”คนบ้าครับ”หลังจากที่ได้ยินคำตอบของเจนส์ เซย์นก็ไม่คิดจะลุกขึ้นไปเปิดประตูอีกแล้วสีหน้าเจย์ทะมึนลงเล็กน้อยก่อนถอนใจ “อาโจเซฟินใช่ไหม?”เจนสันพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจเซย์นงมโง่ไปเลย เขารีบผลุนผลันลุกขึ้นไปเปิดประตูทันทีโจเซฟินถอดรองเท้าส้นเข็มมาถือไว้แล้วยืนเท้าเปล่า เมื่อประตูเปิดเธอก็พุ่งตัวเข้ามาเพื่อเล่นงานเจนส์“เจนส์ เด็กบ้า ฉันไม่ได้เจอนายตั้งหลายปี นอกจากนายจะไม่ทักทายฉันสักคำ นายยังขัดขาฉันล้มอีก ก้นฉันกระแทกจนเจ็บเลยเนี่ย”เธอวิ่งเข้าไปหาเจนสัน แต่เขากลับกระโดดขึ้นแล้วตีลังกากลับหลังขึ้นไปยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองโจเซฟินตะลึง “นี่นายเป็นลิงเหรอไง? ทำไมถึงกระโดดได้สูงขนาดนั้นเนี่ย?”เจนสันตอบ “ก็ผมไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะต้องตัว”โจเซฟินบอก “ฉันเป็นอาของนายนะให้ตายสิ ฉันจับไปก็ใช่ว่าจะบุบสลายอะไรสักหน่อย”ตั้งแต่สมัยก่อนมันเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นอาหลานคู่นี้เถียงกันทุกครั้งที่เจอหน้ากันแต่มันก็ยังน่าประหลาดใจที่ทุกอย่างยังเหมือนเดิมแม้ว่าจะผ่านไปถึงสามปีแล้วเจย์กลัวว่าเสียงดังเอะอะจะรบกวนการพักผ่อนของแองเจลีน เจย์ตำหนิทั้งสองด้วยท่าทางเคร่งเครียด “พอได้แล้วทั้งคู่เล
แองเจลีนพูดอย่างปวดใจ “สัญชาตญาณของเธอถูกต้องโจเซฟิน ตอนนั้นเธอบาดเจ็บหนักมาก เธอไม่เพียงแค่โดนทำร้ายแต่ว่าคนที่ทำร้ายยังขโมยไตของเธอไปด้วย”ตาโจเซฟินเบิกกว่าอย่างตกใจกลัวขณะที่เธอพึมพำว่า “ถ้าเป็นแบบนั้น… ที่อยู่ในตัวฉันตอนนี้คือไตของใครล่ะ?”ดวงตาแองเจลีนน้ำตาเอ่อคลอและสีหน้าก็เศร้าเสียใจสุดซึ้ง “เป็นของเซย์น”ดวงตาสวยเฉี่ยวดุจนกฟีนิกส์ของโจเซฟินแดงก่ำทันใด น้ำตาเอ่อทะลักก่อนที่จะไหลพรากลงมาตามใบหน้าเธอไม่ได้อยากร้องไห้เพราะเธอไม่อยากทำพี่แองเจลีนใจสลาย เพราะถ้าแองเจลีนเห็นเธอในสภาพนี้ก็อาจจะทำให้อาการป่วยทรุดหนักลงได้เธอจึงเอากำปั้นยัดปากตัวเองเพื่อที่จะไม่ให้เสียงร้องไห้ดังลอดออกมาแต่แองเจลีนเป็นคนตรง ๆ และไม่มีอะไรปิดบัง เธอยื่นมือออกมาแล้วก็คว้าเปะปะจนเจอไหล่ที่สั่นสะท้านของโจเซฟิน เธอพูดอย่างใส่ใจว่า “ถ้าอยากร้องก็ร้องเถอะ โจซี่”เมื่อได้ยินเช่นนั้นโจเซฟินก็ทรุดลงกอดเข่าแองเจลีน ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ“ทำไมเขาไม่บอกฉันล่ะ พี่แองเจลีน? ฉันโทษเขาแล้วเกลียดเขาอยู่ตั้งหลายปี ฉันเกลียดเขาเพราะว่าใจดำ เขาทำเป็นไม่รับเห็นความรักของฉันทั้งที่ฉันรักเขามาก… เขาถึงกับไปแต่งงานกับคนอ
เซย์นมองโจเซฟินอย่างฉงนใจแล้วถามอย่างสงสัยว่า “เธอมองแบบนี้หมายความว่ายังไงโจเซฟิน? เธอมองแบบนี้เล่นเอาฉันกลัวเลยนะ”โจเซฟินโพล่งออกมาด้วยความอาย “พี่เชอร์ลีย์เป็นยังไงบ้าง?”ด้วยเหตุผลบางอย่าง โจเซฟินรู้สึกมีอารมณ์ซาบซึ้ง ทั้งขอบคุณและนับถือ เมื่อนึกถึงนางฟ้าอย่างเชอร์ลีย์ที่ช่วยให้ทั้งเธอและเซย์นได้มีโอกาสใหม่ในชีวิตอย่างเงียบ ๆ ไม่เรียกร้องอะไรเซย์นตอบ “พรุ่งนี้เชอร์ลีย์จะเข้ารับการผ่าตัด ฉันเชื่อว่าสวรรค์จะต้องเข้าข้างคนดี ดังนั้นเชอร์ลีย์ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”โจเซฟินยิ้มเล็กน้อย เมื่อเธอได้เห็นว่าเซย์นห่วงใยเชอร์ลีย์แค่ไหน เธอก็ไม่รู้สึกหึงหวงเลยสักนิด ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกสงบและโล่งใจโจเซฟินบอก “เวลาเหมาะเลย งั้นฉันจะแวะไปเยี่ยมพี่เชอร์ลีย์ที่โรงพยาบาลตอนบ่าย ฉันจะได้ให้กำลังใจเธอ”เซย์นงงพูดไม่ออกแองเจลีนบอกกับโจเซฟิน “ช่วยส่งต่อข้อความของฉันให้พี่เชอร์ลีย์ด้วยได้ไหม? บอกเธอว่าฉันอาการค่อย ๆ ดีขึ้นแล้ว บอกเธอว่าไม่ต้องห่วงเรื่องของฉัน เธอผ่าตัดเสร็จเมื่อไรฉันจะไปเยี่ยมเธอแน่นอน”โจเซฟินพยักหน้า “อืม”เจย์รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงสถานะเล็กน้อยของเชอร์ลีย์จากคำที่แ
สำหรับคู่พ่อลูกที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ เสียงโครมครามวุ่นวายพวกนั้นนับว่าเป็นข่าวร้ายขั้นสุดเจย์ตะโกน “ล้างฝาด้วย โจเซฟิน”โจเซฟินมองดูฝาด้วยตา แล้วก็บอกว่า “มันยังสะอาดอยู่ ไม่เปื้อนเลยสักนิด”เจนสันยืนขึ้นอย่างตื่นตระหนก เขาอยากจะหนีออกไปให้พ้นตรงนี้แทบตาย “คุณแม่ครับ คุณพ่อครับ ผมจะไปรับเซ็ตตี้น้อยที่โรงเรียนนะ”แองเจลีนถามอย่างสงสัย “ตอนนี้ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ โรงเรียนของน้องยังไม่เลิกเลยมั้ง?”เขารู้ว่าเจนสันไม่กินอาหารข้างนอกและเขาไม่มีทางลองชิมอาหารฝีมือเซย์นและโจเซฟินแน่ เจย์ช่วยให้เขาพ้นจากสถานการณ์อึดอัดใจโดยบอกว่า “เมื่อวานนี้เจนส์วุ่นวายจัดการเรื่องของบริษัททั้งวันเลย เขายังไม่ได้เจอน้องสาวเลย ให้เขาไปเถอะ”แองเจลีนตอบ “งั้นก็ได้”ในห้องครัว ขณะที่เซย์นล้างหม้อชั้นในของหม้อตุ๋นอยู่ โจเซฟินก็เทน้ำลงไปในหม้อตุ๋นโดยที่ไม่มีหม้อชั้นในและเสียบปลั๊ก…เมื่อเซย์นหันมาหลังจากที่ล้างหม้อชั้นในเสร็จและเห็นว่ามีน้ำในนั้น ทั้งสองก็ยืนจ้องหน้ากันเงียบโจเซฟินหลุดหัวเราะออกมาแต่เซย์นรีบปิดปากเธอไว้ “อย่าหัวเราะสิ ถ้าพวกบ้ารักสะอาดสองคนนั้นรู้ว่าเราทำอะไรลงไป มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู
แม้ว่าอาหารจานผัดจะดูไหม้ไปหน่อย แต่ก็เป็นอาหารที่พวกเขาตั้งใจทำอย่างเหนื่อยยาก ดังนั้นทั้งโจเซฟินและเซย์นต่างก็หวังว่าพวกเขาทั้งคู่จะได้รับคำชื่นชมผลงานบ้างอย่างไรก็ตาม เจย์นั้นปฏิเสธที่จะทานอาหารของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง โจเซฟินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหันไปหาแองเจลีนผู้งดงามและอ่อนโยนว่า “ลองทานกะหล่ำดอกนี่สิคะ พี่แองเจลีน”ทันทีที่แองเจลีนตักดอกกะหล่ำขึ้นมา เจย์ก็เลี่ยงเจ้าอาหารนี่เหมือนเป็นเชื้อโรค เขายกจานขึ้นและกะหล่ำก็หล่นลงไปกองกับโต๊ะ“ฉันใช้แรงใช้เวลาทำไปตั้งเยอะนะพี่” โจเซฟินพูดด้วยท่าทางเจ็บปวดเจย์ไม่ยอมเคลิ้ม เขาตักซุปมาป้อนให้แองเจลีนแทนแองเจลีนรู้สึกประหลาดใจ “ฉันอยากลองทานอาหารที่โจเซฟินทำนะคะ เจย์บี้”โจเซฟินมองเจย์ด้วยท่าทางมีชัย แต่เจย์ก็ปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิง “แองเจลีน อาหารพวกเขามันไม่สุกดี แล้วพวกเขาก็เอาน้ำยาล้างจานมาใช้ผัดผักด้วย มันกินไม่ได้หรอก”แองเจลีนถึงกับงมโง่ไปเลยโจเซฟินยังไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ามีอะไรผิดพลาดไปตรงไหน เธอประท้วงอย่างดื้อดึง “น้ำยาล้างจานมันผิดตรงไหนล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะทานน้ำยาล้างจานไม่ได้สักหน่อยนี่นา? ถ้าหากว่ามันทานไม่ได้แล้วพี
”เขาเลี่ยงไม่ไปเจอเธออยู่หลายปีเพราะกลัวว่าเขาจะกลายเป็นภาระให้เธอ ต่อมาสุขภาพของฉันก็ทรุดลง ดังนั้นเซย์นก็เลยอยากทำตามความปรารถนาสุดท้ายของฉันก่อนตาย”“การที่ต้องโตมาในบ้านเด็กกำพร้า ฉันอยากมีบ้านมีครอบครัวมาตลอด เซย์นเขาแต่งงานกับฉันเพียงเพื่อจะตอบแทนบุญคุณเท่านั้น”“ต่อมาเซย์นก็ฟื้นตัวได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ฉันคิดว่าเขาไม่ได้ยกเรื่องการหย่าขึ้นมาพูดก็เพราะเขากังวลเกี่ยวกับสุขภาพของฉัน เขาเป็นเด็กที่จิตใจดีมากจริง ๆ”“โจเซฟิน ระหว่างเราทั้งสองคนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”โจเซฟินร้องไห้โฮ “ฉันรู้ค่ะ พี่เชอร์ลีย์ ฉันรู้หมดทุกอย่างแล้ว”เชอร์ลีย์รู้สึกโล่งใจอย่างมาก “ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ”ขณะที่พวกเธอกุมมือกันแน่น โจเซฟินก็ยิ้มทั้งน้ำตาพร้อมกล่าวว่า “พี่แองเจลีนบอกฉันหมดทุกอย่างแล้ว จากนี้ไปฉันก็จะเรียกพี่เป็นพี่สาวเหมือนกันกับพี่แองเจลีน ไม่ว่าพี่จะพูดยังไงนะคะพี่เชอร์ลีย์ จากนี้พี่จะเป็นพี่สาวที่ฉันรักคนหนึ่ง”เชอร์ลีย์พยักหน้าพร้อมรู้สึกเต็มตื้น “อื้ม”เมื่อโจเซฟินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เธอก็เห็นเซย์นยืนพิงกำแพงใกล้ประตูอยู่พอเขาเห็นโจเซฟิน เซย์นก็อ้าปากจะพูดบางอย่างแต่
เธอรู้ว่าเจนสันจะสู้เด็กพวกนี้ไม่ได้ เซ็ตตี้จึงกางแขนออกทันทีและไปยืนอยู่ข้างหน้าเจนสันเพื่อปกป้องเขาเซ็ตตี้น้อยเริ่มทำท่าเล่นใหญ่แล้วตอนนี้ เธอเปลี่ยนทีท่าทันทีและเริ่มเยินยอพวกเด็กชาย “แฟนของฉันสู้ไม่ได้หรอก ได้โปรดอภัยให้ฉันเถอะนะ พวกนายแค่อยากให้ฉันไปที่บาร์ด้วยใช่ไหม? ตกลง ฉันจะไปกับพวกนายทันทีเลย”เจนสันงงงันเขาจ้องเซ็ตตี้น้อย “นี่เธอทำอะไรน่ะ?”เซ็ตตี้กระซิบบอกเขา “คนฉลาด ๆ เขาจะไม่สู้เวลาที่เสียเปรียบหรอก เจนส์รีบหนีไปเร็วเข้า ฉันหนังหนาเพราะงั้นฉันไม่เจ็บเท่าไรหรอก เร็วเข้า รีบไปสิ"เจนสัน “...”กลายเป็นว่าเจ้าตัวแสบน้อย ๆ นี่กำลังพยายามปกป้องเขาอยู่เจนสันยกตัวเซ็ตตี้ขึ้นด้วยการจับคอเสื้อในท่าทางของผู้ที่เหนือกว่าแล้วให้เธอยืนอยู่ด้านหลังเขาราวกับว่าเธอเป็นเพียงลูกไก่ แล้วบอกวว่า “เธอก็รู้ว่าฉันเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ เพราะงั้นถ้าเธอมีแผลที่หน้า รอบหน้าก็อย่าวิ่งมาหาฉันแล้วกัน”เซ็ตตี้รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเธอต้องเจ็บตัวมีบาดแผลแน่ถ้าเธอสู้กับพวกเด็กเกเรพวกนี้แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อเจนสันเริ่มลงมือเขาเตะอย่างว่องไว ร่างสูงของเขาพุ่งเข้าใส่พวกนักเลงนั่นทีละคน
เมื่อเจนสันขับรถมุ่งไปขึ้นทางด่วน เขาก็เห็นว่ามีตำรวจกำลังตั้งด่านตรวจอยู่ เจนสันจึงขับรถไปต่อท้ายรถคันอื่น ๆ อย่างสงบแต่ทางเซ็ตตี้น้อยนั้น เธอกระวนกระวายอย่างมาก “พี่ยังอายุไม่ถึง 18 เลย นี่มันถือว่าขับรถอย่างผิดกฎหมายนะ”เจนสันยกใบขับขี่ขึ้นมาทำให้เซ็ตตี้ทำตาโตอย่างตกใจ บนบัตรระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ‘เจนสัน อาเรส อายุ 18 ปี’เห็นชัด ๆ ว่านี่เป็นใบขับขี่ปลอม!แต่เซ็ตตี้น้อยก็ยังคงกังวลใจ “ใครมันจะไปเชื่อลงว่าพี่อายุ 18?”เจนสันตอบ “เดี๋ยวเราก็รู้”ตอนนั้นเองตำรวจจราจรก็เดินเข้ามาและเคาะที่กระจกรถด้านเจนสัน“ขออนุญาตตรวจดูใบขับขี่หน่อยครับ”เจนสันส่งใบขับขี่ให้ตำรวจนายนั้น ตำรวจจราจรมองเจนสันก่อนกวาดตามองไปทั่วภายในตัวรถ เมื่อไม่เห็นว่ามีสิ่งใดผิดปกติ เขาก็โบกมือให้สัญญาณเจนสันขับรถไปต่อได้“ไปได้ครับ”เซ็ตตี้น้อยถึงกับอึ้งไปรถโรสรอยซ์ขับขึ้นไปบนทางด่วนอย่างนิ่งสงบ แต่เซ็ตตี้น้อยก็ยังตะลึงไม่หายเธอถอนใจ “ต้องเป็นเพราะหน้าแสนเย็นชาของพี่แน่เลย ทำให้พี่ดูแก่กว่าอายุจริง พี่ถึงหลอกให้คนอื่นเชื่อได้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”เจนสันแค่นเสียง “ไม่ใช่เพราะความสูงของฉันหรอกเหรอ? ฉันว่าน