เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
“เราหย่ากันเถอะ”ชายหนุ่มผู้สง่างามทว่าหยิ่งผยอง เขากำลังจ้องหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าด้วยสายตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึก“ฉันจะจ่ายค่าเลี้ยงดูให้” เขากล่าวโดยไม่แยแส “ถ้าเธอต้องการเงิน งาน หรือหมอดีๆสำหรับแม่ของเธอ ฉันก็จะเตรียมไว้ให้เช่นกัน”โรสหมดหวังจะต่อสู้กับน้ำตาที่ล้นเอ่ออยู่ในดวงตาของเธอในตอนที่คู่หมั้นของเจย์ อาเรส หนีหายไปหนึ่งวันก่อนวันแต่งงานของทั้งสอง พวกเขาถูกบังคับให้หาเจ้าสาวชั่วคราวเพื่อดับความหิวโหยของเหล่าปาปารัซซี่และสื่อทั้งหลายชายหนุ่มเชื่อว่าเธอตอบตกลงเล่นตามบทก็เพื่อชื่อเสียง เพื่อที่จะกลายเป็น คุณนายอาเรส ยังไงก็ตาม ตัวหญิงสาว โรส เธอรู้ดีว่าที่เธอตกลงไปก็เพื่อเติมเต็มความรักตลอดสองชั่วชีวิตที่มีให้เขาเขาไม่รู้เลยสักนิดว่าเธอรักเขาแค่ไหน“ฉันไม่ได้แต่งงานกับคุณเพื่อเงิน” เธอกระซิบอย่างแผ่วเบา ความรักอันเข้มข้นของเธอก่อให้เกิดปมในใจลึกลงไปในแววตาที่สงบของชายหนุ่มเกิดประกายของความฉงนถ้าคนแปลกหน้าสองคนแต่งงานกัน มันจะมีเหตุผลอะไรได้อีกนอกจากเรื่องเงิน?“ความอดทนของฉันกำลังจะหมดลง ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะนัดทนายมาพบเธอพรุ่งนี้ พร้อมกับใบหย่า” ชายหนุ่มจิบกาแฟเป
เจย์ อาเรส ได้รับของขวัญที่ไม่คาดคิด นั่นคือเด็กแรกเกิดเมื่อเขามองไปที่ทารกน้อยที่ถูกห่อไว้ด้วยผ้าซึ่งกำลังส่งเสียงร้องอยากอาหาร ชั้นน้ำแข็งหนาดูจะปกคลุมใบหน้าอันหล่อเหลาของเจย์“แม่ของเด็กอยู่ที่ไหน?” เขาถามผ่านฟันที่ขบแน่น ดวงตาฉายแววความอันตรายออกมาผู้หญิงคนนั้นกล้าดียังไงถึงได้เอาเมล็ดพันธุ์ของเขาไป แต่หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบที่จะดูแลเด็ก?“ขออภัยด้วยครับท่าน” ผู้ส่งเด็กน้อยกล่าว “แม่ของเด็กคนนี้ตายที่โรงพยาบาล จากภาวะการคลอดลำบากครับ”เจย์พลันเคร่งเครียดขึ้นและรู้สึกพูดไม่ออก เขาใช้เวลาค่อนข้างนานในการประมวลผลสิ่งที่ได้ยิน ไฟในดวงตาของเขาผสมปนเปกับประกายความสงสัย “ตาย?”ชายคนนั้นพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเปิดรูปของโรสผู้สิ้นลมให้เจย์ดู“คุณอาเรส นี่คือรูปที่ระลึกของโรสที่เราถ่ายมา ผมสามารถส่งให้คุณได้ถ้าคุณต้องการ—”เจย์กวาดสายตามองจอโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว หญิงสาวในรูปมีร่างกายพองอืด ใบหน้าบวมของเธอซีดขาวเหมือนศพเบ้าตาของของเธอเบิกกว้าง จ้องมองผ่านหน้าจอเข้ามาจะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่โรส?เมื่อเจย์ ผู้เป็นพวกย้ำคิดย้ำทำ เห็นรูปโรสที่ตายลงแล้ว ความ
ในขณะที่โรสกำลังเรียกรถแท็กซี่อยู่ริมถนน เจย์ก็เดินมาพร้อมกับหญิงสาวทรงเสน่ห์ข้างกายเขา“หลบไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มและนุ่มลึกราวกับเสียงเชลโลที่สามารถทำให้หญิงสาวใดก็ตามอ่อนระทวยแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่มันก็แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่าของชายผู้มากเงินทองโรสรู้สึกตัวทันทีว่าเธอและลูกๆกำลังขวางทางเขาอยู่—พวกเขากำลังยืนอยู่หน้ารถโรลส์รอยส์พร้อมด้วยสปิริทออฟเอ็กสเตซี่บนฝากระโปรงรถโรสลากกระเป๋าเดินทางด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ดึงลูกๆของเธอ เมื่อโรสเห็นเจย์ เธอค่อนข้างรู้สึกตื่นตระหนก และพยายามจะหลบฉากออกไปช้าๆ—หญิงสาวผู้มีเสน่ห์เย้ายวนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยและเหน็บแนม “เธอต้องเป็นคนแบบไหนกันถึงได้ห่อตัวด้วยเสื้อผ้าแบบนั้น เอาเลย อยากจะใส่แว่นกันแดดก็แล้วแต่ แต่ทำไมต้องบังคับให้ลูกของเธอใส่มันเวลาเดินด้วย? นั่นมันอันตรายไม่ใช่รึไง เธอไม่ห่วงเหรอว่าพวกเขาจะล้มเข้าหรืออะไรทำนองนั้น?”โรสรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด ‘ฉันก็คงไม่ต้องใส่เสื้อผ้าแบบนี้ถ้าไม่ต้องหลบซ่อนจากมารผจญแบบเธอหรอก’คำพูดของผู้หญิงคนนั้นทำให้เซ็ตตี้อารมณ์ไม่ดี—คุณแม่ของเธอพูดถูกมาตลอดเซ็ตตี้จะโก