มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สองและครั้งต่อๆ มาตามมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เป็นเวลาสามเดือนกว่าแล้วที่ตกเป็นนางบำเรอกลางดึกให้กับติณณ์ เขามักมาหาเธอบ่อยๆ แทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้ และกลางดึกคืนนี้ก็เช่นกัน เขาเพิ่งเสร็จสมความสุขแล้วกลับไปยังห้องนอนของเขา โดยทิ้งให้เธอนอนกอดตัวเองในความมืดและนอกบ้านฝนก็ตกหนัก ช่วงนี้พายุเข้ามาทีละหลายๆ วันเลยทำให้ช่วงนี้หนาวเย็นในกลางดึก
ฮือๆๆๆ
“อึก! คุณทำไมถึงใจร้ายกับหนูแบบนี้ แม้แต่คำพูดดีๆ ปลอบโยนสักครั้ง คุณก็ยังไม่เคยพูดกับหนู แถมยังเย็นชาทำเหมือนกับหนูเป็นเพียงแค่ที่ระบายความใคร่ อึก! ฮือๆๆ”
กอดตัวเองร้องไห้ในความมืดพึมพำตัดพ้อคนที่จากไปจนหลับไป เป็นแบบนี้ทุกคืน และเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องยอมเขาและเฝ้ารอเขามาหาทุกคืนด้วย หากวันไหนเขาหายไป เธอก็จะเฝ้ารอจนนอนไม่หลับ และก็ยิ่งเจ็บปวดเมื่อชายที่รอพาผู้หญิงกลับมาค้างที่บ้านด้วย
“
โอ้ก! อ้าก! โอ้ก! ร้อยรักโก่งคออาเจียนกับชักโครกของห้องน้ำชั้นล่างจนตอนนี้ไม่มีอะไรจะอาเจียนออกมาแล้ว มดที่ตามมาก็เข้ามาลูบหลังเล็กให้เธอพร้อมกับส่งกระดาษทิชชูให้หญิงสาวซับปาก “เป็นยังไงมั่งคะคุณรัก” “ดีขึ้นแล้วค่ะพี่มด สงสัยจะโรคกระเพาะค่ะ ช่วงนี้รักอ้วกบ่อยมากเลย แถมกินข้าวไม่ตรงเวลา” “เหมือนอาการคนท้องเลยนะคะ พี่มดดูในละครเวลานางเอกท้องจะแบบนี้เลย แต่คุณรักไม่มีแฟนคงเป็นโรคกระเพาะแหละเนอะ” นางพูดยิ้มๆ พร้อมประคองร่างเล็กลุกยืนขึ้น “ค่ะ โรคกระเพาะ” แล้วก็ต้องเครียดเมื่อนึกถึงคำพูดของอีกฝ่าย ใช่...เธอลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย เธอไม่ได้กินยาคุมกำเนิดและเขาก็ไม่ได้ป้องกันสักครั้งเวลาที่มาหา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนับวันเวลาประจำเดือนแล้วจนวันนี้ ใช่..
ตั้งแต่มื้อเย็นเธอก็ขึ้นมาเก็บตัวบนห้องไม่ได้นั่งเล่นหรือพูดคุยหลังทานข้าวกับคุณท่านเหมือนเคย และเธอก็ทานได้เพียงคำสองคำ เพราะอาหารที่ทานวันนี้กลิ่นเหม็นทุกอย่าง แต่ก็อดทนกลืนอาหารที่ขย้อนขึ้นมาลงท้องลงไปเพื่อไม่ให้ท่านสงสัยและจับผิดได้ “จะทำยังไงดีรัก...จะทำยังไงดีรัก” หล่อนถามตัวเองแบบนี้เป็นร้อยครั้งแล้วตั้งแต่ขึ้นมาเก็บตัวบนห้อง ไม่ได้อ่านหนังสือแบบที่อ้างคุณท่าน “เธอท้อง เธอยังเรียนไม่จบ และคุณท่านต้องผิดหวังแน่ถ้ารู้เรื่องนี้ จะทำยังไงดี”พยายามถามตัวเองและคิดหาทางออก และก็ต้องลุกขึ้นเดินจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดในบ้าน และเสียงนั้นเป็นเสียงรถของคนที่เป็นพ่อของลูกเธอ เธอเดินไปส่องหน้าต่างดูเขาที่โรงจอดรถ ห้องนอนของเธออยู่ติดกับทางโรงรถจึงทำให้มองเห็นเขาได้ถนัดตา ด้วยความมืดที่แสงไฟส่องไม่เพียงพอเลยทำให้ไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่ก็ได้ยินเสียงเขาฮัมเพลงเข้ามาในบ้าน ดูก็รู้ว่าเขาอารมณ์ดีแค่ไหน และคงเพิ
“โอว์...เสียว อ่า...” ทันทีที่แตกพร่า เขาก็คำรามก้องด้วยความสุข แต่ไม่ใช่แค่นี้ เขาต้องการความคับแน่นของสาวน้อยตอดรัดด้วย “อ่า...กินฉันสิรัก กินให้หมดแล้วขย่มฉันเด็กน้อย อ่า...” สั่งให้ร้อยรักไล้ปลายลิ้นดูดกลืนน้ำเสียวของตนเอง “อื้อ...อ่า...” ลิ้นน้อยปาดไล้เลียความเป็นบุรุษแข็งแรงอวบหยุ่นของคนตัวโต จนตอนนี้คราบเหนียวข้นที่เปรอะเปื้อนก่อนหน้านั้นหมดไปแล้ว และตามโคนต้นขาอ่อนที่เต็มไปด้วยไรขนอ่อนของติณณ์ก็ไม่มีติดเปื้อนอยู่ “อื้อ...ต่อกันเถอะ ขย่มฉันนะรัก อ่า...ฉันอยากให้เธอขึ้นคร่อมแรงๆ อื้อ...” มือใหญ่ลูบแก้มนวลชื้นเหงื่อให้แหงนเงยขึ้นสบตาดุดันของตนเอง ก่อนที่จะโน้มโก้งโค้งตัวลงมาบดจูบปากน้อยที่อ้อยอิ่งอยู่ตรงหน้า “อ่ะ...อื้อ...” เสียงครางดังลอดออกมาจากปากที่บดจูบกัน มือใหญ่บีบคางมนเล็กของร้อยรัก
ตอนเช้ามืดก่อนที่ทุกคนจะตื่น ติณณ์ก็รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย ตอนนี้ตีสี่กว่าแล้ว เขาต้องรีบกลับห้องตัวเองก่อนที่ทุกคนในบ้านจะตื่นมาเห็น แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาเดินออกจากห้องก็ต้องหยุดเท้าชะงักเมื่อคนที่คิดว่าหลับไปแล้วร้องเรียกรั้งไว้ “มีอะไร” ถามเสียงห้วน “รักมีเรื่องจะคุยกับคุณติณณ์ค่ะ” เธอตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเขาและเขาต้องรู้ เพราะเขาคือพ่อ ถึงแม้จะบอกตัวเองไม่ได้คาดหวังความยินดี แต่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะดีใจกับอีกหนึ่งชีวิต “สำคัญไหม ถ้าสำคัญก็รีบพูดมา เสียเวลา ชักช้า” เขาเอ่ยอย่างหงุดหงิด “รักท้องค่ะ หนูท้อง” เธอบอกเขาชัดถ้อยชัดคำ บัดซบ! มือใหญ่ปัดอากาศด้วยความหงุดหงิดขึ้นมาทันที ริ้วรอยบนหน้าย่นขึ้นพร้อมกัดสันกรา
ด้านร้อยรักพอเขาวางสายไปแล้ว โทรศัพท์ในมือถึงกับร่วงหล่นลงพื้น จนอานนท์ที่เดินมาด้วยงงว่าใครกันแน่โทรมาหาร้อยรัก ทำไมเธอถึงดูตกใจขนาดนั้น ชายหนุ่มก้มลงเก็บโทรศัพท์ให้หญิงสาวพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง“รักเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมสีหน้าดูซีดๆ แบบนี้” ทั้งๆ ที่เดินมาด้วยกันก่อนหน้านี้ยังสีหน้าดีๆ อยู่เลย แต่พอรับสายที่โทรมาเมื่อกี้เท่านั้นแหละ สีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนไป“มะ...ไม่มีอะไรหรอกอาร์ม แล้วเรื่องที่รักขอให้อาร์มช่วยหาหอพักให้รักน่ะได้ไหม รักพูดจริงนะ รักจะย้ายมาอยู่หอพัก” เธอคิดดีแล้วว่าตัวเองไม่ควรอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกต่อไปถ้าคิดจะเก็บลูกไว้ เพราะถ้าขืนอยู่ที่นั่นติณณ์ต้องบังคับเธอไปทำแท้งแน่ เมื่อกี้เขาก็โทรมาย้ำชัดแล้วว่าไม่ต้องการลูกที่อยู่ในท้องของเธอ“ได้สิ เดี๋ยวอาร์มจัดการให้รักเองเรื่องนั้น”“งั้นรักกลับก่อนนะ”“ให้อาร์มไปส่งไหม”“ไม่ดีกว่าอาร์ม รักกลับเองได้ อีกอย่างทางกลับบ้านของรักกับอาร์ม มันคนละทางกัน ที่สำคัญตอนเย็นรถติดด้วยจะทำให้อาร์มถึงบ้านช้า”“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ”“อือ...อย่าลืมเรื่องหอพัก
เช้าวันนี้ร้อยรักนั่งร่วมรับประทานมื้อเช้า ไม่ได้ออกไปก่อน และเธอก็ไม่ได้ทานเหมือนคุณท่านและลูกชายของท่าน เธอลงมาทำไข่เจียวให้ตัวเองแต่เช้าแล้ว เมื่อคืนติณณ์ก็ไม่ได้ไปหาเธอที่ห้อง ซึ่งเธอก็รู้และเตรียมใจไว้แล้วว่าเขาไม่มีทางไปเหยียบที่ห้องของเธออีกแน่ “ติณณ์ แม่จะไปอยู่กับน้าป้อมหกเดือนนะ” นางเอ่ยขึ้นเมื่อลูกชายเอาแต่เงียบก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้มปลาตรงหน้า “ทำไมแม่ถึงไปล่ะครับ เห็นบอกว่าห่วงยัยกาฝาก ไม่อยากไปตอนครั้งก่อน” “ก็ตอนนี้ไม่ห่วงแล้ว หนูรักจะไปอยู่หอพักแล้ว แม่เลยสบายใจ เพราะแม่ไม่อยากให้หนูรักอยู่บ้านกับลูกเพียงลำพัง” หึ! “ห่วงหวงจริงนะครับแม่ปราง ว่าแต่แม่จะไปวันไหนครับ” “ติณณ์จัดการให้
รถเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าตึกคณะตามที่ร้อยรักบอก เขาจอดให้เธอลงไปและก็ชะลอดูว่าผู้ชายคนนั้นจะมาไหม แล้วก็มาจริงๆ เมื่อร้อยรักเดินห่างจากรถไปก็มีชายหนุ่มหน้าตาดีเดินเข้าไปหา และทั้งสองก็พูดคุยกันพร้อมส่งยิ้มและหัวเราะให้กัน ติณณ์เม้มปากแน่นให้กับภาพที่เห็น โกรธและอยากลงไปกระชากร้อยรักกลับขึ้นมาบนรถเพื่อสั่งสอนให้จำว่าร่างกายของเธอเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น แต่หล่อนบอกว่าลูกไม่ใช่ลูกของเขา แสดงว่าเธอ... “สำส่อน!”จากนั้นเขาก็กระชากรถออกไปจากหน้าตึกทันที วันนี้ติณณ์มีนัดกับเรียมที่ร้านอาหารใกล้ๆ กับออฟฟิศของตัวเอง พอมาถึงร้านอาหารเขาก็ไปสั่งอาหารรอหญิงสาวข้างใน เขาถามเธอว่าเธอชอบอะไร อยากทานอะไรจะได้สั่งรอ ไม่ต้องมาเสียเวลาสั่ง ตอนนี้อาหารเตรียมพร้อมวางเต็มโต๊ะที่เขานั่งแล้ว ซึ่งเรียมก็มาถึงพอดี เขาจึงโบกมือเรียกหล่อน “มื้อเช้าของเราครับเรียม” “น่าทานทั้งนั้นเลย เรียมไม่ได้กิ
วันที่ปรางทิพย์ต้องเดินทางไปหาน้องสาวก็มาถึง ติณณ์และร้อยรักมาส่งนางที่สนามบินตั้งแต่เช้ามืด ร้อยรักนั่งรถแท็กซี่มารอที่หน้าสนามบิน เพราะเธอออกมาจากหอพักไม่ได้ไปค้างที่บ้าน การย้ายออกมาอยู่ข้างนอกไม่ได้เจอหน้า ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้รับสัมผัสร้อนจากเขา มันช่างรู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยวเหลือเกินในความรู้สึกของเธอ “ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะลูก ทั้งตาติณณ์และหนูรักนั่นแหละ” “ครับ/ค่ะ” สองเสียงตอบรับพร้อมกัน “แม่ปรางไปหกเดือนเลย แบบนี้ลูกต้องคิดถึงแน่ๆ เลย” “ให้จริงเถอะ ดีใจสิไม่ว่า จะได้พาพวกผู้หญิงมานอนด้วยที่บ้าน ส่วนหนูรักอยู่หอพักก็ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะลูก มีอะไรก็ขอความช่วยเหลือกับทนายของฉันได้เลยนะ เพราะตาติณณ์ไม่ช่วยหนูหรอก”นางบอกสั่งร้อยรักด้วยความเป็นห่วง แม้จะโล่งใจที่ร้อยรักย้ายไปอยู่หอพักแล้วก็ตาม เพราะมันคือเรื่องดีที่ร้อ
5 ปีต่อมา ตนุภัทรกับรติมาวิ่งเล่นที่สนามเด็กเล่นหน้าบ้าน ตอนนี้หนูน้อยฝาแฝดทั้งสองอายุได้ 5 ขวบแล้ว ติณณ์กับร้อยรักนั่งที่เสื่อมองดูลูกๆ วิ่งเล่นกัน สนามเด็กเล่นหน้าบ้านติณณ์เพิ่งสร้างเมื่อต้นปีที่แล้วเพื่อให้ลูกๆ วิ่งเล่น และวันนี้เป็นวันหยุดจึงชวนร้อยรักมาปูเสื่อนอนเล่นที่สนามเด็กเล่นกัน ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนหนุนตักภรรยาคนสวย ใครจะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะกลับตัวกลับใจเป็นคุณพ่อและสามีที่ดีของร้อยรักได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ตลอดระยะเวลาที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำให้ร้อยรักร้องไห้ วันนี้ที่บ้านหลังนี้ก็มีแค่เขากับร้อยรักอยู่ เพราะแม่ของเขาไปปฏิบัติธรรมที่วัดตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน “รักจ๋า...” “คะพี่ติณณ์” “พี่รักรักนะครับ” 
ปัง! “อ่า...รักไม่ไหวแล้ว ฉันไม่ไหวแล้ว” ทันทีที่ปิดประตู ติณณ์ก็เดินก้าวยาวๆ ไปยังเตียงที่เต็มไปด้วยของเล่นของลูกๆ เขาไม่สนใจว่าจะทับหักหรือทำหัก ตอนนี้เขาร้อนรุ่มเหลือเกิน ต้องการแนบชิดบดเบียดในกายคับแน่นของร้อยรัก ต้องการให้หล่อนตอดรัดหนักหน่วง “อือ...ใจเย็นๆ ค่ะพี่ติณณ์ อ่า...” หล่อนบอกห้ามเขาและช่วยเขาถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ตอนนี้เธอเองก็ใจร้อนไม่ต่างจากเขา “อือ...ไม่ไหวแล้วที่รัก ให้พี่เถอะนะ” ติณณ์โน้มหน้าไปบดจูบปากน้อย ส่วนมือก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกด้วยความรีบร้อน และไม่นานติณณ์ก็ปลดเปลื้องชุดของตัวเองออกให้พ้นทางได้ ส่วนของร้อยรักเธอเองก็ถอดออกแล้วเช่นกัน “อ่า...สวยเหลือเกินรัก” มือหนาลูบไล้ผิวกายนวลเนียนของร้อยรักพร้อมกับเคลื่อนจูบไล้สัมผัสตามร่างเปลือยที่บิดเร่าร้อนไปมาอยู่ใต้ร่าง
“ทิ้งความเจ็บปวด ทิ้งสิ่งเลวๆ ที่ฉันทำกับเธอ ทิ้งและลืมคำพูดถากถาง ทิ้งคำพูดที่บั่นทอนจิตใจเธอ ทิ้งทุกอย่างที่ฉันทำไม่ดีกับเธอได้ไหม ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอนะรัก ฉันรักเธอ มันคือสิ่งเดียวที่ฉันอยากปฏิเสธ แต่ฉันปฏิเสธมันไม่ได้ เพราะฉันรักเธอ” เขาเคลื่อนมือมากุมมือเล็กที่ทาบทับหน้าอกของตนเองแล้วก็โน้มลงไปจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมนของคนที่แหงนเงยขึ้นมองหน้าตนเองร้อยรักยืนนิ่งพูดไม่ออกและไม่ได้ปัดสัมผัสของเขา เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาที่ประทับจูบลงมาที่หน้าผากของเธอ เธอก็ใจสั่นระรัวเต้นแรงและรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนจากสัมผัสแผ่วเบาของชายหนุ่ม“ถ้า...ถ้าไม่ได้เกลียดแล้วทำไมตอนเด็กๆ วันแรกที่หนูย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน คุณถึงวิ่งเข้ามาผลักหนูพร้อมกับกระชากกระเป๋าไปโยนทิ้ง” เรื่องนี้ในวัยเด็กมันคาใจเธอมาตลอด เพราะอะไรวันแรกที่เดินเข้ามา เขาถึงต้อนรับเธอแบบนั้น แสดงความไม่ชอบและเกลียดเธอชัดเจน“ฉัน...ฉันจะพูดยังไงดี ฉันเป็นผู้ชายตัวโต แต่ใจฉันแคบและเล็กมาก ฉันกลัว...กลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่รักฉันถ้ามีเธอเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย และพ่อกับแม่ก็ใส่ใจเธอ อะไรก็เธอ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเ
เมื่อกลับมาอยู่บ้าน ร้อยรักไม่ยอมไปอยู่ห้องกับติณณ์และลูก และขออนุญาตคุณท่านขนข้าวของของลูกน้อยย้ายมาไว้ที่ห้องตนเอง ส่วนติณณ์เธอก็ไม่ยอมให้เขาเข้ามาในห้อง เข้าใกล้ลูกๆ ได้ แต่อย่าเข้ามาใกล้เธอ ถ้าเธออยู่กับลูก เขาต้องไปอยู่ที่อื่น เพราะเธอไม่อยากเจอหน้าของเขา “เป็นอย่างไรบ้างลูก” ปรางทิพย์ถามร้อยรักที่กำลังนั่งให้นมลูกอยู่ในห้องนอนส่วนตัวของเธอ ส่วนติณณ์อยากเข้ามาด้วย แต่ถูกเจ้าของห้องมองตาขวาง เขาจึงได้แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตูดูลูกน้อยดูดนมจากเต้าของหญิงสาว เขาอยากเข้าไปหา ไปโอบกอด ไปหอมแก้มนวลนั้นให้ชื่นใจ “รู้สึกแปลกนิดหน่อยค่ะ น้องตองว่าง่าย แต่น้องต้นดื้อนิดหน่อยค่ะ” หล่อนยิ้มให้กับตนุภัทรที่กำลังดูดนมของตนเองอยู่ ส่วนรติมานั้นอิ่มแล้วนอนกอดตุ๊กตาอยู่ข้างๆ เธอ “แล้วน้ำนมออกดีไหมลูก” นางถามเพราะร้อยรักนอนนานตั้งสองเดือนกว่า
ณ ยุโรป กรุงโรมด้านปรางทิพย์ทันทีที่ได้รู้เรื่องจากลูกชาย นางก็นั่งไม่ติดรีบจัดการเก็บข้าวของกลับมาเมืองไทยทันที แม้จะโกรธและไม่อยากเชื่อสิ่งที่ติณณ์บอกเล่า แต่มันก็คือความจริง นางจึงต้องเดินทางกลับมาก่อนกำหนดที่ตั้งใจไว้“พี่ปรางเดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าป้อมไม่ติดต้องดูแลโทนี่ ป้อมก็จะไปด้วย” ตอนนี้สามีของป้อมใจป่วย นางจึงไม่สามารถเดินทางได้ในช่วงนี้“ไม่เป็นไรหรอกป้อม พี่ต้องกลับไปจัดการกับหลานตัวดีของป้อม และตอนนี้หนูรักก็ยังไม่ได้สติด้วย พี่ล่ะเหนื่อยใจจริงๆ กับลูกคนนี้ ไม่รู้จะเลวไปถึงไหน” นางพูดพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่รินไหลออกมา“พี่ปรางไม่คิดบ้างเหรอคะว่าตาติณณ์รักหนูรัก”“ก็เคยคิด แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยนะป้อม ถึงแม้ว่าหนูรักจะแอบรักตาติณณ์ก็เหอะ พี่ล่ะอุตส่าห์ดีใจที่หนูรักย้ายออกไปอยู่หอตอนพี่มาที่นี่ แต่ก็ยังไม่พ้นมือของเจ้าลูกเลว” พูดแล้วก็เจ็บใจและโกรธลูกชายตัวดีนัก ไม่รู้ทำกับร้อยรักแบบนั้นได้ยังไง เกลียดยังไงก็ไม่น่าย่ำยีเธอแบบนั้น“เอาน่าพี่ ไหนๆ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว เดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าโทนี่หายแล้วป้อ
นานห้าชั่วโมงที่ร้อยรักอยู่ในห้องผ่าตัด ติณณ์นั่งไม่ติดเดินวนเวียนไปมาหน้าห้องผ่าตัด เพราะมาถึงหมอก็ตรวจและบอกเขาว่าต้องรีบผ่าตัดด่วน ไม่งั้นจะไม่รอดทั้งแม่และลูก เนื่องจากร้อยรักเสียเลือดมาก และก็ไม่มั่นใจว่าลูกของเขาจะรอดปลอดภัย เพราะชีพจรเต้นอ่อนเหลือเกินตอนนี้ “ขอร้อง...อย่าทิ้งฉันไปนะรัก ขอร้อง...อยู่กับฉันก่อน อยู่ให้ฉันได้ชดใช้ความเลวของฉันก่อน อึก! ฮือๆๆ” ติณณ์นั่งคุกเข่าที่หน้าห้องผ่าตัดยกมือทาบอกตัวเองร้องไห้ เพราะนานเหลือเกินที่รอคอยประตูห้องผ่าตัดเปิดออก แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดออก “ติณณ์ น้องรักเป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่ได้รับสายจากติณณ์ เรียมก็รีบมาหาเพื่อนทันทีด้วยความเป็นห่วง อึก! “เรียม...ลูกกับเมียฉันอยู่ข้างใน จนตอนนี้ยังไม่ออกมาเลย หมอยังไม่ออกมาสักคนเลย พยาบาลก็ไม่เห็นออกมา อึ
จากที่จะไปห้างสรรพสินค้าซื้อข้าวของเครื่องใช้เตรียมไว้ให้ลูกก็ต้องกลับมาบ้าน เพราะร้อยรักไม่ไป เธออยากกลับบ้าน เธอเพลีย เธออยากพักผ่อน พอมาถึงบ้านมดกับส้มก็เอาน้ำอุ่นมาให้เธอแช่เท้าทันที ตอนนี้สองสาวก็รู้เห็นทุกเรื่องของเธอกับติณณ์ แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดหรือถามเธอและโทรเล่าให้คุณท่านฟัง เพราะเขาสั่งห้ามไว้ ตอนนี้เขาก็นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับชวนเธอพูดคุยถึงเรื่องชื่อลูกทั้งสอง แต่เหมือนเขาพูดคนเดียว เพราะหญิงสาวไม่โต้ตอบหรือออกความเห็นอะไรเลยสักอย่าง “เธอจะไม่พูดกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะรัก” ติณณ์ทนความเงียบไม่ไหว “คะ” “เธอเป็นอะไร” “เป็นกาฝากของบ้านค่ะ และท้องไม่มีพ่อ เรียนก็ไม่จบค่ะ” “ใครบอกว่าไม่มีพ่อ ก็ฉันนี่ไงพ่อของลูกเธอ และเป็นผัวเธอด้วย”&nbs
จากขึ้นมาตามลงไปทานข้าวจนตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว ติณณ์เพิ่งจะถอนกายอุ่นร้อนออกจากกายฉ่ำของร้อยรัก เขามองร่างเปลือยเปล่าที่อวบอิ่มแล้วสายตาเข้มก็มาหยุดที่ท้องโตของเธอก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วเดินไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่ รวมถึงเสื้อผ้าของร้อยรักด้วย “แต่งตัวสิ ไปกินข้าว ป่านนี้กับข้าวเย็นหมดแล้วมั้ง” “พะ...เพราะคุณติณณ์นั่นแหละ แล้วพี่เรียมอีก ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง คุณติณณ์ปล่อยพี่เรียมไว้คนเดียวได้ยังไง” ทั้งอายและโกรธเขาที่เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ “เรียมคงรอเราหรอก นี่สามทุ่มจะสี่ทุ่มแล้ว แต่งตัวไปกินข้าวได้แล้ว ท้องเธอร้องแล้วนะ” โครก! คราก! ทันทีที่สุดความของติณณ์ ท้องของร้อยรักก็ส่งเสียงออกมาให้อับอาย 
“ก็หนูบอกว่าไม่หิว ทำไมคุณติณณ์ต้องบังคับด้วยคะ” เธอตอบเสียงเบา“ถึงไม่หิวยังไงก็ต้องกิน เธอจะเป็นแม่คนอยู่แล้วนะรัก อีกอย่างเธอทำแบบนี้ไม่ให้ฉันคิดว่าเธอหึงฉันคงไม่ได้หรอกนะเด็กน้อย”ติณณ์มั่นใจว่าตัวเองพูดไม่ผิดแน่ ร้อยรักต้องหึงเขา ถ้างั้นแสดงว่าเจ้าหล่อนก็ต้องรักเขาน่ะสิ รักงั้นเหรอติณณ์ เขาเคยหวังอะไรแบบนี้จากเด็กของคุณแม่ได้ยังไง เขาเกลียดเธอไม่ใช่เหรอ ใช่...เขาเกลียดเธอ แต่ทำไมตอนนี้เขากลับอยากกอดเธอนานๆ ไม่อยากปล่อยร่างอวบนี้เลย“รักไม่ได้หึงคุณติณณ์ ไม่มีวันหึงด้วย เพราะรักเกลียดคุณติณณ์ ได้ยินไหมคะว่ารักเกลียดคุณติณณ์ รัก...อ่ะ...อื้อ”แล้วประโยคของร้อยรักก็พูดไม่สุดความเมื่อติณณ์ทนฟังคำว่า ‘เกลียด’ ตัวเองจากปากเล็กไม่ไหว เขาจึงประคองหน้าเล็กแล้วก็บดจูบหนักหน่วงทันที พร้อมดุนดันปลายลิ้นสากเข้าไปทำโทษเรียวลิ้นน้อยของเธอด้วยความกรุ่นโกรธและโหยหาในคราเดียวกัน“อ่า...หวานเหลือเกินรัก ฉันอยากทำแบบนี้กับเธอทุกวัน” เขาถอนจูบร้อนรุ่มที่แสนปรารถนาและรอคอยมาตลอดออกมพึมพำกับใบหน้างามแล้วก็โน้มก้มหน้าต่ำไปจูบปากน้อยที่เผยอรอท่าอยู่อีกครั้ง