เช้าวันเสาร์ร้อยรักไม่มีเรียน เธอจึงตื่นแต่เช้าเหมือนปกติที่ตื่นเป็นประจำมาช่วยงานแม่บ้านในบ้านทำความสะอาดแต่เช้า และก็ช่วยทำมื้อเช้าให้กับผู้มีพระคุณพร้อมกับลูกชายของท่าน เมื่อทำมื้อเช้าเสร็จเธอจึงกลับขึ้นไปบนห้อง เพราะเช้านี้เธอไม่พร้อมจะเจอหน้าของติณณ์ ด้วยภาพเมื่อคืนยังคงติดตรึงใจและความรู้สึก เขาเป็นจูบแรกของหล่อนด้วย เขาทำแบบนั้นทำไม ทั้งๆ ที่เขาเกลียดเธอ
ด้านปรางทิพย์ลงมาทานมื้อเช้าเห็นเด็กตักข้าวต้มปลามาให้ตัวเองจึงถามหาร้อยรักก็ได้ความว่าเช้านี้หญิงสาวไม่หิว นางก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้แล้วมองไปยังทางหน้าห้องรับประทานอาหาร ที่ตอนนี้ลูกชายคนดีน้อยของนางเดินเข้ามา นางจึงสั่งให้เด็กตักข้าวต้มปลาให้ลูกชายตัวเองบ้าง
ติณณ์ไม่เห็นร้อยรักร่วมรับประทานอาหารด้วยจึงได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากทานอาหารเช้าด้วยความอร่อยกว่าทุกวัน พร้อมกับชวนผู้เป็นแม่พูดคุยและชวนท่านไปเที่ยวพักผ่อน หรือว่าท่านอยากไปเที่ยวไหนกับเพื่อนๆ หรือเปล่าในช่วงนี้ เขาจะเป็นสปอนเซอร์ออกค่าใช้จ่ายให้แม่และเพื่อนๆ ของแม่เอง
“ทำไมลูกชายแม่ดูใจดีแปลกๆ” ปรางทิพย์เอ่ยถามลูกชายพร้อมกับตักข้าวต้มเข้าปาก
“ก็เห็นว่าช่วงนี้แม่ปรางอยู่บ้านเฉยๆ ผมกลัวแม่ปรางจะเบื่อเลยอยากให้แม่ได้เที่ยวครับ” เขาบอกเสียงเรียบและตักข้าวต้มเข้าปากเคี้ยวบ้าง
“อือ...ก็ดีนะ แม่อยากไปยุโรปช่วงนี้ อยากไปเยี่ยมน้าป้อมของลูกเหมือนกัน”
“งั้นก็ไปเลยครับแม่ปราง ผมจัดการให้เองเรื่องตั๋วเดินทาง ผมอยากให้แม่ปรางมีความสุขที่สุด อะไรที่เป็นความสุขและความต้องการของแม่ ผมยินดีจะหามาให้และทำเพื่อแม่ปรางครับ” เขาบอกแม่พร้อมกับหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม เมื่อตอนนี้ท้องของเขามันเริ่มแน่นแล้ว
“ทำตัวน่ารักแปลกๆ นะเนี่ยลูกคนนี้” นางยังคงสงสัยในความใส่ใจของลูกชายที่มีต่อตนเอง
“ก็ติณณ์รักแม่ปรางยังไงครับ สรุปจะไปเยี่ยมน้าป้อมนะครับ เดี๋ยวผมให้เลขาจัดการตั๋วให้ครับ”
“แม่อยากชวนหนูรักไปด้วย แต่หนูรักยังไม่ปิดเรียนเลย”
“เด็กนั่นอีกแล้ว แม่จะเอาเด็กนั่นไปทำไม เปลือง!” เขาพูดอย่างหงุดหงิด เพราะเขาจะจัดการกับเด็กนั่นแหละถึงอยากให้ผู้เป็นแม่ไปเที่ยวสักพัก เพราะเมื่อคืนเขาคิดทั้งคืนว่าจะทำยังไงกับร้อยรักดีและถ้ามีแม่ของเขาอยู่ในบ้าน เขาคงทำอะไรได้ไม่สะดวก ฉะนั้นเช้านี้จึงอยากให้แม่ไปเที่ยวพักผ่อนสักพักยังไงล่ะ
“ดูพูดเข้าลูกคนนี้ ปากร้าย”
“ก็จริงครับ เปลือง แค่ผมหาเงินมาให้ยัยนั่นใช้จ่ายทุกวันก็มากพอแล้ว อีกอย่าง...เธอเป็นแค่กาฝากนะแม่ปราง” เขาเริ่มหงุดหงิดเมื่อแม่ของเขามักใส่ใจเด็กในอุปการะ
“ลูกไม่สงสารน้องเหรอลูก หนูรักน่ะน่าสงสาร แล้วมาอยู่กับเรา ลูกก็ควรจะให้ความอบอุ่น ตาติณณ์น่ะเกลียดน้องมากเกินไปแล้ว สงสารน้องบ้างเถอะ”
“ผมจำเป็นต้องสงสารเด็กที่เข้ามาแย่งพื้นที่ความรักของผมด้วยเหรอครับ”
“แม่กับพ่อรักติณณ์กว่าใครทั้งนั้น ความรักของพ่อกับแม่ที่มีให้ติณณ์ มันต่างจากความรักที่แม่และพ่อมีให้หนูรักนะลูก ยังไงลูกก็เป็นที่หนึ่งเสมอ”
หึ...
“ที่หนึ่งเสมอ ไม่อยากพูดเรื่องเด็กกาฝากให้เสียอารมณ์ สรุปแม่ปรางจะไปหาน้าป้อมไหมครับ ถ้าไป ผมจะให้เลขาจัดการให้ แต่ถ้าจะรอเด็กนั่นก็ตามใจครับ ตอนนั้นผมอาจจะไม่ได้ใจดีเป็นสปอนเซอร์ออกเงินให้เหมือนครั้งนี้นะครับ”
“เงินแม่ก็มีเยอะ ไม่เห็นต้องแคร์เงินลูกเลยตาติณณ์ แม่เหนื่อยจะพูดกับลูกแล้ว แม่ขึ้นไปหาหนูรักดีกว่า” นางคว้าแก้วน้ำข้างๆ มือขึ้นมาดื่มด้วยความหงุดหงิดลูกชายตัวดี ไม่รู้ปากจะร้ายไปไหน และก็คิดอะไรไม่เข้าท่า คิดได้ยังไงว่าร้อยรักเข้ามาแบ่งความรักจากนางและพ่อของตนไปจากตนเอง โตแต่ตัวจริงๆ ลูกนาง
“ครับ ผมแตะต้องไม่ได้เลยยัยกาฝากของแม่ปราง ผมจะออกไปข้างนอกแล้ว”
“ไปเลย วันหยุดลูกก็ไม่เคยอยู่บ้านเหมือนคนอื่นเขาหรอก ไปหาแม่จูลี่ของลูกเลยไป”
“ครับ ก็ผมมันเป็นลูกไม่ดีของแม่นี่ครับ”
เฮ้อ!
ปรางทิพย์ได้แต่ถอนหายใจลุกขึ้นเดินจากโต๊ะอาหารไปโดยไม่สนใจลูกชาย คำพูดของติณณ์แต่ละคำช่างทำให้นางหงุดหงิดและอารมณ์เสียจริงๆ อารมณ์เสียแต่เช้าเลย ถึงแม้จะปากร้าย นิสัยไม่ดี แต่ติณณ์ก็ทำงานดีมาตลอด เพราะผลกำไรของโชว์รูมนั้นเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี และยังได้รับรางวัลนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอีกต่างหาก แถมกับผู้หญิงคนอื่น ลูกเขาทำตัวน่ารัก เทคแคร์ใส่ใจดีเสมอ แต่กับร้อยรักทั้งๆ ที่อยู่บ้านเดียวกัน ลูกชายกลับชังน้ำหน้า ชังชนิดที่ไม่อยากร่วมโต๊ะทานข้าวกันเลย เพราะเหตุผลนี้แหละ นางจึงไม่อยากทิ้งให้ร้อยรักอยู่บ้านกับลูกชายของตนเอง กลัวว่าร้อยรักจะโดนรังแก ยิ่งอ่อนแอและไม่สู้คนอยู่ด้วย
ติณณ์บอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกแต่แล้วก็ไม่ไป เขากลับขึ้นมานอนอ่านหนังสือเศรษฐกิจบนห้องนอนของตัวเองพร้อมกับอ่านรายงานการขายของพนักงานขายที่ส่งเข้ามาในเมล์ให้ตนเอง โดยไม่สนใจว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว และฝนก็ตกหนักด้วยข้างนอก เขาจึงหยุดทำงานแล้วนอนพักผ่อนให้สมกับเป็นวันหยุดพักผ่อนของตัวเอง พอเอนตัวนอนได้ไม่นานกำลังจะหลับก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ประตูไม่ได้ล็อกเข้ามาสิ” น้ำเสียงทุ้มอนุญาตผู้รบกวนหน้าห้องพร้อมกับมองไปยังบานประตูที่ถูกผลักเปิดเข้ามา และก็เห็นร่างเล็กของร้อยรักเดินแทรกเข้ามาในห้องของตนเอง
“คือหนูมาเก็บผ้าไปให้...”
“ฝนตกยังคิดจะซักผ้าอีกเหรอ ซักตอนนี้ก็เหม็นอับสิ” หญิงสาวยังพูดไม่จบความ เขาก็โต้สวนตอบกลับพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นเดินก้าวลงจากเตียงนอนไปหาคนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องของตนเองที่เพิ่งปิดสนิท
“ที่บ้านมีซักแห้งค่ะ ไม่ต้องตาก” เธอบอกเขาแล้วเดินผ่านหน้าเขาเข้าไปในห้องเพื่อเก็บเสื้อผ้าของชายหนุ่ม หากว่าทุกคนว่าง เธอคงไม่ต้องขึ้นมาเก็บเสื้อผ้าที่ห้องเขาแทนหรอก เพราะเธอยังไม่อยากเจอเขา แต่ก็ต้องมาเพราะพี่ส้มขอร้องให้ขึ้นมาช่วย เนื่องจากพี่ส้มติดเก็บของอยู่ข้างล่างหนีฝนอยู่
ว้าย!
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อถูกคว้าเอวเล็กไว้
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาต่อเมื่อคืนให้เสร็จดีกว่าว่าไหม” เขาเคลื่อนโน้มหน้ามากระซิบข้างหูของคนตัวเตี้ยกว่าพร้อมกับรัดเอวเล็กกระชับเข้าหาตัวเอง
“ปล่อยหนูเถอะค่ะ” เธอขืนตัวเองในอ้อมแขนแข็งแรงพร้อมกับพยายามแกะมือใหญ่ที่รัดเอวตัวเองออก
หึหึ
“ปล่อย...ปล่อยแบบไหน ปล่อยบนเตียงดีไหม” พูดจบก็อุ้มร่างเล็กขึ้นทันที
ว้าย!
ด้วยความตกใจ เมื่อถูกอุ้มจึงตวัดเรียวแขนทั้งสองเกี่ยวลำคอหนาของอีกฝ่ายไว้ด้วยกลัวว่าตัวเองจะตกลงไป
ตุ้บ!
ร่างเล็กถูกเหวี่ยงโยนไปบนเตียงนุ่มอย่างรวดเร็วเมื่อก้าวเดินมาถึงเตียง ติณณ์มองร่างเล็กวันนี้ที่สวมใส่เพียงเสื้อยืดแขนสั้นตัวเก่าๆ และกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาขาวเนียนให้เห็น เขาเพิ่งได้มองร่างเด็กเฉิ่มก็วันนี้เองว่ามันไม่ได้เฉิ่มอย่างการแต่งตัวของหล่อน แต่มันกลับเย้ายั่วน่าสัมผัสเมื่ออยู่ในชุดนี้ ยิ่งตอนนี้อยู่บนเตียงของเขาด้วย
ร้อยรักตั้งตัวได้ก็ถีบเท้าถอยหนีลงจากเตียงใหญ่ แต่ก็ถูกมือหนาคว้าดึงข้อเท้ากระตุกดึงรั้งกลับไป
ว้าย!
“คุณติณณ์อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ”
“ฝนตกแบบนี้ เราควรหาอะไรทำกันดีกว่าไหม...หึหึ”
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าข้างนอกก็ร้องดังน่ากลัวจนเธอสะดุ้งกอดตัวเองแน่น
หึหึ
เขาขันในท่าทางของเด็กสาวตรงหน้า แล้วก็ลูบมือหนาหยาบกร้านของตัวเองไล้จากข้อเท้าเล็กที่จับขึ้นไปยังต้นขานวลเนียนพร้อมกับตัวเขาเคลื่อนไปคร่อมทับกักร่างน้อยไว้ใต้ร่าง แม้ว่าเธอจะดิ้นขัดขืนและพยายามผลักดันตัวเขาออกห่าง แต่แรงแค่นี้มีหรือจะสู้แรงผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาได้
“คุณติณณ์อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ คุณเกลียดหนูไม่ใช่เหรอ” เธอพยายามดันร่างใหญ่โตเหนือร่างออกห่าง แต่ก็ยากเหลือเกิน
“เกลียดกับอยากเอา มันต่างกันนะเด็กน้อย เมื่อคืนเธอทำฉันแสบมากยัยเฉิ่ม”
กัดฟันเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมาด้วยความปวดร้าวกลางกายแข็งแรงที่หว่างขา เพียงแค่ขึ้นคร่อมทับได้กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของร้อยรัก เขาก็ปวดร้าวและอยากกระแทกกายเคลื่อนไหวเร่าร้อนในร่างเล็กคับแน่นของหล่อนแล้ว และยิ่งเธอฉ่ำเพราะเขา เขายิ่งเสียวร้อนในช่องท้อง
“อ่า...ให้ตายสิ ยัยเด็กบ้า ฉันต้องการเธอ” เขาบอกออกมาอย่างไม่ปิดบัง ตอนนี้เขารู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วสรรพางค์กาย อยากจ้วงลึกไหวโยกแอ่นกระแทกเข้าหาร่างน้อยใต้ร่างให้ครวญครางไม่ได้ศัพท์
“มะ...ไม่นะคะคุณติณณ์ หนูไม่ต้องการแบบนี้ ยะ...อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ อ่ะ...อื้อ...”
แล้วเสียงพูดก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอระหงเมื่อปากหนาอุ่นร้อนของชายร่างใหญ่เหนือร่างประกบปิดบดขยี้ลงมาพร้อมกับเรียวลิ้นสากของเขาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของเธอ หล่อนพยายามเบี่ยงลิ้นน้อยตัวเองหลบหนีปลายลิ้นของเขา แต่แล้วก็พ่ายแพ้เมื่อถูกต้อนจนมุมยอมให้เขาดูดดึงรั้งลิ้นตัวเองเล่น
“อ่า...อื้อ...”
เสียงครางดังลอดออกมาจากปากทั้งสองที่บดจูบกันอยู่ มือใหญ่ของติณณ์เคลื่อนไหวสัมผัสมายังไหล่มนแล้วเคลื่อนมายังเรียวแขนเล็กที่อ่อนระทวยของสาวเจ้า ก่อนจะเคลื่อนมาบีบเคล้นขยำสองเต้าที่แอ่นยกเร่าดิ้นรนขัดขืนตามเจ้าของร่าง แต่ยิ่งเธอบิดกายดิ้นหนีก็ยิ่งเป็นการปลุกเร้าอารมณ์ของเขา
“อ่า...หวานเหลือเกินยัยกาฝาก อ่า...ฉันมองข้ามเธอไปได้ยังไง อืม...” ผละออกมาไล้ปลายลิ้นเลียแก้มนวลอมชมพูของร้อยรักแล้วก็กัดเม้มด้วยความมันเขี้ยว
“อ่ะ...เจ็บ!”
“อ่า...แค่กัดเอง อ่า...” ครางพร่าเมื่อมือใหญ่ที่วางนาบบีบเคล้นทรวงที่อยู่ใต้เสื้อยืดตัวเก่านั้นช่างเต็มไม้เต็มมือจนติณณ์ไม่อยากอดทนอีกต่อไป เขาอยากสัมผัสเนื้ออวบหยุ่นนุ่มแน่นของเจ้าหล่อน
“ปล่อยหนูไปเถอะคุณติณณ์ อ่ะ...อื้อ...” หล่อนห้ามเสียงตัวเองไม่ได้ เมื่อมือใหญ่ของเขาบีบขยำทรวงทั้งสองข้างของเธอ หล่อนพยายามถีบเท้าดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบของมือหนาที่สองเต้ามากขึ้น
“อ่า...บรรยากาศมันได้ขนาดนี้ยังคิดว่าฉันจะปล่อยเธออีกเหรอยัยกาฝาก ถึงเวลาตอบแทนเงินที่ฉันหามาให้ใช้แล้ว เธอควรจะตอบแทนฉันนะ” เขาพูดเสียงนุ่มทุ้มลึกพร้อมกับเคลื่อนกายผละลุกขึ้นไปถลกดึงเสื้อยืดตัวเก่าๆ ของเจ้าหล่อนออกทางหัว เมื่อเสื้อถูกถลกดึงทิ้งแล้ว เขาก็มองสองเต้าที่เบียดอัดอยู่ในยกทรงสีชมพูหวานของหล่อนแล้วก็เผลอตวัดปลายลิ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
ภาพของคนที่นั่งคร่อมทับเธอมันทำให้เธอสั่นกลัว เธอไม่เคยรู้เลยว่าการได้เห็นอีกมุมนี้ของเขามันน่ากลัวแค่ไหน สายตาของเขามันน่ากลัว ติณณ์จ้องมองเธอราวกับโจรหื่นห้าร้อย ให้ตายเถอะ เขาด่าว่าเธอยังไม่กลัวเท่ากับตอนที่สายตาหื่นกระหายของเขาจ้องมองเธอตอนนี้เลย
ติณณ์โน้มโค้งตัวลงไปหาเต้าอวบอูมที่เบียดดุนดันกันในยกทรงสีหวานของร้อยรักราวกับคนหิวโหย เขาดูดเม้มเนินอกอวบอูม สองมือก็บีบนวดเฟ้นทั้งสองเต้าเป็นจังหวะหนักหน่วง ไม่สนใจว่ามือเล็กจะปัดผลักดันหน้าตัวเองออกห่างจากหน้าอกของเธอยังไง ตอนนี้เขาต้องการความอวบหยุ่นของหล่อน ใช้มือแข็งแรงกระตุกดึงยกทรงจนขาดครึ่งพร้อมกับสองเต้าเปิดเด้งออกมาจากยกทรงที่ปิดบังไว้ “อ่ะ...อื้อ...คุณติณณ์ มะ...ไม่นะคะ อ่า...” หล่อนดิ้นและดันหน้าของเขาออกห่าง แล้วก็ต้องครางพร่าและรู้สึกเจ็บเมื่อปากหนาของเขากัดเม้มยอดอกของเธอ “อ่า...ถึงเวลาที่เธอต้องตอบแทนเงินที่ฉันหามาให้เธอใช้แล้วนะยัยกาฝาก แม่ฉันใจดีกับเธอก็จริง แต่ฉันต้องการสิ่งนี้ตอบแทน อ่า...” ครางพร่าพร้อมคว้ามือเล็กทั้งสองไปตรึงไว้เหนือหัวเพียงมือเดียว แล้วอีกมือก็บีบเด้งดุนดันยอดอกของหล่อนที่ตื่นตัวชูชันสู้ปากหนาของตนเอง เขาระรัวแตะปลายลิ้นสากกับยอดอกสีหวานแล้วสลับดูดเม้มกับอีกเต้าอวบอูม “อ่า...หนูเจ็บ อย่ากัดแบบนั้น อ่า...อื้อ...” หล่อนเจ็บเมื่อปากหนาของเขากัดหมับที่ยอดอกของเธอเต็มแรง และเขาก็ผละออกไปกัดอีกข้าง ติณณ์ไม่ได้ย
“อ่ะ...คุณติณณ์ ยะ...อย่าทำอะไรรักเลยนะคะ อือ...อ่า ร้อน...” แม้ปากจะบอกห้ามเขา แต่ก็ครางพร่าไปกับสัมผัสของบุรุษแข็งแรง หล่อนกำมือแน่นข้างลำตัวเมื่อความร้อนรุ่มทรมานกลางร่างกำลังเร่งเร้า “อ่า...ฉ่ำเหลือเกินรัก เธอฉ่ำให้ฉัน อ่า...”เขาคลี่มือกับกลีบสวาทที่ปิดแนบสนิทของหล่อนแล้วก็เห็นเม็ดเกสรกลางกายสาวสีชมพูระเรื่อที่อาบคลอไปด้วยน้ำสวาทขุ่นข้นของหล่อน เรียวลิ้นสากไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้รับรสของสาวน้อย ติณณ์ตวัดปลายลิ้นลากไล้ดูดกลืนความเป็นสาวของร้อยรัก “อ่า...คุณติณณ์ ชะ...ช่วยรักด้วย รักร้อน อ่า...ร้อนเหลือเกินค่า อือ...” หล่อนครางเร่าร้อนเสียวทรมานปวดเร่าในช่องท้องราวกับมีคลื่นลมแรงพัดอยู่ข้างใน และยิ่งไปกว่านั้น เหงื่อของเธอก็ซึมผุดเต็มหน้าและเนื้อตัวก็ชื้นเหงื่อเช่นกันในตอนนี้ “อ่า...แน่นอน ฉันจะช่วยเธอยัยเด็กกาฝาก อือ...หวานเหลือเกิน รู้ไหม...ฉันไม่เคยทำแบบนี้ให้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเล
ฝนข้างนอกหยุดตกและเสียงฟ้าก็เงียบไป แต่มีเสียงร้องไห้สะอื้นของร้อยรักดังขึ้นมาแทน ตอนนี้หล่อนกำลังก้มลงเก็บเสื้อผ้าของตัวเองด้วยมือที่สั่นเทา ทั้งเสียใจและเจ็บปวด หล่อนรักเขา รักผู้ชายที่ชื่อติณณ์มาตลอด แต่ทำไมเขาถึงย่ำยีทำเหมือนเธอเป็นผู้หญิงไร้ค่าแบบนี้ “อย่าสำออยได้ไหม แค่นี้เอง อีกอย่างเธออาศัยอยู่ในบ้านฉันตั้งแต่เด็กก็ควรตอบแทนลูกชายเจ้าของบ้านบ้าง และถ้าการถูกเอาแค่นี้ ทำให้เธอหมดอาลัยตายอยากในชีวิตนักก็ไปตายซะ อย่ามาร้องไห้ให้ได้ยิน น่ารำคาญ” พูดจบก็ลุกขึ้นก้าวขายาวๆ ไปยังโต๊ะทำงานมุมห้องของตัวเองเพื่อหยิบซองบุหรี่ออกมาแล้วก็ไฟแช็กที่วางใกล้กันออกมาติดบุหรี่สูบโดยไม่คิดจะสนใจคนที่ร้องไห้สะอื้นร่วมห้อง ร้อยรักมองแผ่นหลังใหญ่ของคนตัวโตที่ยืนเปลือยเปล่าสูบบุหรี่อยู่ที่ข้างโต๊ะทำงานของเขาแล้วก็รีบแต่งของตัวเอง เขาร้ายเหลือเกิน เขาร้ายยังไงก็ร้ายแบบนั้น เขาไม่เคยใจดีหรือพูดดีกับเธอสักครั้ง ขนาดว่าตอนนี้เขาได้เธอแล้ว และเป็น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “หนูรักให้ฉันเข้าไปได้ไหมจ๊ะ” ปรางทิพย์เคาะประตูพร้อมบอกเจ้าของห้อง เงียบ... “ไม่มีเสียงตอบโต้ตะโกนออกมานางจึงรัวมือเคาะประตูห้องอีกครั้งและดังกว่าเดิม ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “หนูรักไม่สบายรึเปล่าลูก”นางร้องถามเจ้าของห้องดังกว่าเดิม และด้านในเจ้าของห้องเมื่อได้ยินเสียงก็ขยับตัวไล่ความปวดเมื่อยของตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง หล่อนปวดหัวและกินยาไปเมื่อตอนที่พี่ส้มขึ้นมาตามไปทานข้าวจึงทำให้เพลียและง่วงมากตอนนี้ “หนูรักลูก” “คะคุณท่าน” เธอตะโกนตอบกลับเมื่อได้ยินเสียงเรียกอีกครั้ง&nb
กว่าจะเช็ดตัวให้ร้อยรักเสร็จก็เล่นเอาเขาเหนื่อย พอเช็ดตัวเสร็จก็มาถึงกินยา แล้วเขาจะทำยังไงดี ร้อยรักไม่ยอมตื่นมากินยาเลย ปลุกเท่าไหร่หล่อนก็มีแต่ครางพึมพำ เขาจึงต้องป้อนเธอด้วยปากของเขา เขาเอาเม็ดยาเข้ามาไว้ในปากแล้วก็บดจูบปากน้อยพร้อมกับมือบีบคางของเธอให้อ้าปาก พอปากน้อยเปิดติณณ์ก็ใช้ลิ้นของตัวเองดุนดันยาเข้าไปในปากของเธอและผละออกมายกแก้วน้ำดื่มมาดื่มแต่ไม่กลืน แล้วก็กลับไปจูบปากซีดของสาวน้อยอีกครั้ง ร้อยรักสำลักน้ำออกมาพร้อมกับยาไหลลงคอไป “อ่า...ยัยกาฝาก ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะ แต่ที่ทำเพราะฉันสมเพช” ผละร่างเล็กที่ตระกองกอดขึ้นมาจูบป้อนยาก่อนหน้าลงไปนอนบนเตียงราวกับรังเกียจ “ฉันต้องได้ค่าตอบแทนกับสิ่งที่ทำไปวันนี้” ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ร้อยรักป่วยแท้ๆ ยังจะหวังค่าตอบแทนจากหญิงสาวอีก ติณณ์ลุกขึ้นแล้วห่มผ้าให้ร้อยรัก แต่เธอก็ยังหนาวสั่นปากสั่นอยู่ดี เขาไม่รู้จะทำ
เขาเอ่ยเสียงพร่าเคลื่อนตัวขยับไปใกล้แนบชิดเบียดร่างเล็กของสาวน้อยตรงหน้า สองมือใหญ่บีบเคล้นขยำความอวบหยุ่นทั้งสองเข้าพร้อมกับโน้มหน้าก้มลงไปซุกซบและดูดเม้มยอดอกสีหวานและตวัดระรัวปลายลิ้นหยอกเอินไปมาพร้อมกับลากลิ้นสากขึ้นมายังแอ่งชีพจรที่เคลื่อนไหวตามแรงหอบหายใจของเจ้าของร่างเล็ก“อือ...คะ...คุณติณณ์ อ่า...” หล่อนไม่อาจห้ามเขาได้เมื่อเขาดุนดันให้เธอนอนราบไปกับเตียง ร้อยรักพ่ายแพ้ยอมอ่อนโยนไปกับเขา เพียงแค่มือหยาบกร้านสัมผัสและปากหนาอุ่นร้อนของเขาแตะละเลงลงมายังยอดอกเธอก็ร้อนเสียวในท้องน้อยขึ้นมา“อ่า...เห็นไหม เธอเองก็ต้องการฉัน ยัยกาฝาก แค่ฉันจับเลีย ดูดนิดเดียว เธอก็ร้อนสู้มือและครางให้ฉัน”ร่างใหญ่เปลือยเปล่าขึ้นคร่อมทับเจ้าหล่อนพร้อมกับสองมือยังคงบีบเคล้นขยำสองเต้า มันนุ่มหยุ่นไปกับมือไม่เหมือนกับผู้หญิงหลายๆ คนที่เขาผ่านมา หล่อนพวกนั้นล้วนแต่เป็นบล็อกทั้งนั้น แต่กับร้อยรักไม่ใช่ เธอแน่นอวบอูมนุ่มมือเป็นธรรมชาติ“อ่า...ฉันอยากเข้าไปในตัวเธอรัก อ่า...ฉันอยากได้ตอนนี้”“อือ...คุณติณณ์...” เสียงหวานครางเรียกชื่อชายเหนือร่างพร้อมกับตวัดเรียวแขนเล็กโ
มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สองและครั้งต่อๆ มาตามมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เป็นเวลาสามเดือนกว่าแล้วที่ตกเป็นนางบำเรอกลางดึกให้กับติณณ์ เขามักมาหาเธอบ่อยๆ แทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้ และกลางดึกคืนนี้ก็เช่นกัน เขาเพิ่งเสร็จสมความสุขแล้วกลับไปยังห้องนอนของเขา โดยทิ้งให้เธอนอนกอดตัวเองในความมืดและนอกบ้านฝนก็ตกหนัก ช่วงนี้พายุเข้ามาทีละหลายๆ วันเลยทำให้ช่วงนี้หนาวเย็นในกลางดึก ฮือๆๆๆ “อึก! คุณทำไมถึงใจร้ายกับหนูแบบนี้ แม้แต่คำพูดดีๆ ปลอบโยนสักครั้ง คุณก็ยังไม่เคยพูดกับหนู แถมยังเย็นชาทำเหมือนกับหนูเป็นเพียงแค่ที่ระบายความใคร่ อึก! ฮือๆๆ”กอดตัวเองร้องไห้ในความมืดพึมพำตัดพ้อคนที่จากไปจนหลับไป เป็นแบบนี้ทุกคืน และเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องยอมเขาและเฝ้ารอเขามาหาทุกคืนด้วย หากวันไหนเขาหายไป เธอก็จะเฝ้ารอจนนอนไม่หลับ และก็ยิ่งเจ็บปวดเมื่อชายที่รอพาผู้หญิงกลับมาค้างที่บ้านด้วย “
โอ้ก! อ้าก! โอ้ก! ร้อยรักโก่งคออาเจียนกับชักโครกของห้องน้ำชั้นล่างจนตอนนี้ไม่มีอะไรจะอาเจียนออกมาแล้ว มดที่ตามมาก็เข้ามาลูบหลังเล็กให้เธอพร้อมกับส่งกระดาษทิชชูให้หญิงสาวซับปาก “เป็นยังไงมั่งคะคุณรัก” “ดีขึ้นแล้วค่ะพี่มด สงสัยจะโรคกระเพาะค่ะ ช่วงนี้รักอ้วกบ่อยมากเลย แถมกินข้าวไม่ตรงเวลา” “เหมือนอาการคนท้องเลยนะคะ พี่มดดูในละครเวลานางเอกท้องจะแบบนี้เลย แต่คุณรักไม่มีแฟนคงเป็นโรคกระเพาะแหละเนอะ” นางพูดยิ้มๆ พร้อมประคองร่างเล็กลุกยืนขึ้น “ค่ะ โรคกระเพาะ” แล้วก็ต้องเครียดเมื่อนึกถึงคำพูดของอีกฝ่าย ใช่...เธอลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย เธอไม่ได้กินยาคุมกำเนิดและเขาก็ไม่ได้ป้องกันสักครั้งเวลาที่มาหา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนับวันเวลาประจำเดือนแล้วจนวันนี้ ใช่..
5 ปีต่อมา ตนุภัทรกับรติมาวิ่งเล่นที่สนามเด็กเล่นหน้าบ้าน ตอนนี้หนูน้อยฝาแฝดทั้งสองอายุได้ 5 ขวบแล้ว ติณณ์กับร้อยรักนั่งที่เสื่อมองดูลูกๆ วิ่งเล่นกัน สนามเด็กเล่นหน้าบ้านติณณ์เพิ่งสร้างเมื่อต้นปีที่แล้วเพื่อให้ลูกๆ วิ่งเล่น และวันนี้เป็นวันหยุดจึงชวนร้อยรักมาปูเสื่อนอนเล่นที่สนามเด็กเล่นกัน ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนหนุนตักภรรยาคนสวย ใครจะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะกลับตัวกลับใจเป็นคุณพ่อและสามีที่ดีของร้อยรักได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ตลอดระยะเวลาที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำให้ร้อยรักร้องไห้ วันนี้ที่บ้านหลังนี้ก็มีแค่เขากับร้อยรักอยู่ เพราะแม่ของเขาไปปฏิบัติธรรมที่วัดตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน “รักจ๋า...” “คะพี่ติณณ์” “พี่รักรักนะครับ” 
ปัง! “อ่า...รักไม่ไหวแล้ว ฉันไม่ไหวแล้ว” ทันทีที่ปิดประตู ติณณ์ก็เดินก้าวยาวๆ ไปยังเตียงที่เต็มไปด้วยของเล่นของลูกๆ เขาไม่สนใจว่าจะทับหักหรือทำหัก ตอนนี้เขาร้อนรุ่มเหลือเกิน ต้องการแนบชิดบดเบียดในกายคับแน่นของร้อยรัก ต้องการให้หล่อนตอดรัดหนักหน่วง “อือ...ใจเย็นๆ ค่ะพี่ติณณ์ อ่า...” หล่อนบอกห้ามเขาและช่วยเขาถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ตอนนี้เธอเองก็ใจร้อนไม่ต่างจากเขา “อือ...ไม่ไหวแล้วที่รัก ให้พี่เถอะนะ” ติณณ์โน้มหน้าไปบดจูบปากน้อย ส่วนมือก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกด้วยความรีบร้อน และไม่นานติณณ์ก็ปลดเปลื้องชุดของตัวเองออกให้พ้นทางได้ ส่วนของร้อยรักเธอเองก็ถอดออกแล้วเช่นกัน “อ่า...สวยเหลือเกินรัก” มือหนาลูบไล้ผิวกายนวลเนียนของร้อยรักพร้อมกับเคลื่อนจูบไล้สัมผัสตามร่างเปลือยที่บิดเร่าร้อนไปมาอยู่ใต้ร่าง
“ทิ้งความเจ็บปวด ทิ้งสิ่งเลวๆ ที่ฉันทำกับเธอ ทิ้งและลืมคำพูดถากถาง ทิ้งคำพูดที่บั่นทอนจิตใจเธอ ทิ้งทุกอย่างที่ฉันทำไม่ดีกับเธอได้ไหม ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอนะรัก ฉันรักเธอ มันคือสิ่งเดียวที่ฉันอยากปฏิเสธ แต่ฉันปฏิเสธมันไม่ได้ เพราะฉันรักเธอ” เขาเคลื่อนมือมากุมมือเล็กที่ทาบทับหน้าอกของตนเองแล้วก็โน้มลงไปจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมนของคนที่แหงนเงยขึ้นมองหน้าตนเองร้อยรักยืนนิ่งพูดไม่ออกและไม่ได้ปัดสัมผัสของเขา เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาที่ประทับจูบลงมาที่หน้าผากของเธอ เธอก็ใจสั่นระรัวเต้นแรงและรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนจากสัมผัสแผ่วเบาของชายหนุ่ม“ถ้า...ถ้าไม่ได้เกลียดแล้วทำไมตอนเด็กๆ วันแรกที่หนูย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน คุณถึงวิ่งเข้ามาผลักหนูพร้อมกับกระชากกระเป๋าไปโยนทิ้ง” เรื่องนี้ในวัยเด็กมันคาใจเธอมาตลอด เพราะอะไรวันแรกที่เดินเข้ามา เขาถึงต้อนรับเธอแบบนั้น แสดงความไม่ชอบและเกลียดเธอชัดเจน“ฉัน...ฉันจะพูดยังไงดี ฉันเป็นผู้ชายตัวโต แต่ใจฉันแคบและเล็กมาก ฉันกลัว...กลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่รักฉันถ้ามีเธอเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย และพ่อกับแม่ก็ใส่ใจเธอ อะไรก็เธอ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเ
เมื่อกลับมาอยู่บ้าน ร้อยรักไม่ยอมไปอยู่ห้องกับติณณ์และลูก และขออนุญาตคุณท่านขนข้าวของของลูกน้อยย้ายมาไว้ที่ห้องตนเอง ส่วนติณณ์เธอก็ไม่ยอมให้เขาเข้ามาในห้อง เข้าใกล้ลูกๆ ได้ แต่อย่าเข้ามาใกล้เธอ ถ้าเธออยู่กับลูก เขาต้องไปอยู่ที่อื่น เพราะเธอไม่อยากเจอหน้าของเขา “เป็นอย่างไรบ้างลูก” ปรางทิพย์ถามร้อยรักที่กำลังนั่งให้นมลูกอยู่ในห้องนอนส่วนตัวของเธอ ส่วนติณณ์อยากเข้ามาด้วย แต่ถูกเจ้าของห้องมองตาขวาง เขาจึงได้แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตูดูลูกน้อยดูดนมจากเต้าของหญิงสาว เขาอยากเข้าไปหา ไปโอบกอด ไปหอมแก้มนวลนั้นให้ชื่นใจ “รู้สึกแปลกนิดหน่อยค่ะ น้องตองว่าง่าย แต่น้องต้นดื้อนิดหน่อยค่ะ” หล่อนยิ้มให้กับตนุภัทรที่กำลังดูดนมของตนเองอยู่ ส่วนรติมานั้นอิ่มแล้วนอนกอดตุ๊กตาอยู่ข้างๆ เธอ “แล้วน้ำนมออกดีไหมลูก” นางถามเพราะร้อยรักนอนนานตั้งสองเดือนกว่า
ณ ยุโรป กรุงโรมด้านปรางทิพย์ทันทีที่ได้รู้เรื่องจากลูกชาย นางก็นั่งไม่ติดรีบจัดการเก็บข้าวของกลับมาเมืองไทยทันที แม้จะโกรธและไม่อยากเชื่อสิ่งที่ติณณ์บอกเล่า แต่มันก็คือความจริง นางจึงต้องเดินทางกลับมาก่อนกำหนดที่ตั้งใจไว้“พี่ปรางเดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าป้อมไม่ติดต้องดูแลโทนี่ ป้อมก็จะไปด้วย” ตอนนี้สามีของป้อมใจป่วย นางจึงไม่สามารถเดินทางได้ในช่วงนี้“ไม่เป็นไรหรอกป้อม พี่ต้องกลับไปจัดการกับหลานตัวดีของป้อม และตอนนี้หนูรักก็ยังไม่ได้สติด้วย พี่ล่ะเหนื่อยใจจริงๆ กับลูกคนนี้ ไม่รู้จะเลวไปถึงไหน” นางพูดพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่รินไหลออกมา“พี่ปรางไม่คิดบ้างเหรอคะว่าตาติณณ์รักหนูรัก”“ก็เคยคิด แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยนะป้อม ถึงแม้ว่าหนูรักจะแอบรักตาติณณ์ก็เหอะ พี่ล่ะอุตส่าห์ดีใจที่หนูรักย้ายออกไปอยู่หอตอนพี่มาที่นี่ แต่ก็ยังไม่พ้นมือของเจ้าลูกเลว” พูดแล้วก็เจ็บใจและโกรธลูกชายตัวดีนัก ไม่รู้ทำกับร้อยรักแบบนั้นได้ยังไง เกลียดยังไงก็ไม่น่าย่ำยีเธอแบบนั้น“เอาน่าพี่ ไหนๆ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว เดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าโทนี่หายแล้วป้อ
นานห้าชั่วโมงที่ร้อยรักอยู่ในห้องผ่าตัด ติณณ์นั่งไม่ติดเดินวนเวียนไปมาหน้าห้องผ่าตัด เพราะมาถึงหมอก็ตรวจและบอกเขาว่าต้องรีบผ่าตัดด่วน ไม่งั้นจะไม่รอดทั้งแม่และลูก เนื่องจากร้อยรักเสียเลือดมาก และก็ไม่มั่นใจว่าลูกของเขาจะรอดปลอดภัย เพราะชีพจรเต้นอ่อนเหลือเกินตอนนี้ “ขอร้อง...อย่าทิ้งฉันไปนะรัก ขอร้อง...อยู่กับฉันก่อน อยู่ให้ฉันได้ชดใช้ความเลวของฉันก่อน อึก! ฮือๆๆ” ติณณ์นั่งคุกเข่าที่หน้าห้องผ่าตัดยกมือทาบอกตัวเองร้องไห้ เพราะนานเหลือเกินที่รอคอยประตูห้องผ่าตัดเปิดออก แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดออก “ติณณ์ น้องรักเป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่ได้รับสายจากติณณ์ เรียมก็รีบมาหาเพื่อนทันทีด้วยความเป็นห่วง อึก! “เรียม...ลูกกับเมียฉันอยู่ข้างใน จนตอนนี้ยังไม่ออกมาเลย หมอยังไม่ออกมาสักคนเลย พยาบาลก็ไม่เห็นออกมา อึ
จากที่จะไปห้างสรรพสินค้าซื้อข้าวของเครื่องใช้เตรียมไว้ให้ลูกก็ต้องกลับมาบ้าน เพราะร้อยรักไม่ไป เธออยากกลับบ้าน เธอเพลีย เธออยากพักผ่อน พอมาถึงบ้านมดกับส้มก็เอาน้ำอุ่นมาให้เธอแช่เท้าทันที ตอนนี้สองสาวก็รู้เห็นทุกเรื่องของเธอกับติณณ์ แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดหรือถามเธอและโทรเล่าให้คุณท่านฟัง เพราะเขาสั่งห้ามไว้ ตอนนี้เขาก็นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับชวนเธอพูดคุยถึงเรื่องชื่อลูกทั้งสอง แต่เหมือนเขาพูดคนเดียว เพราะหญิงสาวไม่โต้ตอบหรือออกความเห็นอะไรเลยสักอย่าง “เธอจะไม่พูดกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะรัก” ติณณ์ทนความเงียบไม่ไหว “คะ” “เธอเป็นอะไร” “เป็นกาฝากของบ้านค่ะ และท้องไม่มีพ่อ เรียนก็ไม่จบค่ะ” “ใครบอกว่าไม่มีพ่อ ก็ฉันนี่ไงพ่อของลูกเธอ และเป็นผัวเธอด้วย”&nbs
จากขึ้นมาตามลงไปทานข้าวจนตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว ติณณ์เพิ่งจะถอนกายอุ่นร้อนออกจากกายฉ่ำของร้อยรัก เขามองร่างเปลือยเปล่าที่อวบอิ่มแล้วสายตาเข้มก็มาหยุดที่ท้องโตของเธอก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วเดินไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่ รวมถึงเสื้อผ้าของร้อยรักด้วย “แต่งตัวสิ ไปกินข้าว ป่านนี้กับข้าวเย็นหมดแล้วมั้ง” “พะ...เพราะคุณติณณ์นั่นแหละ แล้วพี่เรียมอีก ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง คุณติณณ์ปล่อยพี่เรียมไว้คนเดียวได้ยังไง” ทั้งอายและโกรธเขาที่เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ “เรียมคงรอเราหรอก นี่สามทุ่มจะสี่ทุ่มแล้ว แต่งตัวไปกินข้าวได้แล้ว ท้องเธอร้องแล้วนะ” โครก! คราก! ทันทีที่สุดความของติณณ์ ท้องของร้อยรักก็ส่งเสียงออกมาให้อับอาย 
“ก็หนูบอกว่าไม่หิว ทำไมคุณติณณ์ต้องบังคับด้วยคะ” เธอตอบเสียงเบา“ถึงไม่หิวยังไงก็ต้องกิน เธอจะเป็นแม่คนอยู่แล้วนะรัก อีกอย่างเธอทำแบบนี้ไม่ให้ฉันคิดว่าเธอหึงฉันคงไม่ได้หรอกนะเด็กน้อย”ติณณ์มั่นใจว่าตัวเองพูดไม่ผิดแน่ ร้อยรักต้องหึงเขา ถ้างั้นแสดงว่าเจ้าหล่อนก็ต้องรักเขาน่ะสิ รักงั้นเหรอติณณ์ เขาเคยหวังอะไรแบบนี้จากเด็กของคุณแม่ได้ยังไง เขาเกลียดเธอไม่ใช่เหรอ ใช่...เขาเกลียดเธอ แต่ทำไมตอนนี้เขากลับอยากกอดเธอนานๆ ไม่อยากปล่อยร่างอวบนี้เลย“รักไม่ได้หึงคุณติณณ์ ไม่มีวันหึงด้วย เพราะรักเกลียดคุณติณณ์ ได้ยินไหมคะว่ารักเกลียดคุณติณณ์ รัก...อ่ะ...อื้อ”แล้วประโยคของร้อยรักก็พูดไม่สุดความเมื่อติณณ์ทนฟังคำว่า ‘เกลียด’ ตัวเองจากปากเล็กไม่ไหว เขาจึงประคองหน้าเล็กแล้วก็บดจูบหนักหน่วงทันที พร้อมดุนดันปลายลิ้นสากเข้าไปทำโทษเรียวลิ้นน้อยของเธอด้วยความกรุ่นโกรธและโหยหาในคราเดียวกัน“อ่า...หวานเหลือเกินรัก ฉันอยากทำแบบนี้กับเธอทุกวัน” เขาถอนจูบร้อนรุ่มที่แสนปรารถนาและรอคอยมาตลอดออกมพึมพำกับใบหน้างามแล้วก็โน้มก้มหน้าต่ำไปจูบปากน้อยที่เผยอรอท่าอยู่อีกครั้ง