เจย์หยิบของหวานออกมาและได้ยินสิ่งที่เจนสันพูด เขาจึงกล่าวชม “ดีมาก”แองเจลีนอดถอนใจไม่ได้เจนสันและเจย์ต่างก็มองหน้ากัน หมาป่าเจ้าเล่ห์ทั้งตัวน้อยตัวใหญ่ต่างก็ไม่คาดคิดว่าแองเจลีนนจะฉลาดขนาดนี้ เธอสามารถเดาได้ว่าพวกเขาหมายความว่าอะไรเจนสันพยักหน้า “ครับ”เจย์เอาของหวานใส่มือแองเจลีน ประคบประหงมเธอราวกับว่าเธอเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในโลก “ที่รัก นี่ไงพิซซ่าผลไม้ที่เธออยากทาน ทำไมไม่ลองทานดูล่ะ? ฉันใส่กลีบกุหลาบ ส้ม แล้วก็มะระด้วย ไหน ๆ เธอก็ฉลาดขนาดนี้ ฉันว่าเธอคงจะเดาได้ว่าแนวคิดที่ฉันเอามาทำพิซซ่านี้ได้ เธอบอกได้ไหมว่าคืออะไร?”แองเจลีนดันจานออกไปพ้นต้วและบอกว่า “เจย์บี้ วันนี้คุณพูดเก่งจังนะ!”เจย์หลบไปยืนด้านข้างอย่างหม่นเศร้าขณะที่ยกนิ้วโป้งให้ลูกชายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ว่าเขามอบหน้าที่หลอกล่อแองเจลีนให้เป็นของเจนสันแล้วเจนสันเดินเข้าไปหาแม่และจับมือเธอขึ้นมาอย่างเชื่อฟังราวกับลูกเสือเชื่อง ๆ“คุณแม่ครับ”“พวกเขาว่ายังไงบ้าง?” แองเจลีนถามเจนสันเหลือบมองเจย์อย่างกังวลและบอกว่า “ขาของเซร่าหัก ผมเดาว่าพวกเขาคงไม่ได้รักษาอย่างทันท่วงที พวกเขาก็เลยอยากเสี่ยงดวงมาที่โรงพยาบาลแกรน
แองเจลีนยิ้มตอบ “ฉันรู้ว่าพวกคุณโหดกับพวกเขาแบบนั้นเพราะว่ารักฉัน แล้วทำไมฉันต้องห้ามคุณรักฉันด้วยล่ะคะ?”เจย์ทรุดนั่งฮวบกับโซฟา “ฉันกลัวว่าฉันอาจจะทำให้เธอไม่มีความสุขไงล่ะ”เซย์นและโจเซฟินยืนอยู่หน้าประตูและมองเห็นทุกอย่าง พวกเขาหลุดหัวเราะก๊ากออกมาก่อนบอกว่า “องค์รัชทายาทผู้โด่งดังนี่หมอบราบคาบแก้วให้เมียจริง ๆ”เจย์ถามพวกเขาอย่างเชิด ๆ “แล้วยอมลงให้เมียมันน่าอายตรงไหนล่ะ?”เขาย้อนจนเซย์นต้องหุบปากเงียบแองเจลีนหยิบพิซซ่าผลไม้ขึ้นมาแล้วเริ่มทาน รสชาติขมเล็กน้อยโดนความหวานของส้มกลบไว้แองเจลีนยกมือขึ้น “เจย์บี้ ความหมายของพิซซ่าก็คือความหวานจะตามมาหลังจากที่ความขมขื่นจบลงใช่ไหม?”เจย์จับหัวเธอและจูบหน้าผากเธออย่างอ่อนหวาน “เธอเข้าใจแล้วสินะ”แองเจลีนยังคงเอ่ยชมต่อ “อร่อยมากเลยค่ะ”เซย์นและโจเซฟินเดินเข้ามาหาเซย์นหยิบพิซซ่าขึ้นมาชิม เขาขมวดคิ้วก่อนวิจารณ์ “ผมคิดว่าจะเป็นรสชาติอร่อยล้ำจนลืมไม่ลงซะอีก นี่ก็แค่มะระกับส้มเองไม่ใช่เหรอ? ก็รสชาติธรรมดานนั่นแหละ”เจย์ดึงพิซซ่าออกจากมือเขาและโยนลงถังขยะเซย์นเบิกตากว้าง “ผมก็แค่ทน ๆ กินไปจะได้คลายหิวได้หน่อย ทำไมต้องโยนทิ้งด้วยเน
”แล้วคุณอยากได้งานแต่งงานแบบไหนล่ะคะ?” แองเจลีนถาม เธอใจไม่แข็งพอที่จะทำให้เขาผิดหวังเจย์จูบหลังมือของเธอ “ฉันอยากให้เธอมีงานแต่งที่ต้องจดจำไปตลอดชีวิต เราจะให้ลูก ๆ ของเราเป็นเด็กหญิงถือดอกไม้และเด็กชายถือแหวน ฉันอยากให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอ แองเจลีน เซเวียร์เป็นเพชรล้ำค่าในชีวิตฉัน ไม่มีใครจะมารังแกที่รักของฉันได้”แองเจลีนยิ้มอ่อนโยน แต่รอยยิ้มของเธอก็แฝงรอยขมขื่นและอมทุกข์เจย์เข้าใจได้ในทันที เมื่อเขาพูดถึงลูก ๆ แองเจลีนก็คิดถึงร็อบบี้น้อย“แองเจลีน อย่าเสียใจเลย ฉันจะต้องหาทางพาร็อบบี้น้อยกลับมาให้ได้” เจย์พูดแองเจลีนสะอื้น “หลายปีมานี้ ฉันหาทุกร่องรอยไปทั่วโลก หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกประเทศต่างก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดี พวกเขาใช้ระบบค้นหาใบหน้าและตรวจหา DNA แต่ก็ไม่มีร่องรอยของร็อบบี้น้อยเลย เจย์บี้ ฉันกลัวมาก…”เมื่อแองเจลีนพูดเช่นนี้ เธอก็ยกมือขึ้นปิดหน้าและเริ่มร้องไห้เจย์กอดเธอแน่น “เด็กโง่ เธอมองหาผิดที่แล้ว”แองเจลีนเงยหน้าขึ้นมา “เจย์บี้… ฉันรับได้ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องร่างกายของฉันหรอก ช่วยบอกทุกอย่างที่คุณรู้กับฉันโอเคไหม?”เจย์ยื่นมือออกมาหา มือสากกร้าน
แองเจลีนอดใจรอแทบไม่ไหวและอยากรู้ข่าวเกี่ยวกับร็อบบี้น้อย เธอบอก “ทำไมคุณไม่ไปประเทศเอสเลยล่ะคะเจย์บี้? แล้วค่อยกลับมาหลังจากที่พี่เชอร์ลีย์ออกจากโรงพยาบาล ฉันคิดว่าหลังจากที่เธอหายดี โจซี่กับเซย์นถึงจะบอกข่าวดีเรื่องพวกเขา”เจย์ตอบ “ทุกอย่างแล้วแต่เธอ”แองเจลีนตอบ “ถ้างั้นก็ไปเตรียมกระเป๋าเดินทางคุณเลยสิคะ”เจย์คำรามใส่เธอ “นี่อยากจะให้ฉันไปให้พ้น ๆ ขนาดนี้เลยเหรอ?”แองเจลีนยิ้ม “ฉันจะให้รางวัลตอนที่คุณกลับมานะคะ”“รางวัลแบบไหนล่ะ?” เจย์ถามอย่างคาดหวังแองเจลีนตอบ “ฉันจะมอบตัวฉันเป็นรางวัลให้คุณดีไหม?”เจย์วางมือใหญ่ ๆ ของเขาบนเอวของเธอ “นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของเธอไม่ใช่เหรอ? หลังจากที่ฉันไปเธอก็ต้องคิดแต่เรื่องดี ๆ เข้าไว้ กินและดื่มให้ดีทุกวัน แล้วก็ต้องนอนให้มาก ๆ ตกลงไหม?”“ฉันรู้ค่ะ ฉันรู้”เจย์กังวลเรื่องที่โจเซฟินจะเป็นคนดูแลแองเจลีน คืนนั้นเขาก็โทรไปหาโจเซฟินเพื่อซักซ้อมเตรียมไว้ล่วงหน้าเจย์เขียนและแยกแยะแจกแจงเกี่ยวกับนิสัยการเป็นอยู่ของแองเจลีนและส่งไปให้โจซฟิน จากนั้นเขาก็สั่งว่า “คืนนี้เธอจำพวกนี้ไว้ด้วย พรุ่งนี้มาท่องให้ฉันฟังพรุ่งนี้เช้าก่อนที่ฉันจะ
วันต่อมาเจย์ก็ปลุกโจเซฟินขึ้นมาแต่เช้าก่อนสั่งนั่นนี่เธออีกมากมายจนหูชาก่อนที่จะจากไปอย่างไม่เต็มใจโจเซฟินล้มตัวลงนอนบนโซฟาและหลับต่อในชั่วพริบตาเมื่อโจเซฟินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกหน เธอก็ตกใจกลัวจนแทบเสียสติเมื่อเห็นว่านาฬิกาบอกว่าเวลาเก้าโมงเช้าแล้วแม่ครัวที่เจย์จ้างมานั้นยืนกดกริ่งหน้าประตูมากว่าสองชั่วโมงแล้ว แต่โจเซฟินไม่รู้ตัว เธอรีบพุ่งตัวไปเปิดประตูวิลล่าอย่างร้อนรนและให้แม่ครัวเข้ามา แม่ครัวรู้ว่าเวลาให้เตรียมอาหารเช้าของเธอเหลือไม่มาก ดังนั้นจึงรีบร้อนเข้าไปในครัวเช่นกันโจเซฟินพุ่งขึ้นไปในห้องนอนของแองเจลีนชั้นบนและผลักประตูเปิดออก เธอเห็นแองเจลีนลืมตานอนมองเพดานอยู่โจเซฟินรีบเข้าไปหาและคุกเข่าลงข้างเตียงแองเจลีน เธอรู้สึกโทษตัวเองอย่างมาก “ฉันขอโทษจริง ๆ พี่แองเจลีน ฉันนอนหลับเพลินไปหน่อย”แองเจลีนยิ้มและบอกว่า “ฉันก็เดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ”“พี่แองเจลีน ทำไมไม่เรียกหาฉันล่ะ? ถ้าพี่ชายรู้ว่าเก้าโมงแล้วพี่ยังนอนอยู่บนเตียงแล้วไม่ได้ทานอาหารตามเวลา เขาต้องฆ่าฉันแน่ ๆ ฮือออ”แองเจลีนลูบหัวเธอเบา ๆ ราวกับว่าเธอเป็นสัตว์เลี้ยง “เด็กโง่ ก็อย่าให้เขารู้สิ”โจเซฟิ
ราวกับว่าโจเซฟินได้รับการอภัยแล้ว เธอเกือบจะกระโดดด้วยความดีใจก่อนที่จะวางสายเจย์พูดอีกเรื่องด้วยน้ำเสียงดุดัน “เวลาที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แองเจลีนต่อไป ห้ามจับตัวเธออีก”โจเซฟินแหย่เขา “พี่มันขี้หวง… แถมยังขี้หวาดระแวงอีก”เมื่อวางสายไป โจเซฟินก็บ่นกับแองเจลีน “พี่แองเจลีน ช่วงสองสามวันนี้เราจะอยู่กันยังไงเนี่ย? ในห้องนี้มีกล้องวงจรปิดแล้วก็เหมือนพี่ชายคอยจับจ้องฉันอยู่ตลอดเวลาด้วย เขารู้ทุกการเคลื่อนไหวของฉัน นี่มันชีวิตแสนเศร้าชัด ๆ”แองเจลีนปลอบ “เวลาเขาบ่นเธอก็แกล้งทำเป็นฟังไปแล้วกัน อีกอย่าง กว่าเขาจะกลับมาก็คงเป็นสิบวัน ตอนที่เขากลับมาเธอก็แอบกลับไปได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน”โจเซฟินมองแองเจลีนและบ่นอย่างขมขื่น “พี่ก็เป็นคนเดียวที่กล้าไม่เชื่อฟังเขา พี่ชายเขาไม่กล้าลงโทษพี่หรอก”แองเจลีนยิ้มและบอกว่า “ก็คงต้องขอบคุณอาการป่วยของฉัน”เจย์ทำลายความสุขสงบที่โจเซฟินและแองเจลีนมีด้วยกันก่อนหน้าไปอย่างราบคาบในประเทศเอส เจย์พาเจนสัน เซย์น และสมาชิกทีมภูตผีมายังสถานที่ซึ่งเรื่องเกิดขึ้นกับร็อบบี้น้อยเซย์นพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นอีกครั้ง… พอมายืนอยู่ในที่ซึ่งร็อบบี้น้อยหายตั
ไม่นานนักเจนสันก็กลับมาเขาถือแฟรชไดรฟ์แบบไมโคร USB อยู่ในมือและเอ่ยทักเจย์ก่อนหันไปยุ่งง่วนกับคอมพิวเตอร์เซย์นรีบเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เจนสันทันที “เจออะไรบ้างไหมเจนส์?”เจนสันไม่สนใจเขาเซย์นมองเจนสันที่เมินเขา “เจ้าหนู จะอ่อนโยนกับลุงของตัวเองหน่อยไม่ได้เลยเหรอ? ฉันเห็นเวลานายอยู่กับพ่อแม่นี่ก็พูดเจื้อยแจ้วเลยนะ”เจนสันยังคงเงียบเซย์นตื้อไม่เลิกและพูดต่อ “เราเป็นญาติกันนะ อย่าทำกับฉันเหมือนเป็นคนอื่นสิ?”เจนสันตอบอย่างเย็นชา “นั่นไม่ใช่เหตุผล”เซย์นงง “งั้นเหตุผลคืออะไร?”“ไอคิวของลุง!”เซย์นรู้สึกเหมือนตัวเองโดนอัดจนเจียนตายเขาต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะตั้งสติได้ “นายหมายความว่าเวลาที่อยู่กับครอบครัวแล้วนายคุยเยอะก็เพราะว่าพวกเขาไอคิวสูง นายก็เลยไม่มีอะไรจะคุยกับฉันก็เพราะฉันไอคิวต่ำงั้นเหรอ?”เจนสันพยักหน้าเซย์นรู้สึกงง “นายไม่คิดว่าควรทำตรงข้ามกันเหรอ? คนที่มีไอคิวสูง ๆ ไม่ได้อยากให้เธอไปคุยด้วยเท่าไรหรอกใช่ไหม? มีแต่คนไอคิวต่ำที่ต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน”เมื่อได้ยินเซย์นจัดตัวเองว่าเป็นพวกไอคิวต่ำ ริมฝีปากบาง ๆ ของเจย์ก็หยักโค้งเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เซย์นรู้ตัวว่าโดนห
เซย์นอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง “เธอรู้ได้ยังไง?”“เพราะว่าผมเป็นแฮกเกอร์ไง” เจนสันตอบเซย์นรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ “นี่เธอต้องล่วงละเมิดระบบทางกฎหมายหลายส่วนเลยที่เข้าไปตรวจสอบข้อมูลตัวตนของพวกเขาได้เนี่ย เจนสัน เรื่องที่เธอทำอยู่มันละเมิด…”เจนสันมองเขาอย่างแข็งกร้าว “ลุงมีหลักฐานไหมครับ?”เมื่อเห็นท่าทางเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเจนสัน เซย์นก็รู้สึกผ่อนคลายลงได้เยอะ“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร” เซย์นพยักหน้าเจย์ขมวดคิ้วไตร่ตรอง เขานั้นเห็นแก่ตัวอย่างมากเรื่องการปกป้องข้อบกพร่องและก็ลังเลที่จะให้ลูกกับภรรยาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เขาก็มีความคิดร้ายกาจบางอย่างผุดขึ้นมา“เอาข้อมูลของทั้งหกคนนี้ให้หน่วยข่าวกรอง เราจะช่วยพวกเขาทำงานแล้วพวกเขาจะช่วยเราหาตัวคนพวกนี้ นี่น่าจะเป็นการดีกับทั้งสองฝ่าย”เจนสันยิ้มและบอกว่า “ความคิดดีมากครับ”เซย์นยืนอยู่ด้านข้างฟังการสนทนาของพ่อลูกแสนเจ้าเล่ห์ เขาก็รู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาเขายอมไปล่วงเกินเทพแห่งความตายเสียยังดีกว่ามามีเรื่องกับปีศาจในร่างมนุษย์พวกนี้ในส่วนทีมภูตผีนั้น พวกเขากลับมาตอนเย็นพวกเขากลับมาพร้อมกับชายสกปรก เสื้อผ้ารุงรังท่าทางไม่ต่างจากค