คิดบ้างเหรอคะว่าตาติณณ์รักหนูรัก”“ก็เคยคิด แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยนะป้อม ถึงแม้ว่าหนูรักจะแอบรักตาติณณ์ก็เหอะ พี่ล่ะอุตส่าห์ดีใจที่หนูรักย้ายออกไปอยู่หอตอนพี่มาที่นี่ แต่ก็ยังไม่พ้นมือของเจ้าลูกเลว” พูดแล้วก็เจ็บใจและโกรธลูกชายตัวดีนัก ไม่รู้ทำกับร้อยรักแบบนั้นได้ยังไง เกลียดยังไงก็ไม่น่าย่ำยีเธอแบบนั้น“เอาน่าพี่ ไหนๆ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว เดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าโทนี่หายแล้วป้อ
นานห้าชั่วโมงที่ร้อยรักอยู่ในห้องผ่าตัด ติณณ์นั่งไม่ติดเดินวนเวียนไปมาหน้าห้องผ่าตัด เพราะมาถึงหมอก็ตรวจและบอกเขาว่าต้องรีบผ่าตัดด่วน ไม่งั้นจะไม่รอดทั้งแม่และลูก เนื่องจากร้อยรักเสียเลือดมาก และก็ไม่มั่นใจว่าลูกของเขาจะรอดปลอดภัย เพราะชีพจรเต้นอ่อนเหลือเกินตอนนี้ “ขอร้อง...อย่าทิ้งฉันไปนะรัก ขอร้อง...อยู่กับฉันก่อน อยู่ให้ฉันได้ชดใช้ความเลวของฉันก่อน อึก! ฮือๆๆ” ติณณ์นั่งคุกเข่าที่หน้าห้องผ่าตัดยกมือทาบอกตัวเองร้องไห้ เพราะนานเหลือเกินที่รอคอยประตูห้องผ่าตัดเปิดออก แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดออก “ติณณ์ น้องรักเป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่ได้รับสายจากติณณ์ เรียมก็รีบมาหาเพื่อนทันทีด้วยความเป็นห่วง อึก! “เรียม...ลูกกับเมียฉันอยู่ข้างใน จนตอนนี้ยังไม่ออกมาเลย หมอยังไม่ออกมาสักคนเลย พยาบาลก็ไม่เห็นออกมา อึ
จากที่จะไปห้างสรรพสินค้าซื้อข้าวของเครื่องใช้เตรียมไว้ให้ลูกก็ต้องกลับมาบ้าน เพราะร้อยรักไม่ไป เธออยากกลับบ้าน เธอเพลีย เธออยากพักผ่อน พอมาถึงบ้านมดกับส้มก็เอาน้ำอุ่นมาให้เธอแช่เท้าทันที ตอนนี้สองสาวก็รู้เห็นทุกเรื่องของเธอกับติณณ์ แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดหรือถามเธอและโทรเล่าให้คุณท่านฟัง เพราะเขาสั่งห้ามไว้ ตอนนี้เขาก็นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับชวนเธอพูดคุยถึงเรื่องชื่อลูกทั้งสอง แต่เหมือนเขาพูดคนเดียว เพราะหญิงสาวไม่โต้ตอบหรือออกความเห็นอะไรเลยสักอย่าง “เธอจะไม่พูดกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะรัก” ติณณ์ทนความเงียบไม่ไหว “คะ” “เธอเป็นอะไร” “เป็นกาฝากของบ้านค่ะ และท้องไม่มีพ่อ เรียนก็ไม่จบค่ะ” “ใครบอกว่าไม่มีพ่อ ก็ฉันนี่ไงพ่อของลูกเธอ และเป็นผัวเธอด้วย”&nbs
จากขึ้นมาตามลงไปทานข้าวจนตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว ติณณ์เพิ่งจะถอนกายอุ่นร้อนออกจากกายฉ่ำของร้อยรัก เขามองร่างเปลือยเปล่าที่อวบอิ่มแล้วสายตาเข้มก็มาหยุดที่ท้องโตของเธอก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วเดินไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่ รวมถึงเสื้อผ้าของร้อยรักด้วย “แต่งตัวสิ ไปกินข้าว ป่านนี้กับข้าวเย็นหมดแล้วมั้ง” “พะ...เพราะคุณติณณ์นั่นแหละ แล้วพี่เรียมอีก ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง คุณติณณ์ปล่อยพี่เรียมไว้คนเดียวได้ยังไง” ทั้งอายและโกรธเขาที่เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ “เรียมคงรอเราหรอก นี่สามทุ่มจะสี่ทุ่มแล้ว แต่งตัวไปกินข้าวได้แล้ว ท้องเธอร้องแล้วนะ” โครก! คราก! ทันทีที่สุดความของติณณ์ ท้องของร้อยรักก็ส่งเสียงออกมาให้อับอาย 
“ก็หนูบอกว่าไม่หิว ทำไมคุณติณณ์ต้องบังคับด้วยคะ” เธอตอบเสียงเบา“ถึงไม่หิวยังไงก็ต้องกิน เธอจะเป็นแม่คนอยู่แล้วนะรัก อีกอย่างเธอทำแบบนี้ไม่ให้ฉันคิดว่าเธอหึงฉันคงไม่ได้หรอกนะเด็กน้อย”ติณณ์มั่นใจว่าตัวเองพูดไม่ผิดแน่ ร้อยรักต้องหึงเขา ถ้างั้นแสดงว่าเจ้าหล่อนก็ต้องรักเขาน่ะสิ รักงั้นเหรอติณณ์ เขาเคยหวังอะไรแบบนี้จากเด็กของคุณแม่ได้ยังไง เขาเกลียดเธอไม่ใช่เหรอ ใช่...เขาเกลียดเธอ แต่ทำไมตอนนี้เขากลับอยากกอดเธอนานๆ ไม่อยากปล่อยร่างอวบนี้เลย“รักไม่ได้หึงคุณติณณ์ ไม่มีวันหึงด้วย เพราะรักเกลียดคุณติณณ์ ได้ยินไหมคะว่ารักเกลียดคุณติณณ์ รัก...อ่ะ...อื้อ”แล้วประโยคของร้อยรักก็พูดไม่สุดความเมื่อติณณ์ทนฟังคำว่า ‘เกลียด’ ตัวเองจากปากเล็กไม่ไหว เขาจึงประคองหน้าเล็กแล้วก็บดจูบหนักหน่วงทันที พร้อมดุนดันปลายลิ้นสากเข้าไปทำโทษเรียวลิ้นน้อยของเธอด้วยความกรุ่นโกรธและโหยหาในคราเดียวกัน“อ่า...หวานเหลือเกินรัก ฉันอยากทำแบบนี้กับเธอทุกวัน” เขาถอนจูบร้อนรุ่มที่แสนปรารถนาและรอคอยมาตลอดออกมพึมพำกับใบหน้างามแล้วก็โน้มก้มหน้าต่ำไปจูบปากน้อยที่เผยอรอท่าอยู่อีกครั้ง