เมื่อเจนสันขับรถมุ่งไปขึ้นทางด่วน เขาก็เห็นว่ามีตำรวจกำลังตั้งด่านตรวจอยู่ เจนสันจึงขับรถไปต่อท้ายรถคันอื่น ๆ อย่างสงบแต่ทางเซ็ตตี้น้อยนั้น เธอกระวนกระวายอย่างมาก “พี่ยังอายุไม่ถึง 18 เลย นี่มันถือว่าขับรถอย่างผิดกฎหมายนะ”เจนสันยกใบขับขี่ขึ้นมาทำให้เซ็ตตี้ทำตาโตอย่างตกใจ บนบัตรระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ‘เจนสัน อาเรส อายุ 18 ปี’เห็นชัด ๆ ว่านี่เป็นใบขับขี่ปลอม!แต่เซ็ตตี้น้อยก็ยังคงกังวลใจ “ใครมันจะไปเชื่อลงว่าพี่อายุ 18?”เจนสันตอบ “เดี๋ยวเราก็รู้”ตอนนั้นเองตำรวจจราจรก็เดินเข้ามาและเคาะที่กระจกรถด้านเจนสัน“ขออนุญาตตรวจดูใบขับขี่หน่อยครับ”เจนสันส่งใบขับขี่ให้ตำรวจนายนั้น ตำรวจจราจรมองเจนสันก่อนกวาดตามองไปทั่วภายในตัวรถ เมื่อไม่เห็นว่ามีสิ่งใดผิดปกติ เขาก็โบกมือให้สัญญาณเจนสันขับรถไปต่อได้“ไปได้ครับ”เซ็ตตี้น้อยถึงกับอึ้งไปรถโรสรอยซ์ขับขึ้นไปบนทางด่วนอย่างนิ่งสงบ แต่เซ็ตตี้น้อยก็ยังตะลึงไม่หายเธอถอนใจ “ต้องเป็นเพราะหน้าแสนเย็นชาของพี่แน่เลย ทำให้พี่ดูแก่กว่าอายุจริง พี่ถึงหลอกให้คนอื่นเชื่อได้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”เจนสันแค่นเสียง “ไม่ใช่เพราะความสูงของฉันหรอกเหรอ? ฉันว่าน
เซ็ตตี้น้อยอึ้งไป หลังจากเงียบไปนาน เธอก็ถอนหายใจพร้อมพูด “พี่ไม่คิดว่าพ่อเราโอ๋แม่มากไปหน่อยเหรอ?”เจนสันตอบ “เธอยังไม่เห็นเรื่องที่ยิ่งกว่านี้”เจนสันรู้จักนิสัยพ่อของเขาดี ดังนั้นหลังจากที่เขาก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน เขาก็เริ่มเดินย่องบนปลายเท้าอย่างเงียบ ๆ เพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดเสียงดังส่วนเซ็ตตี้น้อยนั้น เธอร้องตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้น “คุณแม่ขา คุณพ่อขา เรากลับมาแล้วค่า!”เจย์ยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองในชุดนอนสีดำ ใบหน้าเย็นชาของเขาดำทะมึนยิ่งกว่าก้นหม้อ แม้แต่เสียงของเขาก็กดต่ำจนเหมือนดังมาจากธารน้ำแข็ง “ชู่วว แม่กำลังนอนหลับอยู่”พอพูดจบเขาก็กลับเข้าห้องไป ทิ้งให้พวกเด็ก ๆ มองแต่แผ่นหลังของเขาเซ็ตตี้น้อยรู้สึกไม่คุ้นชินและบ่นงึมงำ “คุณพ่อไม่ชอบเราอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย?”เจนสันรินชาให้เซ็ตตี้ก่อนเอ่ยปลอบใจเธอ “เธอต้องทำตัวให้ชินนะ”เซ็ตตี้น้อยตอบ “ก่อนหน้านี้เขาเคยดีกับเรามากเลย”เจนสันบอกว่า “นั้นเพราะว่าเธอมองไม่ทะลุน่ะสิ ในสายตาพ่อ ภรรยาน่ะเป็นเหมือนสมบัติของเขา ขณะที่พวกลูก ๆ ก็เป็นเหมือนของแถมที่ติดมาด้วยกัน”เซ็ตตี้น้อยถอนใจ “ฉันไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเศร้าดี”เจนสันต
เจย์วางแองเจลีนลงบนโซฟาอย่างนุ่มนวล เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา แล้วด้วยท่าทางแบบนั้นการประชุมครอบครัวเล็ก ๆ ก็เริ่มขึ้นเจย์พูดกับลูก ๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง “เพราะว่าคุณแม่ป่วย คุณพ่อก็จะใช้ทั้งเวลาและแรงกายเพื่อดูแลคุณแม่ต่อไปในอนาคต คุณพ่อต้องขอโทษที่คงไม่สามารถจะให้เวลาดูแลลูก ๆ ได้”เจนสันเข้าใจและยอมรับเหตุผลนั้น “ผมไม่ว่าอะไรครับคุณพ่อ”เซ็ตตี้น้อยพยายามคว้าโอกาสทอง “ไหน ๆ คุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่มีเวลาจะดูแลหนู ทำไมไม่ให้หนูไปอยู่กับพี่ฟินน์ล่ะคะ?”เจย์ได้เตรียมการเรื่องที่จำเป็นต่าง ๆ สำหรับเด็ก ๆ ไว้แล้ว “เจนส์ คุณพ่อตัดสินใจว่าจะส่งมอบแกรนด์ เอเซียให้ลูก จากนี้ไปลูกจะเป็นประธานน้อยของแกรนด์ เอเซีย”เจนสันอึ้งไปเล็กน้อย ในดวงตาล้ำลึกของเขามีแววไม่ยินยอมเล็กน้อยเจนสันนั้นมีแผนเตรียมเอาไว้ในหัวแล้ว เขาอยากที่จะสร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเองขึ้นมาเหมือนพ่อแทนที่จะมารับช่วงต่อความยิ่งใหญ่แล้วเก็บเกี่ยวผลประโยชน์งดงามที่พ่อแม่บุกเบิกไว้แล้วแต่เมื่อเขาเห็นว่าแม่อ่อนแอและบอบบางแค่ไหน เจนสันก็เก็บความคิดของตัวเองไปแล้วพยักหน้าอย่างไม่เห็นแก่ตัว “ไม่ต้องห่วงครับ คุณพ่อ คุณแม่ ผมจะดูแ
”เร็วเข้า รีบส่งข้อความหาอาโจเซฟินบอกเธอว่า…”เซ็ตตี้น้อยเบิกตากว้างและพูดว่า “คุณแม่คะ คุณพ่อไม่อนุญาตนี่”“เพราะฉะนั้นเราจะให้คุณพ่อรู้เรื่องนี้ไม่ได้ไงคะ ช่วยคุณแม่เก็บเป็นความลับด้วยนะ”เซ็ตตี้น้อยพยักหน้าอย่างกังวล “ก็ได้ค่ะ”ทางด้านบน เจย์ก็พูดเปิดอกกับเจนสันว่า “ลูกเป็นผู้ชาย คุณพ่อไม่สนใจหรอกว่าก่อนแต่งงานลูกจะไปชอบสาวสักกี่คน แต่คุณพ่อต้องเตือนให้ลูกจำไว้ว่า… อย่าแตะต้องพวกเธอเด็ดขาด”เจนสันพยักหน้าอย่างเย็นชา “อืม”เจย์พูดต่อ “เจนส์ ลูกใช้เวลาแค่สามปีก็สามารถเรียนจบจากสถาบันสถาบันเยาวชนแห่งตำนานได้ นี่พิสูจน์ได้ว่าความสามารถของลูกนั้นโดดเด่นมาก พ่อคิดว่าลูกมีความสามารถมากพอที่จะรับช่วงต่อของแกรนด์ เอเซียได้ ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ลูกมีเวลาว่างก็ช่วยเราดูแลน้องสาวของลูกได้”เจนสันตอบ “ครับ”“น้องสาวลูกเรียนรู้เรื่องความรักตั้งแต่อายุยังน้อย คุณพ่อเลยห่วงว่าน้องจะต้องมาเสียใจทีหลัง แต่คุณแม่ของลูกก็อยู่ข้างคุณพ่อตลอดเวลา เลยมีบางเรื่องที่คุณพ่อไม่กล้าพูดกับน้องเพราะกลัวว่าคุณแม่จะโมโห ลูกเป็นพี่ชายของเซ็ตตี้น้อยแล้วลูกสองคนก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะ เพราะงั้นตอนที่ลูกมีเวลาว่
เซ็ตตี้น้อยและเจนสันต่างก็ทานมื้อเช้ากันด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเซย์น เกรย์สันและฟินน์ต่างก็ก้มหน้านิ่ง พวกเขาไม่กล้ามองสบตาเจย์“แองเจลีนอยู่ไหน?” เจย์ถาม น้ำเสียงเขาเยียบเย็นเสียดแทงกระดูกไม่มีใครกล้าเอ่ยปากตอบ“แองเจลีนอยู่ที่ไหน?” เจย์คำรามก้องเสียงเขาดังก้องราวฟ้าผ่า ทำให้ทุกคนตกใจจนตัวสั่นเทาตอนนั้นเองที่ทุกคนต่างก็มองเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัวเจนสันถอนใจก่อนอธิบาย “คุณพ่อครับ อาโจเซฟินพาแม่ไปที่โรงพยาบาลแกรนด์ เอเซีย”เจย์นึกขึ้นได้ทันทีว่าวันนี้คือวันผ่าตัดของเชอร์ลีย์ แองเจลีนต้องกังวลใจเรื่องหล่อนดังนั้นจึงแอบขอให้โจเซฟินพาเธอไปที่โรงพยาบาลเรื่องต่าง ๆ ที่เธอคุยกับโจเซฟินเมื่อวานเป็นเพียงตัวเบี่ยงเบนความสนใจทำให้เขาเชื่อว่าเธอจะยอมอยู่บ้านเจย์หันหลังกลับเดินขึ้นไปชั้นบนและเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เขาไม่สนใจจะพูดคุยหรือทักทายใครสักคำขณะที่รีบผลุนผลันออกจากบ้านไปเซย์นรุดเข้าไปห้ามเขา “นายท่านอาเรส ปล่อยให้แองเจลีนไปเถอะครับ”เจย์หันมาจ้องเซย์นอย่างเป็นเดือดเป็นแค้นราวกับว่าเซย์นไปฆ่าล้างครอบครัวของเขามา“นายก็รู้ดีว่าตอนนี้อาการของแองเจลีนเป็นยังไง ตอนที่เชอร์ลีย์
แองเจลีนไม่คาดคิดว่าเจย์จะมาถึงเร็วขนาดนี้ ร่างบอบบางและใบหน้างดงามของเธอปรากฎร่องรอยของความรู้สึกผิด“เจย์บี้เหรอคะ?” เธอร้องเรียกเสียงสั่นตอนนี้เจย์โมโหเดือดดาลมาก โทสะแผ่ออกมารอบกายเขาแต่เขาก็ไม่สามารถโกรธแองเจลีนได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะเก็บความโกรธเอาไว้ก่อนเมื่อเขาสามารถระงับความเดือดได้แล้ว เจย์ก็เดินเข้าไปหาแองเจลีนช้า ๆ ก่อนย่อตัวลงนั่งและกอดเธอ“ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าเธอจะมาโรงพยาบาล? เธอไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน?” เสียงเขาฟังดูเหมือนเด็กที่โดนบังคับให้กินผักขม ๆแองเจลีนลูบศีรษะเขาและตอบด้วยความรู้สึกผิดว่า “เจย์บี้ ก็เพราะฉันกลัวว่าคุณจะเป็นห่วง ฉันก็เลยขอให้เกรย์สันกับเซย์นมาอยู่คุยเป็นเพื่อนคุณ เผื่อว่าพวกเขาจะช่วยลดความกังวลและภาระของคุณได้”เจย์ตอบ “ระหว่างฉันกับพวกนั้นจะมีอะไรให้คุยกันล่ะ?”โจเซฟินรู้สึกถึงลางไม่ดี เธอยืนขึ้นเงียบ ๆเจย์นั้นดีกับแองเจลีน แต่เขามองเธออย่างโกรธขึ้งและดุร้าย เขาชี้มือไปที่พื้นเป็นสัญญาณให้เธอคุกเข่าลงตอนนั้นโจเซฟินก็สะอื้นออกมาแต่ไร้น้ำตาแองเจลีนเป็นคนฉลาดเธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอเลยพูดว่า “
ทางด้านของโจเซฟินนั้นมีแต่ความหนาวเหน็บเย็นชาเท่านั้นส่วนทางด้านของแองเจลีนนั้นทุกอย่างราบรื่นเป็นไปด้วยดีสายตาของเจย์ทำให้เซย์นโมโหเมื่อเขามองโจเซฟินที่เอนกายพิงเขาอยู่อย่างไร้เรี่ยวแรง เขาบอกเธอว่า “ไม่ต้องกลัวไปหรอก ถ้าพี่ชายของเธออยากจะมาสะสางกับเธอ เธอก็โบ้ยไปให้แองเจลีนนู่นสิ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะโกรธแองเจลีนได้ ใช่ไหมล่ะ?”โจเซฟินมองเจย์ที่คลั่งรักหวานใส่แองเจลีน ดวงตาของเจย์ทั้งนุ่มนวลอ่อนโยนจนเธอไม่รู้เลยว่าแววตาคมกล้าทิ่มแทงที่เขามีนั้นมันจางหายไปไร้ร่องรอยได้อย่างไรกันโจเซฟินตระหนักขึ้นมาว่า สิ่งที่เซย์นพูดนั้นมีเหตุผลที่มีแองเจลีนคอยหนุนหลัง โจเซฟินรวบรวมความมั่นใจและยืดหลังตรง“พี่แองเจลีน ขอโทษนะ ฉันต้องขายพี่เพื่อเอาตัวรอดจริง ๆ” โจเซฟินพูดเจนสันกลอกตาใส่เธอ “หน้าไม่อายจริง ๆ”โจเซฟิน “...”ตอนนั้นเองจู่ ๆ เจย์ก็ส่งเสียงเรียก “เจนส์”เจนสันขยับขา มือเขาซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงขณะที่เดินเข้าไปหาเจย์ด้วยท่าทีเกียจคร้านแต่ดูสง่างาม“ครับคุณพ่อ”“ช่วยดูคุณแม่ก่อน คุณพ่อจะไปเยี่ยมอาเทมเพสแล้วเดี๋ยวจะกลับมา”เจนสันพยักหน้า “ครับ”เมื่อเจย์จากไป ความกดดันในห้อง
พวกเธอจะคุยกันได้ยังไงถ้านั่งห่างกันขนาดนี้?ด้านบนที่ห้องพักของเทมเพสเมื่อเจย์เปิดประตูเข้าไป เขาก็ได้เห็นสายระโยงระยางนับไม่ถ้วนจากร่างของเทมเพสที่มีสัญญาณชีพแผ่วเบา หัวใจของเจย์เจ็บปวดเมื่อได้เห็นเช่นนั้นเขาเดินเข้าไปใกล้และนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง เขาลูบแขนเทมเพสซึ่งเต็มไปด้วยเข็มเบา ๆความเจ็บปวดท่วมท้นในใจของเจย์และสะท้อนออกมาในดวงตา “เทมเพส ขอบคุณนะที่ใช้ร่างกายของตัวเองปกป้องฉัน ขอบคุณมาก ๆ”เมื่อหมอเดินเข้าห้องมา เขาก็อธิบายอาการของเทมเพสให้เจย์ฟัง “สัญญาณชีพของเขาคงที่แล้ว แต่ว่าผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงยังไม่ฟื้น”สีหน้าของเจย์เคร่งเครียด เขาบีบมือเทมเพสอย่างแรงเพราะว่าเขาคุมอารมณ์ไม่ได้เล็กน้อยนิ้วของเทมเพสกระดิกเล็กน้อยในอุ้งมือของเจย์เจย์รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยนั้น เขาถามอย่างตื่นเต้นว่า “เทมเพส นายได้ยินฉันไหม?”ขนตาของเทมเพสกระตุกจากนั้นเจย์ก็สั่งเขา “เทมเพส ฉันขอสั่งให้นายตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้”หมอรู้สึกตะลึง “ท่านประธาน เทมเพสมีสติขึ้นมาบ้างแล้วนี่เป็นข่าวดีมาก ผมคิดว่าอีกไม่นานเขาน่าจะฟื้น”เจย์พยักหน้าเมื่อเจย์กลับมาหาแองเจลีนเขาก็สังเ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ