เจย์ อาเรส ได้รับของขวัญที่ไม่คาดคิด นั่นคือเด็กแรกเกิดเมื่อเขามองไปที่ทารกน้อยที่ถูกห่อไว้ด้วยผ้าซึ่งกำลังส่งเสียงร้องอยากอาหาร ชั้นน้ำแข็งหนาดูจะปกคลุมใบหน้าอันหล่อเหลาของเจย์“แม่ของเด็กอยู่ที่ไหน?” เขาถามผ่านฟันที่ขบแน่น ดวงตาฉายแววความอันตรายออกมาผู้หญิงคนนั้นกล้าดียังไงถึงได้เอาเมล็ดพันธุ์ของเขาไป แต่หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบที่จะดูแลเด็ก?“ขออภัยด้วยครับท่าน” ผู้ส่งเด็กน้อยกล่าว “แม่ของเด็กคนนี้ตายที่โรงพยาบาล จากภาวะการคลอดลำบากครับ”เจย์พลันเคร่งเครียดขึ้นและรู้สึกพูดไม่ออก เขาใช้เวลาค่อนข้างนานในการประมวลผลสิ่งที่ได้ยิน ไฟในดวงตาของเขาผสมปนเปกับประกายความสงสัย “ตาย?”ชายคนนั้นพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเปิดรูปของโรสผู้สิ้นลมให้เจย์ดู“คุณอาเรส นี่คือรูปที่ระลึกของโรสที่เราถ่ายมา ผมสามารถส่งให้คุณได้ถ้าคุณต้องการ—”เจย์กวาดสายตามองจอโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว หญิงสาวในรูปมีร่างกายพองอืด ใบหน้าบวมของเธอซีดขาวเหมือนศพเบ้าตาของของเธอเบิกกว้าง จ้องมองผ่านหน้าจอเข้ามาจะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่โรส?เมื่อเจย์ ผู้เป็นพวกย้ำคิดย้ำทำ เห็นรูปโรสที่ตายลงแล้ว ความ
ในขณะที่โรสกำลังเรียกรถแท็กซี่อยู่ริมถนน เจย์ก็เดินมาพร้อมกับหญิงสาวทรงเสน่ห์ข้างกายเขา“หลบไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มและนุ่มลึกราวกับเสียงเชลโลที่สามารถทำให้หญิงสาวใดก็ตามอ่อนระทวยแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่มันก็แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่าของชายผู้มากเงินทองโรสรู้สึกตัวทันทีว่าเธอและลูกๆกำลังขวางทางเขาอยู่—พวกเขากำลังยืนอยู่หน้ารถโรลส์รอยส์พร้อมด้วยสปิริทออฟเอ็กสเตซี่บนฝากระโปรงรถโรสลากกระเป๋าเดินทางด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ดึงลูกๆของเธอ เมื่อโรสเห็นเจย์ เธอค่อนข้างรู้สึกตื่นตระหนก และพยายามจะหลบฉากออกไปช้าๆ—หญิงสาวผู้มีเสน่ห์เย้ายวนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยและเหน็บแนม “เธอต้องเป็นคนแบบไหนกันถึงได้ห่อตัวด้วยเสื้อผ้าแบบนั้น เอาเลย อยากจะใส่แว่นกันแดดก็แล้วแต่ แต่ทำไมต้องบังคับให้ลูกของเธอใส่มันเวลาเดินด้วย? นั่นมันอันตรายไม่ใช่รึไง เธอไม่ห่วงเหรอว่าพวกเขาจะล้มเข้าหรืออะไรทำนองนั้น?”โรสรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด ‘ฉันก็คงไม่ต้องใส่เสื้อผ้าแบบนี้ถ้าไม่ต้องหลบซ่อนจากมารผจญแบบเธอหรอก’คำพูดของผู้หญิงคนนั้นทำให้เซ็ตตี้อารมณ์ไม่ดี—คุณแม่ของเธอพูดถูกมาตลอดเซ็ตตี้จะโก
ครึ่งชั่วโมงให้หลังโรลส์รอยส์จอด ณ ทางเข้าของสุสานภูเขาสามง่ามโจเซฟินอ่านตัวหนังสือขนาดใหญ่สามคำผ่านทางหน้าต่างรถ สุสาน ภูเขา สามง่าม ใบหน้าสวยหยดย้อยของเธอพลันซีดเผือก เหตุผลของการเดินทางกลับบ้านครั้งนี้ก็เพื่อมาเยี่ยมคุณย่า หรือว่าคุณย่า…“คุณย่าอยู่ที่นี่?” โจเซฟินอ้ำอึ้ง“โรสต่างหาก” เจย์แก้ไขความเข้าใจผิดของเธอ“โรส? เธอถูกฝังที่นี่เหรอ?”โจเซฟินถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้น เธอก็ถามขึ้นมาอย่างประหลาดๆ “นี่ไม่ใช่เทศกาลเชงเม้งสักหน่อย ทำไมเราถึงมาที่นี่กัน?” ทันใดนั้นโจเซฟินพลันร้องออกมาเสียงหลงด้วยความตื่นเต้น “นายยังหลงเหลือความรู้สึกให้โรส ฉันว่าแล้ว! ฉันหมายถึง ไม่งั้นจะมีอะไรอธิบายเรื่องเจ้าเด็กอัจฉริยะตัวแสบอย่างเจนสันได้?”เจย์ก้าวขายาวไปสู่ขั้นต่อไป ต้นสนไซเปรสขนาดใหญ่โตถูกปลูกไว้ตลอดสองข้างทางของขั้นบันไดด้วยคำพูดของโจเซฟิน ชายหนุ่มหยุดเดินลง เขาถอนหายใจอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ “เจนสันเกิดจากผิดพลาด เขาไม่ได้เกิดมาจากความรัก!”โจเซฟินจุ๊ปากแล้วกล่าวอย่างมีเลศนัย “งั้นทำไมนายไม่ผิดพลาดบ่อยๆซะล่ะ? ในเมื่อยีนของนายมันดีนัก มันจะเสียของถ้าไม่ใช้มันให้เกิดประโยชน์ส
โรงพยาบาลแกรนด์เอเซียเจย์ไปที่ห้องมอนิเตอร์ ทันทีที่เขาเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ทำความเคารพเขาแล้วยื่นเอกสารรายงานให้“ท่านอาเรส ข้อมูลของคนไข้ได้เข้ามาในระบบของเราเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว ทางเราได้ติดเครื่องติดตามตัวแก่คนที่ส่งข้อมูลของเธอตามที่ท่านได้สั่งไว้แล้วครับ แต่ผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างแตกต่างจากคนในรูปที่ท่านให้มามากทีเดียว…”สายตาของเจย์จ้องเขม็งไปที่หน้าจอ ชายหนุ่มคนนั้นเลื่อนเมาส์ ก่อนที่ภาพของหญิงสาวในชุดแนวพังค์จะปรากฏขึ้นเจย์ขมวดคิ้วและพิจารณาหญิงสาวทรงผมเดรดร็อกอย่างตั้งใจ ปากที่ถูกทาไว้ด้วยลิปสติกและการแต่งตาอันโฉบเฉี่ยว เจย์พยายามระงับความรู้สึกไม่สบายใจที่เขากำลังรู้สึก“ซูมภาพเข้าไป!” เจย์ตะคอกใบหน้าของโรสถูกขยายจากหน้าจอ นั่นทำให้ภาพอันคมชัดของใบหน้าเธอถูกแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเธอยังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน…เจย์หรี่ตาลงโรสรอดจากการตามจับตัวอันยอดเยี่ยมของเขาไปได้ยังไง?เขาไม่เข้าใจเลยว่าเธอใช้วิธีไหนในการหลบซ่อนตัวอย่างมิดชิด ทั้งๆที่ทั้งโลกกำลังตามหาเธออยู่ แต่การลงมือครั้งสุดท้ายในการแกล้งตายของเธอ ต้องยอมรับว่ามันค่อนข้างฉลาดมากเมื่อเจย์คิดว่าเข
“กัดเธอ? ฉันไม่มีทางเอาปากของฉันไปใกล้อะไรก็ตามที่โสโครกแบบเธอหรอกนะ” เจย์ยักคิ้วอย่างยียวนเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้หมุนที่บุด้วยหนังสีดำและเดินเข้าใกล้โรสทีละก้าวๆ เขาเหยียดตามองโรสด้วยความยะโสจากความสูง185ซม.ของเขา“เอาล่ะ โรส เธอจะชดใช้สิ่งที่เธอทำกับฉันเมื่อห้าปีก่อนยังไงดีล่ะ?” เจย์กล่าวอย่างน่าขนลุกความทรงจำของคืนนั้นยังคงแจ่มชัดในหัวของโรส ห้าปีที่แล้ว ด้วยความกล้าหาญบางส่วนที่มาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้เธอ…เธอวางยาเขา จากนั้นเธอก็…“ฉ-ฉันจ่ายค่าชดเชยให้นายไปแล้ว!” โรสพยายามแบบสุด ๆ ที่จะโน้มน้าวเศรษฐีผู้นี้กลิ่นอายของความหงุดหงิดเริ่มปรากฏขึ้นบนสีหน้าอันมืดมนของเจย์“เอาเป็นฉันจ่ายคืนให้เธอสิบเท่าเลย แต่เธอต้องไปนอนกับผู้ชายคนอื่นเป็นไง หืม?” เจย์เอื้อมมือออกไปคว้าแก้มน้อยๆของเธอ ความโกรธของเขาเป็นเหมือนราชสีห์ที่ยังไม่ถูกปลุก มันพร้อมที่จะเข้าตะครุบเหยื่อได้ตลอดเวลาโรสสังเกตเห็นประกายสีแดงฉานในตาของเขา ชายคนนี้ดูเหมือนนักล่าที่ทำให้เธอตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว“นายต้องการอะไร?” มือของเจย์เลื่อลงไปที่คอเสื้อของเธอไปก่อนที่เขาจะกระชากเดรสที่ทำจากผ้าฝ้ายลินินอย่างแรง เ
เจย์ฉุดโรสให้ลุกขึ้นแล้วโยนเธอลงไปใต้โต๊ะ เขาดึงไทด์สีน้ำเงินของเขาออกแล้วใช้มันมัดแขนของเธอไว้กับขาโต๊ะจากนั้นเขาก็คว้าผ้าขี้ริ้วบนโต๊ะขึ้นมา และใช้มันอุดปากของโรสสิ่งที่โรสพอจะทำได้คือการใช้สองเท้าของเธอถีบเจย์อย่างต่อเนื่องโชคไม่ดีเท่าไหร่ การดิ้นรนของเธอไม่ค่อยมีประโยชน์นัก จากความแตกต่างด้านความแข็งแรงของทั้งสองที่มากเกินไปด้วยความที่เหยื่อของเขาถูกพันธนาการไว้แล้ว เจย์แสยะยิ้มขึ้น “โรส เธอควรจะซื่อสัตย์กับฉันนะ” เขาเตะเข้าที่ขาสั้น ๆ ที่สั่นระริกของเธออย่างป่าเถื่อนหลังจากสะใจจนพอหอมปากหอมคอแล้ว เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างสบายใจแล้วโทรหาเจ้าหนุ่มน้อยของเขาโรสถูกทิ้งไว้พร้อมกับผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิง ชุดที่ฉีกขาด และท่อนขาที่เคยขาวเนียนก็ถูกแทนที่ด้วยรอยฟกช้ำเธอจ้องมองไปที่เจย์ด้วยความไม่พอใจ และส่งเสียงครวญครางแสนอู้อี้จากปากที่ถูกอุดไว้ของเธอ ยังไงก็ตาม เธอไม่ได้ร้องไห้หรืออะไรทำนองนั้นเลยเสียงโหยหวนที่ฟังไม่รู้เรื่องของเธอ ความจริงแล้วมันคือสารพัดคำด่าที่มอบให้เจย์ อย่างการสาปแช่งให้เขาถูกรถชนตอนอยู่ที่ถนน หรือถูกคลื่นสึนามิกลืนหายไปเมื่อเขาอยู่ที่ทะเล และแม้แ
พยาบาลฝ่ายต้อนรับที่โต๊ะสังเกตเห็นเด็กน้อยเข้า เขามีศรีษะที่ปกคลุมด้วยผมสีดำทรงเสน่ห์ และใส่เสื้อยืดสีขาวที่มีรูปชุดเกราะถูกสกรีนอยู่บนอก พร้อมด้วยกางเกงวอร์มสีดำและหน้ากากอนามัยสีดำเช่นกันด้วยลุคสีขาวดำจากเสื้อผ้าหน้าผม ทำให้เขาดูมีสไตล์อย่างมาก ราวกับว่าเขาเป็นผลงานศิลปะจากศิลปินเอก ในจินตนาการของพยาบาลสาว เขาดูเหมือนเจ้าชายที่หลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูนเลยทีเดียว‘เด็กคนนี้น่ารักสุดๆเลย!’ “หนูกำลังตามหาใครอยู่จ้ะ หนุ่มน้อย?” คุณพยาบาลได้เข้ามาหาเขาและกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เสียงของเธอฟังดูอ่อนโยน“ผมกำลังตามหาคุณ—คุณพ่อของผมอยู่ครับ!” เด็กชายกล่าวโดยสัญชาตญาณ‘คุณแม่บอกว่าเราควรระวังเวลาที่อยู่ข้างนอก’‘ห้ามบอกความจริงกับใคร ยกเว้นกับคุณตำรวจ แน่นอนอยู่แล้ว’หนุ่มน้อยเงยหน้ามองพยาบาลด้วยใบหน้าใสซื่อ “คุณผู้หญิง คุณพอจะรู้ไหมครับว่าคุณพ่อผมอยู่ไหน?”เมื่อพยาบาลร่างเล็กพิจารณาใบหน้าของเด็กชาย ด้วยดวงตากลมโตที่ถูกบดบังอยู่ใต้หน้ากากอนามัย เธอตกใจพร้อมกับรู้ได้ทันที ‘ตาพวกนั้นเหมือนกับตาของคุณอาเรสผู้เย็นชาเลย!’ยังไงก็ตามแต่ คุณอาเรสนั้นมีใบหน้าจริงจังเป็นเครื่องหมายการ
เพียงแค่นั้น เขาก็เข้าใจว่าหุ่นเลโก้นั้นถูกสร้างออกมาให้เหมือนหญิงสาวที่งดงาม‘เจ้าหนูนี่คิดถึงแม่ของเขาอีกแล้วเหรอ?’ เขาคิดด้วยความโมโห“เจนสัน ลูกอย่างเจอคุณแม่จริง ๆ เหรอ—” เขาโพล่งอออกไปโดยไม่คิดเจนสันยืนอยู่ที่บันไดด้วยความบูดบึ้ง ร่างเล็กจิ๋วของเขามองดูดื้อรั้นและเปลี่ยวเหงาเป็นพิเศษ เขาหันหลังกลับมามองที่เจย์ก่อนจะพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมเจย์ถึงกับเม้มปากแน่น เขาควรจะเรียกตัวเองว่าเป็นคนโชคดีที่ยังไม่จับโรสโยนลงไปในซ่องซะก่อน ไม่งั้นล่ะก็ ด้วยความเห็นแก่ตัวโดยธรรมชาติของเจนสัน เขาจะไม่มีทางให้อภัยเจย์แน่หากเขาพบว่าพ่อของเขารังแกคุณแม่ยังไงก็ตาม—ที่เจนสันคิดถึงแม่มากขนาดนี้ก็เป็นเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเจย์เองไม่กี่ปีก่อน เจย์ยังเข้าใจว่าโรสตายไปแล้ว และไม่ต้องการให้เจนสันใช้ชีวิตอยู่ในโลกด้วยความเคียดแค้น เขาจึงสร้างเรื่องโกหกขึ้นมาว่าคุณแม่ยังคงรักเขาในทุก ๆ วันและใช่ เจย์เพิ่งได้รู้ความจริงที่น่าตกใจมาก โรสยังมีชีวิตอยู่และแถมยังสบายดีอีกด้วยในขณะที่เจย์กำลังใคร่ครวญว่าจะพาเจนสันไปหาโรสดีหรือไม่ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นปลายสายที่โทรเข้ามาคือผู้ช่วยของเขา เก
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ