พวกเธอจะคุยกันได้ยังไงถ้านั่งห่างกันขนาดนี้?ด้านบนที่ห้องพักของเทมเพสเมื่อเจย์เปิดประตูเข้าไป เขาก็ได้เห็นสายระโยงระยางนับไม่ถ้วนจากร่างของเทมเพสที่มีสัญญาณชีพแผ่วเบา หัวใจของเจย์เจ็บปวดเมื่อได้เห็นเช่นนั้นเขาเดินเข้าไปใกล้และนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง เขาลูบแขนเทมเพสซึ่งเต็มไปด้วยเข็มเบา ๆความเจ็บปวดท่วมท้นในใจของเจย์และสะท้อนออกมาในดวงตา “เทมเพส ขอบคุณนะที่ใช้ร่างกายของตัวเองปกป้องฉัน ขอบคุณมาก ๆ”เมื่อหมอเดินเข้าห้องมา เขาก็อธิบายอาการของเทมเพสให้เจย์ฟัง “สัญญาณชีพของเขาคงที่แล้ว แต่ว่าผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงยังไม่ฟื้น”สีหน้าของเจย์เคร่งเครียด เขาบีบมือเทมเพสอย่างแรงเพราะว่าเขาคุมอารมณ์ไม่ได้เล็กน้อยนิ้วของเทมเพสกระดิกเล็กน้อยในอุ้งมือของเจย์เจย์รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยนั้น เขาถามอย่างตื่นเต้นว่า “เทมเพส นายได้ยินฉันไหม?”ขนตาของเทมเพสกระตุกจากนั้นเจย์ก็สั่งเขา “เทมเพส ฉันขอสั่งให้นายตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้”หมอรู้สึกตะลึง “ท่านประธาน เทมเพสมีสติขึ้นมาบ้างแล้วนี่เป็นข่าวดีมาก ผมคิดว่าอีกไม่นานเขาน่าจะฟื้น”เจย์พยักหน้าเมื่อเจย์กลับมาหาแองเจลีนเขาก็สังเ
แองเจลีนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอถามอย่างสงสัย “มีอะไรคะ เจย์บี้?”เจย์ตอบเธอด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก “ไม่มีอะไรหรอก แค่มีหมาจรจัดสองตัวมาขวางทางเราน่ะ”หญิงชราก้มตัวไปข้างหน้าราวกับว่าหล่อนกำลังกวาดใบไม้บนพื้นอยู่ หล่อนตัวสั่นเทาและสะท้านเมื่อดวงตาของหล่อนเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอตอนนั้นเองเจนสันก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “คุณพ่อครับ พาคุณแม่ไปจากตรงนี้เถอะ ผมจัดการเอง”“อืม”เจย์เดินจากไปพร้อมแองเจลีนในอ้อมแขนเซร่าหลบหน้าหลบตาด้วยความรู้สึกผิดและอับอายที่ท่วมท้น จนตอนนี้เธอถึงจะกล้าเงยหน้าขึ้นมองเจย์จากไปพร้อมแองเจลีนเมื่อเธอเห็นเจย์โอบอุ้มแองเจลีนไว้อย่างแนบชิด เซร่าก็หวนคิดถึงวันแรกที่เธอได้พบเจย์ขึ้นมาทันทีวันนั้นเจย์มาเยี่ยมแองเจลีนที่เมืองนางแอ่นเธอเห็นเขาครั้งแรกในสวน เขายังเด็ก ดูมุ่งมั่น และมีกลิ่นอายเย็นชาปกคลุมทั่วร่าง เธอหลงเสน่ห์ความสูงส่งและงดงามของเขาตอนนั้นแอนก็กระซิบบอกเธอว่า “นั่นคือหลานชายคนโตของตระกูลอาเรส ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองอิมพีเรียล เมื่อแองเจลีนคว้าเขามาได้ เธอก็ต้องอยู่อันดับหนึ่งของโลกในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย”เซร่ากำหมัดแน่นอย
น้ำตาเซร่าไหลพรากเธอนั้นผิดมาตั้งแต่แรกนับแต่วินาทีที่เจย์เลือกแองเจลีน เขาก็กล่อมเกลาเธอให้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาแองเจลีนอ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอเป็นอิสระแต่ก็ไม่ดื้อรั้นหัวแข็งเธอเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเจย์เมื่อเจย์แข็งแรงและแกร่งกล้า เธอก็สามารถอ่อนลงให้เขาและสนใจแค่เรื่องแต่งเนื้อแต่งตัวเมื่อเจย์ตกต่ำถึงขีดสุด เธอก็สามารถปกป้องเกียรติของเขาเอาไว้ได้แม้ว่าเธอจะป่วยอยู่ก็ตามหรือจะบอกอีกอย่างได้ว่าความปรารถนาที่จะเข้าไปอยู่ในใจเขาเป็นความผิดมหันต์ที่เซร่าก่อเจนสันมองคุณนายอาเรสราวกับว่าเขากำลังมองหมาจรจัดอยู่คุณนายอาเรสทิ้งศักดิ์ศรีไปและขอร้องเขาว่า “เจนส์ ย่าขอร้องหลานให้ช่วยน้าเซร่าหน่อยเถอะนะ พาเธอไปเข้ารักษาในโรงพยาบาลแกรนด์ เอเซีย เธอยังอายุน้อยอยู่ไม่ควรต้องขาพิการ ได้ไหม?”น้ำเสียงของเจนสันเย็นชาและเชือดเฉือนขณะที่เอ่ยถาม “คุณห่วงขาของเธอมาก แต่ทำไมคุณถึงไม่ห่วงสุขภาพคุณแม่ผมเลยสักนิดล่ะ?”คุณนายอาเรสท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกผิดหล่อนพึมพำ “ย่าผิดไปแล้ว”คุณนายอาเรสคิดว่าพวกเด็ก ๆ น่าจะยังใจอ่อน หล่อนเลยขอร้องเขาต่อ “เจนส์ ในฐานะย่าของหลาน ช่วยย่าคร
เจย์หยิบของหวานออกมาและได้ยินสิ่งที่เจนสันพูด เขาจึงกล่าวชม “ดีมาก”แองเจลีนอดถอนใจไม่ได้เจนสันและเจย์ต่างก็มองหน้ากัน หมาป่าเจ้าเล่ห์ทั้งตัวน้อยตัวใหญ่ต่างก็ไม่คาดคิดว่าแองเจลีนนจะฉลาดขนาดนี้ เธอสามารถเดาได้ว่าพวกเขาหมายความว่าอะไรเจนสันพยักหน้า “ครับ”เจย์เอาของหวานใส่มือแองเจลีน ประคบประหงมเธอราวกับว่าเธอเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในโลก “ที่รัก นี่ไงพิซซ่าผลไม้ที่เธออยากทาน ทำไมไม่ลองทานดูล่ะ? ฉันใส่กลีบกุหลาบ ส้ม แล้วก็มะระด้วย ไหน ๆ เธอก็ฉลาดขนาดนี้ ฉันว่าเธอคงจะเดาได้ว่าแนวคิดที่ฉันเอามาทำพิซซ่านี้ได้ เธอบอกได้ไหมว่าคืออะไร?”แองเจลีนดันจานออกไปพ้นต้วและบอกว่า “เจย์บี้ วันนี้คุณพูดเก่งจังนะ!”เจย์หลบไปยืนด้านข้างอย่างหม่นเศร้าขณะที่ยกนิ้วโป้งให้ลูกชายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ว่าเขามอบหน้าที่หลอกล่อแองเจลีนให้เป็นของเจนสันแล้วเจนสันเดินเข้าไปหาแม่และจับมือเธอขึ้นมาอย่างเชื่อฟังราวกับลูกเสือเชื่อง ๆ“คุณแม่ครับ”“พวกเขาว่ายังไงบ้าง?” แองเจลีนถามเจนสันเหลือบมองเจย์อย่างกังวลและบอกว่า “ขาของเซร่าหัก ผมเดาว่าพวกเขาคงไม่ได้รักษาอย่างทันท่วงที พวกเขาก็เลยอยากเสี่ยงดวงมาที่โรงพยาบาลแกรน
แองเจลีนยิ้มตอบ “ฉันรู้ว่าพวกคุณโหดกับพวกเขาแบบนั้นเพราะว่ารักฉัน แล้วทำไมฉันต้องห้ามคุณรักฉันด้วยล่ะคะ?”เจย์ทรุดนั่งฮวบกับโซฟา “ฉันกลัวว่าฉันอาจจะทำให้เธอไม่มีความสุขไงล่ะ”เซย์นและโจเซฟินยืนอยู่หน้าประตูและมองเห็นทุกอย่าง พวกเขาหลุดหัวเราะก๊ากออกมาก่อนบอกว่า “องค์รัชทายาทผู้โด่งดังนี่หมอบราบคาบแก้วให้เมียจริง ๆ”เจย์ถามพวกเขาอย่างเชิด ๆ “แล้วยอมลงให้เมียมันน่าอายตรงไหนล่ะ?”เขาย้อนจนเซย์นต้องหุบปากเงียบแองเจลีนหยิบพิซซ่าผลไม้ขึ้นมาแล้วเริ่มทาน รสชาติขมเล็กน้อยโดนความหวานของส้มกลบไว้แองเจลีนยกมือขึ้น “เจย์บี้ ความหมายของพิซซ่าก็คือความหวานจะตามมาหลังจากที่ความขมขื่นจบลงใช่ไหม?”เจย์จับหัวเธอและจูบหน้าผากเธออย่างอ่อนหวาน “เธอเข้าใจแล้วสินะ”แองเจลีนยังคงเอ่ยชมต่อ “อร่อยมากเลยค่ะ”เซย์นและโจเซฟินเดินเข้ามาหาเซย์นหยิบพิซซ่าขึ้นมาชิม เขาขมวดคิ้วก่อนวิจารณ์ “ผมคิดว่าจะเป็นรสชาติอร่อยล้ำจนลืมไม่ลงซะอีก นี่ก็แค่มะระกับส้มเองไม่ใช่เหรอ? ก็รสชาติธรรมดานนั่นแหละ”เจย์ดึงพิซซ่าออกจากมือเขาและโยนลงถังขยะเซย์นเบิกตากว้าง “ผมก็แค่ทน ๆ กินไปจะได้คลายหิวได้หน่อย ทำไมต้องโยนทิ้งด้วยเน
”แล้วคุณอยากได้งานแต่งงานแบบไหนล่ะคะ?” แองเจลีนถาม เธอใจไม่แข็งพอที่จะทำให้เขาผิดหวังเจย์จูบหลังมือของเธอ “ฉันอยากให้เธอมีงานแต่งที่ต้องจดจำไปตลอดชีวิต เราจะให้ลูก ๆ ของเราเป็นเด็กหญิงถือดอกไม้และเด็กชายถือแหวน ฉันอยากให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอ แองเจลีน เซเวียร์เป็นเพชรล้ำค่าในชีวิตฉัน ไม่มีใครจะมารังแกที่รักของฉันได้”แองเจลีนยิ้มอ่อนโยน แต่รอยยิ้มของเธอก็แฝงรอยขมขื่นและอมทุกข์เจย์เข้าใจได้ในทันที เมื่อเขาพูดถึงลูก ๆ แองเจลีนก็คิดถึงร็อบบี้น้อย“แองเจลีน อย่าเสียใจเลย ฉันจะต้องหาทางพาร็อบบี้น้อยกลับมาให้ได้” เจย์พูดแองเจลีนสะอื้น “หลายปีมานี้ ฉันหาทุกร่องรอยไปทั่วโลก หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกประเทศต่างก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดี พวกเขาใช้ระบบค้นหาใบหน้าและตรวจหา DNA แต่ก็ไม่มีร่องรอยของร็อบบี้น้อยเลย เจย์บี้ ฉันกลัวมาก…”เมื่อแองเจลีนพูดเช่นนี้ เธอก็ยกมือขึ้นปิดหน้าและเริ่มร้องไห้เจย์กอดเธอแน่น “เด็กโง่ เธอมองหาผิดที่แล้ว”แองเจลีนเงยหน้าขึ้นมา “เจย์บี้… ฉันรับได้ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องร่างกายของฉันหรอก ช่วยบอกทุกอย่างที่คุณรู้กับฉันโอเคไหม?”เจย์ยื่นมือออกมาหา มือสากกร้าน
แองเจลีนอดใจรอแทบไม่ไหวและอยากรู้ข่าวเกี่ยวกับร็อบบี้น้อย เธอบอก “ทำไมคุณไม่ไปประเทศเอสเลยล่ะคะเจย์บี้? แล้วค่อยกลับมาหลังจากที่พี่เชอร์ลีย์ออกจากโรงพยาบาล ฉันคิดว่าหลังจากที่เธอหายดี โจซี่กับเซย์นถึงจะบอกข่าวดีเรื่องพวกเขา”เจย์ตอบ “ทุกอย่างแล้วแต่เธอ”แองเจลีนตอบ “ถ้างั้นก็ไปเตรียมกระเป๋าเดินทางคุณเลยสิคะ”เจย์คำรามใส่เธอ “นี่อยากจะให้ฉันไปให้พ้น ๆ ขนาดนี้เลยเหรอ?”แองเจลีนยิ้ม “ฉันจะให้รางวัลตอนที่คุณกลับมานะคะ”“รางวัลแบบไหนล่ะ?” เจย์ถามอย่างคาดหวังแองเจลีนตอบ “ฉันจะมอบตัวฉันเป็นรางวัลให้คุณดีไหม?”เจย์วางมือใหญ่ ๆ ของเขาบนเอวของเธอ “นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของเธอไม่ใช่เหรอ? หลังจากที่ฉันไปเธอก็ต้องคิดแต่เรื่องดี ๆ เข้าไว้ กินและดื่มให้ดีทุกวัน แล้วก็ต้องนอนให้มาก ๆ ตกลงไหม?”“ฉันรู้ค่ะ ฉันรู้”เจย์กังวลเรื่องที่โจเซฟินจะเป็นคนดูแลแองเจลีน คืนนั้นเขาก็โทรไปหาโจเซฟินเพื่อซักซ้อมเตรียมไว้ล่วงหน้าเจย์เขียนและแยกแยะแจกแจงเกี่ยวกับนิสัยการเป็นอยู่ของแองเจลีนและส่งไปให้โจซฟิน จากนั้นเขาก็สั่งว่า “คืนนี้เธอจำพวกนี้ไว้ด้วย พรุ่งนี้มาท่องให้ฉันฟังพรุ่งนี้เช้าก่อนที่ฉันจะ
วันต่อมาเจย์ก็ปลุกโจเซฟินขึ้นมาแต่เช้าก่อนสั่งนั่นนี่เธออีกมากมายจนหูชาก่อนที่จะจากไปอย่างไม่เต็มใจโจเซฟินล้มตัวลงนอนบนโซฟาและหลับต่อในชั่วพริบตาเมื่อโจเซฟินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกหน เธอก็ตกใจกลัวจนแทบเสียสติเมื่อเห็นว่านาฬิกาบอกว่าเวลาเก้าโมงเช้าแล้วแม่ครัวที่เจย์จ้างมานั้นยืนกดกริ่งหน้าประตูมากว่าสองชั่วโมงแล้ว แต่โจเซฟินไม่รู้ตัว เธอรีบพุ่งตัวไปเปิดประตูวิลล่าอย่างร้อนรนและให้แม่ครัวเข้ามา แม่ครัวรู้ว่าเวลาให้เตรียมอาหารเช้าของเธอเหลือไม่มาก ดังนั้นจึงรีบร้อนเข้าไปในครัวเช่นกันโจเซฟินพุ่งขึ้นไปในห้องนอนของแองเจลีนชั้นบนและผลักประตูเปิดออก เธอเห็นแองเจลีนลืมตานอนมองเพดานอยู่โจเซฟินรีบเข้าไปหาและคุกเข่าลงข้างเตียงแองเจลีน เธอรู้สึกโทษตัวเองอย่างมาก “ฉันขอโทษจริง ๆ พี่แองเจลีน ฉันนอนหลับเพลินไปหน่อย”แองเจลีนยิ้มและบอกว่า “ฉันก็เดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ”“พี่แองเจลีน ทำไมไม่เรียกหาฉันล่ะ? ถ้าพี่ชายรู้ว่าเก้าโมงแล้วพี่ยังนอนอยู่บนเตียงแล้วไม่ได้ทานอาหารตามเวลา เขาต้องฆ่าฉันแน่ ๆ ฮือออ”แองเจลีนลูบหัวเธอเบา ๆ ราวกับว่าเธอเป็นสัตว์เลี้ยง “เด็กโง่ ก็อย่าให้เขารู้สิ”โจเซฟิ