เจย์ประกาศ “ฉันจะพาแองเจลีนกลับบ้าน”เซย์นมีทีท่าไม่ยินยอม “ที่นี่คือบ้านของเธอ”เจย์โอบแองเจลีนแน่นขึ้น แม้ว่าดวงตาเหยี่ยวของเขาจะดูฉุนเฉียวมืดทะมึน แต่น้ำเสียงเขาก็มีแววประนีประนอม “เซย์น ฉันไม่อยากทะเลาะกับนายต่อหน้าแองเจลีน หลบไป”เซย์นอึ้งไป เขารู้สึกแปลกใจที่เจย์คำนึงถึงความรู้สึกของแองเจลีนด้วย“คุณความจำกลับมาแล้วเหรอ?” เซย์นถามเจย์พยักหน้า “อืม”จากนั้นเซย์นก็หันไปถามแองเจลีน “เธอแน่ใจนะว่าอยากไปกับเขา แองเจิล? ฟังนะ พี่ไม่ว่าอะไรหรอกถ้าเธออยากจะอยู่ที่นี่ ไม่มีใครที่นี่จะตัดสินเธอ ถ้าเธอไปกับเจ้าวายร้ายนี่ถ้าเขารังแกเธอ เธอก็จะพูดหรือขยับตัวไม่ได้ เธอได้แต่ทนกล้ำกลืนความทุกข์เท่านั้น…”พอพูดถึงตรงนี้เซย์นก็ไม่สบายใจอย่างมากและกังวลเกี่ยวกับอนาคตของแองเจลีนเขาเปลี่ยนมาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นคงอีกครั้ง “ไม่มีทาง คุณพาเธอไปไม่ได้ ถ้าคุณทำร้ายเธอล่ะ?”ดวงตาเจย์มืดหม่นและแววตาเยียบเย็นเสียดแทงกระดูก เขาจ้องหน้าเซย์นด้วยสายตาคมกล้าดุจมีด “นายคิดว่าฉันจะทำร้ายเธอเหรอ?”เซย์นหวาดหวั่นกับรังสีของเจย์ เขาตัวสั่นเล็กน้อยพร้อมกล่าวด้วยเสียงสั่น ๆ “ถ้าวันไหนคุณเกิดอารมณ
เจย์เอื้อมมือทัดปอยผมที่หล่นลงมาปรกหน้าของแองเจลีนไปทัดหูเธอไว้ ก่อนที่จะไล้ใบหน้างดงามบอบบางของเธอ เขาพูดอย่างเจ็บปวดใจว่า “เธอผอมไปมาก แองเจลีน”เมื่อเซย์นเห็นว่าเจย์ทำตัวแตกต่างไปอย่างไรยามอยู่ต่อหน้าแองเจลีน เขาก็รู้สึกไม่พอใจมากเซย์นมองเจย์ผ่านกระจกมองหลังอย่างหมดคำจะพูดและเสียดสีว่า “เลิกทำตัวคลั่งรักหวานแหววต่อหน้าผมสักทีเถอะ มันขัดหูขัดตาผมมาก”เจย์นิ่วหน้า “นายขัดหูขัดตาเรื่องอะไรกัน”เซย์นตอบ “จะไม่ให้ผมหงุดหงิดขัดตาได้ยังไง ในเมื่อน้องสาวที่รักของตัวเองต้องหมดสภาพแบบนี้ก็เพราะไอ้คนเฮงซวยแบบคุณ”เจย์ “...”จากนั้นเจย์ก็พูดแก้ด้วยสีหน้าท่าทางขรึมเครียดทะมึน “ขอโทษนะ เธอไม่ได้เป็นของนาย ฉันต่างหากที่เป็นคนเลี้ยงเธอมา”เซย์นอับจนคำพูด“คุณมันไร้เหตุผลสิ้นดี”เจย์ใช้น้ำเสียงแบบเหนือกว่ากดข่มเต็มที่ “ฉันขอเตือนนายไว้เลยนะเซย์น ถ้านายพยายามห้ามฉันไม่ให้อยู่กับแองเจลีนอีกครั้ง ฉันจะทำให้แน่ใจเลยว่า นายจะไม่มีวันได้ก้าวเข้ามาเหยียบตระกูลอาเรสแม้แต่ก้าวเดียวได้อีกตลอดไป”เซย์นพูดอย่างไม่คิดอะไร “ไม่… ไม่มีใครอยากจะไปเหยียบตระกูลอาเรสสักหน่อย”เจย์ตอบ “งั้นนายคิดว่าจะเลิกไป
เจย์อุ้มแองเจลีนขึ้นไปที่ห้องนอนและวางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล แม้เขาจะรู้ว่าเธออาจจะไม่ได้ยินที่เขาพูด แต่เจย์ก็ยังพูดกับเธออย่างเป็นสุภาพบุรุษมาก“ถึงเวลาอาบน้ำแล้ว แองเจลีน”เมื่อเขายื่นมือออกไปถอดเสื้อผ้าให้เธอ แองเจลีนก็กำกระดุมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เจย์กลัวว่าแองเจลีนจะไม่ได้ยินที่เขาพูด เขาจึงโน้มตัวไปใกล้ใบหูเธอและกระซิบว่า “แองเจลีน ฉันจะอาบน้ำให้เธอนะ”แองเจลีนอายมากจนใบหูแดงก่ำเจย์เผยรอยยิ้มสะกดใจออกมา เขานั้นหล่อเหลาราวเทพบุตรอยู่แล้ว เมื่อยามแย้มยิ้มเขาก็ยิ่งดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากขึ้นไปอีก “เธออายเหรอ แองเจลีน?” เขาแตะจมูกเธออย่างพึงพอใจตอนนี้เขารู้สึกราวอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นเจ็ด เพราะเขาแน่ใจแล้วว่าแองเจลีนต้องยังคงเหลือการได้ยินอยู่ในระดับหนึ่งที่จริงแล้วแองเจลีนไม่ได้สูญเสียการได้ยินไปเลยสักนิดเดียว แต่เป็นความหยิ่งทะนงที่รั้งเธอไว้ ความคิดที่ว่าเธออาจจะต้องลงเอยเหมือนปู่ของเธอ ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงและเป็นภาระของคนอื่นไปชั่วชีวิต แองเจลีนรู้สึกทำใจรับผลข้อนี้ได้ยากนักดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดเจย์เอื้อมมือมาลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเธอด้วยท่าทีประ
แองเจลีนหลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้เห็นดังนั้นเจย์ก็ยิ้มอย่างรู้ทันเขาอุ้มเธอขึ้นมาและบอกว่า “ไปอาบน้ำกันเถอะ”แองเจลีนมุดหัวลงซุกกับหน้าอกของเขา เธอดูเขินอายอย่างหนักเจย์อดเย้าแหย่เธอไม่ได้ “อีกเรื่องนะ ฉันไปที่ห้างกับเซ็ตตี้น้อยมาเมื่อวันก่อนแล้วซื้อชุดนอนสวย ๆ มาให้เธอด้วย ฉันจะสวมให้เธอนะ ดีไหม?”แองเจลีนอายมากจนหน้าแดงเป็นตูดลิง ชุดนอนนั่นไม่ใช่แค่ซีทรูแต่ว่ายังบางเบาอย่างมาก ใครเห็นก็รู้ว่ามันคือชุดนอนไม่ได้นอน“ไม่เอา” เธอประท้วงไม่นานเสียงสนุกสนานร่าเริงก็ดังลอดออกมาจากห้องน้ำให้ได้ยินคืนนั้น แองเจลีนนอนซุกในอ้อมแขนของเจย์หลับสนิทวันต่อมาเซย์นมาที่สวนบันทึกรักแต่เช้าตรู่จากเสียงเคาะประตูดังสนั่นของเขา เจย์คิดว่ามีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้น แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูวิลล่าออกมา ก็เห็นแค่เซย์นที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่อย่างสบายอารมณ์เจย์ฉุนขาด “นายมาอีกทำไมเนี่ย?”เมื่อเห็นว่าเจย์กำลังจะปิดประตู เซย์นก็รีบแทรกตัวผ่านช่องประตูเข้ามาอย่างเร็วก่อนที่จะพูดพร้อมรอยยิ้มกริ่ม “ผมก็มาเยี่ยมแองเจิลน่ะสิ”แม้เขาจะบอกว่าแวะมาเยี่ยม แต่มันดูเหมือนว่าเขามาคอยดูเจย์ว่าเป็นอย่างไรมากกว่
ด้านนอกสวนบันทึกรัก มีรถหรูหราสองคันจอดอยู่ที่ชั้นล่างของลานจอดรถของสวนโจเซฟินเดินออกจากรถมาพร้อมเคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วย เธอสวมแว่นกันแดดและชุดเดรสแบบเซ็กซี่เธอเดินก้าวย่างบนรองเท้าส้นเข็มและเลี้ยวไปที่รถโรลส์รอยซ์หรูสีดำที่จอดอยู่ด้านหลังเธอ เธอเคาะกระจกก่อนเรียก “พี่ชาย”กระจกรถเลื่อนเปิดลงช้า ๆ เจนสันจ้องโจเซฟินโดยไม่พูดจาพร้อมใบหน้าเย็นชาดุจก้อนน้ำแข็งของเขา“อืม” เขาขานตอบอย่างเจ้าเล่ห์โจเซฟินคิดเอาเองว่าคนขับรถนั้นน่าจะเป็นเจย์เพราะว่านี่คือรถของเขา แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเจนสันจะเป็นคนขับครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้เจอกันก็ตั้งสามปีมาแล้ว และเจนสันก็เปลี่ยนจากเด็กที่มีอาการออทิสติกมาเป็นหนุ่มน้อยหล่อเหลา โครงหน้าของเขาเริ่มฉายแววเสน่ห์ของเด็กหนุ่ม โดยเฉพาะรังสีของความเย็นชาห่างเหินที่เขามี เจนสันนั้นเหมือนถอดแบบออกมาจากเจย์เลยโจเซฟินร้องออกมาอย่างประหลาดใจ “เจนสัน”เจนสันขมวดคิ้วและตอบเบา ๆ “คุณยังตกใจง่ายเหมือนเดิมเลยนะ”จากนั้นเขาก็ก้าวออกจากรถด้วยท่วงท่าสง่างามแล้วเดินไปที่ประตูทางเข้าวิลล่าโจเซฟินอึ้งจนพูดไม่ออก“เจ้าเด็กนี่หลอกฉันแถมยังมาว่าฉันอีกเหรอ? นี่มันจะเกิน
”คนบ้าครับ”หลังจากที่ได้ยินคำตอบของเจนส์ เซย์นก็ไม่คิดจะลุกขึ้นไปเปิดประตูอีกแล้วสีหน้าเจย์ทะมึนลงเล็กน้อยก่อนถอนใจ “อาโจเซฟินใช่ไหม?”เจนสันพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจเซย์นงมโง่ไปเลย เขารีบผลุนผลันลุกขึ้นไปเปิดประตูทันทีโจเซฟินถอดรองเท้าส้นเข็มมาถือไว้แล้วยืนเท้าเปล่า เมื่อประตูเปิดเธอก็พุ่งตัวเข้ามาเพื่อเล่นงานเจนส์“เจนส์ เด็กบ้า ฉันไม่ได้เจอนายตั้งหลายปี นอกจากนายจะไม่ทักทายฉันสักคำ นายยังขัดขาฉันล้มอีก ก้นฉันกระแทกจนเจ็บเลยเนี่ย”เธอวิ่งเข้าไปหาเจนสัน แต่เขากลับกระโดดขึ้นแล้วตีลังกากลับหลังขึ้นไปยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองโจเซฟินตะลึง “นี่นายเป็นลิงเหรอไง? ทำไมถึงกระโดดได้สูงขนาดนั้นเนี่ย?”เจนสันตอบ “ก็ผมไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะต้องตัว”โจเซฟินบอก “ฉันเป็นอาของนายนะให้ตายสิ ฉันจับไปก็ใช่ว่าจะบุบสลายอะไรสักหน่อย”ตั้งแต่สมัยก่อนมันเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นอาหลานคู่นี้เถียงกันทุกครั้งที่เจอหน้ากันแต่มันก็ยังน่าประหลาดใจที่ทุกอย่างยังเหมือนเดิมแม้ว่าจะผ่านไปถึงสามปีแล้วเจย์กลัวว่าเสียงดังเอะอะจะรบกวนการพักผ่อนของแองเจลีน เจย์ตำหนิทั้งสองด้วยท่าทางเคร่งเครียด “พอได้แล้วทั้งคู่เล
แองเจลีนพูดอย่างปวดใจ “สัญชาตญาณของเธอถูกต้องโจเซฟิน ตอนนั้นเธอบาดเจ็บหนักมาก เธอไม่เพียงแค่โดนทำร้ายแต่ว่าคนที่ทำร้ายยังขโมยไตของเธอไปด้วย”ตาโจเซฟินเบิกกว่าอย่างตกใจกลัวขณะที่เธอพึมพำว่า “ถ้าเป็นแบบนั้น… ที่อยู่ในตัวฉันตอนนี้คือไตของใครล่ะ?”ดวงตาแองเจลีนน้ำตาเอ่อคลอและสีหน้าก็เศร้าเสียใจสุดซึ้ง “เป็นของเซย์น”ดวงตาสวยเฉี่ยวดุจนกฟีนิกส์ของโจเซฟินแดงก่ำทันใด น้ำตาเอ่อทะลักก่อนที่จะไหลพรากลงมาตามใบหน้าเธอไม่ได้อยากร้องไห้เพราะเธอไม่อยากทำพี่แองเจลีนใจสลาย เพราะถ้าแองเจลีนเห็นเธอในสภาพนี้ก็อาจจะทำให้อาการป่วยทรุดหนักลงได้เธอจึงเอากำปั้นยัดปากตัวเองเพื่อที่จะไม่ให้เสียงร้องไห้ดังลอดออกมาแต่แองเจลีนเป็นคนตรง ๆ และไม่มีอะไรปิดบัง เธอยื่นมือออกมาแล้วก็คว้าเปะปะจนเจอไหล่ที่สั่นสะท้านของโจเซฟิน เธอพูดอย่างใส่ใจว่า “ถ้าอยากร้องก็ร้องเถอะ โจซี่”เมื่อได้ยินเช่นนั้นโจเซฟินก็ทรุดลงกอดเข่าแองเจลีน ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ“ทำไมเขาไม่บอกฉันล่ะ พี่แองเจลีน? ฉันโทษเขาแล้วเกลียดเขาอยู่ตั้งหลายปี ฉันเกลียดเขาเพราะว่าใจดำ เขาทำเป็นไม่รับเห็นความรักของฉันทั้งที่ฉันรักเขามาก… เขาถึงกับไปแต่งงานกับคนอ
เซย์นมองโจเซฟินอย่างฉงนใจแล้วถามอย่างสงสัยว่า “เธอมองแบบนี้หมายความว่ายังไงโจเซฟิน? เธอมองแบบนี้เล่นเอาฉันกลัวเลยนะ”โจเซฟินโพล่งออกมาด้วยความอาย “พี่เชอร์ลีย์เป็นยังไงบ้าง?”ด้วยเหตุผลบางอย่าง โจเซฟินรู้สึกมีอารมณ์ซาบซึ้ง ทั้งขอบคุณและนับถือ เมื่อนึกถึงนางฟ้าอย่างเชอร์ลีย์ที่ช่วยให้ทั้งเธอและเซย์นได้มีโอกาสใหม่ในชีวิตอย่างเงียบ ๆ ไม่เรียกร้องอะไรเซย์นตอบ “พรุ่งนี้เชอร์ลีย์จะเข้ารับการผ่าตัด ฉันเชื่อว่าสวรรค์จะต้องเข้าข้างคนดี ดังนั้นเชอร์ลีย์ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”โจเซฟินยิ้มเล็กน้อย เมื่อเธอได้เห็นว่าเซย์นห่วงใยเชอร์ลีย์แค่ไหน เธอก็ไม่รู้สึกหึงหวงเลยสักนิด ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกสงบและโล่งใจโจเซฟินบอก “เวลาเหมาะเลย งั้นฉันจะแวะไปเยี่ยมพี่เชอร์ลีย์ที่โรงพยาบาลตอนบ่าย ฉันจะได้ให้กำลังใจเธอ”เซย์นงงพูดไม่ออกแองเจลีนบอกกับโจเซฟิน “ช่วยส่งต่อข้อความของฉันให้พี่เชอร์ลีย์ด้วยได้ไหม? บอกเธอว่าฉันอาการค่อย ๆ ดีขึ้นแล้ว บอกเธอว่าไม่ต้องห่วงเรื่องของฉัน เธอผ่าตัดเสร็จเมื่อไรฉันจะไปเยี่ยมเธอแน่นอน”โจเซฟินพยักหน้า “อืม”เจย์รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงสถานะเล็กน้อยของเชอร์ลีย์จากคำที่แ